ใครมีประสบการณ์ สายเมืองกาญ คุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย atit deb, 29 เมษายน 2012.

  1. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    อาทิ เช่น หลวงปู่เฒ่ายิ้ม หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว
    หลวงปู่สอน หลวงพ่ลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า
    หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้
     
  2. prerogatively

    prerogatively สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +5
    :cool: เจ้าของกระทู้คนเมืองกาญจน์ใช่ไหมเอ่ย
     
  3. beer1360

    beer1360 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,039
    ค่าพลัง:
    +420
    ^^ มารอฟัง อยากรู้เกจิดังแถวท่าม่วงอะครับ
     
  4. fujyjo

    fujyjo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,535
    มารอฟังด้วยคนครับ พึ่งได้ตะกรุดหนังเสือหลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุมมา ครับ
     
  5. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75


    ^^ ช่ายแล้ว คร้าฟ
     
  6. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    จังหวัดกาญจนบุรีเป็นถิ่นกำเนิดของ "คนดัง-พระดี" จำนวนไม่น้อย ดินแดนแห่งนี้จะมีขุมทองหรือไม่นั้นต้องใช้เวลาพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ มี "ทองแท้" ในวงการสงฆ์อยู่อย่างมหาศาล สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ก็ทรงเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขที่ชาวเมืองกาญจน์ภาคภูมิใจยิ่งพระองค์หนึ่ง

    พระกรุ-พระเก่าของเมืองนี้แทบไม่ต้องเอ่ยอ้างในคุณวิเศษ โดยเฉพาะ "พระท่ากระดาน" ชื่อชั้นอยู่ในระดับแนวหน้าว่า "คงกระพันชาตรีเป็นยอด" ส่วนเครื่องรางของขลังก็เด่นดังไม่ใช่ย่อย พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างแต่ละองค์ล้วนเป็นที่ยอมรับในความเก่ง กาจด้านวิชาอาคม

    โดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงสิ่งมงคลเครื่องรางของขลังอย่าง "ลูกอม" ต้องยกให้ "หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม" หรือ "หลวงปู่ยิ้ม" แห่งวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ดั่งคำขวัญที่ชาวเมืองพูดกันติดปาก "ลูกอมต้องวัดหนองบัว (หลวงพ่อยิ้ม) แหวนพิรอดต้องวัดบ้านทวน (หลวงพ่อม่วง) ถ้าเป็นเจ้าชู้ต้องวัดเหนือ (หลวงพ่อดี) ถ้าเป็นอ้ายเสือต้องวัดใต้ (หลวงพ่อเปลี่ยน)"

    "หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม" ท่านเป็นบุรพาจารย์รูปสำคัญของวัดหนองบัวซึ่งมรณภาพไปเมื่อ 90 ปีที่แล้ว และเป็นหนึ่งในพระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ "เสด็จเตี่ย" ที่ทรงโปรดและกริ่งเกรงในวิทยาคม

    พระคณาจารย์ดังซึ่งสืบสายพุทธาคมจากตำรับตำราของท่านอย่างรู้ลึกรู้จริง พระมงคลสิทธิคุณ หรือหลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งปัจจุบันท่านละสังขารไปแล้ว

    หลวงพ่อเฒ่ายิ้มเป็นชาววังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยกำเนิดในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อปีมะโรง เดือน 5 วันอังคาร ปี 2387 บิดาชื่อ นายยิ่ง มารดาชื่อ นางเปี่ยม ไม่ปรากฏนามและจำนวนพี่น้อง

    ในวัยเด็กมีอุปนิสัยใจคอกล้าหาญ พูดจริงทำจริง เด็กรุ่นเดียวกันหรือแก่กว่าต่างยกให้เป็นลูกพี่ แม้จะมีเพื่อนฝูงคบหามาก แต่ก็ไม่เคยทำตัวเกเรให้เป็นที่อิดหนาระอาใจแก่ครอบครัว ตรงกันข้าม ได้ช่วยเหลือพ่อแม่ประกอบอาชีพค้าไม้ไผ่ ล่องไปขายยังปากอ่าวแม่กลองด้วยความขยันขันแข็ง ต่อมาได้เข้าอุปสมบทที่วัดหนองบัว โดยมีพระอาจารย์กลิ่น เจ้าอาวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง วัดเหนือ กับพระอาจารย์อินทร์ วัดทุ่งสมอ เป็นคู่สวด ได้รับฉายา "จันทโชติ"

