จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. klangprai

    klangprai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    5,167
    ค่าพลัง:
    +6,057
    ขอบคุณค่ะครูลูกพลัง เอ๋ก็คิดเหมือนครูค่ะ เขามีความเชื่อมั่นตัวเองสูงค่ะ
    และหาเหตุผลแย้งเราได้เรื่อย ทีนี้อย่างเอ๋ยังไม่แตกฉานมันก็เลยตอบเค้าไม่ได้ค่ะ
     
  2. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สติ ระลึกรู้เท่าทันระดับใด ที่ให้ผลอันยิ่ง

    สติ ควรระลึกรู้เท่าทันระดับใดในการปฏิบัติ  ที่ยังผลอันยิ่ง

    อุปมาดั่ง สติระลึกรู้เท่าทันว่า  ๒ x ๒ =  เท่าใด,   สติระลึกรู้เท่าทันเวทนา หรือจิตตสังขาร แม้กาย, ธรรมก็ฉันนั้น  อันจักให้ผลยิ่ง
    อนึ่งพึงระลึกรู้ว่า
    สติระลึกรู้เท่าทันดังนี้ว่า  ๒ x ๒ =  ๔,   เป็นสติที่ประกอบด้วยปัญญาอันยิ่ง  อันยังให้วิชชานั้นบริบูรณ์ในที่สุด
    อนึ่งสติระลึกรู้เท่าทันดังนี้ว่า  ๒ x ๒ =  ๖,   เป็นสติที่ประกอบด้วยมิจฉาญาณ หรือเป็นอวิชชายังให้เกิดความเดือดร้อนในที่สุด
             การปฏิบัติให้ได้ผลบริบูรณ์นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้สติระลึกรู้อย่างเท่าทันในสิ่งที่ปัญญาไปเห็น เข้าใจ กล่าวคือเป็นมหาสติในกาย เวทนา จิต หรือธรรม,  หรือเป็นมหาสติในปฏิจจสมุปบาทธรรม   จึงเป็นสติดังในลักษณะที่จักอาราธนาธรรมคำสอนของ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี  จากหนังสือ เทสรังสีอนุสรณาลัย  เรื่อง "สิ้นโลก เหลือธรรม (นัยที่สอง)"  (หน้า ๙๓)  ที่ได้กล่าวถึงเรื่อง สติ ไว้ดังนี้
             "จิต คือ ผู้คิดผู้นึกในอารมณ์ต่างๆ ที่รวมเรียกว่ากิเลสอันเป็นเหตุทำให้จิตเศร้าหมองนั่นเอง   จึงต้องฝึกหัดให้มีสติระวังควบคุมจิต ให้รู้เท่าทันจิต  ซึ่งคำนี้เป็นโวหารของพระกรรมฐานโดยเฉพาะ   คำว่า " รู้เท่า " คือ สติรู้จิตอยู่ ไม่ขาดไม่เกินยิ่งหย่อนกว่ากัน สติกับจิตเท่าๆกันนั่นเอง คำว่า " รู้ทัน " คือ สติทันจิตว่าคิดอะไร พอจิตคิดนึก สติก็รู้สึกทันที เรียกว่า " รู้ทัน "   แต่ถ้าจิตคิดแล้วจึงรู้นี้เรียกว่า " รู้ตาม " อย่างนี้เรียกว่าไม่ทันจิต   ถ้าทันจิตแล้ว พอจิตคิดนึก สติจะรู้ทันที ไม่ก่อนไม่หลัง ความคิดของจิตก็จะสงบทันที.......ฯ."
             คำว่า รู้เท่า รู้ทัน ตามที่ท่านหลวงปู่เทสก์กล่าวแสดงข้างต้นนั้น ต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้ง  ถ้ายังไม่แจ่มแจ้ง  ก็ขอให้ลองพิจารณาย้อนระลึกรู้อดีตในปัจจุบันชาติ แต่ในสมัยอยู่อนุบาลหรือประถมต้นๆ  ที่เมื่อคุณครูสอนเลข เรื่องการบวก ลบ คูณ หารใหม่ๆ   แล้วเมื่อถูกคุณครูหรือคุณพ่อคุณแม่ถามว่า  ๒ x ๒ เท่ากับเท่าใด?  อาการที่ลังเลบ้าง  คิดนึกเสียนานบ้าง  คิดนึกไม่ออกบ้าง  ตอบผิดบ้าง ตอบถูกอย่างไม่แน่ใจบ้าง  อาการลังเลไม่แน่ใจบ้างนั่นแหละเป็นเหมือนอาการที่หลวงปู่เทสก์กล่าวไว้ว่า  เป็นอาการของการรู้ตาม
             ส่วนอาการในปัจจุบันชาติ ที่เมื่อมีใครถามว่า  ๒ x ๒  เท่ากับเท่าใด?  แล้วสามารถตอบได้ทันที โดยอัติโนมัติ  ทำได้เองราวกับตั้งใจแต่ไม่ได้ตั้งใจ  ก็สืบเนื่องมาจากการฝึกฝนอบรมและสั่งสมมาอย่างดีงามมาแต่อดีตยิ่งว่า = ๔  นั่นแหละอาการรู้ทัน, รู้เท่าทัน, รู้เท่าทันจิต หรือก็คืออาการมหาสตินั่นเอง  เพียงแต่ว่าการรู้เท่าทัน ๒ x ๒ เยี่ยงนี้นั้น ไม่จัดเป็นมหาสติในทางธรรมหรือโลกุตระ เหตุก็เพราะเป็นการระลึกรู้เท่าทันอย่างโลกๆหรือโลกิยะ ที่เป็นไปเพื่อยังประโยชน์แก่ขันธ์หรือชีวิตในปัจจุบันชาติเท่านั้น  ไม่ได้เป็นไปเพื่อการดับไปของทุกข์ ที่เป็นไปเพื่อการดับภพชาติอย่างโลกุตระ   ที่ควรระลึกรู้อยู่ใน กาย เวทนา จิต ธรรม  เหมือนดั่งการระลึกรู้ในสูตรคูณแม่ต่างๆอย่างเชี่ยวชาญชำนาญยิ่ง,   ที่แม้อาจไม่คล่องแคล่วในบางสูตรคูณที่ไม่จำเป็นบางประการบ้าง อุปมาดั่งวิชชาทางโลกบางประการ ที่ชำนาญบ้างไม่ชำนาญบ้างเป็นธรรมดา
