อ่าวไทย น่าจะมีโอกาสเกิดซึนามิได้

อ่าวไทยเป็นเขตน้ำตื้น ถ้าแผ่นดินแยก มวลน้ำที่เคลื่อนก็มีน้อนกว่าฝั่งอันดามัน และพื้นทะเลแถวอ่าวไทยไม่ใช่รอยต่อของเปลือกโลก แต่ไม่มีพื้นที่ใดที่ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว เพียงแต่อ่าวไทยมีโอกาสน้อย

 

ข้อมลูที่ได้รับจาก อ.ปริญญา อ่าวไทยมีแผ่นดินไหวเป็น 10 ครั้ง
ไม่มีใครตรวจเจอ บริเวณนั้นถึงแม้ว่าไม่มีต่อของเปลือกโลก
หรือรอยเลื่อนใดๆ แต่ที่เกิดนั้นเพราะโลกร้าว ใต้ทะเลอ่าวไทย
และที่อื่นๆทั่วโลก หากจะเกิดคลื่นแถวนี้สาเหตุน่าจะมาจากรอยร้าว
ทีเกิดขึ้นใหม่ (เหมือนรอยแตกลายงา)
และคลื่นที่เกิดจะเรียกว่า คลิื่นยักษ์ไซโคลน

 

คุณหนุมานรู้ได้ไงอะคะ แล้วโลกุตตระกับพระพุทธเจ้าเหมือนกันหรือป่าวคะ

 

ใครที่มีข้อมูลก็ลองมาช่วยกัน หาและวิเคราะห์กันดูครับ
เรื่องที่ยังไม่เกิด แต่ใช่ว่ามันจะไม่เกิด อันนี้ เหมือนกับว่าเราแค่ดูจากหลักฐานและความเป็นไปได้ครับ
เรื่องที่ยังไม่เกิด บอกไปคนก็ยังไม่เชื่อว่ามันจะเกิด แต่ถ้าเกิดเมื่อไรอย่างเช่น ฝั่งอันดามัน คนถึงจะหันมาเชื่อ
ผมไม่อยากให้เราแก้ปัญหาแบบวัวหายแล้วล้อมคอกครับ
อยากให้มองไปข้างหน้า
โลกมันเปลี่ยนแปลงไปมาก แผ่นดินไม่ได้นิ่งเหมือนเมื่อก่อน
ตอนนี้ก็จะเห็นว่าแผ่นดินไหวแรงแค่ไหน ถ้าใครได้ติดตามเรื่องนี้จะเข้าใจว่า
แผ่นดินไหวช่วงนี้ทั่วโลกถี่ขึ้นแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ

 

ถูกของคุณเปี๊ยกที่ว่าไม่ควรประมาทครับ ตอนนี้เรื่องภัยธรรมชาติอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ครับ

หากต่อไปเกิดมีหิมะตกในประเทศไทย ผมก็จะไม่แปลกใจเลย เพราะตอนนี้ประเทศไทยมีภูเขาไฟที่เกิดขึ้นใหม่กับเขาแล้ว

ประเด็นที่คุณเปี๊ยกว่าก็คือ เมื่อมีโอกาสเกิดขึ้น เรามีวิธีการรับมือกับสถานการณ์นั้นได้อย่างไร จะกระตุ้นเตือนชาวไทยของเราท่านอื่นให้ทราบข้อมูลได้อย่างไรครับ

 

ดร.วัฒนา กันบัว นักอุตุนิยมวิทยา 7 ว. ฝ่ายอุตุนิยมวิทยาทะเล (การจำลองคลื่นมหาสมุทร) กรมอุตุนิยมวิทยา อธิบายปรากฏิการณ์เกิดคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกว่า

พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่ จ.ชุมพร เรื่อยลงมาถึง จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่รับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนืออยู่แล้ว ประกอบกับอ่าวไทยเป็นอ่าวเปิดและแคบ มีระดับความลึกประมาณ 60-70 เมตร พลังงานลมที่ซัดเข้ามาจึงมีความรุนแรงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ รอบอ่าวไทย


