ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

จีนขอมีเอี่ยวในน้ำมันและแก๊สฯไทย-เขมร​

​

[FONT=Tahoma, sans-serif]คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจอย่างคลาดเคลื่อนว่า มีเพียงรัฐบ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]าลกัมพูชาของ ฮุน เซน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ที่ได้อนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าไปสำรวจหาแหล่งน้ำมันและแก๊ส[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ธรรมชาติ อยู่ในเขตทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งๆที่ในความ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เป็นจริงแล้วรัฐบาลไทยคือฝ่ายที่เริ่มต้นในการอนุญาตให้บริษัทต่างชาติทั้งหลาย ได้เข้าไป[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ทำการสำรวจฯในพื้นที่ดังกล่าวนี้ก่อนที่รัฐบาลนายพล ลอน นอล ของกัมพูชาจะประกาศ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เขตน่านน้ำทางทะเลในอ่าวไทยเมื่อปี [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]1972 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ด้วยซ้ำ[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]กล่าวก็คือรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ จอมพลถนอม กิตติข[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จร นั้นได้อนุญาตให้บริษัทต่าง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ชาติเข้าไปทำการสำรวจหาแหล่งน้ำมันและแก๊สฯในพื้นที่ดังกล่าวนับตั้งแต่ปี [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]1968 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เป็นต้น[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]มาแล้ว โดยได้ทำการแบ่งพื้นที่อนุญาตออกเป็น [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]14 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แปลงด้วยกัน ส่วนทางฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นั้นเพิ่งจะเริ่มอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าไปสำรวจหาแหล่งน้ำมันและแก๊สฯในเขตที่ต่อเนื่อง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กันในปี [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]1997 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เป็นต้นมานี้เอง โดยได้มีการแบ่งพื้นที่อนุญาตออกเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จำนวน [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]6 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แปลงด้วยกัน[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลของ ฮุน เซน จะมีเป้าหมายที่ชั[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ดเจนกว่ารัฐบาลไทยอย่างมาก[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในอันที่จะขุดค้นเพื่นำเอาน้ำมันและแก๊สฯดังกล่าวขึ้นมาใช้ประโยชน์ ดังจะเห็นได้จากการที่[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ฮุน เซน ได้หลุด ปากออกมาในระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบปริญญาบัตรให้กับผู้จบการศึก[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ษาจากสถาบันแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญว่าเขานั้นได้กำหนดกรอบเวลาให้กลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ดำเนิน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]การขุดค้นและนำเอาน้ำมันหรือแก๊สฯในอ่าวไทยขึ้นมาใช้ประโยชน์ให้ได้ในเวลา [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]12 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นาฬิกาของ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]วันที่ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]12 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ธันวาคม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]2012 ([/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ฮุน เซน เชื่อว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]12-12-12-12 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นี้คือเลขมงคลที่จะทำให้ตนสามารถครอง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]อำนาจทางการเมืองได้อย่างยาวนานหรือจนกว่าชีวิตจะหาไม่[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]) [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]หากไม่เช่นนั้นก็จะถูกถอนสัมปทาน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในทันที[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]พร้อมกันนั้น ฮุน เซน ก็ยังได้สั่งการให้การปิโตรเลียมแห่งชาติ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif] ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กัมพูชาให้เร่งดำเนินการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมทุนกับกลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในการขุดค้นน้ำมันและ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แก๊สฯ ดังกล่าวเป็น การเฉ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]พาะ ทั้งยังได้สั่งการให้การปิโตรเลียมแห่งชาติเร่งเซ็นสัญญากับกลุ่ม[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]TOYO Engineering [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จากญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ข[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]องการก่อสร้างโรงกลั่น[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]น้ำมันแห่งแรกในกัมพูชา ด้วยหวังว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้กลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]TOYO [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ตัดสินใจลงทุนก่อสร้าง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]โรงกลั่นฯดังกล่าวในระยะต่อไป ทั้งนี้โดย ฮุน เซน ได้ให้คำมั่นว่ารัฐบาลของเขาจะเร่งจัดทำร่าง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเพื่อให้สภาแห่งชาติให้การรับรองและประกาศบังคับ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ใช้ในเร็วๆนี้อีกด้วย[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ครั้นเมื่อมองเห็นเป้าหมายของ ฮุน เซน อย่างชัดเจนเช่นนี้กลุ่ม[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ก็ได้ร่วมกับกลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Mitsui[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จากญี่ปุ่น และกลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]GS Caltex[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จากเกาหลีใต้ เพื่อดำเนินการสำรวจหาแหล่งน้ำมันและแก๊สฯ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในเขตน่านน้ำของกัมพูชาอย่างขนานใหญ่ และถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับผลที่[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ได้[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]รับจากการสำรวจในระยะที่ผ่านมาก็ตาม แต่การที่กลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขออนุญาต[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]สัมปทานการขุดค้นจากการปิโตรเลี่ยมแห่งกัมพูชาอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนสิงหาคม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]2010[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เป็นต้นมาแล้วนั้นก็ย่อมจะถือเป็นคำตอบ ทั้งก็ยังถือเป็นการตอบสนองต่อเป้าหมายดังกล่าว[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ของ ฮุน เซน ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ทั้งนี้โดยกลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]พร้อมด้วยกลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Mitsui[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]และก[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]GS Caltex[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ได้ร่วมทุนกันในสัดส่วน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]55% [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]30% [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]และ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]15% [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ตามลำดับ และได้ทำการขุดเจาะเพื่อสำรวจหาน้ำมันและแก๊สฯในเขต[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]สัมปทาน [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]A [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งทะเลของเขตจังหวัดสีหนุวิลล์ทางภาคใต้ของกัมพูชาประมาณ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]150 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กิโลเมตรนั้น พบว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]4 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ใน [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]15 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]หลุมที่ได้ดำเนินการสำรวจนั้นเป็นแหล่งที่คุ้มค่าที่จะลงทุนอย่างยิ่ง[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ซึ่งด้วยผลจากการสำรวจฯดังกล่าว ก็ปรากฏว่ามีบริษัทต่างช[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]าติอีกกว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]10 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]รายที่ได้หลั่งไหลเข้า[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ไปขออนุญาตสำรวจหาน้ำมันและแก๊สฯ ในทะเลอ่าวไทยในส่วนที่รัฐบาลกัมพูชาถือว่าเป็นเขต[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]น่านน้ำของฝ่ายตนนั้นแล้ว โดยในที่นี้ยังรวมถึงบริษัทในเครือของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]การปิโตรเลี่ยมแห่งสิงคโปร์ กลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]CONOCO, UNOCAL, TOTAL, British Gas Asia, Idemitsu [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Oil [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]และยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของจีนอย่าง [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]China National Offshore Oil Corp [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ด้วย[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ยิ่งไปกว่านั้น การที่ทั้งธนาคารโลกและกองทุนการ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เงินระหว่างประเทศ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif](IMF) [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ยังได้แสดงการ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เชื่อมั่นว่าน้ำมันและแก๊สฯในกัมพูชา และในเขตทับซ้อนทางทะเลกับไทยด้วยนั้นมีปริมาณน้ำมัน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]สำรอง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]มากถึง [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]2,000 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านบาร์เรลและมีปริมาณแก๊สฯสำรองอีกมากกว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]10 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]หรือคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]5 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]IMF [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ได้ประมาณการว่าหากได้[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]มีการขุดค้นน้ำมันและแก๊สฯขึ้นมาใช้ประโยชน์ก็จะทำให้รัฐบาลของ ฮุน เซน มีรายได้มากกว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]175 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรกของการขุดค้นและจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]1,700 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านดอลลาร์สหรัฐ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เมื่อได้ดำเนินการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแล้วเสร็จนั้น ก็ยิ่งทำให้ ฮุน เซน ต้องเร่งผลักดันแผนการ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นี้ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]พลังงานทั้งหลายในระยะเวลากว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]3 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ปีมานี้ ก็คือความขัดแย้งระหว่างทางการไทยกับทางการ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กัมพูชา ที่ว่าด้วยพื้นที่พิพาทในเขตปราสาทพระวิหาร และการที่ทางการของทั้งสองฝ่ายยังไม่[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการแบ่งปันผลประโยชน์จากแหล่งน้ำมันและแก๊สฯในเขตทับซ้อน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ทางทะเลระหว่างกัน ซึ่งกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างกว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]27,000 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ตารางกิโลเมตรในเขตอ่าวไทยนั้น[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]โดยถึงแม้ว่าทางการไทยและกัมพูชา [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]([/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ทักษิณ กับ ฮุน เซน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]) [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จะเ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]คยตกลงในหลักการร่วมกันมา[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แล้วเมื่อเดือนสิงหาคม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]2549 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]โดยตกลงแบ่งเขตทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยออกเป็น [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]3 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ส่วน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เท่าๆกัน โดยส่วนที่อยู่ตรงกึ่งกลางก็ให้แบ่งผลประโยชน์กันในสัดส่วน [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]50 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]50 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ก็ตาม แต่ส่วน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ก็คือเขตทับซ้อนที่อยู่ใกล้ชายฝั่งของไทยและเขตทับซ้อนที่อยู่[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ใกล้ชายฝั่ง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ของกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายไทยนั้นเสนอให้แบ่งผลประโยชน์เป็น [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]60 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]40 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]คือใกล้ชายฝั่งของ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นก็จะได้ส่วนแบ่งมากกว่าแต่ฝ่ายกัมพูชากลับต้องการให้แบ่งผลประโยชน์เป็น [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]90 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]10 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เพราะ ฮุน เซน เชื่อว่าเขตทับซ้อนที่อยู่ใกล้ชายฝั่งของกัมพูชานั้นมีปริมาณน้ำมันและแก๊สฯ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]มากกว่าในเขตทับซ้อนที่อยู่ใกล้ฝั่งไทยนั่นเอง[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ครั้นเมื่อ ฮุน เซน ก็ได้มองไปถึงผลประโยชน์ก้อนโตที่จะได้จ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ากน้ำมันและแก๊สฯ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]([/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif])[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แล้วนั้น ทั้งยังหวังว่าผลประโยชน์ที่ว่านี้จะทำให้มีชัยอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งสภาบริหาร[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ชุมชนท้องถิ่น [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif](Commune Council) [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ทั่วประเทศในต้นปี [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]2012 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]อันจะเป็นการวางฐานคะแนน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เสียงไว้เพื่อรองรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif](National Assembly) [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในกลางปี [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]2013 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ด้วย[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แล้ว ก็ยิ่งทำให้ ฮุน เซน นั้นยิ่งจะต้องเร่งเสริมสร้างความสัมพัน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ธ์อันดีกับไทยให้บังเกิดผลให้เร็ว[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ที่สุด และเพื่อเป็นการทำให้ได้ผลตามที่ต้องการดังกล่าว ฮุน เซน ก็ยอมปรับเปลี่ยนผลประโยชน์[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในส่วน [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]90 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]10 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นั้นมาเป็นสัดส่วนที่ ฮุน เซน เชื่อว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นน่าจะยอมรับได้ ก็คือ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]80 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]20 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]และส่วนที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างกันนั้นก็ให้คงไว้ที่ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]50 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]50 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ต่อไป[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นการรับประกันว่าเป้าหมาย [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]12-12-12-12 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ดังกล่าวจะสามารถเกิดขึ้นได้[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]อย่างแท้ จริง ฮุน เซน ก็ยังได้เชื้อเชิญให้ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของจีนคือ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]China National [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Offshore Oil Corp [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]หรือ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]CNOOC [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นั้นให้เข้ามามีเอี่ยวในการสำรวจหาแหล่งน้ำมันและแก๊สฯใน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]อ่าวไทยด้วย จึงถือเป็นสิ่งที่กดดันต่อกลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เป็นอย่างมากจนถึงขนาดที่ประธานกลุ่มอย่าง [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Steve Glick [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นั้นต้องบินตรงจากกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อมาปฏิบัติภารกิจพิเศษทั้งในไทยและกัมพูชา[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ด้วยการนำทัพนักธุรกิจอเมริกันในนามของ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]US-ASEAN Business Council [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ตระเวณไปพบปะเจรจา[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กับทางการกัมพูชาและไทยเมื่อไม่นานมานี้[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ส่วนทางฝ่าย [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]CNOOC [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นั้นก็ได้ตั้งความหวังที่จะได้รับส่วน[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แบ่งในผลประโยชน์จากน้ำมันและ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]แก๊สฯในเขตทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชานี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน โดยถึงแม้[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ว่าจะมาทีหลังก็ ตาม แต่การที่สื่อของทางการจีนอย่างสำนักข่าว [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]XINHUA [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ได้โหมข่าวเกี่ยวกับ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]การครองอันดับ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]1 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ของจีนในฐานะที่มีมูลค่าการลงทุนในกัมพูชามากที่สุดในช่วงเดียวกันกับทัพ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นักธุรกิจอเมริกันในนามของ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]US-ASEAN Business Council [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ได้เดินทางเข้าไปพบปะเจรจากับ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]รัฐบาลฮุน เซนนั้น [/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]จึงมีนัยสำคัญที่ต้องการเน้นย้ำให้รัฐบาลฮุน เซน ได้มองเห็[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]นความสำคัญของ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ทุนจีนยิ่งกว่าทุนสหรัฐฯได้เช่นกัน กล่าวคือในขณะที่จีนมีมูลค่าการลงทุนสะสมในกัมพูชามาก[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]กว่า [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]8,800 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้วนั้น สหรัฐฯยังคงมีมูลค่าการลงทุนสะสมในกัมพูชาเพียง [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]282 [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งด้วยความเป็นจริงในข้อนี้ จึงทำให้จีนมั่นใจว่าสถานภาพของ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]CNOOC [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในสายตาของ ฮุน เซน นั้นย่อมไม่ด้อยไปกว่ากลุ่ม [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]Chevron [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]จากสหรัฐฯอย่างแน่นอน[/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]และที่แน่นอนยิ่งกว่านั้น ก็คือการที่มียักษ์ใหญ่แห่งวงการ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ธุรกิจพลังงานของโลกทั้งจากสหรัฐฯ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]และจีนเข้ามามีเอี่ยวด้วยเช่นนี้ ย่อมหมายถึงเกมการแย่งชิงผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]ในอ่าวไทยที่จะมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นด้วย กล่าวคือไม่ใช่เรื่องระหว่าง ฮุน เซน กับ ทักษิณ [/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้วนั่นเอง[/FONT][FONT=Tahoma, sans-serif]!!![/FONT]​