             สติ ระลึกรู้เท่าทันเยี่ยงดังนี้นี่เอง จึงเป็นเหมือนดังที่ท่านหลวงปู่เทสก์ เทสรังสีได้กล่าวแสดงดังข้างต้น  คือ อาการของ สติที่ "รู้เท่า" "รู้ทัน" ที่จักบังเกิดผลอันยิ่งกล่าวคือ รู้เท่าทันสังขาร(ในแง่หรือมุมมองแบบปฏิจจสมุปบาท)ที่เกิดขึ้นจากอวิชชาร่วมกับความทรงจำ(สัญญาที่เจือกิเลสหรือก็คืออาสวะกิเลสนั่นเอง) หรือรู้เท่าทันเวทนา หรือจิตสังขารต่างๆที่เกิดขึ้นในวงจร,    ส่วนในทางสติปัฏฐาน ๔ ก็คือรู้เท่าทันใน กาย เวทนา จิต ธรรม,   ทั้ง ๒ ต่างล้วนดีงามยิ่ง  จึงรู้เท่าทันแบบใด จึงขึ้นอยู่กับจริต สติ ปัญญา แนวทางปฏิบัติของตนที่สั่งสมอบรม เป็นสำคัญ  แต่ล้วนยังให้เกิดผลอันยิ่ง
             ในสติปัฏฐาน ๔ ที่ให้รู้ทันเวทนาหรือจิต(จิตสังขาร)ในขณะเกิดบ้าง แปรปรวนบ้าง ดับไปแล้วบ้าง กล่าวคือ อาจรู้ทันบ้าง อาจรู้ตามบ้าง อาจระลึกรู้ภายหลังบ้าง  หรือรู้ธรรมของจิตบ้าง(เช่นเกิดแต่เหตุปัจจัยใด) เพราะล้วนเป็นการฝึกฝนปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์อยู่  อันย่อมมิสามารถรู้เท่าทันเป็นมหาสติได้เป็นธรรมดาในขั้นแรกย่อมเหมือนกับขณะเล่าเรียนในชั้นอนุบาลหรือประถมต้น  จึงต้องรู้ทันบ้าง รู้ตามบ้าง ระลึกรู้เมื่อดับไปแล้วบ้าง ระลึกรู้เห็นในสภาวธรรมของการเกิด การแปรปรวน การดับไปเป็นธรรมดาบ้าง  แต่ล้วนเป็นการฝึกสติ ทั้งสั่งสม อีกทั้งยังสั่งสมให้เกิดปัญญาเข้าใจในสภาวธรรมต่างๆ รวมทั้ง พระไตรลักษณ์ ฯลฯ.  และเมื่อมีสติดังนี้อยู่เนืองๆเป็นอเนก ย่อมกลายเป็นมหาสติขึ้นในที่สุดนั่นเอง
              ส่วนในปฏิจจสมุปบาทนั้นก็เป็นไปเฉกเช่นเดียวกัน ที่ขั้นแรกนั้นปัญญาย่อมยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งและยังทั้งไม่เท่าทันในสังขารอันเกิดแต่อวิชชาร่วมกับอาสวะกิเลสเป็นธรรมดาในการปฏิบัติขั้นต้นๆ แต่ก็่เพื่อให้เกิดการสั่งสม  จึงต้องรู้ทันเวทนา(องค์ธรรมในปฏิจจสมุปบาท)บ้าง เวทนูปาทานขันธ์และสังขารูปาทานขันธ์ที่เกิดขึ้นในองค์ธรรมชราบ้าง   ดังนั้นในระยะแรกปฏิบัติจึงย่อมเป็นการรู้เท่าทันบ้าง รู้ตามบ้าง รู้เมื่อเป็นสุขเป็นทุกข์ดับไปแล้วบ้าง เป็นธรรมดา   จนในที่สุดแล้วสติที่ใช้ร่วมกับปัญญาที่ใช้ในการปฏิบัติเพื่อการดับไปแห่งอวิชชาที่ต้องปฏิบัติสั่งสมจนพัฒนาเป็นสติที่ต้อง "รู้เท่า" "รู้ทัน" สังขารกิเลสดังแสดงข้างต้นจึงเป็นที่สุดของการดับทุกข์  อันจักบังเกิดขึ้นจากการปฏิบัติด้วยความเพียรสั่งสมจนกล้าแข็ง แลเป็นมหาสตินั่นเอง  อนึ่งการรู้เท่าทันสังขารกิเลสที่เกิดขึ้น ไม่ได้หมายถึงการปฏิบัติแบบหยุดคิดหยุดนึก
              หรือสติเป็นไปดังธรรมคำสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล จากหนังสือ "อตุโล ไม่มีใดเทียม"  (น.๔๖๙)
              ".........ในทางปฏิบัติที่ว่า ปฏิบัติจิต ปฏิบัติใจ โดยให้ใจอยู่กับใจนี้  ก็คือให้มีสติกํากับใจให้เป็นสติถาวร  ไม่ใช่เป็นสติคล้ายๆ หลอดไฟที่จวนจะขาด เดี๋ยวก็สว่างวาบ  เดี๋ยวก็ดับ  เดี๋ยวก็สว่าง  แต่ให้มันสว่างติดต่อกันไปตลอดเวลา   เมื่อสติมันติดต่อกัน(เป็นสัมมาสมาธิในการดับทุกข์อย่างแท้จริงคือจิตตั้งมั่นที่เป็นไปอย่างอย่างมหาสติ คือเกิดดับๆโดยอัติโนมัติ)ไปอย่างนี้แล้ว   ใจมันก็มีสติควบคุมอยู่ตลอดเวลา  เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อยู่กับตัวรู้ตลอดเวลา"  ตัวรู้ก็คือ "สติ" นั่นเอง  หรือจะเรียกว่า "พุทโธ" ก็ได้   พุทโธที่ว่า รู้ ตื่น เบิกบาน ก็คือตัวสตินั่นแหละ" 

