พลังจิต สามารถ เปลี่ยนรูป ของพลังงานได้หรือไม่

พลังของจิต นอกจากจะจินตนาการ ให้ เห็นภาพได้ พลังจิตจะรุนแรงหรือ รวมตัวกันได้เหมือน พลังไฟฟ้า ได้หรือไม่คะ บางคนอาจสามารถ รวมพลังจิตของตนเอง ตัดกระดาษด้วยนิ้ว หรือ ดันสิ่งของ หรือ ควบคุมสิ่งอื่นได้หรือไม่ การคิดถือว่าเป็นพลังจิตหรือเปล่าคะ การแผ่เมตตาถือว่าเป็นการทำด้วยพลังจิตหรือเปล่าคะ การโกรธกัน การเกลียด การอาฆาตพยาบาท การสาปแช่ง ตลอดจน การรักคนคนนึง การคิดถึงคนคนหนึ่ง การหวังดีต่อกัน การเชื่อคนคนนึง การศรัทธาคนคนนึง ถือเป็นการใช้พลังจิต หรือเปล่าคะ

และ ปัญญาที่สอนกัน บางคนเรียก ดวงธรรม บางคนเรียก โยเร บางคนเรียกแสงแห่งธรรม บางคนเรียกธรรมกาย บางคนเรียก ฤทธิ์ทางใจ บางคนเรียกลมปราณ บางคนเรียก หยินหยาง บางคนเรียก พลังซี่ บางคนมีพลังออกมาจากฝ่ามือ ฝ่าเท้า ทั้งตัว แบบนี้ทั้งหมด มันคือ การใช้พลังจิต หรือเปล่าคะ

ทั้งหมดมันคือ เส้นทาง แห่งการเดินทาง เข้าสู่ จุดหมายเดัยวกันคือ การพ้นทุกข์ ช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ หรือเปล่าคะ

ถ้านำมามาใช้ในทางที่ดี ก็คือการปฏิบัติดี เช่นนี้หรือเปล่าคะ

แต่ถ้านำมาใช้ในทางที่ไม่ดี ก็คือการหลง การทำไม่ดี เช่นนี้หรือเปล่าคะ

ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ ถูกนำมาใช้ในทางที่ดี ควรจะสนับสนุนหรือเปล่าคะ

ถ้าสิ่งใดก็ตาม ถูกนำมาใช้ในทางที่ไม่ดี ควรจะพากัน ยับยั้งร่วมกัน หรือเปล่าคะ

การทำดี คิดดี พูดดี ควรช่วยกันสนับสนุน ดีมั้ยคะ

 

การคิดดี พูดดี ทำดี เริ่มที่ตนเอง เริ่มได้เลยครับ
ปล. ยินดีที่เห็นพี่สาวยกพระสูตรมาศึกษาครับ(อีกกระทู้นึง)

 

ถ้าคุณอยากเข้าใจในเรื่องพลังจิต ให้ศึกษาเรื่องจิตใต้สำนึก แล้วคุณจะเข้าใจว่า จินตนาการเป็นเหมือนหนทางให้พลังจิตรวมตัวกันให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยมาจากพลังศรัทธาของเราเองที่มีตจ่อสิ่งนั้น ๆๆ ค่ะ
เดี๋ยวนี้มีสอนกันหลายที่นะคะ อาจจะออกมาในรูปแบบของการสั่งจิตใต้สำนึก หรือการสะกดจิต ฯลฯ

 

คำเรียกที่ว่า จิตไต้สำนึก นี่หมายถึง จิตที่ ไม่อยู่กับ กาย ไม่ถูกกายรบกวน หมายถึงจิตที่รวมกันเป็นสมาธิได้ ไม่ถูกความคิดฟุ้งซ่าน รบกวน หรือเปล่าคะ

ส่วนการสะกดจิต นี่คือ ผู้อื่น อบรม ชี้แนะ เราที่จิตเรายังไม่เป็นสมาธิ ยังฟุ้งซ่าน อยู่หรือเปล่าคะ ถ้าสะกดจิตเพื่อ สิ่งที่ดี ก็จะ ดีนะคะ

 

ในหนังเรื่อง สตาร์วอร์ กับคำพูด ที่ว่า ขอพลังจงอยู่กับคุณ

พลังที่ว่านี้ คือ ศรัทธาในคุณความดีของตัวเอง ของตัวเราเอง ไช่หมายถึง พลังจิตแบบหนึ่ง ที่ ควรจะ มีเอาไว้ หรือหมายถึง อย่าลืมตัว อย่าหลงตัวเอง จงมีสติที่ยึดมั่นในคุณความดี เพื่อ พลังของศรัทธาและคุณความดี จะได้ ปกปักษ์รักษา เช่นนี้หรือเปล่าคะ

 

