เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

เราก็จะเริ่มเรื่องกันที่เกราะของหลวงพ่อกรวยก่อน เพราะนี่เป็นที่มาทีไปของผลึกขาวใส

และเพื่อให้รู้มาทีไปจึงคัดลอกข้อความของดาวทะเลทรายมาให้อ่านกันก่อน

 

ท่าทาง อาจารย์ คง ต้อง บรรยาย ยาว แล้ว ละ
งานนี้

เพราะแต่ละเรื่อง
โยง ใย กัน ซับซ้อน

เป็นเรื่อง อจินไตย เสียด้วย ซิ

จะ เล่า กัน ยางไง ละ นี่......55

ด้วย ฝีมือ ของ อาจารย์สุวิ
คง หาคำพูด มาประมวล เป็นเรื่องราว

ให้ ชาวบ้าน เค้า อ่าน เข้าใจได้ แหละ นะ
.......55

​

 

ข้อความข้างบน ของดาวทะเลทราย คือที่มา ของเกราะหลวงพ่อกรวย
แล้วลึกตื้นหนาบางนะเป็นอะไร

เมื่อท่านดาว รื้อกรุพระหลวงพ่อกรวยมานั่งดูนอนดูสักพัก ก็ให้สงสัยอะไรบางอย่างหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะถามใคร
นึกได้ถึงหมอสุวิ ก็กระวีกระวาดโทรมาทันที
หลังจากเสวนาสักพัก ก็เข้าเรื่อง สรุปได้ว่า

พระของหลวงพ่อกรวยนี่มีทั้งโลหะปั้ม และเป็นแบบพระเนื้อผง
อำนาจพระในรูปแบบใหญ่ๆมี
๑ แคล้วคลาด
๒ คงกระพัน
๓ เมตตาค้าขาย

อำนาจพระที่แคลวคลาดนี่ อำนาจที่กระจายออกมา
เนื้อของอำนาจที่กระจายออกจะเนียนละเอียด มีพลังผลักสูงมาก
ลองซิมมูเลท ส่งลูกปืนวิ่งเข้าหานี่ พอใกล้ก็วิ่งแฉลบออกด้านข้างหมด นี่เรียกว่าแคล้วคลาด

ส่วนอำนาจคงกระพันนี่ เนื้ออำนาจที่กระจายจากองค์พระ จะเป็นเส้นๆถักทอแบบหยาบๆ แต่มีอำนาจหยุดอาวุธมีคม และลูกปืน ชนิดวิ่งเข้ามาก็ตกแหมะอยู่ข้างหน้า

ส่วนอำนาจแมตตาค้าขายนี่ พอขอดู โอ้..ปรากฏเป็นดวงแก้วขนาดเจ็ดสิบ-แปดสิบ ซ.ม.
นี่มันดวงแก้วของจักรพรรดชัดๆ (พวกธรรมกายจะรู้เรื่องนี้ดี)
มิน่า ตั้งแต่ไอ้เจ้าดาวมันเอาพระหลวงพ่อกรวยมาห้อยนี่ การค้าการขายของมันก็ค่องตัว ได้แต่ลูกค้าดีๆ

หมอเกิดสงสัยว่า ถ้าเอาอำนาจของพระแบบคงกระพันและแคล้วคลาดนารวมกันนี่ จะเป็นอย่างไร
เลยลองดู ปรากฏว่า เกิดปรากฏการใหม่ อำนาจที่กระจายออกมา เหมือนเป็นเกราะโลหะ (เหมือนผ้าโลหะ) ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้
ประกายออกเป็นโลหะ จะว่าเหมือนตะกั่วก็ไม่เชิง จะว่าเงินก็ไม่ใช่
เป็นเนื้อโลหะที่อ่อนนุ่มเหนียวแน่น