              สติรู้เท่าทันในกายนั้น เป็นไปเพื่อจุดประสงค์ คือละความดำริพล่าน จิตจึงตั้งมั่น  และเพื่อให้เกิดปัญญาคือนิพพิทาญาณในสังขารกายที่พิจารณา   อนึ่งพึงเข้าใจด้วยว่า อาการที่จิตส่งในไปในกายนั้น ไม่ใช่อาการของสติรู้เท่าทันในกายในสติปัฏฐานแต่อย่างใด  แต่เป็นอาการของการติดเพลินในสมาธิหรือฌาน อันให้โทษแก่ผู้ปฏิบัติในที่สุดเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็คือสุขในวิปัสสนูปกิเลส เรียกกันง่ายๆทั่วไปว่าติดสุขนั่นเอง
              สติรู้เท่าทันในธรรม ก็ด้วยจุดประสงค์ คือ เมื่อจิตอยู่กับการพิจารณาธรรม จิตย่อมละความดำริพล่าน จิตจึงตั้งมั่น  และเพื่อให้เกิดปัญญาญาณจากธรรมต่างๆที่พิจารณาหรือรู้เท่าทันในขณะจิตนั้นๆ
              ส่วนการมีสติรู้เท่าทันเวทนาและจิต หรือเรียกรวมกันสั้นๆทั่วไปกันว่า สติเท่าทันจิต นั้นก็เพื่อละดำริพล่าน และใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน พร้อมการอุเบกขาอยู่เนืองๆเป็นอเนก  จึงยังให้เกิดทั้งปัญญาญาณและเป็นมหาสติขึ้นในที่สุด

