อยากสอบถามเรื่องบุพกรรมระหว่างพระเทวทัต และ พระพุทธเจ้า ? พุทธภูมิช่วยตอบหน่อย

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 7 เมษายน 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    คำถามดังนี้คะ


    1.) อยากสอบถามเรื่องบุพกรรมว่า เหตุใดพระเทวทัตจึงอาฆาตพระพุทธเจ้า?


    2.) เหตุใดตอนที่พระเทวทัตกราบทูลเรื่อง วัตถุ ห้าประการพระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงอนุญาต? อันได้แก่

    1. พระไม่ฉันท์ ปลา และ เนื้อสัตว์ ตลอด ชีวิต

    2. พึงถือการอยู่ป่าเป็นวัตร

    3. พึงบินทรบาตรเป็นวัตร

    4. พึงถือผ้าบังสกุลเป็นวัตร

    5. พึงอยู่โคนไม้เป็นวัตร


    3.) พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า รับประทาน เนื้อ สัตว์ ประเภท ที่ ไม่ได้สั่งให้ฆ่า ไม่รู้เห็นวิธีการฆ่า แต่ ดิฉันสงสัยว่า ต่อให้เราไม่ได้สั่งให้ฆ่าสัตว์นั้นมาเพื่อเรา หรือ เห็นขณะสัตว์นั้น ได้รับความเจ็บปวด แต่ ในความเห็นของดิฉัน มันก็ไม่ต่างจากการเห็นศพที่ถูกฆ่าและมาโยนทิ้งไว้.... เราไม่รู้ว่าใครฆ่า.... และไม่เห็นขณะฆ่า แต่เราเห็นศพและปล่อยไว้เฉยๆโดยไม่แจ้งตำรวจ ก็ไม่ต่างจากการเป็นผู้มีจิตใจโหดร้ายชินชา ทั้งที่รูว่า เมื่อมีการฆ่าต้องมีการเจ็บปวด เกิดขึ้น ? และอีกประการถ้าไม่มีคนบริโภคสัตว์ สัตว์ ก็จะไม่ถูกฆ่า?


    4. อีก คำถามที่สงสัยคือ ตอน นางมาคันธิยา บุตรสาวของพราหมณ์ ซึ่งผูกอาฆาตร พระผู้มีพระภาคเจ้า เรื่องที่ท่านทรงตรัส ว่า ร่างกายของนางมีแต่มูตร และ
    คูด แม้แต่เท้าก็ไม่อยากเอาไปแตะ ดิฉันสงสัยว่าการพูด ดูถูก หรือ สร้างความ ไม่พอใจต่อ นาง มาคันธิยาเช่นนั้น ถือ ว่า บาปไหม ในข้อ มรรค แปด ไม่พูดก่อการทะเลาะวิวาท หรือ ทำร้ายจิตใจผู้อื่น?



    5. พระเทวทัตอยากมาขออโหสิกรรมต่อพระพุทธเจ้า แต่ท่านป่วยหนักไปเองไม่ไหว ได้ขอร้องให้สาวกบริวารพาตนไป เมื่อใกล้ถึงที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระสาวกก็นำความไปกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบถึงการมาของพระเทวทัต พระองค์รับทราบด้วยอาการนิ่งสงบ พวกพระจึงกราบทูลซ้ำๆ (ไม่ทราบว่า ทำนองอยากให้ทรงไปโปรดพระเทวทัต) พระพุทธเจ้าได้ตรัสออกมาว่า "พระเทวทัตจะไม่มีโอกาสได้พบเรา ทำไมพระพุทธเจ้าไม่เมตตาปราณีเสด็จไปโปรดพระเทวทัต เปิดโอกาสให้พระเทวทัตกล่าวขออโหสิกรรม ด้วยท่านสามารถใช้ฌานทัศนะไปปรากฎองค์ต่อหน้าพระเทวทัตได้ในทันที
    เหมือนเช่นที่ทรงแสดงให้ลูกชายเศรษฐี มัฏฐกุณฑลีที่กำลังจะตาย?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2013
  2. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ขอตอบตามภูมิธรรมของตนเองเป็นบางข้อนะครับ นอกนั้นให้พุทธภูมิเขามาเสริมหรือกล่าวในมุมอื่นที่ขาดไป

    1. ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนพระสาวกและสอนต่อกันมา ท่านว่าเป็นเพราะแรงกรรม ในชาติที่พระเทวทัตต์ตั้งจิตอธิษฐานจองเวร ซึ่งสามารถค้นคว้าหาอ่านได้ทั่วไปครับ เรื่องของพระเทวทัตต์และพระพุทธเจ้าในอดีตชาติสมัยที่เกิดเป็นพ่อค้า

    2. ที่ท่านไม่อนุญาติเพราะตรัสไว้แล้วว่าเป็นวัตรที่สุดโต่งเกินไป ไม่เกิดประโยชน์ในการบำเพ็ญธรรม มีแต่จะทำให้การดำรงอยู่นั้นยากลำบากโดยเกินความจำเป็น เพราะให้ถือเป็นวัตรตลอดชีวิตกันทุกคน ซึ่งการบรรพชาในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าเป้าหมายคือการบำเพ็ญธรรมจนบรรลุมรรคผล ไม่ใช่การถือวัตรที่หนักไปในทรมาณตนเองเพื่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงไม่ทรงอนุญาติ และกล่าวว่าภิิกษุใดจะเลือกบำเพ็ญในความพอเหมาะตามอัธยาศัยก็พึงทำได้
    อีกอย่างคือบารมีของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เท่าที่เห็นวัตรบางอย่างเป็นวัตรที่ผู้ที่มีบารมีเกิน 10 พึงจะกระทำ เช่นการอยู่โคนต้นไม้ตลอดชีวิตเป็นวัตร ถ้าหากให้คนที่บารมีไม่พร้อมมาปฏิบัติเขาคงปฏิบัติกันไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังที่จะเดินไหว