"ลมทำให้เกิดคลื่นสูง เป็นลักษณะคลื่นใต้น้ำที่มีพลังงานสูง ทำให้เกิดการกัดเซาะพังทลายของชายฝั่งสูงมาก คล้ายการเกิดสึนามิ แต่เดิมคลื่นสูงลักษณะเช่นนี้เกิดไม่ถี่ แต่ตอนนี้เกิดบ่อย และคลื่นสูงมักเข้าปะทะชายฝั่งทะเลที่มีลักษณะเป็นแหลมต่างๆ มากกว่าชายฝั่งทะเลที่มีลักษณะเป็นอ่าว

ซึ่งชาวทะเลเขาจะรู้ และมักใช้อ่าวเป็นที่จอดเรือประมง หรือสร้างบ้านเรือนมากกว่าพื้นที่ชายทะเลที่มีลักษณะเป็นแหลม แต่ปัจจุบันเหมือนคนหลงลืม มีการปลูกสร้างบ้านเรือนชายฝั่งมากขึ้น เหมือนการใช้ชีวิตของคนเริ่มเปลี่ยนไป ขณะที่คลื่นลมยังแรงปกติ" ดร.วัฒนา ระบุ

อย่างไรก็ตาม ดร.วัฒนา ยังตั้งข้อสังเกตว่า ปีนี้คลื่นลมแรงและระดับความสูงของคลื่นผิดปกติ ควรมีการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพชายฝั่งทะเล ตะกอนทราย ลักษณะของอ่าว หรือแหลมต่างๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ แต่ที่สำคัญควรให้ความรู้เรื่องการสร้างเขื่อนกันคลื่น อาจสร้างผลกระทบที่มองไม่เห็นต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

ด้าน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สันนิษฐานตามทฤษฎีการเกิดคลื่นว่า คลื่นสูงที่ซัดเข้าชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก น่าจะเป็น คลื่นแบบสเวลล์ (swell) หรือคลื่นใต้น้ำกลางทะเลที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด พอเข้าใกล้ฝั่งความเร็วจะลดลง และเปลี่ยนจากพลังงานจลน์เป็นพลังงานศักย์ ทำให้เกิดคลื่นสูงหลายเมตร

คลื่นสเวลล์จะมีขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับกำลังลมที่ผิวน้ำทะเล ระยะทางที่ลมพัด และช่วงเวลาที่ลมพัด ซึ่งมีพฤติกรรมการเกิดคล้ายคลื่นสึนามิ แต่มีต้นกำเนิดจากลม โดยอาจเกิดกลางทะเลลึกเป็นคลื่นยาวเดินทางเร็วมาถึงฝั่งก่อน แล้วตามมาด้วยคลื่นสั้นๆ อีกหลายลูก

"ตอนนี้เรายังไม่มีฐานความรู้เรื่องตำแหน่งการเกิดคลื่นกลางทะเล แต่พอจะวิเคราะห์ได้ว่าเป็นคลื่นลักษณะใด เกิดจากปัจจัยใด ถ้าเรามีความรู้เรื่องตำแหน่งการเกิดคลื่น อาจช่วยทำนายทิศทางการเกิดขึ้นได้ เพราะคลื่นมักจะเกิดที่เดิมๆ และมีทิศทางเดิมๆ ซึ่งยังมีความสัมพันธ์กับพื้นท้องทะเลด้วย" ดร.อานนท์ อธิบาย

เหตุการณ์คลื่นยักษ์ขนาดน้องๆ สึนามิ ซัดเข้าถล่มชายฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่ จ.ชุมพร จนถึง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในสายตาของนักวิชาการกลับมองว่า ลมมรสุมฤดูหนาวยังไม่มีความรุนแรงเทียบเท่ามรสุมฤดูฝนที่จะพัดพายุผ่านเข้ามายังอ่าวไทย จึงทำให้ฐานข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการพยากรณ์การเกิดคลื่นไม่ค่อยมีความสำคัญมากนัก

