พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

รอยหอยทากมันไม่มีรอยเป็นหย่อมๆ นิ มันจะเป็นเส้นลากยาวๆ อ่ะ ไม่งั้นก็..:boo:

 

สวัสดีสายๆ ของวันอาทิตย์คร้า...าา
มารายงานตัว เมื่อคืนไม่ฝันอารายเลย เอ๊ะ..หรือว่าฝันแต่ไม่น่าสนใจก็เลยไม่จำ ฮ่าฮ่า..

แก้ตัวแล้วกัน ด้วยการ....เอามาให้อ่านกันไม่มีจุดประสงค์ใดเป็นพิเศษ
อ่านเล่นๆ เป็นนิทาน คริคริ

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ hastin
ก่อนจะเห็นคุณ nouk ผมจะเห็นพระแม่ก่อน

ครั้งแรกผมขอให้ภาพมาปรากฎ เห็นเป้นพระแม่ใ่สชุด

ยาวสีขาว

ครั้งที่สองหลังไหว้พระเสร็จ พอจะขอภาพมาปรากฎ

จิ้งจกทักเลยต้องไปเอง ไปแล้วก้ยังเห้นพระแม่อีก

ก็งงๆ แต่พยายามมองหา ก็เจออยู่ด้านล่าง แต่จะ

มองยากเพราะรัศมีพระแม่สว่างมาก

เห็นคุณ nouk เป็นผู้หญิงผิวขาวหน้าออกกลมๆนิดๆ

ตาสวยมาก ใส่ชุดสีขาวที่ผ้าพองๆ โผล่มาแค่มืออ่ะ

คุยสักพักเราก็กลับ

 

อิอิ
อรุณสวัสดิ์ครับผม ..... เข้ามาทีนึงแล้วแต่หิว แว่บไปกินข้าวมาขอรับ ^^

 

แวะมาเสริฟอาหารเช้า ตอนสายๆ คร้า...

 

เล่ามาเลยหนอ...เรื่องเมื่อคืนนี้...รออ่านหนอ..

 

มิได้ไปบ้านผู้ชายครับ แต่ดันไปเอาหนังสือกัน ได้หนังสืออะไรก็ไม่รู้ คราวนี้ฝันคล้ายกัน ตีเป็นหวยรัยดีเอ่ยย ^^

 

เมื่อคืน...พี่กลับฝันว่า...ไปส่งการบ้าน หรือรายงานกับผู้ชายคนหนึ่งอ่ะ
สงสัยจะโดนดุ เพราะเกิดอาการงอน และน้อยใจเล็กน้อยถึงปานกลาง :'(
( 9 0 1 5 4 จับคู่กันเอาเองเน้อ อิอิ)

 

เขาเป็นครายยยยหนอ...เล่ามาให้หมดเลยหนอ

รู้กันหรือยังว่า...วิทยาศาสตร์ข้ามภพ..หมายถึงอารายยยย???

 

วิทยาศาสตร์ข้ามภพ ก็คือพุทธศาสตร์ ธรรมะ ธรรมชาติ กรรม
3 หมวดหลักๆ นี้ ข้ามภพข้ามชาติ เป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุ มีผล และพิสูจน์ได้

 

วันอาทิตย์ มาอ่านเรื่อง "บุญ" กันดีกว่านะ เพราะว่าคงไม่มีนิทานพญานาค

"บุญ"
ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของ "บุญ" คิดว่า การทำบุญ ก็คือ การตักบาตร การถวายทรัพย์ ปัจจัย การถวาย สังฆทาน ฯลฯ เพียงเท่านี้ เป็นต้น

"บุญ" หรือ "ปุญญ" แปลว่า ชำระ หมายถึง การทำให้หมดจด จากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ โลภะ โทสะ และ โมหะ

ตามพระไตรปิฎก เราสามารถสร้างบุญ ได้ ถึง 3 อย่าง คือ
1. ทาน
2. ศีล
3. ภาวนา

1. ทาน คือ การให้ เช่น ที่กล่าวมาแล้ว คือ การตักบาตร การถวายทรัพย์ ปัจจัย การถวายสังฆทาน เป็นต้น ถือเป็น จาคะ หรือ การให้นั้นนับเป็นบุญอย่างหนึ่ง แต่มีการให้บางประการ ที่ไม่นับเป็นบุญ เช่น สุรา มหรสพ ให้สิ่งเพื่อกามคุณ เป็นต้น

2. ศีล คือ ความประพฤติที่ไม่ละเมิด หรือ รักษาความสำรวมทาง กาย วาจา การรักษาศีล สำหรับฆราวาส ได้แก่ ศีล 5 และอุโบสถศีล (มี 8 ข้อ)

