สถานการล่าสุด"เกาหลีเหนือ" สั่งกองทัพเตรียมพร้อมโจมตีฐานที่มั่นสหรัฐ

รวบรวมข่าวสารไว้อ้างอิง

Alex Jones Show: Thursday (4-4-13) Dane Wigington, Troy Smith an...

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/if9xr8RYdSo?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เผยแพร่เมื่อ 4 เม.ย. 2013

On the Thursday, April 4 edition of the Alex Jones Show, Mike Adams guest hosts and Alex rides shotgun. Mike covers the escalating tensions between North Korea and the United States as the supreme leader of North Korea, Kim Jong-un, threatens to nuke the U.S. Mike also runs down the latest on efforts by Obama and the Democrats in Congress to hamper the Second Amendment.

On today's show, Mike talks with Troy Smith and Rob Nash in-studio. Smith is the owner of Brite Ideas in Austin, Texas, and Nash is the founder of AustinAquaponics.com. Mike's guests will talk about aquaponics, a sustainable food production system that combines a traditional aquaculture with hydroponics. Dane Wigington will break down the latest on geoengineering, weather control, chemtrails and related topics.

Alex Jones' Infowars: There's a war on for your mind!
ALEX JONES Prison Planet TV

CONSPIRACY SCOPE

Alex Jones Show commercial free audio playlist:
http://www.youtube.com/playlist?list=...

Follow me on TWITTER to get all my uploads...
https://twitter.com/ConspiracyScope

Alex Jones Show Playlist:
http://www.youtube.com/playlist?list=...

Alex Jones Show Playlist Pt. 2
http://www.youtube.com/playlist?list=...

หมวดหมู่
ข่าวและการเมือง

 

นิคมฯ แกซองส่อวิกฤต! ฝั่งใต้ทยอยปิดโรงงาน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ว่า ทางการเกาหลีใต้เดินหน้าเรียกร้องให้ฝั่งเหนือยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชนฝั่งใต้เดินทางผ่านเข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมร่วมระหว่างทั้งสองประเทศ หลังสถานการณ์เริ่มเลวร้าย ผู้ประกอบการชาวเกาหลีใต้ทยอยประกาศระงับสายงานการผลิตของตนเองอย่างต่อเนื่อง

นายคิม ฮยอง-ซ็อก โฆษกกระทรวงรวมชาติของรัฐบาลโซล แถลงเรียกร้องให้เกาหลีเหนือพิจารณายกเลิกมาตรการห้ามพลเรือนเกาหลีใต้เดินทางข้ามด้านตรวจเพื่อเข้าไปทำงานภายในนิคมอุตสาหกรรมแกซองอีก โดยอนุญาตให้เดินทางกลับได้อย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์เริ่มวิกฤตหนัก หลังผู้ประกอบการโรงงานในแกซอง 13 จาก 123 แห่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชาวเกาหลีใต้ ประกาศระงับกระบวนการผลิตในโรงงานของตนอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบ ที่เกือบทั้งหมดต้องนำเข้ามาจากฝั่งใต้

นายอ๊ก ซอง-ซุก ตัวแทนของผู้ประกอบกิจการภายในแกซอง เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่วงเลยมาจนเกือบครบ 1 สัปดาห์เต็มแล้ว ทว่ากลับไม่มีแนวโน้มดีขึ้น กระบวนการผลิตจึงไม่อาจดำเนินต่อได้ ด้วยความที่ขาดทั้งแรงงาน วัตถุดิบและงบประมาณ ส่งผลให้ผู้บริหารโรงงานจำเป็นต้องเริ่มยกเลิกสายงานการผลิตในโรงงานของตนอย่างไม่มีกำหนด

นายอ๊ก กล่าวว่า นักธุรกิจและคนงานชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานอยู่ในแกซองต่างรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากเมื่อไม่สามารถเดินทางข้ามจุดตรวจเข้าไปยังฝั่งเหนือได้ ทั้งที่มองเห็นโรงงานของตนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร จึงอยากขอร้องให้รัฐบาลเปียงยางคำนึงถึงความรู้สึกของชาวนิคมแกซองบ้าง โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในฝั่งเหนือ ซึ่งจะต้องสูญเสียรายได้จำนวนมิใช่น้อยและอาจถึงขั้นตกงาน เนื่องจากนายจ้างของเขาไม่สามารถเดินทางข้ามฝั่งเพื่อเข้าไปจ่ายเงินเดือนให้ได้

นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เป็นต้นมา รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศให้ประชาชนของฝั่งใต้ที่ทำงานอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่แสดงความปรองดองแห่งสุดท้ายระหว่างทั้งสองประเทศ ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนและห้ามกลับเข้ามาอีก ซึ่งรายงานล่าสุดของกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ระบุว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริเวณจุดตรวจข้ามพรมแดนว่า มีประชาชนฝั่งใต้แสดงความจำนงขอเดินทางกลับ 40 คน เท่ากับว่าจะยังคงมีพลเรือนของเกาหลีใต้เหลืออยู่อีก 514 คน

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 8 เมษายน 2556 13:10 น.

