หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

TawanT · 13 กันยายน 2012

ซึ้งบน said: ↑

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยดลบันดาลและคุ้มครองพี่สุธน ให้ผ่านการผ่าตัดครั้งนี้อย่างปลอดภัย และกลับมามี สุขภาพพลานามัยแข็งแรงเหมือนเดิม ในเร็ววันครับ

ขอเป็นกำลังใจ ครับผม
ซึ้งบน
Click to expand...

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านสุธน มีสุขภาพแข็งแรงครับ

ถวัลย์

"นนต์" · 13 กันยายน 2012

D-Crew said: ↑

ก็ยังพอไหวอยู่ครับ วันจันทร์นี้จะเข้ารับการผ่า(และ)ตัดถุงน้ำดี(ทิ้ง) เพราะมีนิ่วก้อนโตๆอยู่สองก้อนครับ
เฝ้าติดตามดูความเจริญในธรรมของท่านทั้งหลายอยู่เสมอๆ ด้วยความปิติอย่างยิ่ง ขออนุโมทนา นำเด้อ....
Click to expand...

ท่านสุทนแยกกายออกจากจิตได้ดี พิจารณาความทุกข์เวทนาแล้วละวางที่ใจได้ดี ผมเฝ้าติดตามอาการของท่านอยู่ แต่ก็คลายกังวลใจได้ เนื่องจากทราบว่าท่านกำลังพิจารณาความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของธาตุขันธ์ ส่วนใจนั้นยังยิ้มอยู่ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ด้วยอำนาจแห่งธรรมที่ท่านกำลังพิจารณาอยู่ ขอเป็นกำลังใจครับ

"นนต์" ผู้กำลังเรียนรู้อยู่

"นนต์" · 13 กันยายน 2012

เมื่อมีสติแลปัญญาเกิดขึ้นบ้างแล้ว ความเข้มแข็งของอินทรีย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะหนุนให้เกิดเป็นมหาสติมหาปัญญาในอนาคต ผมเชื่ออย่างนั้น

ขอเจริญในธรรม
"นนต์" คนเพิ่งเรียนรู้

Phoobes · 13 กันยายน 2012

ซึ้งบน said: ↑

สาธุ กับธรรมของคุณภูเบศวร์ อ่านแล้วถึงใจจริงๆครับ มีแต่ผู้ที่ผ่านจุดนี้ไปแล้วเท่านั้น ที่จะสามารถบรรยายบอกเล่าถึงประสบการณ์ ในการแยกตัวรู้ออกจากอารมฌ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบได้อย่างชัดเจน เป็นขั้นตอน เป็นระบบ ทั้งทางกาย ทางใจ และชี้ให้เห็นถึงกฎของไตรลักษณ์ ที่สอดคล้องรับกับอารมฌ์โกรธ ได้อย่างเห็นภาพการเกิด การตั้งอยู่ การดับไป ของความโกรธอย่างแจ้มแจ้ง

อ่านข้อธรรมบทนี้ 3-4 รอบ ชอบทั้งสำนวนธรรมที่มีกลิ่นอายของธรรม ผสมอยู่แทบทุกวรรคทุกตอน (ต่างกับของผม ฟ้า-ดิน จริงๆ 555) ชอบทั้งรายละเอียด(ละเอียดจริงๆ) ข้อปลีกย่อย และผลกระทบ ทั้งทางกาย-ทางใจ ทำให้ได้ข้อคิดหลายๆอย่าง ที่เป็นประโยชน์ ขอน้อมนำธรรมนั้น มาพิจารณาและปฎิบัติ เพื่อให้เกิดผลในการพัฒนาตนเองยิ่งๆขึ้นไป อาทิเช่น

1 ทำให้เห็นว่า ไม่ต้องวิ่งไปหาธรรมที่ไหนเลย แค่พิจารณาภายในกาย ภายในใจ ของเราเท่านั้นพอ

2 ทำให้เห็นว่า เราทุกข์เพราะจิตเป็นทาสของอารมฌ์ จิตอยู่ใต้อารมฌ์ หากจิตนั้นอยู่เหนืออารมฌ์แล้ว ทุกข์นั้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