[FONT=Tahoma, sans-serif]ทรงฤทธิ์ โพนเงิน[/FONT]​

ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=752356​

 

ดัน”นาซา”เข้าครม. ให้ใช้ฐานทัพอู่ตะเภา ผู้ตรวจการฯหวั่นขายชาติ เข้าข่ายม.190ต้องผ่านสภา

จาก นสพ.แนวหน้า 19 มิย.55

(สงสัยจะแอบดูทรัพยากรน้ำมันกับแก๊สในไทยหรือเปล่า)

 

คำทำนาย Planet X (เนบิรุ) จะทำให้โลกหยุดหมุน 5.9 วัน
( คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน? )​

แนนซี ไลเดอร์ (Nancy Leider) ชาวมลรัฐวิสคอนซิน ผู้อ้างว่าสามารถติดต่อกับเทพเจ้าซีต้า (Zeta)​

แนวคิดของการชนกับนิบิรุเริ่มขึ้นจากแนนซี ไลเดอร์ สตรีชาวรัฐวิสคอนซินผู้ซึ่งอ้างว่าเมื่อตอนเป็นเด็ก เธอได้พบกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกสีเทา เรียกว่า ซีตา ผู้ซึ่งถูกฝังอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารไว้ในสมองของเธอ ในปี ค.ศ. 1995 เธอได้ก่อตั้งเว็บไซต์ซีตาทอล์กเพื่อเผยแพร่แนวคิดของเธอ

ไลเดอร์ได้รับความสนใจจากสาธารณชนครั้งแรกในกลุ่มข่าวบนอินเทอร์เน็ต ระหว่างช่วงที่ดาวหางเฮล-บอปป์เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในปี ค.ศ. 1997 เธอได้กล่าวโดยรู้สึกตนว่าเป็นซีตา ว่า "ดาวหางเฮล-บอปป์ไม่มีอยู่จริง มันเป็นการหลอกลวง เป็นการเล่นตลกของผู้ที่ต้องการให้มวลชนสงบก่อนที่มันจะสายเกินไป เฮล-บอปป์ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นดาวฤกษ์อันห่างไกล และจะไม่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้กว่านี้อีก"

เธออ้างว่าเรื่องราวของเฮล-บอปป์เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คน จากการมาถึงของวัตถุดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ "ดาวเคราะห์เอกซ์" ที่ใกล้เข้ามา ซึ่งจะเคลื่อนผ่านโลกและทำลายอารยธรรมบนโลก หลังจากการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของเฮล-บอปป์ในปีนั้น ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นหนึ่งในดาวหางที่สว่างที่สุด และได้รับการสังเกตนานที่สุดในศตวรรษที่ผ่านมา ไลเดอร์ได้ลบประโยคสองประโยคแรกจากข้อความดั้งเดิมบนไซต์ของเธอ ถึงแม้ว่าข้อความนี้จะยังคงสามารถเข้าถึงได้จากการเก็บรักษาของกูเกิ้ลก็ตาม<SUP> </SUP>การกล่าวอ้างของเธอยังได้ปรากฏในนิวยอร์กไทมส์

ไลเดอร์ได้อธิบายดาวเคราะห์เอกซ์ว่ามีขนาดใหญ่กว่าโลกราว 4 เท่า และกล่าวว่าการเคลื่อนเข้าใกล้โลกที่สุด จะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งจะทำให้การหมุนของโลกหยุดเป็นเวลา 5.9 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากความไม่มั่นคงอันเกิดจากการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก ทำให้เกิดการดึงดูดของแม่เหล็กระหว่างแกนโลก กับอำนาจแม่เหล็กของดาวเคราะห์ที่เคลื่อนที่ผ่านมา และจะรบกวนแกนแม่เหล็กโลกและการแทนที่ของเปลือกโลกตามลำดับ
<SUP></SUP>
แนวคิดดาวเคราะห์เอกซ์ของไลเดอร์ ได้เผยแพร่ออกนอกเว็บไซต์ของเธอในปี ค.ศ. 2001 เมื่อมาร์ก ฮาเซลวูด อดีตสมาชิกของประชาคมซีตาทอล์ก ได้นำแนวคิดของเธอมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ ไบลน์ไซเด็ด: แพลเน็ตเอกซ์แพสอิน 2003 เธอได้กล่าวหาเขาในภายหลังว่าเป็นผู้หลอกลวงต่อความเชื่อมั่นลัทธิหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า ปานาเวฟเลบอเรทอรี ซึ่งกีดขวางถนนและแม่น้ำโดยการวางเสื้อผ้าสีขาว เพื่อป้องกันกลุ่มจากการโจมตีด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ก็ได้ออกมาเตือนเช่นกันว่าโลกอาจสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2003 หลังจากการมาถึงของดาวเคราะห์ดวงที่สิบ

ไซต์บนอินเทอร์เน็ตจำนวนมากยังคงกล่าวอ้างว่าวัตถุของไลเดอร์กำลังเดินทางมายังโลก ซึ่งมักอ้างว่าจะมาถึงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งในวันดังกล่าวได้รวบรวมเอากลุ่มคนที่เชื่อในวันโลกาวินาศเข้าไว้ด้วยกัน โดยเชื่อว่ามันเป็นวันสิ้นสุดของวัฏจักรปัจจุบัน (แบ็กทัน) ในปฏิทินแบบนับยาวมายา นักเขียนหลายคนได้ตีพิมพ์หนังสือซึ่งเกี่ยวข้องกับการชนในปี ค.ศ. 2012<SUP> </SUP>ฮาเซลวูดก็ได้เปลี่ยนมุมมองต่อดาวเคราะห์เอกซ์ตั้งแต่นั้น โดยเห็นว่าขณะนี้มีกำลังเอเลี่ยนทรงภูมิปัญญาที่กระทำการเพื่อปกป้องเราไว้ และเราได้รับการจัดเตรียมให้ขึ้นไปสู่ความตระหนักรู้ในระดับที่สูงขึ้นในปี ค.ศ. 2012

ที่มา การชนกับนิบิรุ - วิกิพีเดีย

มีผู้ได้เห็นปรากฏการณ์แปลกๆบนท้องฟ้า จึงได้ส่งคำถามมายังคุณ Zeta ขอทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง

ปรากฏการณ์ ที่มีผู้พบเห็นจำนวนมากพร้อมๆกัน และได้บันทึกภาพ นำมาให้ดูกันนี้ หากท่านได้ทราบรายละเอียด ความเป็นมาต่างๆของดาว Planet X ตลอดมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ก่อนปี 2003 ที่เป็นขาเข้าของวงโคจรของดาวดวงนี้ ได้สร้างวีรกรรม ที่น่ากลัวและก่อความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทั่วโลกอย่างไรบ้าง

ในรอบขาออกหรือขากลับของดาวหางดวงนี้ ในรอบนี้จะรุนแรงต่างกับขามาอย่างเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากจะสวนทางอยู่ใกล้โลกเพียง 14 ล้านไมล์เท่านั้น ต่างกับขาเข้าที่โลกมีดวงอาทิตย์มาช่วยกั้นตรงกลาง ระยะทางจึงไกลจากอิทธิพลแรงดึงดูดของดาวหางดวงนี้...แล้วการโคจรผ่านทะลุระนาบวงโคจรของโลกในลักษณะแปลกประหลาดอย่างใดนั้น ลองแวะศึกษารายละเอียดที่ ลิงค์นี้

หากท่านสังเกตปฏิกิริยา ระหว่างที่โลกถูกยึดตัวเอาไว้ไม่ให้โคจร รอบดวงอาทิตย์ และหยุดหมุนรอบตนเองอีก 5.9 วันนั้น สะพานและถนนหนทางแตกหักเสียหาย การเดินทางทุกชนิดเป็นอันว่าทำไม่ได้ทั้งสิ้น อาคารบ้านช่องนาๆชนิดพังพินาศ

โดยท่านไม่ต้องแปลกใจ สาเหตุมาจากพลังแรงสนามแม่เหล็กของ PX เข้าไปมีผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของมวลแมกม่าในโลกที่มีขนาดเท่าๆกับพระจันทร์ของโลก หรือ 1ใน 4 ของโลกเกิดขึ้น จึงดึงดันเปลือกโลกไปด้วยพร้อมกัน เกิดเปลือกโลกลอยจมแตกหัก ยืดตัวได้สารพัดวิธี ที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานั้น เช่นพื้นที่ภาคกลางประเทศไทยส่วนใหญ่ จะถูกบีบอัดหักพังจมลงใต้ทะเลเป็นต้น เนื่องจากเปลือกโลกส่วนนี้เปลาะบางอยู่แล้ว