 

source | เกาหลีเหนือเชิญทูตต่างชาติกลับประเทศ ติดตั้งขีปนาวุธกับฐานยิงจรวดแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ลูกใครหว่า





<iframe src="http://www.collegehumor.com/e/6740023" width="600" height="369" frameborder="0" webkitAllowFullScreen allowFullScreen></iframe><div style="padding:5px 0; text-align:center; width:600px;"><p><a href="http://www.collegehumor.com/videos/most-viewed/this-year">CollegeHumor's Favorite Funny Videos</a></p></div>

 

อัพเดทหน่อยครับ อยากรู้ว่าล่าสุดเป้นไง แล้วมีโอกาส กี่% ที่จะเกิดสงคราม

 

รัสเซียเตือนวิกฤตโสมแดงอาจร้ายแรงมหันตภัยเชอร์โนบิล

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวเตือนว่า หากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีบานปลายออกไปแล้ว วิกฤตนิวเคลียร์เชอร์โนบิลอันร้ายแรงในอดีตก็อาจกลายเป็นเพียงเรื่องเด็กๆ ไปเลย

สหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อวันเสาร์ (6) จากเดือนนี้เป็นเดือนหน้า เพื่อป้องกันการตีความผิดและหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์ขัดแย้งกับเกาหลีเหนือบานปลาย

ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย ยกย่องการตัดสินใจดังกล่าวของวอชิงตัน

ผู้นำแดนหมีขาวยังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี ขณะเยี่ยมชมมหกรรมการค้าในเมืองเบียร์เมื่อวันจันทร์ว่า รัสเซียในฐานะเพื่อนบ้านมีความกังวลต่อความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากหากสถานการณ์ลุกลามจะทำให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงกว่าวิกฤตนิวเคลียร์เชอร์โนบิลในอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1986 มากมายนัก

ด้วยเหตุนี้ปูตินจึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 8 เมษายน 2556 22:33 น.

 

กำลังรบนิวเคลียร์ของโลก

ปัจจุบันโลกมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 31,000 นัด ที่ยังคงบรรจุประจำการอยู่ใน 8 ประเทศ ไม่รวมเกาหลีเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อินเดีย ปากีสถาน และอิสราเอล โดยส่วนหนึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในคลังแสง และอีกส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายวางกำลังไว้ ณ ที่ตั้งหน่วยทหารที่เป็นหน่วยยิงประมาณ 13,000 นัด ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่ High Alert ประมาณ 4,600 นัด พร้อมใช้งานในไม่กี่นาทีตลอดเวลา หัวรบนิวเคลียร์เหล่านี้มีอำนาจการทำลายคิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT (Trinitrotoluene : C6H2(NO2)3CH3) ประมาณ 5,000 Megaton คือประมาณ 20,000 เท่าของระเบิดนิวเคลียร์ที่ใช้ที่ฮิโรชิมา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

หมายเหตุ:- อ้างอิงข้อมูลของ Natural Resources Defense Council ของสหรัฐฯ

สหราชอาณาจักร

กำลังรบนิวเคลียร์ของสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ มีแต่เพียงอาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำ Trident II D5 จำนวน 16 ลำ รวม 48 ฐานยิง และถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ 185 นัด ๆ ละ 100 Kiloton คิดเป็นน้ำหนักระเบิดรวม 18.5 Megaton

จีน

กำลังรบนิวเคลียร์ของจีน ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) รวมทั้งสิ้น 275 ฐานยิง และคาดว่าถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 225 นัด

จีน เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย อาจเว้นก็แต่ทวีปอเมริกาใต้ เท่านั้น ด้วยขีปนาวุธ CSS-4 ระยะยิงสูงสุด 13,000 กิโลเมตร และขีปนาวุธ DF-31 ระยะยิงสูงสุด 8,000 กิโลเมตร

ฝรั่งเศส

กำลังรบนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ประกอบด้วย อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 133 ฐานยิง และถือครองหัวรบนิวเคลียร์ทั้งสิ้น 449 นัด

สหรัฐฯ

กำลังรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ICBMs , อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 1,074 ฐานยิง ถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,170 นัด และรวมอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT มากกว่า 1,560 Megaton

สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลก มีระบบซัดส่ง เช่น ระบบอาวุธปล่อย ขีปนาวุธ อากาศยานทิ้งระเบิดระยะไกล หรือ ระบบทำการยิงจากใต้น้ำ ซึ่งสามารถนำพาหัวรบนิวเคลียร์ไปสู่เป้าหมายได้ทุกแห่งหนบนโลก ด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่า และไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่หัวรบนิวเคลียร์สหรัฐฯ ไปไม่ถึง

สหรัฐฯ แสดงเจตจำนงมาโดยตลอด ที่จะถือครองอาวุธนิวเคลียร์ไว้ เพื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แห่งชาติในระดับสูงสุด ที่กระทบต่อความอยู่รอดของชาติ (Survival Interest) กับใช้เพื่อการป้องปรามทางยุทธศาสตร์

รัสเซีย

กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ICBMs , อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 1,174 ฐานยิง ถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,972 นัด และรวมอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT มากกว่า 2,800 Megaton

รัสเซีย เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพเป็นรองก็แต่เพียงสหรัฐฯ มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทั่วโลก ด้วยขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) โดยมีจำนวนฐานยิง และจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ มากกว่าสหรัฐฯ

