นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เงียบดีจังเลย...ถ้ำนี้
    สัปปายะมากๆ น่าปฏิบัติธรรมสมาธินะ
    วันนี้ เราไม่มีเรื่องโม้หรอกนะ มารออ่านหนอ....
    แต่คงไม่รอแระ ขอชะแว้บไปเที่ยวก่อนแล้วกัน:cool:
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นิทานจากท่านประธานเนี่ย รอนานจัง
    สงสัยยังปั้นไม่เสร็จ หรือไม่งั้นก็คว้าน้ำเหลวอีกแล้ว

    ไม่มีใครอยากจะเล่าอะไรบ้างเลยเหรอคะ...รออ่านหนอ:cool:
     
  3. saekue20

    saekue20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +757
    เมื่อเช้าตื่นมารู้สึกเศร้าๆ แต่พอเศร้าแล้ว จิตฝ่ายธรรมจะฉุดให้นึกถึงเป้าหมายของเรา
    เมื่อนึกถึงเป้าหมายแล้ว จิตจะคลายความเศร้าออกไปจนรู้สึกสงบ แต่สงบในระดับสามัญ ไม่ได้เป็นฌานอะไร เป็นแบบนี้มาตลอดเลย เป็นมาตั้งแต่ เรียน มอ ปลาย แล้ว
    มีความคิดที่จะพัฒนาจิตให้มากกว่านี้ แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ใครพอช่วยแนะนำได้บ้างครับ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดีค่ะน้องsaekue_20 สภาวะจิตเศร้าหมองเกิดจากอะไรจ๊ะ?
    หาเหตุให้เจอก่อนนะ การพัฒนาจิตเริ่มจากศีล สมาธิและปัญญาค่ะ
    พิจารณาศีลก่อนนะ ว่ารักษาได้จนเป็นปกติหรือยัง
    แล้วมาพิจารณาสมาธินะ จิตกับสมาธิแนบแน่นจริงหรือเปล่า
    สังเกตได้ง่ายๆ เมื่อมีผัสสะมากระทบอายตนะหก
    แล้วเห็นอาการของใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง กระเพื่อมแล้วกลับไปอยู่ที่เดิม
    ระยะเวลาที่กระเพื่อมขึ้นลงนานมั้ย ค่อยๆ ลดอาการนั้นๆ ด้วยวิปัสสนา
    การพิจารณาค่ะ พิจารณาให้เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ของอาการต่างๆ

    ความจริงมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ
    เพราะธรรมชาติต่างๆ นั้นคือการเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ คงทนสักอย่างเดียว
    มันเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตาค่ะ หากต้องการให้จิตแจ่มใสตลอดเวลา
    ก็คงต้องปฏิบัติให้เป็นอริยะอย่างเดียว แม้อริยะในระดับต้นๆ ใจก็ยังหมองได้
    หากไม่ระวังอินทรีย์

    การปฏิบัติเพื่อให้ถึงความเป็นอริยะนั้น เรื่องกำลังใจสำคัญอย่างยิ่งค่ะ
    การปฏิบัตินี้กำลังใจต้องหนักแน่น มั่นคง จริงจังและเอกอุค่ะ
    ดังคำกล่าวที่ว่า "ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม"
    หากพี่จะแนะนำ พี่แนะนำเพียงเรื่องเดียว คือ ให้ละอัตตา
    ละได้เมื่อไหร่ ใจก็เป็นสุข สงบ ผ่องใส แน่นอนค่ะ
     
  5. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    มาลงชื่อรออ่านหนอด้วยคนจ้า :cool:
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีแต่มารออ่านหนอ....แล้วเมื่อไหร่จะมีคนมารอเล่าหนอบ้างนะ?
     