ใจของหมอสุวินึกย้อนกลับไปสมัยที่ อ.สามตายังอยู่ เคยเห็นโลหะแบบนี้ที่ใต้แผ่นดิน มันเคลื่อนไปกับลาวา
พอใจนึกปัป มือมันก็เอื้อมไปไต้ดินล้วงเอามาทันที เอามาให้ดาวทะเลทรายดู และถามว่าเหมือนกันหรือไม่
เจ้าดาวว่าไม่เหมือเลย ไอ้ก้อนที่หมอสุวิถืออยู่นี่ มันดำๆออกแดงๆนะ ต่างกันแยะเลย
พอเราหันไปดู มันจะเหมือกันได้อย่างไร ก็ไอ้ที่ควักขึ้นมานี่ มันยังเป็นแร่ดิบๆที่ยังร้อนฉ่า
เอ้าลองถลุงและกลั่นกลองให้บริสุทธิ์ซะหน่อยก่อน และมันก็สำเร็จในพริบตา
เป็นก้อนโลหะวาวดังเงินยวงอยู่บนฝ่ามือ
เอ้าดูใหม่ เหมือกันไม๊
เจ้าดาวว่า มันคล้ายนา พลังที่กระจายออกนี่เหมือนมาก

คุยไปคุยมาก็เข้าเรื่องโลหะประหลาดที่โบราณเขาเอามาทำเสา ไม่ผุไม่กร่อน
แถมปัจจุบัน มีเทวดาเอามาปักไว้ในวัดใหญ่แห่งหนึ่ง เขาเรียกกันว่า

"ราชฤก" อ่านว่าราชหลึก แผลงมาจากราชเหล็กนะ คือราชาแห่งเหล็ก

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หมอถามดาวทะเลทรายว่าอยูตรงใหน
พอเขาบอกเเท่านั้น ใจของหมอสุวิก็เอื้อมไปคว้าหมับติดมือมาทันที
เอามาดูกัน
พลังพระของหลวงพ่อกรวย
พลังของธาตุโลหะที่ควักจากใต้ดิน
และพลังจากโลหะที่เอามาทำเสา

วุ้ยมันเป็นตัวเดียวกันเลย

หลังจากพิสูจน์ทราบแล้วก็ส่งคืนเขาไป เพราะหากทะลึ่งเก็บไว้นี่ ก็โดนข้อหา อทินนาทานาเวรมณีฯ

และการคุยยกที่หนึ่งก็หหยุดลงเท่านี้ (ซัดเข้าไปเกือบ ๒ ชัวโมง)

 

รอเล่าต่อค่ะ กำลังสนุกเลยค่ะ ^___^

ปล. แล้วแก้วที่หนูเอามาห้อยคอกันอะไรได้มั่งอ่ะคะ

 

ท่านผู้ฟัง ใจเย็นๆ
อาจาย์ แก อายุมากแล้ว นั่ง โม้ นานๆ ก็ เหนื่อย......55

ให้ พักยก ซด น้ำชา พอหายเหนื่อย คง มาเล่าต่อ

อีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่ จะเล่าต่อไป
มันยาก ต้อง หลีกเลี่ยง และหาคำพูดที่ เหมาะสม
มิฉะนั้น จะโดน ข้อหา ปากโป้ง
เอา ความที่ลับ มาเปิดเผย

......
แล้ว อาจจะโดน มิ ใช่ น้อย.......55

แต่ อย่างไง ผม ไม่ใช่ คน เล่า นะ
มี พยาน.......55​

 

หนูว่าเหนื่อยเพราะแอบไปลองโน่นเล่นนี่มากกว่า อิอิ

แซวเล่นนะค้า _/|\_

อ้าว แล้วพยานจะโดนข้อหารู้เห็นเป็นจายด้วยไหมคะเนี่ย

 

ตามปกติแล้ว
เวลา เค้า จะ กันตัวไว้เป็นพยาน

คำพูดก็ บอกแล้ว ว่า " กันตัว ไว้เป็นพยาน"

ดังนั้น
แม้น พยานนี้ ทำความผิดอะไรไว้ ก็ แกล้งทำเป็นไม่เห็น
เพื่อ กันไว้ เป็นพยาน ไง ละ

หากไป ตั้งข้อหา อะไร กับ พยาน แล้ว
แมว ที่ไหน จะกล้า มาเป็นพยานให้ ละ ..... จ๊ะ
​

 

คุณดาวก็ต้องระวังเหมือนกัน บางทีเขาก็ไม่ยอมรับซะอย่างก็เสร็จเหมือนกัน ..อิอิ

 

