ผลกรรม...ของการคบชู้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yo09(), 28 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +14,165
    บทพิจารณาร่างกายมองให้ทะลุธาตุทั้ง๔มารวมชิดติดกันครับ

    catt23กายะคะตาสะติภาวะนาปาฐะ

    (นำ) หันทะ มะยัง กายะคะตาสะติภาวะนาปาฐัง ภะณามะ เส ฯ

    อะยัง โข เม กาโย, กายของเรานี้แล;
    อุทธัง ปาทะตะลา, เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา;
    อะโธ เกสะมัตถะกา, เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป;
    ตะจะปะริยันโต, มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ;
    ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน, เต็มไปด้วยของไม่สะอาดมีประการ ต่าง ๆ;
    อัตถิ อิมัสมิง กาเย, มีอยู่ในกายนี้,
    เกสา, คือผมทั้งหลาย,
    โลมา, คือขนทั้งหลาย,
    นะขา, คือเล็บทั้งหลาย;
    ทันตา, คือฟันทั้งหลาย
    ตะโจ, คือหนัง
    มังสัง, คือเนื้อ
    นะหารู, คือเอ็นทั้งหลาย
    อัฏฐิ, คือกระดูกทั้งหลาย,
    อัฏฐิ มิญชัง, เยื่อในกระดูก,
    วักกัง, ม้าม,
    หะทะยัง, หัวใจ;
    ยะกะนัง, ตับ,
    กิโลมะกัง, พังผืด,
    ปิหะกัง, ไต,
    ปัปผาสัง, ปอด,
    อันตัง, ไส้ใหญ่;
    อันตะคุณัง, ไส้น้อย,
    อุทะริยัง, อาหารใหม่,
    กะรีสัง, อาหารเก่า,
    มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อในสมองศรีษะ
    ปิดตัง, น้ำดี,
    เสมหัง, น้ำเสลด,
    ปุพโพ, น้ำเหลือง,
    โลหิตัง, น้ำเลือด,
    เสโท, น้ำเหงื่อ,
    เมโท, น้ำมันข้น,
    อัสสุ, น้ำตา,
    วะสา, น้ำมันเหลว,
    เขโฬ, น้ำลาย,
    สิงฆาณิกา, น้ำมูก,
    ละสิกา, น้ำไขข้อ,
    มุตตัง, น้ำมูตร,
    เอวะมะยัง เม กาโย, กายของเรานี้อย่างนี้,
    อุทธัง ปาทะตะลา, เบื้องบนแต่พื้นที่เท้าขึ้นมา,
    อะโธ เกสะมัตถะกา, เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป,
    ตะจะปะริยันโต, มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ,
    ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน, เต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีประการต่างๆ อย่างนี้แล.
    catt19
     
  2. Toon Eastern

    Toon Eastern เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +309
    สงสัย..เคยไปทำเวรกรรมไว้
    เลยโดนมองว่าเจ้าชู้ตลอด ทั้งที่ไม่เคยเลยจะเจ้าชู้.
    มีแฟนก็ระแวงเราอีก..สุดท้ายก็อยู่อย่างโสด ๆ
    เฮ้อ..เวรกรรม
     
  3. ป่ากุง

    ป่ากุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +784
    ..............................................................................

    กรรมคืออะไรหรือครับ เข้าใจเปล่า กรรมคือการกระทำที่ทำด้วยเจตนา ...ถ้ารู้ว่าผิดก็งดกรรมนั้นเสีย
     
  4. ป่ากุง

    ป่ากุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +784
    หรือจะโง่ไปทำตามใจอยาก กิเลสย่อมดึงใจลงสุ่ทางต่ำเสมอนะครับ
     
  5. L-Walkers

    L-Walkers เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2013
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +176
    ~ ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี...
    ~ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ...
    ~แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการที่มัดตรึงเหนียวแน่นให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป...
     
