พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 กันยายน 2012.

  1. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    นู๋คงต้องใช้เวลานานคะ เพราะยังแยกแยะไม่ออก จิตมันยังเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยอยู่เลย เมื่อสักพักลองนั่งสมาธิ เหมือนเราเป็นลูกข่างเลย หมุนซ้าย ไม่ไหวมึน เลยหยุดดีกว่า ค่อยลองใหม่
     
  2. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    ไม่มีคะ เพราะพี่ชายไม่มา แหะๆ พี่ชายจะมาวันพระ

    มะคืนฝันว่าไปเที่ยวกับใครไม่รู้เป็นผู้หญิง ขึ้ันไปบนปราสาทสูงเจ็ดชั้น
    ปราสาทเป็นทองคำคะ สวยมากเลย และผู้ญิงคนนั้นคล้ายๆ รูปอวตาร ที่พี่มิกเคยใช้
    ที่มองเห็นแค่ลูก ตา ผิวขาวเหลือง ผอม ผมหยักนิดๆ ยาวประบ่าลงไปนิด
    ได้ต่อสู้กับคนร้ายเพื่อปกป้องปราสาท คนร้ายท่อนล่างเป็นงู ท่อนบนเป็นคน
    (สงสัยจะอ่านนิทานเยอะไป เลยเก็บไปฝัน อิอิ)
    สู้กันมันส์มากเลยคะ ยังกะในหนังจีน 555555
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การฝึกพลังจิตตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

    ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพลังจิตและพลังชีวิต
    พลัง ชีวิต คือ ดวงจิต นั่นเอง ลองคิดดูว่า เหตุใดรถยนต์ไม่สามารถขยับเองได้ ทั้งๆ ที่เติมน้ำมันมากมาย พลังจากน้ำมันไม่อาจทำให้รถยนต์เคลื่อนเองได้ เพราะพลังนั้นไม่ใช่พลังชีวิต ในขณะที่ไวรัสสามารถเคลื่อนที่เองได้ เหตุใด เพราะไวรัสตัวเล็กนั้น มีพลังชีวิตนั่นเอง

    พลัง ชีวิต คือ พลังงานรูปหนึ่ง มีคลื่นความถี่เฉพาะ สามารถตรวจวัดได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การตรวจคลื่นสมอง, การตรวจดูด้วยการถ่ายภาพออร่า, กล้องถ่ายภาพวิญญาณและพลังงานพิเศษ เป็นต้น พลังชีวิตนี้ เรียกว่า “ดวงจิต” เพราะปกติจะมีลักษณะกลม เหมือน อะตอม พลังชีวิต นี้ประกอบด้วย

    1. ดวงจิต คือ พลังชีวิตที่แท้จริง เป็นที่บันทึกกรรมต่างๆ ที่จิตทำไว้ทั้งหมด

    2. ปราณ คือ พลังจักรวาล ที่จิตดึงมาก่อเป็นวิญญาณเพื่อใช้ครอบครองร่างใดๆ

    3. พลังจักรวาล คือ พลังธรรมชาติ ในรูปแบบที่สอดคล้องกับที่ดวงจิตจะดึงมาใช้ได้

    4. พลังธรรมชาติ คือ พลังธรรมชาติในรูปแบบที่จิตไม่สามารถดึงมาใช้ได้ เช่น น้ำมัน

    พลังจิตคืออะไร
    จิต ก็คือ พลังงานอยู่ในตัวอยู่แล้ว ดังนี้ จึงมีพลังในตัวเอง การฝึกพลังจิตจึงไม่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มกำลังจิตเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง การใช้จิตที่มีพลังนั้น ทำสิ่งต่างๆ ได้อีกด้วย

    นอก จากนี้ จิตยังรับรู้สิ่งต่างๆ ได้แม้นไม่มีร่างกาย จิตนั้น เข้าไปรับรู้เรื่องของสมองและร่างกาย โดยอาศัยการรับกระแสประสาทของสมอง เป็นต้น

