หลวงตาม้าสอนพุทธภูมิ

" พุทธภูมิ"

พุทธภูมิ หรือ พระโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญาณ
ปรารถนาจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาลเบื้องหน้า
ผมเคยกราบเรียนถามหลวงตาม้าถึงความหมายของคำว่าพระโพธิญาณ
หลวงตาม้าท่านเมตตาตอบมาได้ใจความว่า

"โพธิญาณแปลว่าความรู้ใหญ่ ปรารถนาโพธิญาณก็แปลว่าปรารถนาความรู้ใหญ่ไง"

ผมจึงกราบเรียนถามท่านต่อไปว่า แล้วพุทธภูมินั้นควรทำอย่างไร จึงจะได้เป็น
หลวงตาท่านตอบมาง่ายๆสั้นๆเพียงแค่ว่า

"หากเป็นพุทธภูมิ ทำบุญทุกอย่างจะต้องอธิษฐานเพื่อโพธิญาณ แม้กระทั่งให้ขนมแก่มด"

"เวียนว่ายใน3ภพ"

เป็นที่รู้กันดีว่าพุทธภูมิจะต้องสั่งสมบำเพ็ญบารมีเพื่อให้ได้มาซึ่งพระโพธิญาณ
หลวงตาม้าท่านเคยกล่าวไว้ได้ใจความว่า

"ไม่ใช่ปรารถนาแล้วจะเป็นกันได้เลยนะ มันต้องทำนะ"

การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ไม่ได้จบเพียงชาติเดียว หากแต่จะต้องอาศัยช่วงระยะเวลา
ในการสร้างบารมีอันยาวนาน เวียนเกิด เวียนตายมากมายไม่สามารถนับได้
ทั้งลงนรก ทั้งขึ้นสวรรค์ ทั้งมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือทั้งไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามหลวงตาเกี่ยวกับการที่พุทธภูมิต้องลงนรก หลวงตาท่านเมตตาตอบมาว่า

"ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ (พระโพธิสัตว์) หากเข้าถึงไตรสรณคมณ์แล้ว จะสามารถปิดอบายภูมิได้"

ศิษย์: แล้วอย่างไรถึงจะเรียกว่าเข้าถึงไตรสรณคมณ์ครับ

หลวงตา: เรามองพระพุทธรูปหรือพระ แล้วรู้สึกยังไงล่ะ

ศิษย์: ขนลุกครับ ปิติ ชอบครับ

หลวงตา: นั่นแหละ เขาเรียกว่าเข้าถึงไตรสรณคมณ์

วันต่อมาผมนึกสงสัยในเรื่องนี้อีก จึงไปถามหลวงตาอีกครั้ง

ศิษย์: หากผู้ที่เพิ่งเริ่มปรารถนาพุทธภูมิ แต่สามารถเข้าถึงไตรสรณคมณ์ได้ จะปิดอบายภูมิเลยหรือ

หลวงตาม้าท่านก็เมตตาสั่งสอนว่า

"ถ้าเพิ่งปรารถนา มันต้องลงไปชิมดูก่อนนะ ถ้าเรียนจบทั้ง3ภพก็เป็นพระพุทธเจ้าได้เลย
การสร้างบารมี เราต้องทำให้ครบ10อย่าง แต่ต้องเลือกเด่นๆสักอย่างหนึ่งในชาตินี้"
"พุทธภูมิจะต้องพยายามเป็นที่ ๑ ในทุกๆเรื่อง แม้เรื่องเรียนหนังสือก็เช่นกัน"

ความเป็น ๑ ของพุทธภูมิไม่ได้มีไว้แข่งขันชิงดีชิงเด่นกับใคร หากแต่เป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ ดังเช่นที่หลวงปู่ดู่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า

"กำลังของพุทธภูมิ มีหน้าที่จะทำให้มหาชนมีความสุข ถ้าคนเรียกร้องหรือบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ
ก็ต้องลงมาช่วย จะคิดเอาแต่สบายได้ยังไง นั่นไม่ใช่ความคิดของหน่อพุทธภูมิ"

