ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

เรื่องราวความผิดปกติทางร่างกายที่เกิดนั้น
มันจริงอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งมันตรงกับข้อความที่กล่าวมาข้างต้น และผมมีความเชื่อที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ว่าผมอาจได้สื่อสาร
กับ ท่านเทพมิคาเอล แต่ความชัดเจนนั้นค่อนข้างน้อย
แต่จะอยู่ในรูปของ ความรู้สึกเสียมากกว่า
มีอยู่หลายครั้งที่ผมสื่อสารผ่านความรู้สึก แล้วเกิดปาฏิหาริย์กับดวงตาของผมความรู้สึกมันเกินจะอธิบายว่า สิ่งที่เห็นจริงหรือไม่?
สำหรับผมเชื่อว่า มันจริง เนื่องผมพยายามใช้สติสติสัมปชัญญะสูงมาก
ในการพิสูจเรื่องราวที่ประสบพบเจอ
และผมก็รอข้อความที่ท่านเทพมิคาเอล
จะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของมวลมนุษย์
ตลอดเวลา เนื่องจากการสื่อสารผ่านความรู้สึกไม่ชัดเจนนัก
และผมไม่อยากคิดเพ้อเจ้อไปเองจึง
ต้องการบทความอ้างอิงโดยรวมด้วย
เพราะมันจะอธิบายได้ว่า ผมไม่ได้คิดไปคนเดียว
แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว เป็นคนเชื่ออะไรยากมาก
ต้องปฎิบัติก่อน ใตร่ตรองดูก่อนผมจึงจะลงความเห็นว่ามันถูกต้อง
และระยะเวลาที่ผ่านมานั้นก่อนกระทู้หน้าที่ 339
ผมจะทำการฝึกหลักการต่างๆ
ที่ท่านเทพมิคาเอล
ได้บอกไว้จนเกิดความรู้สึกประหลาดในกระทู้หน้า
339 เพราะตลอดเวลาที่ผมได้อ้างว่า
ได้สื่อสารผ่านความรู้สึกกับ ท่านเทพมิคาเอลตามความคิด ของผมนั้น ผมจะถามท่านเทพมิคาเอลอยู่ตลอดเวลาว่า
มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมผมถึงมีความรู้แบบนี้?
ท่านเป็นผู้กระทำใช่หรือ? ฯลฯ
หลายคำถามที่ผมได้ถามไป
ในกระทู้นี่ได้ตอบจนผมหายข้องใจแล้ว
เพราะสื่อสารผ่านความรู้สึกนั้น
รับรู้ได้น้อยกว่าการใช้ภาษาสื่อสารจริงๆ
ผมจึงต้องติดตามแหล่งข่าวตลอดเวลา ขอบคุณครับ

 

ข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์
ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้
มีกล่าวถึงอยู่เป็นระยะๆนั่นแหละครับ
แทบจะเรียกได้ว่า มีกล่าวถึงอยู่ตลอดก็ว่าได้
โดยแทบจะทุกๆรูปธรรมชีวิตจากต่างมิติเสียด้วยซ้ำไปครับ

แล้วก็..ไม่ทราบว่าเคยอ่านกระทู้นี้หรือยังครับ
ในลิงค์ข้างล่างนี้ ของท่านมิคาเอลเหมือนกันครับ
อันนี้ก็ค่อนข้างกล่าวถึงเยอะเหมือนกัน
เป็นข้อความเมื่อปี 2011 นี้เองครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-กระบวนการแห่งการเลื่อนระดับขึ้น-the-process-of-ascension"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...่อนระดับขึ้น-the-process-of-ascension.297467/

..................................

 

โพสต์ไปแล้วเรียบร้อยนะครับ ในลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-รวมเทคนิกต่างๆเพื่อช่วยในการยกระดับขึ้นจากท่านมหาเทพมิคาเอล"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยกระดับขึ้นจากท่านมหาเทพมิคาเอล.403530/page-2

................................