ยิ่งไปกว่านั้น ปฏิบัติการนิวเคลียร์ (Nuclear Operations) ต่อสหรัฐฯ จะใช้เส้นทางผ่านขั้วโลกเหนือเป็นหลัก กับการใช้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เล็ดลอดเข้าไปจ่อยิง เพื่อให้มีเวลาการป้องกันเหลือน้อยที่สุด เป็นที่คาดกันว่าหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จะสามารถฝ่าข่ายการป้องกันของสหรัฐฯ ไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 1/3 ของสหรัฐฯ ถูกทำลายสิ้น ดังนั้น กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จึงถือเป็นภัยคุกคามอันดับ 1 ต่อสหรัฐฯ

อิสราเอล

อิสราเอล มิได้ประกาศตนว่า เป็นชาติที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ หากแต่บางแหล่งข่าวอ้างว่า อิสราเอล อาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอำนาจการทำลายต่ำ (ประมาณ 1 กิโลตัน) อยู่ถึง 200 นัด แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์จะยังไม่เคยตรวจพบการทดลอง หรือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอลแต่อย่างไรก็ตาม แต่ตามข้อเท็จจริง อิสราเอล สามารถเข้าถึง รายละเอียดข้อมูลนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ได้

นอกจากนั้น อิสราเอล ยังถือครองขีปนาวุธ JERICHO I ระยะยิง 660 กิโลเมตร และ JERICHO II ระยะยิง 1,500 กิโลเมตรที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ รวมทั้ง จรวด SHAVIT ที่ใช้ในการปล่อยดาวเทียมของอิสราเอล ก็สามารถดัดแปรเพื่อนำส่งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ระยะยิง 7,800 กิโลเมตรได้เช่นกัน ทำให้อิสราเอล กลายเป็นชาติที่มีความพร้อมอย่างยิ่งในการถือครองอาวุธนิวเคลียร์

อินเดีย

กำลังรบนิวเคลียร์ของอินเดีย ประกอบด้วยขีปนาวุธ ปริวิ (PRITHVI) SS-250 ระยะยิง 200 กม. และขีปนาวุธ อัคนี (AGNI) ระยะยิง 1,500-2,000 กม.ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ และเครื่องบินขับไล่โจมตี SU-30MK ที่ใช้ในการปฏิบัติการนิวเคลียร์ โดยถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 85 นัด ทั้งนี้เชื่อว่าอินเดียอยู่ระหว่างการพัฒนาเรือดำน้ำที่สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนิวเคลียร์ได้อีกด้วย

อินเดีย เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุม จีน ปากีสถาน อิหร่าน คาซัคสถาน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางส่วน ตลอดจน ยังมีการประเมินว่าอินเดีย มีขีดความสามารถที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ด้วยขีปนาวุธ AGNI ที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร

ปากีสถาน

กำลังรบนิวเคลียร์ของปากีสถาน ประกอบไปด้วยขีปนาวุธที่นำเข้าจากจีน ประมาณ 30 นัด รวมทั้งขีปนาวุธ HALF-3 ระยะยิง 600 กม.และขีปนาวุธ GHAURI ระยะยิง 600 กม.ที่พัฒนาผลิตขึ้นใช้เอง จำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 25 นัด

ปากีสถาน เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุม อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย เยเมน โอมาน คูเวต คาซัคสถาน และภาคตะวันตกของจีน ตลอดจน มีการประเมินว่าปากีสถาน มีขีดความสามารถที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับอินเดีย ด้วยขีปนาวุธ CHAHEEN II ที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร

เกาหลีเหนือ

กำลังรบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จากข้อมูลข่าวสารการข่าวกรอง ยังไม่อาจยืนยันได้แน่นอนว่ามีศักยภาพในการปฏิบัติการนิวเคลียร์จริงหรือไม่ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์ ตรวจพบการทดสอบนิวเคลียร์ เมื่อปี พ.ศ.2549 และเกาหลีเหนือ อ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือ มีศักยภาพในระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธหลายแบบ เช่น Taepo Dong II ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 6,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ มีผู้เชื่อว่า หากเกาหลีเหนือถือครองหัวรบนิวเคลียร์ไว้จริง ก็ไม่น่าเกิน 10 นัด และอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT ของแต่ละนัดน่าจะน้อยกว่า 1 กิโลตัน ใกล้เคียงกับหัวรบนิวเคลียร์ที่เคยใช้โจมตีญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ และอาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑๐ นัด อำนาจการทำลายนัดละประมาณ ๑ กิโลตัน ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนสามารถโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ได้ทุกเป้าหมาย

อิหร่าน

อิหร่าน เป็นประเทศที่ถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ แม้ยังไม่มีหัวรบนิวเคลียร์ แต่ความมุ่งมั่นในโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม (Uranium Enrichment) อาจทำให้อิหร่าน สามารถเตรียมสารยูเรเนียมเข้มข้น เพียงพอที่จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธที่อิหร่านถือครอง เช่น Taepo Dong II ระยะยิง 6,000 กิโลเมตร สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา รวมทั้ง ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทุกเป้าหมายในพื้นที่เหล่านั้น

ข้อพิจารณาที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ

1. จากการที่ประเทศต่าง ๆ อาทิ จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ รวมถึงอิหร่านได้มีการพัฒนาขีปนาวุธของตนอย่างต่อเนื่อง นับเป็นภัยอันตรายต่อสันติสุขของโลกอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้สหรัฐฯ ต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธแห่งชาติต่อไป โดยโครงการป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธที่ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก แต่หากสหรัฐฯ ชะลอการพัฒนาระบบดังกล่าว ก็อาจเป็นเงื่อนไขให้ประเทศที่มีขีปนาวุธข้ามทวีปอยู่แล้ว หรือกำลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน สามารถดำเนินการปรับปรุงขีปนาวุธของตน ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจนสามารถเอาชนะข่ายการป้องกันขีปนาวุธแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้