การเรียนรู้ของพุทธภูมิ
หลวงตาม้าท่านเคยกล่าวถึงการเรียนรู้แนวทางของพุทธภูมิไว้ ได้ใจความว่า

"ถ้าปรารถนาจะเป็นพุทธภูมิ เราก็ต้องไปเรียนกับพุทธภูมิที่บารมีสูงๆ ท่านถึงจะสอนให้ได้
ถ้าเราไปเรียนกับพระอรหันต์ ท่านก็สอนแนวทางการสร้างบารมีของโพธิสัตว์ไม่ได้
ท่านสอนเพียงทางไปพระนิพพานเท่านั้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ
ว่าครูบาอาจารย์ที่เป็นพระโพธิสัตว์บารมีสูงๆนั้นอยู่ที่ไหน ปัญหามันอยู่ตรงนี้"
(หลวงตาม้าท่านพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี)

หลวงตาม้าท่านเคยกล่าวเอาไว้ได้ใจความว่า

"ในยุคนี้เนี่ยนะ ยุคที่เกิดกลียุคเนี่ยแหละ สร้างบารมีได้เยอะนะ แต่ต้องดูที่ความจำเป็นด้วย
ฝึกกสิณนั้นก็ดีอยู่ แต่ในยุคสมัยเช่นนี้ฤทธิ์ไม่ค่อยจะเกิดประโยชน์เท่าใด ยุคนี้บุญฤทธิ์มีประโยชน์มากที่สุด"

มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงตาม้าท่านพูดถึงครูบาอาจารย์หลายๆท่าน โดยที่ท่านยกมาเป็นตัวอย่างให้ฟัง
เพื่อให้เห็นถึงความยากลำบาก ในการสร้างบารมีของผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ
และในบางครั้งที่พุทธภูมิจะต้องลงมาเกิดเป็นนักรบหรือต้องฆ่าเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
และแผ่นดิน จากผู้รุกรานดังเช่นบูรพกษัตริย์ไทยหลายๆพระองค์ทรงกระทำมาแล้ว

ท่านกล่าวไว้ได้ใจความว่า

"หลวงพ่อดู่ท่านโดนกรรมหนักนะ ครูบาศรีวิชัยท่านก็โดนหนักเหมือนกัน
หลวงปู่ศุข(วัดปากคลองมะขามเฒ่า) สมเด็จโตก็โดนเหมือนกัน
คิดดูให้ดีๆ ไม่ใช่ของง่ายๆนะ(หัวเราะ)"

หลวงตาม้าท่านเคยถามลูกศิษย์คนหนึ่งได้ใจความว่า

"ปรารถนาพุทธภูมิเนี่ย วางแผนเอาไว้หรือยังว่าชาตินี้จะทำอะไร
วันนี้จะทำอะไร วันพรุ่งนี้จะทำอะไร ลองคิดดู"

"จะทำอะไรก็ต้องให้มันเกิดประโยชน์ ถ้าไม่เกิดประโยชน์ก็อย่าไปทำ"



หลวงตาม้าพูดถึงพุทธภูมิบารมีครึ่งหรือเกินครึ่ง

ณ คืนหนึ่งในวัดถ้ำเมืองนะ หลวงตาม้าท่านเคยพูดถึงพุทธภูมิ
ผู้ทำบารมีมาแล้วครึ่งหนึ่งหรือเกินครึ่ง ได้ใจความว่า

"บารมีเกินครึ่งนี่ยังไม่ถือว่าเยอะนะ ถือว่ายังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
จะรู้เรื่องรู้ราวจริงๆก็ตอนนู๊นล่ะ ตอนบารมีใกล้จะเต็ม"

มีน้องคนหนึ่งฝากผมกราบเรียนถามหลวงตาม้าว่า จะเป็นพุทธภูมิ ยากไหม?
หลวงตาท่านก็เมตตาตอบให้ว่า

"ไม่ยาก แต่ส่วนมากมักจะมาลา(พุทธภูมิ)กันตอนบารมีครึ่งหนึ่งเนี่ยแหละ"

