หมดแล้ว พระกริ่งพระเจ้าพรหมมหาราช เฉพาะกระทู้นี้ ยอดกฐินเพื่อซื้อที่ดิน 4,131,525 บาท

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย จารุ, 1 มกราคม 2012.

  1. Weratuch witoonchart

    Weratuch witoonchart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +250

    เรียน คุณจารุครับ
    เนื่องจาก วันที่ 23 ผมมีธุระแถวๆ โน้นและจะถือโอกาสไปรับพระเจ้าพรหมและดาบไปด้วย จึงขอรบกวนสอบถามนิดนึงครับ
    -ตอนนี้ใบเสร็จการโอนเงินของผมมันหายไปหมดแล้ว ขอใช้เอกสารอื่น เช่น บัตรประชาชน เป็นการยืนยันตัวตนได้ไหมครับ
    -จะไปรับพระและดาบวันที่ 23 นี้จะต้องติดต่อใคร หรือโทรศัพท์แจ้งตามที่คุณจารุได้แจ้งไว้ (0818308259) และส่ง pm ชื่อนามสกุลจริงไปให้ด้วย
    -สามารถรับวัตถุมงคลได้ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง
    -จะต้องแจ้งรายการวัตถุมงคลที่ได้จองไว้ล่วงหน้าให้ก่อนเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการรับวัตถุมงคลหรือไม่
    -สามารถรับวัตถุมงคลได้พร้อมกันทั้งหมดได้หรือไม่

    รบกวนช่วยตอบครับ เพื่อความสะดวกและไม่ต้องเดินทางไปหลายรอบครับ

    ขอบคุณครับ
     
  2. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    รับพระเจ้าพรหมมหาราช และดาบ ได้หลัง 4 โมงเย็นครับ
    ส่วนพระกริ่ง ผมจะไม่แกะกล่องออกมาครับ เพราะพระทั้งหมด 50 ลัง ยังไม่รวมพระกริ่งหนุนดวง อีก ดูแลกันจะไม่ทั่วถึงครับ

    ส่วนจะรับวัตถุมงคล ช่วยส่งPm ชื่อนามสกุลจริง วัน
    าน เอาบัตรประชาชนไปรับๆด้เลยครับ
    ผมจะถ่ายรูป ข้อความลงในไอแพด ถึงเวลาก็เปิดดู ชื่อว่าตรงกันหรือไม่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  3. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    การจัดส่งพระเจ้าพรหมฯ และ พระกริ่งขนาดบูชา :

    ทางวัดจะเป็นผู้จัดส่งให้ค่ะ (จึงได้แจ้งให้โอนค่าจัดส่งเข้า บ/ช วัด)

    ค่าจัดส่งพระกริ่งขนาดบูชา องค์ละ 150.-

    ค่าจัดส่งพระเจ้าพรหมฯ องค์ละ 400.-
     
  4. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  5. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  6. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    โอนเงินทำบุญแยกโอนสองบัญชี ดังนี้


    1. ค่าบูชาพระ.....โอนเข้าบัญชี
    วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
    ธ.กรุงไทย สาขาสมุทรสาคร
    บ/ช เลขที่ 712-037-2475


    (ถ้าต้องการรับใบอนุโมทนาบัตร...ต้อง fax ใบโอนเงิน พร้อมแจ้งชื่อ-ที่อยู่ ส่งไปที่วัด เบอร์ 034-871-575 ครับ)




    2. ค่าจัดส่ง "พระกริ่งห้อยคอ" ..... โอนเข้าบัญชี
    นาย จารุ สำเภา
    ธ.กสิกรไทย
    บ/ช เลขที่ 081-235-1400





    ท่านใดที่สงสัย ติดต่อสอบถาม
    พระอาจารย์สุภาพ
    วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
    [​IMG]โทร.089-826-9986[​IMG]