2. การแข่งขันการพัฒนาอาวุธฯ ของแต่ละฝ่าย ย่อมจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม ทั้งอาจเป็นแรงผลักดันให้เกิดการรวมขั้วของจีน รัสเซียและเกาหลีเหนืออย่างแน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น สำหรับผลกระทบต่อไทยยังอยู่นอกเหนือวิสัยที่ไทยจะดำเนินการใด ๆ แม้ไทยจะมีความเป็นกลาง และมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่าย แต่การอยู่ในรัศมีทำการของขีปนาวุธข้ามทวีปทั้งจากเกาหลีเหนือ และจีน ย่อมส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยา และความไม่ปลอดภัยต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไทยสามารถกระทำได้ คือ การแสดงออก และเรียกร้องให้เกิดการสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน เพื่อไม่ให้ปัญหาขัดแย้งขยายตัวเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคมากยิ่งขึ้น

ที่มา... ประเทศไหนที่มี อาวุธนิวเคลียร์บ้าง ?




ชาติที่มีนิวเคลียร์

Posted by atomlib , ผู้อ่าน : 1564 , 09:53:31 น.
วันศุกร์ ที่ 18 มิถุนายน 2553

อัพเดตข้อมูลกันเล็กน้อยว่ามีกี่ชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง และแต่ละชาติมีกันในปริมาณมากน้อยแค่ไหน

อันดับแรกสุดเป็น "สหรัฐอเมริกา" ถือเป็นประเทศแรกที่พัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ขึ้นมาในต้นทศวรรษ 1940 จนถึงขณะนี้สหรัฐอเมริกามีระเบิดนิวเคลียร์ที่ประจำการอยู่จำนวน 2,700 ลูก โดยมีอีก 2,500-3,000 ลูก เก็บไว้ในคลังอาวุธสำรอง

อันดับ 2 เป็น "รัสเซีย" เริ่มทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 1949 ปัจจุบันมีระเบิดนิวเคลียร์ประจำการอยู่ระหว่าง 4,800-5,800 ลูก กับอีก 8,150 ลูก เก็บไว้ในคลังอาวุธสำรอง ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของรัสเซีย (สหภาพโซเวียตในอดีต) มีชื่อรหัสว่า "อาร์ดีเอส 1" หรือ "โจ วัน"

ประเทศที่ 3 ที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองคือ “ฝรั่งเศส” เริ่มทดลองเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1960 ปัจจุบันมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในประจำการ 300 ลูก

ประเทศที่ 4 คือ “สหราชอาณาจักร” หรือ อังกฤษ ซึ่งเริ่มทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกใช้ชื่อรหัส “เฮอร์ริเคน” เมื่อปี 1952 ปัจจุบันมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในประจำการรวม 160 ลูก

ประเทศที่ 5 คือ “จีน” ซึ่งถือว่ากลายเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์เต็มตัวในปี 1964 ปัจจุบันเชื่อกันว่ามีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในประจำการระหว่าง 130 – 186 ลูก และมีอยู่ในคลังอาวุธสำรองอีก 54 ลูก

“อิสราเอล” เป็นประเทศที่ 6 ซึ่งมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง แม้จะไม่ยอมรับหรือปฏิเสธการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการมานานเต็มที แต่เชื่อกันว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์ประจำการอยู่ระหว่าง 60-200 ลูก เป็น 1 ใน 4 ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์แต่ไม่ถูกจัดว่าเป็น “ชาตินิวเคลียร์”ตามสนธิสัญญาไม่เผยแพร่อาวุธนิวเคลียร์หรือ เอ็นพีที

ประเทศที่ 7 คือ “อินเดีย” ซึ่งเริ่มการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกในชื่อรหัส “สไมลิ่ง บุดดา” หรือ “พระพุทธแย้มยิ้ม” เมื่อปี 1974 เชื่อกันว่าอินเดียมีอาวุธอยู่ในประจำการระหว่าง 60-70 ลูก

ประเทศที่ 8 คือ “ปากีสถาน” เชื่อกันว่านักวิทยาศาสตร์ปากีสถาน เริ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 แต่ไม่ได้ทดลองระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในประจำการ 60 ลูกเป็นอย่างน้อย

ซุลฟีการ์ อาลี บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน กล่าวไว้เมื่อปี 1974 ว่า ถ้าหากอินเดียสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ ปากีสถานก็จะจัดสร้างให้ได้เช่นเดียวกัน “แม้ว่าเราจำเป็นต้องกินหญ้าก็ตาม”

ประเทศล่าสุดที่เชื่อกันว่ามีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองก็คือ “เกาหลีเหนือ” ที่ถอนตัวจากเป็นภาคีในสนธิสัญญาป้องกันการเผยแพร่อาวุธนิวเคลียร์ในปี 2003 และเริ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาตั้งแต่บัดนั้น ก่อนที่จะเริ่มทดลองระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในปี 2006

ไม่มีใครแน่ใจว่า เกาหลีเหนือมีระเบิดนิวเคลียร์แล้วหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เกาหลีเหนือมีพลูโตเนียมอยู่ในครอบครองมากพอที่จะผลิตนิวเคลียร์ได้ระหว่าง 5-6 ลูก


ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน ปีที่ 33 ฉบับที่ 11786 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เผยแพร่บนเว็บไซต์โดย ห้องสมุดพลังงานปรมาณู สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

http://www.oknation.net/blog/atomlibrary/2010/06/18/entry-1


.