 

ขอบคุณ คุณชยุตมากครับ

 

กำลังแปลข้อความล่าสุดของ Hilarion วันที่ 20 - 27 อยู่ อดใจรอนิดหนึ่ง

 

เห็นด้วยค่ะ บทความนี้เยี่ยม โดนใจมาก

 

เดี๋ยวข้อความต่อไปที่กำลังแปลอยู่นี้
จะเป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับ "สัมพันธภาพ" อีกนั่นแหละ
ที่ท่านมิคาเอลพูดได้แทงใจดำมากๆๆครับ

ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ ก็รออ่านกันได้นะครับ
มันเป็นอะไรที่ เส้นผมบังภูเขา หรือไม่ก็
เป็นสิ่งที่พวกเรารู้กันดีอยู่แล้ว แต่เพราะว่า
กำลัง "เป็นผู้แสดงเองอยู่" หรือ "กำลังอยู่ในเกมอยู่"
ก็เลยหลงลืมกันไปหนะนะครับ.

ได้ท่านมาช่วย "เคาะหัว" ให้ระลึกถึงความเป็นจริงขึ้นมาได้
ก็น่าจะดีเหมือนกันนะครับ..ฮิฮิ..

.........................................

 

January 20 - 27, 2013
วันที่ 20 - 27 มกราคม 2556

Beloved Ones,
ถึงท่านผู้เป็นรักทั้งหลาย

As you move forward upon your individual path, you will notice the subtle changes occurring within your own bodies and energetic systems and you will marvel at the role of conduit you are playing. The energies flow through you at certain periods of each day and radiate out into the World around you. This then, is the contribution you are making to bring in the higher frequencies and in anchoring these upon and within the Earth, no matter the seeming chaos around you.

ขณะที่คุณก้าวเดินไปบนทางของคุณ คุณจะสังเกตุเห็นการเปลื่ยนแปลงภายในร่างกายและระบบพลังงาน ซึ่งมันดูยากที่จะเข้าใจ คุณจะตื่นใจกับหน้าที่แห่งการเป็นสะพานเชื่อมต่อ (แห่งแสง) ที่คุณทำอยู่ขณะนี้ มันคือความเสียสละของคุณที่จะนำความถี่ที่สูงกว่าเข้ามาสู่โลกนี้ และทำให้ความถึ่นี้ทรงอยู่ได้ทั้งบนและภายในโลกแม้ว่าชีวิตประจำวันจะดูยุ่งเยิงก็ตาม

Your work has shifted to that of co-creator of your new Age of Light. Your every thought, word and deed is being brought into higher expression as you surrender your human will to Divine Will and daily intend to align with your higher, more refined Self. We are happy to see that there is now more acceptance, tolerance and forgiveness of self and others as you realize that each has their own path to follow and you remember your own journey into becoming and encourage those around you to open themselves to their greater potentials.

งานของคุณได้เปลี่ยนเป็นผู้ร่วมสร้างในยุคแห่งแสงอันใหม่นี้ ความคิดทุกความคิด คำพูดและการกระทำทั้งหลายของคุณจะละเอียดมากขึ้นก็ต่อเมื่อลดทิฐิของมนุษย์ลงและยอมรับทิฐิอันประเสริฐ (Divine Will) เรามีความสุขมากที่ได้เห็นการยอมรับ เห็นอกเห็นใจ และการให้อภัยต่อตัวเองและผู้อื่นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณรู้ว่าทุกคนมีและเดินตามทางของเขาเอง คุณจะระลึกถึงทางที่ทำให้คุณกลายมาเป็นผู้ทำงานแห่งแสงและให้กำลังใจต่อพวกเขาที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ ให้เปิดใจสู่ตัวตนที่สูงกว่า


As the growth within those around you takes place, know that your presence amongst them is most important in the stabilizing and calming of the polarities that must be experienced within each individual and which is reflected in the outer World as shifting energies, as their alignment to a higher expression of themselves continues to take place. It is at this time that your continued intention to hold the Light and the highest vision for all is most needed. It can at times be quite challenging, for you are having to still experience the expressions of the old paradigm that have not yet transformed and you long for the outer reflection of the World around you to match the being of Light that you are.