  7. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    "นั่งตัวตรง หลับตา หายใจลึก ๆ เต็มปอดให้สม่ำเสมอ มองไปข้างหน้าฝ่าความมืด เอาแสงสว่างในวงหน้าเป็นที่หมาย หายใจแรง ๆ ให้สม่ำเสมอ แล้วท่องในใจว่า สว่างๆๆๆๆ ให้ต่อเนื่องตามกัน การหายใจแรง ๆ เต็มปอดแล้วท่องในใจว่าสว่าง ๆๆ อย่างนี้เรียกว่า มีวิตก มีวิจาร
    ลำดับต่อไป หายใจแรงขึ้น ให้รู้สึกกระทบเย็นที่ช่องจมูก กระทบเย็นถึงระหว่างคิ้ว กระทบเย็นถึงลำคอ

    ลำดับต่อไป หายใจแรง ๆ ต่อไป จนกว่าจะรู้สึกเย็นซาบซ่านตั้งแต่ท้ายทอยจนถึงกระหม่อม รู้สึกเย็นซาบซ่านตั้งแต่ท้ายทอยจนถึงแผ่นหลัง จนรู้สึกเย็นซาบซ่านไปทั่วตัวตลอดแขนขา บางคนอาจรู้สึกขนลุก หรือน้ำตาไหล หรือตัวสูงตัวพองตัวใหญ่ หรือตัวโยกตัวโคลงตัวสั่น หรือหมุน หรือลอย ใครทำได้อย่างนี้เรียกว่า มีปีติ มีสุข คือรู้สึกเบาสบายในร่างกาย อิ่มใจ แช่มชื่นใจ ไม่เจ็บไม่ปวดไม่เมื่อย สุขกายสุขใจ เบากายเบาใจ

    "ลำดับต่อไปหายใจแรงๆ แล้วนึกถึงร่างกายของเรา ท่องในใจว่า ร่างกายๆๆๆๆ แทนคำว่าสว่าง ๆๆ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกคตารมณ์เหมือนเดิม ซาบซ่านขนลุกเหมือนเดิมอยู่ในปฐมฌานเหมือนเดิม แต่มีร่างกายเป็นอารมณ์แทนแสงสว่าง
    เมื่อมั่นดีแล้ว ลำดับต่อไป พิจารณาร่างกายนี้โดยความเป็นของไม่งาม หายใจแรง ๆ แล้วท่องในใจว่ากายไม่งามๆๆๆๆๆ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกคตารมณ์เหมือนเดิม ซาบซ่านขนลุกเหมือนเดิมอยู่ในปฐมฌานเหมือนเดิม พิจารณาว่าเรานั้นจะต้องตายร่างกายจะต้องเน่าเปื่อยผุพังไป ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ละสักกายะทิฏฐิ คือความยึดมั่นถือมั่นในกายนี้ว่าตัวว่าตน ว่าเราว่าของเราออกไปจากใจ
    เมื่อมั่นดีแล้ว ลำดับต่อไป ใจ หายใจแรง ๆ แล้วท่องในใจว่า พุทโธๆๆๆๆๆ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกคตารมณ์เหมือนเดิม ซาบซ่านขนลุกเหมือนเดิมอยู่ในปฐมฌานเหมือนเดิม แล้วทำสัทธาของเราให้มั่นคงในคุณของพระรัตนตรัย ว่าพระพุทธเจ้านั้นดีจริง พระธรรมก็ดีจริง พระอริยะสงฆ์ก็ดีจริง ให้คุณประโยชน์กับเราจริง ๆ พระพุทธเจ้าก็คือบุคคลผู้สิ้นราคะ สิ้นโทสะ สิ้นโมหะด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์เอง พระธรรมในที่นี้ก็หมายถึงความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ คือพระนิพพานนั่นเอง พระอริยะสงฆ์ก็คือบุคคลผู้สิ้นราคะ สิ้นโทสะ สิ้นโมหะ เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง การปฏิบัติธรรมของเราในขณะนี้ก็เป็นไปเพื่อ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ คือพระนิพพานนั่นเอง เชื่อถือเชื่อมั่นตรงนี้ มีสัทธาในตัวเรา และสัทธาในพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ไม่ลังเลสงสัย เรียกว่ากำจัด วิจิกิจฉา ออกไปจากใจ
    เมื่อมั่นดีแล้ว ก็พิจารณาต่อไปว่า พวกเรานั้นได้เวียนตายเวียนเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน นับวันเวลาไม่ถ้วน ชาติใดที่เราก่อเวร ด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เอาของที่ผู้อื่นไม่ได้ให้ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท เสพสิ่งเสพติดมึนเมา เวรห้าประการนี้แหละ ก็จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เราต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรกบ้าง เปรตบ้าง อสุรกายบ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ขัดสนจนยาก มีสติปัญญาน้อย มีอายุขัยสั้น มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน นั่นเพราะเราประมาทในศีล ก่อเวรเอาไว้ แต่ชาติใดที่เราหมั่นให้ทาน หมั่นรักษาศีล เจริญเมตตาธรรม ไม่ประมาทในศีลในธรรม ในชาตินั้นเราก็ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์และบริวาร นับแต่ตายเมื่อกายแตก ก็ท่องเที่ยวอยู่แต่โลกมนุษย์ โลกสวรรค์ และพรหมโลก มีความสุขอันยาวนาน นั่นเพราะความไม่ประมาทในศีลในธรรม ดังนั้นบัณฑิตพึงอบรมจิตให้เป็นไปเพื่อการไม่ก่อเวร ลำดับต่อไปให้ทุกคนหายใจลึก ๆ เต็มปอดเต็มท้อง แล้วตั้งความปรารถนาอันแน่วแน่มั่นคงอย่างแรงกล้าในอันที่จะอธิษฐานว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไปพวกข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ก่อเวร หายใจแรง ๆ เต็มปอดเต็มท้องต่อไปแล้วท่องในใจว่า ไม่ก่อเวรๆๆๆๆๆๆ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกคตารมณ์เหมือนเดิม ซาบซ่านขนลุกเหมือนเดิมอยู่ในปฐมฌานเหมือนเดิม"

