พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

เป็นคนจิ ถ้าเป็นนาคีเราคงเปิดตั้งแต่แรกแล้ว คล้ายๆไปเข้าเฝ้าอ่ะนะ คนมากมาย วัน

เสาร์ ยังไม่ได้สังเกตอะไรก็ถูกเค้าไล่แล้ว 555+ แต่เมื่อวันก่อนคล้ายๆจะแต่งแบบชุด

ไทยอ่ะ แต่ไม่ใช่แบบชาวบ้านนะ


-- ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้ แต่มันรู้อ่ะ งงไหม

 

ขอให้คุณฝ้ายหายป่วยเร็วๆค่ะถ้าว่างๆไปหาพระรดน้ำมนต์บ้างก็น่าจะดีค่ะ
รีบๆก็ดีนะคะอย่าปล่อยไว้นานเกินไป
ไม่รู้ว่าคุณฝ้ายมียันต์เกราะเพชรไหมหามาติดตัวติดบ้านไว้บ้างก็ดีค่ะ
คนที่คิดไม่ดีทำไม่ดีจะสะท้อนกลับไปหาเขาเองค่ะ

 

อ๋อ คงเป็นวันที่เค้าไปให้ใครเคาะหัวมานั่นแหละ วันนั้นเราไปไหนน้า..าา

เดี๋ยวนึกก่อน เราไปบ้านเราแต่ที่บ้านมืดสนิทมองอะไรไม่เห็นเลย เราเดิน
ลงบันได แล้วคลำหาสวิทซ์ไฟและเราก็เปิดไฟ พอไฟสว่างมันไม่ใช่บ้านเรา
เป็นบ้านใครก็ไม่รู้ เป็นบ้านไม้ที่ไม่มีคนอยู่ คนที่เคยอยู่เค้าย้ายไปหมดแล้ว
ฝันที่จำไม่ได้เพราะว่าโดนดึงจิตไป เจอผู้ชายไม่นุ่งผ้าเดินเข้ามาหา แปลกดี

บอกแล้วไงว่าคนละภาระกิจ ไม่เจอเราหรอก เรามันแอ๊ดวานซ์แล้ว

มีอยู่วัีนนึงก่อนหน้า่นั้น ที่นัดกันไป ทุกคนใส่ชุดขาวไปนั่งสมาธิ
แต่เราใส่ชุดแดง เค้าไปปฏิบัติธรรม แต่เราดันไปกอดผู้เป็นใหญ่ที่นั่น อิอิ
ไม่มีใครเคยทำแบบนั้น เราช่างเป็นตัวของตัวเองทั้งในความฝันและความจริง

 

โห...คุณ hastin แอบฝันถึงเราก็ไม่บอก...นี่ถ้าไม่ถาม อดรู้แหงๆ เลย

ว่าแต่..เคยฝันครั้งอื่นอีกมั้ยคะ..อยากฟังหนอ..แล้วที่ใส่ชุดไทยเนี่ย ใครใส่
เหรอคะ...ในฝัน นราวดีหน้าตาเป็นยังไงหนอ?

 

ช่วงนี้เข้าพรรษา จะถูกเรียกตัวทุกคืน นักปฏิบัติก็ไปปฏิบัิติ อยู่ระหว่างการทำข้อสอบ
ประกาศผลตอนออกพรรษา ช่วงนี้ทุกคนก็เก็บคะแนนไป แล้วเรามัวทำอะไรอยู่นะ
แจ้งให้ทราบกันนะคะ นักเรียนทั้งหลายอย่ามัวแต่สนุกสนานเฮฮา มีคนมองเราอยู่
ไ่ม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นครูบาอาจารย์ของแต่ละคน ท่านมองและให้คะแนนอยู่คร้า..าา

 

นิทานคั่นเวลาซักเรื่องจ้า

มีคนผุ้หนึ่ง วันหนึ่งนึกอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ ได้ไปขอข้อธรรมต่อท่านท้าวสัก