    หลังบวชแล้วได้ขยันร่ำเรียนหนังสือขอม บาลี มงคลทีปนี มูลกัจจายน์ พระเจ้าสิบชาติ สูตรสนธิ จนช่ำชอง และสามารถท่องจำพระปาติโมกข์จนสวดได้ในพรรษาที่ 2 จากนั้นได้ออกเสาะหาพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญพุทธาคมตามวัดต่างๆ ใน จ.สมุทรสงคราม ขอถ่ายทอดวิชาความรู้ไว้ได้มากมายหลายแขนง วัดแรกที่มุ่งตรงไปพักคือ วัดบางลี่น้อย อำเภออัมพวา เรียนทำน้ำมนต์โภคทรัพย์ โหราศาสตร์กับหลวงพ่อพระปลัดทิม ผู้เป็นอุปัชฌาย์เก่าแก่ของชาวบางช้าง เมื่อคล่องแคล่วแล้วก็ไปศึกษาต่อที่วัดลิงโจน (วัดปากสมุทรสุดคงคา ในปัจจุบัน) ได้วิชาทำธงกันอสุนีบาตสายฟ้าและพายุคลื่น, วิชาลงอักขระหวาย, ลูกอมหมากทุย เป็นต้น

    รูปต่อมาที่ท่านร่ำเรียนวิชาด้วยก็คือ หลวงพ่อกลัด วัดบางพรหม อำเภออัมพวา ได้รับการถ่ายทอดด้านมหาอุดและมหานิยมคงกระพันชาตรี จากนั้นไปเรียนทางแพทย์แผนโบราณกับหลวงพ่อแจ้ง วัดประดู่ พระอาจารย์รูปสุดท้ายคือ หลวงพ่อกลิ่น พระอุปัชฌาย์ของท่านได้ถ่ายทอดด้านกรรมฐานและคาถาอาคมให้อย่างหมดไส้หมดพุง อาทิ คาถากำบังกายหายตัว, ดำดิน ดำน้ำ เป็นต้น เมื่อสิ้นหลวงพ่อกลิ่น ท่านก็รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองบัวสืบต่อมา

    ผลงานของท่านดีเด่นทั้งด้านการปกครองและพัฒนา ทั้งได้ปฏิบัติกรรมฐานจนบุคคลทั่วไปยอมรับ พระสงฆ์สามเณรยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ด้านกรรมฐาน ตลอดอายุขัยจึงแวดล้อมไปด้วยศิษยานุศิษย์ จากบันทึกประวัติและคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิด กล่าวกันว่าท่านเป็นพระที่ชอบสันโดษ ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงแต่อย่างใด มีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเป็นยอด มุ่งทำอะไรแล้วต้องสำเร็จลุล่วงทุกอย่าง

    "หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม" หรือ "หลวงปู่ยิ้ม" แห่งวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีนิสัยพอใจในทางหมอและเวทมนตร์ รวมทั้งชอบทางรุกขมูลธุดงควัตร หลังออกพรรษาจะเข้าป่าทำสมาธิใน ป่าลึก บางครั้งบางปีก็เข้าไปถึงเขตประเทศพม่า สิ่งที่แปลกมหัศจรรย์คือท่านรู้ภาษานก กา และสัตว์ป่าสารพัดชนิด เล่าขานกันว่า เวลาท่านรุกขมูลมักจะมีสัตว์ป่ามาแวดล้อม ป้องกันภยันตรายอันจะเกิดแก่ท่าน นับแต่ช้าง เสือ ตลอดจนสัตว์เล็กสัตว์น้อยไม่มียกเว้น เต็มพรืดไปทั้งดง

    จากการที่ได้เข้าไปทำสมาธิท่ามกลางความวิเวกในป่าสูงดงทึบทุกปี ทำให้จิตของท่านกล้าแข็งขึ้นตามลำดับ จะทำเครื่องมงคลชนิดใดก็ขลังไปเสียทุกอย่าง จนกิตติศัพท์เลื่องลือไปไกลหลายหัวเมือง ในสมัยนั้นทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตที่ผ่านจังหวัดกาญจนบุรี จะต้องมาหาท่าน เพื่อขอของคุ้มตัวจนบางครั้งท่านต้องหลบออกไปจำวัดตามร่มไม้นอกวัด

    กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ "เสด็จเตี่ย" ซึ่งทรงโปรดวิชาทางเวทมนตร์คาถา เสด็จไปหาท่านถึงวัดและถวายตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาด้วยความเคารพเลื่อมใส ทั้งนี้ หลวงพ่อยิ้มได้ถวายมีดหมอประจำพระองค์หนึ่งเล่ม และเล่าขานกันว่ามีดเล่มนั้น "ลอยน้ำ" ได้ ท่านไม่เป็นผู้หวงวิชาความรู้ แต่ใครจะมาขอเรียนตะกรุดลูกอม จะต้องทดลองนั่งกรรมฐานจนไส้เทียนขาดด้วยพลังจิตเสียก่อน จึงจะประสิทธิ์ประสาทวิชาให้

    ศิษย์ที่มีชื่อเสียงขจรขจายก็คือ พระโศภณสมาจาร (เหรียญ) ศิษย์ก้นกุฏิซึ่งท่านใช้ให้ลงอักขระ เครื่องรางของขลัง, พระมงคลเทพรังษี (ดี) วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) พระกาญจนวัตรวิบูลย์ (สอน) วัดลาดหญ้า, พระครูวัตตสารโศภน (ดอกไม้) วัดดอนเจดีย์

    ส่วนทางจังหวัดสมุทรสงคราม มี พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ) วัดเสด็จ, พระอธิการ แช่ม โสรส วัดจุฬามณี และ พระครูสกลวิสุทธิ (เหมือน รตนสุวรรณ) วัดกลางเหนือ อำเภอบางคนที

    หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม ท่านถึงแก่มรณภาพ เมื่อปี 2454 รวมสิริอายุ 66 ปี พรรษา 46

    ด้วยเหตุที่หลวงพ่อเฒ่ายิ้มเป็นพระคณาจารย์ยุคเก่า ดำรงตนอยู่ในช่วงที่ผู้คนต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจในรูปของวัตถุ เรื่องราวของท่านจึงมักถูกสื่อออกมาในด้านบุญฤทธิ์จิตตานุภาพเป็นส่วนใหญ่ เครื่องมงคลที่ท่านสร้างขึ้นมีหลายรูปแบบ เช่น ลูกอมทำด้วยทองคำ เงิน ทองแดง กระดาษ, เชือกคาดเอวทำด้วยผ้าและหวาย, ตะกรุดคาดเอว, ขี้ผึ้งสีปาก มีดครู, ผ้าประเจียด ผ้าเช็ดหน้า หมวก เสื้อ ธง เป็นต้น

    นอกจากนี้ ยังมีพระผงยืนห้ามญาติ ด้านหลังมียันต์อกเลา พระผงแบบนั่งสมาธิ สมเด็จเล็บมือ และปางห้ามญาติ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักนิยมกันมากได้แก่ "ลูกอมทองคำ" ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อถือกันว่า ผู้ใดมีลูกอมของหลวงพ่อยิ้มไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของตนแล้ว ไม่ต้องเกรงภัยอันตรายแต่อย่างใด โดยกล่าวเป็นคำขวัญกันว่า "ใครมีลูกอมหลวงพ่อยิ้ม จะต้องยิ้มได้เมื่อภัยมา"

    นอกจากนี้ เชือกคาดเอวก็ได้รับความนิยมว่า ป้องกันเขี้ยวงาได้สารพัดสัตว์ และมีคนนิยมคาดติดตัวเข้าป่าป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย ตะกรุดคลอดบุตรง่ายก็เป็นที่ชื่นชอบของหญิงมีครรภ์ เพราะเชื่อกันว่า หากได้รับมาพร้อมกับถวายดอกบัวให้ท่านเสกแล้วเอาไปต้มน้ำกิน ลูกที่เกิดมาจะมีสติปัญญาดี ผู้คนแถบทั่วลุ่มน้ำแม่กลองและจังหวัดใกล้เคียง จึงนิยมศรัทธาท่านมาก ใครมีลูกหลานก็เจาะจงให้ท่านเป็นอุปัชฌาย์แทบทั้งสิ้น

