พบลายแทงขุมทรัพย์ วัดกุฎีดาว!พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภานุเดช เผชิญผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์!

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 21 ธันวาคม 2012.

  1. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    เขตวัดกุฏีดาว วัดมเหยงคณ์ วัดประดู่ทรงธรรม วัดอโยธยาและวัดดุสิต

    เป็นพื้นที่โบราณก่อนมีการสร้างกรุงศรีอยุธยาบนเกาะเมือง ครับ
    โบราณสถานที่นี่เก่าจริงๆมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันเรียกว่า เมืองอโยธยา

    วัดมเหยงคณ์กับวัดกุฏีดาวเป็นวัดที่กษัตริย์สร้าง นะครับ
    เพราะดูการสร้างอุโบสถก็พอจะทราบได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการณ์
    ที่สำคัญคือ ประตูพระอุโบสถ์ของสองวัดนี้ สร้างตรงกันครับ
    เลยเป็นที่มาของวัดเมียหลวง วัดเมียน้อย (มเหสีกับเจ้าจอม)

    ผู้มีอภิญญาท่านหนึ่งเคยบอกว่า สมบัติในอโยธยานี้มีมากมายมหาศาลเจียรนัยไม่ถูก
    แต่ที่สำคัญคือ สมบัติเหล่านั้นเดินไป/มาถึงกัน (เดินใต้ดิน) ได้ทุกวัดนะครับ

    เรื่องราวแปลกพิสดารและสยองขวัญในอยุธยายังมีอีกมาก ลองไปสอบถามกันดูเอง นะครับ
     
  2. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ถ้าเชื่อว่าจิตวิญญาณมีจริง คนเราตายไปไม่สูญ ก็ขอให้หมั่นทำความดีมากๆนะครับ
     
  3. ไม่เที่ยง

    ไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +500
    ยังจำ ชื่อไม่ได้ วัดในอยุธยานี่เเหละ วัดที่มีบันไดลงไปข้างล่าง เป็นวัดที่เปิดให้เข้าไปเยี่ยมชม ประมาณห้าโมงเย็น ลงไป 3 คน เเต่ตัวเองได้ยินเสียงดนตรีไทย ไม่ได้ทักเเละไม่ได้บอกใคร จนมาบอกทางนี้ละ
     
  4. ไม่เที่ยง

    ไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +500
    สองในห้าวัด มีวัดหนึ่งในอยุธยาประมาณก่อนสามทุ่ม มีผู้สูงสักดิ์ เดินเฉียดผ่าน เเต่งกายนุ่งโจงกระเบน การเเต่งกายงดงาม มียศศักดิ์พอควร เห็นเเค่เเว้บเดียว ปี 2552
     
  5. ไม่เที่ยง

    ไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +500
    วิญญาณ จะมาให้เห็น ที่เคยเจอ 1. เเบบร่างรางๆ โปร่งเเสงหรือบางทีก็เป็นเงาดำๆ หรือเป็นชุดขาว เดินไม่ติดพื้น
    2.เสียง เย็นยะเยือก เสียงร้อง 3.กลิ่นเหม็นมากบรรยายไม่ถูก 4.บางที สุนัขหอน เเต่หอนเเล้วมาหยุดตรงที่ นั่งอยู่ เเล้วนั่งอยู่คนเดียว คืนวันพระ 5.ตอนตีสาม รู้ว่ามีพลังงานบางอย่างเคลื่อนที่ผ่านเเต่ขนลุก หันไปมองไม่เห็นใคร รู้เเต่ว่าเดินผ่านเเล้วยิ้มให้ จนทุกวันนี้ ยังสงสัยว่าผู้หญิงหรือผู้ชายยิ้มให้ มองไม่เห็น ประมาณ ประถม5 ได้
     
  6. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    :cool::cool::cool:ใต้แผ่นดินไทย มีทั้งทรัพย์สินและทรัพยากรมากมายมหาศาล ที่อยุธยาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เก็บไว้ให้ลูกหลานเถอะ:cool::cool::cool: ขอบคุณจขกท.ครับที่นำมาเผยแพร่ให้ทราบครับ
     
  7. Ooood_sai

    Ooood_sai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +113
    ถูกต้องครับ คิดเหมือนกันเลย :cool:
     