3 ทำให้เห็นว่า ทุกข์กายและทุกข์ใจ นั้นมันคนละส่วนกันแต่อาศัยอยู่ด้วยกัน หากไม่รู้จริงหรือแยกไม่ออก ก็จะมองไม่เห็นและต้องเป็นทุกข์ร่ำไป ทุกข์และความพ้นทุกข์ ต้องทำที่ใจตนเองเท่านั้น
4 ทำให้เห็นว่า เราต้องเฝ้าดู การเกิด การตั้งอยู่ การดับไป ในทุกเรื่องที่เกิด ในทุกสิ่งที่รู้ ค่อยๆกำหนดดูช้าๆเท่าที่ทำได้ (กว่าจะมองเห็นอย่างคุณภูเบศวร์เห็น คงอีกนาน นาน นาน...ครับ) พยายามกำหนดเห็น ตามปัจจุบันที่จิตรู้จริงๆ

บอกเตือนตนเองว่า ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรง่าย มีแต่ต้องทำจริงๆเท่านั้น จึงจะเห็นผล ไม่ทำก็ไม่ได้ ใครกินใครอิ่ม ใครทำใครได้ แม้นองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านจะเมตตาสอนธรรมดีเลิศเพียงใด หากเราไม่น้อมนำมาปฎิบัติ ฝึกหัดตนเองแล้ว ธรรมใดก็ไร้ค่าไร้ซึ่งประโยชน์ ครับ

มีข้อคิดมาฝาก นิดนึงครับ

อ่านธรรมมาก็มาก อ่านทำกันบ้างหรือเปล่า
ทำดีให้ตลอด ทำตลอดให้ดี

ศิษย์โง่น้อม กราบ กราบ กราบ แทบบาทพ่อแม่ครูอาจารย์ ครับ
Click to expand...

ได้สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนกันมากขึ้นนะครับคุณสันติ
ได้ข้อคิดจากคุณสันติก็มากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้อยธรรม ข้อธรรม หลักธรรมจากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ก็เก็บเกี่ยวรายละเอียดมาแบ่งปันได้มากมายทีเดียว เหมือนได้โอกาสรับฟังธรรมจากท่าน อนุโมทนาครับ

จะว่าไปเหมือนจะชมกันเอง ข้อเขียนของคุณสันติ เป็นแก่นสาระและออกมาจากใจ-จากความเข้าใจ แง่มุม เรียบเรียง ทั้งบทสรุป ได้ทั้งประโยชน์ ความเข้าใจและประทับใจ หลายท่านที่ได้อ่านคงเห็นเช่นเดียวกัน หรือคล้ายๆกันกับผม สิ่งที่ได้เห็นเรียกได้ว่ามีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม

ส่วนที่ผมเขียนก็ไปตามใจคิด อาจวกวน รวบรัดแบบรู้เอง หรือยืดยาวมีน้ำเยอะก็คิดเสียว่าได้กลั้วคอไปด้วย
ประสบการณ์นำมาเล่า ก็เหมือนเด็กอนุบาลพูดในเรื่องของตัวเอง เป็นความรู้ความเข้าใจของเด็กอนุบาลที่มีอยู่แค่นั้น ถูกผิดอย่างไรก็เป็นไปตามสมควรแก่ภูมิของเด็กอนุบาลนั้น

แม้บางครั้งบางทีจะรู้สึกกระดาก เก้อเขิน ไปบ้าง เมื่อคิดว่าผู้ที่มีภูมิรู้ภูมิธรรมจะได้มาอ่านพบเจอเข้า แต่ก็ได้ข้อคิดจากคุณสันติว่า หากสิ่งที่เราได้รับรู้มาแล้วก่อเกิดประโยชน์แก่ตนโดยลำพัง ความรู้หรือคำสั่งคำสอนนั้นก็จะไม่ได้ยังประโยชน์แก่ผู้อื่นสมกับคุณค่าของสิ่งนั้น จะเป็นความสูญเปล่าในเวลาต่อมาเพราะจะตายไปกับตัวของผู้นั้น ทำให้มีกำลังใจที่จะนำมาแลกเปลี่ยนแบ่งปัน