  6. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    เป็นเรื่องของพ่อกับแม่
    ไม่เกี่ยวกับคุณ
    ถ้าเข้าไปยุ่งคุณจะเป็นคนที่ซวยที่สุดในเรื่องนี้
     
  7. พูดทำไม

    พูดทำไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +244
    ขอบคุณ คุณ samnido ค่ะ
     
  8. ประปราย

    ประปราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +301

    ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อนน่ะค่ะ ถือซะเวลาพิสูจน์ค่ะ ไม่มีความลับในโลกนี้ค่ะ ถึงเวลา พ่อของพี่ก็จะรู้เองค่ะ แต่ให้สืบประวัติผู้ชายเผื่อไว้บ้าง ว่าอันตรายมั้ย เพราะ อาหนู ภรรยามีชู้ และชู้ ก็เอาปืนขู่อาให้หย่า ไม่งั้นไม่ตายดี ครอบครัวผู้หญิงก็เห็นดีเห็นงามกับชายคนนั้น เพราะเขาเห็นว่าชายคนนั้นมีเงินมากกว่าอาหนูค่ะ (แต่อาหนูคนนี้ เป็นคนดีมากๆเลยค่ะ หาคนที่ดี รักแฟนแบบนั้นยากมากๆ กว่าจะได้เลิกกัน ญาติๆเป็นห่วงอามากค่ะ เพราะอาไม่อยากเลิก) เพราะฉะนั้น คุณต้องระวังภัยจากชายคนนั้นด้วยน่ะค่ะ ความโลภอยากได้ของคนอื่นบังตานาทีนั้นอาจจะทำอะไรก็ได้ค่ะ


    และอยากให้คุณปลงเสีย คิดว่าเป็นกรรมของพ่อกับแม่คุณ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดค่ะ ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นแม่คุณ เมื่อความโกรธคุณลดลง คุณก็จะอภัยให้ท่านเองล่ะค่ะ สู้ๆน่ะค่ะ ทุกคนมีปัญหากันหมดแหละ ถ้าเราไม่ปล่อยวางซะบ้าง จะยิ่งทุกข์น่ะค่ะ หนูของเป็นกำลังใจให้พี่ค่ะ :cool:
     
  9. พูดทำไม

    พูดทำไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +244
    ขอบคุณเจ้าของเว็บ พลังจิตมากๆ ค่ะ ที่สร้างเว็บนี้ขึ้นมา ได้มาเจอคนที่มีความรู้ทางธรรมที่นี่ ถือว่าเป็นความโชคดีมากๆ เลยค่ะ
     
  10. sherfah

    sherfah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +193
    เพราะรู้สึก โลกนี้จึงวุ่นวาย

    มาฆ่าตัวรู้สึกทิ้งกันเถอะ โลกนี้จะได้อยู่แล้วสงบ
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เห็นใจในเรื่องที่คุณพบเจอครับ..

    ..เรื่องที่ยังปล่อยวางไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอให้พยายามศึกษาพระธรรมให้มาก ย่อมได้ปัจจัยให้เกิดปัญญา ทราบชัดในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามาด้วยเหตุผลต้นปลายอย่างไร ครั้นทราบเหตุผลแล้ว ปัญญานั่นเองที่จะทำหน้าที่"ปล่อยวาง"ได้อย่างถูกต้อง จะไม่ปล่อยวางด้วยการกัดฟันกรอดๆและเจ็บแค้นลึกๆ...เพราะเมื่อปล่อยวางถูกจะเบา ไม่กระสับกระส่ายเหมือนถูกไฟรุมเผาอยู่....

    สิ่งแรกที่ควรทำความรู้จักคือความจริงที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง..ไม่มีอะไรที่ตั้งมั่นยืนยงคงที่ได้ ดูจากquoteข้างบน ก็ชัดเจนว่า แม้คราวก่อนแม่เป็น "คนธรรมมะธรรมโมมาก"..เเต่เดี๋ยวนี้แม่เปลี่ยนไป..ดังนั้น การที่เราคาดหวังไว้ว่าใครๆจะเป็นอะไรๆดังที่ใจตนปรารถนาตลอดไป จึงเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความจริงในธรรมชาติ เมื่อหวังผิดก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่ยอมรับความจริง เรื่องนี้ต้องแก้ที่ใจตนเองก่อน...เป็นเบื้องต้น.......

    ที่นี้มาดูต้นเหตุของปัญหาว่ามาจากใหน....
    แม่มีใจให้ชายอื่นที่ไม่ใช่พ่อของเรา ...

    ...การที่แม่ไปมีใจให้ชายอื่นเป็น"บาปใหม่"ที่แม่กำลังทำอยู่ด้วยความร่าเริงยิ่ง ด้วยอำนาจตัณหาที่แรงกล้าอันตนสั่งสมอุปนิสัยไว้มาต่อเนื่องยาวนาน .. เมื่อได้เหตุปัจจัยที่ตนจะเข้าถึงความเป็นคนเจ้าชู้ ก็ย่อมทำได้โดยง่ายไม่ติดขัดเก้อเขิน..แม้ตนจะมีสามีและลูกแล้ว ก็หาได้ตะขิดตะขวงใจอันใดไม่เพราะหิริโอตตัปปะอ่อนกำลังง่อยเปลี้ยไปแล้ว..ก็หิริโอตตัปปะเป็นเหตุใกล้ให้สามารถรักษาศีล ละเว้นชั่วกลัวบาปได้ เมื่อปราศไปเช่นนั้น บุคคลย่อมทำบาปกรรมได้เเคล่วคล่อง ..

    บุคคลผู้ล่วงศีลอยู่ ย่อมตกไปแล้วจากมนุษย์ภูมิ อันมีศีล๕รองรับอยู่ ข้อที่เขาจะได้เข้าถึงอบายภูมิเมื่อตายเพราะกายแตกย่อมหวังได้


    คนที่น่าห่วงในกรณี ไม่ใช่ใครเลยนอกจากแม่ของเรา!

    เราในฐานะลูก พึงทราบอาการที่ตนจะสามารถ"แสดงการตอบแทนคุณ"ที่ถูกควรแก่แม่ในบัดนี้ด้วยการแสดงข้อธรรม และศีล ให้แม่ยุติการก่อบาปสร้างเวรภัยให้ตนเองเสียโดยเร็ว...การนิ่งเงียบ ดูรู้อยู่ด้วยความอึดอัดขัดเคืองเป็นอาการของเด็กอ่อนที่ปัญญายังน้อย ไม่อาจเป็นอุปการะอย่างยิ่งแก่มารดาที่กำลังก้าวลงในหุบเหวอยู่..เมื่อท่านประสงค์จำนงค์จะเกื้อกูลชี้ทางสว่างให้แม่ เจตนานี้เป็นกุศลอันยิ่ง ท่านจะได้ชื่อว่าสามารถตอบเเทนคุณมารดาได้ดียิ่งกว่าจะแบกท่านไว้บนบ่า เลี้ยงดูท่านด้วยอาการนั้นทีเดียว..

    ท่านผู้เป็นลูก พึงคุยกับแม่เสีย เตือนให้ท่านระลึกถึงธรรมะที่ท่านเคยสั่งสมเกี่ยวข้องมาในคราก่อน..บางที่บุญเก่าของแม่อาจยังมีกำลัง ได้ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดหิริโอตตัปปะ ยุติการล่วงศีลได้ทัน..บาปกรรมย่อมยุติไปในเวลาอันรวดเร็ว แม้ผลที่ไม่ดีก็มีไม่มาก ..



    อ นึ่ง ลูกเองพึงทราบความจริงว่า การต่อสู้สิ่งใดๆไม่ยากเท่าการต่อสู้กับอำนาจตัณหาราคะ..ดังนั้น ท่านพึงเตรียมทำใจว่า แม้ท่านหวังดีรักใคร่หวังเอื้อเฟื้อเกื้อกูลด้วยจริงใจ แต่หากแม่ไม่รับ ท่านก็พึงวางใจปลงไว้ด้วยอุเบกขาว่า.."สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน..มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กระทำกรรมอันใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น."..เราจักไปตามกรรมของเรา ส่วนแม่ก็ต้องไปตามกรรมของท่าน..ไม่เกี่ยวข้องปะปนกัน แต่หากเรายังใจไว้ในโทมนัส มีพยาบาทวิตกครอบใจอยู่ นี้ย่อมเป็นแต่ทางไปสู่เสื่อมเท่านั้น...แล้วพึงอาศัยพระธรรมค้ำชูใจให้เบิกบานเนืองๆ ..เพราะทราบชัดว่า ที่สุดแห่งการพบคือการพลัดพรากจากกัน ไม่จากเป็นก็จากตาย...แม้พ่อเอง ก็ไม่พ้นจากอำนาจของกรรมและวิบาก ที่มีอิทธิพลต่อสรรพสัตว์ถ้วนทั่วไม่มีเว้น ตราบที่ยังมีขันธ์๕เป็นไปอยู่...

    ขอให้ปัญหายุติลงด้วยดีครับ
     
  12. พูดทำไม

    พูดทำไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +244
    ขอบคุณมากค่ะ คุณddman อ่านข้อคิดของคุณแล้ว
    อยู่ๆ ใจหม่นหมองนี้ มันสว่างขึ้นมาทันทีเลย สว่างอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตอนแรกนั่งอยู่ในความมืดมิด แม้ใครจะพูดจะปลอบอย่างไรก็รู้สึกดีๆได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็กลับมาเป็นดังเดิม

    จนมาอ่านข้อความของคุณddman เหมือนได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ มุมมองใหม่อีกด้านที่เราคิดไม่ถึงจุดๆนี้ เหมือนฟังพระเทศแล้วเข้าถึงเนื้อหาแบบลึกซึ้งอะไรประมาณนี้อะค่ะ ทำให้ใจมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทำให้คิดขึ้นมาได้ ว่าใช่แล้วเราต้องใช้ธรรมมะ นี่และช่วยแม่ เราใช้ความโกรธไม่ได้ ขอบคุณ คุณddman ที่ชี้ทางสว่างให้ค่ะ ขอผลบุญนี้ส่งเสริมให้ คุณddman มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต มีชีวิตที่สว่างสดใสเช่นกันค่ะ :cool:
     
  13. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    โยมเอ้ย...ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ทุกข์หรอกนะ เคยได้ยินมั้ยปฏิธรรมทั้งน้ำตา ขนาดหวังจะออก ไม่อยากทุกข์ แต่ความอาลัยมันก้มีนะ เกิดขึ้นทีไรทุกข์ใจทุกที ถ้าไม่อาศัยความเพียร เละความเสียสละ ก้ไปไม่รอด จะเห็นได้ว่าผู้ปฏิบัติหลายคนยอมถอดใจ ตราบใดที่ยังมีความยึดมั่นถือมั่นอยู่มันก้ทุกข์เหมือนๆกันนั่นแหละ เพราะไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ การรักษาสิ่งที่ได้มาก้ยาก จะไม่ให้มันเสียไปก้ยาก จิตใจต้องดีมากๆถึงจะก้าวหน้าได้ สำหรับผู้ที่สนใจและกำลังทำอยู่ก้ขออนุโมทนานะ แต่ขอบอกว่าให้ตั้งใจ และทำจริงๆก้จะเห็นผลได้จริงๆ
     
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    หากมีศีลกายแต่ไมมีศีลใจ อยากทราบว่าจะตกนรกไหม อย่างเช่นรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว แต่แอบชอบอยู่ลึกๆ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    รื่องกรรมในปัจจุบันที่เกิดนั้น ชั่งซับซ้อน นักครับ ทั้งนี้ปัญหาเฉพาะบุคคลก็อาศัยเหตุคือกรรมในอดีตและปัจจุบัน ที่เกื้อหนุนกัน คนเราหากไม่เคยเป็นคู่เสพสังวาส กันมาก่อน มาชาตินี้ก็ไม่มีทางได้เจอหรือได้เจอก็เป็นได้แค่คนรู้จัก

    การแก้ไขเรื่องนี้ไม่ให้ผิดศีลธรรม จึงต้องอาศัยกำลัง บุญ กำลังจากศีล และที่จำเป็นต้องมีเอาไปต่อสู่กับจิตสัมพันธ์คือสมาธิ สติและปัญญานะครับ ขอให้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เปลี่ยนไปอธิฐานใหม่ คือหากเรามีคู่อยู่แล้ว ไม่อยากผิดศีล ให้อธิฐานใหม่ ขอให้เราหลุดพ้นจากกรรมเก่า หากมีวิบากรรมด้าคู่ครองคนอื่นๆ ก็ขอให้แปลเปลี่ยนไปในทางที่ดี คือให้รักกันฉันมิตรไม่ตรี รักกันในทางที่ดี ส่งเสริมให้เขาทำบุญสร้างกุศล จะไม่ร่วมกันทำบาบ ใดๆอีก ตั้งใจให้หนักแน่นมั่นคง ทำอะไรให้คิดถึงคนรอบๆข้าง หรือครอบครัว แล้วเราจะไม่มีความคิดนอกใจแบบนี้เกิดขึ้นครับ

    บาบทางใจอันตรายหนักมากนะครับ ให้เปลี่ยนเป็นคิดดี รักเขาแบบเป็นมิตร ไม่ใช่คิดอยากได้เขามาเป็นเจ้าของ ให้ระวังความคิดตนเองครับ ค่อยๆ สอนจิตขัดเกลาจิตตนไปนะครับ อนาคตคนเราไม่แน่นอนไม่นานก็ต้องตายจากกัน ไม่นานความสวย ความหล่อก็หมดไปแก่ชรา หย่อนยานไม่งามหรอกครับ สตรีและชายเรานั้นแก้ผ้าออกมาแล้ว ทวารช่องคลอดและปัสาวะอุจาระมันก็เป็นสิ่งสกปรกธรรมดา ขนที่งอกขึ้นเหล่านั้นก็ไม่งาม หากหมักหมม ไม่ชำระก็ไม่งาม เราไม่เห็นในความงามหรือน่ายินดี กามนั้นไม่ได้งดงามอะไรเลยครับ อย่าปล่อยให้หนังกำพร้า หรอกเรานะครับ สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013
  16. เหมียว_วัฒ

    เหมียว_วัฒ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +106
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
    เศร้าใจจริง ๆค่ะ ทั้งทรมานพยายามข่มใจ นั่งสมาธิก็ไม่นิ่งคิดแต่ในเรื่องกามารมย์ คิดแต่ว่าทำยังงัยดีจะได้เขามาครอบครอง แต่อีกซีกนึงของความคิดกับบอกว่า อย่าเลยเรามีคู่ที่ดีแล้วพยายามเลิกซะ แต่บางทีซีกความคิดที่ห้ามดันแพ้ กิเลส ซะแล้ว
    ช่วยหาทางออกให้ทีค่ะ ท่านผู้รู้ ท่านผู้บรรลุแล้วทั้งหลาย
     
  17. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ตอนนี้กิเลสมีกำลังเหนือท่าน ถ้าท่านพิจารณาแบบเดิมๆ อาจต้านอำนาจของ
    กิเลสไม่ไหว โดนมันลากลงอบายได้

    ขออนุญาต แนะสักวิธีที่อาจจะช่วยได้บ้าง

    อาตาปี สัมปชาโณ สติมา
    แปลว่า พึงมีความเพียร มีสติสัมปชัญญะ เผากิเลสให้เร่าร้อน

    เมื่อกิเลสมีกำลังมาก ท่านต้องเผามันให้มันสลาย หรืออย่างน้อยก็อ่อนกำลัง
    ลง เพื่อให้หลุดจากอำนาจของมันได้

    วิธีหนึ่งที่ไม่ยากนัก คือ นั่งสมาธิ ( ไม่ใช่นั่งเก้าอี้ เพราะสภาวะธรรมอาจเกิดช้า
    ต้องใช้เวลา) ตั้งกายตรง ดำรงสติให้มั่น กำหนดจิตตั้งสัจจะว่าจะนั่งนานแค่
    ไหน เช่นถ้าปกติเคยนั่งได้ครึ่งชั่วโมง ก็กำหนดจิตนั่ง ๑ ชั่วโมง ถ้าปกติเคยนั่ง
    ได้ ๑ ชั่วโมง ก็กำหนดจิตนั่ง ๑ ชั่วโมงครึ่ง หรือ ๒ ชั่วโมงถ้าไหว

    เมื่อนั่งแล้ว หลับตา พยายามอย่าขยับร่างกาย แต่ไม่เกร็ง นั่งสบายๆ แต่คุม
    หลังไม่ให้งอเกินไป บริกรรมตามที่ถนัด หรือจะไม่บริกรรมก็ได้ถ้าจิตสงบ
    ตามดูตามรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในกาย ใจ ดูแบบสบายๆเหมือนดูรถวิ่งไป วิ่งมาบน
    ถนน แต่ก็ดูแบบใส่ใจพอสมควร ไม่เพ่งจนตึงเครียด แต่ก็ไม่ดูแบบผ่านๆ

