พระอาจารย์ประยุทธ ธัมมยุตโต จากขุนโจรสู่เส้นทางพระอริยะ

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย นิวรรฒก์, 9 มิถุนายน 2012.

  1. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
    ประวัติพระอาจารย์ประยุทธ ธัมมยุตโต

    [​IMG]

    พระอาจารย์ประยุทธ ธัมมยุตโต เจ้าอาวาสรูปแรกและผู้ก่อร่างสร้างวัดป่าผาลาด เป็นผู้เคยได้รับฉายา
    - ขุนโจรอิสไมล์แอ สลัดทะเลหลวงผู้โด่งดัง
    - เสรีไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
    ได้กลายมาเป็นพระอริยเจ้าที่ควรกราบไหว้บูชา และมีวัตรปฎิบัติอันงดงามตามพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดสมณเพศจนเข้าสมาบัติมรณภาพในสมาธิและอัฐิกลายเป็นพระธาตุ ซี่งถือกันว่าเป็นภูมิแห่งพระอรหันต์ ท่านเลือกที่จะเป็นพระป่าที่ยึดมั่นในแนวปฎิบัติที่น่าเลื่อมใสไม่ต่างอาจารย์และอาจารย์ปู่ของท่านเลย


    [​IMG]



    ตอนที่ 1: ชีวิตก่อนบวช

    ท่านพระอาจารย์ประยุทธ ธัมมยุตโต

    ก่อนบวชท่านมีชื่อว่า นายประยุทธ สุวรรณศรี

    เกิด ปี 2471 ปีมะโรง เดือน 5 วันเสาร์

    มีพี่น้องรวมกัน 5 คน ท่านเป็นคนที่ 3 โดยมีพี่ชาย 1 พี่สาว 1 และน้องสาว 2 คนคือคุณประภาและคุณพะเยาว์

    บ้านเกิด จ.เพชรบุรี แต่ไปเติบโตที่ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะทั้งครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ที่นั่น ครอบครัวท่านมีฐานะดีพอควร

    ท่าน เล่าว่าชะตาของท่านต้องฆ่าคนโดยไม่เจตนาเมื่ออายุ 11 ปีคือขว้างมีดเล่นๆไปถูกชายคนหนึ่งเข้าที่สำคัญทำให้ชายผู้นั้นถึงแก่ความตาย แต่เนี่องจากยังเด็กจึงไม่ถูกลงฑัณฑ์ เมื่ออายุครบบวชพ่อก็มาเสีย แม่จึงจัดให้บวชตามประเพณีที่วัดกลางเมืองหัวหิน สันนิษฐานว่าเป็นวัดอัมพาราม บวชได้ 1 พรรษาก็สึก นับเป็นการบวชครั้งแรกในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย หลังจากสึกท่านก็ไปทำมาหากินทางใต้ เร่ร่อนไปหลายที่ ที่ไหนหาเงินได้มากก็อยู่นานหน่อย เคยเป็นกัปตันเรือตังเกหาปลามีเพื่อนฝูงลูกน้องมากมาย และเคยไปลงทุนตั้งไนท์คลับที่มาเลเซีย

    จุดหักเหในชีวิต เกิดเมื่อพ่อค้าใหญ่ในกรุงเทพจ้างให้ขนฝิ่น ไปมาเลเซียในราคาเที่ยวละ 2,000 บาทและให้ไปรับเงินที่ปลายทาง พอไปถึงคนที่ซื้อฝิ่นกลับกลายเป็นตำรวจ 2คนบอกว่าจะจ่ายเงินค่าฝิ่นให้ ท่านไม่รับเพราะถ้าขืนรับ คนที่จ้างท่านเป็นพวกมีอิทธิพลคงไม่ไว้ใจท่านและท่านอาจโดนฆ่า แต่ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ 2 คนนั้นขู่ว่าถ้าไม่ตกลงตามราคาที่เสนอจะแจ้งให้ตำรวจมาเลเซียจับ ทำให้ท่านไม่มีทางเลือก จึงตัดสินใจฆ่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน ท่านเล่าว่าอุตส่าห์ควักไส้พุงมันออกเวลาไปทิ้งน้ำจะได้ไม่ลอยขึ้นมา แต่เจ้ากรรมจริง ๆ ศพลอยขึ้นมาข้าง ๆ เรือ ทำให้มีคนเห็นและท่านถูกจับฐานสงสัยว่าเป็นฆาตรกรแต่ไม่มีเรื่องค้าฝิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง



    ตอนที่ 2: ชีวิตเมื่อต้องโทษทัณฑ์

    ท่านถูกขังคุกอยู่หลายเดือนที่ Malaysia ขึ้นศาลอยู่หลายครั้งเพราะหลักฐานไม่พอ แต่ศาลพยายามให้ท่านรับสารภาพให้ได้ การขึ้นศาลครั้งที่ 6 ในระหว่างที่ท่านรอการพิจารณาคดี มีชายอายุประมาณ 50-60 ปี แต่งตัวดี ผิวพรรณผ่องใสสะอาด เดินมาที่ศาล พยายามขอเข้าเยี่ยมและถามท่านว่าต้องคดีอะไร ท่านไม่ตอบกำลังเครียดเพราะคดีท่านถึงขั้นประหารชีวิต เลยลุกหนีไปนั่งที่อื่น ชายคนนั้นก็ตามไปถามอีก ท่านรำคาญเลยบอกว่าคดีฆ่าคนตาย ชายคนนั้นบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ถึงตายหรือติดคุก ลุงจะช่วย ท่านก็ถามกลับว่าจะช่วยยังไงดูแล้วไม่มีทางรอดเลย ลุงแกก็บอกว่า จำคาถานี้สั้นๆไปใช้แล้วให้ว่าคาถานี้เวลาขึ้นศาลโดยให้เพ่งมองหน้าผู้พิพากษา แล้วจะพ้นคดี แต่ห้ามบอกคาถานี้แก่ใคร ตอนนั้นท่านพระอาจารย์ประยุทธ ไม่เชื่อเรื่องคาถาอาคมแต่เมื่อจวนตัว ก็เลยลองท่องและจ้องมองไปที่ผู้พิพากษา ศาลตัดสินปล่อยตัว รอดจากการประหารชีวิตอย่างปาฎิหารย์ แต่ท่านถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าประเทศ Malaysia อีก

    (ท่านทราบภายหลังเมื่อบวชปฎิบัติธรรมอย่างจริงจัง ว่าลุงนั้นเป็นเทพ มาช่วยปกปักรักษาท่าน คงเห็นว่าท่านมีบารมีที่จะได้เข้าถึงธรรมในชาตินี้และชาติด่อไป เลยมาช่วย)

    เมื่อพ้นผิดท่านก็กลับมาอยู่ประเทศไทย ในภาคใต้ตามเดิมขณะนั้น



    ตอนที่ 3: ชีวิตเสรีไทย สงครามโลกครั้งที่ 2

    เมื่อพ้นผิดท่านพระอาจารย์ประยุทธ ก็กลับมาในประเทศไทยแถบภาถใต้เหมือนเดิม ขณะนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และรัฐบาลไทยต้องเข้าร่วมกับกองทัพญี่ปุ่นด้วยความจำเป็นบังคับ ขณะนั้น ม.ร.ว.เสรีย์ ปราโมช ซึ่งเป็นเอกอัคราชทูตไทยประจำ USA ได้จัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นขึ้น และรวบรวมคนไทยใน USA + Europe ตั้งเป็นคณะเสรีไทยทำงานใต้ดินเพื่อขัดขวางกองทัพญี่ปุ่นทุกวิถีทาง ท่านก็เข้าร่วมกับคณะเสรีไทยอยู่ในกลุ่มที่คอยตัดกำลังญี่ปุ่นเรียกว่า "กลุ่มไทยถีบ"

    กลุ่มไทยถีบ คือ เมื่อญี่ปุ่นขนอาวุทธยุทโธปกรณ์หรือเสบี่ยงอาหาร ไปให้กองทัพของตอนตามภาคต่างๆ ซึ่งต้องขนโดยใช้ทางรถไฟ กลุ่มของท่านก็จะดักซุ่ม เพื่อถีบของเหล่านั้นลงจากรถไฟไม่ให้ไปถึงปลายทางได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2012
  2. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  3. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  4. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  5. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _1_~4.JPG
      _1_~4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.9 KB
      เปิดดู:
      633
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  6. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
    ตอนที่ 11: เรื่องของท่านพระอาจารย์ประยุทธ



    [​IMG]