ในวิถีทางการปฏิบัติ แม้เคยได้รับรู้แนวทางมาบ้าง ก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น เป็นส่วนๆตอนๆ และเนิ่นนานทีเดียวถึงจะเข้าใจได้บ้าง ไม่ใช่โง่ธรรมดา น่าจะเรียกว่าโง่ดักดาน
จนมามีโอกาสวาสนา ได้พบองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภูดานไห จึงได้เข้าใจในธรรมที่ละเอียดแบบแจกแจงแยกแยะ เป็นระเบียบ ระบบตลอดสาย แม้ยังเข้าใจไม่สุดเส้นทาง แต่ก็จะพยายามเรียนรู้และน้อมนำมาปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไปครับ

ขอเจริญในธรรมอันยิ่ง
ภูเบศวร์

กรบางพลี · 13 กันยายน 2012

ขอให้ท่านสุธนหายโดยไวด้วยครับ

sarutha · 14 กันยายน 2012

chomdham said: ↑

คนเรา คลุกคลีอยู่กับสิ่งใด ย่อมรัก และชอบใจในสิ่งนั้น
คนเรา คลุกคลีอยู่กับสิ่งใด ย่อมไม่ชอบใจ และเบื่อหน่ายในสิ่งนั้น
คนเรา คลุกคลีอยู่กับสิ่งใด ย่อมเข้าใจ และปล่อยวางได้ในทุกสิ่งอย่างนั้น
ขอให้ทุกท่านจงเข้าใจ (รู้แจ้ง) และปล่อยวางได้ในทุกสิ่งอย่างนั้น (โดยปัญญาอันชอบ) ทุกท่านเทอญ

Click to expand...

อนุโมทนาบุญ
..กระผมขอน้อมนำคำสั่งสอนนี้ไปปฎิบัติ
ขอฝากใจไปใว้กับธรรม สาธุ สาธุ

sarutha · 13 กันยายน 2012

ท่านภูเบศว์ ผมได้รับสิ่งที่เป็นมงคลแล้วครับ
อนุโมทนาบุญกับท่านด้วยครับ ที่เป็นธุระในการจัดส่งครับ

IT Man · 14 กันยายน 2012

D-Crew said: ↑

ก็ยังพอไหวอยู่ครับ วันจันทร์นี้จะเข้ารับการผ่า(และ)ตัดถุงน้ำดี(ทิ้ง) เพราะมีนิ่วก้อนโตๆอยู่สองก้อนครับ
เฝ้าติดตามดูความเจริญในธรรมของท่านทั้งหลายอยู่เสมอๆ ด้วยความปิติอย่างยิ่ง ขออนุโมทนา นำเด้อ....
Click to expand...

เพิ่น(องค์ครูบาฯ)บอกว่า "ร่างกายเฮาเป็นฮังของโรค" แนวใด๋บ่ดีกะเอาออกซั่นแล่ว
ขอให้อ้ายเซาป่วยเซาไข่ไวๆ ร่างกายแข็งแฮงแล่วจั่งมาพ่อกันอยู่ พ.ดานไหเด๊อ
ขอเจริญในธรรม/น้องทางไกลหลายกว่าหมู่...

IT Man · 14 กันยายน 2012

ฉันทะธรรม said: ↑

ท่านภูเบศว์ ผมได้รับสิ่งที่เป็นมงคลแล้วครับ
อนุโมทนาบุญกับท่านด้วยครับ ที่เป็นธุระในการจัดส่งครับ
Click to expand...

สาธุ สิ่งมงคลอันนั้นนั่นคืออันใดหนอท่าน?

nakorn_nd · 14 กันยายน 2012

chomdham said: ↑

คนเรา คลุกคลีอยู่กับสิ่งใด ย่อมรัก และชอบใจในสิ่งนั้น
คนเรา คลุกคลีอยู่กับสิ่งใด ย่อมไม่ชอบใจ และเบื่อหน่ายในสิ่งนั้น
คนเรา คลุกคลีอยู่กับสิ่งใด ย่อมเข้าใจ และปล่อยวางได้ในทุกสิ่งอย่างนั้น
ขอให้ทุกท่านจงเข้าใจ (รู้แจ้ง) และปล่อยวางได้ในทุกสิ่งอย่างนั้น (โดยปัญญาอันชอบ) ทุกท่านเทอญ
Click to expand...