3. ภาวนา คือ การอบรมจิต ทางสมถะ และ ทางวิปัสสนา การนั่งสมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา ส่วนการนั่งวิปัสสนา (สติรู้ ถึง รูป-นาม) เรียกว่า "วิปัสสนาภาวนา"

 

[FONT=Microsoft Sans Serif, sans-serif]"บุญ" ยังมีอีก ๗ อย่าง ตามอรรถกถา หรือ ข้อปลีกย่อยนอกเหนือจากพระไตรปิฎก นับถัดไป เป็นอันดับที่ 4 ดังนี้

4. อปจายนะ คือ ความเป็นผู้นอบน้อม ต่อผู้ที่ควรนอบน้อม

5. เวยยาวัจนะ คือ ความขวนขวายในกิจ หรือ งานที่ควรทำ

6. ปัตติทาน คือ การให้บุญที่ตนถึงแล้วแก่คนอื่น เช่น การอุทิศส่วนกุศล[/FONT] การกรวดน้ำ

[FONT=Microsoft Sans Serif, sans-serif][FONT=Microsoft Sans Serif, sans-serif]7. ปัตตานุโมทนา คือ การยินดีในบุญที่ผู้อื่นถึงพร้อมแล้ว เช่น เห็นผู้อื่นทำบุญตักบาตร เมื่อเราพลอย ปลื้มปิติ ยินดี กล่าวอนุโมทนา เพียงเท่านี้ก็ได้บุญแล้ว

8. ธัมมัสสวนะ คือ การฟังธรรม ไม่ว่าจะฟังธรรมโดยตรง หรือจากสื่อวิทยุโทรทัศน์ ฯลฯ

9. ธัมมเทศนา หรือ การแสดงธรรมเมื่อได้ศึกษาธรรมะแล้ว การถ่ายทอดให้ผู้อื่น นับเป็นบุญประการหนึ่งด้วย

10. ทิฎฐุชุกรรม คือ การกระทำความเห็นให้ตรง หรือ สัมมาทิฎฐิ นั่นเอง[/FONT][/FONT][FONT=Microsoft Sans Serif, sans-serif][FONT=Microsoft Sans Serif, sans-serif]
[/FONT][/FONT]
บุญ ทั้ง 10 ประการนี้ บางทีเรียกว่า " บุญกิริยาวัตถุ 10 "

จะเห็นได้ว่า "บุญ" ทำได้ถึง 10 อย่างมีเพียงข้อแรกเท่านั้น ที่ต้องใช้ทรัพย์

 

ครายเอ่ยยยย

 

กว่าจะเข้ามาได้ ทรมานทรกรรมมากๆ เข้ายากจริงๆนะ 555++(เข้ามารับธรรมะเพื่อนlovess ยามเช้าๆ ประดับสติ และปัญญา สติมา ปัญญามาค่ะ 2 อย่างนี้เป็นเพื่อนรักกัน แยกกันไม่ได้เด็ดขาด หุหุ..)

ปล. หวัดดี..คุณนุ๊ก คุณมุก คุณฟ้ามุ่ย น้องเดอร์ตี๊ น้องเจินเจิน และเหล่าเชื้อสายปยานาคทุกท่านค่ะ..เช้านี้อากาศดี (อีกแล้ว)

 

ข้อยก็บ่ฮู้เหมือนกันเน้อ ว่าเป็นไผ๋

หน๋ายยยยอ่ะ นิทานข้อย...จ่ายมาซะดีๆ ต้นทบดอก ดอกทบต้นด้วย ให้ว่องหนอ

 

หวาดดีจร้า..าา คุณISAA วันนี้มีเรื่องแปลกๆ มาฝากด้วยหรือเปล่าหนอ..??

 

ว่องไม่ได้ค่ะ เวลาไม่อำนวย เอาไว้วันหน้านะ รอนิดดส์ส์์์์ืสสส.จ๊ะ

 

อ่านเรื่องหนักๆ กันดีก่า...การบริหาร-จัดการ
บริหาร-จัดการ อารายยยยอ่ะ..ฉงฉัยอ่ะจิ

ชีวิตของเราประกอบด้วยการบริหาร 3 เรื่อง คือการบริหารขันธ์ (1) บริหารสมมติ (2) และบริหารปรมัตถธรรม (3) เริ่มจากเมื่อเกิด ได้รูปขันธ์ นามขันธ์มาแล้ว เราคอยดูแลมันให้เป็นปกติไปตลอดรอดฝั่ง เพื่ออะไร... เพื่อทำกุศลขั้นที่สูงกว่า ก็คือเอามาบริหารสมมติ แล้วเอาสมมติมาบริหารวิมุตติ หรือบริหารปรมัตถธรรม ลองดูนะว่า เราบริหารสามอย่างนี้ถูกต้องไหม