  8. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    ชัยบวร อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ makigochan
    เรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ ตอนนี้ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว วิญญาณปู่่โสมจะยังคง
    อยู่หรือไม่คะ

    ครับ...ผมจะเล่าเรื่องจริงที่ผมประสบมาเมื่อปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมาให้ฟังนะครับ เรื่องวิญญาณที่เฝ้าขุมสมบัตินั้น ที่วัดร้างสมัยสุโขทัย ผมก็ไปเจอมาเช่นกันครับ เนื่องจากผมเข้าไปสำรวจสถานที่เพื่อจะทำการอนุรักษ์หรือบูรณะ ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสมบูรณ์เหมือนคนปกตินี่แหละครับ เขามาพูดอะไรให้ผมฟังก็ไม่ทราบ ฟังไม่เข้าใจ แต่จับคำได้เพียงว่า "เชลียง" ผมจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้หลวงพ่อเจ้าอาวาส และชาวบ้านฟังพร้อมบอกรูปพรรณสัณฐานของชายคนนั้น ปรากฏว่าเขาเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณวัดร้างนั่นเอง แต่เสียชีวิตไปนานแล้ว ผมถึงเข้าใจ ถึงอย่างไรผมไม่ได้มีเจตนาจะไปขุดหรือเอาสมบัติอะไรทั้งสิ้น ผมเพียงแค่ประสงค์จะทำการบูรณะขึ้นมาเพื่อเป็นการส่วนรวม ถ้ามีงบหรือเงินทุนเพียงพอสำหรับการบูรณะนะครับ ผมจึงไม่ต้องเกรงกลัวอะไร เพราะทำด้วยจิตใจดีงาม
    เรื่องของคุณชัยบวรก็น่าสนใจมากเลยค่ะ จากประสบการณ์ตรงเลยทีเดียว
     
  9. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    ถ้าเป็นวัดที่มีบันไดลงไปให้เยี่ยมชมกรุสมบัติโบราณ ก็คือวัดราชบูรณะค่ะ ตอนที่ไปอยู่อยุธยาใหม่ ก็ไปเทีี่ยววัดนี้เหมือนกันค่ะ ไปแต่เช้ามาก แต่ไม่กล้าลงไปในกรุค่ะ ชวนเพื่อนลงไปแต่เพื่อนไม่กล้าลงไปค่ะ เขาบอกว่ากลัว เราก็เลย ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ ว่ากลัวอะไร
     
  10. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    น่าสงสารจังค่ะ เฝ้าสมบัติเหมือนโดนจองจำไปไหนก็ไม่ได้
     
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สาธุ...ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่ครับ!

    สำหรับคาถาบทนี้มีเรื่องเล่าว่า พระสงฆ์บางท่านนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ
    คือ ไปสวดเอาของ เอาทรัพย์สมบัติเค้า เลยเจอดีครับ
    เรื่องมีอยู่ว่า ในถ้ำแห่งหนึ่งมีกรุสมบัติล้ำค่าฝังอยู่ แต่เจ้าที่แรงมาก คงเป็นสมบัติของกษัตริย์สมัยโบราณ
    พระท่านไปได้ลายแทงเก่าแก่มาฉบับหนึ่ง ด้วยความที่ท่านมีจิตสัมผัสพิเศษ
    จึงพาคณะดั้นด้นไป บริเวณนั้นเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ลายละเอียดทุกอย่างเหมือนในลายแทง

    บริเวณปากทางเข้าถ้ำมีหินบังไว้ก้อนหนึ่ง ท่านก็ทำพิธีติดต่อสื่อสาร ทราบความแล้วว่าเขาไม่ให้ เลยขยับหินก้อนนั้นไม่ได้

    ท่านจึงสวดพระคาถาบทนี้ บังคับให้เจ้าที่ต้องจำยอมด้วยอำนาจพุทธานุภาพนั้น
    ลองไปขยับหินใหม่ปรากฎว่า หินขยับเขยื้อนออกได้จึงเข้าไปภายในเป็นถ้ำโถงใหญ่ เดินตรงไปเจอหีบโบราณด้วยความที่มีจิตคิดจะเอาของผู้อื่น
    แต่เจ้าของไม่อนุญาต เมื่อท่านเข้าไปจับต้องทรัพย์นั้นเคลื่อนที่แล้ว ศีลก็มีอันวิบัติทันที...