    ปฏิปทาที่มั่นคง

    ท่านพระอาจารย์ไปพักอยู่ที่วัดเกาะกระทิง นั่งกรรมฐานที่เรียกว่า นั่งหนัก คือนั่งติดต่อกัน 1 เดือนเต็ม เนื่องจากท่านเป็นพระที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจปฎิบัติเหมือนกับหลวงปู่ตื้อ พระอาจารย์ของท่าน พอออกจากกรรมฐานท่านก็หมดแรง ชาวบ้านหามท่านไปส่งโรงพยาบาล

    หลังจากนั้นท่านไปปฏิบัติธรรมที่พระธาตุเขาน้อย ไปฉันเห็นชนิดหนึ่งดอกสีม่วง ซึ่งมีพิษ เร่าร้อนแทบจะปางตาย ถึงกับฟันหลุดไป 14-15 ซีก ในป่าดงไม่มียาอะไร จึงใช้วิธีดูดพิษออกโดยให้โยมชาวบ้านช่วยกันขุดหลุมฝังตัวท่านลงไป เอาดินกลบเหลือเพียงช่องหายใจเท่านั้น

    วิธีใช้ไอดินดูดพิษนี้ ใช้เวลาถูกพิษเช่น งูกัด เสือกัด เขาเอาแผลที่ถูกกัดฝังให้ไอดินดูดแก้พิษได้

    ถ้าโดนเสือกัดและรอดตายมาได้ พิษของการถูกเสือกัดนั้นร้ายแรงเหมือนสุนัขบ้า ทำให้คลั่งลงตะกุยดิน คนที่เข้าป่าจึงควรรู้จักต้นกลอยที่เราเอามารับประทานกับข้าวเหนียว หัวกลอยดิบ ๆ ให้ผู้ถูกเสือกัดกินดิบ ๆ จะรู้สึกเหมือนกินมันแกวไม่เฝื่อนขื่นอย่างไร ให้กินจนรู้สึกเผื่อนขึ้นมาจึงเลิกกินพิษเสือจะหายหมด

    ถ้าไปถูกงูพิษเช่น งูเห่ากัด ก็ให้ใช้ต้นอุตพิษเอาหัวมาตำให้แหลกเหยาะเหล้าโรงสัก 3-4 หยด คั้นเอาน้ำมากิน เอากากปิดปากแผล แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้ชะงัดนัก

    การปลุกเสกพระ
    ท่านมาพักกับหลวงตาสิน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส วัดถ้ำหว้า จังหวัดเพชรบุรี และได้ไปมาหาสู่ พระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ที่วัดหนองน้ำขาว จังหวัดราชบุรี อยู่เสมอเพราะถูกอัธยาศัยกันเนื่องจากเป็นพระสายเดียวกัน คือสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    การไปมาหาสู่กันทำให้ท่านพระอาจารย์ประยุทธ ได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ชั้นเถระผู้ใหญ่ ที่แวะเยื่ยมเยียนพระมหาปิ่นอยู่เป็นประจำ เช่น หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่เหรียญ เป็นต้น การพบพระเถระเจ้าทั้งหลาย ทำใหพระอาจารย์ได้อุบายธรรมนำไปเร่งการปฎิบัติให้ยิ่งขึ้น มีอยู่คราวหนึ่งพระอาจารย์มหาปิ่นท่านคิดทำพระสมเด็จเพื่อไว้แจกญาติโยม จึงได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์มานั่งปรก 5-6 รูป รวมทั้งพระอาจารย์ประยุทธด้วย กำหนดให้ทำการปลุกเสก ครบ 7 วัน ระหว่างที่ปลุกเสกไม่ทราบพลัจิตองพระรูปไหน ทำให้พระเครื่องทีนำมาปลุกเสกใส่ไว้ในบาตรแตกหักไปเกือบครึ่งองค์

    การนั่งปลุกเสกถึงวันที่ 3 พระเกจิอาจารย์ที่นิมนต์มาก็ค่อย ๆ ถอนสมาธิไปจนวันที่ 4 วันที่ 5 ก็เหลือท่านอาจารย์ประยุทธเพียงท่านเดียว