 

ขันธ์ เราต้องรู้ว่าเขาเสื่อมของเขา แต่เพราะเรามีทิฏฐิที่ผิด เราคิดว่าขันธ์นี้เป็นของถาวร เป็นของที่ต้องปรนเปรอ เราจึงบำรุงจนเกินเลยจากความจำเป็น เช่น หาอาหารเอร็ดอร่อยลิ้นมาให้เขากิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีคุณค่าอาหารอะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นตัวทำลายเขาด้วยซ้ำ พาเขาไปเที่ยวเตร่ อดหลับ อดนอน ลำบากเดือดร้อน เพื่อไปดูสิ่งต่างๆ ที่อยากดู แล้วก็ได้วิบาก คือได้ความเจ็บปวด ได้ความเหน็ดเหนื่อย อะไรต่างๆ กลับมา

นี่แสดงว่า บริหารขันธ์ไม่เป็น เพราะฉะนั้น ชีวิตของเรา ต้องบริหารขันธ์โดยที่รู้ความเป็นขันธ์ ไม่ยึดขันธ์มาเป็นเรา หิวก็กิน ง่วงก็นอน เหนื่อยก็พัก หรือทำมาหากิน เพื่อที่จะให้ได้ปัจจัยสี่ก็พอ ไม่ใช่ปัจจัยที่ห้า ที่หก มาปรนเปรอขันธ์ จนทำให้ขันธ์เสียหาย นี่คือการบริหารขันธ์โดยความเป็นขันธ์

ขันธ์เป็นที่ตั้งแห่งสมมติ เป็นตัวเรา เป็นตัวเขา เป็นพ่อแม่ เป็นอะไรต่างๆ นาๆ

การบริหารสมมติก็คือการบริหารโดยเข้าใจความเป็นสมมติ สมมติก็คือสมมติ สมมติไม่ใช่จริงแท้ พอไปเชื่อว่า มีตัวเราจริงๆ มีคนอื่นจริงๆ มีสิ่งเหล่านี้จริงๆ เราจึงหวงแหนรักษา และพยายามที่จะดึงทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของเรา เพราะมีเรา จึงมีของเรา จึงมีการบริหารสมมติที่เกินเลย บริหารสมมติอย่างเป็นภาระ

 

การบริหารสมมติที่ถูกต้อง เราต้องรู้ว่า สมมติมีไว้เพื่อสร้างบารมี มีไว้เจริญกุศล เช่น ความเป็นพ่อเป็นแม่ มีไว้เพื่อเจริญความกตัญญูกตเวที ลูก เพื่อนมีไว้เพื่อเจริญพรหมวิหาร คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทั้งกุศล พรหมวิหาร เหล่านี้ มันจะหล่อเลี้ยงชีวิตเราในวันข้างหน้า สมมติทุกอย่างมีไว้เจริญกุศลเท่านั้น ถ้าเอาสมมติมาเจริญอกุศล มันผิดทาง เป็นการถอยหลังกลับ แทนที่จะสะสมเสบียง กลายเป็นว่าเราเอาเสบียงเก่ามาทิ้งอย่างอีลุ่ยฉุยแฉกโดยอกุศลจิต

ยกตัวอย่าง ที่บ้านเต็มไปด้วยมด มดเป็นสิ่งสมมติ เราบริหารสมมติมด รู้ว่ามดมาให้เจริญทานบารมี ถ้าหลงทาง เราจะไปเจริญโทสะแทน รำคาญมด ฆ่ามด ใช่ไหม หรือลูกเรา ลูกนั้นมาให้เราเจริญเมตตา เราเข้าใจผิด ไปเจริญโลภะแทน ติดข้องว่านี่ลูกของเรา ลูกเราต้องดีกว่าลูกคนอื่น ต้องเก่งกว่าคนอื่น คือเราลืมไปเลยว่า ลูกของเรามาเพื่อให้เราเจริญทาน เจริญเมตตา เจริญอุเบกขา เจริญมุทิตา เจริญกรุณา

 

มีค่ะ.(กำลังพิมพ์อยู่.. เสร็จกดส่ง หายไปกลางอากาศ เซ็งงงงงง ไปหล่ะ หงุดหงิดๆ 555++++)