 

สหรัฐฯพอใจรัสเซีย-จีนร่วมกดดันโสมแดง ลดตึงเครียดคาบสมุรเกาหลี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 เมษายน 2556 03:16 น.


<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/DWHJWOoJbVc?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



เอเอฟพี - ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์(8) แสดงความยินดีต่อความพยายามคลี่คลายวิกฤตเกาหลีเหนือของรัสเซียและจีน หลังจากก่อนหน้านี้ได้กดดันให้ทั้งสองชาติใช้อิทธิพลบีบชาติคอมมิวนิสต์ผู้โดดเดี่ยวปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

"เรายินดีต่อความพยายามจากทั้งปักกิ่งและมอสโก ที่สนับสนุนให้เปียงยางยับยั้งชั่งใจต่อการใช้คำขู่หรือโวหารยั่วยุใดๆ" เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียขาวกล่าว "เราจะเดินหน้าทำงานร่วมกับจีนและรัสเซีย รวมถึงชาติพันธมิตรอื่นๆ เพื่อให้เกาหลีเหนือยึดถือพันธสัญญาที่ให้ไว้กับนานาชาติ"

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วอชิงตันเรียกร้องจีนและรัสเซีย ใช้อิทธิพลกดดันเกาหลีเหนือภายใต้คิมจองอึน ผู้นำคนใหม่ หยุดใช้พฤติกรรมและถ้อยแถลงก้าวร้าว ซึ่งล้วนแต่ปะทุความตึงเครียดในภูมิภาค

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวันศุกร์(5) ว่า วอชิงตัน กดดันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนให้ปรามระบอบการปกครองของจองอึน ไม่อย่างนั้นสหรัฐฯ ก็อาจจำเป็นต้องส่งทหารเข้าประจำการในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น


(แฟ้มภาพ) การซ้อมรบของกองทัพเกาหลีเหนือ

นิวยอร์กไทม์ส ยังอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุ เมื่อเร็วๆนี้สหรัฐฯและจีน ได้ติดต่อพูดคุยกันหลายต่อหลายครั้ง ในนั้นรวมไปถึงการสนทนาทางโทรศัพท์สายตรงระหว่างประธานาธิบดีโอบามากับสี จิ้นผิง

ขณะเดียวกันนายหวัง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็เอ่ยปากระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติว่ารู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเป็นอย่างยิ่ง "เราต่อต้านคำพูดและพฤติกรรมที่ยั่วยุไม่ว่าจากฝ่ายใดๆในภูมิภาคนี้ และจะไม่ยอมให้ใครมาก่อปัญหาตรงหน้าบันไดจีน"

ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(8) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็เตือนว่าหากสถานการณ์ความขัดแย้งคาบสมุทรเกาหลีบานปลายออกไปแล้ว วิกฤตนิวเคลียร์เชอร์โนบิลอันร้ายแรงในอดีตก็อาจกลายเป็นเพียงเรื่องเด็กๆ ไปเลย

"เราควรขอบคุณสหรัฐฯสำหรับก้าวย่างที่สำคัญนี้" เขากล่าวระหว่างเยือนเมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี "ผมหวังว่ามันจะเป็นที่ตระหนักโดยเหล่าพันธมิตรของเรา ในนั้นรวมถึงเกาหลีเหนือ และทุกคนควรสงบจิตสงบใจไว้ แล้วก็ทำงานร่วมกันเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาต่างๆนานาเหล่านั้น"


.

 

ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี เกี่ยวข้องกับ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ แต่แปลกใจกันไหมครับว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น จีน เข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะแท้ที่จริงแล้วเรื่องนี้มีองค์ปรส่วนที่เป็นต้นเหตุ คือการแย่งชิงพลังงานในหมู่เกาะสเปชลี่ โดยมีการทำสงครามค่าเงินตอบโต้ดันไปมาโดยจีนเทขายเงินดอลล่า หลังสหรัฐยื่นมือมาหนุนเกาหลีใต้แย่งชิงน้ำมันในหมู่เกาะสเปชลี่ ทำให้เศรษฐกิจในยุโรปพัง ธนาคารใหญ่ในสหรัฐต้องปิดตัว ปลดผอ.IMF การล่มสลายทางเศรษฐกิจ ของกรีซ ล่าสุดไซปรัส จึงตามมา สุดท้ายตามหลักยุทธ์ศาาตร์การเมืองคือ สงครามต้องปะทุในที่สุด เพราะการแย่งชิงแหล่งน้ำมัน จนลุกลามเป็นสงครามทางด้านเศรษฐกิจ

สถานีวิหคเรดิโอ-เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา

 

ความเห็นส่วนตัว

- จากข่าว... เกาหลีเหนือน่าจะทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งที่ 4 เร็วๆนี้ (ข่าวว่า 10 เมษายน 2556 )...หลังจากล้มเหลวเมื่อคราวที่แล้ว

