พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ทำใจไม่ได้เลยครับ เผลอไม่ได้เข้ามาแว๊บเดียว จัดผมเป็นสมาชิกคนแก่ซะแล้ว(cry) (b-cry)

 

พอเวปวิ่งเร็ว ดูทุกคนเริงรื่นกันมากเลยนะครับ

 

เอ่อ ว่าไงล่ะพ่อกำนั๊น

 

ผมค้นพบคำถามคำตอบจากหนังสือเล่มหนึ่งขององค์ภควัน ศรี สัตยา ไส บาบา โดยพลิกไปก็พบเลย และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับน้อง chaipat และเพื่อนๆทุกคน เนื้อหาเป็นการตอบโต้พูดคุยทำนองปุจฉา และวิสัชชนาระหว่างดร.จอห์น อิสลอพ เป็นผู้ปุจฉา และองค์ภควัน ศรี สัตยา ไส บาบา เป็นผู้วิสัชชนา ซึ่งน่าสนใจมาก บางคำในนี้เห็นควรใช้แทนคำเป็นชาวพุทธของเรานะครับ ขอให้แก้ไขเองนะครับ ขอพิมพ์ให้เหมือนต้นฉบับไว้นะครับ

ดร.จอห์น อิสลอพ = อิสลอพ
องค์ภควัน ศรี สัตยา ไส บาบา = ไส บาบา

อิสลอพ:ท่านครับ กรุณาอธิบายเรื่องความมีรูปร่าง และความไม่มีรูปร่างให้ลึก ลงไปอีกหน่อยเถิดครับ?

ไส บาบา:ร่างกายไม่ใช่ของจริงอย่างที่เข้าใจกัน ตัวอย่างเช่น มีชายคนหนึ่งที่เคารพบูชาแม่ผู้ให้กำเนิดเขามานาน 30 ปี เขานวดเท้าแม่ และกราบไหว้แม่ ตามองดูแม่ด้วยความรัก คอยฟังเสียงแม่ รู้สึกมีความอบอุ่น และความสุขจากความรักของแม่ที่มีต่อเขา ครั้นแม่อายุได้ 60 ปี แม่ของเขาก็ได้ถึงแก่กรรมลง เขาก็ร้องคร่ำครวญออกมาทันทีว่า"แม่ ทำไมแม่จากลูกไป" ทำไมชายคนนี้ถึงร้องไห้ล่ะ ร่างกายของแม่ก็ยังอยู่ เทาที่เขาเคยนวดทุกวันก็ยังอยู่ แต่เขาก็มาร้องไห้คร่ำครวญว่าแม่ไม่อยู่ที่นั่น ว่าแม่มาทิ้งเขาไป

จากเหตุการณ์นี้เราก็สรุปได้ว่า ถึงแม้ชายคนนี้จะคิดว่าร่างกาย และแม่เป็นสิ่งเดียวกันมาตลอดเวลา 30 ปี แต่พอแม่ตาย เขาก็รู้ทันทีว่าแม่ไม่ใช่ร่างกาย และแม่ได้จากเขาไปแล้ว ทั้งๆที่ร่างกายยังอยู่ ดังนั้น ร่างกายแม้จะเคยเป็นแม่มาชั่วระยะเวลาหนึ่ง จะมีคุณค่าอะไร ในเมื่อตอนนี้ไม่ได้เป็นแม่อีกต่อไปแล้ว เมื่อพิจารณาถึงความลึกลับนี้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่า ถ้าไม่มีร่างกายเราก็จะไม่รู้จักแม่ อาศัยร่างกายเป็นสื่อกลางที่ทำให้ชายคนนี้มีประสบการณ์ และรู้ถึงคุณสมบัติอันประเสริฐที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน และความรักความเมตตาของแม่ จนทำให้เขาเกิดความรักแม่ในหัวใจขึ้นมา พวกเราจะรู้จักลักษณะที่ปราศจากรูปร่าง และปราศจากกาลเวลาของ"แม่" ก็จากรูปร่างอันไม่เที่ยงนี้แหละ

อิสลอพ:ท่านครับ น่าอัศจรรย์นัก! นี่คือคำอธิบายถึงความสำคัญของรูปร่างพระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือธรรมชาติ และผู้ทรงปราศจากรูปร่างก็เป็นแบบเดียวกันนี้ ถ้าไม่เห็นรูปร่าง เราก็คิดว่าไม่มีอยู่จริง เรารู้จักพระเจ้าก็โดยอาศัยสื่อกลางคือรูปร่าง