    วัตถุมงคลที่โด่งดังอย่างมากของ หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม อีกอย่างหนึ่งคือ"พระผงปิดตาภควัมบดี สีขาวและดำ" เป็นพระปิดตาที่มีดีทางเมตตาและหาลาภ ซื้อง่ายขายคล่อง ลูกศิษย์ลูกหาที่นำอาราธนาขึ้นคอต่างมีประสบการณ์เล่าขานกันปากต่อปาก จนกลายเป็นฮอตฮิตติดลมบนสนนราคาเล่นหาดีดตัวสูงขึ้นตลอด แต่ผู้ที่เช่าหาบูชามีอัตราเสี่ยงสูง เพราะของเก๊มีสร้างออกมาระบาดหนัก ไม่ชำนาญจริงควรปรึกษาผู้รู้ดูให้
     
  7. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    ลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ท่านทันสมัยรัชกาลที่ ๕ และเสด็จในกรมหลวงชุมพรก็ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านด้วย ชาวบ้านเรียกท่านว่า "หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม"

    หลวงปู่ยิ้มท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ ลูกศิษย์ของท่านก็คือ หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า สมัยก่อนเขาเรียก "๔ เสือกาญจนบุรี"

    ทั้ง ๔ เสือเมืองกาญจน์เป็นลูกศิษย์ท่านหมดเลย แล้วยังลามมาด้านทางฝั่งแม่กลอง อย่าง หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ลูกศิษย์ท่านแต่ละองค์ดังคับบ้านคับเมืองทั้งนั้น
     
  8. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่เหรียญได้เล่าให้ฟังว่า กรมหลวงชุมพรฯ ได้มาขอเรียนวิชากับหลวงปู่พ่อเฒ่ายิ้ม แห่งวัดหนองบัว หลวงปู่ยิ้ม ได้ถามกรมหลวงชุมพรว่า "เรียนอะไรกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มาบ้าง" กรมหลวงฯ ท่านตอบว่า "ได้เรียนวิชาเสกใบมะขามเป็นตัวต่อมา" พร้อมกับรูดใบมะขามแล้วเสกเป็นตัวต่อให้หลวงปู่พ่อเฒ่ายิ้มได้ดู แล้วถามว่า "หลวงปู่ทำได้มั้ย" หลวงปู่พ่อเฒ่ายิ้มตอบว่า "อาตมาทำแบบโยมไม่ได้หรอก แต่อาตมาทำแบบนี้ได้" ว่าแล้ว ก็เอามือตบไปที่ต้นมะขาม ปรากฎว่า ใบมะขามกลายเป็นตัวต่อ หมดทั้งต้นเลย ผู้เล่าคือ ลุงแหวง ตอนนี้อายุก็เกือบจะ ๙๐ แล้วครับ
     
  9. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    เรื่อง ราวที่เล่าขานนี้เป็นความจริงที่ปรากฏและเป็นตำนานแห่งความเข้มขลังของอดีต พระเกจิของแผ่นดินสยาม และปัจจุบันเชื่อว่าคงหาเกจิรูปใดเทียบเคียงบุญญาบารมีและอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ได้ยากยิ่ง

    ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2452 สมเด็จพระสังฆราช (เข) วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงมีพระดำริในการทดสอบพลังจิตและความเข้มขลังของพระเกจิทั่วสยามประเทศขึ้น ที่วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม นัยว่าเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะ "พระดี-เกจิดัง" ในสายวิปัสสนากัมมัฏฐานและเฟ้นหา “สุดยอดพระเกจิ” (ตามประวัติน่าจะมีเพียงครั้งเดียว) โดยนิมนต์พระเถรจารย์และเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศมาชุมนุมมากกว่า 100 รูป

    งานนี้เรียกได้ว่า "พิธีชุมนุมพระเกจิชื่อดังทั่วแดนสยาม" ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็คงไม่ผิดนัก