กราบขอบพระคุณครับ ที่มาเตือนสติ คำพูดสั้นๆ แต่มีความหมายที่กว้างไกลมาก การปฏิบัติตามโดยเฉพาะ เข้าใจและปล่อยวาง เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด(อ้างอิงกับตัวผมนะครับ) แต่ยังคงมีวิริยะ อุตสาหะ ที่จะ เข้าใจและพยายามปล่อยวางให้ได้ในวันหนึ่งข้างหน้าครับ

กราบ กราบ กราบ

nakorn_nd · 14 กันยายน 2012

Phoobes said: ↑

[FONT=&quot]ได้รับฟังประสบการณ์การมีสติระลึกรู้กายจากคุณสันติที่นำมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟัง เพื่อความสอดรับต่อเนื่องจึงขอนำประสบการณ์การมีสติระลึกรู้จิต(ใจ)มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าอาจเกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มสนใจศึกษาเรียนรู้ภายในตนเองให้มากขึ้น[/FONT][FONT=&quot] แต่อาจเป็นเรื่องที่หลายท่านได้รู้และได้ผ่านจุดนี้ไปแล้ว ก็ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์มุมเล็กๆของนักเรียนธรรม(นรธ.)แห่งภูดานไห [/FONT]

[FONT=&quot]การระลึกรู้จิต เป็นการระลึกรู้ในสิ่งที่เป็นนามธรรม อาจเป็นความคิด อารมณ์ต่างๆซึ่งในวันๆหนึ่งเกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่เราไม่ได้มองเห็นแต่เรากลับตกอยู่ในสภาวะนั้น อุปมาดังเช่นที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านยกตัวอย่างให้ได้เห็นชัดว่าเราอยู่ในกระแสน้ำ ไม่ได้ขึ้นฝั่งนำตัวเองออกมาจากกระแสน้ำนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]หรือเหมือนกับเราเป็นผู้เล่นเกมส์ในสนาม มัวคลุกอยู่กับเกมส์การเล่นไม่ได้เห็นภาพรวม แต่ผู้ดูนอกสนามกลับมองเห็นทั้งหมดของสนามและรู้ว่าควรจะเล่นอย่างไร[/FONT]

[FONT=&quot]จึงขอนำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นของอารมณ์โกรธมาเป็นตัวอย่างของการดูจิต ที่นำเรื่องนี้มาเพราะอารมณ์โกรธนั้น เป็นสภาวะที่หยาบมองเห็นได้ง่าย ทั้งยังเกิดขึ้นได้บ่อยในชีวิตประจำวันของสังคมปัจจุบัน จะได้นำไปเปรียบกับสภาวะอารมณ์ของแต่ละท่านดู[/FONT]

[FONT=&quot]ผมได้สังเกตุขณะความไม่พอใจเกิดขึ้น อาจด้วยสัญญาความจำว่าอย่างนี้ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ จนเกิดเป็นความโกรธขึ้นมา ในส่วนตัวผม(มุมมอง)ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน[/FONT][FONT=&quot]2ด้าน[/FONT]

[FONT=&quot]ด้านหนึ่งคือร่างกาย จะเกิดความ เปลี่ยนแปลงของธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟ เช่น ธาตุลมภายในแปรปรวนเคลื่อนตัวเร็ว ลมหายใจถี่สั้น หัวใจเต้นแรงเร็ว และขับดันธาตุน้ำอันได้แก่การไหลเวียนของของเหลวภายในร่างกาย เช่น เลือดสูบฉีดแรง ปฏิกิริยาความร้อนของธาตุไฟในตัวสูง ส่งผลให้ร้อนรุ่ม กระวนกระวาย และทำให้ธาตุดินเกิดการสั่นสะเทือนจนอาจสังเกตุเห็นร่างกายมือไม้สั่น [/FONT]

[FONT=&quot]ในอีกด้านหนึ่งส่วนของภายใน(ใจ) ความโกรธซึ่งเปรียบเสมือนไฟ เมื่ออยู่ในภาวะอารมณ์นั้น อาจถูกพัดโหมให้เพิ่มขึ้นจากการปรุงแต่งหมุนวนของจิตเรา จิตรู้สึกอัดแน่นและหนักๆเหมือนมีมวลเป็นเวทนาที่จิตแบกรับอยู่ หากไม่มีสติระลึกรู้ก็จะไหลตามกระแสอารมณ์ไป จนความร้อนแห่งไฟที่อัดแน่นจากภายในนั้นอาจระเบิดแผ่กลับออกมาภายนอก ทางกิริยาอาการทางกาย [/FONT]