    3. ที่ท่านกล่าวเปรียบเทียบผมว่ามันคนละส่วนกัน ไม่สามารถเปรียบกันได้ เพราะท่านตรัสว่า "ภิกษุต้องทำตนเป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย" คือไม่เป็นผู้ที่ไปกำหนดกฏเกณฑ์ สั่งให้ผู้คนทำอหารแบบนั้นแบบนี้เพื่อตน เป็นผู้ที่รับบิณฑบาตรด้วยความไม่มีอคติ เพราะถ้าเลือก ความลำบากมันจะเกิดขึ้นในยุคในสมัยเพราะสมัยโบราณก็ไม่เหมือนสมัยปัจจุบัน และจิตของพระอริยะเจ้าได้ยินมาว่าจิตท่านไม่ติดอยู่ในขันธ์เหมือนอย่างปุถุชน จึงมองไม่เหมือนเราแต่มองละเอียดและบริสุทธิ์กว่าเรามาก (ได้ยินมาอย่างนี้นะครับไม่ได้บรรลุจนรู้จริงหรอก)
    แต่ว่าในความเห็นส่วนตัวมองว่าที่ผู้คนจำเป็นต้องฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เป็นเพราะยุคสมัยของมันและกระแสกรรมที่ไม่สามารถขวางได้ครับ โลกปัจจุบันเป็นช่วงกาลียุคมาหลายแสน หลายล้านปีแล้ว ผู้คนต้องมาใช้บาปกรรมกันในยุคแบบนี้ ยุคเจริญมันก็เจริญมากมันไปใช้กันตอนนั้นไม่ได้ ไม่มีใครทำชั่ว จึงไม่มีเหตุ
    ส่วนใครจะมีปัญญาอยากเว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่น โดยจะกระทำอย่างไร ก็ถือว่าเป็นบุญญาธิการของเขาที่ส่งผลอยู่ครับ ไม่ว่าจะกินอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อแล้วแผ่เมตตาหรืออุทิศบุญให้พร้อม หรือจะงดเว้นการบริโภคเนื้อ หรือจะมีความไม่ยินดีในส่วนนี้แล้วแผ่เมตตาเป็นประจำ จะช่วยเหลือสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ซื้อสัตว์ที่เขาจะฆ่ามาปล่อยในที่ที่ปลอดภัยและสมบูรณ์ ก็ว่ากันไปตามแต่ละบุคคล แต่ในเรื่องของการเว้นการบริโภคเนื้อนี่ผมยังไม่พูดถึงนะ แต่ถ้ามีการมองในแง่ลบที่ไม่เกิดความเข้าใจหรือเถียงกันก็จะกล่าวแบบไม่เกรงใจพุทธภูมิด้วย เพราะเห็นมาเยอะแล้วก็ไม่แย้งอะไร

    4. พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้กล่าวโดยดูถูกครับ ท่านกล่าวตามสภาพความจริงและเป็นการแสดงธรรมให้พ่อ-แม่ของนางมาคันธิยานั้นมีดวงตาเห็นธรรม จึงไม่ใช่การประชด การเสียดสี
    ประมาณ7ปีที่แล้วผมเคยขี่มอเตอร์ไซผ่านทุ่งโล่งๆเป็นประจำซึ่งตามรายทางมีดคลองที่มีดอกบัวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา วันหนึ่งผมเห็นดอกบัวก็คิดถึงเรื่อง"บัวสี่เหล่า"ที่คนเราชอบพูดชอบเอามาว่าให้กันอยู่ปาวๆๆทุกวันนี้ ก็คิดไปว่าเรื่องบัวสี่เหล่าที่พระพุทธเจ้ากล่าวเปรียบเทียบถึงคนสี่จำพวก(จริงๆอาจจะสาม) จิตของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านกล่าวตามสภาพความเป็นจริง ไม่มีการเจือด้วยกิเลส แต่ปุถุชนคนมีกิเลสอย่างพวกเราสิเอาคำพูดที่บริสุทธิ์มาเจือปนด้วยกิเลสแล้วกล่าวกระทบกัน ก็คงจะประมาณนี้ครับในส่วนของนางมาคันธิยา แกมองไปอีกมุมเลยเกลียดพระพุทธเจ้าเข้าให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2013
  3. รัศมีสีทอง

    รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +391
    เรื่องพระเทวทัตมาขอพร พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตเพราะให้เป็นไปตามกำลังของพระ การที่พระเทวทัตมาขอนั้นเป็นการขอด้วยอำนาจอยากเป็นใหญ่และเป็นการขออย่างอุกฤษณ์ คือ ไม่เป็นหลักธรรมที่ทำให้หลุดพ้นได้ ไม่จัดเข้าในหลักมัชฌิมา ทางสายกลาง เพราะจะเป็นเหตุให้เดือดร้อนไปทั่ว อัธยาศัยของพระมีต่างกัน ถ้าพระพุทธองค์อนุญาตตามที่ขอ ทุกวันนี้จะไม่มีพระเหลืออยู่เลย เช่นอยู่โคนไม้เป็นวัตรตลอดชีวิต จะเอาต้นไม้ที่ไหนล่ะตอนนี้ โดนตัดไปหมดแล้ว
    ส่วนการห้ามเนื้อนั้น พระพุทธเจ้าห้ามเนื้อ 10 ประการสำหรับพระไม่ให้ฉัน ส่วนที่เหลือให้เป็นผู้เลี้ยงง่าย ถ้ามามัวกังวลว่าจะต้องกินผักกินหญ้าอย่างเดียว นิพพานก็ไม่ต้องไปกัน มัวแต่หาผัก หญ้ากันมาทำเป็นอาหารนี่แหล่ะ จะเอาเวลาไหนมาปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่ง ชาวโลกเขาเป็นอยู่ด้วยการฆ่าสัตว์ พระไปบิณฑบาตจะบอกเขาว่าอาตมาฉันเจนะโยม อดตายกันพอดี มีอันไหนก็ฉันอันนั้น เพื่อรักษาธาตุขันธ์ให้ดำรงอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ มัวมาห่วงเรื่องอาหารการกินแล้วจะบวชมาทำไม ต่างกันอะไรกับฆราวาส มััวปรุงแต่งเรื่องอาหารก็อย่าไปเลยแดนนิพาน ไปเกิดเป็นวัวเป็นควายไม่ดีกว่าหรือ เกิดมากินผักกินหญ้าอย่างเดียว ไม่ต้องกังวล แต่ถ้าผักหญ้าหาไม่ได้ก็คงอดตายไปตามๆกัน ไม่เห็นมันขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าที่ไหน
    ยิ่งสงสัยในคำสอน ยิ่งห่างเหินจากความดีไปเท่านั้น เพราะไม่เชือในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจึงต้องเวียนตายเวียนเกิดไม่สิ้นสุด หยุดสงสัยเถอะครับ มาปฏิบัติให้เห้นจริงดีกว่า ความสงสัยนี่แหล่ะจะฆ่าความดีทั้งหมด อาหารพระพุทธเจ้าปรุงเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ให้พวกเรานี่แหล่ะยัดใส่ปาก ขณะยัดใส่ปากตนเอง มันก้ไม่อยากจะยัดเลย พระพุทธเจ้าปรุงให้แล้ว ไม่ต้องไปเพิ่ม ไม่ต้องไปลด ทำอย่างเดียวคือกินให้มันอิ่มเท่านั้นเป็นพอ
    เข้าใจแล้วนะ เฮ้อ..........กลุ้มกับคนช่างสงสัย
     