ดังนั้นผู้ที่ยังไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไป ยังสถานที่ปลอดภัยก่อนล่วงหน้านี้ ท่านมีโอกาสเอาชีวิตรอดจากความตายเหลือเพียงน้อยนิดทีเดียว รายได้ค่าจ้างหรือทรัพย์สมบัติมากซักเท่าไร ไม่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อันใดแก่ตัวท่านได้เลย

ที่มา http://www.ainews1.com/article606.html

 

คาดเดากันไปเรื่อยๆๆ ละนะ ฝรั่งหัวทองว่างงาน:boo:

 

​

กระทู้นี้รวบรวมข้อมูลเรื่องภัยพิบัติจากทุกๆด้าน เพื่อเพื่อนสมาชิกทุกๆ คนที่มีความสนใจ กรุณาอย่าส่งเสียงรบกวนการอ่านของคนอื่นนะครับ

 

"รัฐบาล-ทหาร-สภาฯ และฐานทัพ"?
​

พวกเราจะเชื่อใคร ระหว่าง "ยิ่งลักษณ์-สุรพงษ์-สุกำพล-ปลอดประสพ" ที่บอกนาซาจะขอใช้อู่ตะเภาขึ้นบินดูลม ๒ เดือนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการทหาร กับที่ "นายลีออน พาเนตตา" รมว.กลาโหมสหรัฐ ประกาศที่สิงคโปร์...สหรัฐจะจัดสมดุลอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้ใหม่ ด้วยการย้ายที่ตั้งกองกำลังทหาร และกองทัพเรือ ๖๐% กลับมาประจำการในภูมิภาคของเพื่อนเก่าอีกครั้ง!เพียงไม่ได้ระบุให้ชัดลงไปเท่านั้นว่า ที่จะกลับเข้ามาตั้งฐานทัพในภูมิภาคนี้นั้น ก็เพื่อ "คานอำนาจ" กับจีน เพราะถ้าขืนปล่อยให้จีนเป็น "ขาใหญ่" คุมภูมิภาคนี้ สหรัฐมีโอกาส...เดี้ยง!​

เพราะไทยเป็น "จุดยุทธศาสตร์" การขนส่งน้ำมันและสินค้าทางทะเลจากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทะลุสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นตัว "ย่นโลก" ในการขนส่งจากตะวันออกกลางสู่ประเทศแถบแปซิฟิกทั้งหมด โดยเฉพาะสหรัฐ ก็ตรง "ช่องแคบมะละกา" ปลายติ่งที่เชื่อมไทย-มาเลย์-สิงคโปร์ นั่นไง!​

การลำเลียงน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ มหาสมุทรอินเดียนั้น การจะไปสู่ปลายทางของประเทศของอีกฝั่งมหาสมุทรหนึ่งคือ แปซิฟิกและคาบสมุทรอินโดจีนทั้งหมด ต้องมา "ลอดช่องแคบ" จากตรงนี้ และถ้าวันไหน "จีน-สหรัฐ" เกิดงัดข้อกันขึ้นมา แค่จีน "คุมเชิง" ไม่ให้เรือบรรทุกน้ำมันสหรัฐผ่านช่องแคบมะละกาแค่นั้น ถ้าเรือรบ-เรือบินสหรัฐ ใช้น้ำทะเลแทนน้ำมันได้ นั่นก็แล้วไป! ​

นี่คือสาเหตุที่ทั้งนาซา-เพนตากอน ต้องมาเสนอเงื่อนไขกับรัฐบาลทักษิณ ขอใช้อู่ตะเภา เพราะคุณสมบัติพิเศษของอู่ตะเภาเป็น ๒ เพศ เป็นท่าจอดเรือรบก็ได้ เป็นสนามบินที่เครื่องเล็ก-ใหญ่ขึ้นลงได้ทั้งนั้น นาซามาในมาดนักวิจัยลม ส่วนเพนตากอนมาในมาดปิศาจคราบนักบุญ อ้างมนุษยธรรม ฝนตก-น้ำท่วมที่ไหนจะได้แจวเรือรบไปช่วย!​

รัฐบาลน้องสาวทักษิณเขาเชื่อ สุกำพลรัฐมนตรีกลาโหมเพื่อทักษิณ เขาก็เชื่อ แต่ดูเหมือนเหล่าทัพทั้งหลาย "ไม่อยากจะเชื่อ" รวมทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ที่ไม่ใช่ทาสระบอบทักษิณ เขาอยากให้รัฐบาลนำเรื่องเข้ารัฐสภาพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๙๐ แต่รัฐบาล โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศเพื่อทักษิณ บ่ายเบี่ยง อ้างว่ากฤษฎีกาดูแล้วบอก ไม่เข้าข่าย ๑๙๐ วรรค ๒ คือไม่ต้องให้รัฐสภาพิจารณา แค่ให้ ครม.ทักษิณเห็นชอบวันนี้ (๑๙ มิ.ย.๕๕) ก็พอแล้ว!?​

เอาล่ะ...อาจแค่ให้ใช้ดูลมตาที่รัฐบาลบอกก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ รัฐบาลที่ไม่มีเครดิตให้ประชาชนเชื่อถือ พูดอะไร ใครก็ไม่เชื่อ ผมอยากให้ติดตามอ่านที่ท่านอาจารย์ "เขียน ธีรวิทย์" แจงประเด็นไว้ที่หน้า ๔ ไทยโพสต์ มีทั้งหมด ๕ ตอน อย่าพลาดเชียว และพอดี คุณ thanong khanthong(thanongkhanthong@gmail.com) ได้สรุปประเด็นเป็นการ "ขมวดปัญหาโลก" ในเรื่อง "ไม่รู้ผู้ก่อการร้ายมาฝังตัวบ้านเราหรือยัง สถานการณ์น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง" มาให้อ่านตั้งแต่วันเสาร์ เพื่อเห็นโลก-เห็นปัญหากว้างขึ้น ขออนุญาตนำเผยแพร่ ดังนี้​

"Panel to discuss use of U-Tapao - The Nation"

เอาจนได้ ประวัติศาสตร์กำลังจะย้อนรอย ขณะนี้ซีเรียกำลังจะเป็นสมรภูมิแล้ว เพราะว่ากองกำลังทหารต่างชาติหมื่นกว่านายได้แทรกซึมเข้าไปในประเทศเรียบร้อยแล้ว กองกำลังทหารต่างชาติและกบฏภายในประเทศพยายามจะล้มประธานาธิบดีอาซัด โดมิโนตัวสำคัญ ก่อนที่จะลุยอิหร่านเป็นรายต่อไป เหมือนๆ กับที่ได้ล้ม ลิเบีย อิรัก อัฟกานิสถาน มาแล้ว

แต่จะล้มซีเรียคงจะไม่ง่าย เพราะว่าจีนและรัสเซียได้ออกมาเตือนว่า ถ้าซีเรียถูกรุกรานจากภายนอก จะส่งกองกำลังไปช่วยความตึงเครียดในตะวันออกกลางกำลังพุ่งสู่จุดอันตราย เพราะมีโอกาสมากที่สงครามจะขยายวงกว้าง กระทบมาถึงประเทศไทยด้วย อิหร่านจะต้องช่วยยันซีเรียให้ถึงที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะเป็นเป้ารายต่อไปของอภิมหาสงครามที่กำลังก่อตัวทะมึนอยู่ข้างหน้า​

ซีเรียสนับสนุนกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ มุสลิมปีกหัวรุนแรงที่เลบานอน ซึ่งเป็นศัตรูหลักของอิสราเอล ฮิซบุลเลาะห์ต้องการทำลายยิวให้สิ้นซาก ยิวก็อยากจะบุกบอมบ์อิหร่านให้รู้แล้วรู้รอด ที่ระเบิดขาขาดก่อการร้ายในซอยปรีดี สุขุมวิท 71 เมื่อต้นปีนี้ ยิวบอกว่าเป็นพวกฮิซบุลเลาะห์ต้องการทำลายยิวในไทย สุดท้ายเรื่องก็เงียบไปเหมือนเป่าสาก​

ทั้งยิว ซีเรีย อิหร่าน ต่างกำลังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด โดยมีมหาอำนาจคอยหนุน แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ใครดี-ใครอยู่ คงได้เห็นกันในเร็ววันนี้ แต่ประเด็นที่สำคัญ ถ้าสหรัฐและพันธมิตรบุกซีเรีย ไทยจะถูกดึงเข้าไปร่วมวงด้วย เพราะว่าสหรัฐจำต้องใช้อู่ตะเภาเป็นฐานบำรุงกำลัง โลจิสติกส์ เป็นที่เติมน้ำมัน ใช้ดาวเทียมเพื่อบังคับเครื่องบินไร้คนขับ เชื่อมโยงกับสงครามอิหร่านที่จะตามมา และการปิดล้อมจีนในภูมิภาคนี้ ประเทศไทยกำลังเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญในภูมิภาคนี้ ในอภิสงครามที่กำลังก่อตัวขึ้น​

Thai-US Panel to discuss use of U-Tapao - The Nation ข่าวนี้เป็นข่าวสำคัญที่กำลังจะตัดสินความเป็นความตายของประเทศไทย เพราะดูเหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานในการทำอภิมหาสงคราม เรื่องความร่วมมือป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติระหว่างไทยและสหรัฐที่อู่ตะเภาเป็นนิทานหลอกเด็ก ขณะนี้ได้ข่าวว่า ทางสหรัฐอเมริกาเริ่มขนคน อุปกรณ์ทางทหารเข้ามาประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการตรวจสอบ ผู้นำอิหร่านได้ประกาศก้องว่า "มือผู้ใดที่ทำร้ายมุสลิม มือผู้นั้นจะถูกตัดให้ขาด" ไม่รู้ว่าคนที่เซ็น MOU เรื่องอู่ตะเภากับสหรัฐ รู้เรื่องนี้หรือเปล่า จีนก็ออกมาเตือนไทยอย่างลับๆ ว่า "ไทยยังคงเป็นมิตรกับจีนหรือเปล่า?"​

รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังนำพาประเทศไทยเข้าสู่มหันตภัย เพราะว่าเรากำลังเลือกข้าง แทนที่จะวางตัวเป็นกลางในอภิมหาสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น เขมรฉลาดกว่าไทยเยอะ มือซ้ายรับความช่วยเหลือจากจีน มือขวาก็รับจากสหรัฐ เล่นได้ทั้งนั้น อินเดียบอกกับสหรัฐอย่างไม่เกรงใจว่า "ยูอยากจะรบกับจีนก็เรื่องของยู แต่อย่าเอาไอไปเกี่ยวข้องด้วย" แถมบอกด้วยว่า "ห้ามเอาดินแดนหรือทะเลของไอเป็นฐานของยูในการรบกับจีน"!​

สหรัฐถึงกับใบ้รับประทาน! แต่ไทยกำลังทำตัวไร้เดียงสา ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ช้างสารกำลังจะฟัดกัน เราเป็นมด ต้องรู้จักหลบหลีกในหญ้าแพรก ได้ข่าวว่า ทหารกลุ่มหนึ่งได้เข้าพบยิ่งลักษณ์เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย ที่เราจะยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพ แต่คงจะไม่มีผลอะไรมาก เพราะว่าน้องสาวทักษิณคนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว เป็นเรื่องประโยชน์เฉพาะตนทั้งนั้น คือ 1.อยู่ฝ่ายสหรัฐได้ประโยชน์ 2. มีสหรัฐหนุนเสถียรภาพของรัฐบาล​

