พระราชสาสน์แสดงความอาลัย จากฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ถึง หลวงตามหาบัว

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย aprin, 27 พฤษภาคม 2012.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    <TABLE class="uiGrid fbPhotoImageStage" cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class="vMid hCent stageContainer">
    [​IMG]





    </TD></TR><TR><TD class=buttonsContainer>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class="uiGrid fbPhotoPageInfo" cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class="vTop fbPhotoUfiCol">พระราชสาสน์แสดงความอาลัย จากฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ถึง หลวงตามหาบัว

    หลวงตามหาบัว... ท่านพ่อมหาบัวของลูก ท่านพ่อเป็นอริยบุคคลที่ลูก<WBR>รักและเทิดทูนมาตลอด ถ้าจะถามกันว่าลูกรู้จักท่า<WBR>นพ่อมานานหรือยัง... ก็คงต้องตอบว่านานมากกว่าสี<WBR>่สิบปีแล้ว ลูกก็ได้ยินชื่อเสียงของท่า<WBR>นพ่อว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่<WBR>มั่น ท่านพ่อเป็นพระที่เคร่ง และเป็นสายปฏิบัติ เป็นที่นับถือของชาวอีสานแล<WBR>ะประชาชนคนไทย ตอนลูกอายุได้ ๑๗-๑๘ ปี ลูกได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จ<WBR>พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระ<WBR>นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถไปกราบท่านพ<WBR>่อ... ตอนนั้นก็แค่ได้ขึ้นไปกราบ กราบเสร็จแล้วก็ต้องลงมารอข<WBR>้างล่าง (ใต้ถุนกุฏิ เพราะในช่วงนั้นยังถือว่าเป<WBR>็นเด็ก ๆ อยู่)

    ลูกมาได้กราบท่านพ่อและฟังธ<WBR>รรมจริง ๆ ก็ราว ๆ ปี ๒๕๓๘ ซึ่งตอนนั้นลูกกำลังทุกข์ทั<WBR>้งทางกายและทางใจจนซึมเศร้า<WBR> ต้องเข้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธ<WBR>อยู่เป็นเดือน ๆ ตอนนั้นลูกไม่พูดเลย เพราะไม่อยากพูด จนแพทย์ พยาบาลวิตก ประกอบกับลูกมีอาการเบื่ออา<WBR>หารและผอมลง ๆ จนน้ำหนักเหลือ ๓๗ กิโลกรัม ทุก ๆ คนที่ดูแลลูก (แพทย์ พยาบาล มิตรสหายตลอดจนข้าราชบริพาร<WBR>) พากันกังวล ทุกคนก็พยายามที่จะหาทางให้<WBR>ลูกสบายใจ โดยหาญาติพี่น้องมาคุยด้วย เมื่อไม่ได้ผลก็พากันนิมนต์<WBR>พระหลายรูปมาแสดงธรรมให้ลูก<WBR>ฟัง... แต่ก็ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้

    จึงมีคนรู้จักท่านหนึ่งมาแน<WBR>ะนำกับผู้หลักผู้ใหญ่ของลูก<WBR>ว่า “นิมนต์หลวงตามหาบัวซิ” ก็มีแพทย์ท่านหนึ่งแย้งขึ้น<WBR>มาว่า “หลวงตามหาบัวนะหรือจะมา ออกจากวัดท่านยังไม่ค่อยออก<WBR>มาเลย แล้วจะให้ท่านนั่งเครื่องบิ<WBR>นมาถึงกรุงเทพฯ คงเป็นไปไม่ได้” (ช่วงนั้นท่านพ่อมักจะอบรมพ<WBR>ระ และอุบาสก อุบาสิกาอยู่ในวัดเป็นส่วนใ<WBR>หญ่) แพทย์ท่านนั้นพูดไม่ทันขาดค<WBR>ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น และพยาบาลที่รับโทรศัพท์ก็บ<WBR>อกว่าทางวัดป่าบ้านตาดแจ้งม<WBR>าว่า ท่านพ่อจะมาเยี่ยมลูกที่โรง<WBR>พยาบาล... แค่ได้ฟังข่าวว่าท่านพ่อจะม<WBR>าเยี่ยมลูก ลูกก็ปลื้มมากจนสุดจะบรรยาย<WBR> คิดอยู่ในใจว่าเป็นบุญของลู<WBR>กเหลือหลายที่ท่านพ่อจะมาโป<WBR>รดลูก