ขณะคนรอบตัวคุณเริ่มพัฒนาขึ้น การมีคุณอยู่เคียงข้างพวกเขานั้นมันเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณจะช่วยปลอบและค้ำจูงพวกเขาเมื่อพวกเขาได้ประสบกับสิ่งต่างๆ ทั้งดีและไม่ดี (มันส่งผลต่อโลกภายนอกในรูปแบบของพลังงานด้วย)ในขณะที่กำลังพัฒนาเข้าสู่ความละเอียดที่สูงกว่า ความตั้งใจอย่างไม่ลดละของคุณที่จะประคองแสงสว่างและวิสัยทัศน์สูงสุดแก่ผู้อื่นคนคือสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในตอนนี้ ในบางครั้งมันสิ่งที่ท้าทายสำหรับคุณที่ยังจะต้องประสบกับทัศนคติแบบเก่าๆ ที่ยังไม่ได้ถูกเปลี่ยนอยู่ และคุณเองก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ สะท้อนเข้ากับความเป็นตัวตนแห่งแสงอย่างที่คุณเป็น

Be patient with yourselves and give nurturance as needed. As your bodies continue in their transformation, listen to your inner promptings. Rest when you must in order to maintain greater equilibrium. Many of you are requiring long periods of sleep and this is assisting in your recalibration. You are helping when you do this at the inner levels in so many ways and at so many different levels that you would be greatly surprised if remembrance of this came to you.

อย่าใจร้อนกับตัวคุณเองและถ้ามันจำเป็นก็ดูแลรักษาร่างกายให้ดี ขณะที่ร่างกายของคุณอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้ คุณควรฟังเสียงจากภายในร่างกายพักผ่อนเมื่อจำเป็นเพื่อที่จะรักษาความสุมดลในร่างกายได้ดีขึ้น พวกคุณหลายคนนอนนานขึ้น การนอนนานขึ้นนี้มันช่วยในการปรับสภาพร่างกายเมื่อคุณทำสิ่งนี้ (ใจเย็นและพักผ่อน ?) อยู่ภายใน คุณได้ช่วยในหลายๆ ทางและหลายๆ ด้านจนคุณจะต้องตกใจเมื่อความทรงจำอันนี้กลับมาหาคุณอีกครั้ง


The refining of your World and your physical vehicles will continue until all is transformed and you now know that your focus does make a great difference in creating the highest outcome. All that is required is that you live your life experiencing the greatest joy and laughter in the lightness of your being, with all shadows still remaining having no place to hide and therefore being brought into integration with all that you are, and all of it, ALL of it, Dear Ones, is now a stepping into a greater power. Well done!

การพัฒนาของโลกและร่างกายมนุษย์จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งทุกอย่างเปลื่ยนแปลงเสร็จ และตอนนี้คุณก็รู้ว่าการกระทำของคุณส่งผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ท้ายสุด (เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว - ผู้แปล) ขอเพียงแค่คุณใช้ชีวิตของคุณ ประสบกับความสุขและเสียงหัวเราะ พร้อมกับเงามืดที่เหลืออยู่ทั้งหมด มันจะถูกหล่อหลอมเข้าสู่ความเป็นตัวตนของคุณทั้งหมด ทั้งปวง ที่รักทั้งหลาย คุณได้ก้าวเข้าสู่พลังงานที่สู่งกว่าแล้ว ทำได้ดีมาก!

