ขอซาวน์เสียงหน่อย-ใครอยากให้นิมนต์พระอาจารย์รัตน์มาสอนกลุ่มพวกเราบ้าง

นี่แค่การซาวน์เสียงดูเฉยๆนะครับ
ยังไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้
และก็ยังไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์รัตน์
ท่านจะเมตตามาสอนเราได้หรือเปล่า...

เมื่อเช้านี้ผมลองโทรไปคุยกับลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งแล้ว
ได้ข้อมูลมาว่า ..

1. เรื่องที่จะสอน ไม่ควรกำหนดหัวข้อเรื่องให้ท่าน
เพราะท่านจะดูจากภูมิจิต ภูมิธรรมของผู้เข้าเรียนเป็นหลัก
ว่าสมควรสอนเรื่องใด ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ตลอด

2. พระอาจารย์รัตน์ท่านจะไม่พักที่โรงแรม หรือในวัด และในที่
ที่มีคนพรุกพร่าน ดังนั้นบางที่เราอาจจะต้องจองตั๋วเครื่องบิน
ไป-กลับภายในวันเดียวให้ท่าน

3. ค่าใช้จ่ายของพวกเรา ถ้ามีสถานที่และอาหารแล้ว ก็เหลือแต่
ค่าเครื่องบินไป-กลับ และเงินทำบุญถวายท่านเท่านั้นเอง

4. สิ่งที่ต้องเตรียมให้ท่านด้วยคือ รถรับ-ส่ง และที่พักที่เหมาะสม
ท่านจะมากับพระลูกวัดอีก 2-3 รูป ไม่รู้ว่าจะมีลูกศิษย์ฆราวาสด้วย
หรือเปล่านะครับ

5. เดี๋ยววันที่ เวลา และรายชื่อผู้ที่จะเข้าเรียน ผมจะส่งเป็นแฟ็กซ์
ไปให้ลูกศิษย์ของท่าน นำไปกราบเรียนเสนอท่านก่อนครับ
ดังนั้น ผมถึงอยากทราบจำนวนและรายชื่อของผู้ที่จะเข้าเรียน
ในคลาสนี้คร่าวๆก่อนยังไงหละครับ

 

พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
​

ประวัติย่อๆของท่าน
ท่านพระอาจารย์รัตน์ ท่านเป็นคนจังหวัดแม่ฮ่องสอน บวชเมื่อ พ.ศ.2515 ท่านเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกสมาธิ เพราะสามารถฝึกสมาธิด้วยการอ่านจากหนังสือ กรรมฐาน 40 วิธี และหนังสือคิริมานนทสูตรได้สำเร็จในเวลาอันสั้น
ท่านค้นพบสภาวะธรรมจากการกลั้นลมหายใจ เพราะคิดจะฆ่าตัวตาย ด้วยอายโยมแม่ที่มารู้ความรับเกี่ยวกับหนี้สินของท่านก่อนบวช ต่อจากนั้นท่านก็ได้ญานทัศนะ ในปีเดียวกัน และท่านก็ได้พัฒนามาเรื่อยๆจนเป็นผู้ที่รอบรู้กว้างไกล และลึกซึ้งผู้หนึ่ง ทั้งทางโลกและทางธรรม
จากนั้นท่านก็ลาสิกขาออกมา ใช้หนี้หมด ก็กลับไปบวชใหม่เมื่อ พ.ศ.2517

ต่อไปนี้จะไม่ย่อแล้วนะครับ เพราะเป็นเรื่องสำคัญครับ


--------------------------------------------------------
คัดย่อมาจาก http://www.dhammachak2007.com/rat.php
​

​

 