    **********************************

    แอบสงสัยที่บอกว่า มองไปข้างหน้าฝ่าความมืด มองยังไงคะ ... กลัวเดี๋ยวเพ่งไปปวดตาอีก 555+ ...

    ปล. เอามาฝากค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยนะจ้ะ
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เป็นประโยชน์มากค่ะ น้องฟ้ามุ่ย พี่จะไม่พูดถึงฌานนะคะ เพราะถือว่าฌานคือผลพลอยได้ของการปฏิบัติเท่านั้น แต่ไม่ใช่เป้าหมายของการปฏิบัติ เพราะเน้นเรื่องพลังจิต

    สำหรับพี่จะภาวนาพุทโธไปพร้อมๆ กับ สงบหนอ สว่างหนอ เหมือนสะกดจิตตัวเอง
    จนจิตสงบดีแล้ว เมื่อสว่างแล้ว แสงสว่างนี้จะกระจัดกระจาย ให้กำหนดภาวนาพุทโธพร้อมๆ กับรวมหนอๆ จนจติรวมลงเป็นดวงกลม ตรงนี้จะเป็นอุคหนิมิตค่ะ (แสงสีจะเปลี่ยนไปตามสภาวะจิตขณะนั้นๆ เรากำหนดรู้อย่างเดียว อย่าปรุงแต่ง ของพี่จะเป็นสีส้มๆ ค่ะ)

    แล้วจึงพิจารณาความสว่างนั้น กำหนดจิตรู้ว่าแสงสว่างนั้นมีลักษณะอย่างไร กำหนดให้ขยายใหญ่ขึ้น โดยภาวนาพุทโธพร้อมๆ กับใหญ่หนอๆ ไปเรื่อยๆ จนนิมิตนั้น ขยายใหญ่
    แล้วจึงภาวนาให้เล็กลง โดยภาวนาพุทโธพร้อมๆ กับเล็กลงหนอๆ ไปเรื่อยๆ จนเล็กลง กำหนดให้เล็กเท่ากับรูเข็ม กำหนดให้ไหญ่โดยไม่มีประมาณ เมื่อกำหนดได้จนชำนาญแล้ว กำหนดให้ใสค่ะ ใสเหมือนน้ำค้างบนใบบัว ตรงนี้คือปฏิภาคนิมิต ค่ะ