Until next week…
สัปดาห์หน้าเจอกันใหม่

I AM Hilarion
เราคือฮิลาริออน

ป.ล.รู้สึกว่าครั้งนี้ บทความมีความนัยค่อนข้างเยอะ บางครั้งต้องอ่านหลายรอบกว่าจะเข้าใจว่าฮิลาริออนต้องการบอกอะไร แล้วถึงนำมาเรียบเรียงเป็นภาษาไทยอีกทอดหนึ่ง

ป.ล.เราจะแปลบทความของฮิลาริออนไปเรื่อยๆ จะได้ลดภาระของนักแปลท่านอื่น

 

OBAMA INAUGURATION
UFO Caught Live on Fox News (1/20/13)

มีข่าวด่วนเกี่ยวกับวัตถุบินที่มีแสงไฟปรากฎตัวออกมาเหนืออนุสาวรีย์วอชิงตัน
และจางหายไปในไอวงแหวนสีฟ้า ในช่วงไม่ถึง10 วินาที
ถูกจับภาพได้ในช่วงข่าวสดของ Fox News
คืนก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโอบามา (ครั้งที่สอง)
เป็นข่าวที่น่าสนใจครับ เพราะพวกเขาเองก็ตั้งใจจะเผยให้พวกเราเห็นบ่อยครั้งมากขึ้น.....​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=0drMT6bOpGY]UFO Caught Live on Fox News (1/20/13) - YouTube[/ame]

 

ทุกครั้งที่โอบาม่าทำพิธีเข้ารับตำแหน่ง
พวกเขาจะปรากฎตัวให้เห็นครับ
เพราะว่าโอบาม่ามีภาระหน้าที่สำคัญ
ในระดับโลก ที่จะต้องทำอยู่หนะครับ

......................................

 

เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รวมถึงวันนี้ด้วย
ที่ "อารมณ์ด้านลบ" มันโผล่ขึ้นมาให้เห็นอีกแล้ว

กำลังจับตาดูมันอยู่อว่า มันเกิดจากอะไร
อะไรไปกระตุ้นมัน หรือว่าใกล้ถึงวันเพ็ญนะ
มีใครเป็นแบบนี้บ้างไหมครับ..

แต่อย่างไรก็ตาม ท่านมิคาเอลก็บอกไว้ว่า
ให้จดจ่อแต่เรื่องที่เป็นบวกให้มากที่สุด
โดยพยายามหาอะไรดู - ฟัง - คิด - ทำ
ในอันที่จะทำให้เรากลับมารู้สึกบวกให้ได้เร็วที่สุด

เช่น ให้เขียน หรือวาด สิ่งที่ทำให้เราขำ หรือ รู้สึกบวก
เอาไว้ในที่ต่างๆ ที่ๆเราจะมองเห็นได้
และแม้แต่ในกระเป๋าสตังค์ด้วยซ้ำไป
แล้วเราก็ดูมัน มองมัน อ่านมัน เวลาเรารู้สึกไม่ดีขึ้นมา



ท่านแนะนำไว้อย่างนั้นหนะนะครับ
เพราะว่า รูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย
พูดเอาไว้ตรงกันว่า นับวัน พลังอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ของพวกเรา
ก็จะยิ่งมากขึ้นทุกวันๆ ดังนั้น อะไรก็ตามที่เราคิด
จินตนาการ และใส่พลังอารมณ์ความรู้สึกออกไปขับดันมันแล้ว
มันก็จะกลายเป็นจริงมากขึ้น และเร็วขึ้นเท่านั้นด้วย

เพราะฉะนั้น เราจึงพึงระมัดระวังอารมณ์ ความรู้สึก
คำพูด การกระทำ และความคิดด้านลบของเราเอาไว้ให้ดี




.....................................