    ข้างบนเพดานมีหินก้อนหนึ่ง พระท่านไม่ทันได้สังเกตุ เจ้าที่เลยสำเร็จโทษท่าน
    ด้วยการบันดาลให้หินก้อนนั้นหล่นลงมา ทับท่านมรณภาพทันที!

    เรื่องนี้ได้ยินได้ฟังมาอีกทีหนึ่งจริงเท็จประการใด พิจารณาเอาเองแล้วกันครับ
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เมื่อปี2549 กล้องวงจรปิดบันทึกได้ดวงไฟที่ลอยไปมาอยู่ในบริเวณที่ทำงาน ใจกลางกรุงเทพ ที่มีทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าแล้ว เมื่อได้ตามดูไปก็เห็นเป็นหลุมใหญ่มีสมบัติฝังอยู่หลายหีบใหญ่ มาแต่ครั้งปลายกรุงศรีอยุธยา มีสำเภาจีนทำจากทองคำและพระพุทธรูปทองคำขนาดหน้าตักสัก9นิ้ว ที่สำเภาจีนมีลูกแก้วใสขนาดผลมะนาววางอยู่ มีหญิงชาววังเฝ้าไว้พร้อมกับบริวารหญิงชายจำนวนหนึ่ง....ผมเก็บเรื่องที่รู้เห็นนี้ไว้ในใจ แต่เมื่อเกิดดวงไฟลอยมาปรากฎให้เห็นอีก2ครั้งจึงไปเรียนถามหลวงปู่ที่เป็นพระทรงอภิญญา ยังไม่ได้กราบเรียนท่านสักเท่าไรท่านก็ตอบสวนออกมาเสียก่อน ดังที่รู้ ท่านบอกว่ามีคนพยายามมาขุด6รายแล้ว แกเป็นรายที่7 เจ้าของต้องการไปเกิดใหม่แล้ว แกจะไปขุดเอาก็จะได้ ส่วนพิธีกรรมในการขุดและวิธีไปเอาสมบัติ ก็อย่างที่แกคิดไว้น่ะแหละ ใช้การได้ ไม่ต้องพูดต้องเล่าออกไป ข้างบ่อน้ำเก่า ลึกลงไปเกือบ3เมตร การที่หลวงปู่ยืนยันได้ทั้งที่ยังไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ท่านฟังแต่ท่านก็บอกได้ตรงกับที่เห็นมา ก็คิดว่าเรานี้คงไม่บ้ามากนักหรือว่าถ้าบ้าก็ไม่ได้บ้าคนเดียว... แต่เมื่อกลับมานั่งพิจารณา เห็นหญิงที่นั่งเฝ้าหน้าตาโกรธขึ้งดุร้าย ใจก็นึกสงสารว่าเขาคงหวงสมบัติเขามาก เห็นบริวารที่หวาดกลัวและเศร้าสลด ก็ให้หดหู่ใจ พิจารณาไปก็เห็นทุกข์ของการยึดมั่นในทรัพย์นั้นทั้งที่ตายไปแล้วก็ยังตอกตึงเขาให้ต้องทนทุกขเวทนา เราได้เพียงแต่เวทนาแล้วแผ่เมตตาให้ ได้เตือนสติเขาไปว่า ทรัพย์นี้ก่อนนี้ก็ไม่ได้เป็นของพวกท่านมาก่อน มาเมื่อเป็นของท่านแล้ว ก็ต้องเสื่อมสลายหายไป เพราะเป็นของคู่กับโลก ไม่มีผู้ใดจะยึดครองได้ตลอดกาลตลอดสมัย คงเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์เท่านั้นเอง เมื่อเห็นว่าทรัพย์นี้สร้างทุกข์ให้เพียงนี้ เราจะไปขุดขึ้นมายึดถือเอาเป็นของตัวก็คงไม่พ้นเป็นทุกข์เช่นเดียวกับพวกเขาเหล่านี้ แม้คนที่เคยมาขุดก่อนหน้าเราก็ถูกทำให้ตายแล้วมาเป็นบริวารเฝ้าอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อเจ้าของต้องการไปเกิดใหม่ เราซึ่งคิดจะไปขุดก็อาจได้สมบัตินี้โดยได้นั่งเฝ้าแทนเขาต่อไป เพราะพิจารณาแล้วทรัพย์นี้ก็ไม่ใช่ของเราในอดีต เราเพียงได้มาอาศัยอยู่บริเวณนี้ และได้รู้ได้เห็นเพียงเท่านั้น สุดท้ายเราก็เองก็จากไป ไม่ได้ขุดหาอะไร เพียงแต่ทำความสะอาดบริเวณนั้นมิให้รก แล้วคอยแผ่เมตตาให้ เพื่อหวังว่าผู้เฝ้าจะได้สติคือความระลึกได้ ถึงทุกข์ที่ตนเฝ้าอยู่นั้นและจะได้หลุดพ้นไปในสักวันหนึ่ง ส่วนเรานั้น ทำความเพียร โดยมีอิทธิบาท4เป็นพื้นฐาน ขวนขวายเอาทรัพย์ที่มีอยู่บนดิน ตามสติกำลังก็เพียงพอ...
     
  13. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วัดกุฏีดาว ตั่งอยู่อยู่หน้าสถานีรถไฟ ฝั่งตะวันออก เป็นวัดเก่าแก่ ฝีมือการสร้างงดงามยิ่ง
    เห็นได้จากซากอาคาร เสาบัวและยอดพระเจดีย์ที่หักโค่นลงมา แม้จะปรักหักพังไปหมดแล้ว
    แต่ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามในอดีต ปัจจุบันเป็นวัดร้าง


    [​IMG]
    ซุ้มประตูทางเข้าวัดกุฏีดาว


    ประวัติ
    ประวัติการสร้างวัดไม่ปรากฏ เข้าใจว่าวัดร้างแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา
    และได้รับการบูรณะปรับปรุงเรื่อยมา เจดีย์ขนาดใหญ่อันเป็นประธานของวัด ซึ่งส่วน
    ของระฆังทลายลงมาแล้ว ในอดีตคงผ่านการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง

    [​IMG]
    เจดีย์วัดกุฏีดาวปัจจุบัน

    [​IMG]
    พระอุโบสถวัดกุฏีดาว

    การเดินทาง
    ถ้าเดินมาจากถนนสายเอเชีย แยกเข้าสู่ถนนโรจนะเพื่อมุ่งเข้าเกาะเมือง
    พอมาถึงเจดีย์วัดสามปลื้มเลี้ยวขวาอ้อมวงเวียนมาตามถนนวัดกุฏีดาวจะอยู่ทาง
    ซ้ายมือ และมีเส้นทางรถไฟผ่านหน้าวัด
     
  14. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ เพิ่งจะได้ทราบเรื่องราวของพระองค์เจ้าพีระ กับปู่โสมในวันนี้ล่ะครับ ไม่เคยอ่านเจอจากที่ไหนเลย
     
  15. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    จุดที่พากันไปขุดสมบัติ เป็นถึงพระราชสมบัติของพระเจ้าอู่ทองเชียวเหรอ ถ้างั้นสมบัติจากวัดกรุราชฯ ต่อให้ยังไม่ได้โดนลักลอบขุดไปก็คงไม่มหาศาลมากเท่ากรุสมบัติของพระเจ้าอู่ทองซึ่งพระองค์เป็นพระปฐมกษัตริ์แห่งต้นพระราชวงศ์อโยธยา ซึ่งแน่นอนจะมีค่าต้องมากมายมหาศาล ที่ไม่ว่าใครในแผ่นดินถึงบุญบารมีสูงส่งแค่ไหนก็ไม่อาจครอบครองได้
     
  16. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    อ่านแล้วสนุกมากคะ ขอบคุณนะคะ
     
  17. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ศาลเจ้าที่เจ้าทางสมัยเมื่อ ๘๐๐ กว่าปี

    [​IMG]
    (ภาพขอยืมมาใช้อ้างอิง แทนสถานที่จริง)

    ศาลนี้ตั้งอยู่ในวนอุทยานเมืองเก่า ต.เมืองเก่า จ.สุโขทัย ใกล้ๆกับที่ตั้งของศาลหลังนี้เคยเป็นแหล่งสะสมทรัพย์สมบัติอันมีค่า
    ส่วนจะเป็นของใครนั้นไม่อาจคาดเดาได้เพราะว่าขาดหลักฐานในการยืนยัน มีเพียงตำนานเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า...