คอบราโกลด์ที่เราจะฝึกทหารร่วมกับสหรัฐและพันธมิตรเพื่อนบ้านที่เมืองไทย จะเป็นจุด "หัวเลี้ยวหัวต่อ" ที่สำคัญ เพราะสหรัฐจะส่งทหารเข้าร่วมฝึกเต็มพิกัด รวมทั้งขนอาวุธเข้ามาอู่ตะเภาด้วย @paisalvision : ​

การฝึกคอบราโกลด์ที่ภาคเหนือเที่ยวนี้มาแปลก สหรัฐขนทหารเข้ามากที่สุดจาก ๕,ooo คน เป็น ๓๐,๐๐๐ คน และมีทหารยิวอีก ๕,ooo คน อาวุธหนักเพียบ มาแล้วคงจะอยู่ยาวเลย?​

ตอนที่ไทยอนุมัติให้สหรัฐใช้ฐานทัพอู่ตะเภาสมัยรัฐบาลถนอม ก็ตกลงกันแค่กระดาษแผ่นเดียว ไปๆ มาๆ ประเทศไทยกลายเป็นฐานทัพของสหรัฐในการถล่มอินโดจีน มีเครื่องบิน B-52 สามารถบรรทุกระเบิดได้ 300 ตัน มาลงเติมน้ำมัน ตอนนั้นเราไม่มีอำนาจอธิปไตย เป็นเมืองขึ้นทางทหาร เพราะเครื่องบินเขาจะขึ้นจะลง จะขนอาวุธอะไรมา เขาไม่แจ้งให้เราทราบ ตอนนี้คงไม่ต่างกันมาก ถ้าเรายอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานภัยพิบัติ ต่อไปอู่ตะเภาจะเป็นฐานทัพสหรัฐอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว!!!​

ถึงตอนนั้นจะสายเกินไป เพราะว่าจีนจะทยอยลดระดับความสัมพันธ์ทางการค้า การทูตกับไทย ประเทศมุสลิมทั้งหลายที่กำลังรวมตัวกันต่อต้านสหรัฐและพันธมิตร ก็จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเขาไปด้วย ประเทศมุสลิมทั้งหลายที่กำลังรวมตัวกันต่อต้านสหรัฐและพันธมิตร ก็จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเขาไปด้วย ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกับตอนสงครามเวียดนาม ตอนนั้นเป็นสงครามจำกัดวงเฉพาะในอินโดจีน ไม่ได้ขยายวงกว้าง แต่ตอนนี้สงครามจะขยายวงกว้าง มีความเป็นไปได้สูงที่จะพัฒนาเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3​

ที่จริงเรื่องอู่ตะเภาเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเป็นความตายของประเทศ จำต้องได้รับการถกเถียงกันในสภาฯ ท้ายที่สุดแล้ว จะเข้าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 หมายความว่ารัฐสภาจะเป็นผู้อนุมัติหรือไม่อนุมัติเรื่องอู่ตะเภา เพราะเป็นเรื่องสนธิสัญญาระหว่างประเทศ พูดกันอย่างกว้างๆ ตะวันออกและตะวันตกกำลังจะเผชิญหน้ากัน เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้นำโลกในหลายๆ ร้อยปีที่จะตามมา ที่ผ่านมา 400-500 ปี ตะวันตกครองโลกผ่านวิทยาการที่ก้าวหน้ากว่า การทหารที่เข้มแข็งกว่า อันนำมาสู่ลัทธิล่าอาณานิคม​

- ผู้นำโลกตะวันตกหรือโลกเสรีขณะนี้คือ อังกฤษ สหรัฐ ผู้นำโลกตะวันออกคือ จีน และรัสเซีย
- ฝ่ายแรกมีอาวุธทันสมัยกว่า มีแสนยานุภาพที่น่าสะพรึงกลัว
- ฝ่ายหลังได้เปรียบที่ประชากรมากกว่าหลายเท่า อาวุธเทคโนโลยีไม่ห่างกันมาก
- ฝ่ายตะวันออกหลักจะมี จีน รัสเซีย ประเทศในกลุ่มโซเวียตเดิม อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน อัฟกานิสถาน และมุสลิมหลักๆ
- ฝ่ายตะวันตกคือ อังกฤษ สหรัฐ ยิว ซาอุฯ พันธมิตตะวันออกกลาง และนาโต
ดูกันดีๆ เหมือนกับเป็น "สงครามครูเสด" สมัยใหม่!?​

ถ้าเราดำเนินนโยบายต่างประเทศผิด ประเทศไทยจะล่มจมทันที เพราะฉะนั้น เราต้องต้านการใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพสหรัฐ ถ้าเรา "ชักศึกเข้าบ้าน" การก่อการร้ายจะตามมา ไม่รู้ว่า "ผู้ก่อการร้าย" มาฝังตัวกันแล้วหรือยัง สถานการณ์น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง?.​

เปลว สีเงิน

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555​

ที่มา http://www.thaipost.net/news/190612/58436​

 

เอาจีนก็ยุ่ง เอาอเมริกัน ก็ยุ่ง ไม่เอา น่าจะ มัชฌิมาปฏิปทา จีนคุมพม่านี้สิงคโปร์ มาเลย์ อเมริกัน ก็ปวดหัวแล้ว เพราะเรือจีนเรือเกาหลีเหนือ ไม่ต้องไปผ่านสิงคโปร์น้ำมันการส่งออกสบาย เหมือนไทยที่ไปลงทุนท่าเรือที่พม่า(ตรงข้ามกาญ) การส่งสินค้าเราไปยุโรปตะวันออกกลางลดค่าใช้จ่ายเยอะ นำมันก็เหมือนกัน

 

แหล่งอาหารโปรตีนกำลังจะหมดไป...
มาเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองกันเถอะ​

​

สไปรูไลน่าอาหารที่ดีของคนและสัตว์​

สไรูไลนาหรือสาหร่ายเกลียวทอง คือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิดหนึ่งที่เป็นแพลงก์ตอนที่มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น ชีวิตประกอบด้วยเซลล์ที่มาต่อกันเป็นเส้นเกลียวหรือเส้นตรง สืบพันธุ์โดยหักเป็นท่อนแล้วยาวต่อไป พบได้ในแหล่งน้ำเขตร้อนรวมทั้งประเทศไทย เนื่องจากสไปรูไลนาเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่ผนังเซลล์ไม่มีเซลลูโลส จึงกินง่าย ย่อยง่าย ดูดซึมเร็วและกากน้อย ประกอบกับสไปรูไลนามีคุณค่าทางโภชนาการหลากหลายมาก มีโปรตีนดี อุดมด้วยไวตามินและเกลือแร่หลายชนิด มีสารเร่งสีสำหรับสัตว์ และมีสารต้านเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัส จึงเหมาะที่จะนำมาเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารของคนและสัตว์ เพื่อสุขภาพที่ดีทุกคนควรรับประทานสไปรูไลนาสด วันละ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ ทุกวัน​

การเพาะเลี้ยงสไปรูไลนา(สาหร่ายเกลียวทอง)​

พันธุ์สไปรูไลนาหรือหัวเชื้อ​

ติดต่อได้ที่ สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง จ.สงขลา ,หน่วยให้คำปรึกษาและพัฒนาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช และภาควิชาเพาะเลี้ยง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ​

การลำเลียงพันธุ์​

ใส่ถุงพลาสติก หรือภาชนะอื่น โดยไม่ต้องอัดออกซิเจน แต่ต้องคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 25oC เช่น ลำเลียงไปในรถติดแอร์ หรือกรองหัวเชื้อให้เข้มข้นขึ้น บรรจุกล่องโฟมที่มีน้ำแข็ง ปิดฝาผนึกให้แน่นไม่ให้อากาศเข้าในการลำเลียงระยะไกล​

อุปกรณ์​

ภาชนะ การเพาะเลี้ยงเพื่อเก็บผลผลิตควรใช้ภาชนะที่มีความจุไม่ต่ำกว่า 50 ลิตร ถ้าเป็นภาชนะใส เช่น ตู้กระจกไม่จำกัดความลึก แต่ถ้าเป็นภาชนะทึบ ความลึกไม่ควรเกิน 70 เซนติเมตร และความลึกต้องน้อยกว่าความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลาง หรือความกว้างของปากภาชนะ ภาชนะต้องวางให้ได้รับแสง ภาชนะ 50-100 ลิตร วางบริเวณชายคาที่แสงแดดส่องตรง 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าเป็นภาชนะที่มีความจุตั้งแต่ 500 ลิตร ให้วางกลางแจ้ง โดยมีหลังคาใสกันฝนและมีผ้าพรางแสง เมื่อแดดมากเกินไป​

อุปกรณ์ให้ฟองอากาศ หรืออุปกรณ์ที่จะทำให้น้ำหมุนวน จะเป็นปั๊มลมโดยใช้หัวทรายหรือท่อเอสลอนเจาะรูให้ลมออก หรือจะใช้กังหันก็ได้ โดยมีเงื่อนไข คือ ทำให้น้ำหมุนวนทั่วถึงแต่ไม่แรงเกินไป​

ปุ๋ย สไปรูไลนาเป็นพืช เจริญเติบโตโดยการสังเคราะห์แสง เมื่อได้ปุ๋ย สามารถใช้ปุ๋ยได้หลายสูตรเช่นเดียวกับที่ใช้เพาะเลี้ยงสาหร่ายหรือแพลงก์ตอนพืชอื่นๆ​

สูตรปุ๋ยที่แนะนำ

สูตรทั่วไป สำหรับเพาะเลี้ยงสไปรูไลนา 1 ตันหรือ 1000 ลิตร​

โซเดียมไนเตรท (NaNO3) 150 กรัม

ไดโปแตสเซียมหรือไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (K2HPO4หรือNa2HPO4 ) 30 กรัม

โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) 1000 กรัม
อามิ-อามิ หรือกากผงชูรส (ถ้ามี) ชนิดเจือจาง500 ซีซี หรือ ชนิดเข้มข้น 100 ซีซี
*** ละลายปุ๋ยทีละตัวจนได้น้ำใส ถ้าปุ๋ยเกาะกันเป็นก้อนตำให้แหลกก่อน​

สูตรพิเศษ สำหรับเพาะเลี้ยงสไปรูไลนา 1 ตัน หรือ 1000 ลิตร​

โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) 3000 กรัมโซเดียมไนเตรท (NaNO3) 500 กรัม

ไดโปแตสเซียมหรือไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (K2HPO4หรือNaHPO4 ) 150 กรัม

โปแตสเซียมซัลเฟต (K2SO4) 300 กรัม
โซเดียมคลอไรท์ หรือเกลือแกง (NaCl)300 กรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4.7H2O) 60 กรัม
แคลเซียมคลอไรท์ (CaCl2) 12 กรัม
เฟอรัสซัลเฟต (FeSO4.7H2O) 3 กรัม
อีดีทีเอ (EDTA) 24 กรัม
อามิ- อามิ (ถ้ามี) เข้มเข้ม100 มล. หรืออามิ-อามิเจือจาง 500 มล.​

*** สารเคมีหรือปุ๋ยใช้เกรดการค้าที่ปลอดภัยในการปลูกพืช สารเคมีและอุปกรณ์ซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือร้านขายเคมีภัณฑ์​