ดังนั้น...การกดดันไม่ให้มีการทดสอบจากนานาชาติ...น่าจะทำให้เกิดการเจรจาเกิดขึ้น

แต่หากการเจรจาล้มเหลว...เกาหลีเหนือก็จะทดสอบขีปนาวุธต่อไป หรือหากหัวข้อการเจรจาไม่โดนใจเกาหลีเหนือ...ก็อาจไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น

- โอบามา...น่าจะวางแผนเข้าโจมตีอิหร่านภายในปีนี้ (กลางปี)...หลังจากปีที่แล้วติดปัญหาการเลือกตั้ง

แน่นอน...ความพยายามไม่ให้...เกาหลีเหนือและอิหร่านเกี่ยวข้องกัน...ย่อมมีอยู่

แต่จากข่าวที่ผ่านมา...พบว่า...เกาหลีเหนือและอิหร่าน...นั้นแนบแน่นกันมาก
หาก...โอบามา...เปิดสงครามกับอิหร่าน...พันธมิตรโลกอาหรับและเกาหลีเหนือ...คงไม่อยู่เฉยๆ

ดังนั้น...ห้วงเวลาวิกฤต...ยังไม่ใช่...วันนี้เวลานี้

โปรดติดตามสถานะการณ์ไปเรื่อยๆ...ครับ


.

 

ไฟใต้คงชัดเจนยิ่งเจรจายิ่งเกิดความรุนแรง เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะต้องรุนแรงมากขึ้น เพราะมีเบื้องหลังหลักคือเรื่องผลประโยชน์ในอ่าวไทย และการแบ่งแยกประเทศอยู่เบื้องหลัง อันเป็นสาเหตุหลักทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามหลักยุทธ์ศาสตร์การเมืองการปกครอง



หากเปรียบเทียบประวัติศาตร์ เกาหลี เวียดนาม ลาว จีน อินเดีย และล่าสุดที่ซูดาน ก็ถูกแบ่งแยกประเทศ สุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนแปลงการปกครองในที่สุด ซูดาน เกาหลี ถูกแบ่งเป็นเหนือใต้ เวียดนาม ลาว ก็เช่นกัน อินเดีย ถูกแบ่งเป็นเนปาล จีนถูกแบ่งเป็นไต้หวัน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น โดยมีปัจจัยหลักของแต่ละประเทศคือ "ผู้นำอ่อนแอ ประเทศก็จะอ่อนแอ ประชาชนจะขาดสามัคคี ต่างชาติก็จะรุกราน" เหตุรุนแรงในภาคใต้จึงหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเจรจาก็จะยิ่งหนักเหมือนอเมริกาไปเจรจากับเวียดกง ยกระดับเวียดกงขึ้นสุดท้ายมหาอำนาจอย่างอเมริกาก็ต้องแพ้สงครามเวียดนามจนได้

สถานการณ์ภาคใต้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่มีมาเลเซีย อยู่เบื้องหลังหลัก มีอังกฤษ สหรัฐ ออสเตเลีย ฝรังเศส หนุนหลัง โดยมีเขมร มาเรียกร้องเอาเขาพระวิหารในเวลาเดียวกัน เพราะต้นเหตุเรื่องรุนแรงเหล่านี้มาจากพลังงานในบล๊อคที่ 3 ในอ่าวไทยมูลค่า 7 แสนล้านๆบาท ที่มีการแย่งชิงมิต่างจากคาบสมุทรเกาหลี ที่กำลังรุกลามจนกำลังเป็นสงคราม

ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี เกี่ยวข้องกับ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ แต่แปลกใจกันไหมครับว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น จีน เข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะแท้ที่จริงแล้วเรื่องนี้มีองค์ปรส่วนที่เป็นต้นเหตุ คือการแย่งชิงพลังงานในหมู่เกาะสเปชลี่ โดยมีการทำสงครามค่าเงินตอบโต้ดันไปมาโดยจีนเทขายเงินดอลล่า หลังสหรัฐยื่นมือมาหนุนเกาหลีใต้แย่งชิงน้ำมันในหมู่เกาะสเปชลี่ ทำให้เศรษฐกิจในยุโรปพัง ธนาคารใหญ่ในสหรัฐต้องปิดตัว ปลดผอ.IMF การล่มสลายทางเศรษฐกิจ ของกรีซ ล่าสุดไซปรัส จึงตามมา สุดท้ายตามหลักยุทธ์ศาาตร์การเมืองคือ สงครามต้องปะทุในที่สุด เพราะการแย่งชิงแหล่งน้ำมัน จนลุกลามเป็นสงครามทางด้านเศรษฐกิจ

สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย คาบสมุทรเกาหลี ที่เกิดขึ้นใน้วลาใกล้เคียงกัน มีตัวอย่างในเชิงประวัติศาสตร์มากมาย เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเป็นไปตามหลักยุทธ์ศาตร์การเมืองที่ว่า "ยุทธ์ศาสตร์โลก" ที่สหรัฐอเมริกา และจีนเป็นผู้กำหนดให้มันต้องเกิด เป้าหมายคือการแย่งชิงเป็นมหาอำนาจครอบคลองพลังงานให้มากที่สุด