    พอวันที่ 6 ตอนกลางคืนก็ปรากฎความอัศจรรย์ บริเวณที่ท่านพระอาจารย์ประยุทธปลุกเสก บังเกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ท่านพระอาจารย์มหาปิ่นเห็นดังนั้น จึงรีบให้สามเณรเข้าไปกระซิบบอกท่านพระอาจารย์ประยุทธว่าพลังเข้าไปเต็มที่แลว ให้ถอนสมาธิได้แล้วไม่จำเป็นต้องอยู่ครบ 7 วัน กระซิบอยู่เช่นนั้น 2-3 ครั้ง ท่านพระอาจารย์จึงถอนสมาธิออกมา

    การปลุกเสกพระครั้งนี้เท่าที่บอกเล่ากันมา ใครได้ไว้ก็เรียกว่าเป็นของดีวิเศษจริง และเป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่พระอาจารย์ประยุทธได้ทำ

    ท่านพระอาจารย์ประยุทธเป็นคนพูดจาโผงผาง ท่าทางเป็นนักเลงคล้ายคลึงหลวงปู่ตื้อ แต่โดยแท้จริงมีความอ่อนโยนนุ่มนวล ประกอบด้วยเมตตาสูงชอบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในความลำบาก ท่านผู้รู้หลายท่านว่าอุปนิสัยใจคอของคนเราเป็นสิ่งที่ติดตามเนื่องกันมาแต่อดีตชาติลบล้างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ง่าย ๆ

    แม้แต่พระอรหันต์ก็ยังมีข้อให้ติได้ อย่างพระสารีบุตรมหาเถระอัครสาวกเบื้องขวงของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นผู้ทรงปัญญาล้ำเลิศและได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะทางปัญญา เวลาเดินทางข้ามล่องน้ำ ท่านก็ทำท่าทางอย่างลิงกระโดดข้ามไป ไม่เป็นสมณสารูป พระพุทธเจ้าท่านก็ว่า อย่าติเลยของติดมาแต่อดีตชาติ เพราะเมื่ออดีตชาติท่านเกิดเป็นลิง

    ดังนั้นการมองคนต้องมองให้ลึกซึ้งถึงจิตใจของท่านอย่างมองแค่ท่าทางกิริยาภายนอก จิตของท่านพระสารีบุตรก็ดี ของท่านพระอาจารย์ประยุทธก็ดีย่อมเป็นจิตใจที่งดงาม สะอาด สว่าง สงบ บริสุทธิ์ ยากที่คนธรรมดาอย่างเราจะเข้าใจได้

    อาตมาไม่ใช่พระรับจ้าง
    มีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสรู้จักพระอาจารย์ประยุทธเป็นครั้งแรก ได้เล่าว่าตอนนั้นอยู่ที่บ้านเก่าหลังหนึ่ง มีเนื้อที่ 2 ไร่ รอบบ้านที่ปลูกก็ตกราคา 3 ล้านในขณะนั้น แต่เป็นย่านที่มีขโมยชุกชุมเดือดร้อนเรื่องของหาย จึงได้กราบให้ท่านพระอาจารย์มหาปิ่นทราบ เพราะเคารพนับถือกานมานาน ท่านพระอาจารย์มหาปิ่นก็บอกว่า "ต้องพึ่งพระอาจารย์ประยุทธท่าน เพราะท่านมีฤทธิ์ขลังอาจป้องกันได้"

    ขณะนั้นท่านพระอาจารย์ประยุทธก็อยู่ในวัดด้วย ท่านนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ เธอก็ได้เข้าไปกราบท่าน บอกท่านว่า "อยากจะขอนิมนต์ท่านไปที่บ้าน ขโมยมันชุมนัก จะทำอย่างไรดี"

    พระอาจารย์ประยุทธนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า "อาตมาไม่ใช่พระรับจ้าง"

    สุภาพสตรีท่านนี้ก็งง ทำไมท่านพระอาจารย์พูดอย่างนั้นเมื่อท่านไม่ยอมไป เธอก็กราบลาท่าน

    อีก 3 เดือนต่อมา มีงานที่วัดหนองน้ำขาว สตรีท่านนี้ได้ไปร่วมงานด้วยและได้มีโอกาสถามท่านพระอาจารย์มหาปิ่นว่า "ไหนท่านว่า พระอาจารย์จะนิมนต์ท่านอาจารย์ประยุทธให้ดิฉัน" ท่านพระอาจารย์มหาปิ่นหัวเราะและบอกว่า "เดี๋ยวคงมา" แต่เมื่อพระอาจารย์ประยุทธมาถึงก็ไม่ได้ขึ้นมาบนศาลา ท่านเลยไปนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ห่างออก ไป