น้ำ น้ำที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงใช้น้ำใสสะอาดที่ใช้หุงต้มได้ เช่น น้ำบาดาล น้ำบ่อ น้ำประปาที่ไม่มีคลอรีน น้ำที่ใช้ในการล้างสไปรูไลนาใช้น้ำเย็นที่ใสสะอาดใช้หุงต้มได้ แล้วล้างด้วยน้ำที่ดื่มได้เป็นน้ำสุดท้าย​

สวิง สำหรับกรองสไปรูไลนาทำด้วยผ้าสกรีนภาพ ขนาดตา 60 ไมครอน สำหรับกรองเศษตะกอนทำด้วยผ้าเย็บมุ้งขนาดตา 500 - 700 ไมครอน​

*** ผ้าขนาดตา 60 ไมครอน ซื้อจากร้านขายผ้าสกรีนภาพ​

​

วิธีการเพาะเลี้ยง​

1. ล้างภาชนะและอุปกรณ์ เช่น หัวทรายให้สะอาด ตากให้แห้ง วางให้ได้แสงอย่างเพียงพอ อุณหภูมิอยู่ในช่วง 28 - 35 องศาเซลเซียส​

2. เช็คปริมาณสไปรูไลนาในหัวเชื้อที่ได้ ถ้า 1 ลิตร มี สไปรูไลนา(กรองด้วยสวิง 60 ไมครอน) 1 ช้อนกาแฟ เพิ่มน้ำได้ 2 เท่า ถ้าได้ 2 ช้อนกาแฟ เพิ่มน้ำได้ 5 เท่า ถ้าได้ 10 ช้อนกาแฟ เพิ่มน้ำได้ 29 เท่า​

3. ควรเริ่มเพาะเลี้ยงในตอนเช้า โดยใช้น้ำที่จะเพิ่มลงไปละลายปุ๋ย ใส่น้ำปุ๋ยและน้ำส่วนที่เหลือลงในภาชนะ ใส่หัวเชื้อที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับน้ำในภาชนะลงไป เสียบปลั๊กให้น้ำเคลื่อน ถือเป็นการเริ่มต้นเพาะเลี้ยง​

*** อย่าให้น้ำฝนลงในภาชนะที่เพาะเลี้ยงสไปรูไลนามากเกิน 5 - 10% ของปริมาตรน้ำทั้งหมด​

*** ถ้าเลี้ยงสไปรูไลนากลางแจ้ง หรืออุณหภูมิของน้ำเกิน 30oC อย่าให้น้ำหยุดเคลื่อนเกิน 1 ชั่วโมง​

​

4. หลังจากเพาะเลี้ยงได้ 2 วัน ตรวจสอบปริมาณสไปรูไลนา ทุกวัน ถ้า 1 ลิตร กรองสไปรูไลนาได้ไม่ต่ำกว่า 1 ช้อนกาแฟ ให้เพิ่มน้ำเพิ่มปุ๋ยหรือเก็บเกี่ยวได้ เก็บเกี่ยวกี่ครั้งก็ได้ แต่เมื่อเหลือสไปรูไลนาในภาชนะเลี้ยง 1 ช้อนกาแฟในน้ำ 3 ลิตร ต้องหยุดเก็บเกี่ยว และใส่ปุ๋ย ภาชนะ 1 ตัน ถ้าเก็บครั้งเดียวจะเก็บสไปรูไลนาได้ 2 - 4 กิโลกรัม​

*** ถ้าสไปรูไลนาที่เพาะเลี้ยงมีสีเข้มขึ้น เรื่อยๆ มองดูคล้ายเมฆสีเขียว ใช้แก้วตักดูไม่เห็นตะกอนแขวนลอย แสดงว่าสไปรูไลนาเจริญเติบโตดี ถ้าสีจางลงและเป็นสีมอ ๆ คล้ายเปื้อนฝุ่น แสดงว่าแสงมากเกินไป ถ้าเพาะเลี้ยงเกิน 7 วัน จึงได้สไปรูไลนา 1 ช้อนกาแฟ/ลิตร แสดงว่าแสงน้อยไป เหมาะสำหรับการเก็บรักษาหัวเชื้อ แต่ไม่เหมาะสำหรับการเพาะเลี้ยงเพื่อเก็บผลผลิต ถ้าสไปรูไลนาเกาะกลุ่มใช้มือตีเบา ๆ หรือเพิ่มการเคลื่อนมวลน้ำเพื่อไม่ให้เกาะกลุ่ม ถ้าไม่มีสีเขียวเลย แสดงว่าตายแล้ว​

*** ในช่วงที่อากาศเย็นหรือหลังเที่ยงคืน สามารถถอดปลั๊กเครื่องทำให้น้ำเคลื่อน 2 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่อง ประหยัดไฟและเพื่อตรวจดูสภาพของ สไปรูไลนา ถ้าสไปรูไลนาลอยอยู่ผิวน้ำมาก แสดงว่าสไปรูไลนาแข็งแรงและส่วนใหญ่แก่แล้ว ถ้าเห็นน้ำเป็นสีเขียวทั่วภาชนะ แสดงว่าแข็งแรงดีแต่ยังอ่อน แต่ถ้าส่วนใหญ่จมอยู่ข้างล่างแสดงว่าไม่แข็งแรงหรือกำลังขาดปุ๋ย​

วิธีเก็บเกี่ยว​

ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้ามืดหรือช่วงอากาศเย็น หยุดเครื่องทำให้น้ำเคลื่อน 1 - 2 ชั่วโมง เมื่ออากาศเย็น 5 - 10 นาที เมื่ออากาศร้อน ตักน้ำในบ่อหรือถังเพาะใส่สวิง สไปรูไลนาจะค้างอยู่ในสวิงขนาด 60 ไมครอน ขณะที่ตะกอนหยาบค้างอยู่ในสวิงตาหยาบ ส่วนน้ำเลี้ยงพร้อมตะกอนขนาดเล็กจะหลุดออกไป เทน้ำสะอาด (ใช้น้ำแช่น้ำแข็งยิ่งดี) ลงบนสไปรูไลนาเบา ๆ ใช้มือช้อนใต้สวิง ขยับมือเพื่อช่วยให้ทุกเส้นสายของสไปรูไลนาได้รับการล้างโดยน้ำไหลผ่านหลาย ๆ ครั้ง จนสะอาด สไปรูไลนา 1 ขีด ใช้น้ำล้างประมาณ 15-20 ลิตร​

สไปรูไลนาที่ล้างสะอาด สีจะเป็นมันเนื้อละเอียด กลิ้งในถุงพลาสติก ดมดูไม่มีกลิ่น ชิมดูไม่ได้รสอื่นยกเว้นหวานมันเล็กน้อย ถ้ากลืนจะรู้สึกลื่นคอ ล้างเสร็จรับประทานได้ทันที หากยังไม่รับประทานให้บรรจุภาชนะแล้วแช่น้ำแข็งทันที เพื่อรักษาคุณภาพ​

*** สไปรูไลนาแท้ จะทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น หลังจากรับประทานแล้วประมาณ 10 นาที ถ้าทาใบหน้าแล้วทิ้งไว้ให้แห้งจะรู้สึกตึงที่ใบหน้า ล้างออกจะเห็นใบหน้าสะอาดขึ้น ถ้าปวดท้องอาการจะทุเลาหลังรับประทานไม่เกิน 1 ชม.​

วิธีเก็บรักษา​

เก็บในตู้เย็นใต้ช่องแช่แข็ง (แต่ไม่เป็นน้ำแข็ง)หรือแช่ในน้ำแข็ง หรือเก็บที่อุณหภูมิ 1-2องศาเซลเซียส ได้นาน 3-10 วัน แต่ต้องเก็บเกี่ยวมาอย่างดี และไม่นำออกนอกตู้เย็นนาน หากรับประทานไม่หมดภายใน 7 วันให้นำไปแช่แข็งหรืออบหรือตากแห้ง จะเก็บในตู้เย็นได้นานแต่คุณค่าทางอาหารจะลดลง​

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่
คุณธิดา เพชรมณี
www.nicaonline.com

 

เดินตามรอยเท้าพ่อ คือหนทางรอดจากภัยพิบัติทั้งปวง!!!​

<CENTER style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><TABLE cols=1 width="95%"><TBODY><TR><TD><CENTER></CENTER><DD>

เมื่อ<WBR>ปี พ.ศ<WBR>. ๒๕๒๙ งาน<WBR>วิจัย<WBR>และ<WBR>พัฒนา<WBR>โครง<WBR>การ<WBR>ส่วน<WBR>พระ<WBR>องค์ สวน<WBR>จิตรลดา ได้<WBR>ทำ<WBR>การ<WBR>ศึกษา<WBR>ความ<WBR>เป็น<WBR>ไป<WBR>ได้<WBR>ใน<WBR>การ<WBR>นำ<WBR>น้ำ<WBR>กาก<WBR>มูล<WBR>หมัก ซึ่ง<WBR>เป็น<WBR>ผล<WBR>พลอย<WBR>ได้<WBR>จาก<WBR>การ<WBR>ผลิต<WBR>แก๊ส<WBR>ชีวภาพ<WBR>มา<WBR>ใช้<WBR>เลี้ยง <WBR>สาหร่าย<WBR>เกลียว<WBR>ทอง และ<WBR>ศึกษา<WBR>สูตร<WBR>อาหาร<WBR>ที่<WBR>เหมาะ<WBR>สม<WBR>ใน<WBR>การ<WBR>เลี้ยง<WBR>โดย<WBR>เติม<WBR>ธาตุ<WBR>อาหาร<WBR>บาง<WBR>ชนิด<WBR>ลง<WBR>ไป จาก<WBR>นั้น<WBR>นำ<WBR>สาหร่าย<WBR>เกลียว<WBR>ทอง<WBR>ไป<WBR>เป็น<WBR>ส่วน<WBR>ผสม<WBR>ใน<WBR>การ<WBR>ผลิต<WBR>อาหาร<WBR>ปลา เพราะ<WBR>มี<WBR>โปรตีน<WBR>สูง<WBR>ถึง<WBR>ร้อย<WBR>ละ ๖๕-๗๐ เปอร์เซ็นต์​

<DD>

<WBR><WBR>​

<DD>

สาหร่าย<WBR>เกลียว<WBR>ทอง<WBR>มี<WBR>ผล<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>ปลา<WBR>เจริญ<WBR>เติบ<WBR>โต<WBR>อย่าง<WBR>รวด<WBR>เร็ว และ<WBR>เพิ่ม<WBR>สี<WBR>สัน<WBR>ของ<WBR>ปลา<WBR>ให้<WBR>สด<WBR>สวย<WBR>ยิ่ง<WBR>ขึ้น โดย<WBR>เฉพาะ<WBR>ปลา<WBR>คาร์ฟที่<WBR>นิยม<WBR>เลี้ยง<WBR>กัน<WBR>มาก​