ไม่ว่าจเป็น พลัง จาก สิ่งใด

พลังจากโยเร พลังจากอนุตรธรรม พลังจากหยินหยาง พลังจากธรรมกาย พลังจากดวงธรรม พลังจากปัญญา พลังจากการฝึกฝนทุกชนิด พลังจากความคิด จิตของผู้อื่นพลังจากความคิด จิตใจของเราเอง

พลังทั้งหลาย ก็มีเข้ามาเพื่อ ฝึกฝน สติในตัวเรา ให้เรารู้ ทัน ได้ว่า พลังทั้งหลาย มันดี มันสมควรรับรู้ และ ถ่ายทอดต่อไป หรือไม่อย่างไร

ทุกอย่างมีพลังงานในตัวของมันเอง(คุณสมบัติของธาตุนั้นๆ) เมื่อธาตุรวมตัวกัน เกิดธาตุใหม่ ตั้งแต่ สองชนิดธาตุมารวมกัน อาจสร้าง อาจเปลี่ยน คุณสมบัติ หรือ พลังงานในธาตุที่ถูกรวมขึ้นมา ให้เป็น คุณสมบัติ หรือพลังงาน ที่ เกิดขึ้นใหม่ มีคุณสมบัติใหม่ ก็เป็นได้ นะคะ ดังนั้น เหตุปัจจัย ที่ รวมธาตุ เพื่อให้ดี เพื่อให้ดีกว่า เดิม อาจจะเป็น คิดดี ทำดี พูดดี เพื่อให้ ได้ ให้เกิด ผลเป็นสิ่งที่ดีดี ก็ น่ายินดี นะคะ

 

เหมือน คนที่อยากได้ บ้านหลังสวยๆ ดีดี ก็ เลือกหา แต่ ไม้ เหล็ก วัตถุดิบ ช่าง อุปกรณ์ หรือหาเหตุปัจจัยที่ดี เท่านั้น เพื่อ เอามาสร้างบ้าน ให้ได้ บ้านที่ออกมาดี ที่สุด ไงล่ะคะ

 

ดังนั้น การทำดี แล้วได้ดี อาจ ขยายความได้ว่า

อยากได้ดี ก็ ต้อง สร้างเหตุปัจจัยที่ดี รู้เหตุปัจจัยที่ดี แล้วเอามาสร้าง มาทำ เป็น มโนกรรม กายกรรม วจีกรรม ที่ดี เพื่อ ผล ที่ออกมา จะได้ ดี ได้ผลดี นะคะ

ถ้าทำดี แล้ว ไม่ได้ดี ก็ อาจจะ เป็นเพราะ เหตุปัจจัยที่เอามาสร้าง มาทำ นั้น ยังมีอะไรบางสิ่งบางอย่าง ที่ ไม่ดี เจือปน ผสม อยู่ด้วย หรือเปล่านั่นเอง กระมังคะ ผลที่ออกมา เลย ไม่ได้ดี

 

ทีนี้ มาว่า พลังจิต ในตัวเราเอง กันบ้างนะคะ

ดินน้ำลมไฟ ธาตุที่มารวมกัน เป็นตัวเรา ใจหรือธาตุรู้ ที่มารวมตัวกัน เป็น ตัวเรา
มันก็มี คุณสมบัติ ที่เรารู้ กันได้เอง ว่า เรา ดี สงบ แค่ไหน ดินน้ำลมไฟนั้น เป็นธาตุจากธรรมชาติ ที่มี คุณสมบัติ เป็นกลางๆ เป็นธรรม โดยธรรม ตามธรรม ของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ของมัน อยู่แล้ว ก่อนที่ พวกมันทั้ง สี่ ธาตุ จะรวมตัวกัน เพื่อเป็นตัวเรา แล้ว มารวมกับธาตุรู้ อีก ทีหนึ่ง ดังนั้น ร่างกายเรา ก็คือธาตุ ที่เกิดโดยธรรม โดยธรรมชาติอยู่แล้ว มีคุณสมบัติของธาตุ ที่เป็นกลาง โดยธรรม

ส่วนธาตุรู้ ที่เรียกว่าใจ หรือ จิตใจ นี้ คุณสมบัติ หรือ พลังงาน ที่ มีก่อนที่จะมารวมกัน กับ ธาตุธรรมชาติ ทั้ง สี่ คือ ดิน น้ำ ลมไฟ ซึ่ง ธาตุ ดินน้ำลมไฟ รวมตัวกัน เป็น เครื่องรู้ เป็นธาตุรู้ ได้ เช่นกัน ก็คือ รวมธาตุกันแล้ว เป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ผัสสะทั้งหลาย มากกว่า ธาตุรู้ หรือ มโนธาตุ ด้วยซ้ำ ดังนั้น ธาตุโดยธรรม ดินน้ำลมไฟ ที่เป็นกลาง เป็นธรรม ก็ น่า จะ สามารถ ดึง ชำระ น้อม โยนิโส ธาตุรู้ หรือจิตใจ ให้ มา เป็นธรรม เป็นกลาง โดยธรรม เหมือน พลังของ ดินน้ำลมไฟ ที่เป็นกลาง เป็นธรรม บริสุทธิ์ ได้ นะคะ