    สุภาพสตรีท่านนี้ จึงได้ลองนิมนต์ท่านอีกทีจึงกราบท่านและนิมนต์ท่านไปที่บ้าน คำตอบก็เหมือนเดิมคือ "อาตมาไม่ใช่พระรับจ้าง" ทำให้เธอหมดศรัทธาที่จะนิมนต์เสียแล้ว

    สักพักใหญ่ ๆ ประมาณบ่าย 4 โมงเย็น ก็เห็นพระอาจารย์ประยุทธให้เด็กถือบริขารมีบาตรและกลดเดินเข้ามาหาบอกว่า "จะนิมนต์ไปบ้าน ก็ไปเสียแต่ต้องกลับมาให้ทันสวดมนต์เย็นเวลา 6 โมงนะ" เธอก็นิมนต์ท่านขึ้น
    รถและมีคนมาเป็นเพื่อนด้วย ขับรถมาถึงเขตนครชัยศรี บางหน้าก็แบนลง จำเป็นต้องเปลี่ยนยาง แต่ยางอะไหล่ก็ไม่มีไม่รู้จะทำอะไร ท่านพระอาจารย์ประยุทธนั่งหลับตาอยู่ข้างหลัง ท่านก็บอกว่าขับต่อไปเดี๋ยวก็ถึงแล้ว เธอก็ขับต่อไป น่าอัศจรรย์ ยางที่แบน กลับพองขึ้นและวิ่งได้สบายจนถึงบ้านได้

    [​IMG]

    รู้ล่วงหน้า
    ท่านพระอาจารย์ประยุทธทำน้ำมนต์กันขโมยให้แล้ว ท่านเจ้าของบ้านจะพาท่านกลับไปวัดหนองน้ำขาว ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ แต่ยางก็แบนอย่างเดิมหาคนมาช่วยเปลี่ยนไม่ได้ จึงเรียนท่านไปว่า "เห็นจะต้องกลับรถแท็กซี่เสียแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันสวดมนต์" ท่านพระอาจารย์บอกว่า "ท่านเป็นพระบ้านนอกขี้เห่อ นั่งรถป้ายเหลืองไม่ได้หรอก ต้องนั่งรถป้ายดำ" ท่านเจ้าของบ้านตอบว่า "ดิฉันไม่รู้จะไปเอารถที่ไหนตอนนี้" ท่านพระอาจารย์ว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็มีรถป้ายดำมารับเอง"

    ท่านพูดไม่กี่นาที ก็มีรถเลี้ยวเข้ามาในบ้านอย่างไม่คาดฝัน เป็นรถน้องชายเจ้าของบ้าน เขาก็อาสาไปส่งท่านพระอาจารย์

    อีก 3-4 เดือนต่อมา สุภาพสตรีท่านนี้ได้นิมนต์พระอาจารย์ประยุทธและอาจารย์เรือง ขณะได้นั่งสนทนากันจึงได้เล่าเรื่องให้ท่านพระอาจารย์ฟังว่า มีคนมาขอยืมเงินหายไปเป็นปีไม่ได้ข่ายเลย สักพักท่านพระอาจารย์ก็ได้ให้หาดอกไม้ 7 สีมาให้ ขณะนั้นใกล้ 4 ทุ่มแล้วไม่รู้จะไปหาซื้อดอกไม้ที่ไหน จึงหาดอกไม้ในบริเวณบ้านแต่คิดว่ามีไม่ครบ 7 สี ท่านพระอาจารย์ก็บอกว่ามีครบ ให้พาเด็ก ๆ ไปช่วยกันหามาก็ได้ครบ 7 สี เอาขันน้ำมนต์ใส่น้ำมาตั้งที่หน้าท่าน จุดธูปเทียนแล้ว ท่านอาจารย์ก็หยิบดอกไม้มากรีดและเด็ดที่ละกลีบใส่ลงในขันน้ำมนต์ ท่าทางการเด็ดกลีบดอกไม้นั้นประณีตนุ่มนวลมาก ท่านเด็ดจนหมดดอกแล้ว ท่านก็บอกว่า ไม่เป็นไรเขาจะเอาเงิน 4 หมื่นมาคืนเอง สุภาพสตรีท่านนั้นก็ได้พบกับความประหลาดใน เมื่อลูกหนี้ที่หายไปเป็นปี อีก 2 วันต่อมา ก็ได้ยินเสียงคนมาเรียกอยู่หน้าบ้านแต่เช้า ลูกหนี้คนนั้นนั่นเอง เขาขอโทษขอโพยแล้วเอาเงินมาคืนให้อย่างครบถ้วน