 

(ใจ)มองอะไรให้ปกติ ไม่มีโน้มไปทางบวก (หากมีลบมากระทบ)

หากมีการโน้มไปทางบวก จะทำให้เรา

มีนิสัยที่รับกระแสลบไม่ได้

สร้างนิสัย สร้างความรู้สัมผัส(สัญญา)

อยู่ตลอดว่า เมื่อมีลบ ต้องไปทางบวก

สิ่งที่ควรทำคือ วาง และ ว่าง

ไม่มีบวก เพราะ ดึงไปบวกมากๆ

หากหลุดจากบวก มันจะกลายเป็นลบ ไปเสีย

ก่ เหมือนกับ สปริง เมื่อ ยืดมากๆ จากความปกติ

ของมัน หลังจากปล่อย หรือ หลุดมือ มัน ก่ จะดึงกลับ

ไปทางด้าน ลบ หรือ ด้านกด แทน

 

"หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง"

กับดัก

 

ถ้าคิดลบแล้วพยายามคิดบวก อาจจะออกมาในแนวความกลัวได้ ผมใช้วิธีใช้สติดูตาม
ความคิด คิดลบก็รู้ว่าคิดลบปล่อยมันคิดไปเดี๋ยวก็หายครับ

ช่วงนึ้ผมก็เป็นบ่อยบางทีนั่งดูหนังจีนประเภทผีกัดเป็นวัน ๆ ก็กลัวเหมือนกัน แต่ก็อาศัยใช้
สติตามดูความคิดครับ

 

ขอคุยด้วยคนค่ะ

เป็นเพราะว่าเรากำลังอยู่ในช่วงของการชำระล้าง ทำความสะอาด หรือเคลียร์ตัวเอง ในกระบวนการที่ฝังลึกอยู่กระมังคะ

ประมาณว่า... ทำความสะอาดขั้นล้ำลึก อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ

แล้วก็จะต้องเจอกับปัญหาประเภทที่... นึกไม่ถึงว่า นั่นแหละ คือ ตัวปัญหาล่ะ ..... อะไรแบบนี้น่ะค่ะ

ประเด็นก็คือ ... แล้วจะหาทางออก หรือ แก้ไขได้อย่างไร

ซึ่งน่าจะโยงถึงที่คุณชยุตบอกว่ากำลังจะแปลบทความที่เกี่ยวกับการแก้ไข ปัญหาประเภทเส้นผมบังภูเขาน่ะค่ะ

แล้วก็ ... พวกเราเองต่างก็เป็นกระจกสะท้อนให้แก่กันและกัน เพื่อจะแก้ไข คลี่คลาย สิ่งที่เป็นปัญหาให้แก่กันและกันอยู่

ช่วงนี้ ตัวเองก็เจอกับเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจในทางลบอยู่บ่อย ๆ

เหมือนคนดวงจู๋น่ะ เจอแต่เหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความรู้สึกด้านลบออกมาเยอะมากกกกก.... จนเบื่อโลกไปเลย

แถมยังมีการส่งซิกให้รู้ตัวล่วงหน้าอีกต่างหาก (ด้วยการเขม่นตาขวา ซึ่งถ้าเขม่นเมื่อไหร่เป็นเรื่องเมื่อนั้น)

และ อื้อหือ.. มันเจอบ่อยมาก...

จนต้องรำพึงรำพันกับตัวเองว่า... การเกิดเป็นมนุษย์นี่ ช่างเป็นเรื่องที่ยากซะจริง ๆ เลย ..

ก็รู้นะว่า... เป็นช่วงเสวยผลของวิบากกรรมเก่า หรือ จะเรียกว่า เป็นข้อสอบก็ได้

ตอนนี้ เวลาที่รู้สึกตัวว่ากำลังติดหนึบอยู่กับด้านลบ

ก็จะนึกถึงคำว่า ยอมแบบสุด ๆ

ยอม ยอม ยอม

ให้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้า ต่อตานี้เป็นไปโดยดุษฎี

แล้วเมื่อมันผ่านไปแล้ว ก็แล้วกันไป ไม่เก็บมานึกคิดอีก

หรือ ถ้ายังนึกคิดซ้ำซากอยู่อีก

ก็จะ ยอม ยอม ยอม

ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้อีก

แล้วช่างน่าทึ่ง... อะไรทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นมา ผุดขึ้นมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก็รู้จักหายไปเหมือนปลิดทิ้งเป็นเหมือนกันแฮะ ...