[FONT=&quot]หากมีสติบ้าง ได้ยั้งคิด ได้อุบายธรรมสอนใจ เป็นการเบรคกระบวนการ ไฟที่รนจิตใจนั้นก็ค่อยๆอ่อนแรงลง กระบวนการต่างๆในกายและในจิตก็ค่อยๆคลายตัวลง [/FONT]

[FONT=&quot]แต่หากมีสติระลึกรู้ที่สภาวะนั้น จิตผู้รู้ดีดตัวออกมา ดูสภาวะนั้นโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยววุ่นวายด้วย ตั้งมั่นดูเฉยๆ(สมาธิ) จะเห็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดสภาวะนั้นถูกตัดตอนไป จิตผู้รู้เหมือนเป็นอิสระจากสภาวะ มีความเบาและสงบอยู่(เป็นกลาง) ไม่ถูกบีบคั้น ชักนำ จากอารมณ์ ไม่แบกรับทุกขเวทนาที่อัดแน่นในใจ และดูสภาวะนั้นเหมือนดูปรากฏการณ์ธรรมดาๆอันหนึ่งซึ่งไม่ใช่เรา จะเป็นยังไงก็ช่าง [/FONT]

[FONT=&quot]จิตเป็นอันได้รับรู้กระบวนการที่เกิดขึ้นจากการกระทบของอายตนะภายนอกแล้วส่งเข้ามาภายใน จากเหตุแห่งความยึดถือในสัญญา(ความจำได้หมายรู้) เกิดความไม่ยินดี ไม่พอใจ[/FONT]
[FONT=&quot]และสังขารปรุงแต่งคือคิดไปต่างๆนานา วนเวียนอยู่ (ลืมปัจจุบันขณะ) รับรู้ถึงเวทนาที่เกิดขึ้นและแบกรับไว้ (อยู่ในช่วงที่อารมณ์นั้นตั้งอยู่) [/FONT]
[FONT=&quot]พอมีสติระลึกรู้ ผู้รู้ลอยตัวออกมาดู รู้เฉยๆ เห็นกระบวนการภายในนั้นขาดลง (ดับไป) และจิตยังคงระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ[/FONT]

[FONT=&quot]ส่วนปฏิกริยาเคมีทางร่างกายอาจยังกรุ่นอยู่ แม้ภายในจิตนั้นดับไปแล้ว ภายในร่างกายก็จะค่อยๆคลายลง (ด้วยจิตมีความเร็วมากจึงดับไปก่อนภาวะทางกาย)[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อจิตผู้รู้เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ได้เกิดปัญญามองเห็นเหตุ ว่าเกิดจากจิตส่งออกไปรับรู้และยึดมั่นถือมั่น ปรุงแต่งไปจนเกิดเป็นทุกข์ขึ้นมา ซ้ำยังยึดถือทุกข์ที่เกิดขึ้นว่านั่นคือเรา [/FONT]
[FONT=&quot]และได้เห็นความดับไปของทุกข์ ด้วยจิตปล่อยวางแยกตัวออกจากทุกข์นั้น [/FONT]
[FONT=&quot]ไม่ยึดถือสิ่งที่ปรากฏ[/FONT]

[FONT=&quot]ด้วยเป็นผลจากการมีสติระลึกรู้ มีสมาธิตั้งมั่นดูปรากฏการณ์นั้นด้วยใจเป็นกลาง มีปัญญารู้ เข้าใจความเป็นไปอันเป็นธรรมชาติของจิต ของกระบวนการที่เกิดขึ้นและไม่ยึดถือ [/FONT]

[FONT=&quot]เป็นประสบการณ์เล็กๆส่วนหนึ่ง อาจเรียกได้ว่าเป็นมุมมอง ที่เป็นผลจากการน้อมนำธรรมะ ความรู้ วิธีการ จากคำสั่งสอนชี้แนะขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์(พ.สุรเตโช) ที่ได้ให้แนวทางและความกระจ่างในการปฏิบัติ[/FONT][FONT=&quot] ซึ่งน้อมนำมาปฏิบัติและเล่าสู่กันฟังตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งยังคงมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องฝึกฝนเรียนรู้ นับเป็นบุญวาสนาที่ได้รับความเมตตาจากท่านที่ชี้ทางสว่างให้เดิน [/FONT]
[FONT=&quot]และเดินไปด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นว่า..นี้คือมรรควิถีแห่งความหลุดพ้น[/FONT]

[FONT=&quot]ขอน้อมศิรวาทกราบบาทองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆองค์ อันมีองค์พ่อแม่ครูอาจารย์(พ.สุรเตโช)เป็นที่สุด [/FONT]

[FONT=&quot]นรธ.ภูเบศวร์[/FONT]
Click to expand...