    สติ ระลึกรู้เท่าทันระดับใดที่ยังผลอันยิ่ง
    อุปมาดั่ง สติระลึกรู้เท่าทันว่า  ๒ x ๒ =  เท่าใด,   สติระลึกรู้เท่าทันก็ฉันนั้น  อันจักให้ผลยิ่ง
    อนึ่งพึงระลึกรู้ว่า
         สติระลึกรู้เท่าทันดังนี้  ๒ x ๒ =  ๔,   เป็นสติที่ประกอบด้วยปัญญาอันยิ่ง  อันยังให้ผลบริบูรณ์ต่อขันธ์หรือชีวิตในที่สุด
    สติระลึกรู้เท่าทันดังนี้  ๒ x ๒ =  ๖,   เป็นสติที่ประกอบด้วยมิจฉาญาณ  อันยังให้เกิดความเดือดร้อนต่อขันธ์หรือชีวิตในที่สุด​
     
    ดังนั้นคงจะพอเห็นได้แล้วว่าความเร็วของสติในระดับใดที่ยังให้ผลอันยิ่ง
    สตินี้จึงมีองค์ประกอบในการปฏิบัติ เช่นเดียวกับการเจริญอิทธิบาท ๔ อีกด้วย กล่าวคือ

    ไม่ย่อหย่อนเกินไป  ไม่ต้องประคองเกินไป  
    ไม่หดหู่ในภายใน  ไม่ฟุ้งซ่านไปในภายนอก


    (ผู้เขียน: พนมพร)


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  3. บัวบุษกร

    บัวบุษกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +565
    ขอโมทนาจิตบุญ