    เมื่อชำนาญดีแล้ว ละวางภายนอกให้หมดทั้งร่างกายสังขาร ไม่มี ไม่ใช่เรา พิจารณาขันธ์ห้านี้เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง ไม่มีอยู่จริง กำหนดรู้จิตภายในอย่างเดียว เพ่งกระแสจิตทั้งหมดเข้าไปในดวงแก้ว ดวงธรรมที่เราเป็นผู้กำหนดให้ใสนั้น เพ่งให้ทะลุเข้าไปเลย จะพบดวงแก้วภายในอีก ดวงนี้จะใสเองโดยไม่ต้องกำหนด ผ่อนลมหายใจให้ละเอียดที่สุด เบาที่สุด จนหยุดหายใจ สภาวะนี้คือตายเป็นตาย ความกลัวตายไม่มี เพราะได้เห็นความจริงของขันธ์ห้าว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แบกไว้ก็ทุกข์

    ถ้าปฏิบัติได้ถึงสภาวะนี้แล้ว เข้าขั้นอัปปนาแล้วค่ะ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีพุทโธ หูดับ ไม่มีกาย ไม่ได้ยินเสียงภายนอก ให้ฟ้าถล่มก็ไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนอยู่คนละโลก จิตเดินไปสู่อรูปฌานค่ะ แต่ยังมีดวงแก้วลอยเด่นอยู่ ดวงแก้วดวงนี้จะใสเป็นปภัสสร มีรัศมีระยิบระยับ เจิดจ้า เหมือนจะแสบตา แต่เมื่อมองไปกลับเย็นตา นี่คือจิตเดิมของเรา อธิษฐาน แล้วเพ่งให้ทะลุเข้าไปในจุดโฟกัสของดวงแก้ว
    จะได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่อธิษฐานไว้ ในขั้นนี้ กำหนดรู้อดีตชาติได้ค่ะ แต่พี่ไม่ได้กำหนดเพราะว่าไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม (ตอนนั้น) ไปหาใครที่ไหนก็ได้ ใครคิดดีคิดร้าย สามารถไปดู ไปรู้ได้ทั้งหมด แต่ครูบาอาจารย์บอกว่าอันตรายสำหรับศีล ในการไปรู้ไปเห็นอันก่อให้เกิดบาปโทษหรือรู้เห็นแล้วทำให้ใจเศร้าหมอง

    เพราะการปฏิบัตินี้ศีลต้องบริสุทธิ์ หากศีลด่างพร้อย ฌานต่างๆ เสื่อมได้ เพราะว่ายังเป็นโลกียะฌานค่ะ

    ตรงนี้พี่เคยปฏิบัติได้ในคืนวันที่ 7 เมื่อครั้งที่บวชตอนเด็กๆ ค่ะ กลับมาอยู่บ้านก็ปฏิบัติอยู่ ทุกครั้งที่อยากหลบเรื่องราวต่างๆ จะเข้าห้องนั่งสมาธิและเข้าอัปปนา ประมาณ 1-2 นาที พอถอนสมาธิออกมา จิตแจ่มใสมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  9. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    <TABLE border=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD class=T15 vAlign=top>ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดอัญชนวัน เมืองสาเกต ทรงปรารภพราหมณ์ผู้หนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า ...
    เช้าตรู่วันหนึ่ง พระพุทธองค์ พร้อมหมู่ภิกษุสงฆ์ ได้เข้าไปบิณฑบาตในเมืองสาเกตพบพราหมณ์ผู้หนึ่งเดินสวนไปนอกเมือง แล้วกรูเข้ามาหมอบแทบเท้าจับข้อเท้าไว้แน่นแล้วพลางกล่าวว่า
    " ลูก ธรรมดาบุตร ต้องปรนนิบัติมารดาบิดา ในยามแก่ชรามิใช่หรือ ทำไม ลูกจึงไม่มาเยี่ยมเราเลย ไป พ่อจะพาไปพบแม่เจ้า "
    แล้วจึงนำไปเรือนของตน
    พระพุทธองค์ประทับนั่งเหนืออาสนะพร้อมภิกษุสงฆ์ นางพราหมณีมาหมอบแทบเท้าแล้วร่ำไห้คร่ำครวญเช่นกันกับพราหมณ์แล้วแนะนำให้บุตรธิดาไหว้พี่ชาย วันนั้น ครอบครัวของพราหมณ์ได้ถวายมหาทานแก่พระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ได้ตรัสชราสูตรทำให้พราหมณ์ทั้งสองเป็นอนาคามีแล้วเสด็จกลับวัด
    ตอนเย็นพวกภิกษุตั้งความสงสัยว่า
    " ทำไม พราหมณ์ทั้งสองจึงเรียกตนเองว่า เป็นพ่อเป็นแม่ของพระตถาคต "
    พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
    " พราหมณ์เคยเป็นพ่อของเรา ๕๐๐ ชาติ เป็นอา ๕๐๐ ชาติ เป็นปู่ ๕๐๐ ชาติ นางพราหมณีเคยเป็นมารดาของเรา ๕๐๐ ชาติ เป็นน้า ๕๐๐ ชาติ เป็นย่า ๕๐๐ ชาติติดต่อกันไม่ขาดสาย "
    แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า
    " บุคคลมีจิตใจจดจ่อและเลื่อมใสอยู่ในผู้ใด บุคคลพึงคุ้นเคยสนิทสนมในผู้นั้น
    แม้ทั้ง ๆ ที่ ไม่เคยเห็นกันมาก่อนเลย "