<DD>

<WBR><WBR>​

<DD>

หลัง<WBR>จาก<WBR>ที่<WBR>เลี้ยง<WBR>สาหร่าย<WBR>เกลียว<WBR>ทอง<WBR>ได้<WBR>เป็น<WBR>ผล<WBR>ที่<WBR>น่า<WBR>พอ<WBR>ใจ<WBR>แล้ว ใน<WBR>ปี พ.ศ<WBR>. ๒๕๓๑ โครง<WBR>การ<WBR>ส่วน<WBR>พระ<WBR>องค์<WBR>สวน<WBR>จิตรลดา จึง<WBR>ได้<WBR>สร้าง<WBR>โรง<WBR>อาหาร<WBR>ปลา<WBR>ขึ้น เพื่อ<WBR>ผลิต<WBR>อาหาร<WBR>ปลา<WBR>ออก<WBR>จำหน่าย<WBR>ใน<WBR>ราคา<WBR>ที่<WBR>ถูก<WBR>กว่า<WBR>ท้อง<WBR>ตลาด ส่วน<WBR>ผสม<WBR>ของ<WBR>อาหาร<WBR>ได้<WBR>จาก<WBR>วัสดุ<WBR>เหลือ<WBR>ใช้<WBR>ทางการ<WBR>เกษตร<WBR>เป็น<WBR>ส่วน<WBR>ใหญ่ ซึ่ง<WBR>ได้<WBR>แก่ รำ<WBR>ละเอียด ปลาย<WBR>ข้าว กาก<WBR>ถั่ว ปลา<WBR>ป่น ใบ<WBR>กระถิน ผสมกับสาหร่าย<WBR>เกลียว<WBR>ทอง<WBR>ใน<WBR>ปริมาณ<WBR>ร้อย<WBR>ละ ๕ เพื่อ<WBR>เร่ง<WBR>การ<WBR>เจริญ<WBR>เติบ<WBR>โต และ<WBR>เพื่อ<WBR>เพิ่ม<WBR>สี<WBR>สัน<WBR>ของ<WBR>ปลา​

<DD> <DD><WBR><WBR><CENTER></CENTER></DD></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

<CENTER style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">โครง<WBR>การ<WBR>ส่วน<WBR>พระ<WBR>องค์<WBR>สวน<WBR>จิตรลดา<WBR><WBR>|โรง<WBR>งาน<WBR>อาหาร<WBR>สำเร็จ<WBR>รูป<WBR><WBR>|โครง<WBR>การ<WBR>อัน<WBR>เนื่อง<WBR>มา<WBR>จาก<WBR>พระ<WBR>ราช<WBR>ดำริ<WBR><WBR>
อุตสาหกรรม<WBR>เกษตร<WBR>อัน<WBR>เนื่อง<WBR>มา<WBR>จาก พระ<WBR>ปรีชา<WBR>ญาณ<WBR>ใน<WBR>พระ<WBR>บาท<WBR>สมเด็จ<WBR>พระ<WBR>เจ้า<WBR>อยู่<WBR>หัว</CENTER>

 

ในสังคมชิงดี..ชิงเด่น สังคมแก่งแย่ง..แข่งขัน
ใครถอนตัวออกจากเกมส์การแข่งขันได้ทัน
เดินตามรอยเท้าพ่อได้
ตั้งอยู่ในความพอเพียง
คุณคือผู้อยู่รอดได้...อย่างยั่งยืน​

 

รวมข้อมูลการมองเห็นภาพนิมิต
"ดาวหางพุ่งชนโลก"​

​

คำพยากรณ์ที่ 8 : อุกกาบาตยักษ์ตกลงสู่พื้นโลก<O</O< font>​

La grande montagne ronde de sept stades,<O</O< b>
Apres paix, guerre, faim, inondation,<O</O< b>
Roulera loin abimant grands contrades,<O</O< b>
Memes antiques, et grande fondation. (I,69)<O</O< b>​

<O</O< p>

คำแปล​

<O</O< p>

​

ในขณะที่เอเชียประสบกับความเดือดร้อนทั่วทุกหย่อมหญ้า ทุกหนทุกแห่งกำลังตกอยู่ในภาวะสงคราม เกิดทุพภิกขภัย และอุทกภัยอยู่นั้น จะมีหินกลมขนาดยักษ์ (ก้อนอุกกาบาต) ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งไมล์ หมุนลอยละล่องตกจากท้องฟ้าลงมาสู่โลก ผลจากการตกลงมาของหินยักษ์นี้ จะทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในประเทศใหญ่ ๆ ที่มีอายุเก่าแก่ในโลกหลายประเทศ​

<O</O< font>ตีความและวิเคราะห์​

พร้อม ๆ กับที่สันติภาพกำลังถูกคุกคามอย่างหนักเพราะเกิดสงครามในตะวันออกไกลอยู่นั้น จะมีอุกกาบาตลูกหนึ่งตกลงมาในมหาสมุทรอินเดีย และจะเกิดผลทำลายล้างอย่างกว้างขวาง โดยทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่และรุนแรงในมหาสมุทรซัดเข้าไปท่วมชาติต่าง ๆ ในอาณาบริเวณรอบ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาติต่าง ๆ ในแอฟริกาตะวันออก ออสเตรเลีย และเอเชียใต้ จะประสบกับอำนาจทำลายล้างของอุกกาบาตยักษ์จากฟากฟ้าลูกนี้อย่างเต็มที่ ดินแดนต่าง ๆ ในแถบนี้ซึ่งมีภาวะสงครามอยู่แล้วก็จะเกิดความสับสนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
​

<O</O< p>

ในต้นฉบับของคำพยากรณ์ นอสตราดามุสไม่ได้บอกว่าเป็นอุกกาบาต แต่บรรยายไว้ว่าเป็นภูเขากลมขนาดใหญ่ ขนาดของภูเขาลูกนี้เขาบรรยายว่าใหญ่เจ็ดสแต๊ด จากรูปลักษณ์และขนาดที่บรรยายไว้นี้ เราพอจะอนุมานภูเขาลูกนี้ได้ สแต๊ดเป็นมาตราวัดของกรีกในสมัยโบราณ ซึ่งความยาวของมันจะแตกต่างไปตามกาลเวลาและสถานที่ แต่โดยทั่วๆไป หนึ่งสแต๊ดมีความยาวประมาณ 607-738 ฟุต เมื่อภูเขากลมลูกนี้มีขนาดเจ็ดสแต๊ด ก็จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ประมาณ 1 ไมล์ แต่ในที่นี้เราวิเคราะห์ว่า ภูเขา ได้แก่ ลูกอุกกาบาต ทั้งนี้เพราะในบรรทัดที่ 3 ของคำพยากรณ์ได้ชี้ชัดโดยระบุว่า ภูเขาจะหมุนลอยละล่องลงมาและในการหมุนลงมานั้นจะทำให้ชาติใหญ่ ๆ จมอยู่ใต้น้ำ​

( คัดลอกมาจากคำทำนาย บทที่ 8 ของนอสตราดามุส )​

<TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=btext style="FONT-SIZE: 15px; COLOR: rgb(0,19,32); LINE-HEIGHT: 22px; FONT-FAMILY: Arial, Helvetica, sans-serif" colSpan=2 height=20>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="99%">วิวรณ์บทที่ 8 Revelation 8 Thai: from KJV</TD><TD vAlign=top width="1%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
<HR color=#ddeeff SIZE=1>

1 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่เจ็ด ความเงียบก็ครอบคลุมสวรรค์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง 2 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์ที่ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้านั้น ได้รับพระราชทานแตรเจ็ดคัน​

3 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมายืนอยู่ที่แท่น และทรงประทานเครื่องหอมเป็นอันมากแก่ทูตองค์นั้น เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของวิสุทธิชนทั้งปวงบนแท่นทองคำที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น ​

4 และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของวิสุทธิชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า ​

5 แล้วทูตสวรรค์องค์นั้นก็นำกระถางไปบรรจุไฟจากแท่นจนเต็ม และโยนกระถางนั้นลงบนแผ่นดินโลก และมีเสียงต่างๆ ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และแผ่นดินไหว​

6 และทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือแตรทั้งเจ็ดนั้นต่างก็เตรียมพร้อมที่จะเป่า​

7 เมื่อทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตรขึ้น ลูกเห็บและไฟปนด้วยเลือดก็ถูกทิ้งลงบนแผ่นดิน ต้นไม้ไหม้ไปหนึ่งในสามส่วน และหญ้าเขียวสดไหม้ไปหมดสิ้น​

8 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตรขึ้น ก็มีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่กำลังลุกไหม้ถูกทิ้งลงไปในทะเล และทะเลนั้นได้กลายเป็นเลือดเสียหนึ่งในสามส่วน ​

9 สัตว์ทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่ในทะเลนั้นตายเสียหนึ่งในสามส่วน และบรรดาเรือกำปั่นแตกเสียหนึ่งในสามส่วน​

10 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรขึ้น ก็มีดาวใหญ่ดวงหนึ่งเป็นเปลวไฟลุกโพลงดุจโคมไฟตกจากท้องฟ้า ดาวนั้นตกลงบนแม่น้ำหนึ่งในสามส่วน และตกที่บ่อน้ำพุทั้งหลาย ​

11 ดาวดวงนี้มีชื่อว่าบอระเพ็ด รสของน้ำกลายเป็นรสขมเสียหนึ่งในสามส่วน และคนเป็นอันมากก็ได้ตายไปเพราะน้ำนั้นกลายเป็นน้ำรสขมไป​

12 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตรขึ้น ดวงอาทิตย์ก็ถูกทำลายไปหนึ่งในสามส่วน ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายก็เช่นเดียวกันจึงมืดไปหนึ่งในสามส่วน กลางวันก็ไม่สว่างเสียหนึ่งในสามส่วน และกลางคืนก็เช่นเดียวกับกลางวัน​

13 แล้วข้าพเจ้าก็มองดูและได้ยินทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่บินอยู่ในท้องฟ้า ร้องประกาศเสียงดังว่า "วิบัติ วิบัติ วิบัติ จะมีแก่คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลก เพราะเสียงแตรของทูตสวรรค์ทั้งสามองค์กำลังจะเป่าอยู่แล้ว"​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่มา http://tha.scripturetext.com/revelation/8.htm

คำพยากรณ์โลกของนางจีน ดิกสัน
(Jean Dixon)
​

นางจีน ดิกสัน โหรหญิงเลื่องชื่อชาวอเมริกัน มองเห็นเหตุการณ์ การเมืองในอนาคตและได้ทำนายเอาไว้ว่า :-​

-ในอนาคตประเทศจีนจะเป็นฝ่ายคุกคามต่อสันติภาพของโลก โดยจะแสดงเขี้ยวเล็บออกมาให้ปรากฎในช่วง 25 ปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 21​

-ในตะวันออกกลาง จะเกิดสงครามหลายครั้งระหว่างอิสราเอลกับอาหรับ สลับกับการเจรจาสันติภาพและการหยุดยิงเป็นช่วงๆ แต่เหตุการณ์จะร้ายแรงที่สุด เมื่อจีนบุกเข้าไปในตะวันออกกลาง และได้รับความร่วมมือจากฝ่ายอาหรับ จนความขัดแย้งกลายเป็นสงครามใหญ่ ระหว่างตะวันออกกับตะวันตก สงครามครั้งนี้ประเทศอิสราเอลจะถูกทำลายอย่างย่อยยับ เช่นเดียวกับฝ่ายอาหรับ​

-ดาวหางดวงหนึ่งจะพุ่งเข้ามาชนโลก ซึ่งจะยังผลให้เกิดแผ่นดินไหว และเกิดคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรต่างๆ ซัดกระหน่ำเข้าหาฝั่ง สร้างหายนะภัยใหญ่หลวงให้แก่มวลมนุษย์ชาติสุดที่จะพรรณา​

-จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในคริสต์จักรโลก​

-สหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิปดีหญิงเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา​

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
​

From : 1p2m [5 กุมภาพันธ์ 2553 01:58] ​

​

​

ลองเข้าไปดูเรื่องวันสิ้นโลกตามแนวทางพระคัมภีร์ของคริสเตียนบ้าง เพิ่ง Update บล็อกใหม่ มีหลายเรื่องที่อยากนำเสนออีกเช่น ​