นั้นหมายถึงประเทศไทย ประเทศที่มีขนาดประชากร 65ล้านคน สหรัฐมีประชากร 300ล้านคน และจีน 1300 ล้านคน ยังดำเนินเดินนโยบายการบริหารจัดการประเทศแบบนี้ต่อไป โอกาสสูงที่ประเทศไทยจะต้องถูกแบ่งแยกเป็น 2 สุดท้ายก็จะกลายเป็น 4 ประเทศ เปลี่ยนการปกครองในที่สุด โดยระยะเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ได้เคยเขียนบทความไว้ตั้งแต่ปี 2555 ว่าจะเกิดขึ้นไม่เกินเดือน สิงหาคม 2556 ซึ่งเป็นไปตามหลักยุทธ์ศาสตร์การเมือง ที่มีตัวแปรต้นจากยุทธ์ศาตร์โลก มีตัวแปรตามคือยุทธ์ศาสตร์เอเซีย รวมทั้งยุทธ์ศาสตร์ไทยแลนด์ ในที่สุด



ว่าที่ ดร. เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา

ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธ์ศาสตร์การเมือง การปกครอง

ผู้ศึกษาปริญญาเอกผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง

มหาวิทยาลัยรังสิต

 

ญี่ปุ่นติดตั้ง “ขีปนาวุธแพทริออต” ป้องกันโตเกียว หลังข่าวกรองชี้โสมแดงเตรียมยิงจรวดก่อน 15 เม.ย.

เอเอฟพี - ญี่ปุ่นนำขีปนาวุธแพทริออตมาติดตั้งตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกรุงโตเกียว เพื่อปกป้องคนเมืองหลวงกว่า 30 ล้านคนจากภัยคุกคามทุกรูปแบบของเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่แถลงวันนี้(9)

ขีปนาวุธ Patriot Advanced Capability-3 (PAC-3) ชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศ 2 ลูก ถูกนำไปติดตั้งที่กระทรวงกลาโหมเมื่อช่วงรุ่งสางที่ผ่านมา ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า พื้นที่อีก 2 จุดใจกลางกรุงโตเกียวจะมีขีปนาวุธ PAC-3 ไปติดตั้งไว้ด้วยเช่นกัน

อิตสุโนริ โอโนเดระ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ซึ่งแพร่ภาพในญี่ปุ่นวานนี้(8)ว่า รัฐบาลจะติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธแพทริออตบนเกาะโอกินาวาด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ “สามารถตอบสนองเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด... ดังนั้นเราควรติดตั้งระบบ PAC-3 ไว้ที่นั่นเป็นการถาวร”

ด้านนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ เอ่ยต่อสื่อมวลชนเมื่อเช้าวันนี้(9)ว่า “รัฐบาลจะพยายามปกป้องชีวิตพลเมือง และรับรองความปลอดภัยของพวกเขาอย่างดีที่สุด”

“ในขณะที่เกาหลีเหนือยังไม่ยุติการข่มขู่ ญี่ปุ่นจะทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ โดยประสานความร่วมมือกับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง... แต่สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ก็คือ การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ”

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดไฟเขียวให้กองกำลังป้องกันตนเองสามารถยิงทำลายจรวดของโสมแดงได้ทันที หากล่วงล้ำเข้าสู่แดนอาทิตย์อุทัย ขณะเดียวกันก็มีการส่งเรือพิฆาตเอจิสติดตั้งขีปนาวุธสกัดกั้นเข้าไปลาดตระเวนในทะเลญี่ปุ่นแล้ว

ญี่ปุ่นประกาศมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด หลังมีข่าวว่าเกาหลีเหนือสั่งถอนคนงานทั้งหมดออกจากนิคมอุตสาหกรรมแกซอง เมื่อวานนี้(8) และก่อนหน้านั้นยังพบความเคลื่อนไหวบริเวณสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมถึงการเคลื่อนย้ายขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดัน” ไปไว้ที่ชายฝั่งตะวันออก ซึ่งรายงานข่าวกรองชี้ว่า เปียงยางอาจทดสอบยิงจรวดก่อนวันที่ 15 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดอดีตประธานาธิบดี คิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งรัฐโสมแดง

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 9 เมษายน 2556 11:14 น.

 

ความเห็นส่วนตัว

ผมเชื่อว่า...เราเสียเขาพระวิหารแน่นอน (โดยคำตัดสินของศาลโลก และพฤติกรรมที่ยอมรับมติศาลโลกของรัฐบาล)

ดังนั้น...เส้นเขตแดนทางทะเล...จึงเปลี่ยนเป็นเส้นที่เขมรลากขึ้นใหม่...อย่างไม่ต้องสงสัย

(หาก) เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3...จึงมีกองเรือของสหรัฐ...เข้ามารักษาผลประโยชน์ของตนในอ่าวไทย

(ตรงกับคำทำนาย...ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

ส่วนนักการเมืองคนไหน..จะตกนรกบ้าง...ต้องถามท่าลุงพุฒ...ครับ

.

 

เกาหลีใต้คาดเกาหลีเหนือจ่อยิงขีปนาวุธ 10 เม.ย.

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวในเกาหลีเหนือ แต่ยังไม่พบสัญญาณการเคลื่อนไหวใดๆ ที่เป็นการยั่วยุ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือเคลื่อนไหวขีปนาวุธพิสัยกลางมูซูดัน มายังฝั่งตะวันออกของประเทศ

อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ฝ่ายความมั่นคงเกาหลีใต้ประเมินว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธในช่วงวันที่ 10 เมษายน

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 เมษายน 2556 13:13 น.