    87 น้องนิว 88 คุณหมู 89 คุณบังอร 90 คุณแม่ละเอียด
    91 คุณแพท 92 คุณดาว 93 คุณUncle Gee
    94 คุณจุ๋ม (ไทยแลนด์)
    และครูจิตบุญทุกท่านด้วยค่ะ
    น้องนิวกับคุณแม่จุ๋มและคุณพ่อเป็นครอบครัวจิตบุญที่น่ารักมากๆ ขอเอาเคสน้องนิวเป็นตัวอย่างในการสอนเด็กๆที่บ้านนะคะ

    เห็นจิตบุญยกกันเยอะๆแล้วชื่นใจ... นึกถึงวันที่ตัวเองยกจิตขึ้นสำเร็จ ตอนนั้นยังไม่ทราบหรอกว่า อย่างไหนจึงจะเรียกว่าจิตยกหรือยัง แต่รู้ได้ว่าจิตเราไม่เหมือนเดิม จิตเข้าใจทุกข์ ละวางทุกข์ ละวางกาย และสิ่งสมมติทั้งปวง เป็นความเข้าใจที่จิตเข้าใจ เนื่องจากเห็นจริง ไม่ใช่เข้าใจจากความคิด วันนั้นจึงโล่ง ว่าง เบา สบาย ในจิต โดยไม่สนว่าจะเป็นจิตบุญหรือยัง....

    ขอโมทนาสาธุอีกครั้งสำหรับภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ของครูจิตบุญ จิตบุญ และจิตเกาะพระทุกท่าน ขอให้ทุกดวงจิตได้เข้าถึงซึ่งพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ด้วยเถิด..สาธุ
     
  4. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    WOW!!! สวดยอดเลยค่ะ คุณพี่จุ๋ม บทกลอนนี้เราเอามาเป็นโลโก้ให้ วิชาจิตเกาะพระเราได้ดีที่เดียวเลย เด็ดดวงมากเลยค่ะ พี่จุ๋ม ท่านเจ้าบทเจ้ากลอนจริงๆ นับถือๆ โมทนาสาธุค่ะ :cool::cool::cool::cool:
     
  5. Espanda

    Espanda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +720
    เขาไม่ได้เชื่อสิ่งที่เราบอก
    แต่เขาเชื่อสิ่งที่เราได้ทำ
    อย่าคิดว่าเขาเชื่อในตัวเรา
    แต่เขาเชื่อในผลธรรมของเรา


    อันนี้ไม่ต้องอ่านให้เค้าฟังนะครับ เอาไว้บอกตัวเรา
    ถ้าเราได้มรรคผลเมื่อไหร่ เขาจะเข้าใจเอง
     
  6. klangprai

    klangprai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    5,167
    ค่าพลัง:
    +6,057
    ขอบคุณค่ะ
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VCBPDQ96xsM]คำไหว้พระจุฬามณีเจดีย์ - YouTube[/ame]​
    คุณกำลังตามหาอะไร?

    อย่ามัวหลงไปตามหาปัญญา(ทางธรรม)จากข้างนอกกันอยู่เลย
    เพราะปัญญาที่ว่านั้น มันอยู่ข้างในจิตของตนเอง นั่นแหล่ะ!
    แต่ปัญหามันอยู่ที่เราจะตามหาดวงจิตของตนพบกันหรือเปล่า

    อย่าหลงเอาแต่ตั้งคำถามหรือสงสัยกับผู้อื่นอยู่เลย
    เพราะคำตอบที่ดีที่สุดนั้น มันอยู่ที่ภายใน(จิต)

    แต่ถ้าท่านกำลังตามหาสิ่งเหล่านี้ของตน อันได้แก่
    ตัวตนจริงๆ ดวงจิตเดิมแท้ ปัญญา ความสงบสุข ความสว่าง ความว่าง หรือนิพพาน
    ที่นี่ มีคำตอบ แต่จิตจะต้องพร้อมเสียก่อน

    ปล. สิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ก็คือ ดวงจิตกับสติ (โปรดรักษากันไว้ให้ดี)
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ระหว่างนิพพานบนดิน กับ นรกบนดิน
    คุณจะเลือกอะไร
    (ทำด้วย อย่าเอาแต่เลือก)