    ดังนี้ แม้นจิตไม่มีร่างกาย ก็สามารถรับรู้กระแสประสาท, ประจุไฟฟ้าต่างๆ และพลังงานในรูปแบบอื่นๆ ได้อีกเช่นเดียวกัน ดังนี้ จิตของคนหนึ่ง ก็สามารถเข้าไปสู่สมองและร่างกายของบุคคลอื่น และรับรู้ และสั่งการบุคคลอื่นได้อีกด้วย เรียกว่า "การสะกดจิต" นั่นเอง เพราะว่าจิตนั้นมีทั้งพลัง เคลื่อนที่ได้เอง และรับรู้ พร้อมทั้งสั่งการได้หมดในตัวเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    พยายามที่จะโพสต์แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอ่ะ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พลังปราณคืออะไร

    พลังปราณ คือ พลังจักรวาลที่จิตนำมาใช้ครอบครองร่างนั้นๆ โดยสร้างรูปร่างให้คล้ายกับร่างที่ครอง ที่เรียกว่า “วิญญาณ” นั่นเอง ดังนี้ การฝึกพลังปราณ ก็คือ การฝึกให้วิญญาณนั้นตื่นตัว ครองร่างนั้นๆ ดูแลรักษาส่วนต่างๆ ของร่างนั้นๆ และควบคุมใช้งานร่างนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง

    โดย พลังปราณนี้ สามารถถ่ายเทให้กันและกันได้ เช่น การบำบัดด้วยออร่า ซึ่งก็เหมือนการใช้พลังปราณผ่านทางฝ่ามือรักษาโรค ในทางการแพทย์แบบจีน หรือแบบสมัยใหม่ก็ตาม ; พลังปราณนี้ จะเห็นเป็นดวงเมื่ออยู่ร่วมกับดวงจิต โดยจะปกป้องอยู่รอบดวงจิตอีกที แล้วฉายแสงออกรอบทิศเป็นรัศมี เรียกว่า “ฉัพพรรณรังสี” ปราณนี้สามารถบ่งบอกโรคภัยต่างๆ ในร่างกายได้ โดยการดูสีต่างๆ ที่ปรากฏออกมา ก็สามารถรู้ได้ว่าบาดเจ็บในส่วนใดของร่างกาย ทั้งนี้ยังสามารถรับรู้ได้ด้วยการสัมผัสและประสาทสัมผัสอื่นๆ การรักษาโรคด้วยปราณ จึงเป็นทางเลือกอีกวิธีหนึ่ง
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พลังจักรวาลคืออะไร
    พลังจักรวาล คือ พลังธรรมชาติที่จิตสามารถดึงมาใช้ได้ ปกติจะอยู่ในรูปคลื่นความถี่ต่างๆ

    ดัง นี้ การฝึกจิตควบคู่กับการหมุนขันแบบทิเบต, การเคาะระฆัง, การใช้ซ่อมเสียงบำบัด จึงสามารถกระตุ้นพลังจิตได้ คือ จิตเปิดรับพลังจักรวาล เหล่านี้มาแล้ว ใช้ให้เป็นประโยชน์ในรูปต่างๆ เช่น ฆ่าเชื้อโรคแปลกแปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เชื้อโรคแปลกปลอมนี้ มักไม่คุ้นเคยกับพลังปราณ หรือพลังคลื่นจักรวาล ที่มีความบริสุทธิ์

    เพราะ เชื้อโรคชั้นต่ำ เป็นดวงจิตที่เกิดจากคนชั้นต่ำ ดวงจิตที่เลวทราม เมื่อพบคลื่นความบริสุทธิ์ที่แตกต่างจากตนมาก จะได้รับผลกระทบจนอยู่อาศัยไม่ได้ และตายลงในที่สุด