นิมิตที่พระเจ้าสำแดงให้เห็นว่าจะมีอุกกาบาตใหญ่ 3 ลูกตกที่ อ่าวเม็กซิโก และมหาสมุทรแอตแลนติกด้วย ใหญ่ขนาดทำให้เกิดคลื่นยักษ์อย่างที่ดูในหนัง Deep Impact เลยนั่นแหละ และผู้เ็ห็นนิมิตจากพระเจ้าได้เปิดเผยแผนที่อเมริกา ที่จะถูกคลื่นถล่มจนเละด้วย รอติดตามนะ


เพิ่มเติมครับ เรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ที่แปซิฟิกครั้งนี้ ใหญ่หลวงมากขนาดทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงเป็นร้อยฟุต ถล่มชายฝั่งอเมริกาเหนือ คือกวาดลอสแองเจลิส และเมืองใหญ่ชายฝั่งเรียบเลยทีเดียว ไม่ใช่ซึนามิแบบเด็ก ๆ ที่เคยเกิดที่เมืองไทยน่ะ ​

ที่มาทำนายนี้ มาจากนิมิต ไม่ใช่ Bible Code และที่สำคัญต่อมาคือ เขาทำนายว่า จะเกิดกลียุคหรือสงครามกลางเมืองในอเมริกาพร้อม ๆ กับการใช้ Martial Law หรือ พรก ฉุกเฉิน + กฎอัยการศึก แบบบ้านเรานั่นแหละ และ รัสเซียกับจีนอาจจะถือโอกาสบุกอเมริกา เกิดสงครามโลกครั้งที่สามได้ในปีนี้ เรื่องสงครามนิวเคลียร์นี้ กำลังแปลนิมิตที่เขาเห็นมาให้อ่าน อเมริกาจะถูกบอมบ์ด้วยนิวเคลียร์ในเมืองใหญ่ ๆ คนตายเป็นล้าน ๆ ​

และหลายฝ่ายทำนายคล้ายกันว่าปี 2012 จะมีผู้มาจากต่างแดนไกลหรือมนุษย์ต่างดาว มาเพื่อยุติสงครามโลกนิวเคลียร์นี้ และประกาศตัวเป็นจ้าวโลกควบคุมมนุษย์ทั้งหมด แต่ที่แน่ ๆ แผ่นดินไหวใหญ่ใน กันยายน ปีนี้ต้องจับตาดูอย่ากระพริบตา รับรองว่าช๊อกกันทั้งโลกแน่ ๆ เพราะอาจะทำให้โกลาหลวุ่นวายทั้งโลก เพราะมันจะทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่าหายนะ 2012 คงเกิดจริงแน่ ๆ ! ​

ที่มา Bloggang.com : jesdath​

buddhpunjat สมาชิก​

ญานรู้ของคุณอัญญาสิทธิ์...ดูอนาคตได้ตรงกับหมอแกนเป๊ะเลยค่ะ รวมทั้งเหตุการณ์เริ่มต้นด้วยที่จะเกิดจากเหตุภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิดน่ะค่ะและหมอแกนยังพูดถึงเหตุการณ์ต่อไปอีกค่ะ...​

ว่าต่อจากสงครามโลกแล้ว ก็จะเกิดมีเหตุการณ์อุกกาบาตชนโลก 3 ลูก ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนตายมากที่สุดอีก แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่กล้าถามว่าคุณอัญญาสิทธ์เห็นไปถึงไหมค่ะ...เกรงว่าเพื่อนๆในห้องจะพากันเป็นลมสลบกันหมดเสียก่อนอ่ะค่ะ..​

19-06-2012, 04:43 PM​

ที่มา http://palungjit.org/threads/กระทู้...ธิ์-ขอเชิญเข้ามาสอบถามได้ที่นี่.344425/page-4​

 

กฏ ระเบียบ และวิธีปฏิบัติตัว
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์เป็นที่หลบภัยพิบัติ​

<TABLE class=tborder id=post6286888 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px arial, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247)" width=175>เอกณัฐยศ
สมาชิก



วันที่สมัคร: Dec 2006
อายุ: 50
ข้อความ: 1,232
Groans: 2
Groaned at 2 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 25
ได้รับอนุโมทนา 9,348 ครั้ง ใน 938 โพส
พลังการให้คะแนน: 965


</TD><TD class=alt1 id=td_post_6286888 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239)">เรียน คุณอัญญาสิทธิ์

1 ผู้ที่รับลูกแก้วที่จะไปลงชื่อที่กรุงเทพฯ มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
2 การเดินทางไปพุทธสถาน หนองคาย โดยรถทัวร์ไปอย่างไร
3 ผู้ที่จะไปพุทธสถานต้องเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์อย่างไรบ้าง หรือมีสิ่งของอะไรติดตัวไปบ้าง
4 เมื่อไปพักในพุทธสถานแล้ว ต้องมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
5 การพักในพุทธสถานพักได้นานแค่ไหน มีค่าใช้จ่ายอะไรหรือเปล่า
6 ระเบียบและข้อปฎิบัติในพุทธสถานและการอยู่ร่วมกันในที่นั้น มีอย่างไรบ้าง

สอบถามเพิ่มเติม

1 หากจะไปหาซื้อบ้านที่หนองคายจะไปอยู่อำเภอไหนดี
2 จังหวัดขอนแก่น, อุดรธานี และชัยภูมิควรเลือกอยู่อำเภอไหนจึงปลอดภัย
3 การเตรียมอาหาร ควรมีอาหารและน้ำสำรองไว้นานกี่เดือน

รบกวนให้คำแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณครับ
_____________________________________
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder id=post6288995 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px arial, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247)" width=175>Aunyasit
สมาชิก



วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,392
Groans: 0
Groaned at 131 Times in 30 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,665 ครั้ง ใน 1,077 โพส
พลังการให้คะแนน: 887


</TD><TD class=alt1 id=td_post_6288995 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239)">คุณ เอกณัฐยศ :-

1 ผู้ที่รับลูกแก้วที่จะไปลงชื่อที่กรุงเทพฯ มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
จะแจ้งให้ทราบปลายเดือน ก.ค. 55 นี้ครับ

2 การเดินทางไปพุทธสถาน หนองคาย โดยรถทัวร์ไปอย่างไร
จาก กทม.ขึ้นรถที่หมอชิต ลงที่ขนส่ง จ. หนองคาย แล้วก็ต่อรถบัสสายต่างๆที่ไปทาง อ. โพนพิสัย หรือไม่ก็นั่งรถสามล้อไปครับ ค่ารถสามล้อจะแพงหน่อย ประมาณ 200-300 บาท(ระยะทาง 20 กม.)

3 ผู้ที่จะไปพุทธสถานต้องเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์อย่างไรบ้าง หรือมีสิ่งของอะไรติดตัวไปบ้าง
สิ่งของต่างๆที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพครับ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้งและอื่นๆสำหรับตนเองและครอบครัว ตามอัตภาพของแต่ละคน รวมทั้งชุดขาว สิ่งที่คณะผมเตรียมไว้ให้ก็มี แผ่นปูพื้น เต็นท์ ระบบน้ำ ห้องน้ำห้องส้วม ระบบแสงสว่าง ฯลฯ

4 เมื่อไปพักในพุทธสถานแล้ว ต้องมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
หน้าที่ของแต่ละคนคณะทำงานยังไม่ได้กำหนดครับ คิดว่าต้องดูตามศักยภาพของแต่ละบุคคลว่ามีประสบการณ์ด้านใดบ้าง ที่สำคัญก็คือการมีจิตอาสา แต่ผมมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลานั้น บุคคลที่จะมาถึงและอาศัยอยู่ที่พุทธสถานฯได้จะ มีคุณภาพทุกคน โดยเฉพาะคุณภาพทางด้านศีลธรรมครับ

5 การพักในพุทธสถานพักได้นานแค่ไหน มีค่าใช้จ่ายอะไรหรือเปล่า
การพักที่พุทธสถานฯคาดว่าจะอยู่กันจนคิดว่าสถานการณ์โดยทั่วไปปลอดภัย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะพิจารณากันตามสถานการณ์ครับและก็คงเป็นไปตามความสมัครใจซะมากกว่า แต่เท่าที่พิจารณาดูต่อไปบริเวณใกล้ๆพุทธสถานฯ จะกลายเป็นชุมชน เป็นเมืองเล็กๆขึ้นมาครับ

ส่วนค่าใช้จ่ายไม่มีครับ คณะผมทำงานนี้กันเพื่อบุญกุศลครับ ไม่มีการเก็บตังค์ผู้ที่มีสิทธิ์มาอยู่อาศัย ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคัดคนมาให้แล้ว คณะเรามีหน้าที่ดูแลกันไปให้เขากินดีอยู่ดี อยู่ดีมีความสุข และปกป้องคุ้มครองรักษาให้พวกเขามีความอยู่รอดปลอดภัย ครับ

6 ระเบียบและข้อปฎิบัติในพุทธสถานและการอยู่ร่วมกันในที่นั้น มีอย่างไรบ้าง
การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขนั้นจะใช้กฏของศีลห้า ซึ่งเป็นบทบัญญัติแห่งการเป็นมนุษย์ เป็นหลักครับ

สอบถามเพิ่มเติม

1 หากจะไปหาซื้อบ้านที่หนองคายจะไปอยู่อำเภอไหนดี
ตามที่ดอนของหลายๆอำเภอของ จ. หนองคาย สามารถอยู่อาศัยได้ครับ

2 จังหวัดขอนแก่น, อุดรธานี และชัยภูมิควรเลือกอยู่อำเภอไหนจึงปลอดภัย
จ.ขอนแก่น, อุดรธานี และชัยภูมิ ควรเลือกอยู่ในที่สูงๆ เพาะปลูกพืชผักได้ ไกลจากทางน้ำไหล และสำคัญให้ห่างไกลจากชุมชนหนาแน่นครับ

3 การเตรียมอาหาร ควรมีอาหารและน้ำสำรองไว้นานกี่เดือน

อาหารควรเตรียมไว้ให้สามารถอยู่ได้ 6 เดือน(ผลผลิตทางการเกษตรจะหายไป 1 ฤดูกาล) ถ้าจะสำรองเพิ่มเติมอีก 3 เดือนก็ดีครับ(รวม 9 เดือน) แต่อย่างน้อยควรให้อยู่ได้สัก 6 เดือน และในช่วงที่ฟ้าเปิดสว่างขึ้นมาแล้ว ก็ให้เร่งปลูกพืชผักกินได้เพิ่มเติมเพื่อการดำรงชีพครับ

ส่วนน้ำนั้น ควรใช้น้ำใต้ดิน(ลึกๆ) สามารถที่จะใช้ได้ตลอด จนกระทั่งมีผลกระทบจากนิวเคลียร์ลงมานั่นแหละจึงจะหาทางไปหาแหล่งน้ำที่ออกมาจากในภูเขาหรือตามถ้ำต่างๆ แต่หลายๆที่ก็จะไม่มีผลกระทบจากนิวเคลียร์ครับ
________________________________
</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://palungjit.org/threads/เฉพาะส...ใช้พุทธสถานฯเป็นที่หลบภัยพิบัติ.343175/page-7

 

อะไรจะเกิดก้อให้มันเกิด อย่าไปอะไรมาก ไปคิดเยอะ คงไม่ทำอะไรแล้ว นอกจากหาที่หลบภัยที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดจริงๆๆหรือไม่

 