  4. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ผมเห็นด้วยกับคำตอบของคุณ Asvel

    แต่ขอเสริมข้อ 4 นิดหนึ่ง คือ ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าคงรู้แน่นอว่านางจะไม่พอใจ
    แต่ผมมองว่า การตำหนินางนี้สมควรนะครับ เพราะนางเมาอยู่ในรูปโฉมตนเองอย่างหนัก
    มีจิตหมุนไปผิดเป็นปกติ มีแต่ความดำริที่เป็นโทษ มากด้วย ราคะ โทสะ โมหะ

    ผมว่า ถ้า จขกท. เห็นความดำมืดในจิตใจนางอาจถึงขั้นอาเจียรออกมาด้วยความขยะแขยงด้วยซ้ำ

    แล้วลองคิดดูครับว่า นางทำชั่วเพราะเมาในรูปโฉมและความเป็นใหญ่ถึงขนาดไหน ด่าพระพุทธเจ้าเพราะโกรธกันยังพอทน แต่นี้พาลโกรธพระนางสามาวดีที่ไม่เคยทำอะไรให้นางขุ่นใจเลย จนถึงขั้นเผาพระนางพร้อมบริวารอีก 499 คน คนอย่างนี้ไม่น่าขยะแขยงหรือครับ?

    และการตำหนิของพระพุทธเจ้า ถ้าผู้ถูกติเตียนระลึกโดยชอบธรรมย่อมเป็นไปเพื่อมรรคผลแน่นอน (ในชาตินั้นนางระลึกโดยชอบธรรมไม่ได้ แต่ในอนาคตอาจระลึกได้)

    ส่วนข้อ 5. นั้น ตามที่ได้ฟังมานั้น อรรถาจารย์ท่านบอกว่า กิจที่พระพุทธเจ้าควรทำแก่พระเทวทัตนในฐานะอาจารย์ พระองค์ได้ทำหมดแล้วครับ และพระพุทธเจ้าทรงรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าพระเทวทัตเป็นคนอกตัญญู ไม่นานจะต้องประทุษร้ายพระองค์ แต่พระองค์ก็ทรงให้บวชโดยพระองค์เป็นผู้บวชให้ ทรงสอนกรรมฐานจนเป็นเหตุให้บรรลุญานอภิญญาซึ่งเป็นอุปนิสัยในการบรรลุปัจเจกโพธิญาณของพระเทวทัต
    (ผมมองว่าพระเทวทัตควรโดนแผ่นดินสูบตั้งนานแล้ว แต่ที่ยังไม่สูบอาจเพราะบารมีของพระเทวทัตเอง หรืออาจเป็นเพราะพุทธบารมีที่รักษาพระเทวทัตไว้จนถึงวินาทีที่พระเทวทัตเกิดความสำนึกขึ้น เพราะถ้าพระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบไปเลยโดยไม่สำนึกก็จะน่าจะทำให้ตกอยู่ในนรกนานกว่าโดนสูบไปโดยเกิดความสำนึกแน่นอน)

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ผมเห็นด้วยกับคุณรัศมีสีทองนะ และก็ใช่อีกที่มันช่างน่ากลุ้มที่ช่างสงสัยและได้แต่ถาม ไม่ลงมือประพฤติปฏิบัติ การถามนั้นไม่ผิดอะไร แต่การถามลักษณะนี้มันไม่เกิดมรรคผล ผมเองเรื่องนี้ก็เคยสงสัย แต่ก็ตอบตัวเองได้ว่าองค์สมเด็จท่านเป็นสรรพพรรญูทรงรู้ทุกอย่าง เกินวิสัยที่ปุถุชนคนอย่างเราจะไปสงสัยพระองค์ท่าน ก็เลยเลิกสงสัย และก็ต้องรีบกราบขอขมาในพระองค์ท่าน นี่คนที่ปรารถนาพระโพธิญาณกับเขาคนหนึ่งบอกให้แล้วนะ
     
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ถ้าคิดเช่นนั้น เราก็ไม่ต่างจาก คริตส์ และ อิสลาม หรือ คะ ที่ให้เคารพพระเจ้าอย่างไม่มีข้อกังขาสงสัย ศาสนาที่บูชา เทพ ก็มีรูปแบบความเชื่อที่ให้เริ่มจากการศรัทธา มากกว่าหาเหตุผลเป็นหลัก.... ถ้าท่านเข้าเวป อิสลาม ถ้าดิฉันไปถามว่า เหตุใดพระเจ้าถึงบัญญัติว่า ให้ตีภรรยาได้ หรือ มีภรรยาได้เกินสี่คน ก็จะมีคนอธิบายว่า พระเจ้าเป็นผู้บัญญัติกฏ นั้นหาใช่มนุษย์สร้างกฏนั้น ดังนั้นมันต้องเป็นเรื่องดี ท่านถึงบัญญัติ แต่ถ้าดีจริงจะมีคนตั้งคำถามเช่นนี้หรือ? และอะไรพิสูจน์ได้ว่า คำบัญญัติมาจากพระเจ้าจริงๆมิใช่ศาสดาแต่งเอง?