    จะไปตามหาพระนิพพานกันที่ไหนไกล
    มันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ภายในจิตนั่นไง! เคยค้นหากันบ้างไหม

    ข้างนอกจิตนั้น เต็มไปด้วยอันตรายใดๆ ไม่ปลอดภัย แถมนรกก็อยู่ไม่ไกล
    แต่ถ้าคุณเดินออกนอกจิตเมื่อใด จงเข้าใจด้วยว่า ทางนั้นนรกชัดๆ
    นรกที่ยังมีลมหายใจกันอยู่เลย ไม่เชื่อก็ตามใจ

    รักนะ ห่วงนะ ที่เตือนน่ะ

    *คุณจุ๋ม(Germany) เอาอีกๆ ชั่วข้ามคืนคุณดังเพราะกลอนนี่แหล่ะ เจอตัวแล้ว เจ้าบทเจ้ากลอน ลูกหว้าเธอมีคู่แข่งแล้ว(ประกาศ!ลูกหว้าหาย)

    ***ขอฝากข่าวให้กับคุณกลางไพร***
    ขอให้คุณนำสติกลับ ณ ที่ตั้งโดยด่วน! นั่นก็คือ จิตตนเอง เอาจิตเราให้รอดก่อนเน๊อะ ต่อไปค่อยไปต่อกลอนกันใหม่ เดี๋ยวจะไปขัดแย้งกันมันไม่ดี เรื่องจิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในเวลาเดียวกัน เราจะต้องเข้าใจจิตตนเองและจิตของผู้อื่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทำไปๆ อย่าไปแวะ อย่าไปเลี้ยว อย่าไปดูจิต ดูจริยาผู้อื่น เดี๋ยวตีเลย พอเรา(จิต)รอดแล้ว ต่อไปคุณจะไปโปรดกับผู้ใดก็ตามแต่ใจ

    ปล. พร่ำรอครูเพ็ญ เพราะจิตท่านกำลังยิ่งกว่าจำศีล และเป็นโรคไม่อยากพูดกับคน ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ตุลาคม 2012
  9. mooda

    mooda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +461
    เขาว่าเขาเข้าใจในตัวเขา
    ก็แล้วเราเข้าใจเขาไหมนี่
    เขาว่าเขาเข้าใจในเราดี
    แล้วในที่สุด...เขาไม่เข้าใจ

    อยากรู้ว่าใครคือเรา และเขาคือใคร
    จุ๋ม(ไทยแลนด์) จบ.๙๔
     
  10. klangprai

    klangprai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    5,167
    ค่าพลัง:
    +6,057
    รับแซ่บเจ้าค่ะ
     
  11. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ท่านนี้ผมแนะนำมาเองแหละ จากห้องอภิญญา 55555 แต่ไม่รู้ว่าท่านจะสนใจไหม ท่านยังงมๆทางอยู่ที่ห้องนั้นอยู่เลยครับ
    เขายังหลงในอภิญญาอยู่มาก น่าจะยังไม่ถึงวาระของเขามั้งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2012
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุค่ะ คุณจุ๋ม
    อ่านแล้ว ครอบคลุมดีจริงค่ะ
    สาธุ
     
  13. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับธรรมะดีๆจ๊า
     
  14. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ขอบคุณ คุณพี่พอใจค่ะ คุณพี่ร้องเพราะมากๆเลยค่ะ:cool:
     
  15. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ขอบคุณค่ะ ครูดัช สาธุ...
     
  16. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    :z16ขอบคุณค่ะครูเกษ โปรดติดตามตอน(กลอน)ต่อไป
     
  17. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    (f)ขอบคุณค่ะคุณแนท บ้านจุ๋มอยู่เมืองวอกค่ะ แต่ชอบไประยอง คนระยองน่ารักจังฮิ
     
  18. watta chan

    watta chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +586
    ลองมาฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนวิธีเกาะพระอย่างละเอียดมี 4 ตอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    (ต่อ) เรา กับ เขา...