    ใน พิธีมีการทดสอบวิทยาคมและพลังจิตอย่างเข้มขลัง โดยคัดเลือกเกจิอาจารย์ครั้งละ 10 รูป ด้วยวิธีจับสลาก จากนั้นนำท่อนไม้ 1 ท่อน มาวางบนม้า 2 ตัว จากนั้นนำกบไสไม้วางบนท่อนไม้ โดย สมเด็จพระสังฆราช (เข) ทรงบอกกติกาว่า เกจิทุกรูปจะต้องใช้พลังจิตบังคับให้กบไสไม้วิ่งไสไม้ไป-กลับโดยกบห้ามหล่น ลงมาเด็ดขาด หากใครพลังจิตแก่กล้าจริงก็จะสามารถทำได้ หากใครพลังจิตยังไม่สุดยอดก็ต้องยอมล่าถอยไป ปรากฎว่าหลังการทดสอบผ่านไป 3 วัน 3 คืน เกจิส่วนใหญ่ใช้พลังจิตบังคับกบวิ่งไสไม้ได้ทั้งนั้น แต่บังคับวิ่งไปข้างหน้าได้ทางเดียว บังคับกลับไม่สำเร็จ

    มี เพียงเกจิ 10 รูปเท่านั้นที่สามารถบังคับกบไสไม้ได้ทั้งไป-กลับ ถือว่าเป็น 10 พระเกจิสุดยอดแห่งสยามประเทศอย่างแท้จริงและปัจจุบันคงหาเกจิรุ่นใหม่เทียบ ได้ยากยิ่ง โดยเกจิทั้ง 10 รูป ได้แก่



    1. หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม

    2. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท

    3. หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา

    4. หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง จากกรุงเทพมหานครหรือเมืองบางกอก

    5. หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

    6. หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม

    7. หลวงพ่อทอง วัดคีรีนาถบรรพต (เขากบ) จ.นครสวรรค์

    8. หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน (วัดบางเหี้ย) จ.สมุทรปราการ