    เมื่อได้กราบท่านพ่อ ลูกก็เสมือนหายป่วยไปกว่าคร<WBR>ึ่งหนึ่งแล้ว ครั้นได้ฟังธรรมของท่านพ่อ ใจอันมืดมิดของลูกก็สว่างไส<WBR>วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่านพ่อสอนลูกในตอนนั้นว่า อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไ<WBR>ขอดีตได้ เพราะฉะนั้นควรปล่อยวาง ไม่ควรเก็บไว้ให้ใจทุกข์เปล<WBR>่า ๆ อนาคตก็ยังมาไม่ถึงไม่ควรคา<WBR>ดเดาหรือจินตนาการไปให้จิตฟ<WBR>ุ้งซ่าน ซึ่งเมื่อจิตฟุ้งซ่านแล้วก็<WBR>จะเกิดทุกข์ได้เหมือนกัน ท่านพ่อสอนว่า “จงอยู่ในปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตย่อมจะดีตามมา” หลังจากจบการแสดงธรรมโปรดลู<WBR>ก ลูกรู้สึกซาบซึ้ง และศรัทธาท่านพ่ออย่างสุดจะ<WBR>บรรยาย จึงได้กราบขอเป็นลูกศิษย์ ซึ่งลูกก็ได้ยินท่านกล่าวว่<WBR>า “รับ ด้วยความยินดี”หลังจากนั้น จิตใจลูกก็สบาย ปลอดโปร่ง อาการเจ็บป่วยก็หายวันหายคื<WBR>นจนออกจากโรงพยาบาลได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลูกก็นึกอยากตามขึ้นไปกราบท<WBR>่านพ่อที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี แต่ในช่วงแรก ๆ ที่ขึ้นไปวัดป่าบ้านตาด ลูกต้องยอมรับว่ากลัว ๆ กล้า ๆ เพราะเคยได้ยินมาว่าท่านพ่อ<WBR>ดุ... จริง ๆ แล้ว ลูกมาทราบหลังจากที่ลูกได้ก<WBR>ราบท่านพ่ออย่างสม่ำเสมอว่า<WBR> ท่านพ่อไม่ดุเลย แต่กลับเมตตาลูกเสมือนลูกเห<WBR>มือนหลานแท้ ๆ ตอนคิดว่าท่านพ่อดุ ลูกก็เลยไม่กล้าขึ้นไปคนเดี<WBR>ยว แต่ชวน ฯพณฯ องคมนตรี เชาวน์ ณ ศีลวันต์ (ซึ่งเป็นสามีของคุณหญิงไขศ<WBR>รี ณ ศีลวันต์ อาจารย์คณิตศาสตร์ของลูก) ซึ่งท่านก็เป็นศิษย์ของท่าน<WBR>พ่ออยู่แล้ว ไปเป็นเพื่อนฟังธรรมด้วย อะไรที่ลูกไม่กล้าพูดไม่กล้<WBR>าถามในตอนต้น ๆ ท่านองค์มนตรีก็ช่วยกรุณาถา<WBR>มนำ เพื่อให้ลูกกล้าพูดกล้าถามด<WBR>้วยตนเอง

    ตอนลูกมาเป็นศิษย์ท่านพ่อให<WBR>ม่ ๆ ท่านพ่อ... ดูแลทุกด้าน นอกจากสอนธรรมะให้ลูกแล้ว ท่านพ่อยังดูแลเอาใจใส่แม้ใ<WBR>นด้านสุขภาพของลูก อาทิเช่น ท่านพ่อเห็นลูกผอมมากถึงเวล<WBR>าท่านพ่อฉันตอนเช้า ท่านพ่อก็ให้ลูกนั่งรับประท<WBR>านอยู่หลังเสาที่ท่านพ่อนั่<WBR>งอยู่ (ตอนนั้นศาลาวัดป่าบ้านตาดย<WBR>ังมีเพียงชั้นเดียว) ท่านพ่อจะหันมาถามลูกว่า “ทานข้าวหรือเปล่า” ลูกก็ตอบไปว่า “ทานเจ้าค่ะ” ท่านพ่อก็ถามต่อว่า “ที่ว่าทานน่ะ ทานข้าวกี่เม็ดหรือกี่ช้อน”<WBR> อันนี้แสดงถึงความเมตตาเอาใ<WBR>จใส่ลูก แม้ประเด็นเล็กประเด็นน้อย