ผมเป็นคน ตรงไป ตรงมา
ผิด ก็ ว่า ผิด
ถูก ก็ ว่า ถูก

ไม่ ลำเอียง กับใคร

เว้น แต่ คน คุ้นเคย ญาติ มิตร
บ้าง ครั้ง ก็ ไม่ทันมอง
ไม่ ทัน เห็น

.... เฮ้อ... คนแก่ แล้ว มั้ง.....​

 

แอบอ่านมาหลายวัน.. รายงานตัวเจ้าค๊ เมี๊ยววว ^-^

 

มาติดตามอ่านด้วยคนค่ะ

 

" 卍 "​

<!-- google_ad_section_end -->

เห็นแล้ว ให้ ต้อง ยิ้ม ยิ้ม.......55

ภาพ สวัสดิกะ อย่างนี้ ถูกต้อง

คือ ต้อง หมุนตามเข็มนาฬิกา

บางคน เขียนผิด ทำผิด ไป เป็น หมุน ทวนเข็มนาฬิกา

ก็ เวร ละ เป็นการ หมุนออก
เหมือนอย่าง ฮิตเลอร์ เขียน สวัสดิกะ แบบหมุนออก เป็น สัญญาลักษณ์


ก็ ดู ว่า เกือบ จะรุ่ง
สุดท้าย เดี้ยง............ ตาม ระเบียบ​

 

ชอบสวัสติกะมากค๊ แต่ก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งปลื้มกันมาก ภาพสุดท้ายในอัลบัมรูป คือสัวสติกะที่ห้อยคอของเขา ตอนนี้รุ่นพี่หนูตายไปแล้วสิบล้อทับค๊ เคยอ่านเจอว่า สวัสติกะ มีความหมายในการหมุนทั้งสองด้านไม่รู้ว่าที่หมุนด้านไหนยังไง เห็นบนหลังคาวัดมังกรหมุนด้านนี้แหละ(เอาตาม) 55 แต่หมุนด้านไหนก็ชอบค๊พี่ดาวทะเล ยกเว้นหมุนตะแคง เด่วต้องหมุนหัวอ่านตาม 555

สวัสดีค๊พี่มุ๊กมิ๊ก ซัมดีบ่อจ๊ คิดถึงตั๋วเน้อ เมี๊ยวว 55 ;D

 

เคยอ่านเจอหนังสือของคุณภูเตศวร ว่า สวัสดิกะวนซ้ายหมายถึงพลังงาน แต่พลังสู้สัญญลักษณ์ดาวเดวิดหกแฉกไม่ได้ขอรับ

 

เรื่อง รูป ร่าง รูปทรง กับ พลังงาน นี่ นะ..... มันเป็นเรื่อง แปลก

บางครั้ง มีอะไร ที่ อยู่ เหนือ ความ คาดหมาย

ต้อง ทดลอง ทดสอบ เอา เอง

เขา เล่า ว่า ไม่สู้ รู้ ด้วย ตา ตนเอง

........

ผม เอง ก็ เคยทดลอง บ้าง
ไม่มากนัก

อย่าง รูปทรงปิรามิด ก็ สร้างปิรามิค จำลอง
มาทดลอง ดู

...

รูปทรง ดาวหกเหลี่ยม
ก็ ทำ รูป ดาว ขนาดใหญ่ ที่ พื้นสนามหญ้า
ตอกหลัก แล้วโยง เชือก
จนเป็นรูป ดาว หกเหลี่ยม
ให้ความรู้ ทางคณิตศาตร์ เด็ก ประถม ช่วยหน่อยจึงสำเหร็จ


ทุกๆ เหลี่ยม
นำ คริสตัล เป็นรูป มาคาบา มาวางไว้

ตอนนั้น ก็ เย็น จะค้ำแล้ว

พอเสร็จยืน ดู ความสำเหร็จ ไม่ เบา นิ

เดินรอบๆ รูป ดาวหกเหลี่ยม


.........55

อยากรู้ ไป ทำ เอาเอง ดู เถิด

แต่ หาเพื่อนไป ช่วย ด้วยนะ

ทำคนเดียว เป็นลม เป็นแร้งไป ไม่มีคนช่วย นะ จะบอกให้
​

 

ได้ยินว่า
อ.สุวิ ไป เที่ยว แม่กลอง , เพชรบุรี มา
ไม่แวะรับ ผม ไป ด้วย เลย นะ
.....55​