    หากเป็นการลบหลู่ก็ต้องขออภัยคะ ดิฉันก็เชื่อใน หลักปฏิบัติหลายๆประการของศาสนาพุทธ เช่นที่ได้พิสูจน์ มาแล้วคือ เรื่อง สมาธิ แต่ ชาดกหลายตอนในพระไตรปิฏก นั้น ดิฉันยังไม่อยู่ในจุดที่ตนเองสามารถจะพิสูจน์ได้ จึงอยากถามความเห็นท่านผู้รู้


    อย่างเรื่องที่ พระโมคลานะทรงบินไปเก็บบาตรพระได้นั้น ถ้าในความเชื่อพวกเราถูกสอนว่าให้เชื่อพระไตรปิฏกทั้งหมด แต่ดิฉันก็ได้ไปฟัง พระอนิลมาล ลูกหลานของราชวงค์ศากยะเอง ท่านบอกในรายการว่า เรื่องบางอย่างในชาดกถูกแต่งขึ้นเพื่อเป็นสีสรร ให้ฟังดูมีตำนาน มียิ่งใหญ่น่าสนใจ

    ถ้าเป็นการปรามาศ ก็ต้องขออภัยด้วย แค่รู้สึกสงสัยนิดหน่อย แต่ ดิฉันเคารพ พระพุทธเจ้าและเชื่อในแนวทางของพระองค์ เป็นทางพ้นทุกข์ ช่วยให้รอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2013
  7. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    1. ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่ออดีตชาติ พระโพธิสัตว์ และพระเทวทัต เกิดเป็นพ่อค้าด้วยกันทั้งคู่ วันหนึ่งพระเทวทัตเดินทางค้าขายไปถึงบ้านของยายแก่ และเด็กหญิง โดยบ้านนั้นได้เสนอขายพานเก่าให้ แต่พระเทวทัตเห็นว่าเป็นพานเก่าจึงให้ราคาถูกอย่างมาก ยายแก่จึงไม่ขาย

    ครั้นพระโพธิสัตว์เดินทางค้าขายมาถึงบ้านยายแก่ ก็ได้ถูกเสนอขายพานเก่าให้เหมือนกัน ซึ่งด้วยความเฉลียวฉลาดของพระองค์จึงรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นพานทองที่คงความใหม่ แต่ถูกฝุ่นจับหนาจนมองไม่เห็นทอง แล้วคิดในใจว่าราคาพานนี้มากกว่าทรัพย์สินที่เรามีทั้งหมดเสียอีก จึงยกทรัพย์สินของพระองค์แลกกับพานทอง และพระองค์ก็ขึ้นเรือ เดินทางไปตามวิถีของพระองค์

    ส่วนพระเทวทัตย้อนกลับมาที่บ้านยายแก่ กลับพบว่ามีคนมาซื้อพานไปแล้วจึงถามยายแก่ว่าใครซื้อไป และตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว ก็จึงรีบตามไปโดยเร็ว เห็นแต่เรือของพระโพธิสัตว์ ออกไปจากฝั่งไกลมากแล้ว จึงเสียใจจนถึงชีวิต ในระหว่างใกล้ตายนั้นจึงตั้งจิตจองเวรพระโพธิสัตว์ไปตลอด

    ตั้งแต่นั้นมาพระเทวทัตจึงเกิดร่วมบางชาติกับพระโพธิสัตว์ พระเทวทัตก็ได้สร้างทั้งบุญ และอกุศลไปด้วย


    2. พระเทวทัตต้องการทำสังฆเพศ(แบ่งแยกภิกษุ) ให้ภิกษุทั้งหลายเห็นว่าใครจะเป็นผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติมากกว่ากันกับพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตทั้ง 5 ข้อ
    2.1 ให้ภิกษุทั้งหลายอยู่ป่าตลอดชีวิต เข้าสู่บ้านมีโทษ
    2.2 ให้ภิกษุถือบิณฑบาตตลอดชีวิต รับนิมนต์มีโทษ
    2.3 ให้ภิกษุถือผ้าบังสุกุลตลอดชีวิต รับคฤหบดีจีวร (ผ้าที่เขาถวาย) มีโทษ
    2.4 ให้ภิกษุอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต เข้าสู่ที่มุงบังมีโทษ
    2.5 ให้ภิกษุห้ามฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต ฉันเข้ามีโทษ

    ส่วนข้อที่ 2.5 พระพุทธเจ้าให้ฉันเนื้อบริสุทธิ์ 3 ประการคือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน และไม่สงสัยว่าฆ่ามาให้เราทาน


    3. ทางสายกลาง ไม่เคร่งจนเกินไป และไม่หย่อนจนเกินไป ทางสายกลางนั่นเองที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้

    กล่าวคือ ทานเจได้แล้วจิตใจ และร่างกายมีความสุขดีก็ทานเจได้ ถ้าหากทานเจแล้วเป็นทุกข์กระวนกระวาย แสดงว่าท่านเคร่งเกินไป ควรทานเนื้อบริสุทธิ์สลับบ้างแล้วแต่จริตของคนนั้น ที่ยกตัวอย่างนี้แสดงถึงทางสายกลางตามพุทธองค์ เพราะ ทางสายกลางนี่เองทำให้เข้าถึงธรรมได้ง่ายกว่า เมื่อกายอิ่ม ก็สนใจในการศึกษา และปฏิบัติธรรมมากขึ้น

    ส่วนเรื่องบาปของการกินเนื้อบริสุทธิ์ เป็นบาปที่ไม่รุนแรง แต่ถ้าหากใครทานเจได้ตลอดก็ถือว่าดีแล้ว ซึ่งเนื้อบริสุทธิ์นั้นก็มีกรรมเป็นของมันอยู่แล้วจึงถูกทำมาเป็นอาหาร ดังเช่นพระพุทธเจ้าตรัสว่า "ทุกสรรพสิ่งมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย มีกรรมเป็นของๆตน ทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามต้องได้รับผลของ­กรรมนั้น"


    4. การกระทำของพระพุทธเจ้ามีเหตุผลเพื่อแสดงธรรมเป็นนัยสำคัญอยู่ประจำ

    5. ความคิดส่วนตัวผมนะครับ ถูกผิดอย่างไรต้องขอโทษด้วยครับ

    พุทธองค์ทรงพิจารณาและรู้ว่า พระเทวทัตเมื่อบวชแล้วก็จะทำกรรมกับพระพุทธศาสนาที่ร้ายแรง และกระทำกรรมต่อพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ให้บวชพระเทวทัตก็จะยิ่งทำบาปไม่รู้จักจบจักสิ้น พุทธองค์จึงเมตตากรุณาให้บวช เพื่อให้หยุดทำกรรม และใช้กรรมในไม่กี่ชาติ ซึ่งเป็นหนทางที่ดีที่สุด

    พระเทวทัตเมื่อทำกรรมไว้ จึงถูกธรณีสูบ โดยสาเหตุที่พระองค์ไม่ทรงแสดงนิมิตร หรือมาปรากฏกายต่อหน้าพระเทวทัต อาจเนื่องจากว่า พุทธองค์ต้องการให้พุทธบริษัท เห็นผลของกรรมที่ร้ายแรงในการก่อกรรมกับพระพุทธศาสนา และกับพระพุทธเจ้า ว่าผู้นั้นจะได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแสนสาหัส ขนาดที่พุทธองค์ยังไม่เสด็จช่วยเหลือเลย