    เคยมีชาวบ้านผู้มีบุญมาเดินเล่นและได้เห็นก้อนทองคำเหลืองอร่ามวางกองอยู่บนพื้นหญ้า วัตถุที่ชาวบ้านคนนั้นเห็น
    บางทีก็ดูคล้ายก้อนอิฐบางทีก็ดูคล้ายก้อนทองคำ พอลองหยิบขึ้นมาดูเข้าจริงๆปรากฎว่าเป็นก้อนทองคำ!
    แต่เขามิได้ถือเอามาเป็นของตนเอง นับว่าเป็นส่วนของคนดีมีศีลธรรมที่เห็นของมีค่าแล้วไม่หยิบฉวยเอามาเป็นของตนเอง
    แต่เมื่อเขานำเรื่องราวนี้ไปบอกญาติพี่น้องข่าวนั้นได้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว จนมีบุคคลหลายกลุ่มทั้งใกล้และไกล
    พยายามที่จะออกไปค้นหาวัตถุมีค่าดังกล่าว...

    ซึ่งบางคนก็ได้มาจริงๆเสียด้วย แต่แล้วเหตุการณ์เรื่องราวอาถรรพ์ก็บังเกิดขึ้นกับคนกลุ่มนั้น คือหลังจากที่เอาทองคำไปแล้ว
    บางคนก็ฝันเห็นยักษ์ร้ายมาขู่อาฆาตจะเอาชีวิตหากไม่นำทองไปคืน บางคนอยู่ดีๆก็ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตปากบิดปากเบี้ยว
    บางรายคลุ้มคลั่งร้องเอะอะโวยวายว่าจะมีคนมาฆ่าเอาชีวิต จนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นกังวลใจ จนต้องวิ่งแจ้นไปขอความช่วยเหลือ
    จากพ่อมดหมอคุณไสยมารักษาแต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย แม้จะนิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญวิชาไสยศาสตร์โดยตรงมารักษา
    แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะแก้ไม่ถูกจุดนั้นเอง...

    สุดท้ายท่านผู้หวังดีได้แนะนำให้บุคคลเหล่านั้นไปทำพิธีขอขมาแล้วนำสมบัติที่มิใช่ของตนไปคืนเขาเสีย
    ไม่อย่างนั้นจะต้องเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิต "ไม่เป็นบ้าก็ตาย"...
    บางคนนั้นมีกิเลสหนาแม้จะเกิดอะไรขึ้นกับตนเองเขาก็ไม่ยอมที่จะนำทรัพย์นั้นไปคืนเจ้าของ จึงต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนา!
    มีเพียงบางรายเท่านั้นที่ยอมเชื่อถือนำทรัพย์ไปคืนที่เดิม ทำพิธีขอขมาอย่างถูกต้องจนเจ้าที่เจ้าทางนึกเห็นใจ จึงบันดาลให้
    พวกเขาเหล่านั้นมีโชคมีลาภไปตามๆกัน!

    ผู้อาวุโสในถิ่นนั้นกล่าวว่า ศาลเจ้าที่เจ้าทางที่ตั้งอยู่ในวนอุทยานเมืองเก่านี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากหากผู้ใดเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมแล้ว
    ไปจุดธูปขออะไรที่ไม่เกินกำลัง เป็นต้องสมหวังทุกรายไป!

    ในความคิดเห็นของผู้เขียนเองนั้นได้ตั้งขอสงสัยไปว่า หากเจ้าที่เจ้าทางเขาไม่ให้ทรัพย์สมบัติแล้วเหตุใดถึงได้นำออกมาให้เห็นเล่า?
    คิดไปคิดมา หรือนี่อาจเป็นเพราะว่าท่านต้องการจะประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ เพื่อให้คนมากราบไหว้บูชากระนั้นหรือ!(หวังเครื่องเซ่น)
    หรือไม่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าดูแลรักษาสถานที่แห่งนั้นอยู่ จงอย่าได้ไปทำอะไรที่ไม่ดีในบริเวณนั้นก็อาจเป็นได้.
     

แชร์หน้านี้

Loading...