ค้นพบสมาธิหมุน

ปี พ.ศ. 2530 พระอาจารย์รัตน์ ได้มาพิจารณาว่า ตนเองได้สอนสมาธิมาเป็นเวลา12 ปีแล้วแต่ยังไม่สามารถสอนคนให้มีจิตหลุดพ้นได้ เพราะวิธีการกลั้นลมหายใจแล้วได้สภาวะธรรมนั้น เป็นเรื่องที่เหลือวิสัยของปุถุชนที่รักตัวกลัวตายจะทำได้ จึงสอนได้แต่เพียงสมถะกรรมฐานคือเรื่องความสงบของจิตเท่านั้น ดังนั้น ท่านจึงขึ้นไปบนดอยสันติสุข ในเขตอำเภอแม่สะเรียง เพื่อบำเพ็ญเพียรหาหนทางที่จะได้มาซึ่งสมาธิ ที่จะทำให้คนจิตหลุดพ้นมีดวงตาเห็นธรรม สี่เดือนผ่านไป ท่านก็ได้ค้นพบ สมาธิหมุน ในขณะที่กำลังเดินจงกรมอยู่ จิตไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้เดินกับการเดิน ก็เกิดอาการหมุนขึ้น แรงเหวี่ยงจากการหมุนได้เหวี่ยงจิตให้หลุดออกจากขันธ์ห้า เข้าสู่สภาวะธรรม ต่อมาท่านได้รู้จากญาณทัศนะว่าอาการหมุนที่เกิดขึ้น นี้คือสิ่งที่ในพระพุทธศาสนาเรียกว่าธรรมจักร ซึ่งเป็นสมาธิในขั้นวิปัสสนากรรมฐาน ท่านจึงได้เข้าใจว่าได้ค้นพบสมาธิซึ่งเคยมีมาในสมัยพุทธกาลกลับคืนมาอีกครั้ง
ท่านได้กล่าวว่า เรื่องธรรมจักรนี้ปรากฏในพระสูตร ชื่อธัมมจักรกัปปวัตนสูตร หรือปฐมเทศนา ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ว่า บรรชิตไม่พึงเสพสิ่งสุดโต่งสองส่วน คือ กามสุขัลลิกานุโยค กับ อัตตถิลมถานุโยค แต่ที่ผ่านมาการหมุนไม่ปรากฏแก่ผู้ศึกษาพระสูตรนี้ เนื่องจากได้แปลและอธิบายคำสำคัญของพระสูตรนี้ผิดไป กล่าวคือ ได้แปลกามสุขัลลิกานุโยค ว่า เป็นการพัวพันความสุขในกามคุณห้า และได้แปลอัตตถิลมถานุโยค ว่า เป็นการทรมารร่างกาย
คำอธิบายของพระอาจารย์รัตน์ นั้นกามสุขัลลิกานุโยค คือ จิตติดความสงบสุขภายในใจหรือจิตติดในอารมณ์ของฌาน อัตตถิลมถานุโยค คือ จิตติดความรู้สึกการกระทบทางกายภายนอก หรือความเจ็บปวดจากการทรมานร่างกาย การจะเข้าถึงธรรมนั้นจิตจะต้องไม่ติดทั้งภายในภายนอก เมื่อเข้าใจเช่นนี้การหมุนของจิตจะเกิดขึ้นทันที และจะทำให้จิตเกิดแรงเหวี่ยงหลุดพ้นจากอุปาทานขันธ์ เข้าสู่สภาวะธรรม
ความจริงแล้วสมาธิที่ท่านค้นพบนี้ ตอนแรกไม่มีชื่อและไม่ได้ตั้งชื่อ ในช่วงปีแรก ท่านเองก็ได้เรียกว่า “สมาธิแบบลัดสั้น” และวงรอบของการหมุนก็เรียกว่า “วงกลม” แต่ต่อมาลูกศิษย์ลูกหาของท่านต่างพากันขนานนามว่า “สมาธิหมุน” เนื่องจากเห็นว่าขณะนั่งสมาธิลำตัวจะโยกหมุนไปมาเป็นรอบๆ
หลังการค้นพบสมาธิหมุนแล้ว พระอาจารย์รัตน์ก็ได้นำสมาธินี้มาสอนให้แก่ญาติโยมและพระภิกษุสามเณร โดยการจัดอบรมสมาธิภายในสำนักและภายนอกสำนักเมื่อมีผู้นิมนต์ท่านไป โดยที่สำนักปฏิบัติธรรมรัตนประทีปนั้น เปิดอบรมสมาธิให้แก่คนทั่วไปเป็นประจำทุกเดือนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 ซึ่งผลการสอนก็มีผู้ปฏิบัติสามารถฝึกสมาธิจนเข้าถึงสภาวะธรรมได้จำนวนหนึ่ง ทำให้ท่านแน่ใจว่าสมาธินี้ช่วยทำให้คนหลุดพ้นได้ สมความตั้งใจของท่าน
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ไม่เพียงแต่สอนสมาธิให้แก่คนพื้นราบ หากยังได้เเผยแพร่ศาสนาไปยังกลุ่มชาติพันธุ์ลัวะ และชาวเขาบางเผ่าเช่นปกาเกอะญอด้วย เพื่อผสมผสานพุทธศาสนาให้กลมกลืนไปกับความเชื่อเรื่องผีดั้งเดิมของเขา รวมทั้งจัดตั้งสำนักสงฆ์สาขาของวัดดอยเกิ้ง ในเขตอำเภอแม่สะเรียงและอำเภอแม่ลาน้อยรวม 12 แห่ง เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ที่เป็นศิษย์ของท่านประจำพำนักอยู่ ได้เทศนาสั่งสอนธรรมะให้แก่ชาวลัวะและชาวเขาบนดอยทั้งสองอำเภอ นอกจากนี้ท่านก็ยังได้อนุเคราะห์วัตถุปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต รวมทั้งจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบประปาบนภูเขา โรงเรียน สถานีอนามัย ให้แก่ชาวลัวะและชาวเขากลุ่มนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วย ไม่เพียงเท่านั้น พระอาจารย์รัตน์ยังได้ให้การอนุเคราะห์แก่ชาวพื้นราบที่ตกทุกข์ได้ยาก ประสบภัยพิบัติ หรือมีฐานะยากจนในโอกาสต่างๆกัน รวมทั้งให้การอุปถัมภ์การดำเนินงานของโรงเรียนหรือสถาบันต่างๆ ตามโอกาสอันควร และให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจนทั้งที่เป็นชาวพื้นราบและกลุ่มชาติพันธุ์เสมอมา
การค้นพบสมาธิหมุนและความหมายธัมมจักรกัปปวัตนสูตรนี้ กล่าวได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดของภูมิปัญญาทางธรรมที่สำคัญของท่าน เพราะทำให้เข้าใจภูมิปัญญาของพระพุทธศาสนาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเป็นการนำไปสู่การค้นพบสมาธิขั้นวิปัสสนากรรมฐานอีกหลายวิธีการอีกด้วย