    ถ้าเกิดพุทธองค์ช่วยเหลือ อาจแสดงเป็นอีกความหมายคือ กรรมของพระเทวทัตนั้นไม่รุนแรงเท่าไหร่นัก ทำให้พุทธบริษัทคิดว่าการก่อกรรมกับพระพุทธศาสนา และกับพระพุทธเจ้า เป็นกรรมไม่หนักเท่าไหร่ ซึ่งเป็นความเห็นผิด พุทธองค์จึงแสดงให้เห็นถึงการที่ไม่ช่วยเหลือพระเทวทัต

    พระเทวทัตก่อนโดนธรณีสูบ จึงได้สำนึกผิด ได้ถวายกระดูกกราม และจึงอุทานว่า ขอพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต ด้วยเหตุความดีนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงตรัสพยากรณ์ว่า พระเทวทัตในชาติสุดท้ายจะได้บังเกิดเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า


    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  8. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ขอบพระคุณทุกท่านที่มาตอบ คำถามได้อย่างกระจ่าง โดยเฉพาะ ท่าน view 2004 ในส่วนเรื่องที่พระพุทธองค์ ไม่ทรงช่วยพระเทวทัต ก็เข้าใจแล้ว
     
  9. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงกระทำพุทธกิจ กิจกรรมใดๆ หรือเหตุการณ์ใดๆ มีความหมาย มีกรณีศึกษาเป็นอย่างมาก ทุกอย่างสามารถอ้างอิงได้ โดยใช้ปัญญาพิจารณา ซึ่งหากผู้ใดเห็นพร้อมด้วยปัญญาแล้ว ย่อมเป็นผู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"

    ขออนุโมทนาสาธุครับ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2013
  10. ปรม

    ปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +325
    ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา

    ดังนั้นผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า

    ถ้าอยากเห็นพระพุทธเจ้าก็ต้องทุกข์เยอะๆ เอาให้ซาบซึ้งจะได้เห็นได้เข้าใจว่าทุกข์เป็นของปกติ กายทุกข์แต่อย่าให้ใจทุกข์
     
  11. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    การเข้าถึงพระธรรมมีทางเข้ารอบด้าน แล้วแต่จริตของคน ส่วนผมใช้ปัญญา และการปฏิบัติในการเข้าถึงพระธรรม โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรมครู

    ส่วนการเห็นพระพุทธเจ้านั้นอาจไม่ได้หมายความว่าเห็นพระพุทธเจ้าเป็นนิมิตรขึ้นมาไม่ใช่ แต่หมายความว่าผู้ที่เห็นธรรม จะรู้อุปนิสัย ความสุขุม เฉลียวฉลาด อัจฉริยะของพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร
     
  12. มหาพรหมราชา

    มหาพรหมราชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +903
    ขอ อนุญาตินะคับ สงสัยได้นะคับแต่อย่ามีอัคติ หรือคิดอกุศล ให้เราคิดว่าทุกๆอย่างที่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดทรงกระทำ ยังงัยก็ต้องมีเหตุแน่นอน ไม่ใช่ทำไปแบบผู้ไม่รู้ แต่บางอย่างเราอาจพอพิจารณาเข้าใจได้ แต่ส่วนมากเราไม่อาจหยั่งรู้ในวิสัยของพระองค์


    ส่วนเรื่องแรกนะคับ พระเทวทัตนั้นเป็นคู่อาฆาตพระอองค์มานานแสนนาน ทำอย่างไรพระเทวทัตก็ไม่มีทางเป็นสัมมาทิฏฐิได้ นอกจากให้พระเทวทัตจะสำนึกได้เอง ส่วนพระเทวทัตจะได้พบพระพุทธเจ้าหรือไม่นั้นไม่สำคัญ โทษทั้งหลายที่ทำร้ายพระพุทธเจ้านั้นยังไม่เท่าโทษทางใจเลย คือมีมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งตราบใดยังมีมิจฉาทิฏฐิอยู่ก็จะไม่มีวันที่จะได้พ้นทุกข์เลย อเวจีนรกตกแล้วยังพ้นออกมาได้แต่มิจฉาทิฏฐินี้สิไม่รู้เมื่อไหล่จะพ้นได้

    ส่วนพระพุทธเจ้าจะเสด็จไปหาพระเทวทัตหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะโทษของพระเทวทัตนั้นถึงที่สุดแล้วคือ เมื่อเท้าแตะพื้นดินเมื่อไร แผ่นดินก็จะสูบทันที สิงสำคัญอยู๋ที่พระเทวทัตนั้นสำนึกได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว แล้วยังมีโอกาศได้ถวายกระดงคางแด่พระพุทธเจ้าด้วย พระพุทธเจ้าจะเสด็จมาหรือไม่พระเทวทัตก็แตะพื้นดินไม่ได้อยู่ดี แตะเมื่อไรสูบเมื่อนั้น


    เรื่องการทูลขอพร 5 ข้อนั้น ถ้าหากทรงอนุญาติแล้ว พระศาสนาของพระองค์ก็จะอยู่ไม่ถึง 5,000 ปีแน่นอน เพราะถ้าทรงอนุญาติก็จะไม่มีผู่ที่จะบวชซึ้งเป็นผู้ที่สืบทอดพระศาสนา ถ้าพระศาสนาหมดสิ้นไปไวกว่ากาล ความวิบัติ เป็นต้น ก็จะเกิดแก้ปวงสัตว์ ปวงสัตว์ทั้งหลายก็จะไม่รู้จักแม่คำว่าศีล มงคล 38 ประการ หรือความดี 38 ประการมีการเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นต้น ปวงสัตว์ก็จะไม่รู้จัก โทษและความมือบอดจะเกิดแก่มวลสัตว์ ปวงสัตว์ทั้งมนุษย์และเทพเทวดาทั้งหลายก็จะพลากจาดความดี ซึ่งมันไม่คุ้มกันเลย

    ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เจตนานะคับ ลองคิดดูนะคับสัตว์บางชนิดกินพืชเป็นอาหารตลอดชีวิตทำไมไม่ไปสวรรค์ ก็เพราะสัตว์กระทำไปตามวิบากกรรมไม่ได้ทำไปเพราะรู้หรือตั้งใจงดเว้น
    บางคนนั้นอาจกินเจได้แต่ไม่อาจอยู่ป่าได้ตลอด ลองถามตัวเราเองดูนะคับ ว่าแค่ข้อใดข้อหนึ่งนั้นเราสามารถทำได้ตลอดมั้ย อย่างถือการกินเจนั้น ถ้าหากพระภิกษุเที่ยวไปในที่ต่างๆ ไม่มีอาหารเจ จะทำยังไงคับ ก็คงตายก่อนได้พระนิพพาน ระหว่างไปนิพพาน กับไปสวรรค์อันไหนจะคุ้มกว่ากันคับลองคิดดู