และก็ทำตัวเหมือนอย่างที่คุณ waterdis แปลบทความข้างบนน่ะค่ะ

คือ...ใช้ชีวิตให้ประสบความสุข และมีเสียงหัวเราะเสมอ

พร้อมกับเงามืดที่เหลืออยู่ทั้งหมด

อารมณ์ประมาณว่า... แม้ว่าจะเกิดเรื่องอะไร.. แค่ไหน

อ๊ะ... แล้วใครจะสนล่ะ ฉันก็ยังจะยิ้มได้อีก ...

โอ้ว... ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ

แต่ถ้าทำครั้งแรกได้ ครั้งต่อ ๆ ไปก็จะกลายเป็นความชำนิชำนาญได้เหมือนกัน

และจะส่งผลให้ทำได้(สอบผ่าน)ในครั้งต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ;aa2

 

เป็นมาได้1 สัปดาห์แล้วครับ และช่วงนี้ก็จะฝันประมาณว่า ชาติภพอื่นๆที่เป็นสาเหตุของอารมณ์ด้านลบต่างๆที่ส่งผลถึงปัจจุบัน มันมาให้เราได้รู้เห็นอีกครั้ง อารมณ์ต่างๆก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งให้เรา ทำให้มันเป็นกลาง (ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ ขนาดในฝันยังอารมณ์บูดๆบอกกับพี่เลี้ยงว่า ถ้ามันง่ายนะ ฉันก็ไม่ต้องมาเกิดอีแล้วละ หุหุหุ ):'(

 

ผมขออธิบายตามความเข้าใจส่วนตัวของตัวเองซะหน่อยเถอะนะครับ
ไม่ว่าจะถูก หรือ ผิด หรือว่า จะมีใครเห็นด้วย หรือไม่ ก็ตาม

ผมเข้าใจว่า "ธรรมชาติ" หรือ "จิตเดิมแท้" ของพวกเราจริงๆ
มันคือความประภัสสร มันคือความสว่างไสว มันคือความบริสุทธิ์
หรือสรุปสั้นๆว่า "มันก็คือส่วนหนึ่งของพระผู้สร้าง"
ซึ่งก็คือ "พลังงานแห่งความรัก และแสงสว่าง" นั่นเอง
และผมก็เข้าใจว่า ความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นั้น
คือคุณลักษณะอย่างหนึ่งของ "จิตที่เป็นประภัสสร"

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่เราจะพยายาม "เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง"
ให้ได้มากที่สุด นั่นก็คือ เป็นความรัก และ เป็นแสงสว่าง
จึงเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นธรรมชาติมากที่สุดสำหรับเรา
ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ผิดปกติ และ จะต้องกลัวเรื่องพลังลบ หรือความกลัวอะไรเลย

อย่าลืมว่า คำว่า "ความรัก" นี้ เป็นคำศัพท์ที่เป็นรากฐานเท่านั้นเองนะครับ
เพราะว่า ความรัก มันสามารถแสดงตัวตนออกมาได้หลายรูปแบบ
เช่น ความเมตตา กรุณา ความปิติสุข ความเบิกบาน
สรุปว่าก็คืออารมณ์ความรู้สึกด้านบวกทั้งหลายนั่นเอง

และผมก็จำได้ว่า ผมเคยแปล(หรือเคยอ่านนี่แหละ)ข้อความต่างมิติข้อความหนึ่ง
ไปเมื่อไม่นานมานี้ ว่า..ถ้าเราวางใจของเราให้อยู่แต่ในอารมณ์แห่งความรู้สึกขอบคุณ
และอารมณ์บวกต่างๆแล้ว มันก็จะไม่มีช่องว่าง ให้สำหรับความกลัวต่างๆเลย