กราบขอบพระคุณ พี่ภูเบศวร์ ครับ ที่เอาธรรมะมาสอนกันแบบเอาแก่นและความเข้าใจมาคุยกัน ง่ายต่อการเข้าใจ และปฏิบัติ ตามมากครับ

กราบ ขอบพระคุณพี่อีกครั้งครับ

nakorn_nd · 14 กันยายน 2012

D-Crew said: ↑

ก็ยังพอไหวอยู่ครับ วันจันทร์นี้จะเข้ารับการผ่า(และ)ตัดถุงน้ำดี(ทิ้ง) เพราะมีนิ่วก้อนโตๆอยู่สองก้อนครับ
เฝ้าติดตามดูความเจริญในธรรมของท่านทั้งหลายอยู่เสมอๆ ด้วยความปิติอย่างยิ่ง ขออนุโมทนา นำเด้อ....
Click to expand...

ขอให้สุขภาพพี่ D-Crew หายเป็นปกติโดยเร็วนะครับ

นคร

sarutha · 14 กันยายน 2012

IT Man said: ↑

สาธุ สิ่งมงคลอันนั้นนั่นคืออันใดหนอท่าน?
Click to expand...

สิ่งมงคลอันดับสองไงขอรับ......แรงมากๆๆๆๆ

Phoobes · 14 กันยายน 2012

ฉันทะธรรม said: ↑

ท่านภูเบศว์ ผมได้รับสิ่งที่เป็นมงคลแล้วครับ
อนุโมทนาบุญกับท่านด้วยครับ ที่เป็นธุระในการจัดส่งครับ
Click to expand...

อนุโมทนาในบุญกุศลวาสนาของ ท่านฉันทะธรรมครับ

Phoobes · 14 กันยายน 2012

nakorn_nd said: ↑

กราบขอบพระคุณ พี่ภูเบศวร์ ครับ ที่เอาธรรมะมาสอนกันแบบเอาแก่นและความเข้าใจมาคุยกัน ง่ายต่อการเข้าใจ และปฏิบัติ ตามมากครับ

กราบ ขอบพระคุณพี่อีกครั้งครับ
Click to expand...

ขอออกตัวว่าเป็นการเล่าประสบการณ์ครับ อย่าว่าเป็นการสอนเลยครับเพราะยังไม่สามารถ ได้แต่เพียงเตือนตนเองเท่านั้น

นำมาแชร์เผื่อว่าใครที่ปฏิบัติในแนวทางนี้อาจนำมาเทียบเคียงกัน ยังมีธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งอีกมากที่เราต้องศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ยิ่งขึ้น

ในเบื้องต้นเราอาจเข้าใจว่าอย่างนี้ถูก แต่ต่อไปเมื่อเราเรียนรู้ธรรมที่ละเอียดขึ้น สิ่งที่คิดว่าถูกแต่เดิมอาจไม่ตรงหรือถูกต้องทั้งหมดก็ได้ ซึ่งจะต้องปรับ ทำความเห็นให้ตรง โดยการรับฟังคำชี้แนะจากท่านผู้รู้ ที่ท่านผ่านจุดนั้นไปแล้ว
และตรวจสอบตนเองอยู่เสมอ หากรู้สึกว่าอยู่คงที่ ทั้งที่เราก็ทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ นั้นแสดงว่าเราจะต้องติดอะไรสักอย่าง ด้วยว่าเรายังเดินไปไม่สุดเส้นทาง ควรมีการขยับก้าวเดิน หรือพัฒนาขึ้นบ้าง

