ปฏิปทา ปาฏิหาริย์ สมเด็จลุน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 23 พฤษภาคม 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][​IMG][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เรื่อง ราวของ"หลวงปู่สำเร็จลุน" เป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว ส่วนใหญ่มาจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในรุ่นหลานเหลนซึ่งบันทึกและรวบรวมโดย ท่านพระครูไพโรจน์ปรีชาการ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น พ.ศ.2527) เจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล วัดอุดมผาราม อุบลราชธานี ซึ่งท่านพิมพ์เรื่องประวัติของหลวงปู่สำเร็จลุน ในหนังสือแจกงานพระราชทานเพลิงศพของ "พระศาสนดิลก (หน่วย ขันติโก) อดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีษะเกษ วัดหลวงสุมังคลาราม ความดังนี้[/FONT][FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เรื่องราวของหลวงปู่สำเร็จลุน พอจะประมวลมาเล่าไว้เป็นอนุสรณ์ได้ดังนี้ [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หลวงปู่สำเร็จลุนเกิดที่บ้านเวินไซ ตาหลังเวินไซ(ตำบล) เมืองโพนทอง นครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว เมื่อราว พ. ศ.2389 [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ท่านเป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด บิดาชื่อ ทิดหล้า มารดาไม่ทราบชื่อ มีพี่น้อง 6 คนคือ [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]1นางสี [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]2 นางพรหม [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]3 หลวงปู่สำเร็จลุน [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]4 นางทุม [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]5 นายเชียงแก้ว [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]6 นายบุดดี [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ทั้ง 5 คนพี่น้องตั้งหลักฐานอยู่ในประเทศลาว และขณะนี้สิ้นชีวิตหมดแล้ว[/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]อายุประมาณ 13 ปี พ. ศ.2402 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ สำนักวัดบ้านเวินไซ บ้านของท่านเอง พระอุปัชฌาย์ไม่ปรากฎ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]จำพรรษาเล่าเรียนจนอายุครบ 20 ปีได้ไปอุปสมบทที่สำนัก "วัดบ้านฮีบ้านเวียง" อำเภอตระการพืชผล ประเทศไทย พระอุปัชฌาย์สืบไม่ได้ ศึกษาอยู่กี่ปีสืบไม่ได้และได้ลาอุปัชฌาย์กลับวัดบ้านเวินไซ บ้านเกิดของท่าน [/FONT][FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ประมาณ พ.