    นอกจากนั้น ตอนเป็นศิษย์ท่านพ่อเดือนแร<WBR>ก ๆ ลูกยังงอแงอยู่มาก มีเรื่องอะไรกระทบใจเข้าก็ม<WBR>าร้องไห้ไปเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ท่านพ่อฟังไป ท่านพ่อก็สอนว่า “ทูลกระหม่อมลูก น้ำตาเป็นของมีค่า ควรให้ไหลออกมาด้วยความปีติ<WBR> ไม่ใช่ความโศกเศร้า” (หลังจากมาเป็นศิษย์ท่านพ่อ<WBR>ไม่นาน ท่านพ่อก็เมตตารับลูกเป็นลู<WBR>กบุญธรรม)ปีแรกของการเป็นลู<WBR>กศิษย์ ท่านพ่อบอกให้ลูกนอนโรงแรมซ<WBR>ึ่งขณะนั้นชื่อโรงแรมเจริญศ<WBR>รี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Centara) เพราะท่านพ่อเป็นห่วงว่าลูก<WBR>จะไม่คุ้นเคยกับชีวิต “ชาววัดป่า” แล้วตี ๕ กว่า ๆ ลูกก็จะเดินทางออกจากโรงแรม<WBR>มาคอยใส่บาตรอยู่หน้าวัด พอใส่บาตรเสร็จก็เดินไปที่ศ<WBR>าลา ก่อนฉันท่านพ่อก็จะ “ให้พร” และหลังจากนั้นท่านพ่อและพร<WBR>ะในวัดก็จะฉันพร้อมกัน ลูกก็ได้รับข้าวก้นบาตรท่าน<WBR>พ่อทุกครั้ง หลังจากนั้นแล้ว ท่านพ่อก็จะเทศน์โปรดญาติโย<WBR>มที่มาทำบุญ ท้ายสุดท่านพ่อก็จะให้พรอีก<WBR>ครั้ง แล้วลูกก็จะกลับไปพักชั่วคร<WBR>าวที่โรงแรม

    และจะย้อนกลับเข้ามาที่วัดอ<WBR>ีกทีช่วงราว ๆ บ่ายสองโมง ลูกก็จะเข้ามาสนทนาธรรมกับท<WBR>่านพ่อ และเรียนที่จะภาวนา การภาวนานั้นลูกรู้สึกว่ายา<WBR>กมากในตอนต้น ๆ คิด ๆ แล้วลูกก็ขำตัวเอง เพราะขนาดทั้งกำหนดลมหายใจเ<WBR>ข้า-ออกแล้ว ยังมีคำบริกรรมกำกับก็ยังไม<WBR>่วาย จิตแล่นไปคิดเรื่องโน้นเรื่<WBR>องนี้ ลูกเลยต้องค่อย ๆ หัด เริ่มจาก ๑๐ นาทีก่อน แต่ลูกก็ต้องซื่อสัตย์กับตั<WBR>วเองโดยใน ๑๐ นาทีนั้น ลูกก็จะท่องแต่คำบริกรรม...<WBR>กำหนดลมหายใจเข้า หายใจออกอย่างเคร่งครัด มาหลัง ๆ ลูกก็สามารถภาวนาติดต่อกันไ<WBR>ด้ถึง ๕๐ นาที

    แต่กระนั้นช่วงแรก ๆ เพราะความช่างสงสัยของลูก ลูกเคยถามท่านพ่อว่า “ทำไมลูกภาวนาแล้ว ลูกไม่เห็นสวรรค์ เห็นเทวดาฯ บ้างเลย ลูกเคยได้ยินว่าคนอื่น ๆ เขาว่าเขาเห็นกัน” จำได้เลยว่า ตอนนั้นท่านพ่อหัวเราะ และถามลูกว่า “อยากเห็นนักเหรอ” ลูกก็บอกว่า “เปล่า” และท่านพ่อก็สอนว่า ไม่เห็นน่ะดีแล้ว เพราะจุดประสงค์ของการภาวนา<WBR>ก็คือ ทำให้จิตรวมเกิดความสงบ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดปัญญา ท่านพ่อบอกว่า ถ้าคนภาวนาแล้วเห็นนรก สวรรค์ เทวดา ภูตผี ก็อาจจะทำให้หลงเพลิดเพลินต<WBR>ิดไปกับสิ่งที่ตนเองเห็น ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ทางสง<WBR>บได้

    ปีต่อ ๆ มา ท่านพ่อให้ลูกเข้ามาอยู่ในว<WBR>ัด ลูกก็ไปอยู่ที่กุฏิและภาวนา<WBR>ตามที่ท่านพ่อสอน เป็นความรู้สึกส่วนตัวของลู<WBR>กว่า ภาวนาที่วัดป่าบ้านตาดแล้ว จิตลูกรวมเร็ว สงบเร็ว นิ่งเร็วกว่าภาวนาที่บ้านหร<WBR>ือโรงแรม คำสอนของท่านพ่อทุกคำลูกจดจ<WBR>ำเสมอ คำสอนที่ลูกซาบซึ้งมากที่สุ<WBR>ด คือ ท่านพ่อสอนลูกว่า ทุกอย่างสำคัญที่ใจ ชีวิตนี้มีใจเป็นประธาน ถ้าใจเราดีแล้วทุกอย่างจะดี<WBR>ตาม ดังนั้นลูกจึงพยายามทำใจให้<WBR>ดีอยู่เสมอ ทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ไร้ตะกอน หรือความขุ่นข้องหมองใจ นอกจากนั้น ท่านพ่อสอนให้ลูกรู้จักการใ<WBR>ห้อภัยแก่คนที่ปฏิบัติต่อลู<WBR>กไม่ดี ท่านพ่อสอนว่า ทานอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าอภ<WBR>ัยทาน

    ท่านพ่อสอนลูกให้เข้มแข็งดุ<WBR>จหินผา ไม่ให้อะไรมากระทบใจแล้วเป็<WBR>นทุกข์ แต่ในขณะเดียวกัน ท่านพ่อก็สอนให้ลูกอ่อนโยนเ<WBR>หมือนต้นอ้อลู่ลมกับคนที่แว<WBR>ดล้อม ท่านพ่อสอนให้ลูกละโทสะ (ซึ่งแต่ก่อนลูกมีมาก) และให้รู้จักปล่อยวาง ท่านพ่อยังอธิบายอีกด้วยว่า<WBR> การปล่อยวาง ไม่ใช่ปล่อยวางไปเฉย ๆ โดยไม่พิจารณาความถูกต้อง ทุกอย่างต้องผ่านการพิจารณา<WBR>ก่อน ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดก็ต้องปรั<WBR>บแก้ไขตนเองแล้วจึงปล่อยวาง<WBR> ถ้าเราพิจารณาแล้วว่า สิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูก<WBR>ก็ปล่อยวาง “สิ่งกระทบ” นั้นไปเลย การได้รับการอบรมช่วงนี้จาก<WBR>ท่านพ่อ ส่งผลทำให้ลูกมีสุขภาพดีขึ้<WBR>น โรคบางโรค เช่น โรคนอนไม่หลับก็หายไปเลย เพราะจิตลูกนิ่งสงบ ไม่ฟุ้งซ่านอย่างแต่ก่อน
    สิ่งที่ท่านพ่อเน้นสอนลูกอี<WBR>กเรื่อง คือเรื่องความกตัญญูรู้คุณต<WBR>่อพ่อแม่ ท่านพ่อว่า “พ่อแม่เลี้ยงเรามายากลำบาก<WBR>นัก เราฉี่ เราอึใส่ตักพ่อแม่ ท่านก็ยังไม่เคยว่า คอยเช็ดคอยล้างให้ แล้วแค่พ่อแม่ตักเตือนจะมีป<WBR>ฏิกิริยาอะไรหนักหนา ไม่ได้นะ ถ้ากตัญญูไม่ได้ก็ไปเกิดเป็<WBR>นลูกแมงป่องซะ”