มีคนเขาไปตื่นตูมในแบบที่คุณบอกมาในบอร์ดนี้ซักคนไหมครับ ไหนคุณยกตัวอย่างให้อ่านหน่อยครับ
อย่าลืมครับคุณพูดมาก็ดูว่าคุณเก่งคุณพร้อม คนอื่นเขาก็เป็นเหมือนคุณนะแหละครับ คนเหมือนกันครับคุณคิดเป็นคนอื่นก็คิดเป็นหรือคุณวิตกกับข่าวจนไม่อยากอ่านไม่อยากได้ยินใครพูเรื่องแบบนี้ปิดรับอะไรทั้งสิ้นใครพูดก็ด่า คำว่า โอ้ยสมัยนี้ภัยพิบัติเยอะ...อย่าไปคิดอะไรมากเลย ตายก็ตาย อย่าไปคิดอะไรมากเล๋ย ลองไปคุยกับใครเขาดูในตลาดก็ได้แม่ค้าในตลาดก็พูดแบบนี้
แต่ถามหน่อยไปยืนคุยกับแม่ค้าทั้งวันจะได้รู้เรื่องระบบดาวนั้นดาวนี้ โรคอะไรใหม่ๆไหม เศษกิจประเทศนั้นประเทศนี้จะล้มจะพังจะลุกอะไรมั่ง จะได้รู้ไหม คิดดูมั่ง

 

ขอบพระคุณที่สอนสั่ง คนโง่เขลาเบาปัญญาเช่นผม
แต่มันก๊เป็นแนวคิดของผม เรื่องความเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา

เรื่องดาวดาวผมก็ถือเป็นความรู้อย่างนึง จะจริงจะเท็จก็ว่ากันไปตามหลักฐาน
อาจจะมีที่ผมเห็นแย้งกันบ้างเพราะหลักฐานบางอย่างมันลอยๆๆๆ ผมก็แสดงความคิดเห็นก็เท่านั้น ผมผิดเหรอครับที่เห็นขัดแย้ง หรือว่าเขาห้ามโต้แย้งกันในบอร์ดครับ

ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียเวลาอ่านครับ และขอโทษที่ใช้พื้นที่บอร์ดครับ

 

ขอโทษเช่นกันครับ หากผมไปทำให้เคืองครับ
ผมยินดีครับและชอบอ่านมากในการที่มีข้อมูลขัดแย้ง แต่ต้องเป็นข้อมูลครับ หากเป็นการขัดแย้งโดยอาศัยเพียงการชักจูงหรือเป็นเพียงความรู้สึกไม่เชื่อเพียงอย่างเดียวย่อมก่อให้เกิดการเข้าใจผิดในในกันง่ายมากครับ และจะไม่สามัคคีกันคนหาข้อมูลอื่นๆที่บุคคลอื่นเฝ้ารอก็จะไม่มาบอกกล่าวอะไรกันเพิ่มเติม ส่วนตัวกระผมและคิดว่าน่าจะมีอีกที่หวังให้กระทู้ภัยพิบัติที่กล่าวมานี้ ไม่อยากให้เกิดขึ้นจริงเลยมันน่ากลัวมากสำหรับผู้ที่ยังมีบาปและไปไม่ถึงไหนเพียงแต่รู้สึกสงสารผู้ที่ยังไม่ข้ามพ้นได้มีโอกาศได้ก่อบุญเพิ่มของแต่ละคน

ปล นะครับการมีข้อมูลขัดแย้งนั้นดีถือว่าเราได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง ส่วนผมเองบางอย่างไม่น่าเชื่อก็จะผ่านๆไปไม่อ่านจนจบใช้ทั้ง2หลักการทั้งทางธรรมและทางวิทย์ ย่อมสว่างแจ้งและแทงตลอดครับ ขอบคุณครับที่เข้าใจ คุณนักรบ
แก้ไขเพิ่มเติม คือข้อมูลหลักแนวคิดแบบที่ผมบอกไปคือว่าไม่ได้ตัดสินอะไรในตัวบุคคล คือไม่สามารถตัดสินหรือสั่งใครได้ก็ คล้ายๆกับข้อมูลด้านล่างที่ไม่สามารถสั่งใครได้เช่นกันย่อมคิดได้ด้วยตัวเอง แต่การบอกกล่าวนั่งคุยย่อมมีการพูดคล้ายเตือนกันเหมือนช่วยกันให้มีทางออกที่ดีมากขึ้นไม่ใช่ไปสั่งกัน ความรู้ความสามารถก็ไม่ต่างกันย่อมมีเกรงใจกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับคุณ ไม่มีทาง

อีกอย่างครับ คนทุกคนล้วนอยากให้ตนเองเป็นคนดี แต่ด้วยเหตุผลกลกรรมจะพาเขาให้กระทำผิดด้วยผลกรรมของตัวเขาเองแต่ไม่มีใครจะเป็นคนเลวได้ตลอดไป เพราะเรามาจากที่ที่เดียวกัน และจะกลับบ้านด้วยกันแล้วแต่ว่าใครจะไปก่อนแค่นั้นเอง นี้คือความหมายที่ผมยังอยู่ที่นี้ยืนตรงนี้ศึกษากันเรื่อยๆ

 

ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ความเห็นต่างกันได้

มีคนเตือนได้ ก็มีคนค้านได้

มีคนชอบใจได้ ก็มีคนไม่พอใจได้

มันเรื่องธรรมดาของโลกนะ

ถ้าเอาเรื่องแค่คนไม่พอใจ กลัวคนไม่พอใจ
จนมา กดบีบ ห้ามมิให้คนแสดงความเห็น

มันมิเกิดประโยชน์

เนื่องจากในเวบมีฝ่ายเตือน หรือฝ่ายเชื่อเรื่องภัยพิบัติมากโขอยู่แล้ว
ก็ควรมีอีกฝ่าย คอยดึงบังเหียน บ้าง ซึ่งก็ไม่มากเทียบกับฝ่ายแรกไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าห้ามมิให้เขาแสดงความเห็นเอาเสียเลย
มีแต่ความเห็นไปในทิศทางเดียว
อาจจะกลายเป็นวิ่งเตลิดไปอย่างกู่ไม่กลับ

ปล่อยให้มีความคิดเห็นหลากหลาย ขอเพียงอย่างใช้วาจาหยาบคายก็พอ

คนอ่านเขาจะได้พิจารณาเอาด้วยสติปัญญา ว่า
ควรเชื่อมากน้อยแค่ไหน
ควรปฏิบัติตนอย่างไร
จะมีประโบชน์กว่า

 

อ.ปริญญา ตันสกุล เตือนผู้นำจะตัดสินใจผิดพลาด !!!
​

นักวิชาการสัมผัสพิเศษชี้ อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย​

อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมจิตปัญญาเพื่อพัฒนาพฤติกรรมศาสตร์ นักวิชาการสัมผัสพิเศษและผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต ชี้ชัดว่าภายในสามปีข้างหน้านี้(2012)ทั้งคนไทยและชาวโลก จะตกอยู่ในภาวะคับขันอันเกิดจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงสาหัสกว่าที่ผ่านมา วิกฤติจากภัยธรรมชาติ วิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติจากจิตสำนึกมนุษย์ จะเป็นชนวนเหตุแห่งความทุกข์ยากขั้นรุนแรงและการตายหมู่ของชาวโลก​

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก และชมรมผู้ประพฤติธรรมแห่งประเทศไทยแถลงเมื่อเร็วๆนี้ว่า อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ผู้เปิดเผยข่าวสารด้านการชำระโลกเป็นคนแรก ได้กล่าวบรรยายให้แก่สมาชิกชมรมฯฟังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ภายในสามปีข้างหน้านี้(2012) มนุษย์จะต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมที่รุนแรงยิ่งกว่าสามปีที่ผ่านมา ​

จากมหัตภัยทางธรรมชาติ อันเกิดจากดิน น้ำ ลม และไฟในทุกรูปแบบ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม พายุหมุน อุทกภัย หนาวจัดแล้งจัด คลื่นสึนามิ และจะมีหิมะตกในประเทศในเขตร้อนอีกครั้งเพราะมนุษย์เข้าใจสาเหตุการเกิดภาวะโลกร้อนผิดพลาด จึงทำให้วิธีแก้ไขปัญหาไม่ได้ผล นอกจากนั้นจะมีโรคระบาดลุกลามไปทั่วโลก ขณะที่ภัยเศรษฐกิจจะรุนแรงขึ้นอีกระลอก จนก่อให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ปัญหาคนว่างงาน และปัญหายาเสพติด เป็นต้น ​

นอกจากนั้น ภัยวิกฤติจากจิตสำนึกมนุษย์ที่บกพร่องเพราะขาดธรรมะ จะรุนแรงขึ้น คนในชาติเดียวกันจะก่อสงครามกลางเมือง โดยลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเอง และ ผู้นำจะตัดสินใจผิดพลาด จนก่อปัญหาให้คนในชาติเดือดร้อนอย่างหนัก ภัยร้ายทั้งหมดเหล่านี้จะลุกลามไปทั่วรวมถึงประเทศไทยด้วย ​

สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ประเทศที่เป็นศัตรูกันในย่านเอเชีย อาจก่ออุบัติเหตุด้านอาวุธนิวเคลียร์โจมตีกันโดยไม่ได้ตั้งใจ และการเกิดคลื่นสึนามิรอบสอง ซึ่งอาจารย์ได้ประกาศเชิญชวนคนไทยและชาวโลก ร่วมกันทำสมาธิหมู่ให้เป็นกิจวัตร เพื่อสร้างพลังร่วมทางจิตด้านบวก ปกป้องตนเองและเพื่อนร่วมโลกกันล่วงหน้านับแต่บัดนี้ ​

โดย : อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ​

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2552 เวลา 13.00 – 18.00 น.
ณ ห้องเดอะสกาย โรงแรมเดอะเทรเวลเลอร์ ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

 

ไม่ใช้วาจาหยาบคายอย่างเดียวไม่พอครับ ต้องไม่ใช้วาจาที่เสียดสี ประชดประชัน กระทบกระแทกแดกดัน เยาะเย้ยถากถาง ใส่ร้ายป้ายสี และอาฆาตมาดร้ายกันด้วยครับ เพราะวาจาเหล่านี้จะสร้างความขุ่นเคืองใจ ให้กับฝ่ายที่เชื่อเรื่องของภัยพิบัติได้ครับ ดังนั้นการแสดงความคิดเห็นอะไร ก็ต้องคิดถึงใจเขาใจเราด้วย ไม่ใช่อยากจะโพสต์อะไรก็โพสต์ได้ตามใจชอบครับ

 

ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ Nancy Lieder ผู้ก่อตั้ง Zetatalk แค่นามสกุล ก้อเริ่มมีเค้าลางให้เห็นแล้วครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ( 2 เดือน ) และเพิ่งได้รู้จักเธอที่เวปนี้สัก 1 เดือนนี่เอง เกี่ยวกับ Alien

หลังจากที่ค้น (จากชื่อเธอ) อ่านมาหลายชั่วโมง (บางกระทู้ย้อนหลัง 10 ปี) เริ่มมึน (ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย) กับเธอคนนี้มาก ทั้งเรื่อง Alien กับ Nibiru ที่ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และมีหลายคน ที่เคลมว่าเธอโกหกชาวโลก

เดี๋ยวผมจะเรียบเรียง เปิดกระทู้ใหม่โดยเฉพาะ จะได้คอมเม้นได้ไม่สับสน
แต่ที่แน่ๆ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มี Nibiru หรือ Planet X ที่สามารถเห็นได้ หรือจากกล้องดูดาวใดๆ กล้องถ่ายรูปไม่ต้องพูดถึง ที่เห็นใน youtube >> fake ทั้งหมดครับ CONFIRMED