เท่าที่ผ่านมา ผมต้องปรับความเห็น ความเข้าใจอยู่บ่อยๆ จากการที่นำผลการปฏิบัติของเราไปเทียบเคียงกับธรรมที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้แจ้งในทางนั้นแล้วว่าเป็นไปอย่างนั้นหรือผิดเพี้ยนไป
ส่วนวิธีการ อาจจะต้องหาเทคนิคเฉพาะตัวที่เหมาะกับจริตของตนเอง ด้วยการสังเกตุว่า อย่างไรทำแล้วเกิดการพัฒนาขึ้น

ในส่วนตัวแล้ว จุดสำคัญคือน้อมนำคำสั่งสอนขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์มาเป็นหลักและแนวทางปฏิบัติ ให้ตรงต่อแก่นแกนธรรมที่ท่านชี้นำให้เรา

ขอบพระคุณเช่นกันสำหรับกำลังใจครับ คุณนครมีประสบการณ์การปฏิบัติมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับ พวกเราจะได้มีมุมมองกันกว้างขึ้น

ขอเจริญในธรรมครับ
ภูเบศวร์

D-Crew · 14 กันยายน 2012

"นนต์" said: ↑

ท่านสุทนแยกกายออกจากจิตได้ดี พิจารณาความทุกข์เวทนาแล้วละวางที่ใจได้ดี ผมเฝ้าติดตามอาการของท่านอยู่ แต่ก็คลายกังวลใจได้ เนื่องจากทราบว่าท่านกำลังพิจารณาความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของธาตุขันธ์ ส่วนใจนั้นยังยิ้มอยู่ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ด้วยอำนาจแห่งธรรมที่ท่านกำลังพิจารณาอยู่ ขอเป็นกำลังใจครับ

"นนต์" ผู้กำลังเรียนรู้อยู่
Click to expand...

ขอขอบคุณทุกกำลังใจครับ
ผมรายงานกับอาจารย์นนต์ทุกระยะแห่งการเจ็บป่วย นัดว่าจะไปพบกับท่านและคณะที่อยุธยาแต่ต้องยกเลิกเพราะความปวดมันจู่โจมเข้ามากระทันหัน
ปวดแค่ไหนบรรยายไม่ถูกครับ ต้องคนเคยเป็นจึงจะรู้ เพียงแค่เอามือลูบท้องแผ่วๆก็ปวดแล้ว หมอให้ยากินแก้ปวดอย่างแรงสุดมา ๓๐ เม็ดให้กินทุก ๖ ชั่วโมง กินยาแก้ปวดที่หมอให้มาแค่ ๖ เม็ดก็เริ่มรับมือได้ จึงเลิกกิน ธาตุขันธ์ขาดสมดุลย์ ปั่นป่วน ก็ปล่อยให้เป็นไป ความปวดยังเหมือนเดิม แต่จิตยังคงเบิกบาน อยากจะปวดก็ปวดไป เวทนาอยู่ส่วนเวทนา จิตไม่เวทนาด้วย เบาสบายทุกข์ก็รำงับไปด้วยประการฉะนี้ ธรรมโอสถเป็นอย่างนี้เองหนอ!!!
วันจันทร์ที่ ๑๗ ก็จะเข้ารับการผ่าตัด โดยส่วนตัวมีความเชื่อว่าถ้าไม่ด่วนนัดกับหมอ และทอดเวลาออกไปสักระยะหนึ่ง ความอัศจรรย์ของจิตน่าจะสลายนิ่วได้ไม่ยาก แต่เมื่อนัดหมอแล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ไม่ทุกข์
ที่เขียนมานี้เพื่อยืนยันแก่ท่านทั้งหลายว่า ธรรมเป็นของประเสริฐจริง อย่าได้สงสัยเลย จงเข้าให้ถึง ทำให้จริง ....ก็จะได้ผลเป็นปัจจัตตังฯ

อาจารย์นนต์ ปิยะมิตรของผมก็ชอบถ่อมตัวเสมอ ผมดีใจที่ท่านสามารถปลดพันธนาการได้มาก และตั้งใจปลดเปลื้องไปเรื่อยๆ ...ขอให้ท่านเจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปนะครับ...อิสระทั้งกายและจิต นั่นแหละครับสุดยอดแห่งความปราถนา

ขอบคุณ นรธ.ทุกท่านอีกครั้งนะครับ

IT Man · 15 กันยายน 2012

ฉันทะธรรม said: ↑

สิ่งมงคลอันดับสองไงขอรับ......แรงมากๆๆๆๆ
Click to expand...