    การกินเจนั้นก็ดีนะคับ แต่ถ้าคิดแบบส่วนรวมแล้ว มันไม่คุ้มกันเลยนะคับถ้าจะทรงอนุญาติหรือบัญญัติ

    ส่วนนางมาคันธิยานั้น ก็เป็นคู่เวรของพระพุทธเจ้ามานานแสนนานเหมือนกัน จัดว่าเป็นคู่เวรทางหญิงก็ว่าได้ ซึ่งโชคร้ายกว่าพระเทวทัต เพราะพระเทวทัตยังสำนึกได้แต่นางมาคันธิยาเมื่อพ้นจากนรกแล้ว ไม่รู้จะพ้นจากมิจฉาทิฏฐฺได้มั้ย

    การที่พระองค์ทรงติเตียนเรื่องณูปนั้นทรงเล็งเห็นอุปนิสัยของบิดามารดาของนางมาคันธฺยาแล้วว่าขณะนั้นถ้าเทศนาแบบนี้จะได้บรรลุมรรคผล ส่วนนางมคันธิยานั้นต่อให้พระองค์ไม่ทรงตรัสอย่างนั้น ก็ต้องหาเรื่องพระองค์จนได้

    เรื่องบางเรื่องต้องให้เลือกสักอย่างหรือสักทาง ระหว่าง สิ่งที่เป็นประโยชน์มากมาย กับ เสียประโยชน์น้อยนิด ถ้าให้เราเลือกเราจะเลือก อย่างไหน ยกตัวอย่าง ให้เราเลือก ระหว่าง เรา เสียตัง 10 บาท แล้วแลกกับตัง 1,000,000 บาท
    กับ เสียตัง 1,000,000 บาท เพื่อแลกกับตัง 10 บาท เราจะเลือกอันไหน ลองคิดดูนะคับ แต่ผมว่าถ้าเรารู้อย่างนี้เราคงตอบแบบไม่คิดแน่นอนนะคับผมว่า ยังไงก็ขอ อนุโมทนากับความดีที่จะเกิดนะครับ สาธุ
     
  13. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    อันที่จริงแล้วพระพุทธเจ้าจะโปรด หรือช่วยใครให้หลุดพ้น ให้รอดจากอันตรายใดๆทั้งหมดก็ได้ตามประสงค์ที่พระองค์จะกระทำ

    แต่เมื่อกระทำแล้วจะผิดกับหลักคำสอนของพระองค์เอง และผิดคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ดังนั้นเหตุการณ์พระเทวทัตจึงเป็นตัวอย่างที่ทำให้ชาวโลกรู้จักว่าสิ่งใดชั่ว สิ้งใดดีมากขึ้น กว่าการที่พระองค์จะเสด็จไปช่วยเหลือ เพราะ ถ้าไปช่วยเหลือก็เป็นเรื่องธรรมดาไป พุทธบริษัทก็ไม่ตระหนักถึงการกระทำบาป รวมทั้งผิดหลักคำสอน และสัจธรรม
     
  14. มหาพรหมราชา

    มหาพรหมราชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +903
    และถ้าพระองค์ทรงอนุญาติตามที่พระเทวทัตทูลขอนั้น ประเทศไทยของเราทั้งหลาย อาจจะไม่มีพระพุทธศาสนาสืบทอดให้เราได้ศึกษาและปฏิบัติถึงทุกวันนี้

    เรื่อง พระสัพพัญญุตญาณ เป็น เรื่องเหนือวิสัย ของปวงสัตว์ ทั้งไตรย์โลก ทั้ง มนุษย์ เทพเทวดา และเหล่าพรหม ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีใครที่จะหยั่งรู้พระสัพพัญญุตญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งเลย ฟังแล้วน่าขนรุกมั้ยคับ ยังงัยก็ขอให้รักษาจิต รักษาความคิดของเราให้ดีๆนะคับ มีเรื่องที่เราควรคิดควรทำอีกมากมาย เช่น ความ โกรธความขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ มานะทิฏฐฺิ ทั้งความรักความชังทั้งหลาย และกิเลสทั้งมวลในใจ ที่เผาไหม้หัวใจเราอยู่ทุกขณะจิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อทุกข์ก่อกรรมให้เรา เป็นสิ่งที่เราควรรีบชำระ ออกจากจิตใจเรา ตัวผมเองมองเห็นจุดนี้ก็พยายามชำระอยู่ และก็จะพยายามทำต่อไป ฝึกฝนตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป ขอ อนุโมทนา ใน สิ่งดีๆ ที่จะเกิดนะครับ สาธุ
     
  15. รัศมีสีทอง

    รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +391
    ภาคปฏิบัติถามมาก กี่โกฎิชาติคุณก็ไปไม่ถึงสักที การปฏิบัติชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว อิสลาม คริสต์ เขาสวดอ้อนวอนนะครับ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสัจธรรมของจริง
     
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แล้วนี้ไม่ต่างจากของ คริตส์ อิสลาม หรือ แล้วที่คนไทย เวลากลัวผี สอบตก ตกงาน หมดหวัง ไป ขอพระ หลวงพ่อ วัดนั้นวัดนี้บ้าง ละไม่ต่างจากอ้นวอนหรือ
    บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
    ( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว )

    สันทิฏโก ( เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง )

    อะกาลิโก ( เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล )

    เอหิปัสสิโก ( เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด )

    โอปะนะยิโก ( เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว )

    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหีติ. ( เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ )



    บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

    ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว )


    อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว )


    ายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว )


    สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว )

    ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ )


    จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏะ ปุริสะปุคคะลา

    ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ )

    เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

    ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า )

    อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา )

    ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ )

    ทักขิเณยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน )

    อัชะลีกะระณีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี )

    อะนุตตะรัง ปุกเขตตัง โลกัสสาติ.

    ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ )
    ??? God?