    ท่านพ่อย้ำสอนให้ลูกมีสติทุ<WBR>กขณะจิต เพราะท่านพ่อสอนว่า คนเราถ้าขาดสติแล้ว ก็จะทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่<WBR>ควร นอกจากนั้น ท่านพ่อสอนว่า เวลาภาวนาก็ต้องใช้สติกำกับ<WBR> เพื่อจะป้องกันการหลุดจากกา<WBR>รกำหนดลมหายใจ และคำบริกรรมอีกด้วย

    คำสั่งสอนของท่านพ่อลูกจดจำ<WBR> และพยายามปฏิบัติตามอย่างเต<WBR>็มความสามารถ ทำให้ลูกของท่านพ่อในวันนี้<WBR> เป็นคนเข้มแข็งขึ้น มีความสุขขึ้น มีความอดทน อดกลั้น มีความสุขุม เยือกเย็น สามารถสู้กับโลกมนุษย์ที่มี<WBR>แต่ความทุกข์ ความเศร้า การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความอิจฉาริษยา ฯลฯ ได้อย่างไม่ทุกข์จนเกินไป ลูกเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับใ<WBR>นอดีต ท่านพ่อเป็นผู้ชุบชีวิตให้ล<WBR>ูก ให้ลูกกลายเป็นคนที่ดีกว่าเ<WBR>ดิมมากมายนัก

    เรื่องที่ลูกกล่าวมาถึงช่วง<WBR>นี้ เป็นเพียงเรื่องที่ท่านพ่อเ<WBR>มตตาลูก ทำให้ลูกในฐานะศิษย์คนหนึ่ง<WBR> แต่พระคุณของท่านพ่อนั้นครอ<WBR>บคลุมไปถึงการที่ท่านพ่อเป็<WBR>นห่วงประเทศชาติ ในปี ๒๕๔๐ ประเทศไทยอยู่ในภาวะติดหนี้<WBR>ติดสินเป็นอันมาก มองไปแล้ว ดูอนาคตของเมืองไทยจะมืดมน นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านกล่า<WBR>วว่า เมืองไทยคงต้องก้มหน้าก้มตา<WBR>ใช้หนี้กันไปหลายสิบปี

    ตอนนั้นท่านพ่อมีความห่วงใย<WBR>ประเทศชาติและประชาชนคนไทย จึงได้จัดให้มีการทำผ้าป่าช<WBR>่วยชาติ ซึ่งในการนี้ทำให้ท่านพ่อต้<WBR>องเดินทางไปแทบทุกจังหวัดใน<WBR>ประเทศไทย รับบริจาคเงินและทองคำ ต้องเทศน์โปรดประชาชนและได้<WBR>สอนว่า “ทองอยู่บนตัวญาติโยม ก็ยังไม่งามสง่าเท่ากับอยู่<WBR>ในคลังหลวง” ตอนที่ท่านพ่อเริ่มโครงการผ<WBR>้าป่าช่วยชาติ ท่านพ่อก็อายุ ๘๐ กว่าแล้ว แต่ท่านก็ยังปฏิบัติภารกิจใ<WBR>นการทำผ้าป่าช่วยชาติ อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื<WBR>่อย ลูกเคยตามท่านพ่อไปในครั้งท<WBR>ี่ท่านพ่อทำผ้าป่าช่วยชาติใ<WBR>นภาคกลาง ลูกเองอายุยังน้อยกว่าท่านพ<WBR>่อมาก ก็ยังรู้สึกเหนื่อย

