เมื่อไหร่จะถึงเวลาของเรา...

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย เรือดำน้ำ, 11 มีนาคม 2013.

  1. เรือดำน้ำ

    เรือดำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +63
    "จง จำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา... ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"

    คำเทศนาของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) เชื่อได้ว่าเป็นจริงเสมอ

    เราสามารถที่จะทำบุญสร้างกุศลสะสมไว้ได้เป็นประจำสม่ำเสมอ แต่การทำอะไรไปเรื่อย ๆ เหมือนการรอคอยโดยไม่มีกำหนด มันก็อาจทำให้เราอ่อนล้า และท้อได้เช่นกัน

    เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไหร่... จึงจะถึงเวลาของเรา ?????
     
  2. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    อนุโมทนาสาธุครับ

    ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ

    "ผู้ที่หวังผลของการกระทำความดีย่อมได้รับผลของการกระทำความดีช้ากว่าผู้ที่ไม่หวังผลของการกระทำความดี"

    ถามว่าเมื่อไหร่ "เป็นระยะๆ ถ้าผู้นั้นไม่ได้หวังผล แต่ผลจะมาแบบไม่รู้เนื้อ รู้ตัว เมื่อนั้นก็จะคิดได้เอง"


    ครู อาจารย์ท่านสอนให้กระทำแต่กรรมดี ท่านไม่ได้สอนให้ระลึกถึงผลของการกระทำความดี


    อนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. luck-luck

    luck-luck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +568
    ใช่ค่ะ เพราะตอนที่เราทำไม่ดี เราก็ยังไม่เคยนั่งรอว่าเมื่อไรความไม่ดีนั้นจะส่งผล ยิ่งดีใจด้วยซ้ำที่มันไม่เห็นผล แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะส่งผลเมื่อไร บางทีมันก็ส่งผลตอนที่เราลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรไว้

    แต่พอทำความดี ชะเง้อคอรอเลยทีเดียว(ตัวเองก็เคยเป็น แล้วก็เคยผิดหวังด้วย)

    ตอนนี้คิดแล้วว่า ทั้งกรรมดีกรรมชั่วให้ผลยุติธรรมแล้ว ตามเหตุ ตามปัจจัย ตามกฎแห่งกรรม มิใช่ให้ผลตามความอยากของเรา
     
  4. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    มีคนทีีมีความรู้สึกเช่นนี้มาก เพราะเกิดจาการคาดหวัง ว่าเมื่อทำแ้ล้วจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ จึงตั้งตารอคอย เมื่อเวลาผ่านไปยังไม่ได้ดังหวังหรือเมื่อมีความทุกข์เข้ามาจะรู้สึกเลยว่า ทำไมไม่ถึงเวลาของเราเสียที (ผมก็รู้สึกเ่ช่นนั้น) ท่านรู้จักภาชนะที่ใช้ใส่บุญความดีหรือไม่ มีหน้าตาอย่างไร เปรียบเวลาที่เราทำความดี เป็นดังน้ำหยดลงบนภาชนะรองรับ ไอ้ภาชนะรองรับรับนี่แหละ ที่เราไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ทำให้เราไม่สามารถกะเกณฑ์ได้เลยว่าจะเต็มเมื่อไร เพราะคาดไว้ว่าหากเต็มก็จะถึงเวลาของเรา ยิ่งนึกยิ่งช้าผลการทำความดีที่คาดหวังอานิสงค์ก็น้อยลงไปอีก ทำให้เกิดท้อ และเผลอปรามาสคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้หยดน้ำแห่งความดีก็ไม่ยอมเต็มเสียที เดาว่า เจ้าขอกระทู้คงถูกกระทบกระเทือนจิตใจบางอย่างจึงให้เกิดรู้สึกว่า เมื่อไรจะถึงเวลาของเรา นั่นจะเป็นการบั่นทอนเวลาของเราให้นานไปอีก จึงขอให้ทำใจเสียใหม่ว่า ยังไม่ถึงเลาของเราก็ช่างมัน แต่ตอนนี้ฉันมีความสุข ความสงบ ในการทำความดี ฉันรู้สึกปลาบปลื้มในความดีของฉันทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังจากทำแล้ว นึกขึ้นเมื่อใด ฉันก็มีความสุข ฉันเห็นใครทำความดีฉันก็ไม่ลังเลที่จะอนุโมทนาจากใจ ตั้งใจให้สามโลกสะเทือนเลื่อนลั่นในการอนุโมทนาของฉัน ฉันจะยินดีอย่างมากเมื่อได้กระทำความดีกับคนที่ฉันไม่ชอบมาก ๆ หรือบุคคลใด ๆ ฉันยินดีจะทำบุญกับพระทุกรูป แม้ว่าจะรู้ภายหลังว่าเป็นพระปลอม ลองดูนะ ท่านจะได้รู้ว่า เวลาที่รอนั้น แท้จริงมาถึงเรานานแล้วมานั่งรอเราอยู่หน้าบ้านเพียงแต่เราไม่เปิดใจรับเขาเท่านั้นเอง ขอให้ทุกท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
     
  5. เรือดำน้ำ

    เรือดำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +63
    ผม เจ้าของกระทู้ ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่เมตตาให้คำแนะนำดี ๆ กับผมนะครับ

    ขอบคุณมากครับ ^________^
     
  6. NgNu

    NgNu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +101
    เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วรู้สึกสงบจัง
     
  7. luck-luck

    luck-luck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +568
    เห็นด้วยค่ะ และมันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ปถุชน สำหรับความคาดหวัง โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ในความทุกข์และการรอคอย จะเสแสร้งให้มีความสุขนั้นยากเหลือเกิน เช่นเดียวกันเมื่อครั้งที่ชีวิตสุขสมหวังจะแกล้งทำหน้าเศร้าก็คงยาก เพราะฉนั้น ต้องฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก กับการไม่ยินดียินร้ายให้ได้ (ตัวเองก็ยังทำไม่ได้ตอนนี้ เคยทำได้มาครั้งหนึ่งเมื่อสิบปีที่แล้ว) ตอนนั้นตัดหมดเลย ไม่อยากได้ไม่อยากมี ไม่ยินดียินร้าย แล้วชีวิตก็ดีขึ้นๆๆๆ จากนั้นก็หลงๆๆๆๆ แล้วก็ร่วงๆๆๆๆ (โลกธรรมแปดนั้นจริงแท้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย)

    ตอนนี้ก็พยายามอย่างมาก หากชีวิตดีขึ้นอีกครั้งขออย่าให้เป็นผู้ประมาทในการใช้ชีวิต อย่าหลงใน สุข ลาภ ยศ สรรเสริญ นั้นอีกเลย(หากใครที่เคยมีทั้ง สุข ลาภ ยศ สรรเสริญ เข้ามาพร้อมๆกัน ก็จะรู้ว่าความลืมตัวนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายมาก)
     

แชร์หน้านี้

Loading...