    สิ่งที่ถามอาจจะฟังดูน่าเกลียดแต่ ดิฉัน ต้องหัดมาพิจารณา หาคำตอบ นั้นอาจไม่ใช่วิสัยท่านแต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะเหมือนกันนิคะ


    เรื่องสมาธิ นี้ดิฉันเชื่อเพราะได้พิสูจน์ แล้ว แต่ เรื่องอภิญญา นี้ ดิฉัน ก็ ไม่ได้เห็นเฉพาะในพระพุทธศาสนาแต่อย่างเดียว แม้ แต่ พวกฝรั่งที่มีฌาณสี่ ก็มีมากมาย คนเราที่กล่าวว่าตายไปแล้วได้ไปนิพพาน แต่ก็ไม่มีหลักฐาน ยืนยัน หรือ กลับมาบอกว่าไปจริง สำหรับมนุษย์ ธรรมดา ที่อยากรอด ก็ แน่นอน ต้องหาคำตอบจากหลายๆที่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2013
  17. บ้านสันติธรรม

    บ้านสันติธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +58
    ที่คุณ DuchessFidgette ถามมา เขาแค่อยากทราบความคิดเห็นเท่านั้นนะครับและ ไม่ได้ถามเกี่ยวกับการปฎิบัติ ท่านมีความรู้พอที่จะตอบเขาให้หายสงสัยได้ก็ว่าไป อาจจะจำมาบ้าง อ่านมาบ้าง ฟังใครเล่าให้ฟังบ้างก็ว่ากันไปท่านออกความเห็นได้เต็มที่ แต่กรุณาตอบให้ตรงประเด็น ขอบคุณ คุณ DuchessFidgette นะครับสำหรับคำถาม เพระผมคนนึงที่ได้ความรู้จากกระทู้ของคุณเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
     
  18. รัศมีสีทอง

    รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +391
    ขอให้มั่นคงในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มันเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ใครก็ตามเข้าถึงพระรัตนตรัยแท้ จะไม่มีจิตแปรผันเป็นอย่างอื่นแน่นอน อภิญญามีทุกศาสนา แต่มรรค 8 มีได้เฉพาะพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่มีที่อื่น ขอให้เข้าถึง ยอมรับนับถือพระรัตนตรัยจริงๆ คุณจะหายสงสัยทุกอย่าง ขอให้ทำจริงๆจังๆ แล้วจะรู้ว่าพระรัตนตรัยมีคุณอย่างไร ผมบอกคุณไม่ได้ว่าพระรัตนตรัยมีคุณอย่างไร มันอยู่ในใจของใครของมัน ผมไม่มีคำถามกับหลักธรรมแล้ว ผมมั่นใจในพระรัตนตรัยแก้ว ผมอยากให้ทุกคนเห็นอย่างที่ผมเห็น ยอมตายเพื่อรักษาธรรม และพระรัตนตรัย ใครทำได้มั๊ย ไม่ยอมทำผิดเพราะเคารพในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ขอให้ทุกท่านเข้าถึงธรรมโดยเร็ววัน สาธุ.....
     
  19. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ข้ออื่น ๆ หลายท่านไ้ด้ตอบไปแล้ว และมีเหตุมีผลเป็นประโยชน์ยิ่งคะ แต่ขออนุญาติ

    เสริมเรื่องที่ว่า ทำไม พระพุทธเจ้าไม่ไปโปรดพระเทวทัต ท่านไม่เมตตาปราณีหรือ?

    เทวทัตไม่สบายมากไปเองไม่ไหวน่ะ และพระพุทธเจ้าท่านสามารถทำปาฏิหาริย์ให้เห็น

    ปรากฏประหนึ่้งว่าพระพุทธองค์เสด็จยืนอยู่เบื้องหน้าเทวทัตก็ได้เพื่้อพระเทวทัตจะได้ ขอ

    ขมาโทษ

    ด้วยความเคารพ ขอตอบอย่างนี้พระพุทธเจ้า ท่านรักและเมตตาไม่ว่ามิตร ไม่ว่าศัตรู

    หมู่มาร ไหนๆ น้ำพระทัยท่านเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาเสมอเหมือนเท่าเทียมกัน

    หมด ไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง อย่างที่เข้าใจ เพราะนี่คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ

    เจ้าที่ไม่บังควรไปคิดแบบนั้น เหตุที่พระพุทธองค์ไม่ไปเพราะไปก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง

    อะไรได้ไม่เกิดประโยชน์ ด้วยโทษานุโทษของเทวทัตนั้นต้องเข้าใจก่อนว่า นั่นคือ

    อนันตริยกรรม คืออะไร? รูปศัพท์ว่า การกระทำที่ไม่มีช่องว่าง ระหว่างกรรม กรรมที่ให้

    ผลไม่เว้นระยะนะ คือกรรมที่เป็นบาปหนักที่สุดมี 5 อย่าง คือ 1.ฆ่าบิดา 2.ฆ่า

    มารดา3.ฆ่าพระอรหันต์ 4.ทำให้พระกายพระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต 5.ทำให้สงฆ์

    แตกแยก

    เหล่านี้ : จัดเป็นครุกกรรม คือกรรมที่มีพลังอำนาจมากให้ผลก่อนกรรมอื่น ๆ ไม่มีกรรม

    ใดมาขวางกั้นได้

    อโหสิกรรมหรือ? อโหสิกรรมหรือไม่เทวทัตย่อมไปสู่มหาอเวจีอยู่แล้ว เพราะอะไร?

    เพราะกรรมมันรอส่งผลไม่เปลี่ยน นะท่าน! พระพุทธองค์ทราบดีถึงความเป็นจริงข้อนี้ดี

    ว่าไม่มีฤทธิ์ใดจะชนะกฏแห่งกรรมได้ ดังเช่น

    พระโมคคัลาใช้ฤทธิ์หนีโจรไปเรื่อย แต่ท้ายที่สุดเมื่อท่านได้พิจารณาแล้วก็ต้องยอมเพราะ

    มันคือกฏแห่งกรรมมิอาจหลีกหนีได้นั่นเอง

    พระองค์จะเสด็จหรือไม่เสด็จไม่มีผลต่อวิบากกรรมที่เทวทัตจะต้องได้รับ เรื่องของพระ

    ศาสดา เป็นเรื่องพุทธวิสัยและกรรมวิสัย มิฉะนั้น พระพุทธเจ้าก็โปรดองคุลีมาลตั้งแต่

    ก่อนจะฆ่าใครแล้ว

    พระพุทธเจ้าก็น่าไปโปรดพระเจ้าอชาติศัตรูก่อนปลงพระชนม์จะฆ่าพระบิดาแล้ว

    เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องกฏแห่งกรรมที่ไม่อาจหลีกหนีได้