กะเทวราชเพื่อมาปฎิบัติ ท่านผู้เป็นใหญ่ได้เมตตาให้มาว่า มานะ

คนผู้นั้นก็คิดได้ว่า มานะ คือ การยึดมั่น ถือมั่นในอัตตาของตัวหรือปล่าว หรือว่าขอบเขต

ของ มานะ จะอยู่ประมาณไหน ก็ยังไม่สามารถจะเข้าใจข้อธรรมข้อนี้ได้อย่างแท้จริง

 

คุณ hastin ยังไม่ตอบคำถามของข้อยเลยเน้อ :'(
ปล...ขอนิทานคั่นเวลาอีก (หลายๆ) เรื่องสิคะ

 

พึ่งเหนค่ะ โทดที อิอิ

ดูคลิปด้วยนะ ขำๆ เนอะ

 

เมื่อคืนฝันต่อเนื่องแล้วจำได้ค่ะเล่าเท่าที่จำได้แล้วกันนะคะ

ฝันเห็นพระสงฆ์ที่เรานับถือมากนั่งเอาหินที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ
ขัดที่กระหม่อมของพระลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ไกล้ๆทั้งสามองค์
มีเราเป็นผู้หญิงที่นั่งไกล้ๆอยู่คนเดียวนั่งฟัง นั่งดูท่านใช้หินขัดกระหม่อมพระสงฆ์
มีขี้สนิมจากหินที่ขัดจากกระหม่อมพระนั่งดูไปดูมากลายเป็นว่า
เราก็ใช้หินตะปุ่มตะป่ำขัดกระหม่อมเหมือนกันมีขี้สนิมออกมาจากกระหม่อมเยอะเลย
พอท่านขัดจนขี้สนิมออกจากกระหม่อมพระสงฆ์จนท่านพอใจก็ลุกเดินจากไปค่ะ

ฝันต่อเนื่องว่าเดินไปจะบูชาพระเครื่องแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่สักคน
มองไปที่พื้นมีพระเครื่ององค์จิ๋วๆก็คิดว่าสงสัยเจ้าหน้าที่คงทำร่วง
เลยก้มลงเก็บใส่มือเก็บได้สักพักก็มีผู้ชายออกมาจากโบสถ์
เลยถามว่ามีพระอยู่ข้างในไหมผู้ชายตอบว่าไม่มีแล้วก็เดินไป
เลยก้มลงเก็บพระจิ๋วต่อยิ่งเก็บยิ่งมองเห็นเยอะขึ้นสักพักมีผู้หญิงสองคน
เดินมาก็ถามเขาแต่เหมือนเขาไม่อยากคุยด้วยแล้วเขาก็รีบเข้าไปข้างใน
ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเก็บพระจิ๋วใส่มือมองไปมีถุงใส่เงินแบงค์ร้อยตกอยู่
เลยเอาพระจิ๋ววางบนถุงแล้วรวบถุงจะเก็บคืนให้พระ
ระหว่างที่รอจะคืนเงินและพระเครื่องที่เก็บได้ให้พระก็เดินออกมาดูข้างๆ
มีคนหลายๆคนมุงดูพระบูชาที่หล่อยังไม่ถอดแบบออกเลยเข้าไปดูบ้าง
ที่น่าสนใจคือพระราหูอมจันทร์ที่ยังไม่ถอดแบบเห็นแต่ปูนที่หุ้มไว้
ได้ยินเขาคุยกันว่าเป็นของครูบาทางจังหวัดลำพูนสร้างเพื่อระลึกถึงท่านค่ะ

 

หน้าตาสวย......สิ
ถามเยอะนะเนี่ย 555+

 