    อิทธิฤทธิ์ของท่านพระอาจารย์ประยุทธ
    คุณสุภาพสตรีท่านนี้ ท่านได้สร้างเรือนร้างไว้ริมรั้วในเนื้อที่ 2 ไร่ในบริเวณบ้านเก่าของท่าน เพื่อให้พระปฎิบัติที่เคารพนับถือที่ได้เดินทางมาเยี่ยมหรือเดินทางมาจากต่างจังหวัดและไม่สามารถกลับวัดได้ทันหรือมีกิจที่ต้องค้าง ก็จะนิมนต์ให้ท่านค้างที่เรือนว่างแห่งนั้น บังเอิญตอนนั้นท่านพระอาจารย์ประยุทธท่านมาค้าง ลูก ๆ หลาน ๆ ของเจ้าของบ้านขอจัดเลี้ยงรุ่นพอดี คุณสภาพสตรีท่านนั้นก็กำชับว่าอย่าส่งเสียงดังมากไป จนรบกวนหลวงพ่อท่าน และได้เรียนพระอาจารย์ให้ทราบ ท่านอาจารย์ก็บอกว่า "เด็กเขาจะสนุกกันก็ช่างเขาเถอะ ไม่รบกวนอะไรหรอก"

    การเลี้ยงรุ่นของเด็ก ๆ ที่ขาดไม่ได้ก็คือ เสียงเพลง เสียงดนตรี การยั่วเย้าเฮฮากันตามวิสัยของเขา ขณะที่มองไปริมรั้วท่านอาจารย์ประยุทธก็นั่งสมาธิแน่วนิ่งอยู่ในเรือนว่าง มองเห็นได้จากหน้าต่างที่เปิดไว้เห็นแสงเทียนที่จุดไว้เพียงเล่มเดียว กระจายแสงฉาบไล้อยู่ที่ใบหน้าและกายของท่านเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว

    เมื่อใกล้จะถึงเวลา 24.00 น. เพลงได้หยุดลงแล้วและมีเด็กคนหนึ่งได้มองไปที่เรือนร้างผ่านหน้าต่างเรื่องว่างนั้น เห็นดวงไฟใหญ่เท่าบาตรเกือนเป็นวงกลมลอยขึ้นจากเทียนที่ท่านจุดไว้ แสงสุกปลั่งเจิดจ้าลอยขึ้นสู่เพดานลูกแล้วลูกเล่า เมื่อต่างสะกิดกันให้ดู ก็พากันตะลึงไปตาม ๆ กัน และคิดกันว่าลูกไฟเกิดจากอะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร หลายคนสงสัยพากันย่องไปใกล้ ๆ ก็เห็นแต่เทียนทีท่านจุดไว้เพียงเล่มเดียว ไม่มีสิ่งใดทีจะทำให้เกิดลูกไฟเช่นนี้ได้

    ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เด็ก ๆ เกือบ 20 คน ได้พากันนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าต่าง แล้วนมัสการกราบลงขอความเป็นสิริมงคล เมื่อมีผู้ถามท่านพระอาจารย์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านอธิบายว่าท่านไม่ได้ทำอะไร มันเกิดขึ้นเองอาจจะเป็นพลังอำนาจของจิตก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  7. นิวรรฒก์

    นิวรรฒก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +575
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  8. วิปัศย์

    วิปัศย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,443
    "พ่อแม่ก็เป็นพระองค์หนึ่ง ท่านเลี้ยงดูเรามาต้องกตัญญูรู้คุณอย่าทำให้ไม่สบายใจ เพราะจะเป็นบาป ต้องคอยปรนนิบัติเอาอกเอาใจท่าน ช่วยการงานอย่าให้ท่านบ่นว่าเอาได้"

    กราบอนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งครับ
     
  9. วิชย

    วิชย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +67
    กราบพ่อแม่ครูบามอาจารย์ด้วยความเคารพครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...