    ดังนี้ พลังจักรวาล จึงช่วยรักษาโรคได้ในบางกรณี พลังจักรวาลนี้ บางท่านจะเรียกว่า “ชี่ กง” ก็มี แต่บางท่านไม่จัด “ชี่กง” (หรือ ไทเก็ก หรือ พลังธรรมจักร) เป็นพลังจักรวาล สำหรับผู้ฝึกพลังจักรวาลโดยตรง จะเปิดรับพลังนี้ผ่านทางหัวด้านบน ที่เรียกว่า "จักระเจ็ด" ซึ่งการเปิดจักระนี้ จำต้องใช้พลังปราณที่สูงในการเปิด อาจเปิดโดยมีผู้ช่วยเปิดซึ่งมีพลังสูง หรืออาจเปิดเองก็ได้

    และ เมื่อเปิดจักระนี้แล้ว ส่งผลให้ดวงจิตอื่นๆ เข้ามาสู่สมองได้ง่ายด้วย ดังนี้ บางท่าน เมื่อจักระเจ็ด ถูกเปิดจะมีดวงวิญญาณอื่นๆ เข้ามาแทรกได้ ที่เรียกว่า “ผีเข้า” หรือ “ทรงเทพ” ก็สามารถพบได้เช่นกัน และที่หลอกลวงว่า เทพเข้าร่าง ก็มีเช่นกัน

    โดย ระยะแรกๆ ที่ดวงจิตอื่นเข้ามาร่วมครอบงำร่างกาย ดวงจิตสองดวง จะฝืนและยื้อกัน มีอาการ เช่น สั่นเทา, ควบคุมร่างกายได้ไม่เต็มที่, ยื้อกันไปมา แต่เมื่อดวงจิตเจ้าของร่าง ยอมให้ดวงจิตจร ที่เข้ามาอาศัยร่างแล้ว อาการนั้นก็สงบลง

    ากนั้น ดวงจิตจรที่เข้ามาร่วมอาศัยร่าง มักจะไม่อยากออกจากร่าง เพราะการได้ร่างกายมนุษย์นั้น ยากเย็นยิ่งนัก ดวงจิตจร ที่เข้ามาเหล่านี้ มีทั้งที่ดีและร้าย ส่วนใหญ่จะพบดวงจิตร้ายๆ ก่อน คือ ดวงจิตที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร มากลั่นแกล้ง และขอส่วนบุญ เป็นต้น

    บางท่านโชคดี เมื่อดวงจิตจรเข้ามาแล้ว มีดวงจิตที่ดีเข้ามาช่วยได้ทันท่วงที เช่น เทพต่างๆ ที่ตนนับถือบูชามาช่วยไว้ ก่อนที่จะถูกดวงจิตร้ายๆ ดวงอื่นครอบงำ ; ทว่า ผู้ฝึกจิต พึงฝึกจิตเพื่อรู้จักและควบคุมพลังจักรวาลต่างๆ เหล่านี้ให้ได้ดี ก่อนเปิดจิต
     
  7. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    ได้ c อ่ะคุณนุ๊ก
     
  8. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    แสดงว่าไม่อยากให้เล่ามั๊งเนอะ จ้างเต๊อะ
     
  9. kulthida

    kulthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    527
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ได้ข้อนี้สนุกดีค่ะคุณนุ๊ก.....ไม่รู้ชอบคำทำนายหรือเปล่าค่อนข้างตรงค่ะ
    คุณสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ชอบตรงนี้จังค่ะแต่พลังการรับส่งโทรจิต
    ยังไม่ได้ต้องขยันๆฝึกค่ะ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ยินดีค่ะ ยินดีกับลางสังหรณ์ที่แม่นยำด้วยนะคะ :cool:
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอย่อความเรื่องการฝึกพลังจิตแนวพระพุทธศาสนา นะคะ ถ้าเล่ากันจริงๆ ยาวววววมาก

    วิธีการฝึกจิต
    การฝึกให้จิตรู้ ประกอบไปด้วย การฝึกสติ, สมาธิ, ปัญญา เป็นสำคัญ โดยการที่จะมีองค์ประกอบทั้ง 3 นี้ได้ จำเป็นต้องมี ศรัทธาและวิริยะ เป็นเหมือนขาซ้ายขาขวา