ปล. ดังนั้น ในความหมายที่ผมเข้าใจก็คือ การวางอารมณ์ความรู้สึกให้เป็นบวกอยู่เสมอ
ก็คือในทุกๆสภาวะ แม้ในสภาวะ หรือ ในสถานการณ์ ที่ทางโลกเรา
จะมองว่ามันเป็นสถานการณ์ด้านลบก็ตาม..

พูดง่ายๆก็คือ วางใจให้เบิกบานอยู่เสมอ อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง (centered)
โดยไม่ยอให้ตัวเองเสียศูนย์ไปง่ายๆ เพราะสิ่งที่มากระทบทั้งปวงนั่นเอง

ลองพิจารณากันดูนะครับ
........................................................................

 

พูดถึงฝันแปลกๆ ผมก็มีเหมือนกันครับ ฝันไป 2-3 คืนที่แล้ว
แต่ยังไม่กล้าเล่า เพราะว่า ไม่เข้าใจความหมายของมัน
แล้วก็ไม่รู้ว่า มันจะเป็น Key word ที่เขาอยากจะส่งต่อถึงใครหรือเปล่าด้วย
หรือว่าเป็นของตัวเองก็ไม่รู้นะครับ

มีฉากหนึ่ง ผมฝันว่า ตัวเองกำลังขับรถเข็นไปตามถนน ซึ่งโล่งๆ
ไม่มีรถวิ่งเลย..แต่พอขับไปถึงข้างหน้า ก็มีเก๋งสีออกขาวๆ คันเก่าๆคันหนึ่ง
จอดขวางทางอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาขับมาถึงจุดนั้นก่อนผมนานเท่าไหร่แล้ว
แต่ตอนนี้ รถคันนั้นจอดนิ่งสนิทอยู่ ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนเลย

ในรถเก๋งคันนั้น มีคนนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กันสองคน
เป็นผู้ชายแก่ อายุราวๆ 50 ปีด้วยกันทั้งคู่ รูปร่างผอม และตัวเล็กๆทั้งคู่
คนขับรถคันนั้น กำลังนอนหลับคาเบาะคนขับอยู่ รถก็เลยจอดขวางทางอยู่แบบนั้น
ส่วนชายอีกคนหนึ่งก็ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่นั่งอยู่ในรถเฉยๆ ไม่พูดอะไรด้วย

ที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตรงด้านหน้ารถ ตรงกระโปรงรถ
ผมเห็นไฟลุกแล็บออกมาจากข้างในกระโปรงรถ
เริ่มจากมุมด้านซ้ายมือของกระโปรง
แล้วก็กำลังลามไปไปทางขวามือมากขึ้นเรื่อยๆอยู่

ผมเลยรีบลงไปหอบกิ่งไม้ใบหญ้า หรือ ก้อนกรวด ก้อนหิน
ที่พอจะหาได้อยู่บนถนนใกล้ๆกันนั้น โยนใส่ทั้งคนขับ และคนนั่งมาด้วยใหญ่เลย
พร้อมกับตะโกนโหวกเหวกโวยวายบอกให้พวกเขารู้ตัวว่า
นี่ไฟกำลังจะไหม้รถอยู่แล้ว ให้รีบออกมาจากรถคันเก่าๆนั่นได้แล้ว
อย่ามัวแต่นอนหลับอยู่ หรือนั่งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอยู่เลย