หลวงตาม้าท่านเป็นพระสุปฏิปัณโณที่เอาใจใส่ในการฝึกฝนลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
และท่านไม่เคยพูดให้ใครเสียกำลังใจแม้แต่น้อยนิด โดยปกติแล้ว
หลวงตาท่านจะไม่ค่อยพูดจนกว่าจะมีลูกศิษย์กราบเรียนถาม

แต่ถ้าขณะที่นั่งรวมๆกันหลายๆคน หากผู้ใดที่เจอปัญหาอันใหญ่หลวง
หรือกำลังหลงระเริงไปกับ โลกธรรมทั้ง8 ท่านก็จะเมตตาพูดเตือนสติขึ้นมา
แต่ท่านจะไม่เอ่ยชื่อคนผู้นั้น เพราะถ้าเอ่ยขึ้นมาแล้วล่ะก็...
ศิษย์ผู้นั้นจะต้องเกิดความรู้สึกอับอายอย่างแน่นอน เช่น
มีอยู่ครั้งหนึ่งนั่งรวมกันอยู่หลายคน อยู่ๆท่านก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า

"...เอ้อ..คนเรานี่มันชิงดีชิงเด่นกันนะ พอมีกำลังเข้าหน่อยก็แย่งลูกแย่งเมียเขา..."

ศิษย์ผู้ที่ถูกหลวงตาพูดถึงนี้ ถึงกับสะดุ้งขึ้นมาในทันใด เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เช่นเดียวกัน
ณ ตอนนั้นมีลูกศิษย์นั่งรวมกันอยู่มาก ท่านก็พูดขึ้นมาได้ใจความว่า

"...สภาพแวดล้อมก็มีส่วนนะ พระโพธิสัตว์บางองค์ติดสุข ทำให้เสียเวลาไปเลย
ที่ทำอยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แต่จะเอาแค่นั้นจริงๆหรือ? ทั้งๆที่บารมีตัวเองก็มีอยู่แท้ๆ... "

ขอขอบพระคุณ buddhapoom.com

 

หลวงตาม้าท่านเคยถามลูกศิษย์คนหนึ่งได้ใจความว่า

"ปรารถนาพุทธภูมิเนี่ย วางแผนเอาไว้หรือยังว่าชาตินี้จะทำอะไร
วันนี้จะทำอะไร วันพรุ่งนี้จะทำอะไร ลองคิดดู"

"จะทำอะไรก็ต้องให้มันเกิดประโยชน์ ถ้าไม่เกิดประโยชน์ก็อย่าไปทำ"





สาธุค่ะ

 

ดีแล้วสาธุๆๆๆๆมีโอกาศจะเข้ามาคุยแต่ตอนนี้มีแขกมาหา ไม่ใช่แขกอินเดียยแต่เป็นแขกไทยครับ

 

วันที่ 7 ของเดือน ที่สำนักพรหมปัญโญ หลวงตาม้าท่านจะมาตลอด ผมก็ไม่เคยไปนะ

เด๋ว 7 ก.พ. ผมจะไปกับลุง ไม่ทราบว่าท่านใดจะไปบ้างไหมครับ ผมอยากพบเจอท่านในเว็บพลังจิตผู้มีจิตใจในคุณงามความดีเป็นอย่างมาก

 

หลวงตาท่านเป็นผู้มีเมตตาจิตยิ่งนักครับ อยากไปกราบท่านอยู่เหมือนกัน
บุญรักษา ธรรมคุ้มครอง ให้ท่านวิวเดินทางปลอดภัย ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

 

ขอบพระคุณที่เข้ามาทักทายนะครับลุง จะรออ่านธรรมทานจากคุณลุงเช่นกันครับ
อากาศเย็น ๆ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ^^

 

มีโอกาสคงต้องไปกราบท่านสักหน่อย

 

กระผมก็แอบรออ่านอยู่อีกคน

 

ด้วยคนค่ะ ประสปการณ์ของลุง ถือว่าเป็นทานนะคะ สาธุ ...