ศ. เท่าใดไม่ปรากฎ ท่านได้ร่วมกับพระซึ่งเป็นสหายรักใคร่สนิทสนมกันมาก คือ ญาท่านธรรมบาล วัดป่าน้อย เมืองอุบล ประเทศไทย [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ชักชวนกันไปศึกษาเล่าเรียนค้นคว้าจากสำนัก วัดบ้านนาหลงนาหลัก เมืองสุวรรณคีรี แขวงปากเซ ประเทศลาว โดยไปด้วยกันทั้งหมด 5 รูป [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เมื่อไปถึงได้เข้านมัสการแจ้งความประสงค์ขอมอบตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์ท่านก็ยินดีรับและมอบให้ทั้ง 5 รูปนี้ ให้ขึ้นไปบนหอไตร ซึ่งบรรจุพระคัมภีร์ต่างๆมากมาย ให้ค้นคว้าเอาเองจนกว่าจะพบ ถ้าหากไม่พบห้ามกลับลงมาฉันอาหารเพล [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]มีตู้บรรจุพระไตรปิฎกอยู่ 3 ใบ ท่านพร้อมกับญาท่านธรรมบาล และพระภิกษุอีก 3 รูป ได้พร้อมกันค้นคว้าจนหมดทั้ง 3 ตู้ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]จนกระทั่งจวนถึงเวลาฉันอาหารเพล พระภิกษุทั้ง 3 รูป จึงได้ลงมาฉันอาหารเพลก่อน คงเหลือแต่ท่านและญาท่านธรรมบาลเท่านั้น ค้นอยู่จนอ่อนใจจึงไปพบอยู่ก้นตู้ผูกหนึ่งเล็กๆ ซึ่งสำคัญมาก ท่านทั้งสองจึงได้ถือเอาลงมาด้วย และได้นำไปศึกษาเล่าเรียนในตำราเล่มเล็กนี้ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ก็คงได้ศึกษาแต่ท่านสำเร็จลุนและญาท่านธรรมบาลเท่านั้นรวม 2 รูป สำหรับพระภิกษุทั้ง 3 ขาดความอดทน พระอาจารย์สั่งไม่ให้ศึกษาและมีข้อห้ามที่ว่า [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]"พระภิกษุที่ได้ศึกษาจากตำราเล่มนี้จะสึกมิได้ต้องอยู่ในเพศพรหมจรรย์ตลอดชีวิต"[/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ขณะสำเร็จลุนจำพรรษาอยู่บ้านเวินไซนั้น ยังมีพระสหธรรมิกที่รักใคร่กันอีกรูปหนึ่ง คือ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]พระแก้ว ไพฑูรย์ ซึ่งรักใคร่นับถือกันมาก พระแก้วไพฑูรย์ไปยังไงมายังไง ภายหลังไม่ปรากฎชื่อเสียงเลย คงเหลือแต่พระผู้เป็นสหายเคยเล่าเรียนตำราเล่มเดียวกันมา คือ ญาพระธรรมบาล ที่อยู่ทางเมืองอุบล ซึ่งยังไปมาหาสู่กันและกันอยู่เสมอทุกปีมิได้ขาด [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ถึงหน้าเข้าพรรษาจะมีเทียนขี้ผึ้งมาฝากถวายกันและกันทุกๆปีไม่ให้ขาดได้[/FONT][FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ปฏิปทา ของหลวงปู่สำเร็จลุน ท่านเป็นผู้รักสันโดษมักน้อย คือครองผ้า 3 ผืนตลอดชีวิตของท่าน ไม่รับเงินทองไม่สะสมทรัพย์สมบัติเลย ฉันอาหารมื้อเดียวและนั่งกรรมฐานทำสมาธิไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หลวงปู่จำพรรษาอยู่เฉพาะสำนักวัดบ้านเวินไซเท่านั้น [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ไม่เคยไปจำพรรษาที่สำนักวัดอื่นเลย เว้นแต่ไปบวชเรียนดังเล่ามาข้างต้น [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ท่านมรณะภาพ ณ วัดบ้านเวินไซบ้านเกิดของท่านเอง เมื่ออายุได้ 75 ปี รวมได้ 55 พรรษา นำศพไปฌาปนกิจที่ป่าทางเหนือบ้าน(เหนือน้ำ) [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ณ ที่ซึ่งทำฌาปนกิจนั้น ได้เกิดต้นโพธิ์ขึ้นมา 7 ต้น ชาวบ้านได้เห็นเป็นอัศจรรย์ จึงได้ถากถางปฏิบัติทำการสมโภชทุกๆปี [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ต่อมา พระอาจารย์ทองดี จากอำเภอตระการพืชผล ได้ไปสร้างเป็นวัดขึ้น ให้เรียกชื่อนี้ว่า "วัดโพธิ์" [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]แต่จากปากคำของชาวบ้านอำเภอโขงเจียม ที่ผู้เขียนไปได้ยินมา บางคนก็ว่าต้นโพธิ์นั้นขึ้นมาต้นเดียวก่อน แล้วจึงขึ้นต้นเล็กมาอีก 4 ต้นเป็น 5 ต้นด้วยกัน [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]บางคนก็ว่าขึ้นต้นเล็กมาอีก 5 ต้น ภายหลังมีต้นหนึ่งยอดกุด หรือยอดด้วนเสีย แต่จะกี่ต้นก็ตาม บัดนี้ต้นโพธิ์จากซากเถ้าถ่านของท่าน มีอายุ 70 กว่าปีแล้ว รวมเข้าเป็นต้นใหญ่เพียงต้นเดียว แตกกิ่งก้านงดงามอยู่เสมอ [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]สำหรับวัดที่อาจารย์ทองดีท่านไปสร้างขึ้นภายหลังนั้นชาวบ้านบางคนเขาไม่เรียกวัดโพธิ์เฉย แต่เรียกว่า วัดโพธิ์ชัย[/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เรื่องหนึ่งคือในสมัยที่ฝรั่งเศสใช้อำนาจด้วยความโลภตามสันดานของนักล่า เมืองขึ้น โดยคิดว่าชาติอื่นบ้านเมืองอื่น ด้อยอารยธรรมกว่าตนและมักอ้างว่าเข้ามาปกครองเพื่อขจัดความด้อยอารยธรรมให้ แก่ชาติที่ตนเข้าไปล่าเอาเป็นเมืองขึ้นเป็นบุญคุณเสียอีก [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]การเข้ามาปกครองของฝรั่งเศสครั้งนั้นเป็นการแบ่งแยกเอาดินแดนไปจากอกของ ประเทศไทยโดยตรง ไม่ยอมก็ต้องยอมเพราะไทยในครั้ง ร.ศ. 112 นั้นมีแต่หอก ดาบ มีดพร้าไว้ทำศึกสงคราม แต่หามีปืนไฟเรือรบจะต่อกรกับเขาไม่ จำเป็นจำใจยอมให้ไปตามนโยบายรักษาประโยชน์ส่วนใหญ่ไว้โดยยอมเสียประโยชน์ ส่วนน้อยไป [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]การเข้ามาปกครองราชอาณาจักรลาวในครั้งนั้นมีนาย ม.ปาวีร์ เป็นผู้สำเร็จราชการมีอำนาจเต็ม นาย ม. ปาวีร์ได้ข่าวว่าเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ คิดแข็งข้อกระด้างกระเดื่องจึงคุมกำลังมาหวังจะจับกุมเอาตัวไป ตอนนั้นเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์มีความเคารพสำเร็จลุนมาก ว่ามีอำนาจอภินิหาร จึงขออนุญาตให้หลวงปู่สำเร็จลุนเดินทางไปกับตนด้วย ซึ่ง [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ม.ปาวีร์ ก็ยินยอม เมื่อเจ้านครจำปาศักดิ์และหลวงปู่สำเร็จลุนไปถึงท่าจอดเรือริมฝั่งโขง เป็นเรือขุดลำใหญ่ บรรทุกคนได้หลายสิบ ม.ปาวีร์ใช้เป็นเรือประจำตำแหน่งของตน [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ก่อนจะขึ้นเรือหลวงปู่ได้บอกว่า ให้ขึ้นเรือให้ดีเดี๋ยวเรือจะล่ม พอหลวงปู่ก้าวเหยียบแคมเรือเป็นก้าวแรก เรือก็เอียงวูบลง ม.ปาวีร์เห็นปาฏิหาริย์แล้วเกิดความหวั่นเกรง กลัวจะไปทำให้เรือล่มเสียกลางทาง จึงยอมปล่อยกลับมาทั้งสองคน [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]บางคนเล่าว่าบางครั้งหลวงปู่เอาใบไม้หรือไม่ก็ฝาบาตร วางบนผิวน้ำเหยียบลอยข้ามฝั่งมา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]บางครั้งยืนกลางลำเรือให้เรือข้ามฝั่งมาโดยไม่ต้องพาย [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]บางครั้งท่านเห็นชาวบ้านเขาตำส้มตำมะละกอ หรือบักหุ่งกินกันแต่ขาดมะนาว ท่านจะบอกกับชาวบ้านว่าข้าจะไปเอามะนาวที่กรุงเทพมาให้ ท่านเดินออกไปพักหนึ่ง กลับเอามะนาวมาให้ เป็นที่แปลกใจงงงันไปตามกัน[/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ครั้ง หนึ่งท่านอุปสมบทมาหลายพรรษาแล้ว ถึงขั้นเป็นครูบาอาจารย์ ชาวบ้านเขาก็มาปรึกษากับโยมมารดาท่าน จะทำพิธียกท่านขึ้นเป็นสมภาร ท่านรู้เข้าก็ไม่ยอมให้ทำเพราะไม่อยากเป็น มันขัดกับความประสงค์ของท่าน ที่ต้องการอยู่อย่างมักน้อยสันโดษ มีอิสระในการท่องเทียวปฏิบัติธรรมอย่างเดียว คุณโยมมารดาก็ไม่ฟัง ต้องการให้เป็นสมภาร จึงร่วมมือกับหมู่บ้านเวินไซจัดพิธีขึ้นจนได้ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ท่านต้องเป็นสมภารด้วยความจำเป็นจำใจ โดยเหตุที่ขัดกับจิตใจของท่านนับแต่นั้นมา ก็ประพฤติตัวให้ชาวบ้านหมดศรัทธาเลื่อมใสเพื่อจะหนีจากการเป็นสมภาร[/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ครูบาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]และได้เคยเห็นหลวงปู่สำเร็จลุนเดินข้ามน้ำ และท่านได้เมตตาเล่าเรื่อง"หลวงปู่สำเร็จลุนเดินข้ามน้ำ"ท่านคือพระอาจารย์ เกียน ทีฆายุโก ลูกศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดร แห่งวัดสว่างวัฒนา บ้านดงมะไฟ สกลนคร ซึ่งท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เคยเห็นสำเร็จลุนเดินข้ามแม่น้ำกับตา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เรื่องมีอยู่ว่าในสมัยที่ท่านบวชเป็นเณรและได้มาอยู่กับ พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว อุทุมมาลา ปธ. 6) [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ซึ่งในตอนนั้นยังดำรงค์สมณศักดิ์ชั้นพระครูท่านได้เรียกสามเณรเกียนเข้าไปพบ แล้วบอกว่า"พรุ่งนี้เช้าให้คอยดูให้ดีหลวงปู่สำเร็จลุนท่านจะมาวัดพระธาตุ พนม" [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เหตุที่ให้คอยดูให้ดีเพราะเวลาท่านข้ามแม่น้ำโขงมักไม่ค่อยข้ามเรือแต่ ชอบเดินข้ามน้ำ เมื่อสามเณรเกียนได้ยินดังนั้น ในวันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่จึงรีบไปแอบหลังต้นไม้ใหญ่ริมน้ำหน้าวัด แล้วสิ่งที่สามเณรเกียนได้เห็นก็คือ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]"พระภิกษุชรารูปร่างผอมเดินข้ามแม่น้ำในลักษณะยืนบนขอนไม้มาจากฝั่งลาว จริง" ทำให้สามเณรเคารพและศรัทธาต่อหลวงปู่สำเร็จลุนเป็นอย่างยิ่ง และเป็นก้าวแรกที่ทำให้ท่านสนใจในการปฏิบัติธรรม เพราะเห็นในปาฏิหาริย์ที่หลวงปู่สำเร็จลุนได้แสดงในวันนั้น[/FONT]
     
  2. siritonmo

    siritonmo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +159
    ครั้งหนึ่งเคยฝัน ว่าแถวๆ จ.อุบล มีคนเยอะแยะมากมายกำลังรุมล้อมพระองค์หนึ่งนั่งอยุ่บนโต๊ะสูงๆ เห็นท่านเอาชานหมากออกจากปากส่งให้คนโน้นคนนี้ ไม่หมดสักที่ แล้วมีคนเอาพระมาให้ ๒องค์ พอรับมา ที่องค์พระเขียนว่า สมเด็จรุน
     
  3. Chay 4

    Chay 4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +94
    กราบสักการะิองค์สำเร็จลุน
    ขอบคุณในธรรมทาน เเละเรื่องราวนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...