    ***สำหรับค่าจัดส่ง***
    1. พระเจ้าพรหมทรงช้าง องค์ละ 400.-
    2. พระกริ่งขนาดบูชา องค์ละ 150.-
    ให้โอนเข้า "บัญชีวัดศาล" ค่ะ....
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. dong2002

    dong2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +2,600
    ขอโทษทีโอนช้านะครับ เดี๋ยวจะไปโอนตอนช่วงเที่ยงวันนี้ คอมเสีย เปิดหากระทู้อยู่หลายวัน เดี๋ยวมาแจ้งการโอนครับ
     
  8. rattanasak_m

    rattanasak_m เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +4,332
    ขอสำรองเนื้อสำริด 5 องค์ครับ :cool:
     
  9. dong2002

    dong2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +2,600
    โอนให้เรียบร้อยแล้วครับ ผมไม่ได้ส่งแฟ็กไปวัดศาลฯนะครับ
    กริ่งทองแดง 399x3 ครับ

    จัดส่งที่
    พ.อ.ณัฐพล เกิดชูชื่น
    58/6 หมู่ 11 ซ.อุดมพร
    ถ.พระราม 2 ซ.30
    จอมทอง กทม. 10150
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMAG1352.jpg
      IMAG1352.jpg
      ขนาดไฟล์:
      655 KB
      เปิดดู:
      31
    • IMAG1353.jpg
      IMAG1353.jpg
      ขนาดไฟล์:
      694.5 KB
      เปิดดู:
      35
  10. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    หนังชีวิต ครับงานนี้ ทำไม่เสร็จ ไม่สิ้น
    เมื่อวานนี้ดูแล้ว เนื้อกรรมการ ผมต้อง เก็บงานเองอีกรอบครับ :'(
     
  11. waritj

    waritj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +3,454
    ถ้าจะรับดาบหลังวันที่ 23 กันยานี้ สามารถนำบัตรประชาชนไปรับที่วัดศาลฯ ได้เลยหรือเปล่าครับ? ขอบคุณครับ
     
  12. ล้อมเดช

    ล้อมเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,555
    ค่าพลัง:
    +7,654
    สู้ สู้ สู้ ครับพี่จารุ
    :z2
     
  13. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    เป็นงานท้าพิสูจน์.....เหลือเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง...

    สู้ สู้ นะคะ...:VO
     
  14. ksongrit

    ksongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +7,405
    มาร่วมเป็นกำลังใจให้ครับ คุณจารุ
    งานหนัก งานช้างจริงๆๆ
     
  15. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    ขอบพระคุณครับ ทุก ๆท่าน ขนาด ไปโรงงานมือหนึ่ง ยังไม่รอด ยังมีที่ติ
    ก็กราบเรียนถามหลวงพ่อ ท่านบอกว่า สมัยนั้นเป็นสมัยแห่งการ สู้รบ เรื่องความสวยงาม ไม่ต้องคิด
    คิดแต่ว่า จะรบยังไง ให้ชนะขอม
     
  16. notebangkok

    notebangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +3,777
    ^^^ อานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูป^^^

    มีอานิสงส์ยิ่งกว่าทานใดๆ แม้แต่การสร้างวิหารทานก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่า เพราะการสร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งแม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าก็ดี มีอานิสงส์มากถึงนิพพาน หากแม้นปรารถนาสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ สวรรค์สมบัติ หรือนิพพานสมบัติก็ย่อมได้ ยิ่งเป็นการสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมด้วยแล้ว ยิ่งมีอานิสงส์มากกว่าหลายเท่า เพราะนอกจากเทพ พรหม เทวดาทั้งหลายจะร่วมอนุโมทนาแล้ว พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ก็ร่วมอนุโมทนาด้วย

    หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ได้กล่าวถึงอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปไว้ว่า เหมือนเป็นการสร้างธนาคารบุญ บุคคลทั้งหลายที่ได้สร้างรูปพระพุทธเจ้าจะได้เสวยสมบัติสิ้นกาลนานนัก จะได้อานิสงส์ 5 กัปป์ คือถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้พบพระพุทธเจ้าตลอด 5 กัปป์ หรือจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าก็จะได้ และเมื่อใดที่มีคนมาไหว้พระพุทธรูปที่เราสร้างนั้นเราก็จะได้อานิสงส์นั้นทุกครั้งไป ดังจะได้ขอยกเรื่องอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปจากหนังสือ”ธรรมปกิณกะ” ของครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน มาดังนี้