ไปถึงเพชรบุรี คง ได้ เดินขึ้นไป ชมทิวทัศน์ บนเขาวัง แน่ เลย
เขาวัง ผม เคย ขึ้นไป สมัยสามสิบกว่าปี ก่อน
เดินขึ้นไป เล่น เอา เมื่อย เหมือนกัน​

ข้างบน สวยงามดี เป็นพระราชวัง ของ ร.5
มองลงมา เห็น เมืองเพชรบุรีได้ ทั่วทีเดียว​

แล้วซื้อ ขนมหม้อแกง มาฝาก หรือเปล่า ....... ได้โอกาส ทวง ซะหน่อย....55​

ได้แวะตามวัด ที่แม่กลอง บ้างหรือเปล่า
เห็นอะไร ดี ดี นำมาเล่าให้ น้องๆ เค้า ฟัง กันบ้าง...55​

 

อยากเล่าเหมือนกัน ว่าไปพบไปเจออะไรเข้าบ้าง
แต่คงไม่กล้าลงรายละเอียดในบางเรื่อง

เอาเป็นว่าที่แรกที่เข้าไป "ศาลพันท้ายนรสิงห์" สถานที่นี้เล่นเอาหมอ แทบหมดเนื้อหมดตัวแทบล่อนจ้อนเลย
เป็นเรื่องที่เล่าไม่ได้ในหน้าเวป มันนๆๆๆๆๆ....มันโป้นะ

แล้วหมอก็เลาะไปเรื่อยๆตามถนนริมมะเล ด้วยความสบักสบอม ไปโผล่เอากลางเมืองมหาชัย(เก่า-สมุทสาคร)
หาอาหารกินแล้วๆๆก็วิ่งหาห้องน้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันนี้

แล้วไปต่อไปฟื้นเอาที่หลวงพ่อวัดบ้านแหลม (สมุทรสงคราม)
หลวงพ่อท่านมีคาถาดีนะ ใช้ได้สารพัดนึกทีเดียว เขาว่ากันว่าสลักไว้ที่ฝ่ามือของท่าน เป็นคาถาของเทวดา ท่านท้าวยามา

ข้างหนึ่งสลักว่า "นะ มะ ระ อะ"
อีกข้าง สลักว่า "นะ เท วะ อะ"

ระลึกถึงท่านว่าคาถารอบที่หนึ่ง แล้วอธิษฐานขอ.......
จะให้ป็นยารักษาโรคก็ได้
จะให้เป็นโชคลาภก็ได้
จะให้ป้องกันภัย ป้องกันการเบียดเบียนก็ได้
ฯลฯ
แล้วก็บริกรรมตัวคาถาไปเรื่อยๆอีกสักหลายๆครั้งตามแต่ใจ

หรือใช้ภาวนา ในการฝึกสมาธิก็ยังได้

หลังจากนั้นก็ไปต่อที่เพชรบุรีเลย
พระนครคิรี(เขาวัง)นะ ไม่ค่อยสนหรอก วิ่งเลยไปที่วัดพระนอน อยู่หลังเขาพระนครคิรีเอง

ไปถึงแล้วจึงได้รู้ว่า วัดนี้มีของดีนะ
(ไปวัดนี้ได้ไงหว่า ยังงงอยู่เลย-ตอนแรก ผบทบ. ว่าอยากกินหนมหม้อแกง เลยเอาใจขับรถไปให้ ไหง๋ พอถึงเพชรบุรี ก็ตรงดิ่งเข้าวัดเลย)

ที่นี่มี
มีพระนอน เขาว่าเป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุด
มีพระนั่งสมัยอยุทธยา
มีพระยืน มีอำนาจมหาอุตม์อยู่ในวิหารนี้-ใครอยากได้ไปขอเอา-หมอสุวิ ขอเขาไม่ให้เลยหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
แต่หมอท่องไว้ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลกจะกลับไปขอใหม่-
แต่ เอ..สงสัยวุ้ยเอามาทำอะไรหว่า ไอ้เราเป็นหมอ มันเอามาทำยาไม่ได้นิ เลยเลิกสน
มีสังกระสีมุงหลังคาที่ ร.๕ พระราชทานมาให้มุงหลังคา
มีโบถส์มหาอุตม์ คู่กับหลวงพ่อยิ้ม