    เขาว่าเขาเข้าใจในตัวเขา
    เราว่าเราเข้าใจในตัวเรา
    เราไม่มีเราไม่มีของเรา
    เขาไม่มีเขาไม่มีของเขา

    เราอย่าคิดเขามาเข้าใจเรา
    เราเข้าใจเราเขาเข้าใจเขา
    เราคิดเราเปลี่ยนแปลงเขา
    เขาคิดเขาเปลี่ยนแปลงเรา

    เราเขาไม่เที่ยงเขาเราทุกข์
    เราเขาอนัตตาเขาเรานิพพาน

    (เริ่มจะมั่วแล้ว)
    จุ๋ม(เยอรมัน) มาช่วยต่อกลอนกับจุ๋ม(ไทยแลนด์) ให้หน่อย
    หมีภูสู้ไม่ไหวแร๊ะ! งงงงงง
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เลือดตกยางออกได้ แต่อย่าให้กำลังใจตก
    อ่อนไหวได้ แต่อย่าให้จิตใจอ่อนไหว
    ลืมหายใจได้ แต่อย่าลืมสติ
    ใครไม่รักเรา แต่หมีภูรักแถมเมตตาด้วย​


    ปล. คุณลินดาหายไปไหน ไม่ยอมมาต่อปัญญากับเราเลย
    รอคุณดาวจิตคม คุณแนทจิตนุ่มนิ่ม คุณแพทจิตสัมผัส คุณจุ๋มเจ้ากลอน คุณปุ๋มกายทิพย์ คุณแหววจอมนิมิต