    หากไร้ "ศรัทธา" แล้ว จะต้องวิริยะมากมาย เพราะพบเห็นสิ่งต่างๆ แต่ไม่เชื่อสิ่งที่ได้เห็นนั้นๆ จำต้องค้นหาไปอีกเรื่อยๆ

    แต่หากว่าขาดซึ่ง "วิริยะ"แล้ว จำต้องเพิ่มศรัทธาให้มาก จึงจะเกิดความวิริยะได้ ดังนี้ ศรัทธาและวิริยะ จึงเป็นขาซ้ายขวาเบื้องต้นของการฝึกจิต เพื่อนำมาซึ่งผล 3 ประการขั้นต้น คือ สติ, สมาธิ, ปัญญา

    ซึ่งเมื่อถึงผลสุดท้ายแล้วจะเหลือเพียง “ปัญญา” เป็นประธานใหญ่ คอยดำเนินการเป็นหลัก การฝึก ทั้ง 5 ประการนี้เรียกว่า "การอบรมพละ 5" เมื่อพละ 5 แก่กล้าแล้วก็เรียกว่า "อินทรีย์ 5 " เหมือนร่างกายที่แข็งแรงพร้อมทำกิจการใดๆ ได้นั้นเอง

    ดังนี้ บุคคลจะบรรลุธรรมได้ จำต้องมีอินทรีย์ 5 ที่แก่กล้าด้วยเป็นสำคัญ จึงต้องฝึกจิตให้มี สติ, สมาธิ และปัญญา เป็น 3 แนวทางหลัก ของการฝึกจิตที่เรียกว่า “กรรมฐาน” คือ การฝึกจิต คือ กระบวนการหรือกุศโลบาย หรือก็คือ อุบายวิธีในการฝึกจิต

    สุดท้ายแล้วจิตต้องการรู้อะไร

    ดวงจิตทุกดวง ถูกบันทึกไว้ให้อยากรู้ธรรมชาติของสรรพสิ่ง เด็กที่เกิดมาแรกๆ ก็จะสงสัยสิ่งต่างๆ รอบตัว เมื่อไม่ทันรู้เท่าทันโลก ก็หลงโลก มีกิเลสตัณหาต่างๆ ตามโลกียวิสัยทั่วไป สุดท้ายแล้ว จิตต้องการรู้แค่ว่าสรรพสิ่งรอบๆ จิต คือ อนิจจัง และจิตไม่ต้องการอะไร แค่นั้นเอง

    สรุปการสมาธิให้สำเร็จ คือ จำเป็นต้องมี "ปัญญา"
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในพระพุทธศาสนา ท่านแบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ

    ๑. ปริยัติปัญญา
    หมายถึง การเรียนรู้จากโรงเรียน การเรียนรู้จากการศึกษา การสนทนา การพูด รวมถึงอายตนะด้วย เช่น เรียนวิชานั้น วิชาช่างด้านนั้นด้านนี้ เรียนเรื่องศีล ๕ เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา จำได้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส อย่างนี้เป็นต้น (อย่างนี้อนุโลมเข้าเป็นสัญญาก็ได้)

    ๒. ปฏิบัติปัญญา
    การนำเอาความรู้นั้นมาประพฤติปฏิบัติ เช่น นำวิชาช่างด้านนั้นๆ มาทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ตามที่ได้เล่าเรียนมา นำเอาศีล ๕ มาปฏิบัติทางกาย ทางวาจา ทางใจ ปฏิบัติในศีล ปฏิบัติในสมาธิ เป็นปัญญาที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติขึ้นมาโดยลำดับ

    ๓. ปฏิเวธปัญญา
    หมายถึง ปฏิบัติจนถึงที่สุด จนสามารถชำระจิตใจได้ ซึ่งเราเรียกว่า "ได้มรรค, ได้ผล, ได้นิพพาน" ท่านก็เรียกรวบยอดว่า "ปฏิเวธปัญญา" : เป็นปัญญาที่แท้จริง คือ ความรู้แจ้งแทงตลอด ละได้ เว้นได้ หยุดได้ ปล่อยได้ ปัญญานี้แหละคือ ปัญญาที่เราต้องการ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตัวอย่าง

    เรื่อง พระโปฐิลเถระ : เป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้า บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป แต่ท่านก็ไม่บรรลุธรรม คือ ความรู้ที่ยังละไม่ได้ ตัดไม่ได้ ท่านก็ได้แต่เพียง (สัญญา) ปริยัติปัญญา จน พระพุทธเจ้าตรัสเรียกท่านว่า “คุณใบลานเปล่า” อยู่เนื่องๆ ทำให้ท่านเกิดสังเวชและได้ปัญญาคือ ตัดได้ ปล่อยได้ นำมาซึ่ง ปฏิบัติปัญญาและปฏิเวธปัญญาของท่านในที่สุด

    เรื่อง พระพาหิยะ : “พาหิยะเธอจงอย่าสนใจในรูป” เพียงเท่านี้ท่านก็ได้ปัญญา ที่ละได้ ตัดได้ ปล่อยได้ จนเป็นเอกทัคคะด้าน "ตรัสรู้เร็วพลัน"

    เรื่องของท่านองคุลีมาล : “เราหยุดแล้วแต่เธอยังไม่หยุด” เท่านั้นแหละท่านก็เกิดปัญญา ทิ้งดาบ กราบพระบาทองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบวชจนบรรลุอรหันต์ผล

    เรื่องที่พ่อพาลูกไปยิงนก : ลูกถามว่า “นกตัวนี้มันทำอะไรให้พ่อ พ่อจึงยิงมัน” เท่านั้นผู้เป็นพ่อก็เกิดปัญญาคือ หยุดได้ เว้นได้ หยุดยิงนกตั้งแต่นั้นมาจนตลอดชีวิต

    ซึ่งก็พอสรุปได้ว่า
    ความรู้ที่เกิดจาก "สัญญา" ต่างจาก ความรู้ที่เกิดจาก "ปัญญา" อย่างไร
    ถ้าถามว่า : ปัญญาที่เราต้องการนี้ เกิดขึ้นตามที่เราต้องการหรือไม่ ?

    ก็ตอบว่า : ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ ต้องปฏิบัติถึงขั้นถึงตอน หรืออบรมถึงขั้นถึงตอน ถ้าไม่ถึงขั้นถึงตอนก็ไม่ได้ อันที่จริงก็เกิดจากการอบรมมาเรื่อยๆ นั้นแหละ ทำมาเรื่อยๆ จะทำในอดีตนานเท่าใดก็ตาม หรือในปัจจุบันก็ตาม ถ้าถึงขั้นถึงตอนแล้ว ถ้าได้คำ แนะนำ ชี้แนะ ก็จะได้ปัญญาทันที อย่างเรื่องที่ยกตัวอย่าง

    ที่มา : ปกิณกะธรรม > พลังจิตกับวิทยาศาสตร์ [Engine by iGetWeb.com]
     
  14. Thidanakin

    Thidanakin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +2,067
    ขอคำปรึกษาค่ะ พี่ ๆ เพื่อน ๆ

    เคยมั๊ย เวลาที่เราเจอปัญหาที่คิดว่าใหญ่ที่สุดแล้วในชีวิต
    เราร้องขอต่อสิ่งศักดิ์ที่นับถือ คิดว่าจะช่วยได้ แต่ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง

    เพราะคำตอบที่ได้รับกลับมา คือ "วิบากกรรม"

    ถ้าเป็นคุณ......จะทำเช่นไร....ต่อไป
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอแนะนำให้ตั้งหน้าตั้งตา ปฏิบัติดีต่อไปค่ะ เจริญพรหมวิหารสี่ ให้เป็นอาจิณ

    ส่วนตัวไม่เคยอ้อนวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย นอกจากใช้กำลังความสามารถ
    ของตัวเองทั้งหมดที่มีอยู่ค่ะ ส่วนไหนที่ยังด้อยอยู่ ก็หาวิธีทำใ้ห้มันงอกเงย
    ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