ที่สำคัญสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาล ของพระอริยะเจ้า ครอบคลุมไปหมด
แม้แต่เครื่องรางของขลังทุกชิ้น ล้วนศักสิทธิ์

พอดูๆแล้วก็หยอดตู้ทำบุญตามใจชอบ
แล้วกลับมาตั้งหลักที่แม่กลองใหม่(สมุทรสงตราม) วิ่งเข้าไปหาอาหารเย็นกินกันแถวดอนหอยหลอด แล้วก็กลับบ้าน

 

มาปูเสื่อนั่งรอ......ฟังเรื่องเล่าครับ อิอิ

 

แฮ่มๆๆ

^๐^ เอ๊ๆๆ "ทริก" อยู่ตรงไหนหนอ ^๐^​

chearrchearrchearr​

 

ขอความเมตตาอ.สุวิเมตตาช่วยไขให้กระจ่างด้วยค่ะ

1. สาเหตุของก้อนลมที่ท้องน้อย และอาการที่มีสิวผดเต็มหน้าและสิวเป็นหนองบริเวณขมับและใต้คางเป็นประจำ
(ช่วยอธิบายย์อาการเกิดโรคตามคัมภีร์<WBR>แพทย์แผนไทย เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้เริ่<WBR>มเรียนด้วยค่ะ)

2.ได้พบจิตวิญญานเด็กทารกผู้หนึ่ง เขาแทรกอยู่ในตัว เขาเข้ามาได้ด้วยเหตุ ๒ ประการ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
เด็กขอความช่วยเหลือ ด้วยจะมีผู้ขมังเวทย์จะจับตัวเอาไปเป็นลูกกรอก (แท้งตามธรรมชาติ)<o></o>
และตัวเธอเองก็มีจิตเมตตาต่อสรรพสัตว์ ด้วยความกลัวและตกใจ จึงแทรกเข้าไปในตัวได้ <o></o>
แต่เมื่อมิได้มีกรรมต่อกันมาก่อน เขาจึงไม่ได้เกาะกับอวัยวะไดๆเป็นพิเศษ<o></o>
เมื่อหมดเหตุแล้ว เขากลับออกไปไม่ได้ด้วย พลังไม่พอที่จะแทรกออก จึงวิ่งไปวิ่งมาหาทางออก พลังบุญที่เธอทำอยู่สะสมทีละเล็กทีละน้อย ที่อุทิศให้ก็ไม่พอ <o></o>
แต่เมื่อรวมบุญทั้งหมดด้วยวิธีการของหมอ มันมากพอที่จะนำเขาออกมาได้<o></o>
และหมอได้นำเขาออกมาให้แล้ว ลองสังเกตุดู อาการที่เป็นหายหรือไม่ ยังมีหลงเหลือ อะไรอยู่อีกหรือไม่
(ช่วยอธิบายด้วยค่ะ จะเกิดขึ้นเสมอไปหรือค่ะ โดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าเป็นกรณีนี้ เหมือนเป็นโรคที่หาเหตุไม่ได้ เกี่ยวข้องกับการต้องธรณีสารหรือไม่ค่ะ)

3. งงๆกับอาการของตัวเองนับตั้งแต่อยู่ๆก็มีติ่งเนื้อยื่นออกมาที่ทวารหนัก ทั้งๆที่ไม่ได้ท้องผูก
ถ่ายแข็ง แล้วจู่ๆก้อนที่เคลื่อนที่ได้ง่ายก็หายไป(อาการเกิดก่อนที่อาจารย์จะติดต่อกลับ)
ทั้งหมดเกิดภายในอาทิตย์เดียวเท่านั้น ติ่งเนื้อเริ่มบวมและเจ็บเวลานั่งประมาณ2 วัน
แต่พอได้รับยาจากอาจารย์โดยที่ยังไม่ได้ทานยา ตื่นเช้ามาติ่งเนื้อเหมือนเล็กลง ไม่รบกวนการนั่ง
หนูคงไม่ได้อุปทานไปแน่ๆ
(เกิดขึ้นได้ผ่านอะไรเป็นสื่อหรือค่ะ)