 

ญี่ปุ่นเคลื่อนแท่น 'แพทริออต' ติดตั้งรับมือโสมแดงโจมตี

ญี่ปุ่นเคลื่อนแท่นยิงขีปนาวุธแพทริออตในระบบป้องกันขีปนาวุธแพท 3 จำนวน 2 เครื่อง ติดตั้งที่กระทรวงกลาโหมกลางกรุงโตเกียว เพื่อป้องกันในกรณีที่เกาหลีเหนืออาจเปิดฉากโจมตีตามคำขู่ที่มีมาก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการเตรียมความพร้อมระบบป้องกันขีปนาวุธใกล้ฐานทัพทหารอเมริกัน ในเมืองโยโกชิกะด้วย

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 เมษายน 2556 13:14 น.

 

โสมแดงเตือน “ชาวต่างชาติ” รีบอพยพออกจาก “เกาหลีใต้” ก่อนสงครามนิวเคลียร์ปะทุ

อเอฟพี - เกาหลีเหนือเตือน “สงครามนิวเคลียร์ความร้อน” อาจปะทุขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีในอีกไม่ช้า พร้อมเตือนให้ชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในเกาหลีใต้เตรียมตัวอพยพ วันนี้(9)

ถ้อยแถลงล่าสุดแทบไม่ต่างจากคำขู่ที่เกาหลีเหนือส่งไปยังสถานทูตต่างชาติในกรุงเปียงยางเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(5) ซึ่งระบุว่า หลังวันที่ 10 เมษายนเป็นต้นไป รัฐบาลจะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยได้หากเกิดสงคราม

“สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีล่อแหลมมาก จนอาจเกิดสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ขึ้นในไม่ช้า” คณะกรรมาธิการสันติภาพเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งเป็นหน่วยงานของเกาหลีเหนือ ระบุในถ้อยแถลงซึ่งเผยแพร่ผ่านสำนักข่าว เคซีเอ็นเอ

คำแถลงฉบับนี้ยังเตือนให้สถาบัน, บริษัท และนักท่องเที่ยวต่างชาติ “เตรียมมาตรการหลบภัย หรืออพยพออกจากเกาหลีใต้ล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย” เนื่องจากเปียงยางไม่ต้องการให้ชาวต่างชาติ “ตกเป็นเหยื่อ”

“สงครามเทอร์โมนิวเคลียร์” เป็นสิ่งรัฐบาลโสมแดงหยิบยกขึ้นมาขู่เกาหลีใต้และสหรัฐฯอยู่เป็นประจำในช่วง 2-3 เดือนมานี้ แม้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะเห็นตรงกันว่า เกาหลีเหนือยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพัฒนาไปถึงขั้นผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

ด้วยเหตุนี้เอง คำเตือนที่แจ้งไปยังสถานทูตต่างๆจึงแทบไม่ได้รับความสนใจ รัฐบาลต่างประเทศล้วนตอบเป็นเสียงเดียวว่า ไม่มีแผนถอนเจ้าหน้าที่ออกจากเปียงยางในเวลานี้

“เป็นเรื่องน่าตลกมากกว่า” แดเนียล พิงก์สตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากกลุ่มเอ็นจีโอ อินเทอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีเจ) เอ่ยถึงคำเตือนล่าสุดของเปียงยาง

“พวกเขาต้องการให้ตลาดปั่นป่วน สร้างแรงกดดัน และทำให้ผู้คนเกิดความวิตกกังวล... แต่ไม่สำเร็จหรอก พวกเขาคงเห็นว่าปั่นหัวเจ้าหน้าที่ทูตต่างประเทศในเปียงยางไม่ได้ ก็เลยหันมาเล่นงานเป้าหมายอื่นๆแทน”

เช้าวันนี้(9) แรงงานชาวเกาหลีเหนือ 53,000 คนปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลที่ห้ามมิให้พวกเขากลับเข้าไปทำงานภายในนิคมอุตสาหกรรมแกซองซึ่งมีโซลร่วมลงทุน ภาวะชะงักงันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ทำให้หลายคนคาดว่า สัญลักษณ์ความร่วมมือแห่งสุดท้ายระหว่างเกาหลีเหนือและใต้อาจถึงกาลอวสานอย่างถาวรในที่สุด

คิม ยอง-กอน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคแรงงานเกาหลี ซึ่งไปตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมแกซองเมื่อวานนี้(8) ระบุว่า อนาคตของนิคมอุตสาหกรรมจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาลเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ เคยมีบทวิเคราะห์ของสื่อเกาหลีใต้ที่กล่าวในทำนองว่า แม้สถานการณ์จะตึงเครียดเพียงใด เกาหลีเหนือก็จะไม่กล้าแตะต้องนิคมอุตสาหกรรมแกซองอย่างแน่นอน ซึ่งข้อคิดเห็นเช่นนี้เปียงยางถือว่าเป็นการดูหมิ่นเกียรติภูมิของชาติตนอย่างร้ายแรง

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 9 เมษายน 2556 15:25 น.

 

บ้าเกินละ คิม จอง อู - -

 

ส่งครามโลกครั้งที่สามกำลังใกล้เข้ามาแล้วครับ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมเสบียงทางโลกและทางธรรมไว้ให้ดีนะครับ สาธุ

 

ฝากบอกคิมจองอูน อย่าขู่เยอะ เขารำคาญกันทั้งโลกละ ถ้ายิงก็ยิงไปสหรัฐได้รับ ไม่ยิงก็เงียบๆ ไป

 

กดสัก 10 Like ได้ไหมนี่