    ในเรื่องของน้ำพระทัยเมตตานั้น พระพุทธองค์มีเต็มเปี่ยมสม่ำเสมอไม่เปลี่ยนพระองค์

    ทราบและตระหนักได้ดีว่า พระเทวทัตนี้ ควรต้องบวช เพราะหากไม่ประทานอนุญาติให้

    บวช เมื่อเป็นคฤหัสถ์จักได้ทำกรรมหนัก จักไม่ได้อาจทำปัจจัยต่อไป ก็แลครั้นบวชแล้ว

    ก็จริง ก็จักสามารถทำปัจจัยแห่งภพต่อไปได้ พูดง่าย ๆ คือ หากเป็นฆราวาสเทวทัตก็จะ

    ทำกรรมหนักและต้องตกสู่อภายภูมิหลายร้อย หลายพันชาติซึ่งไม่รู้เมื่อใดจักได้สามารถ

    หลุดพ้นออกมาได้ หากแต่ให้บวชแล้วทำกรรมหนักก็จริงอยู่ต้องไปเสวยทุขเวทนาใน

    อเวจีมหานรก เสีย กัป หนึ่งแล้วเมื่อพ้นออกมา จักได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ใน

    อนาคตอันไกล

    อีกประการเหตุที่เทวทัตไม่อาจเห็นพระพุทธองค์นั้นคือ

    การทูลขอวัตถุ 5 ประการต่อพระศาสดา นั้นนั่นเอง

    เพราะหลังจากที่ยุแยงให้พระเจ้าอชาติศัตรูหานายธนูมือดีมาลอบยิงพระพุทธองค์ครั้งแล้ว

    คร้งเล่าก็ไม่เคยสำเร็จ

    จ้างคนอื่นทำไม่สำเร็จ ทีนี้ทำเองเลย ขึ้นไปผลักหินที่เขาคิชกูฒิกลิ้งลงมาขณะพระพุทธ

    องค์เสด็จแต่หินก็ค้างเติ่งบนหน้าผานั่นเอง แต่สะเก็ดหินเล็กได้กระเด็นมาโดนพระบาท

    ทำให้ห้อพระโลิหิต

    เมื่อพระพุทธองค์ไม่สิ้นพระชนม์ ก็ไม่ละพยายามยุให้พระเจ้าอชาติศัตรูนำช้างที่ดุร้าย

    ที่สุดกำลังตกมันพอดีคือนาฬคิริงและนำเหล้าผสมให้ช้างดื่มและไล่ให้วิ่งออกไปหวังให้

    ช้างทำร้ายเหยีบพระพุทธองค์ให้สิ้นชีพ ช้างก็หมอบลงน้ำตาไหลพรากด้วยพระพุทธ

    เมตตาที่ทรงแผ่ไปไม่มีประมาณ

    ทำเรื่องชั่วร้ายขนาดนี้ ประชาชนทราบก็พากันแอนตี้ไม่มีใครใส่บาตร พระเจ้าอชาติศัตรูก็

    ไม่เอาด้วยถอนตัว ไม่ไปพบไปหา ตัดเบี้ยถวายปัจจัยลาภสักการะจนหมดสิ้น นี่ละ!!!!

    คือจุดที่ พระเทวทัต คิดวิธีที่จะเรียกความเชื่อถือกลับคืนมาจากมหาชน คือการไปทูลขอ

    วัตถุ 5 ประการเพื่อหวังทำลายสงฆ์ ทำลายจักรของพระสมณโคดมนั่นเอง เทวทัตรู้แก่

    ใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าจะไม่ยอมประทานอนุญาตให้ในวัตถู 5 ประการแน่นอน

    และนี่คือที่มาแห่งที่มา!!!!!!!!!

    และเมื่อมีเหตุย่อมมีผลเป็นธรรมดา

    เหตุที่ได้ไปทูลขอ วัตถุ 5 ประการต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า

    ผลคือ การที่จะไม่ได้เห็นพระศาสดาอีกเลย (ตามที่ท่านแสดงไว้ว่า ข้อนี้เป็นธรรมดา)

    ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบอภิวาทแทบเบื้องพระยุคค

    ลบาทแห่งสมเด็จพระชินสีห์พระผู้เปี่ยมไปด้วยน้ำพระทัยอันเมตตากรุณายิ่ง ธรรมมะใดที่

    พระผู้มีพระภาคเจ้าเห็นแล้วสำเร็จแล้วขอธรรมนั้่น ข้าพพระพุทธเจ้าสามารถเข้าใจได้ไม่

    ยากและสิ้นอาสะวักกิเลสได้เห็นธรรมนั้นและถึงซึ่งนิพพานด้วยเทอญ

    และการใดที่ข้าพระพุทธเจ้าแม้เล่าเรื่องใดพึงเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนขอนอบน้อมแด่

    พระผู้มีพระภาคเจ้า แต่หากข้อความใดของข้าพระพุทธเจ้าทำให้ท่านหนึ่งท่านใด ผู้

    หนึ่้งผู้ใด ไม่สบายใจ ไม่สบายการ ระคาย เคืองขุ่น ดิฉันขอน้อมรับผิดชอบแต่เพียง

    ผู้เดียว

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในใจมากๆคะ
     
  20. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ... ข้อ 5. ผมไม่ตอบเพราะมันเป็นพุทธวิสัย เลยไม่อยากคิด (จริงๆจะคิดก็ได้แต่ขี้เกียจ เพราะไม่ได้อะไร ซึ่งไม่ได้สนใจอ่านละเอียดด้วย -,-)

    มานั่งเก้าอี้ เพิ่งนึกได้ว่า พระเทวทัตต์นั้นต้องได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง จึงจะต้องเข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักต์เท่านั้นพร้อมกับกล่าวขอขมาและถวายชีวิตหรือสิ่งที่เนื่องด้วยชีวิต พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดด้วยฤทธิ์ไม่ได้ ต้องต่างจากการโปรดผู้อื่นเพื่อบรรลุมรรคผลแบบปกติ.... คือการจะได้พุทธพยากรณ์เข้าใจว่าจะต้องมีกำลังใจระลึกในคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยบริสุทธิ์ใจ หรือมีสัมมาทิฏฐิด้วยกำลังใจของตัวเอง

    ก็เป็นความคิดเห็นเท่านั้น ยังไงก็ไม่ใช่ความจริงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...