    แต่ท่านพ่อยังคงนั่งเทศน์อบ<WBR>รมประชาชนทีละ ๔๕ นาทีเป็นอย่างน้อย และอย่างมากก็ชั่วโมงครึ่ง ท่านพ่อทำเช่นนี้ไปทุก ๆ ภาค ทำให้ได้ทองเข้าคลังหลวงถึง<WBR> ๑๒ ตัน (ก่อนที่จะอาพาธหนัก แต่ดูจากการบริจาคทองคำถวาย<WBR>ท่านพ่อเพื่อนำเข้าคลังหลวง<WBR> ตอนท่านพ่อละสังขาร น่าจะได้ทองคำเข้าคลังหลวงร<WBR>วมทั้งหมด ๑๓ ตัน) และหนี้สินที่เป็นเงินสกุล Dollar ก็รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัท<WBR>ธา และนำไปใช้หนี้เรียบร้อย เท่ากับประเทศไทยได้เป็นไทแ<WBR>ก่ตัว และทำให้คนไทยทุกคนมีศักดิ์<WBR>ศรีขึ้นมา
    ท่านพ่อไม่เคยคิดถึงตัวเองเ<WBR>ลย ไม่เคยหวังอยากได้โน่นได้นี<WBR>่ เงินบริจาคที่ญาติโยมบริจาค<WBR>ก็นำไปช่วยคน เช่น นำอาหารไปให้หมู่บ้านที่ขาด<WBR>แคลน ยากจน และได้สร้างโรงพยาบาลอีกด้ว<WBR>ย ท่านพ่อบอกว่าวัดนี้ (วัดป่าบ้านตาด) อยู่อย่างพอเพียง ไม่ต้องการความหรูหราหรือฟุ<WBR>้งเฟ้อ ทุกอย่างท่านพ่อทำเพื่อความ<WBR>กินดีอยู่ดีของประชาชนจริง ๆ ความจริงท่านพ่อไม่ได้สงเคร<WBR>าะห์เฉพาะคนไทย คนในประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ช<WBR>่วยเหลือมาตลอด และที่สำคัญท่านพ่อทำทุก ๆ อย่างแบบปิดทองหลังพระอย่าง<WBR>แท้จริง

    แม้ ณ วันนี้ ท่านพ่อได้ละสังขารไปแล้ว แต่ท่านพ่อจะสถิตอยู่ในดวงใ<WBR>จของลูก และดวงใจของคนไทยทั้งประเทศ<WBR> และลูกเชื่อว่าเมตตาบารมีขอ<WBR>งท่านพ่อจะคุ้มครองลูก คุ้มครองปวงประชาชนคนไทยตลอ<WBR>ด จนคุ้มครองประเทศไทยให้มั่น<WBR>คง และมีความร่มเย็นเป็นสุข

    สำหรับลูก ลูกให้สัญญากับท่านพ่อว่า จะนำคำสั่งสอนของท่านพ่อที่<WBR>จารึกอยู่ในใจของลูกมาปฏิบั<WBR>ติ เพื่อให้ลูกเข้าสู่ทางสว่าง<WBR>อย่างแท้จริง

    “... คือ ความเย็น ชื่นฉ่ำ ของสายน้ำ
    คือ ร่มเงา ลึกล้ำ ของพฤกษา
    คือ ความสงบ แน่วนิ่ง ของวิญญาณ์
    คือ ดวงแก้ว ล้ำค่า อยู่กลางใจ”
    ท่านพ่อจะอยู่ในดวงใจของลูก<WBR>ชั่วกาลนาน
    กราบเท้าท่านพ่อด้วยความระล<WBR>ึกถึงและเทิดทูนอย่างที่สุด

    จุฬาภรณ์ (ลูกของท่านพ่อ)

    (จากหนังสือ ญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์)




    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอขอบคุณ ที่มาคะ : 100 ปีพระอุดมญาณโมลี(หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)

    https://www.facebook.com/#!/photo.p....278714388817380.66573.278710538817765&type=1
     
  2. วิชย

    วิชย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +67
    กราบหลวงตามหาบัวแทบพระบาท
     
  3. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ขอนอบน้อมกราบ หลวงตามหาบัว มหาบุรุษ ด้วยเศียรเกล้า

    ขอน้อมถวายพระพร เจ้าฟ้าหญิงจากหัวใจ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...