 

โมทนาในจิตค่ะ .. ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวหลวงตาก็แจกประคำพระผงจักพรรดิ์ให้ ติดขัดตรงไหนยื่นคำถามส่งเลยค่ะ หลวงตาท่านเมตตามาก สาธุ ...

 

โมทนาสาธุนะคะ ที่ได้ไปกราบหลวงตาม้าที่วัดถ้ำเมืองนะ

กราบนมัสการหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าคะ

 

อนุโมทนาสาธุด้วยนะ หลานๆและทุกท่านเลย ถ้าอยู่ใกล้ ก็ไปกราบท่านได้ ถ้าไกลไม่สดวก ก็คงไม่เป็นไรนะ เราเคารพท่าน ไม่ว่าอยู่ไหน ไม่ไป ก็เหมือนไปแหละครับ ก็อยู่ที่เวลา และทุนทรัพย์ จะอำนวยหรือไม่ อย่ามัวไปดูบ้านคนอื่นนะ รีบสร้างบ้าน ของเราจะดีกว่า คำพูดนี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อฟัก จ.สระบุรีครับ

เมื่อก่อนผมจะไป ทุกที่ ถ้ามีโอกาส จะไปกราบ ทุกท่าน ถ้ามีบุญ หรือ ผ่าน จะดั้นด้นไปหา ไม่ว่า จะเป็นฆราวาส หรือพระ หรือ ผู้หญิง ถ้าท่านเหล่านั้น มีคุณงามความดี พอที่เราจะกราบ และกราบได้อย่างสนิทใจ ไม่มีเครือบแครงสงสัย จิตปุถุชนมันก็เป็นธรรมดาครับ ที่จะคิดไม่ได้ ในเรื่องบางเรื่อง หลวงตาจันทร์ ก็ไม่ธรรมดานะ ยศของท่านถึงขั้นชั้นเทพ ยังต้องศึก เห้นท่านไปกราบหลวงพ่อ ฤาษี วัดท่าซุง หลวงพ่อบอก องค์นี้ฤทธิเยอะนะ พุทธภูมิ มีทิพยขุญาณแจ่มใส

หลวงพ่อเคยพูด ถ้าจำไม่ผิด ถึงท่านเป็นฆราวาส ท่านก็มีศิษย์เยอะ อยู่แถวกรุงเทพ พักนี้ไม่ได้ยินข่าวเรื่องท่านเลย คงเก็บตัว ในสมัยผมไปกราบ ส่วนใหญ่ ท่านก็มรณะไปเกือบหมดแล้ว ตัวอย่างปู่บุญเหลือ ศาลาแก้วกู่ องค์นี้จะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ หนองคาย ปู่โทนหลำแพ อ.ตาคลี นครสวรรค์ พ่อท่านสุบิน อ.ตาคลี นครสวรรค์ ท่านนี้ สร้างวัดรอบเขาสร้างพระใหญ่ด้วยมือท่านเอง อ.ทันพ่อครู นามสกุล รุจิเรข หลานปู่เอี่ยม สพานสูง อ.สวย สามร้อยยอด


คนนี้เก่งเรื่องสักยันต์ คงกระพันชาตรี ดำน้ำ จารตระกรุด ๔ ชั่งโมง ตำราหลวงปู่เอี่ยม วัดสพานสูง เคยได้ของท่านมา แต่หายไปแล้ว เพราะย้ายที่บ่อยๆ ในกรุงเทพ ถ้าเราอยากจะพบท่านพวกนี้ ก็อธิฐาน ขอได้เจะเจอท่านพวกนี้ ผมเคยฟังทางวิทยุยังมีเลย หรือหลายๆระดับก็ได้ เพื่อ่ศึกษา หาความรู้ ในสำหรับท่านที่ จะช่วยคน ทุกด้านทุกแบบ และพวกพุทธภูมินี่ มันต้องเรียนรู้หมดแหละไม่งั้น มันไปเป็นครูเขาไม่ได้ ต้องรู้ละเอียดยิบ ของใครของมัน ทำแทนกันไม่ได้ ตามแต่ ใครจะเด่นด้านไหน อย่างที่ หลวงตาม้าท่าว่านั่นแหละ

ทางเด่น มันมี ๓ ทาง ปัญญา ธิกะ ปัญญานำหน้า ศรัทธา ธิกะ ศรัทธานำหน้า วิริยาธิกะ ความเพียรนำหน้า เมื่อทำ บารมี ๑๐ มันมารวมทุกตัว ครบ ถ้าทำถึง ปรมัต มันก็จะแบ่ง อย่างละ ๒ รวมเป็น ๓ หยาบ กลาง ละเอียด เป็น ปรมัตถบารมี บารมี ๓๐ ทัต ไม่ว่าใคร จะขึ้นต้น ด้วยอะไร จากบารมีต้น ถึงปลาย และ เมื่อเต็ม ก็เป็น บารมี ๓๐ ทัต ผมเคยสนทนา กับท่านผู้ คนที่เขาไม่เข้าใจ ในการกระทำของเรา มันพูดยากนะ พวกที่เดินคล้ายกัน ก็ไม่เข้าใจ


ถ้าเขาเหล่านั้น ไม่ใกล้เคียงกับเรา หรือ สูงกว่า ในยุคปัจจุบัน ผมก็ไม่ได้ ไปคลุกคลีกับใครเท่าใดแล้ว มีอยู่ท่านหนึ่ง พระ อ.เล็ก วัดท่าขนุน ท่านเข้าใจผมมาก ๆ ไม่เคยดูแคลนผม พระอ.สมปอง นี่ก้ไม่ค่อยได้สัมผัส อยู่ใกล้ ก็จริง แต่ได้ ฟังท่านแล้ว ท่านเมตาจริงๆ และมีแม่ผู้หญิง ท่านหนึ่ง อยู่ อ.ปักธงชัย ที่ผมให้ความเคารพมาก องค์หนึ่ง กว่าผมจะยอมรับ เรียกว่าแม่ ใช้เวลา เกือบ ๒๐ จึงเรียกว่าแม่ได้เต็มปากเต็มคำ

ผมว่าในประเทศไทยเรา ยังมี ผู้ เมตตาธรรมอีกมากมายนัก ถ้าได้สัมผัส กับท่านเหล่านั้น แค่นี้ก่อนครับ มีโอกาศจะเข้ามาเยี่ยมใหม่ครับสวัสดี

 

ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ

 

ก็ดีสิครับไฟหมดก่อน ไฟ ๓ กองหมด ราคะคิ โทสะคิ โมหะคิ โลภ โกรธ หลง มันหมดจริงหรือ ถ้าหมดได้ก็สบายก่อน พระพุทธเจ้า ก็ไปนิพพาน พระอรหันต์ก้ไปนิพพาน ไปก่อนไปหลังนั่นอีกต่างหาก ไปก่อน สบายก่อน ไปทีหลัง สบายทีหลัง ข้อสำคัญ มันตัดได้ยาก ยิ่งจริงๆครับ แพ้มันอยู้เรื่อยๆ ไม่ค่อยชนะมันเลย คอยจะแพ้มันล่ำไป ฮ่าๆๆฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

5ปีที่แล้วกับตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะมวก หลวงตาท่านเมตตาสูงมาก จ้า

 