แต่ผลกระทบที่แน่นอนหลังจากคลื่นยักษ์ซัดถล่มชายฝั่งทะเลอ่าวไทย คือ ปัญหาการกัดเซาะพังทลายของชายฝั่ง ที่อาจส่งผลกระทบให้หลายชุมชนต้องไร้ที่อยู่ เพราะที่อยู่อาศัยดังเดิมกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อคลื่นสูงซัดถล่มซ้ำซากทุกปี

"ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการกัดเซาะพังทลายของชายฝั่งที่เกิดสภาวะโลกร้อน และการกระทำของมนุษย์มานานแล้ว ผมเคยลงไปศึกษาชุมชนบ้านพอด จ.สุราษฎร์ธานี เรื่อยไปจนถึงปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หลายพื้นที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง" รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว

รศ.ดร.ธนวัฒน์ แนะนำว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการศึกษาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสะพานดักตะกอน ควรมีการศึกษาให้ลึกซึ้งถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย เพราะในหลายพื้นที่ชายฝั่งทะเลนิยมสร้างสะพานดักตะกอนกันมาก

และส่วนปัจจัยการเกิดคลื่นสูงก็ควรมีการศึกษาเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมายังไม่ฐานความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ควรมีการศึกษาวิจัยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อประกาศพื้นที่เสี่ยง หรือควรอพยพย้ายชาวได้อย่างทันท่วงที

ทุกวันนี้ภัยธรรมชาติรูปแบบใหม่ ที่มนุษย์คาดไม่ถึงมักเกิดขึ้นได้เสมอ ขนาดแค่คลื่นที่เกิดจากลมมรสุมฤดูหนาวธรรมดาๆ ยังก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดทำลายพื้นที่ชายฝั่งเสียยับเยิน แล้วถ้าเป็นคลื่นพายุฤดูฝนพัดเข้าชายฝั่งภาคใต้อ่าวไทยจะมีสภาพเป็นอย่างไร ?

* คลื่นสเวลล์จะมีขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับกำลังลมที่ผิวน้ำทะเล ระยะทางที่ลมพัด และช่วงเวลาที่ลมพัด ซึ่งมีพฤติกรรมการเกิดคล้ายคลื่นสึนามิ แต่มีต้นกำเนิดจากลม *

http://www.komchadluek.net/2006/12/scoop/p001_76919.php?news_id=76919

 

อ่า ถ้าโพสต์ไม่ติดก้อแก้ไขโพสต์เดิมได้ ไม่ต้องกด reply ซ้ำจ้า

กดปุ่มแก้ไขกระทู้ที่มุมขวาล่าง

 

ช้อมูลใกล้เคียงกับ คำเตือนที่ผมได้รับมาตั้งแต่ต้นปี คือ ใต้อ่าวไทยตอนนี้มีสภาพเป็นโพรงแล้ว ไม่ใช่แค่ร้าว ในอนาคตคลื่นยักษ์จะเกิดได้โดยไม่มีสัญญาณของแผ่นดินไหวให้รู้ตัวล่วงหน้า เทคโนโลยีติดตามแผ่นดินไหวไม่อาจช่วยมนุษย์ให้พ้นจากกรรม

คล้ายกับแต่ก่อนที่ไม่มีการเปิดเผยว่า พื้นดินภาคใต้เป็นโพรง จนภายหลังมีการยุบตัวของพื้นดินหลายแห่ง จึงมีการสำรวจและยอมรับกันว่าพื้นดินภาคใต้หลายแห่งเป็นโพรงที่สามารถยุบตัวได้

ใต้อ่าวไทยขณะนี้ก็เป็นเช่นกัน หากคนที่ใช้จิตลงไปสำรวจสภาพได้จะทราบ และหากจิตสามารถเคลื่อนผ่านมิติแห่งกาลเวลาได้จะเห็นภาพคลื่นยักษ์ขึ้นจากอ่าวไทย

บุคคลที่มีศีลธรรมจะได้รับการช่วยเหลือให้ผ่านพ้นในรูปแบบต่างๆกัน

 