    9. หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี

    10. หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ จ.ชุมพร
     
  10. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    หลวงปู่ยิ้มได้เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวต่อจากพระกลิ่น ท่านได้ปฏิบัติทางวิปัสนาธุระจนมีชื่อเสียง และเป็นอาจารย์สอนทางวิปัสสนากรรมฐาน ต่อมาท่านได้สร้างเครื่องรางขึ้นหลายอย่าง เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการนำไปใช้ติดตัวเป็นที่พึ่งที่ระลึก หนึ่งในเครื่องรางที่มีชื่อเสียงของท่านคือตะกรุดลูกอมหรือ "ตะกรุดโลกธาตุ" เป็นตะกรุดขนาดเล็กใช้พกติดตัว เมื่อถึงคราวคับขันจวนตัวจะถูกทำร้ายให้กลืนเข้าไปในท้อง จะเป็นล่องหนหายตัวป้องกันอันตรายได้ทุกประการ ตะกรุดนี้เชื่อว่าสามารถออกมาจากร่างกายได้เอง โดยให้ตั้งจิตอธิษฐานก่อนนอน รุ่งขึ้นตะกรุดก็จะออกมาปรากฏอยู่ข้างตัวนั่นเอง โดยจะไม่ออกทางทวารเบื้องต่ำเด็ดขาด จึงเรียกว่าตะกรุดลูกอม ลงด้วยหัวใจโลกธาตุคือ “อิจฉันโต จิตโต อิจฉันโต โลกธาตุมหิ อัตตะภาเวนัง นาทุยิ วาระวีสะติ สิทธังละอะ” เป็นคาถาพระพุทธเจ้าเดินจงกรมในเมล็ดพันธุ์ผักกาด ทำด้วยทองคำ เงิน หรือทองแดง ต้องมีน้ำหนัก 1 สลึง ยาวขนาด 7 ใบมะขามเรียกว่า สัตตะโพชฌงค์ 7 ตะกรุดโลกธาตุมีชื่อเสียงปรากฏทั่วประเทศ อาศัยที่ท่านได้ศึกษามาหลายอาจารย์และนำมาคิดค้นต่อจนสำเร็จ ท่านได้ถ่ายทอดวิชาให้สานุศิษย์ต่อมา เล่ากันมาว่า ศิษย์คนใดขอเรียนตะกรุดลูกอม จะต้องทดลองนั่งสมาธิเพ่งจนขนาดไส้เทียนขาดด้วยอำนาจจิต ท่านจึงจะมอบวิชาให้ แต่จากคำบอกเล่าของ พระครูสุนทรธรรมกิจ (หยอด) อดีตเจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ อัมพวา ระบุว่า เป็นเพียงอุบายที่พระยิ้มลองใจสานุศิษย์เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงเพ่งไส้เทียนจริงๆ และพระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ) วัดเสด็จ ก็ไม่ได้นั่งเพ่งไส้เทียนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปยุติ นอกจากนี้ท่านยังทำพระปิดตาแบบภควัมบดี เนื้อผงสีขาว และสีดำ และพระผงยืนห้ามญาติด้านหลังมียันต์อกเลา พระผงแบบนั่งสมาธิ สมเด็จเล็บมือ พระผงปางห้ามญาติ และเชือกคาดเอว
    กิตติคุณของท่านเป็นที่เลื่องลือไปหลายหัวเมือง ทั้งเจ้านายและข้าราชการผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ อาทิ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งโปรดวิชาไสยศาสตร์ ได้ไปหาท่านที่วัดถึง 2 ครั้ง และเลื่อมใสนับถือท่านเป็นอาจารย์ ขอเรียนวิชาและได้มีดหมอจากท่าน 1 เล่มไว้ใช้เป็นของประจำพระองค์ มีดหมอมีสรรพคุณปราบภูตผีปีศาจ และปราบคนที่อยู่ยงคงกระพัน ไม่ว่าผู้นั้นจะเก่งเพียงไรก็คุ้มไม่ได้ มีติดตัวไว้ยังป้องกันอันตรายและแคล้วคลาด เสด็จในกรมฯ ทรงโปรดมาก ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านเป็นศิษย์เอกของพระศุข วัดมะขามเฒ่า ชัยนาท มาแล้ว ก็ยังเกรงวิชาของพระยิ้ม และแม้พระศุข วัดมะขามเฒ่า ท่านยังเคยธุดงค์มาจำวัดวัดหนองบัว และได้แลกเปลี่ยนวิชากัน แม้ทุกวันนี้เครื่องรางของขลังของพระศุขวัดมะขามเฒ่าก็ยังหลงเหลืออยู่กับคนหนองบัวบ้าง
    พระยาประสิทธิสงคราม (นุช มหานีรานนท์) เจ้าเมืองกาญจนบุรีสมัยนั้น ถ้าลงมาราชการที่กรุงเทพฯ คนทางกรุงเทพฯจะต้องถามว่า "เจ้าคุณมีตะกรุดลูกอมวัดหนองบัวมาฝากบ้างหรือเปล่า" ทำให้เห็นว่า เจ้านายและข้าราชการผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯ นับถือกันมาก เชือกคาดเอวของท่าน ป้องกันงู สัตว์มีพิษต่าง ๆ คุ้มได้ตลอดจนเขี้ยวงา ถึงขนาดว่าสุนัขตรงเข้ามาจะกัดก็อ้าปากไม่ขึ้น มีคนนิยมนำติดตัวเข้าป่ากันไข้เจ็บได้ ผลประจักษ์มาแล้ว และวิชาเชือกนี้ พระเหรียญศิษย์ของท่านก็ทำแจกต่อมาใช้ได้ผลเช่นกัน สำหรับพระปิดตาภควัมบดีผงขาวและดำนั้น ดีทางเมตตาและหาลาภ ซื้อง่าย ขายคล่อง ทำให้คนร่ำรวยเป็นเศรษฐีมานักแล้ว ตะกรุดคลอดบุตรง่ายทำด้วยทองแดง ตะกั่ว ก็มีคนนิยม พวกผู้หญิงมีครรภ์มาขอท่านเสมอ ท่านแจกให้พร้อมกับดอกบัวเสกไปต้มน้ำรับประทาน จะบำรุงครรภ์และทำให้บุตรมีสติปัญญาดี พระยิ้มมีอุปนิสัยสันโดษ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลและเป็นพระอุปัชฌายะ มีคนบวชกับท่านเป็นจำนวนมาก ท่านยังไม่หวงแหนวิชาความรู้ ใครจะมาขอเรียน ถ้านั่งสอบไส้เทียนขาด แสดงว่าพลังจิตสูง ก็จะประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ทันที
     
  11. thaiart

    thaiart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +249
    หลวงพ่ออุตตมะด้วยครับ
     
  12. ri_sa_la

    ri_sa_la Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +75
    หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน(ศิษย์หลวงพ่อเดิม) คนโดนควายขวิดไม่เป็นอะไร พ่อผมเล่าให้ฟัง
     
  13. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75

    ขอบคุณคร้าฟ
     

แชร์หน้านี้

Loading...