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=Wga_Details border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="70%" align=center><TBODY><TR><TD height=21 width=7>[​IMG]</TD><TD class=WgaTitle align=center>[​IMG]</TD><TD class=WgaTitle>นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า</TD><TD height=21 width=7>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=WgaIconCell bgColor=#fcf4b5 vAlign=bottom>[​IMG]</TD><TD class=WgaIconCell width=20></TD><TD class=WgaGradient bgColor=#fcf4b5 rowSpan=2><TABLE border=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD>คนจะเป็นญาติมิตรสหายกันเป็นเรื่องอดีตชาติแต่ปางก่อน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • nt127.gif
      nt127.gif
      ขนาดไฟล์:
      47.6 KB
      เปิดดู:
      36
  10. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    ขอบพระคุณค่ะพี่นุ๊ก เดี๋ยวคืนนี้จะลองสงบหนอ สว่างหนอดูสักหน่อยก่อนค่ะ

    เคยนั่งจนสงบอยู่เพียงครั้งเดียว เห็นเป็นสีม่วงเข้มๆ วูบๆวาบๆ แต่ด้วยไม่รู้ว่าคืออะไร เลยได้แต่มองไปเรื่อยๆจนถอนสมาธิค่ะ เดี๋ยวจะลองใหม่จ้า:cool:
     
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    <TABLE id=post6385 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>05-07-2012, 10:22 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->huten<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6385", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2009
    ข้อความ: 2,735
    Groans: 8
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 8,809
    ได้รับอนุโมทนา 8,114 ครั้ง ใน 1,604 โพส
    พลังการให้คะแนน: 717 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6385 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->สวัสดีค่ะ คุณ ปุณฑ์ ..

    รบกวน ช่วยลดขนาดรูป ที่ในกระทู้ นิทานพญานาค ให้ด้วยนะคะ

    พวกเรา เข้า กระทู้ อ้างอิง ลำบากค่ะ ...

    รบกวนนะคะ...<!-- google_ad_section_end -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พอดีเพิ่งเข้าไปเห็นในยูสเซอร์โน้ต
    ถ้าแจ้งที่นั่น จะไม่มี pop up อะไรเตือนขณะออนไลน์เลยค่ะ
    (พอดี.. ไม่ค่อยได้กลับบล็อก ขออภัยด้วยค่ะ)
    ไม่ทราบเป็นอันไหนอย่างไร
    ทีหลัง pm หรือแจ้งในกระทู้ ก็ได้ค่ะ (PM จะมีข้อความเตือนทันที)
    จะได้เห็นได้ทันที จะได้ทราบว่าอันไหน เม้นท์ไหน ได้เลย

    แต่เพื่อความสะดวก จึงได้ลบข้อความทั้งหมดค่ะ ขออภัยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    น้องรวัสสรร ออกตัวแรงไปหรือเปล่าคะ
    ใจเย็นๆ นะ ไปนั่งดื่มกาแฟเย็นหรือชาเย็นก่อนดีมั้ย?

    มณีนาคาดูอย่างไรว่าจริงหรือปลอม อยากรู้จริงๆ หรืออยากรู้เล่นๆ คะ
    อันดับแรกเลยนะ น้ำหนักค่ะ ของแท้แม้จะเม็ดเล็กนิดเดียว แต่หนักมากค่ะ
    จะมีเหมือนน้ำกลิ้งอยู่ภายในค่ะ และมีความร้อนอยู่ในตัว นั่นคือพลัง
    หากนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ จะพบว่าปริมาณน้ำลดลงอย่างรวดเร็วทุกวันค่ะ
    ต้องหมั่นเติมน้ำทุกวัน เพราะมณีนาคาจะชอบน้ำค่ะ
    ภาชนะที่ใส่น้ำแช่มณีนาคา จะมีฟองอากาศจับอยู่โดยรอบค่ะ
    เมื่อนำไปนั่งสมาธิ จะสัมผัสได้ถึงพลังบารมีเพราะจะเชื่อมบารมีกับเรา
    บางคนขณะนั่งสมาธิ จะรู้สึกเหมือนมีงูใหญ่มารัดรอบตัวค่ะ
     
  13. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    ดอกแก้วโกมลเมืองบาดาล ...

    อ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปเจอมา ไม่เคยได้ยินมาก่อน

    มีใครรู้จักหรือเคยได้ยินมาว่าอย่างไรบ้างหรือเปล่าคะ ... อยากรู้เฉยๆจ้า (ไม่หนอก็ได้):cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dsc04980.jpg
      dsc04980.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.7 KB
      เปิดดู:
      48
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เหมือนมณีนาคาค่ะ แต่รูปพรรณสัณฐานแตกต่างออกไป เป็นสมบัติบาดาลเหมือนกัน
     
  15. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    ต้องมาในรูปของดอกไม้หรือคะ... แล้วเอาไว้ทำอะไรคะพี่นุ๊ก

    (ถามมากอีกละ 555+)
     
  16. alline

    alline เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,324
    เพิ่งเข้าใจวันนี้เองค่ะ สงสัยมาตลอดว่าทำไมน้ำหมดเร็วจัง พอดีได้มาจากการร่วมบุญ สังเกตุเห็นมีฟองอากาศจับอยู่โดยรอบเป็นบางวันค่ะ
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีทุกสัณฐานค่ะ และทุกสีตามบารมีของการบำเพ็ญเพียร ของพญานาคผู้เป็นเจ้าของ จะอธิษฐานให้เป็นรูปอะไร ใช้ในการนั่งสมาธิเป็นการเชื่อมบารมีขององค์นาคาหรือนาคีกับเราเพื่อร่วมกันสร้างบุญค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ที่มีอดีตชาติมาจากพญานาคค่ะ ทำให้ระลึกถึงบารมีเก่าและเชื่อมโยงมายังบารมีใหม่ เป็นการสานต่อการบำเพ็ญเพียรค่ะ
     
  18. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    พี่นุ๊กคะ สงสัยเหมือนกัน ขวดน้ำที่นู๋ใช้ไหว้กลางแจ้งที่บ้านที่ไทย จะแปลกตรงที่ หลังจากไหว้เสร็จ จะมีฟองอากาศเกาะด้านในเล็กๆเต็มขวดเลยคะ
    ส่วนเพชรพญานาค เคยนำมาแช่น้ำ ฟองอากาศเล็กๆเกาะเต็มรอบแก้วเลยคะ
     
  19. zaxc

    zaxc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +422
    ทุกคนล้วนแต่ได้พบเรื่องมหัศจรรย์กันทั้งนั้นเลย ประทับใจจัง เล่าให้ฟังอีกได้นะคะ ไม่เบื่อแน่นอน-cool day-
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขวดน้ำอัดลมหรือเปล่าค่ะ ถ้าเป็นขวดน้ำเนี่ย
    พี่คิดว่าน่าจะเป็นฟองอากาศที่เกิดจากแรงอัดภายในขวดนะคะ

    แต่ถ้าเป็นเพชรพญานาคเนี่ย เกิดจากพลังบารมีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...