    อานิสงส์ทำบูญด้วยทองคำ

    อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป

    ...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป

    พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

    อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
    ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ

    เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

    แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก

    ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป

    ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทองปิดพระพุทธรูป

    เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร

    --------------------------------------------------

    ... ฯลฯ ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย

    เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ

    -----------------------------------

    วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"

    ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป

    ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย

    อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเหมือนกัน

    "หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี

    หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"

    ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์

    (คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)








    อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป

    ...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป

    พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

    อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
    ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ

    เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

    แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก

    ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป

    ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทองปิดพระพุทธรูป

    เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร

    --------------------------------------------------


    ... ฯลฯ ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย

    เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ

    -----------------------------------

    วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"

    ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป

    ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย

    อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเหมือนกัน

    "หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี

    หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"

    ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์

    (คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)

    อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำ

    ๑. เมื่อเกิดไปในภพใดชาติใด สมบัติใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมีในยุคนั้นเราจะเป็นผู้ครอบครองสมบัตินั้น เพราะได้ทำบุญด้วยทองคำซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นธาตุที่เลิศที่สุด

    ๒. สามารถเข้าถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐี ที่ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์สมบัติอันมากมาย เพราะได้บริจาคทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา และเนื้อนาบุญอันเลิศ

    ๓. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติอันงดงาม ตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย เพราะทำบุญด้วยทองคำ ซึ่งเป็นธาตุที่งามอยู่ในตัวเองตั้งแต่เริ่ม และมีความงามเป็นอมตะ ไม่หมองคล้ำ ผุกร่อน แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นพัน ๆ ปี

    ๔. เกิดในตระกูลสูง เข้าถึงฐานะอันสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือเกรงใจของเหล่ามนุษย์และเทวา เพราะขึ้นชื่อว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุด

    ๕. เป็นผู้มีบุตร บริวาร ให้ความเคารพกตัญญู อยู่ในโอวาท เพราะได้ทำทานด้วยความเคารพ ความกตัญญูที่มีต่อ มหาปูชนียาจารย์

    ๖. เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เพราะได้ทำทานที่ประกอบไปด้วยปัญญา บูชาผู้ที่ปัญญาถึงพร้อมด้วยวิชชา และ จรณะ

    ๗. ขึ้นชื่อว่าสายบุญเชื่อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตขีณาสพทุกๆพระองค์ และธรรมใดที่ท่านบรรลุ ก็จะสามารถบรรลุตามได้โดยง่าย สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้โดยง่าย*

    ๘. เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เกิดในปฎิรูปเทส ในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่อง เพราะได้สร้างเหตุแห่งความเจริญไว้ในพระพุทธศาสนา

    ๙. หลังจากละโลกแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติอันเป็นเลิศ ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรญเสริญ สุข ในทิพยวิมาน ฯลฯ

    *หมายเหตุ : ปรับปรุงเพิ่มเติมจากต้นฉบับเดิม

    ที่มาจากหนังสือ: คำน้อย ยอดคนกตัญญู หัวใจทองคำ
     
  17. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    ผมล่ะมึน ได้คุยกับช่าง เม้าท์ พระบูชา 5 นิ้ว ยังแต่งไม่เรียบร้อยดี พุทธาภิเษกเสร็จ ขอนำไปแต่งเพิ่มเติม อีกรอบครับ
    จึงขออภัยท่านที่จองพระบูชา 5 นิ้วมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ
     
  18. econcu38

    econcu38 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +1,649
    กำหนดการตามนี้เลยใช่ไหมครับ
     
  19. econcu38

    econcu38 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ดาบมีกล่องใส่ไหมครับ เผื่อนังรถเมล์กลับผูงชนจะได้ไม่ตกใจ
     
  20. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    อืม...ประเด็นนี้น่าคิด....ยิ่งอยู่ในยุค "เด็กตีกัน" ซะด้วย .... catt3
     

แชร์หน้านี้

Loading...