Phoobes said: ↑

อนุโมทนาในบุญกุศลวาสนาของ ท่านฉันทะธรรมครับ
Click to expand...

กระผมก็ว่าเช่นนั้น เหมาะสมดีแท้...บ้านนี้ได้รับแต่สิ่งอันเป็นมงคลเลิศ
โมทนาสาธุครับ

คืนนี้ผมนอนดึก...เคลียร์งานพึ่งเสร็จ
พรุ่งนี้วันพระ ขอโมทนาบุญกับท่านที่ไปทำบุญ ผมก็จะไปเช่นกันครับ

เซาไวๆเด๊ออ้ายสุ...เอ๊ย...

Phoobes · 15 กันยายน 2012

กายนคร

[FONT=&quot]การที่จิตใช้กล้อง คือ ปัญญา ท่องเที่ยวในเมือง [/FONT][FONT=&quot]“กายนคร” ย่อมเห็น “กายนคร” ของตน และ “กายนคร” ของคนและสัตว์ทั่วไปได้ชัด ตลอดจนทางสามแพร่ง คือไตรลักษณ์ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา และทางสี่แพร่ง คือ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทั่วทั้งตรอกของทางสายต่าง ๆ คือ อาการของกายทุกส่วน พร้อมทั้งห้องน้ำ ครัวไฟ (ส่วนข้างในของร่างกาย ) แห่งเมืองกายนคร จัดเป็น โลกวิทู ความเห็นแจ้งในกายนครทั่วทั้งไตรโลกธาตุก็ได้ด้วย ยถาภูตญาณทัสสนะ ความเห็นตามเป็นจริงในกายทุกส่วน หมดความสงสัยในเรื่องของกายที่เรียกว่า รูปธรรม
/-คัดตัดตอนจากหนังสือเรื่อง ปัญญาอบรมสมาธิ
โดยพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
ภาพประกอบ: C.Babaian[/FONT]

sarutha · 15 กันยายน 2012

สู้ สู้ สู้

wee3250 · 16 กันยายน 2012

ขอสวัสดีทุกคน และลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ทุกท่านครับ
เนื่องจากผมได้มีโอกาสได้ไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภูดานไหมาครั้งนึง แล้วเกิดความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านให้ธรรมมะที่ตรงใจเรา เข้าใจง่าย สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง และให้ข้อคิดอีกหลายอย่าง ท่านมีเมตตาสำหรับคนธรรมดาเช่นผมมากครับ ซึ่งไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ผมเลยอยากที่จะขอนำพระพุทธปฐวีธาตุที่มีผู้นำมาให้ร่วมบุญ ประมูลกับท่านที่ศรัทธา เพื่อที่จะนำปัจจัยทั้งหมดถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ เพื่อใช้จ่ายตามแต่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านจะเห็นสมควรครับ

ประมูลผ่านเว็บบอร์ดช่องทางนี้ได้เลยครับ หรือ PM หาผมโดยตรงได้เลยครับ

โอนปัจจัยร่วมบุญหลังทราบผลการประมูลที่:
ชื่อบัญชี : นางบุญชม ยางธิสาร
เลขที่บัญชี: 4160396194
ธนาคาร : กรุงไทย สาขากุฉินารายณ์
ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์

ขอกราบขอบพระคุณและโมทนาสาธุในบุญกุศลนี้ทุกประการ

ประมูลพระพุทธปฐวีธาตุ เพื่อร่วมบุญฯกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
เริ่มประมูลร่วมบุญฯระหว่างวันที่ : 4 ก.ย. 55 สิ้นสุด 30 ก.ย. 55 (เวลาพลังจิต 09:00) ขอเริ่มต้นที่ 5,000 บาท ครับ

1 คุณ arsular<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT> เปิดประมูลที่ 5,100

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

TawanT เป็นที่รู้จักกันดี

"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

กรบางพลี เป็นที่รู้จักกันดี

sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

nakorn_nd เป็นที่รู้จักกันดี

nakorn_nd เป็นที่รู้จักกันดี

nakorn_nd เป็นที่รู้จักกันดี

sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

D-Crew เป็นที่รู้จักกันดี

IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

กานนคร.jpg

sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ไฟล์ที่แนบมา:

กานนคร.jpg

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา