... แล้วเราจะเล่าให้ฟัง ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สายฝนฉ่ำเย็น, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อนุโมทนา สาธุค่ะ

    บุญกุศลใดอันเกิดจากทานมัย ศีลมัย ภาวนามัย และ อื่นๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับดิฉันและทุกคนในครอบครัว รวมถึงกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ที่ได้กระทำร่วมกันแล้ว ขอบุญกุศลนั้น จงสำเร็จกับทุกท่านที่ได้แวะเวียนเข้ามากระทู้ สมาชิกกระทู้ และ ผู้อ่านอยู่เงียบๆ ก็ตาม จงสำเร็จแก่ทุกท่านด้วยค่ะ

    สาธุ สาธุ สาธุ
    ^ ^
     
  2. กาซะลองขาว

    กาซะลองขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +168
    อนุโมทนาบุญกับคุณสายฝนฉ่ำเย็นและญาติธรรมของคุณด้วยนะคะ ติดตามอ่านกระทู้ของคุณมานาน และเรื่องที่คุณเล่าดิฉันได้นำไปเล่าให้ลูกศิษย์ฟังเป็นธรรมทาน ขอกุศลผลบุญนี้ให้คุณสมหวังทุกประการ บุญรักษานะคะ
     
  3. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ

    ให้ธรรมเป็นทาน เป็นบุญที่ประเสริฐค่ะ ^ ^
     
  4. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ...วัดทุ่งลานควาย อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร...28-29 กรกฏาคม 2555...#3

    ... คืนนั้น ฉันนอนหลับไปโดยไม่กังวลอะไรเลย และไม่รู้สึกแปลกที่ ... ไม่ได้กลัวกับคุณลุงที่เห็นนั่น ... กลับหายกังวลใจ ... เพราะแกก็ยังคงตรวจตราความเรียบร้อยให้กับเรา ... คืนนั้น ... ฉันฝันว่า ... ฉันได้เข้าไปในงานอะไรสักอย่าง ที่จะมีการแสดง เกี่ยวกับ วัฒนธรรมไทย ... บรรยากาศ เหมือนโรงแรม หรือ บ้านพักรับรอง ... ที่โอ่อ่า ภูมิฐาน .. ขณะนั้น รู้สึกว่าตัวเอง ปวดท้องหนัก (ปวดท้องที่หนักกว่าฉี่อ่ะค่ะ ^ ^) และพยายามที่จะ หาห้องน้ำเข้า ... เดินหาไปเรื่อย จนทนไม่ไหวแล้ว ... และรู้สึกว่า ข้าศึกทะลายกำแพงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ... ในความรู้สึกตอนนั้น ไม่ไหวแล้ว ... ห้องน้ำจ๋าอยู่ไหน ... วิ่งมาหาฉันหน่อย ... จนกระทั่งเดินมาเจอ น้องๆ ที่เขาแต่งตัวด้วยชุดโบราณ เหมือนกำลังจะทำการแสดงในรอบถัดไป ... เดินออกมาจาก ห้องน้ำ ... ในความฝัน ดีใจมาก ... กำลังจะมุ่งหน้าไปทางนั้นเช่นกัน ... แต่แล้ว ... ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินมาขวางหน้าฉัน ... แต่งตัวด้วยชุดภูมิฐาน ... ก้มศีรษะลงเล็กน้อย เหมือนคำนับฉัน ... พร้อมกับถามฉันว่า ... คุณหาน้องสุขาอยู่หรือครับ ... ฉันพยักหน้า ... เพราะตอนนั้น ไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว ... ข้าศึกโจมตีแล้ว .... เขาจึงผายมือ และเดินนำหน้าฉันไปห้องน้ำ ... ในใจตอนนั้น ... คิดว่า ... จะมาพิธีรีตรองอะไรกันตอนนี้ ... ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ... เขาพาฉันเดินมาได้สักระยะ จึงหยุด ... แล้วผายมือไปข้างหน้า ... ซึ่งตรงหน้านี้ ... ภาพที่เห็น เป็น กล่องไม้ฉลุ ขนาดใหญ่พอประมาณ เป็นเหมือนไม้โบราณที่บรรจงแกะสลักอย่างสวยงาม ... เป็นกล่องสี่เหลี่ยม อยู่บนชั้น ที่มีบันไดเดินขึ้นประมาณ 3 ขั้นบันได ... ฉันมองหน้าผู้ชายคนนั้น ... ทำท่าประมาณว่า ... จะให้ฉันดูอะไรคะ กรุณาพาฉันไปห้องน้ำเถอะค่ะ ... เวลานี้ ... ฉันไม่มีอารมณ์บรรเจิด ที่จะพินิจจิตรกรรมอันสวยงามนี้หรอก ... เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันคิดอะไร ... เขาขยับฝาปิดกล่องนั้น เคลื่อนออกไปด้านหลัง ... ในกล่องนั้น มีโถ เซรามิค โบราณ ไม่มีฝา วางไว้อยู่ ... ฉันมองหน้าเขา ด้วยสีหน้า เหยเก ... โอ้แม่เจ้า ... ข้าศึกจะมาอีกรอบแล้ว ... ยังจะให้มาดูโถอะไรก็ไม่รู้อยู่ด๊ายยยย .... เขาเห็นหน้าฉัน จึงเอ่ยบอกว่า ... นี่คือ โถชำระ ให้คุณเดินบันไดขึ้น และนั่งครอบโถได้เลยครับ ... จากนั้น ก็หมุนแกนด้านข้าง .... ดันไม้จากด้านล่าง ... ขึ้นมา ... กลายเป็นที่พิงหลัง .... ไม้นั้น ก็ฉลุเป็นลวดลายสวยงามไม่แพ้กัน ... ด้วยความที่ไม่เคยเห็น ... “ส้วมวิจิตร” ได้ขนาดนี้ ... ก้าวขึ้นไปแล้ว ... กำลังจะถอดผ้านั่งแล้ว .... ในใจก็ ถามเขาว่า ... คุณคะ ช่วยออกไปก่อนได้ไหมคะ อิฉันจะปลดทุกข์แล้วค่ะ ... เพราะมันอาจจะมีทุ่นระเบิดตามมา ... เป็นอันไม่น่างามตานักนะคะ ... คิดได้เท่านั้น .... ก็ตกใจตื่น ... เช้ามืดพอดี ... ตีห้ากว่าแล้ว ... ตื่นมาก็นั่งขำ .... เล่าให้แม่ฟัง เผื่อแม่จะมีจิตนาการ แปลเป็นเลขงามของแม่ไปซื้อหวย ... 5555 ... เอ้าใครแปลความฝันให้ได้ ช่วยแปลทีเถอะค่ะ ... จนปัญญาจริงๆ ...

    เช้านั้น ... เรามาทานอาหารกัน และ รอเวลา รอพระที่จะมาจากอีกวัดหนึ่ง รอผ้าป่าจากคณะสมุทรปราการ ที่จะมาสมทบ ... วันนั้น ฉันหงุดหงิดหัวใจเหลือเกิน ... มีเรื่องสามเรื่องเข้ามาในหัว ... เรื่องของความเป็นมนุษย์ ที่มีแต่ความอยาก ... อยากโดยที่ไม่สนใจว่า ... อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ... อยากแบบไม่สนใจว่า คนอื่นจะรู้สึกยังไง ... ทั้งสามเรื่องนี้ .... เป็นคนละเรื่อง ของ คนละคน ... แต่คือ “กิเลส” ของปุถุชนเหมือนกัน ... ฉันทนนั่งบนศาลาต่อไปได้แล้ว .... เพราะความอยากเหล่านั้นที่เห็น ... ฉันจะอาเจียนแล้ว ... ถ้านั่งอยู่ต่อไป ... ฉันมีสิทธิ์ที่จะอาละวาดแน่นอน ... ฉันจึงตัดใจ ลงไปนั่งฟังพระสวดที่ด้านล่าง ได้กางเต้นท์ไว้ ... ค่อยยังชั่วหน่อย ... ฉันนึกในใจ ... ทำไมหนอ ... คนเราชอบมองแต่ปลายเหตุ ... ความทุกข์ของกู ความซวยของกู ... แต่ไม่มองถึงต้นเหตุว่า ... ทุกข์เหล่านั้น หรือ ความซวยเหล่านั้น ... จริงๆ แล้ว มันเป็นผลที่เกิดจากต้นเหตุคือ ตัวเขานั่นแหละ ที่สร้างมันขึ้นมา ... แต่กลับหาเหยื่อ ที่จะช่วย ช่วย ช่วย ... แต่ถ้าเหยื่อที่เขาหมายมั่น ช่วยไม่ได้ ... ก็จะกลายเป็นหมางกันไป ... ที่กู กูทำให้ทุกอย่าง พอกูมีปัญหา มึงกลับช่วยไม่ได้ ... ตัวยึดมั่น ถือมั่น มาเต็มไปหมด ... เพราะสิ่งที่เขามองว่า เป็นบุญคุณนั้น .... คนที่เขาให้ ... เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ หรือ ขอสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ ... นี่แหละ ... ฉันถึงนั่งไม่ติด ... เพราะถ้านั่งอยู่อีกต่อไป จะกลายเป็นว่า ... งานบุญงานนั้น ฉันคงทำเสียเรื่องแน่นอน ....

    ฉันลงมานั่งด้านล่าง ... ใจค่อยสบายขึ้นหน่อย ... น้าสาวฉันเดินลงมาและมานั่งด้วย ... บอกฉันว่า ... เคยรู้ไหม ทำไมแมลงปอ บินต่ำ ... ฉันบอกไม่รู้ ... น้าบอกว่า เพราะฝนตก แมลงปอปีกหนัก บินสูงไม่ไหว ... ฉันก็ขำ ... นี่อำฉันหรือเปล่า ... หรือจะพูดให้ฉันอารมณ์ดีขึ้น ... แต่น่าแปลกใจ ฝนหายตกนานแล้ว แดดจ้าแล้ว ... แมลงปอมาจากไหนกันหรือ มาเป็นกองทัพเลย ... บินวนรอบๆ ศาลานั้น ... ในขณะที่พระกำลังสวดมนต์ และหลวงตาก็กำลังเบิกเนตรพระประธาน ... ฉันเห็น คนเดินออกจากซุ้มต้นไม้ จากผืนดิน ... มากันเยอะทีเดียว ... มายืนกันเป็นกลุ่ม ... ยกมือพนม บางคนก็นั่งยองๆ พนมมือท่วมหัว ... ฉันนึกในใจ ... ดีใจจังที่ฉันได้มาร่วมสร้างวัดใหม่กับเขาที่นี่ ... เพราะวิญญาณเหล่านี้ เขาก็พร้อมใจกัน ที่จะมีวัดเกิดขึ้นที่แผ่นดินผืนนี้ ... เมื่อเสร็จพิธี ฉันยืนคุยกับน้าสาวฉันที่ท้ายรถของฉัน ... แล้วจู่จู่ ฉันกำลังจะปิดท้ายรถ ... ก็ได้ยิน “ปึ้ง” ... หันมาอีกที น้าสาวทรุดลงไปนั่งแล้ว ... พร้อมกับเสียงสะอื้นจากอาการเจ็บ ... และพูดว่า “กูว่าแล้ว เดี๋ยวมันจะออก 28” ... ฉันตกใจมาก ... หันมาขอโทษ ขอโพย พร้อมกับจับที่หน้าผากที่เขาเอามือจับไว้ ... “น้าอ้อขอโทษ ไม่รู้ว่าปิดแล้วโดนน้า ขอโทษจริงๆ เจ็บมากมั๊ย หายาทาก่อนดีกว่า ขอโทษจริงๆ ค่ะ” ... น้าพูดไปทั้งน้ำตา ... พร้อมกับหน้าผากที่ปูดเป็นลูกมะนาวเลย ... “ไม่เป็นไรหรอก ไม่เกี่ยวกับอ้อหรอก ... เหมือนมีคนผลักหัวหน้าใส่กระโปรงหลังอ้อเลย” ... “แล้วอะไร 28 เกี่ยวอะไรกับรถหนู” ... แกบอกว่า ตั้งแต่นั่งรถมา แกเห็นแต่เลขทะเบียนที่ลงท้าย 28 รวมทั้งรถฉันด้วย ... และวันที่เรานำพระมา ก็วันที่ 28 ... อ่อ ... คนเล่นหวยเขามีเซ้นท์กันยังงี้นี่เอง ... ฉันนึกขำๆ ในใจ ...

    เมื่อเราทำบุญกันเสร็จก็แยกย้ายกันจะกลับ ... ก่อนจะกลับ ... คุณนายแม่อิฉัน ... บอกว่า ... อยากได้กลองสักใบ เพราะจะเข้าพรรษาแล้ว ... นี่ถ้าได้กลองนะ ... สมบูรณ์เลย ... ไม่เพียงแค่พูดค่ะ ... คุณนายแม่เดินถามญาติและคนสนิทว่า จะรวมเงินซื้อกลองถวายพระ จะร่วมด้วยไหม ... ค่ะ เพียงแค่เวลาไม่กี่นาที ... คุณนายแม่รวบรวมเงินได้ประมาณ 5,000 กว่าบาท ... และจะไปหาซื้อเลย ... โชคดีที่พ่อรั้งไว้ บอกว่า ... ไม่เป็นไร ไปหาซื้อที่ร้านประจำก็ได้ ... ไปดูราคาก่อน ... แล้วค่อยเอามาถวายวัดกัน ... เราก็กลับบ้านกัน ... พอมาถึงบ้าน แม่ก็บอกบุญต่อ และ โทรบอกผู้ใหญ่บ้านว่า อีกสองวันจะนำกลองไปถวายวัด ... ผู้ใหญ่บ้านจึงตอบกลับว่า ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะไปรับกลองเองครับ ... ด้วยความเกรงใจของผู้ใหญ่บ้าน .... มารับกลองด้วยตนเองจริงๆ ...

    ภาพแรก ... คุณยายที่ใส่เสื้อขาว นั่งพิงเสานั้นคือ ผู้บริจาคที่ 7 ไร่ ให้สร้างวัดค่ะ อนุโมทนาสาธุกับคุณยายกันนะคะ ... พื้นที่กว้างขวางมาก มีเพียงสามสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ .. ศาลาเอนกประสงค์ ที่มีพระประธานแล้ว ... กุฏิพระ .... และห้องน้ำ ... ที่เห็นนั่นแหละค่ะ ... คุณนายแม่ของอิฉัน ... บอกบุญว่า ปีหน้า จะนำผ้าป่าไปสร้างโบสถ์ สร้างเมรุกัน และเริ่มบอกบุญเลย ... เพื่อว่า วันนั้นจะได้มีปัจจัยมากพอ ... ที่จะนำเริ่มสร้างกันค่ะ ....

    สาธุธรรมค่ะ
     
  5. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ภาพรวมของวัดทุ่งลานควาย อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_0362.JPG
      SAM_0362.JPG
      ขนาดไฟล์:
      580.2 KB
      เปิดดู:
      66
    • SAM_0365.JPG
      SAM_0365.JPG
      ขนาดไฟล์:
      581.8 KB
      เปิดดู:
      49
    • SAM_0400.JPG
      SAM_0400.JPG
      ขนาดไฟล์:
      663.9 KB
      เปิดดู:
      50
    • SAM_0425.JPG
      SAM_0425.JPG
      ขนาดไฟล์:
      639.1 KB
      เปิดดู:
      54
    • SAM_0432.JPG
      SAM_0432.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.8 KB
      เปิดดู:
      44
  6. อริยะบุคคล

    อริยะบุคคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +476
    ยินดีด้วยน่ะครับที่ได้พลังพิเศษมาช่วยให้สามารถดึงคนเข้าหาธรรมได้มากขึ้น ตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติมานานยังไม่มีญาณใดๆเลยคือรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น บอกใครก็ไม่เชื่อกัน บางคนเน้นทำทาน ใส่บาตร ทอดผ้าป่า ทอดกฐินแล้วยังถามว่าทำไมยังทุกข์ แค่ทานไม่ถือศีลและขาดภาวนา ยังไม่พอที่ทำทางพ้นทุกข์เลยครับก็เลยกลายเป็นทำดีไม่ได้ดี บางคนก็ถามว่าเรานั่งสมาธิแล้วเห็นอะไรถ้าไม่เห็นก็ยังไม่สำเร็จ ถ้าเห็นก็เห็นเป็นเรื่องตื่นเต้นชอบในสิ่งลี้ลับ ไม่สนใจแล้วว่าพ้นทุกข์เป็นอย่างไร สงสารคนสมัยนี้ที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้าเลย แต่สงสัยไม่ทราบมีใครตอบได้ไหมครับทำไมผมจึงเห็นเลขบอกเวลาไม่ว่าจะเป็นที่นาฬิกาดิจิตอลหรือหน้าจอทีวีมักเป็นเลขเดียวกันเช่น 21.21 น. หรือ00.00 น.เห็นบ่อยมาก ไม่รู้ว่าเป็นรหัสอะไรครับ ​
     
  7. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    เราก็ชอบทำบุญสะสมเสบียงเหมือนกัน สร้างพระและสร้างหลายๆอย่าง มีเวลาก็ปฎิบัติบ้างแต่ไม่ไปถึงไหนเลย ก็ว่ากันไปตามกรรม บางวันก็ดีบางวันก็ร้ายเหมือนปุถุชนทั่วไปแต่ก็จะพยายามทำไปเรื่อยๆตามแต่วาสนาของตน ขออนุโมทนากับบุญกุศลของท่านที่ได้ทำมาดีแล้วและมีโอกาสดีที่ได้เผยแพร่ธรรมะ โดยเฉพาะเรื่องกฏแห่งกรรมเป็นธรรมทาน ขอโมทนาสาธุด้วยใจจริง....ธรรมะสวัสดีนะค่ะ
     
  8. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อนุโมทนา สาธุด้วยค่ะ ...

    อย่างแรกคือ เรื่อง รหัสนาฬิกาที่ว่านั่น ... ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คงต้องรอผู้รู้ มาตอบให้ต่อไป
    อย่างที่สอง ... หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านกล่าวว่า คนที่ไม่เห็นนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว เพราะจิตปรุงแต่งน้อยที่สุด ... นั่นหมายถึง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดการปรุงแต่ง หรือ จินตนาการของจิตเลย ... ถ้าเลือกได้ ... บอกตรงๆ นะคะ ... ไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้เลย ... ทุกคนที่อ้อได้คุยด้วย ... อ้อจะบอกกับเขาอย่างนี้เสมอ ... ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ... อยากเพียงเพื่อปฏิบัติเพื่อพ้นจากทุกข์ของตนเท่านั้นเอง ... และพร้อมที่จะปฏิบัติ เพื่อให้จิตหลุดผ่านประตูนี้ไปเสียที ... แต่ถ้ายังไม่พ้น จะต้องนำเจ้ากรรมนายเวรของอ้อก้าวผ่านไปด้วยกัน ... เพื่อเป็นการชดใช้กรรมนั้น ... ก็คงต้องปล่อยให้ การชดใช้เกิดขึ้น ด้วยความเบิกบานใจ ทั้งตัวอ้อ และ ผู้รับค่ะ

    สาธุธรรมค่ะ
    ^ ^
     
  9. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สาธุธรรมค่ะ ^ ^

    ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตน ... อยู่ที่ว่า วาระที่ว่านั้น จะมาถึงเมื่อไร ... ไม่จำเป็นเสมอไปว่า ทำแล้ว ต้องเห็นโน่น เห็นนี่ เป็นโน่น เป็นนี่ ... จุดมุ่งหมายมีเหมือนกันเพียงประการเดียวเท่านั้น ... ทำเพื่อให้ใจของตนเอง เบา สบาย และ พ้นทุกข์ ... ตามรอยพระพุทธองค์ที่ได้ทรงค้นพบ และ นำบอกต่อ เราสาวกของพระองค์ทั้งหลาย ... นั่นต่างหากค่ะ ที่เป็นของแท้และแน่นอน ... และเบื้องต้น ที่พระองค์ได้ทรงแนะนำ คือ ... สติ สมาธิ และปัญญา ซึ่งทั้งหมด เป็นเรื่องของใจล้วนๆ ... เมื่อเข้าใจ ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่ง แท้ที่จริงแล้ว ธรรมะ คือ ธรรมชาติ นั่นแหละค่ะ ถ้าเข้าใจธรรมชาติของจิต ก็จะเกิดความสบายใจ ... เพราะเหล่านั้น ทุกคนจะได้พบ ปัจจัตตังที่ว่า เหมือนกันทุกคน ต่างกันเพียงระยะเวลาเท่านั้นเอง ... บางคนก็เจอในเวลาอันรวดเร็ว ... บางคนอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย ... แต่ทุกคนจะได้เจอเหมือนกันค่ะ

    บุญกิริยาวัตถุมี 10 ประการ ... แต่ละอย่างที่ทำ ... เพื่อ ลด ละ ปล่อยวาง ทั้งหลายทั้งปวงที่ตัวตนของตนเองทั้งนั้น ... อ้อบอกคุณแม่เสมอว่า ... ในความคิดของอ้อ ... ไม่ว่าจะทำบุญอะไรก็ตาม ... อ้อจะทำเพียงเพื่อความสบายใจเท่านั้น ... และทำเท่าที่ทำได้ ... ไม่ได้หวังอะไรจากการสร้างบุญกุศลเหล่านั้นเลย ... อยากทำ คือ อยากทำ ... อย่างน้อย อ้อได้ลดความตะหนี่ของตนเอง ให้ ... ให้ ... ให้ ... เพื่อเกิดความ เบา และ สบาย ของจิตเท่านั้น ... ไม่ได้หมายความว่า เราทำแบบนี้ เราดีกว่าคนอื่น หรือ อย่างไร ... แต่มักจะบอกกับใจตนเองว่า ... ขอบคุณนะ ที่มาทำให้เรา “รู้จักให้” ในสิ่งที่เราสามารถสละ และ ละ ให้ได้ ... คิดเสมอว่า ... ถ้าอ้อให้ไม่เป็น ... อ้อคงไม่รู้ถึงความสุขใจ ในแบบ ละ ละ นั่นแหละ ว่ามันเป็นอย่างไร ... ไม่ต่างกับการปล่อยวางของจิตเลย ... ไม่ยก ไม่แบกมันไว้ ... ปล่อยวางลงไปบ้าง ... สุขที่อยากเจอ ... ไม่ได้มาจากไหนหรอก ... มาจากใจของเรานั่นเอง

    อนุโมทนาสาธุกับทุกบุญกุศลที่คุณได้ทำ และ สั่งสมนะคะ

    สาธุธรรมค่ะ ^ ^
     
  10. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันพระค่ะ

    วันนี้ อยากนำความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับมา ... เล่าสู่กันฟัง ... ไม่ได้หมายความว่า ฟังแล้ว ต้องเชื่อตาม หรือ คล้อยตามนะคะ ... แต่ฟังแล้ว อ่านแล้ว ... ไตร่ตรองด้วยเหตุและผล ... ตามสติกำลังที่ตนพิจารณาได้นะคะ ...

    สืบเนื่องจาก .. ที่ได้ไปกราบ พระอาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ ที่ วัดธรรมมงคลมา ... และเมื่อถึงเวลาเรียน ก็ไปเรียนตามลำดับขั้นตอนของทางสถาบัน ... ก่อนหน้านี้ ... เคยสงสัยเหมือนกันว่า ... เอ ... เราก็ว่า เราปฏิบัตินะ แต่ทำไม อารมณ์ยังมีความครุกรุ่น อยู่บ้างในบางครั้ง ที่สติ ตาม ใจ ไม่ทัน ... แต่ก็ยังมีความมั่นใจ (ตามความเข้าใจของตนเอง) ว่า สักวันหนึ่ง เมื่อตัวเองปฏิบัติได้ถูกต้อง ถูกจริต และจิตเป็นสมาธิจริงๆ ... อารมณ์ที่ว่าเหล่านั้น ... คงจะหายไปเอง โดยไม่มีการ กด ข่ม และ ทับ มันไว้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ... สงสัยว่า ... ทำไม๊ ทำไม ... อารมณ์ นังยักษ์ มันไม่ออกไปจากสันดานของตนซะที ... ในทุกครั้ง ที่ “ไม่ได้ดั่งใจ” ... หรือ โกรธ ใคร ไม่ชอบใจใคร ... ยังคงมีอารมณ์ “เม้าท์” อยู่ ... “เม้าท์” ในที่นี้ ไม่ได้เม้าท์เพื่อความเพลิดเพลิน หรือ เมามันส์ ในอารมณ์หรือตั้งวงเมาท์นะคะ แต่ “เม้าท์” ของอิฉัน คือ คุยกับสามี (เพราะมีคนสนิทอยู่เพียงแค่คนเดียว) ประมาณว่า “ทำไมนะ ถึงไม่หยุดคิดแบบนั้น ทำไมถึงไม่หยุดทำแบบนี้ รู้บ้างไหม ว่ากรรมมันเดินตลอดเวลา แล้วเวลาที่ตนเอง ผจญกรรม หรือ รู้ไม่เท่าทัน ก็วิ่งหาคนช่วยเหลือตลอดเวลา ... บอกไปแล้ว ว่าต้นเหตุคืออะไร ทำไมไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ แต่วิ่งไปแก้ที่ปลายเหตุ และเป็นเหมือนหนูไล่แทะหางตนเองอยู่อย่างนั้น ... มันไม่เคยจบสิ้นเสียที...อะไรประมาณนั้น ... เมื่อมีสติ และรู้เท่าทันจิตตนเอง ก็จะบอกกับตนเองว่า (หมายถึงตัวอิฉันเอง) ... เออ!! ช่างเขาเถอะ เรื่องของเขา ... เขามาให้ช่วย ก็ช่วยตามที่ทำได้ก็พอ ... ที่เหลือ ไม่ต้องไปคิดให้เขาต่อหรอก นั่งแบกเรื่องของคนอื่นอยู่ได้ ... เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ... ยังจะหาทางช่วยเขาไม่หยุดหย่อนอยู่นั่นแหละ ... ในเมื่อรู้ว่ากรรมเป็นตัวกำหนดของทุกอย่าง บวกกับตัวเขาเองแล้ว ยังไงๆ ซะ ก็ช่วยได้เท่าที่ทำได้เท่านั้นเอง ...

    วันแรกที่ได้ไป ไหว้ครู ที่วัดธรรมมงคล ... ฉันก้าวเท้าเข้าวัด ด้วยความสงบเสงี่ยมเจียมตัว เพราะแน่ใจว่า คนคงไม่น้อยเลยที่มาสมัคร และ แต่ละคน ก็คงมีประสบการณ์ในการปฏิบัติมา ไม่มากก็น้อย ... อิฉันนั้น ประสบการณ์ แค่หางอึ่ง คงต้องเดินด้วยความเจียมตัว และอ่อนน้อมถ่อมตน ... เพราะตัวเอง เหมือนเด็กอนุบาล ที่ยังไม่ทราบว่า จะได้ผ่านเลื่อนชั้น เมื่อไร ปีไหน ... วันนั้น คนเยอะมาก เป็นพันๆ คนเห็นจะได้ ... อย่าถามนะคะ ว่าประมาณเท่าไหร่ ... เพราะถ้ามัวแต่ไปนับอยู่ ... หวังใจได้เลยว่า ... คงไม่ได้เข้าไปมอบตัวเป็นศิษย์กับเขาเป็นแน่ ... เอาเป็นว่า เกินสองพันคนเป็นแน่แท้ ... ด้วยความที่ป้ายบอกสาขา หันหน้าไปทาง โบสถ์ของวัด ฉันจึงไม่เห็นป้าย เพราะหางแถวยาวมาจนเกือบจะถึงกำแพงของนครธรรม ... เอาแล้วสิ ... ฉันจะรู้ไหมนี่ ว่าเขาต้องทำยังไง และทำอะไรต่อไป ...

    เดินตรง ลิ่ว ลิ่ว ไปหา สาขา ... เอ้า!! เจอแล้ว ... โอ้โห ... แถวยาวมากเลย ... ในใจนึกว่า จะได้เข้าไปในศาลานั้นกี่โมงกันหนอ ... ยังคิดไม่ทันเสร็จ เดินหาหางแถวของสาขา ... เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อของสถาบัน ... มั่นใจว่า ต้องเป็นศิษย์สถาบันนี้เป็นแน่ .. หรือไม่ก็ รุ่นพี่ ... ถามเขาต้องได้เรื่องแน่นอน ... เมื่อถามแล้วว่านี่ คือแถวของสาขาใช่หรือไม่ ... เขาตอบว่าใช่ ... เขาตอบกลับมาอีกว่า เขาก็สมัครรุ่นเดียวกันกับเรา ... นั่นคือ จุดเริ่มต้นของการสนทนา ... เราก็บอกเขาว่า เราก็รุ่นนี้ เขาบอกว่า เพื่อนเขาเรียนรุ่นที่แล้ว .. เขาเห็นเพื่อนเขาเปลี่ยนไป ดีขึ้นจากเดิมมากมาย .. เขาเคยมานั่งเรียนด้วยอยู่หลายครั้ง ... ครั้งนี้จึงตัดสินใจสมัครเรียนเป็นศิษย์ให้รู้เรื่องรู้ราวกันไปเลย ... เขาถามฉันบ้าง ว่า มาได้อย่างไร ... มาตามกระแสพระเจฯ หรือเปล่า ... ฉันบอกว่า เปล่า ... และฉันก็เล่าให้เขาฟัง (เมื่อกระทู้ที่ผ่านมา) ... เราคุยกันได้สักพัก ก็มีคุณป้าคนหนึ่ง ร่วมวงสนทนาด้วย คุณป้าบอกว่า ... “ไม่รู้เรียนไปต้องสอนคนหรือเปล่า แล้วหนูล่ะ มาเรียนเพื่อไปสอนคนหรือเปล่า” ฉันบอกคุณป้าว่า ... หนูไม่ได้คิดจะไปสอนใครหรอกค่ะ ... ถ้าได้เรียนแล้วเข้าใจอะไรในสิ่งที่หนูหาคำตอบอยู่ ... อย่างแรกเลยที่จะทำ “หนูจะสอนตัวเองค่ะ” ^ ^ แล้วฉันก็ยิ้ม ... อยู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะ (ประมาณ หัวเราะเยาะใส่ฉัน) อยู่ที่หนูขวา ... หันมาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เขามองฉันด้วยหางตา ... ฉันถามทันควันเลย ... ขำอะไรหรือคะ ดิฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ... คนนั้น ไม่ตอบ ... และทำท่าเชิดใส่ฉัน ... ผ่านไปไม่กี่นาที มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทักผู้หญิงคนนั้น ประมาณว่า เห็นมาวัดนี้หลายครั้งแล้ว เพิ่งจะตัดสินใจเรียนเหรอ ... ผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยเสียงอันดังว่า “ ใช่ มาใส่บาตรหลวงพ่อ 7 ปีแล้ว เลยจะลงเรียนเสียที ” ฉันนึกในใจ ... อย่าให้ฉันเจอเขา ในที่เรียนเลย ... เดี๋ยวฉันจะเรียนไม่รู้เรื่อง ... เพราะดันเรียนสาขาเดียวกันอีก ไอ้ที่ว่าไม่เจอ คงไม่ได้แน่ แต่ยังไงก็ขอให้นั่งห่างๆ เขาไว้ก็แล้วกัน

    วันแรกของการเรียน .... ฉันนั่งติดหน้าต่าง แถวหน้าๆ เลย ด้วยความที่ชราแล้ว สายตาไม่ดี อีกทั้ง หูก็ไม่ดีอีกต่างหาก ... เลยยึดที่นั่งแถวหน้าๆ ไว้ก่อน ... กันพลาด ... 555 ฉันเรียนจนเกือบจะหมดวันแล้ว ... ฉันเพิ่งจะเห็นผู้หญิงคนนั้น อยู่หลังห้อง ... ฉันทำเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากทัก ... เขาก็ไม่ทักฉัน หรือ ไม่เห็นฉัน ก็ไม่ทราบได้ ... แต่นึกในใจว่า “อืม ดีแล้วหล่ะ” จะได้ไม่ต้องเสวนากัน .... วันนั้น ฉันกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่แปลกไปกว่าเดิมมากมาย ... เหมือนคนเป็นใบ้ ไม่อยากพูดคุย ไม่มีเสียงอะไรที่ไร้สาระ หรือ ไร้ประโยชน์ ออกจากปากฉันเลย ... มีแต่คำว่า “ไม่เป็นไร” “ไม่เป็นไร” อยู่ในใจตลอดเวลา ... กลับมาบ้าน แม่เครียดใหญ่เลย ... ถามว่าฉันไปเจออะไรมา ทำไมเหมือนคนไม่มีความสุขเช่นนี้ ... ฉันขี้เกียจตอบ ... บอกไปแค่ว่า ไม่เจออะไรหรอก แต่ไม่อยากคุย อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากยุ่งกับใคร ... เอาแล้วไง ... ทีนี้ แม่ยิ่งกังวลใหญ่เลย ... ฉันต้องเรียนแล้วเครียดแน่ๆ เลยเป็นแบบนี้ ... เกือบจะทักท้วงไม่ให้ฉันไปเรียนแล้ว ...

    วันที่สอง ... ฉันไปสาย 3 นาที ... เขาเริ่มเรียนแล้ว ... วันนี้ หน้าห้องเต็มหมดแล้ว ... ฉันเลยค่อยๆ เดินไปหาที่นั่งหลังห้อง ... นึกภาพตามนะคะ ... ขวามือฉันคนนั่งเต็มแล้ว ... เหลือที่นั่งด้านซ้ายมือถัดอิฉันไป 3 ที่นั่ง ด้านหลัง เหลืออีกเพียบ ... ผ่านไปเกือบ 5 นาที ... ผู้หญิงคนนั้นที่เขาหัวเราะนั่นแหละค่ะ ... เปิดประตูเข้ามา ... คุณคิดสิ ... ว่าฉันจะคิดยังไง 55555 ถูกต้องแล้วคร๊าบบบ .... ฉันภาวนาในใจ ... อย่ามานั่งใกล้ฉัน อย่ามานั่งใกล้ฉัน อย่ามานั่งใกล้ฉัน .... 5555 คำภาวนาคงจะดังเข้าไปในหัวใจของเขาแน่ๆ ... ค่ะ .... แล้วเขาก็เดินตรงดิ่ง มานั่งด้านซ้ายมือ ต่อจากฉันเลย ... "_"!!! ฉันนึกในใจ ... เอาแล้วไง ตรูอุตส่าห์ภาวนา ดันมานั่งใกล้ตรูอีก แล้วจะเรียนรู้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย ... ใจตรูยิ่งส่อส่ายอยู่ แล้วยิ่งคนที่ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าเนี่ย ... ตรูจะนั่งยังไงต่อไป ...





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  11. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    พอผู้หญิงคนนั้นเขานั่งได้แป๊บเดียว .. เขาหัวเราะ อยู่เนือง หลวงพ่อพูดอะไรก็หัวเราะ หัวเราะ หัวเราะ ... แทนที่เราจะรำคาญเขา เปล่า!!! อารมณ์กลับเปลี่ยนไป ... กลายเป็นว่า เข้าใจเขา ... และมีเพียงคำพูดเดียว ที่ออกมาจากใจของฉัน “เราจะไปด้วยกันนะ เราจะจบด้วยกัน เราจะไปด้วยกัน” ... มุมมองของฉันเปลี่ยนไป ... อะไรๆ ที่เคยหงุดหงิด มันกลับเข้าใจ และให้อภัยโดยไม่รู้ตัว ... ฉันเคยคิดถึงใครบางคน และมักจะมีคำพูดตามมาตลอดเวลา ... ตัดพ้อ น้อยใจ ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ แบบนั้น ... แต่วันนั้น กลับมาบ้าน ... เพียงแค่นึกถึงหน้าใครบางคน ... กลับไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากใจ ออกจากปากฉันเลย ... ไม่ใช่การกดอารมณ์ไว้ เหมือนก่อนหน้านี้ ... แต่มันไม่มีอะไรออกมาเลย ... ว่างเปล่า ... จนตัวเองคิดว่า ... ทำได้ไงเนี่ย ... ฉันสะกดจิตตัวเองหรือเปล่า ถึงได้อยู่ในสภาวะแบบนี้ ... ตั้งแต่อาทิตย์นั้น เป็นต้นมา ... กลายเป็นว่า ฉันไม่โทษ ไม่ตำหนิ ไม่จับผิด ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีอะไรอยู่ในใจฉันเลย ... มุมมองก็เปลี่ยนไป กลับกลายเป็นว่า ... สงสารเขานะ ที่เขาไม่สามารถสลัดความทุกข์ออกจากใจของเขาได้ ... สงสารเขา ... เพียงได้แต่มองเท่านั้น .... กลับกลายเป็นว่า ผู้หญิงคนนั้น กับ ฉัน กลายเป็นกัลยาณมิตรกันไปตามระเบียบ 5555 ...

    อย่างน้อย การเรียนตรงนี้ ถึงแม้จะเริ่มต้น ... แต่ก็...ได้เริ่มตอบคำถามในใจของฉัน...แต่ละข้อ เช่นเดียวกัน .... สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ใจของตนเอง ได้รู้ถึงธรรมชาติของใจที่มันไกวแกว่งตลอดเวลา ขอบคุณที่ครูบาอาจารย์ สอนให้รู้วิธีที่จะควบคุมใจ ไม่ให้มันฉวัดเฉวียนไปตามกำลังของกิเลสที่ถาโถม ... โดยไม่หักด้ามพล้าด้วยเข่า ... แต่ใช้วิธีละมุนละม่อม และสบายใจ ... แอบมีนึกในใจว่า ... นี่ถ้าเจออารมณ์นี้ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ... ฉันคงไม่ได้ออกจากงานแน่นอน .... ยังอุตส่าห์นึกถึงอดีตอีก 5555


    สาธุธรรมค่ะ
    ^ ^
     
  12. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันพฤหัสบดีค่ะ

    ...เคยคิดว่า...ไม่ได้เขียนนานๆ จะมีคนตามอ่านไหม...กลับมาดูยอดการเปิดอ่าน...ตอนนี้อยู่เจ็ดหมื่นสามพันกว่าคนแล้ว...สาธุ สาธุ สาธุ...นั่นเป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง...ที่ทำให้รู้ว่า...สิ่งที่ข้างบนบอกให้ทำให้เขียน...ได้เกิดกุศลขึ้นทุกขณะ...สาธุ กุศลใดเกิดขอจงสำเร็จแก่ดิฉัน ครอบครัว และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้อง ... รวมถึง ผู้เข้าแวะชม แวะอ่าน แวะพักเหนื่อย แวะเก็บเกี่ยว เพื่อเป็นความรู้ เพื่อเป็นประสบการณ์ บอกต่อตนเอง และบอกต่อผู้อื่น .. เพื่อเป็นธรรมทาน ... ขอกุศลนั้นจงสำเร็จแก่ทุกท่านๆ เช่นเดียวกัน .... ^ ^

    สาธุธรรมค่ะ
     
  13. Shinning star

    Shinning star สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +16
    สวัสดีค่ะ คุณสายฝนฉำ่เย็น บังเอิญมากๆอยู่ๆมาเจอกระทู้นี้ทั้งๆที่ข้ามาเวบนี้นาน ถ้ามีโอกาสอยากดูกรรมกับคุณค่ะ เพิ่งอ่านจบเลยมาแก้ไขข้อความ ตัวหนูเป็นเหมือนพี่เลยค่ะไปปฎิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมาปีที่แล้วมาเจ็ดวัน พอกลับมาอารมณ์แรงมาก อยากได้อะไรต้องได้ ไม่มีความอดทน แปรปรวนง่าย แถมนอนไม่หลับแต่ไม่ง่วงระหว่างวันเลย จิตใจฟุ้งซ่านมากกว่าก่อนไปวัดอีกจนนั่งสมาธิได้ไม่กี่นาทีเองค่ะ เลยเปลี่ยนจากการภาวนายุบหนอพองหนอมาเป็นพุทโธ ตอนนี้ดีขึ้นมานิดนึงค่ะ พอมาอ่านกระทู้พี่อ้อพอจะได้คำตอบแล้วค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะปรับจิตตอนออกจากสมาธิยังไง กลัวกลับไปเป็นแบบเก่าอีก อารมณ์ที่พี่อ้อเล่ามาแบอารมณ์เมาท์ก็เป็นค่ะ แบบจะบ่นว่าทำไมนะเค้าถึงทำแบบนี้ ไม่เข้าใจ ไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นบ้าง บ่นๆ คิดไม่จบไม่สิ้น อยากได้รับคำแนะนำมากเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2012
  14. mamamaewmaew

    mamamaewmaew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +252
    เพิ่งเห็นกระทู้ค่ะ ทำไมเพิ่งมาเจอก็ไม่รู้ มีทั้งเศร้าจากเรื่องคุณตา (น้ำตาคลอเลย) แอบฮาเรื่องทอง สยองเรื่องวิญญาณ จะคอยติดตามอ่านต่อไปค่ะ
    ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่เป็นธรรมทานค่ะ
     
  15. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะพี่ วันสองวันนี้คิดถึงกระทู้พี่ บอกตัวเองให้เข้ามาอ่านมาเยี่ยมเยียน

    อ่านแล้วฮาจังค่ะพี่ เห็นใจตนได้ประเสริฐนัก หากมีวาสนาวันนึงดาคงได้มีโอกาสไปเรียนกับหลวงพ่อบ้าง

    โมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลค่า
     
  16. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ..## พลังของการกรวดน้ำ 1 ##...

    ....คืนนั้น เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จากลูกค้า Graphic รายหนึ่ง ซึ่งคุ้นเคยกันดี ... หลังจากที่เป็นลูกค้า Graphic กันมาย่างเข้าปีที่ 3 จนวันนี้ ได้กลายเป็นลูกค้าดูดวงของฉันไปอีกคน ... โทรมาด้วยน้ำเสียงที่ฉันไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ ... ปกติน้ำเสียงนี้ จะมีแต่ความกระฉับกระเฉง และมีพลัง มีความมั่นใจสูง และมาดมั่น ... แต่คืนนั้น ... น้ำเสียงของเธอ ... ปนความรู้สึกกังวลบางอย่าง ... และเจือไปด้วยความเป็นห่วงอย่างมากมาย ...

    ลูกค้า : คุณอ้อคะ รบกวนหรือเปล่าคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่โทรมาดึก ...
    ฉัน : ไม่เป็นไรค่ะ อ้อยังไม่นอนค่ะ ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่าคะ ... (แอบมีห่วงเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไม่มีงานที่คั่งค้างกัน ก็จะไม่โทรหากันดึกแบบนี้)
    ลูกค้า : เออ...คืองี้ค่ะ ... เมื่อเช้า...ที่บ้านแก๊สระเบิดค่ะ...และโดนคุณแม่ค่ะ...
    ฉัน : อ้าว!! เหรอคะ ... แล้วคุณแม่เป็นอะไรมากไหมคะ ...
    ลูกค้า : เออ ... ตอนนี้ คุณแม่อยู่ห้อง I.C.U. ค่ะ ... เลยจะโทรมารบกวนคุณอ้อหน่อยค่ะ เป็นห่วงคุณแม่มากเลยค่ะ ...
    ฉัน : เกิดขึ้นได้ยังไงคะ ... เล่าให้อ้อฟังหน่อยค่ะ ...
    ลูกค้า : ค่ะ ... ปกติ คุณแม่จะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้หลานตอนเช้า ... และเช้านี้ คุณแม่ก็ทำเหมือนที่ทำอยู่ปกติ ... แต่พอคุณแม่เปิดถังแก๊ส ... และเปิดเตาแก๊ส แก๊สก็ระเบิดค่ะ ... ซึ่ง ชุดแก๊ส ทั้งชุด เพิ่งซื้อมายังไม่ถึง 3 เดือนเลยค่ะ ทุกอย่างใหม่หมด และได้มาตรฐานค่ะ ... ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ค่ะ
    ฉัน : แล้วคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ ...
    ลูกค้า : ค่ะ ได้ยินเสียงดังจากข้างล่าง ก็วิ่งลงมาดูกัน ปรากฏว่า ไฟไหม้ผ้าม่าน มุ้งลวด และตัวคุณแม่ค่ะ ...
    ฉัน : ค่ะ ใจเย็นๆ นะคะ ... เดี๋ยวอ้อจะลองดูนะคะ ว่าจะช่วยอะไรได้บ้างหรือเปล่า ทำใจให้สบาย ปล่อยใจให้ว่างเปล่านะคะ ...
    ลูกค้า : ค่ะ ...
    ฉัน : .... คุณแม่อายุเท่าไหร่คะ (เธอบอกอายุ) คุณแม่อยู่ในช่วงอายุที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ ... เขากำลังให้ได้ใช้กรรม ... ค่อนข้างแรงพอดูเหมือนกัน ... แต่โชคดีนะคะ ที่ได้มีการกรวดน้ำให้เขาก่อน ... ไม่อย่างนั้น จะเจออุบัติเหตุที่แรงกว่านี้ค่ะ ยังไงๆ ก็ต้องเข้านอนรักษาในโรงพยาบาลค่ะ ...
    ลูกค้า : เหรอคะ ... แต่ก่อนที่จะเกิดเรื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ คุณแม่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่ามาเป็นเวลา 10 วัน ... เนี่ยค่ะ เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น ... แต่เอ ... ปกติแล้วการปฏิบัติของที่นี่ เขาไม่เน้นเรื่องการกรวดน้ำนะคะ ... ไม่แน่ใจว่า คุณแม่ได้กรวดน้ำหรือเปล่าค่ะ
    ฉัน : ลองถามคุณแม่ดูนะคะ ... อ้อเห็นการกรวดน้ำ ส่งผลบุญ อุทิศกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ... จึงทำให้ผลกรรมที่จะได้รับ ... เบาลงค่ะ ... ไม่อย่างนั้น จะหนักกว่านี้ค่ะ ... ลองถามคุณแม่ดูนะคะ ...

    จากนั้น ... ฉันก็แนะนำให้เขาทำบุญกุศล อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่เขา .. และ บอกเขาว่า ... คุณแม่จะอยู่ I.C.U. ประมาณ 2 วัน ... อาการจะดีขึ้น และ ได้ออกจาก I.C.U. มาอยู่ห้องปกติ อีก 2 วัน รวมแล้วจะได้อยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 3-4 วันค่ะ ... ขอให้ทำอย่างที่อ้อแนะนำไปก่อน ... แล้วค่อยดูผลต่อไปนะคะ ... โชคดีนะคะ ที่เขายังให้ทำบุญให้เขา ... บางคน ... เขาไม่ยอม นำเสนออะไรไป เขาไม่ตอบรับ ... เขาจะจองเวรอย่างนั้น ... ไม่รับอะไรทั้งสิ้น ... อย่างนั้นนะ ... อ้อไม่สามารถช่วยได้เลย ... แต่ของคุณโชคดีนะคะ ... นั่นหมายถึง ... คุณแม่ของคุณมีบุญกุศลที่ได้เคยทำ ได้เคยปฏิบัติ ช่วยให้ระดับหนึ่ง ... อีกอย่าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านของคุณ ท่านก็ช่วยอีกแรง ... ไม่อย่างนั้น ... แรงระเบิดของแก๊ส ... คงไม่มีผลแค่นั้นหรอกค่ะ ... โชคดีมากนะคะ

    ..... และ .... คุณแม่ของลูกค้า ... ก็ออกจากโรงพยาบาลตามที่ฉันได้กล่าวไว้ ... ฉันไม่ได้นึกถึงว่า บอกอะไรเขาไป ... แต่นึกห่วงว่า ... คุณแม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ... เพราะเท่าที่เห็น ... จะมีแผลแค่ภายนอกเท่านั้น ... และไม่ได้เกิดขึ้นทั้งตัว ... ส่วนภายในยังคงปกติอยู่ ... ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมากเลย ... ลูกค้า โทรมาขอบคุณฉัน ... ที่ฉันแนะนำเขาให้ทำกุศลส่งให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่ จนกระทั่งได้ออกจากโรงพยาบาล ... เธอประหลาดใจ ... ว่าทำไม อาการของคุณแม่เธอดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ... นี่คือ ผลของการทำบุญที่ว่านั่นหรือเปล่า ...

    จนครั้งล่าสุดที่ได้เจอกัน ... และคุยกันทางโทรศัพท์ ... เธอเฉลยให้ฟังว่า ... เธอเป็นคนยุคใหม่ ... และค่อนข้างจะวิทยาศาสตร์ ทุกอย่างต้องมีเหตุและผล ... แต่ฉัน ... ทำให้เธอสงสัย ... ว่าฉันเห็นได้อย่างไร ... เธอเฉลยมาทีละข้อ ... เช่น ... ครั้งแรกที่ฉันไปพบเธอ ... ฉันทักเธอเรื่องรูปของสมเด็จพระปิยะมหาราช ... ซึ่งพอฉันเห็นรูปนั้น ภาคนั้น ... ฉันรู้ได้เลยว่า ... เธอก็มีลางสังหรณ์ หรือ สัมผัสที่หก เช่นเดียวกัน และอีกหน่อย เธอต้องก็ช่วยคนเช่นเดียวกัน ... เพียงแต่หน้าที่ของเราต่างกัน .... ฉันบอกเธอว่า รูปที่มีนั้น ... ถูกกับจริตของเธอแล้ว ... เพียงแต่รูปนั้นเล็กเกินไป ... ไม่มีพลัง ... ให้เธอไปหารูปเช่นเดิม ... แต่รูปและกรอบรูปต้องบานใหญ่กว่านี้ ... และให้เตรียมของเพื่อนำถวาย ... เช่นพานพุ่ม ฯลฯ ... เธอฟังฉัน ... และทำตาม ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2012
  17. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ..## พลังของการกรวดน้ำ 2 ##...

    ... วันนั้น ... ฉันติดต้องไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนสามี ... จึงไม่ได้ไปดูรูป และหาของกับเธอ ... เพราะกังวลกลัวเธอจะไม่เข้าใจว่าต้องเอาอะไรบ้าง และเป็นแบบไหน ... พอฉันได้จังหวะ ... จึงโทรถามเธอว่าอยู่ที่ไหน และได้รูปหรือเปล่า ... เธอบอกว่ากำลังเดินดูอยู่ค่ะ ... จนกระทั่ง ฉันเสร็จธุระ จึงหมายใจว่า จะไปสมทบกับเธอ เพื่อดูของให้เธอ ... เธอโทรเข้ามาพอดี ... บอกว่าเธอเจอรูปแล้ว ... ฉันจึงตอบกลับไปว่า ... รูปที่อยู่ข้างหน้านั้นแหละ ถูกต้องแล้ว ... เป็นรูปเดียวกับที่เธอมี และ size ประมาณ A3 เป็นภาพสีซีเปีย ... เธอตอบกลับมาว่า ... เธอขนลุก ... และถามฉันว่า ... คุณอ้อเห็นหรือคะ ... ภาพที่อยู่ข้างหน้า ... เป็นภาพที่คุณอ้อพูดถึงจริงๆ ... ฉันบอกเธอไปว่า ... นั่นแหละค่ะ นำภาพนั้นกลับบ้านนะคะ ถูกต้องและถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ ... เธอบอกว่า นั่นคือ ข้อแรก ที่เธอฉงน ... ว่าเป็นไปได้ยังไง ... อะไรจะตรงกัน หรือ บังเอิญได้ขนาดนั้น ... ข้อที่สอง ... ฉันแนะนำเธอ ให้เธอไปบูชาพระพิฆเณศ ที่วัดสมานฯ ฉะเชิงเทรา ... ให้ไปกับหุ้นส่วน ... และ 1 ในหุ้นส่วนของเธอ มีองค์พระพิฆเณศอยู่เต็มๆ องค์ ให้เขาเป็นผู้อัญเชิญ ... ท่านมาที่บริษัทของเธอ ... ฉันบอกเธอว่า ถ้าไม่ติดธุระ ฉันตั้งใจจะไปด้วย ... แต่พอดีที่ฉันติดธุระ จึงไม่สามารถไปได้ ... และให้เธอโทรหาฉัน ... ถ้ามีอะไรสงสัย ... ฉันทำธุระ ก็กังวลเกี่ยวกับเธอด้วย ... จึงโทรหาเธอ ... เธอบอกว่า เธอเลือกองค์พระพิฆเณศได้แล้ว ... และหุ้นส่วนก็เลือกเช่นเดียวกัน ... แต่ที่ฉันเห็น ในมือของเขาทั้งหมด ไม่มีกายท่านที่ถูกจริตกับบริษัทของเธอ ... จึงแนะนำไปว่า ... ภาพที่เห็นตอนนี้ ขาข้างหนึ่งของท่านห้อยลง ... เธอบอกว่า ณ เวลานั้น ในมือของเธอและหุ้นส่วน ไม่ได้ถือองค์ท่านภาคที่ฉันพูดถึงเลย ... แต่ตาเธอมองอีกองค์หนึ่งอยู่ ... และตรงกับที่ฉันกำลังบอกพอดี ... เธอจึงให้ 1 ในหุ้นส่วนของเธอ อธิษฐานถึงองค์ท่าน ... ถ้าองค์ท่านจะไปกับเธอ ... ก็ขอให้หุ้นส่วนของเธอสัมผัสได้ .... ตามคำที่ฉันแนะนำไว้ ... เธอบอกว่า ... นี่ก็เป็นอีกข้อหนึ่ง ที่เธอสงสัย ... ว่าฉันเห็นได้ยังไง ... เพราะฉันไม่ได้อยู่ ณ สถานที่นั้น ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่ฉันพูดเหมือนฉัน อยู่กับเธอด้วย ... จนมาข้อที่ 3 นี่แหละ เรื่องของคุณแม่เธอ ... ฉันบอกว่า คุณแม่เธอจะอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3-4 วัน ... เธอบอกว่า พอคุณหมอมาบอกว่า ให้คุณแม่กลับบ้านได้ ... เธอก็เอะใจแล้ว ... ไหนคุณอ้อบอกว่า คุณแม่จะได้อยู่โรงพยาบาล 4 วันไง ... แต่นี่แค่เข้าวันที่ 3 เอง หมอให้กลับบ้านได้แล้ว ... ปรากฏว่า พอไปเช็คราคาห้อง ... เขาคิดค่าห้องไป 4 วัน เพราะเลยเวลาออกแล้ว เธอจึงให้คุณแม่นอนอีก 1 คืน ... เท่านั้นแหละ ... เธอบอกว่า ... ไม่สงสัยแล้ว ... เพราะ 4 วันตามที่ฉันบอกจริงๆ ... จากนั้นเราก็คุยกันในเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างนาน ... ด้วยเหตุที่ฉันได้สร้างความประหลาดใจ ให้กับคนรุ่นใหม่อย่างเธอ ...

    ฉันตอบกลับว่า .... ไม่เป็นไรค่ะ เพราะส่วนใหญ่ ก็เป็นแบบนี้ประจำกับคนอื่นๆ ค่ะ เพราะสิ่งที่บอกไป บางที ก็ยังไม่เกิดในเวลานั้น อาจจะช้ากว่านั้น หรือ เร็วกว่านั้น เป็นเรื่องปกติ ... และที่สำคัญ ... อะไรที่อ้อบอกไป อ้อคิดว่า อ้อเห็นอย่างไร ก็บอกไปตามที่เห็น ไม่ได้ปรุงแต่งตามอารมณ์ของตนเอง และไม่ได้สนใจว่า เขาจะคิดอย่างไร จะเชื่อหรือไม่ ... เพราะเมื่อเขาเดินเข้ามาขอให้ช่วย ถ้ามีบุญสัมพันธ์ เราก็ช่วยกันไป ... แต่ถ้าไม่มีบุญสัมพันธ์กันมา ... ต่อให้ได้เบอร์ไปนานแค่ไหน ... ก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน .... สุดท้ายเธอเฉลยต่อว่า ... เธอได้ถามคุณแม่แล้ว ... คุณแม่บอกว่า ... หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว ... จู่จู่ เพื่อนของคุณแม่ ก็ชวนกันแวะวัดระหว่างทางที่แวะทำบุญ ... ชวนกันกรวดน้ำ ... เธอจึงนึกคำที่ฉันถามทิ้งไว้ ... และตอบฉันกลับมา ...

    .... เพียงแค่กรวดน้ำ .... ช่วยชีวิตได้ขนาดนี้ ... แล้วคุณล่ะ ... เชื่อในเรื่อง บุญ บาป กันหรือไม่ !!!

    สาธุธรรมค่ะ
    ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2012
  18. yurilyyui

    yurilyyui สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    Fb คุณชื่ออะไรคะ
     
  19. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ค่ะ ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่าคะ ^ ^ ฝากเรื่องไว้ที่นี่ก็ได้เช่นกันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2012
  20. yurilyyui

    yurilyyui สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    อ๋อ เห็นคุณบอกว่าส่วนมากจะเขียนเล่าเรื่องใน fb สะส่วนมาก เลยอยากจะแอดอ่ะค่ะ อ่านเรื่องตาของคุณแล้ว น้ำตาคลอเบ้าเลยค่ะ อ่านตั้งแต่หน้าแรกยันหน้า31 เลยค่ะ นอนตี 2 เลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...