    วิบากกรรมตามไม่ทัน จากบุญกุศลที่เราสร้างขึ้นในปัจจุบัน สั่งสมไปเรื่อยๆ
    จนกลายเป็นอโหสิกรรม เมื่อนั้น...วิบากกรรมก็จะหมดไปเองค่ะ

    บุญกุศล พลิกชะตาชีวิตได้ค่ะ ขอให้ทำด้วยความจริงใจ ตั้งใจ
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตมักต้องเจอกับทางเลือกเสมอ
    เดินๆไปก็มีทางแยกให้เลือกเดิน อยากให้ชีวิตเหมือนกับเกม ที่ลองเลือกเดินได้ทุกทาง
    ถ้ามันไม่ใช่ก็ย้อนกลับมาใหม่ แต่ในเมื่อเส้นทางที่กำลังเดินอยู่นี้
    คือทางแห่งชีวิต ทางที่เดินแล้วเดินเลย
    ย้อนกลับมาไม่ได้ มันเลยมีทั้งสุข และทุกข์ บางครั้งก็เจอทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
    บางครั้งก็เจอแต่ขวากหนาม
    คอยทิ่มแทง คอยบั่นทอนกำลังใจ ให้โทษตัวเองเสมอว่า เลือกทางเดินที่ผิด
    เหมือนกับวันนี้ ที่เจอทางเลือกมาให้เลือกอีกแล้ว
    แต่คราวนี้ มองไปทางไหน ก็มีแต่ทางที่ช้ำใจ
    เคยคิดเหมือนกัน ว่าทางที่ดีที่สุด อาจจะเป็นการหยุดเดินก็ได้ นั่งพักอยู่ณ ตรงนี้ ไม่ต้องไปเผชิญอะไรข้างหน้า ที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
    แต่มันก็อาจจะทำให้เราพลาดสิ่งสวยงามในชีวิตไปก็ได้
    ทางข้างหน้าที่เราเลือก อาจจะเจอแต่ทางที่ช้ำ สักพันครั้ง
    แต่ถ้าครั้งที่พันหนึ่ง เจอทางที่ใช่ และใช่ตลอดไปมันก็คุ้ม เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะไม่หยุดเดิน
    ความช้ำมันต้องมีวันจางหายสิ
    ความเจ็บปวดต้องมีวันบรรเทา
    วันนี้เราจะไม่หนีอีกต่อไป จะไม่คิดที่จะวิ่งหันหลังกลับไปเด็ดขาด
    ในเมื่อวิ่งกลับไปไม่ได้นี่นา มีแต่ต้องมุ่งหน้า
    ขอให้ทุกคนที่เคยผ่านทางนี้มาแล้ว ขอให้คนที่ตามหลังมา
    ช่วยกันเป็นกำลังใจให้ด้วย จนกว่าจะถึงวันนั้น

    "วันที่ได้ถึงฝั่งฝันเสียที"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ทำใจยอมรับ...แล้วก็เดินหน้าสู้ต่อไป...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ
    (30% ลิขิตฟ้า 70% ต้องฝ่าฟัน)
     
  18. yui_61

    yui_61 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +1,285
    เอาบุญมาฝากทุก ๆ ท่านนะค่ะ วันนี้ได้ไปกราบหลวงพ่อเงินที่วัดบางคลานมาค่ะ
    และก้อบ่อยปลาไหล 2 ตัว ให้อาหารปลา 1 ถุง (ตามกำลังทรัพย์ของคนตกงาน)
    อนุโมทนาบุญกันนะค่ะ

    ;k04

    วันนี้หนูไปเยือนถิ่นพี่รั้งมาด้วยค่ะ แต่ว่าไปแค่ อ.วังทองเองค่ะ
    ไปสอบเข้างานมาค่ะ ฝนตกตลอดทางเลยค่ะ ว่าแต่พี่รั้งอยู่อำเภออะไรเหรอค่ะ
     
  19. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ว้าวววววววว...ท่าจะมันส์หยดติ๋งเลยนะคะ พี่ช้อบชอบค่ะ :cool:
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708

แชร์หน้านี้

Loading...