    พวกเธออย่าหาย มาช่วยกันเติมฝัน มาช่วยค้นหาจิตเดิมแท้ สงเคราะห์ผู้คนหลุดพ้นกองทุกข์ มาพยุงจิตผู้อ่อนแอ มาให้กำลังใจผู้ปฎิบัติใหม่ อย่ามัวอมยิ้ม อย่ามัวอิ่มทิพย์ มาช่ยลูกหลานของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะท่านพ่อ องค์หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ(วีระ ถาวโร) ผู้ปฎิบัติใหม่วินัยอย่าหย่อนนาน อยากบรรลุไวให้ทิ้งอีโก้ อย่าอวดรู้มาก อย่าแวะเบี้ยวให้เดินมรรคา อย่าดื้อ อย่าติดๆดับๆ อย่าติดสงสัย อย่าติดสุขจากฌาน(เฉพาะจิตบำเพ็ญ) พยายามละสังโยชน์ จิตบุญอย่าลืมเจริญสติ จิตหลุดควรมีสติ ผู้ที่ช้านึกถึงพระบ่อยๆ ผู้มาใหม่อย่าสนใจจิตผู้อื่นหรือดูจริยาผู้อื่น อย่าดูความดีความชั่วผู้อื่นเพราะจะเสียมรรคผล ผู้ที่มุ่งหน้านิพพานละให้หมดถ้านึกได้ว่ามี ผู้ไม่เอาจริงอย่าเข้ามาเพราะเสียเวลาทั้งคู่ จิตไวไม่กลัวคนเก่งไม่กลัวแต่กลัวคนที่เผลอสติหรือสติตามไม่ทันจิต อย่ามัวติสุขรีบละเข้านิพพาน ทำจิตให้ว่างนิพพานมีจริง ใครตำหนิด่าว่าร้ายเราช่างมันแต่กรรมต้องหยุดที่เรา กายตายจิตไปต่อไปไหนถามตนดูเอา กำลังใครถดถอยหรือท้แท้ให้รีบทรงฌาน ผู้ทำการงานอย่างทรงฌานลึกมาก ผู้ตอบธรรมะอย่าลืมทรงฌานเป็นอย่างต่ำ ทรงจิตอยู่แต่ปัจจุบัน ใครอุปทานขันธ์กินช่างเขาปะไรแต่อย่ากินเราเป็นพอ พุทธบุตรอย่านิ่งดูดาย ทำงานแทนท่านพ่ออย่าขี้เกียจ อย่าเป็นอรหันต์เห็นแก่ตน ในขณะเราอิ่มเอิบปิติสุขแต่มีคนจำนวนมากที่กำลังนอน/นั่ง/ยืนร้องไห้เป็นทุกข์ เห็นใจเขาบ้างเราเคยทุกข์มาก่อน ช่วยพวกเขาไปไม่ได้อะไรก็ไม่เป็นไรอย่าไปเรียกร้องเพราะบุญบาีมีนั้นเป็นนามตายเมื่อไหร่ได้ใช้เมื่อนั้น เงินไม่มีประโยชน์เพราะบนนิพพานไม่มีเซเว่นฯ ชื่อเสียงโด่งดังไม่มีประโยชน์เพราะนิพพานมีแต่แสงแสงในดวงจิต อาหารไม่มีไม่กินก็อิ่ม ไปไหนดั่งจิต เวลาโลกทิพย์ไม่มี มีแต่ในโลก ใครคิดว่ากำลังถึงพร้อมโปรดเข้ามา เวลาปฎิบัติขอให้ตั้งใจจริงก็จะได้ของจริงๆ อย่ามัวทำเล่น เตรียมจิตอย่างเดียวอย่างอื่นไม่ต้อง ทุกข์สุขไม่ต้องเล่าส่งแค่การบ้านเรื่องจิตอย่างเดียว คือรายงานแค่อาการหรืออารมณ์ของจิตตนเองเพียงอย่างเดียว เงินลงทะเบียนไม่ต้อง ไม่ต้องมารักมาชมพวกครูๆไม่ต้องเอาอกเอาใจ แต่เอาจิตตนเองให้รอดก่อน อย่าเพิ่งไปสอนคนอื่นเอาจิตตนเองให้รอดก่อน ใครจะเป็นใครจะตายช่างเขา แต่ถ้าเราตายก่อนจิตยกอดลุ้นนิพพาน อดีตกรรมไม่สำคัญแต่ขอมีสำนึกผิดที่ผ่านมา ละชั่วมุ่งทำกรรมดีฝ่ายเดียว ใครว่าจิตบุญของปลอมไม่จริ๊งจริงก็เรื่องของโยม ก็ของตรูจริงก็แล้วกัน อย่าไปบ้านิมิตบ้าอภิญญามีได้แต่แต่หลงยึดติดเพราะแทนที่จะละอัตตามานะ แต่ได้อัตตามานะเพิ่มยิ่งกว่าเดิม ออกไปไกลยิ่งกว่ามหาสมุทร ออกห้วงจักรวาลใครจะไปตามท่านได้ หลงป่ายังตามหาง่าย แต่คนหลงนิมิตหลงอภิญญา จะไปตามหาจิตใครที่ไหนเจอ แค่ตามหาดวงจิตเดิมแท้ของตนยังแย่ เอ๊าพร่ำแค่นี้ก่อน ใครเบื่อพร่ำ ใครหาย แต่หมีภูไม่ยอมหาย ใครต้องการอะไรได้บอกกล่าว ใครยังหลงชมตนเองระวังให้ดี ใครขาดอะไรเราเติมเต็มให้ ใครอยากฟังเพลงเด๊่ยวหมีภูจัดให้ แต่ไม่ต้องให้อะไรกับหมีภูเพราะไม่ต้องการอะไร นอกจากมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็พอ ไม่หลงตนเอง ไม่งมงายกับสิ่งได้มาหรือกำลังจะมา ใครว่าตรูเพ้อเรื่องของเธอ แต่เธออย่าเพ้อก็แล้วกัน ฮ่าๆ
    โม้พอแร๊ะ...

    พร่ำตั้งเยอะ แค่อยากบอกว่า รักนะเมตตานะ จุ๊บๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...