 

ค้นพบสมาธิเพื่อสุขภาพ

เมื่อพระอาจารย์รัตน์ได้เริ่มอบรมสมาธิหมุนให้แก่บุคคลทั่วไป และพระภิกษุสงฆ์สามเณรมาตั้งแต่ต้นปี 2531 แล้วนั้น ผู้ที่มาปฏิบัติในระยะแรก ๆ ต่างก็มุ่งหวังที่จะได้ดวงตาเห็นธรรม มีจิตหลุดพ้น แต่ต่อมา ผู้ที่มาเข้าอบรมมีผู้เจ็บป่วยจากโรคประจำตัวอยู่ด้วย ผู้ที่เจ็บป่วยเหล่านี้เมื่อมาปฏิบัติแล้วปรากฏว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้น บางรายถึงขั้นหายขาดจากโรคไปเลยก็มี โรคต่าง ๆ ที่เป็นกันก็มีตั้งแต่มะเร็ง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เก๊าท์ อัมพฤต์อัมพาต โรคจิตโรคประสาท ไปจนถึงอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย บุคคลเหล่านี้ได้พากันมาแจ้งข่าวให้ท่านทราบ และบอกต่อ ๆ กันไปจนกลายเป็นเสียงร่ำลือถึงผลดีจากการปฏิบัติธรรมที่มีต่อโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งพระอาจารย์รัตน์ก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า สมาธิที่ท่านสอนไปจะสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ แต่เมื่อผู้ปฏิบัติถึงร้อยละ 70-80 ต่างก็ยอมรับว่าโรคและอาการต่าง ๆ ที่เคยเป็นอยู่ได้ทุเลาเบาบางหรือหายขาดไป จึงทำให้จำนวนผู้มารับการอบรมสมาธิที่ประสงค์จะได้ธรรมะ และประสงค์จะมารักษาโรคมีจำนวนเท่า ๆ กันมาจนถึงทุกวันนี้
ในเรื่องสมาธิกับการรักษาโรคนี้พระอาจารย์รัตน์ได้ให้ทัศนะว่า จุดประสงค์หลักของตัวท่านในการสอนสมาธิก็เพื่อให้คนมีจิตหลุดพ้น ส่วนการรักษาโรคนั้นถือเป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติสมาธิ การที่ผู้ปฏิบัติหายหรือคลายจากอาการเจ็บป่วยจึงเป็นประสบการณ์ของเขาเอง ส่วนการที่โรคภัยไข้เจ็บของเขาทุเลาลงหรือหายขาดไปได้ ท่านได้อธิบายว่า ก็เพราะว่า จิตบุคคลผู้นั้นคลายจากอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายตัวตนของตนเอง และเกิดจากแรงเหวี่ยงของพลังจิต จากการทำสมาธิหมุนได้ขับดันเอาสารพิษ สารตกค้าง หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ออกมาจากตัวของผู้ปฏิบัติ จนกระทั่งโรคต่าง ๆ เบาบางลงหรือหายขาดไปในที่สุด
ดังนั้นผล พลอยได้จากสมาธิหมุนจึงไม่เพียงช่วยในเรื่องการรักษาโรคเท่านั้น ยังสามารถช่วยในการบำบัดผู้ติดยาเสพติดอีกด้วย ซึ่งโครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ได้เริ่มในปี พ.ศ. 2533 พระอาจารย์รัตน์ได้เปิดอบรมสมาธิให้แก่ชาวเขาที่ติดยาเสพติดทั้งฝิ่นและเฮโรอีน รวมทั้งคนพื้นราบที่ติดการพนัน สุราและยาเสพติดอื่น ๆ เช่น กาว ทินเนอร์ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้เลิกเสพยา และใช้ชีวิตอย่างปกติอยู่ในครอบครัวหรือชุมชนของเขาได้ คนเหล่านี้ได้คายเอาอารมณ์ และความอยากของการติดยาออกมาจากจิตใต้สำนึกขณะทำสมาธิ เช่น ทำท่าทางขณะฉีดผงขาว ดมกาว มีการขับพิษของยาเสพติดออกมาทางของเสียต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น อาเจียน เสลด น้ำลาย เหงื่อ ซึ่งปรากฏว่าหลังการปฏิบัติ ผู้ติดยาส่วนใหญ่ก็ได้เลิกเสพยาเสพติดไปอย่างสิ้นเชิง หรืออย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