ผมจับอะไรต่อมิอะไรโยนใส่พวกเขา เข้าไปในรถของพวกเขาสารพัดจะโยน
ไม่นานพวกเขาก็ค่อยๆเปิดประตูรถออกมา แต่คนขับก็ยังงัวเงียอยู่มาก
ดูเขาจะไม่รู้อะไรเอาจริงๆเลย ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ผมเลยไปลากแขนเขาออกมาให้อยู่ไกลๆรถ
พร้อมกับบอกให้เขาช่วยกันหาวิธีดับไฟนั้นเสีย เขาก็ค่อยๆทำตาม
แล้วจากนั้น ไฟก็ค่อยๆมอดดับลง..แล้วผมก็ตื่นขึ้นครับ รอบแรก

จากนั้นในคืนเดียวกันนั้นอีก ผมก็ฝันต่ออีก เรื่อง "รถ" เหมือนเดิมนี่แหละ
แต่เป็นรถของตัวเอง รถเก๋งที่กำลังขับไปบนเส้นทางสายหนึ่งอยู่
เป็นเส้นทางที่เปลี่ยวอีกแล้ว คือไม่เห็นมีรถคันไหนมาวิ่งเลย
แต่เส้นทางก็สะดวกสบายดีนะครับ ร่มรื่นด้วย เหมือนทางรอบเมืองอะไรแบบนั้น
มีสนามหญ้าข้างทาง มีสระ มีบ่อน้ำเหมือนริมทางมอเตอร์เวย์ อะไรแบบนั้น

พอขับรถไปถึงจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนทางขึ้นดอยสุเทพ หรือดอยอะไรก็แล้วแต่
ที่สรุปว่าก็คือทางลาดชันขึ้นไปสูงลิ่งเลยทีเดียว
แต่ถนนที่ว่านั้น กลับเป็นขั้นบันไดทอดยาวขึ้นไป เหมือนเอาไว้ให้คนเดินแทน
และบันไดนั้น ก็เหมือนจะทำด้วยดินด้วยนะครับ คือมันเหมือนจะทรุดตัวได้ง่ายๆ
แต่ก็ไม่ทรุด..และแถมยังมี "หลังคา" กันแดด กันฝนให้ตลอดเส้นทางอีกซะด้วย

ผมก็ค่อยๆขับรถขึ้นไปตามทางนั้น แต่จะว่าขับมันก็ไม่ใช่ เพราะรู้สึกได้ถึง
เท้าของตัวเอง ที่ค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆอยู่อย่างชัดเจน
และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากๆด้วย แต่อีกความรู้สึกหนึ่ง มันก็เหมือนกำลังขับรถอยู่ด้วย
แต่มันก็เหมือนกับว่า ผมกำลังเข็นรถขึ้นไปอยู่ด้วยแหละ
ผมก็เลยแยกไม่ออกว่า สรุปว่าผมกำลังขับรถอยู่หรือเปล่าหนะนะครับ

และจนแล้วจนรอด ผมก็ขับขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดจนได้ ซึ่งเป็นทางออก
และเป็นจุดสิ้นสุดของหลังคาที่ว่านั้นด้วย

พอขับออกมาพ้นหลังคา ความชันของพื้นที่มันก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ก็เหมือนกับพื้นระดับธรรมดาๆ มีต้นไม้ใบหญ้าธรรมดาๆ
พอมาถึงตรงนี้ มันก็ยังมีความรู้สึกอยู่ว่า จะต้องไปต่ออีกอยู่นะ
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน แต่แล้ว..ผมก็ตื่นขึ้นมาซะก่อนหนะครับ

เล่าให้ฟังสนุกๆหนะนะครับ
........................................................

 

ผมมีแก้ไขเพิ่มเติมโพสต์ที่ 6796 - 6797 ไปเล็กน้อยนะครับ
เพราะว่าเพิ่งนึกรายละเอียดขึ้นมาได้เพิ่มอีกเล็กน้อยครับ

จริงๆแล้วยังมีฝันแปลกๆอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้เล่าให้ฟังอยู่นะครับ
แต่เอาไว้โอกาสเหมาะๆก่อนนะครับ..

.............................................................