มันน่าจะเป็น สิ่งที่ เราทุกคน น่าจะเข้าใจได้ และทำได้ นะคะ ว่า เอาจิตใจ เข้าหา ธาตุธรรมชาติ คือ ดินน้ำลมไฟ โดยที่ ธาตุรู้ หรือ มโนธาตุ ต้อง หมด อุปทาน หมดความอยาก แล้ว เข้ามา มีคุณสมบัติเหมือน ดิน น้ำ ลมไฟ โดยธรรม ตามธรรม เป็นธรรม เห็นธรรม ใน ธาตุธรรม ดินน้ำลมไฟ น่าจะ ได้นะคะ

 

เมื่อธาตุรู้หรือจิตใจ น้อมตนเอง เข้าถึง ดินน้ำลมไฟ ธาตุธรรมชาติ เข้าถึงธรรม เข้าถึงความเป็นกลาง ก็เหมือน ใจ รู้ความจริงของ ธาตุที่รวมกันเป็นร่างกาย ก็เหมือน ใจรู้ความจริงของกาย ยอมรับความเป้นธาตุธรรม ความเป้นกลาง ของกาย ของ ตาหูจมูกลิ้นกาย แล้ว ก็ แสดงว่า ธาตุรู้หรือจิตใจ มีความเป็นกลาง เป็นธรรม โดยธรรม แล้ว

ก็แสดงว่า ตัวรู้ตัวเห็นตัวผัสสะ(กายใจ)กับสิ่งที่ ถูก รู้ ถูกเห็น ถูกผัสสะ( ก็ดินน้ำลมไฟเหมือนกัน)

กายใจเรา ก็ ดินน้ำลมไฟ สิ่งที่ถูก กายใจรู้เห็นผัสสะ ก็ ดินน้ำลมไฟ

ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็แสดงว่า มันเท่าเทียมกันโดยธรรม โดยความเป็นกลาง

กลางของกายใจเราธรรมของกายใจเรา เท่าเทียม กัน กับ กลางของธรรมชาติ ธรรมของธรรมชาติ ทั้งหลาย แล้วนั่นเอง รู้ แบบนี้ ได้มั้ยคะ รู้แบบนี้ ดีมั้ยคะ รู้แบบนี้ น่ารู้มั้ยคะ

 

เมื่อธาตุุรู้ หรือมโธาตุ หรือจิตใจ สามารถ ชำระ ความหลง ของตนเอง ได้ แล้ว มามีพลังงาน หรือ คุณสมบัติที่เป็นกลาง เป็นธรรม ได้เหมือน ดินน้ำลมไฟที่รวมกัน เป็นร่างกายนั้น ร วมกันเป็นธาตุรับรู้ ได้โดย ตา หู จมูก ลิ้น กาย เกิดผัสสะ ทั้งหลายได้ นั่นเอง


เมื่อจิตใจหรือธาตุรู้ เข้าถึงธาตุธรรมชาติ เข้าถึงความเป็นกลางได้ ไม่หลง ในการ ปรุงแต่ง ไม่หลงในการรับรู้ ของ ดินน้ำลมไฟ ก็คือ ไม่หลงไปกับ ตาหู จมูกลิ้นกาย ได้แล้ว ก็แสดงว่า ใจเป็นกลาง ธาตุรู้ เป็นกลาง มีคุณสมบัติ พลังงาน ที่เป็นกลาง เหมือน ดินน้ำลมไฟที่รวมกันเป้นร่างกายได้แล้ว ก็ จะ ไม่หลง อีกเลย

ดังนั้นเวลา กายตาย ของร่างกาย ธาตุดินน้ำลมไฟ สลาย แตกดับ กลับคืนสู่ความเป็นกลาง เป็นธรรมชาติ ธาตุรู้ ก็ จะ สลาย แตก ดับ กลับไปเป็น กลาง เป็นธรรมชาติ ได้เหมือน ที่ดิน น้ำ ลม ไฟ เขา เป็นและทำกัน นั่นเอง นะคะ

 

จบเรื่อง พลังงานค่ะ

ธรรมชาติ คือ ความเป็นกลาง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็ ดับไปเพื่อ กลับคืนสู่โลก กลับคืนสู่ธรรมชาติ ที่เป็นกลาง เหมือนเดิม ยูนิเวอรฺ์ซอล อินดิเคเตอร์ ค่ะ

ธรรมชาติ ความเป็นกลาง ธรรมก็เป็นเช่นนั้นเอง ค่ะ

ดินน้ำลมไฟที่เป็นธรรมชาติที่เป็นกลาง สามารถ นำพาเอาธาตุรู้มโนธาตุ ดวงจิตทั้งหลาย จิตใจ ทั้งหลาย ให้ กลับคืน มาสู่ความเป็นกลาง เป็นธรรม โดยธรรม ได้ โดยวิธีนี้แหล่ะค่ะ