ขอบคุณมากนะค่ะ คุณกุลธิดา ที่เป็นห่วงค่ะ ฝ้ายก็ไม่รู้หรอกนะค่ะว่าไปทำอะไรใครเขาหรือเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ตอนไหน แต่ไม่ต้องห่วงนะค่ะฝ้ายจะดูแลตัวเองให้ดีๆๆค่ะ ฝ้ายเชื่อค่ะว่าสิ่งศักสิทธิ์เขาไม่ทิ้งคนดีหรอกนะค่ะ สู้ๆๆๆค่ะ หรืออาจเป็น
เพราะกรรมเก่าก็ได้ ส่วนเรื่องอาการป่วยฝ้ายก็ป่วยมาตั้งแต่เด็กๆๆแล้วละค่ะไม่หายหรอกค่ะป่วยแบบนี้ประจำถ้าอยากหายคงต้องถือบวชเลยกระมั้งค่ะ อิอิ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ hastin
หน้าตาสวย......สิ
ถามเยอะนะเนี่ย 555+
</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ๊าวววว...ยังไม่ชินกะโลโก...อยากรู้หนอทุกเรื่อง...ของเราอีกเหรอ อิอิ
แต่แอบดีใจแฮะ...ตกลง หน้าตาอย่างเราเรียกว่า จ๋วย อ่ะ เหอะๆๆๆๆ
ว่าแต่...ยังหมกเม็ด อุบอิบ อะไรไว้อีกป่าวเนี่ย

 

คุณhastin คืนนี้อนุญาตให้ฝันถึงเราได้น้า..าาาา อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาอยู่ในฝันมันเป็นยางงายยยย โหดร้ายป่าเถื่อน...เลื่อนลอยหรือเปล่า..? เห็นแล้วอย่าต๊กกะจายยน้า..าาา ค่อยๆ ตั้งสติแล้วจดจำไว้

 

คุณกุล ไม่ฝันเห็นเราอีกเหรอ...อยากรู้หนออ่ะ ว่าเลิกดุหรือยาง..งงงงงงงง

 

ยังไม่ฝันอีกเลยค่ะคุณนุ๊กแต่ในฝันดุแบบอยากให้ได้ดีนะคะ

ไม่ได้แบบโหดร้ายป่าเถื่อนเข้าทำนองปากร้ายใจดีน่ะเน้อ

(ปล.ความฝันเมื่อคืนยังมีต่อแบบว่าฝันยาวมากตื่นมาเหนื่อยเลยค่ะ)

 

เค้า โชคร้าย จิงๆ

เบื่อๆ เดินจากบ้าน ไป 7-11
ซื้อนมรถน้ำผึ้งมากิน
ดีนะที่แกะ แล้วเท ไม่ดูดจากหลอด

นมบูด เฉยเลยย แง้ๆๆ

 

ได้จิ งั้นเดี๋ยวขอตัวกลับบ้านไปตั้งหลักก่อน

รบกวนหาข้อมุลเรื่อง มานะ ด้วยจ้า

 

มานะกับมาณีเหรอ..คุณhastin ล้อเล่นค่ะ มานะ...คือความพยายาม ใช่ป่ะ
ถ้าเิติมคำว่า "ทิฏฐิ" เข้าไป ก็กลายเป็นทิฏฐิมานะ แปลว่า ดื้อรั้น เอาชนะ ใช่ป่ะ

ใครว่างลองเข้าำไปอ่านดูนะ http://palungjit.org/threads/การปฏิบัติที่ได้ชื่อว่าถูกต้อง-มีอะไรเป็นเครื่องวัด.331748/

 

พาเค้าเที่ยวด้วยคนจิ...

 

ความหมายของ "มานะ"

ถ้าจะให้คำแปล หลายคนเข้าใจว่า มานะ แปลว่าความเพียรพยายาม และมักจะพูดพร้อมไปกับคำว่า “อดทน”บ้าง “พากเพียร” บ้าง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น

“มานะ” แปลว่า “ความถือตัว” ความถือตัวสำคัญตน ความเชิดชูตนให้เด่น ความเอาเด่น ความต้องการเดินล้ำเหนือเขา ความต้องการที่จะยิ่งใหญ่

ส่วนคำว่า “มานะ” ในภาษาไทยได้คลายความหมายมาเป็น “ความเพียรพยายาม” เพียรแล้วบางทีก็ไปคู่กับอดทน เป็นมานะอดทน เช่น เราจะสอนเด็กว่าเธอต้องมีมานะอดทน หรือ มานะเพียรเรียนหนังสือต่อไปให้สำเร็จ คำว่า “มานะ”น่าจะเป็นลักษณะเด่นในนิสัยของคนไทย เมื่อทำงานรวมกันเป็นทีมงานจึงไม่สำเร็จเพราะมานะเป็นตัวขับที่เด่นในจิตใจ มันจะต้องยอมกันไม่ได้ ยอมให้คนอื่นเด่นกว่าไม่ได้

“มานะ” ก็ต้องการโก้เก๋ ฉะนั้นเมื่อต้องโก้เก๋จึงไปเสริมค่านิยมชอบบริโภค ไม่ชอบผลิต เช่น ชอบบริโภคของต่างประเทศแม้จะไม่ดีเท่าไร แต่มันก็โก้มาก บางทีของแพงก็ยิ่งซื้อ สนองความอยากอวดโก้ ต้องการเด่น ต้องการทันสมัย

ฉะนั้น เราจะพบว่า “มานะ” เป็นตัวการสำคัญและมีบทบาทมาก ทำให้เราเข้าใจความหมายของ “มานะ” ในความหมายที่ดีไปเสียแล้ว ซึ่งไม่ถูกต้องเลย
ต่อไปนี้จะกล่าวถึงกิเลสที่บงการบทบาทการดำเนินชีวิตของคน คือ
1.ตัณหา คือความอยากความเห็นแก่ตัว ความอยากได้ อยากจะเอาเพื่อตัว
2.มานะ คือความต้องการให้ตัวเด่น อยากยิ่งใหญ่ ความสำคัญตนหรือถือตนเป็นสำคัญ
3.ทิฐิ คือดื้อรั้นในความเห็นของตน ยึดติดในความเห็น เอาความเห็นเป็นความจริง

กิเลสทั้ง 3 ตัวนี้เป็นตัวกำกับบทบาทมนุษย์ที่สำคัญมาก ทำให้มนุษย์ไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ดี ไม่สามารถที่จะบรรลุถึงความสุขที่แท้จริง และไม่สามารถเข้าถึงสัจธรรมได้ เพราะมันเข้ามาครอบงำบัญชาอาการแสดง ในทางพระเรียกว่าเป็น ปปัญจธรรม แปลว่าสิ่งที่เป็นเครื่องทำให้เนิ่นช้า คือทำให้วกวนวุ่นวายนัวเนียอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

กิเลสทั้ง 3 ตัวนี้เป็นเรื่องของตัวตนทั้งนั้นและมีความสำคัญมาก แต่คนไทยเรามักจะพูดเป็นกันแต่ โลภะ โทสะ โมหะ แท้จริงแล้วควรมุ่งความเอาใจใส่ต่อตัณหามานะทิฐิให้มากขึ้น

ปัจจุบัน เราเอาคำว่า “มานะ” ไปใช้ในความหมายที่ผิด เช่น เราชอบพูดว่าคนนี้อัตตาใหญ่อัตตาแรง ที่จริงแล้วก็คือมานะแรง ไม่ใช่อัตตาแรง เพราะอัตตาเป็นเรื่องสำหรับรู้ เป็นเรื่องสัจธรรมให้รู้ว่าชีวิตเกิดจากส่วนประกอบมาประชุมกัน มันเป็นอนัตตา ส่วนด้านจริยธรรมเป็นเรื่องของมานะ การถือตัวสำคัญตนต่าง ๆ ถือเกี่ยวกับตัวตนเป็นกิเลส

สรุปแล้วเราต้องยอมรับว่า “มานะ” เป็นกิเลสลึกซึ้งมีหลายระดับ เป็นสังโยชน์อย่างหนึ่ง (สังโยชน์คือ กิเลสที่ผูกมัดคนไว้กับความทุกข์ ไว้กับปัญหาไว้กับวัฏสงสาร) มานะเป็นสังโยชน์ระดับสูงซึ่งพระอรหันต์เท่านั้นที่ละได้