    นั่งไม่นานท่านอาจจะเกิดอาการเมื่อย ชา อึดอัด เจ็บปวดเสียดแทง เหล่านี้
    ท่านไม่ต้องกลัว มันเป็นอาการแสดงออกของธาตุทั้ง ๔ ที่มาประชุมรวมเป็น
    ร่างกายเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกอย่างคือ ท่านจะรู้สึกเจ็บปวดทรมาน
    ท่านต้องใช้ขันติ อุเบกขา และสติปัญญาทั้งปวงเท่าที่มีตามดู ตามรู้สิ่งที่เกิด
    ขึ้นเหล่านี้ด้วยความอดทนอย่างยิ่ง

    ท่านอาจเกิดอาการหนาวๆ ร้อนๆ หรือเหงื่อแตกออกมามากมาย หรือเจ็บปวด
    ทรมานอย่างมาก ก็พยายามอย่าขยับหรือเลิกกลางคัน เพราะตอนนี้เองที่กระ
    บวนการเผากิเลสกำลังเริ่มอย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว

    อาการเหงื่อแตกอย่างมากมาย หรือการรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างมากนั้น หาก
    ท่านอดทนโดยใช้ขันติ อุเบกขา และสติปัญญาทั้งหมดทั้งมวลที่ท่านมี ตามดู
    ตามรู้และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในกาย ในใจของท่านนั้น จนเห็นไตรลักษณ์ได้
    ท่านอาจจะได้พบสิ่งสุดมหัศจรรย์ของจิต แต่ถ้าท่านยังไม่เห็นไตรลักษณ์จริง
    ก็ไม่เป็นไร เพราะอาการเหงื่อแตกอย่างมากมาย( แม้จะนั่งอยู่ในห้องแอร์เย็น
    เฉียบก็ตาม ) หรืออาการเจ็บปวดอย่างมากนั้น ส่วนมากจะแสดงให้เห็นว่า
    ธาตุขันธ์ร่างกายของท่านกำลังถูก ตบะ ความบำเพ็ญเพียรภาวนา ชำระล้างสิ่ง
    สกปรก ( กรรม , กิเลส )ออกไปจากกาย จากจิตของท่านไปเรื่อยๆ

    ยิ่งท่านบำเพ็ญสมาธิทำความเพียรให้มากขึ้นๆ เท่าไร ร่างกายและจิตของท่าน
    ก็จะสะอาดมากขึ้นไปเรื่อยๆเท่านั้น , กิเลส ที่อยู่ในใจของท่านก็
    จะอ่อนกำลังลง และอาจสลายไปได้ถ้าเป็นกิเลสเล็กน้อย และกรรมบางอย่าง
    ที่ทำให้ท่านเจ็บป่วยอยู่ ก็อาจสลายไปได้ ทำให้ท่านหายเจ็บป่วยไปด้วย

    เมื่อท่านนั่งได้ตามเวลาที่ท่านได้กำหนดจิตไว้แล้ว หากท่านทนไหวจะนั่งเผา
    กิเลสต่อไปก็ได้ แต่ถ้าท่านคิดว่าพอก่อน ก็ค่อยๆถอนออกจากสมาธิ รอสัก
    พักค่อยๆขยับแขนขา อย่าผลุนผลันนะครับ ท่านจะพบว่าทั้งกายและใจรู้สึก
    เบาสบายขึ้น อำนาจของกิเลสที่ครอบงำจิตใจของท่านอยู่ก็เบาลง

    หากท่านเพียรบำเพ็ญให้มากเข้าๆ แม้กิเลสจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่ถูกท่าน
    เผามันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายมันก็ต้องอ่อนกำลังลงและสลายไปได้ ขึ้นอยู่
    กับการบำเพ็ญเพียรของท่านครับ

    ท่านพึงพยายามรักษาศีลให้ได้ ดุจพระพุทธองค์ ที่อดีตชาติครั้งที่เป็นพระ
    โพธิสัตว์ หลายชาติทรงบำเพ็ญศีลบารมี แม้ต้องตายก็จะไม่ยอมผิดศีล
    ขอเป็นกำลังใจ ให้ท่านได้พ้นจากอำนาจของกิเลส ตัณหาโดยเร็วด้วยเถิด

    โปรดใช้วิจารณญาณ และพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองนะครับ

    " นิพพานชาตินี้กันเถอะ "
     
  18. เหมียว_วัฒ

    เหมียว_วัฒ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +106
    ขออนุโมทนาเจ้าค่ะ
    ขอบคุณค่ะ คุณ yo09() สำหรับคำแนะนำ เป็นประโยชน์ อย่างมากค่ะ จะนำไปปฏิบัติ ค่ะ
     
  19. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    ถ้ายิ่งนั่งยิ่งคิดถึงกามารมณ์ก็พึงยุติการนั่งลงก่อนแล้วหันมาคิดให้มากว่า "การปล่ิอยใจไปตามกำลังอำนาจของกิเลสนั้น มีแต่จะนำตนไปสู่ความเสียหาย..เราเกิดมาแล้วด้วยบุุญอันดียิ่งจึงได้อัตภาพของ"คน" มีชื่อว่าเป็นผู้มา
    สว่าง..ไม่ควรเลยที่จะพาตนไปมืด..อันที่จริง แม้ความเสน่หาอาลัยแลอารมณ์ความรู้สึกทุกชนิดก็ไม่เที่ยง เพราะในที่สุดก็บ่ายคล้อยหายหมดไปตามกฏไตรลักษณ์ นี่เรามีโอกาสได้พบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว น่าที่เราจะสั่งสมโยนิโสมนัสสิการคือการคิดด้วยความฉลาดแยบคายได้ถึงสิ่งที่ควรหรือไม่ควร การที่เรามีคู่อยู่แล้วแต่กลับมีใจให้ชายอื่นแม้ว่าเขายังโสด อยู่ก็เป็นความเสียหายแก่ใจเรา..หากตายลงฉับพลันเวลานี้ขณะที่คิดถึงชายนั้นด้วยเสน่หา ข้อที่จะได้ไปเกิดอยู่ใกล้เขา ย่อมเป็นโอกาสที่มีได้ แต่คงไม่ใช่ในฐานะมนุษ ย์แน่เพราะตายด้วยอาการ"หลงตาย"...แต่อาจได้เป็นสัตว์ต่างๆที่ไม่น่ารักเช่นจิ้งจก แมงมุมแมลงสาปฯลฯข้อที่เขาจะเยื่อใยรักใคร่ตอบคงไม่มี อาจมีดีดีทีหรือไม้ตีไฟฟ้าเป็นที่หวังหากเขาพบเจอเรา......

    อนึ่ง หากเราคบเสพส้องด้วยชายนี้ แลเขามีใจเสน่หาตอบรับ ทั้งๆที่รู้ว่าเรามีคู่แล้ว ก็พึงทราบว่า หากเขายังไม่ถอดใจและถอยห่าง...ก็ให้ทราบว่ากำลังคลพาลบุคคลผู้ไม่มีหิริโอตัปปะที่จะชักชวนเราไปนรกได้ง่ายดายแล้ว การคบคนเช่นนี้มีแต่ภัยอันตรายที่จะเกิดแก่เรา เมื่อเขานิยมคนมีคู่เช่นเรา ข้อที่เขาจะไม่นิยมหญิงอื่นที่มีคู่ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีศีลเขาย่อมสามารถเบียดเบียนใครๆได้อย่างง่ายดาย เราเห็นดีกับการเบียดเบียนหรือ..?."..

    .แล้วสั่งสอนตนเองไปโดยอาการที่จะทำให้ถอนความหลงได้ เพื่องยังตนไว้ในเขตแดนของมนุษย์ ที่จะอยู่อาศัยร่วมกันได้โดยปราศจากการเบียดเบียนกัน ภายใต้ร่มเงาของศีล๕ต่อไป


    บางทีการพูดคุยเตือนตนเองก็จำเป็นมาก นะครับ ขอให้พ้นปัญหาไวๆ
     
  20. ละโลก

    ละโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +654
    จริงๆแล้วก็มีทางให้เลือกแค่ 2 ทาง คือ1.มีความสุขชั่วประเดี๋ยวแล้วทุกข์ยาว
    2.ทุกข์ชั่วประเดี๋ยวแล้วสุขยาว ไม่น่าจะเลือกยาก (สัญชาตญาณของมนุษย์มีความอยากอยู่ทุกเรื่องแค่จัดการให้มันอยู่ในระบบก็ไม่มีปัญหา)
     

แชร์หน้านี้

Loading...