ไส บาบา:นี่คือความจริงอันเดียวกันของการมีรูปร่าง และการปราศจากรูปร่างของพระเจ้าอันประเสริฐ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน สำหรับพวกเรา แต่มันก็ส่งผลให้เรารู้จักรูปของพระเจ้า โดยอาศัยสื่อกลาง

อิสลอพ:ท่านได้กล่าวถึงความลับของรูปร่าง และความไม่มีรูปร่างไปแล้ว ทีนี้ ทำอย่างไรจึงจะเปลี่ยนจากการบูชาพระเจ้าที่มีรูปร่าง ไปสู่พระเจ้าที่ปราศจากรูปร่างได้ล่ะครับ?

ไส บาบา:เปลี่ยนได้ด้วยการยกย่องบูชาพระเจ้าที่มีรูปร่างอย่างเต็มที่ แล้วมองให้เห็นรูปที่น่ารักนั้นในทุกคน และตระหนักให้เข้าใจว่าพระเจ้าสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง แล้วความรักในผู้อื่นก็จะเกิดขึ้นมาเองโดยง่าย

อิสลอพ:เมื่อท่านอยู่ต่อหน้ารูปของท่าน ก็มองเห็นได้ง่าย และเราก็สามารถบูชาได้ แต่เมื่อรูปที่เป็นตัวตนของท่านไม่อยู่ เราควรจะนึกถึงของท่านแทน เพื่อให้มองเห็นรูปกายของท่านต่อไปไหมครับ

ไส บาบา:ถูกแล้ว เธอควรนึกถึงภาพของพระเจ้าที่เป็นรูปร่างอย่างเต็มที่ แล้วจิตก็จะจดจ่ออยู่ที่รูปร่างนั้น เมื่อมองเห็นภาพของพระเจ้าจากภายนอก มันก็จะเกิดความเป็นสอง แต่เมื่อมองผ่านจิตก็จะเกิดความเป็นหนึ่ง และเมื่อรูปร่างเข้ารวมกับอาตมัน ก็จะเกิดอัทไวตะ คือไม่มีทั้งความเป็นหนึ่ง หรือสอง และไม่ใช่สภาวะที่แยกจากกัน อัทไวตะก็เหมือนบัตเตอร์มิลค์ (นมที่ปั่นเอาเนยออกแล้ว) และเนยเหลวที่อยู่ในนม ดังนั้นภาพของพระเจ้าที่มองเห็นจากภายนอกนั้น ก็ควรนำให้เข้าไปให้ถึงจิต แล้วเข้าต่อไปจนถึงจิตวิญญาณ

อิสลอพ:วิธีสร้างภาพพระเจ้าขึ้นในจิตได้ดีที่สุดนั้น ทำอย่างไรครับ?

ไส บาบา:ถ้าเธอต้องการเห็น ก็ให้มองจากรูปที่เห็นเป็นภาพภายในใจ หรือดูจากภาพถ่ายก็ได้

อิสลอพ:ถ้าดูจากรูปถ่าย หรือรูปจริงของท่าน แล้วนึกให้เป็นภาพ ก็ต้องทำจิตให้แน่วแน่ ไม่วอกแวกออกจากภาพที่กำหนดไว้ ใช่ไหมครับ?

ไส บาบา:ต้องทำจิตให้จดจ่ออยู่ที่ภาพของพระเจ้าที่เลือกไว้ ถ้าภาพนั้นเป็นสีเงิน ดวงตา เส้นผม ปาก ผิวพรรณ ก็ต้องเป็นสีเงินด้วย

อิสลอพ:กรุณาพูดอีกครั้งเถอะครับ

ไส บาบา:คือให้จิตหล่อหลอมในแบบพิมพ์ของภาพพระเจ้า ทั้งนี้เพื่อให้จิต กลายเป็นภาพของพระเจ้า

อิสลอพ:อ๋อ! ผมเข้าใจแล้ว นั่นเป็นสุดยอดแห่งความรู้แจ้งเลยทีเดียว แต่ท่านครับ เรารู้สึกว่าจะมีความสุขกว่าถ้าได้เห็นท่านในรูปกายนี้ และคงจะไม่มีความสุขเลยถ้าท่านจากไป

ไส บาบา:เธอติดอยู่ในรูปกายของตัวเอง จึงอยากเห็นรูปกายของผู้อื่นด้วย ถ้าเธอไม่ติดในรูปกายมากเกินไป เธอจะมีความสุขยิ่งกว่านี้

อิสลอพ:พวกเราทำตนเป็นลูกหลานท่าน ถือว่าท่านคือแม่ของเรา และเรามีความไว้วางใจในท่าน ซึ่งเราสามารถจะแสดงออกได้โดยตรง แต่ถ้าไม่มีโอกาส เราก็ใช้วิธีสวดอ้อนวอน หรือเขียนจดหมายถึงท่าน

ไส บาบา:มีจดหมายมาถึงฉันไม่ขาดสาย ฉันอ่านจดหมายทุกฉบับ พอเวลาประมาณ 10.00 น. ก็จะเผาจดหมายนั้นทิ้งหมด.............



คำปุจฉา และวิสัชชนาของทั้ง 2 ท่านยังมีอีกมากมาย ตัดมาให้พิจารณาเพียงเท่านี้ก่อน หากตรงจริต และเป็นประโยชน์ก็ทดลองทำสมาธิตัดสักกายทิฐิ พิจารณาความตามที่องค์ภควัน ศรี สัตยา ไส บาบา แนะนำดู




ขอโมทนาสาธุ...

 

เอ่เอ้ ท่านผู้เฒ่า คิคิคิ

.

 

ผมเคยซื้อหนังสือเกี่ยวกับองค์ ภควัน ศรีสัตยา ไสบาบา ที่แปลโดย
ศิริ พุทธศุกร์ ของสำนักค้นคว้าทางจิตวิญญาณ รวม 12 เล่ม ถ้าจำไม่ผิด
ตอนนั้นอ่านแล้ว มีความสุขมาก คงต้องนำมาทบทวน ไม่รู้ปลวกแทะไปหมดหรือยัง.... ขอบคุณคุณเพชร ที่นำมาให้อ่านเตือนความจำ
ทุกถ้อยความของท่าน มีประโยชน์ต่อจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก
(b-love2u) (b-love2u)

 

ความรู้สึกตรงกันครับ พี่เม้า หลายท่านมองท่านเป็นนักมายากล ผมคิดว่าท่านคล้ายเล่นอภิญญาในสายของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรนะครับ เช่นหลวงปู่ยี่ วัดดงตาก้อน เป็นต้น วันนี้ผมเกิดความรู้สึกอยากอ่านหนังสือเล่มนี้อีกซักรอบ เลยนำมาเปิดพั๊วะเดียวหน้า 100 ครับ เหมือนท่านจะทราบว่าใจผมอยากจะอ่านร้อยเปอร์เซนต์ยังงั้นแหละนะ อ่านไปบรรทัดแรก ตกใจเลยครับ คือกำลังคุยกับน้อง chaipat เรื่องพระเครื่องกรุฮอด ถึงการสร้างฝากจิตในองค์พระ และ นำมาเป็นกสิณครับ ผมว่าอ่านเข้าใจง่าย องค์ภควันท่านจะยกตัวอย่างอุปมาอุปมัยได้ดีมากครับ...


อย่างปุจฉาข้อหนึ่งที่ดีมากอันหนึ่งคือ
ปุจฉา: หน้าที่ของจิตที่สามารถยอมรับได้นั้น คืออะไรหรือครับ?
วิสัชชนา: ประการแรก จงพิจารณาว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้าถูกจงทำในสิ่งที่เธอพอใจ ถ้าไม่แน่ใจก็จงอย่าทำจนกว่าจะแน่ใจ

ผมมานึกทบทวนกลับไปกลับมา ท่านสอนทางโลก หรือทางธรรมกันแน่ มันเหมือนได้ทั้ง 2 ทาง ท่านเน้นหลักกาลามสูตรเหมือนพระพุทธเจ้า การพิจารณาคือมีสติรู้ความคิด และจิตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นท่านไม่แนะนำเรื่องของการพิจารณา และคำว่า"ไม่แน่ใจ" ในความเป็นจริงผมรู้สึกว่าตกลงเป็นเพราะไม่แน่ใจเพราะไม่รู้ เลยมาเกิดความลังเลไม่แน่ใจ หรือไม่แน่ใจเพราะกลัวกันแน่ หรือทั้ง 2 อย่างคละเคล้ากัน จากนั้นท่านแนะนำว่า"อย่าทำ" ผมก็มาเทียบกับการฝึกมโนมยิทธิ หลวงพ่อเราบอกว่า"ให้ทำแบบคนโง่ไปก่อน" ผมมาแยกวิเคราะห์แบบนี้ว่า อย่าทำ คือการรอเวลาให้ชัดเจนก่อน หรือหาทางพิสูจน์เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น จึงจะตัดสินใจ คือน่าจะหมายถึงให้หาหนทางทำให้ประเด็นชัดเจนก่อน นั่นคือใช้"ปัญญา"นำ"ศรัทธา" ส่วนการทำแบบคนโง่ไปก่อนนั้น คือน่าจะต้องอาศัย"ศรัทธา"นำ"ปัญญา"

ผมมาสรุปเองว่า
หากใช้ปัญญาอยู่เหนือศรัทธามากเกินไป จะทำให้เราเป็นคนขี้สงสัย อาจจะบรรลุมรรคผลได้ช้า(พวกนี้มักจะเชื่อตัวเองมากกว่าคนอื่น)

หากใช้ศรัทธาอยู่เหนือปัญญามากเกินไป จะทำให้เราเป็นคนที่ถูกชักจูงได้ง่าย อาจจะถูกหลอกลวงให้เสียหายได้

ได้พบกันในสถานที่มงคลในโบสถ์"วัดพระแก้ววังหน้า" ต้องขอคารวะศิษย์พี่แล้วครับ

 

ครับ น้องเอ แนวทางที่ท่านตอบไม่ทำให้เรารู้สึกว่าต่ำต้อย เราทุกคนสามารถพัฒนาได้ เริ่มต้นที่พิจารณาตัวเอง พิจารณาจิตของเราเองก่อน ระหว่างอ่านไปบางคำแนะนำต้องอ่านซ้ำครับ เหมือนเข้าใจ แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ แต่โชคดีที่ท่านนำคำอุปมาอุปมัยมาเสริมให้ถ้อยคำนั้นชัดเจนขึ้น จึงรู้สึกเกิดความรู้สึกว่าเป็นจริงตามที่ท่านกล่าวไว้ ท่านเข้าใจจิตตนเอง และจิตผู้อื่น(เจโตปริยญาณ) อภิญญาก็เข้มข้นขึ้นตามจิตที่มีพลัง ถือเป็นผลพลอยได้ที่ได้เองครับ...

เชื่อว่าอ่านจบแล้ว จะเกิดความรัก ความอบอุ่นแผ่ซ่านในกระแสธารแห่งจิตของผู้อ่านทุกคน มองชีวิตทุกชีวิตว่าไม่เที่ยง แล้วจะไปถือโทษโกรธความไม่เที่ยงกันทำไม...สรุปคือน่าอ่านครับ พี่ให้ 5 ดาว (ไม่ใช่ไก่ย่างครับ)

 

ขอบคุณครับ น้องเอ เช่นกันครับ เสียดายวันอาทิตย์นี้ไปร่วมงานไม่ได้กับพี่ๆ และเพื่อนๆนะครับ แต่ยังไงก็ส่งจิตไปร่วมด้วยได้ครับได้ผลเสมอกันครับ...

 

ทริปวันอาทิตย์นี้ ก็เป็นทริปที่ไปทำบุญกันอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้พี่แอ๊วแจ้งว่า จะมีการถวายพระไตรจีวร ซึ่งเป็นการทอมือ กับพระอาจารย์นิล ท่านจะได้ครองจีวรใหม่ในช่วงเข้าพรรษานี้ และยังมีงานบุญอื่นๆที่จะได้ร่วมกันทำอีกครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

สำหรับท่านที่จะไปทริปวันอาทิตย์นี้ หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะได้น้ำมันจันทร์(ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้ว)

ขอให้ท่านซื้อน้ำมันจันทร์ไปด้วยนะครับ ผมจะต่อให้ทุกๆท่านครับ

โมทนาสาธุครับ

 

ชมภาพ"แร่ข้าวตอกพระร่วง" จากบริเวณเขาพระบาทใหญ่ จ.สุโขทัย ที่มีเป็นสายต้นกำเนิดของพระร่วงเจ้า และพบรอยพระพุทธบาทในสถานที่แห่งนี้อยู่เดิม แต่ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายไปที่วัดตระพังเงิน ที่ในอุทยานประวัติศาสตร์แล้ว

ผมได้นำประวัติแร่ข้าวตอกพระร่วงจากหนังสือ"สมบัติพ่อให้" มาให้อ่านกัน

หากสนใจบูชากันก็เป็นวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคมนี้ ปัจจัยทั้งหมดสบทบทุนสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และจะนำแร่ข้าวตอกพระร่วงส่วนหนึ่งมอบให้พระอาจารย์นิลเพื่อบรรจุยังพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ทั้ง ๔ ทิศครับ

 

อีกเรื่องก็คือ ผมจะไปซื้อยาสามัญประจำบ้าน จะนำไปถวายพระอาจารย์นิลด้วย ท่านใดมีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญกัน ก็แจ้งความประสงค์มาได้ครับ

 

โมทนาด้วยครับ น้องเอ สายบุญองค์ภควัน ศรี สัตยา ไส บาบา มาแล้วนี่เอง พี่เม้าคงดีใจที่มีผู้ชอบแนวทางคล้ายกันมารวมกลุ่มกัน อีกหน่อยคงได้เม้าแตกกัน...

หนังสือนี้เป็นของมูลนิธิไส ที่เชียงรายครับ พิมพ์เมื่อปี 2544 ชื่อ"สู่แสงสว่าง" หน้าปกออกสีเหลือง พี่ลืมถ่ายรูปไว้ให้ดู เอาไว้คืนนี้นะครับ

 

โมทนาสาธุครับคุณเพชร

ผมเข้าคิวจองคนแรกเลยครับ

(b-lablin)

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อีกเรื่องก็คือ ผมจะไปซื้อยาสามัญประจำบ้าน จะนำไปถวายพระอาจารย์นิลด้วย ท่านใดมีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญกัน ก็แจ้งความประสงค์มาได้ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

โมทนาบุญกับน้องเอด้วยครับ

.

 

ได้ครับ น้องเอ พบกันเมื่อไหร่จำนำไปให้ หรือจะให้ฝากส่งไปทางพี่หนุ่มก็ได้นะครับ พี่จะฝากพี่หนุ่มไป

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ aries2947
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
ชมภาพ"แร่ข้าวตอกพระร่วง" จากบริเวณเขาพระบาทใหญ่ จ.สุโขทัย ที่มีเป็นสายต้นกำเนิดของพระร่วงเจ้า และพบรอยพระพุทธบาทในสถานที่แห่งนี้อยู่เดิม แต่ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายไปที่วัดตระพังเงิน ที่ในอุทยานประวัติศาสตร์แล้ว

ผมได้นำประวัติแร่ข้าวตอกพระร่วงจากหนังสือ"สมบัติพ่อให้" มาให้อ่านกัน แร่ข้าวตอกพระร่วงที่พบนี้เป็นคนละแหล่งกับที่ชัยนาท

หากสนใจบูชากันก็เป็นวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคมนี้ ปัจจัยทั้งหมดสบทบทุนสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และจะนำแร่ข้าวตอกพระร่วงส่วนหนึ่งมอบให้พระอาจารย์นิลเพื่อบรรจุยังพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ทั้ง ๔ ทิศครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>


วันอาทิตย์ไม่ได้ไปแต่ขอร่วมด้วยได้ไหมครับ
ยังไงก็โมทนาสาธุในบุญที่เกิดด้วยนะครับ
น้องเอ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

จำนำไม่เอาครับ แต่จะนำ ละก็ได้เลยครับ

(b-oneeye)

 

หึหึ โดนแต่เช้า สงสัยวันนี้ จะมีข่าวดี เขาว่ามีร้าย แล้วจะมีดี วันนี้เจอร้ายไปแล้ว ต่อไปเจอดี อิอิ ที่ key ผิดเนี่ย เป็นเพราะแก๊สโซฮอล์รึเปล่าเนี่ย....

 

พี่ดักจิตน้องเอ ไว้แล้ว ถึงได้บอกฝากพี่หนุ่มไว้ก่อนแล้วไงครับ อิอิอิ