ได้อ่านข้อความคุณเทพแล้วน่าตกใจ หากมีโพรงอยู่ใต้อ่าวไทยจริงๆอย่างที่บอกคงจะเกิดซึนามิขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

 

การสูบทรัพยากรธรรมชาติจากชั้นใต้ดินก็ดี ปริมาณมากมายหลายล้านลูกบากส์เมตร ทำให้เกิดโพรงใต้ดินขึ้นจากเดิมที่มีก๊าซมีน้ำมันดิบคอยพยุงอยู่ ก็เกิดโพรง จำนวนมาก

ครั้นมีปริมาณน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งขั้วโลกและเทือกเขาต่างๆทำให้มวลน้ำในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม พอมากดทับโพรงที่เคยทรงตัวรับน้ำหนักอยู่ได้

ก็เกิดการยุบตัวลง เกิดเป็นแผ่นดินไหวบ้าง แผ่นดินยุบบ้าง เป็นระเบิดเวลาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะถึงแรงดันวิกฤตและยุบตัวเมื่อไร

ที่จริงเหตุการณ์นี้สามารถจะมาคำนวนได้โดยใช้ ดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ที่สามารถสแกนเห็นทุกอย่างที่อยู่ใต้ผิวดินลงไปได้ 10 กิโลเมตร เพื่อสำรวจโพรงดินใต้โลก

แต่หากมีการใช้และให้ข้อมูลก็จะบ่งชี้ว่าเหตุที่เกิดมีผลจากการขุดทรัพยากรของบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ครับ ดังนั้นข้อมูลจึงถูกปกปิดอยู่เสมอ

 

เรื่องโพรงใต้อ่าวไทยก็ทราบมาเหมือนกันตั้งแต่ปี 48

และแผ่นดินอ่าวไทยร้าว ก็เป็นของใหม่ที่จะมาผสมกันล่ะ

คล้ายแผ่นจิ๊กซอร์ คิดดูว่าจิ๊กซอร์ 1 แผ่นผลุบลงไปใต้โลก

ซึ่งเป็นชั้นของน้ำหนาหลายพันกิโล จะเกิดน้ำพุพุ่งขึ้นมาเป็นตันๆ

แล้วตกลงมากระทบพื้นทะเล เกิดคลื่นไซโคลนชายฝั่งทั้งหลายจะเหลืออะไร

ชายฝั่งที่มีเขื่อนกันน้ำเข้า ก็จะกลายเป็นเขื่อนกันน้ำออก

 

เท่าที่ผมทราบ การสูบน้ำมันหรือดึงเอาแกสมาใช้เขาจะสูบของเหลวเข้าแทนที่ช่องว่างที่ดูดน้ำมันออกมาด้วยน้ำทะเลครับ ดังนั้นไม่ใช่การสูบเอาน้ำมันออกแล้วทิ้งให้เป็นรูกลวง ยกตัวอย่างง่ายๆในการสูบน้ำมันถ้าดูดออกมาอย่างเดียวจะมีแรงต้านมากขึ้นเรื่อยเขาต้องใส่น้ำลงไปเพื่อลดแรงต้านนั้น ไม่เชื่อท่านสมาชิกลองดูดน้ำหวานออกจากกล่องดูก็ได้ถ้าไม่ยอมให้ลมเข้าไปแทนคุณจะต้องใช้แรงดูดมหาศาล แต่ในกรณีของแกสซึ่งใช้แรงดันแกสให้ดันออกมาก็ไม่ทราบว่าเขาต้องเติมของเหลวไว้ลดแรงด้วยหรือไม่ ในเวบนี้น่าจะมีคนที่รู้เรื่องนี้ช่วยชี้แจงหน่อยครับ

 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอาศัยแรงดันภายในตัวมันเองให้ก๊าซและน้ำมันไหลออกมาเอง แล้วถ้าความดันลดน้อยลงแล้วจึงจะสูบ ส่วนกระบวนการสูบละเอียดจริงๆต้องหาผู้ที่รู้ครับ

 

รูปอะไรเอ่ย ฟอกแมน อธิบายหน่อย