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เปิดโลกทั้ง3ให้เห็นถึงกันหมด ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าเพราะมีพุทธานุภาพนั้นมีมากก็จริงอยู่ ส่วนตัวกระผมไม่ได้เห็นเป็นเช่นนั้น ความปรารถนาของพระโพธิสัตว์ยังคงเป็นการบรรลุมรรคผลนิพพาน หากแต่เพียงปรารถนาให้พรรคพวก หรือที่เรียกกันติดปากว่า บริวาร ให้ได้เข้านิพพานไปด้วย เป็นมหาเมตตา ที่ปรารถนาให้บริวารได้พ้นทุกข์ เข้าถึงบรมสุขไปด้วย ความเมตตาอย่างยิ่งนี้จะเปรียบเป็นไฟ เห็นจะไม่สมควร เพราะเป็นความเมตตาที่หาที่สุดมิได้ ท่านไม่ได้กระทำเพื่อให้เท่ห์กว่าคนอื่น ไม่ได้ทำเพื่ออวดอ้างว่าวิเศษกว่าผู้ใดๆ แต่ท่านทำทุกอย่างเพื่อบรรลุแล้วได้ช่วยให้บริวารทั้งหลายที่สมควรแก่ธรรม ได้บรรลุตามโดยง่าย เป็นความรักความเมตตาต่อสรรพสัตว์ เสมือนแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วแม้ที่ต่ำ-ที่สูง ที่สะอาด-ที่สกปรก สัตว์ชั้นต่ำ-ชั้นสูง โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เรื่องแบบนี้เป็นของหนักที่ผู้จะปฏิบัติตามได้ยาก สมัยนี้ผมได้ยินคนพูดกันถึงเรื่องนิพพานบ้าง อรหันต์บ้าง พระโพธิสัตว์บ้าง พูดกันเกลื่อนกลาด จนเหมือนจะดูเบาไป จนจะกลายเป็นของเล่นไปเสียหมด บ่อยๆครั้งที่ผมเห็นว่าไม่สมควรนัก ด้วยจะพากันลงนรกเสียเปล่าๆ....ขอท่านผู้อ่านโปรดพิจารณา

 

ขอกราบนมัสการหลวงตาม้า

เมื่อคืนฝันถึงหลวงตาม้า กำลังเทศน์ท่ามกลางศรัทธาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ให้เหมือนเป็นสร้อยประคำ โดยเหตุการณ์นี้อยู่สถานที่ๆ เป็นสวนดอกไม้นานาพรรณ มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นออกดอก ออกผลมากมาย บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ข้างๆมีสระน้ำขนาดย่อม พอเหมาะที่จะลงไปว่ายเล่นได้หลายคน

พอตื่นเช้ามารู้สึกสุขใจเป็นอย่างมาก วันนี้ทั้งวันหายใจเข้าออกปลอดโปร่งยิ่งกว่าทุกวันเลยครับ

 

อนุโมทนาค่ะ ..
บังเอิญจังแฮะ เพิ่งฝันเห็นหลวงตาก่อนคุณไม่กี่วันนี้เอง ฝันว่าหลวงตามาที่บ้านแต่หลวงตาก็เขียนอะไรของท่านอยู่ เด็กๆก็เสียงดังเชียว .. เป็นบุญแล้วค่ะ

จะ 2ทุ่มครึ่งแล้ว ไปสวดบทจักรพรรดิ์ฝากกระแสกันเถอะ สาธุ ...

 

^
^
ขออนุโมทนาด้วยนะครับ
เมื่อวาน ก็ได้เข้าไปอ่านคำสอนของหลวงตา (ในกระทู้เด่น)
พออ่านจบก็เหมือนรู้สึกว่า จิตของเรานี่ มันอยากจะฟังธรรมจากท่านเหลือเกิน
ผมก็เลยไปหาโหลดไฟล์เสียงมาทั้งคืน แล้วก็ไปได้รูปภาพรองเท้าแตะมาอีกด้วยนะ

เป็นบุญอย่างยิ่งแล้ว จึงขอนำภาพนี้มาลงไว้เป็นรูปแทนตัวน่ะครับ ^^

 

ก็กระแสหรือเชื้อแห่งการรักพุทธภูมิปัจเจกภูมิหรือสาวกภูมินั่นฝังลึกอยู่ในใจคงไม่แปลกที่เขาเหล่านั้นจะปรารถนา เราเองตะหากต้องหมั่นมองตนว่าปรารถนาสิ่งใดในการปฏิบัติ มิใช่ปฏิบัติแบบใจเลื่อนลอย ควรหาหลักชัยที่หมายมั่นไว้จึงจะเหมาะควรแก่วิสัยโยคาวจร