จากผลพลอยได้ของสมาธิที่สามารถช่วยรักษาโรคและบำบัดผู้ติดยาเสพติด ทำให้พระอาจารย์รัตน์ศึกษาค้นคว้าเรื่องสมาธิกับการรักษาโรคมากขึ้น เพราะในช่วงปี พ.ศ. 2533-2536 นั้นเป็นช่วงที่โรคเอดส์กำลังระบาดอยู่ในภาคเหนือตอนบนอย่างหนัก การค้นพบจากญาณทัศนะได้เปิดมิติความรู้ใหม่ ในเรื่องโรคเอดส์ว่าสาเหตุที่แท้จริงมิได้เกิดจากเชื้อไวรัส HIV แต่เกิดจากแสงดวงอาทิตย์ที่มีความถี่เท่ากับศูนย์ที่ท่านตั้งชื่อว่า แสงเฉื่อย เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติของมนุษย์อ่อนแอลง เมื่อภูมิคุ้มกันโรคลดลงเชื้อโรคไม่ว่าชนิดไหนก็ทำร้ายร่างกายเราได้หมด หลักการที่จะรักษาโรคเอดส์ก็คือขับดันเอาแสงเฉื่อยออก และเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายโดยใช้การฝึกสมาธิ ซึ่งท่านได้พัฒนาวิชาสมาธิขึ้นมาเพื่อรักษาโรคเอดส์หลายวิธีด้วยกัน เช่น สมาธิกระตุ้นเซลล์ที่ฐานลมปราณ สมาธิหมุน สมาธิแสงกลางวัน สมาธิเส้นแสง สมาธิขับของเสีย สมาธิมรณานุสติ เป็นต้น ดังนั้นปี พ.ศ. 2536 ท่านได้จัดทำโครงการ สู้เพื่อชีวิตใหม่ให้การอบรมสมาธิแก่ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการทั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ผลการอบรมสมาธิของท่านทำให้ผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยเอดส์จำนวนมากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสภาพจิตใจมั่นคงดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข หรือแม้ในรายที่เสียชีวิตก็สามารถปลง ปล่อยวางได้ตามภูมิธรรมที่ตนเองเข้าถึง
หลังจากการสอนสมาธิให้แก่ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ พระอาจารย์ก็ได้รับอาราธนาให้ไปสอนสมาธิ และเผยแพร่ธรรมะในหน่วยราชการต่างๆ รวมทั้งในกลุ่มประชาชนทั่วไป และสื่อมวลชนก็ลงข่าวคราวเกี่ยวกับตัวท่าน ผลงานของท่านและสมาธิที่ท่านสอนมากขึ้น ตัวพระอาจารย์รัตน์และสมาธิของท่านก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปในวงกว้าง
จนถึงปี พ.ศ.2541 พระอาจารย์รัตน์ได้จัดอบรมสมาธิที่วัดชัยศรีภูมิ ในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และได้รับการนิมนต์ให้ไปอบรมสมาธิที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กรุงเทพมหานคร ทำให้ท่านมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางมากขึ้น และวัดดอยเกิ้งก็อยู่ห่างไกลไม่สะดวกต่อการเดินทางทั้งไปและกลับ ญาติโยมจึงได้ซื้อที่ดินถวายเป็นสำนักสงฆ์ให้แก่ท่าน และตั้งชื่อว่า สวนบูรณรักษ์ธรรม ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พระอาจารย์รัตน์ได้เริ่มจำพรรษา ณ. สวนบูรณรักษ์ธรรม แห่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 มาจนถึงปัจจุบัน
เดือนกุมภาพันธ์ 2542 พระอาจารย์รัตน์ก็ได้เริ่มเปิดอบรมสมาธิเป็นประจำทุกเดือนขึ้นที่สวนบูรณรักษณ์ธรรม โดยเริ่มต้นนั้นมีวัตถุประสงค์หลักที่จะสอนผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน แต่ต่อมาก็มีผู้ป่วยโรคอื่นๆ และผู้ปฏิบัติทั่วไปมารับการอบรมร่วมด้วยเป็นประจำทุกเดือน ต่อมาในเดือนเมษายน2542 ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปเผยแพร่ธรรมะที่ประเทศญี่ปุ่น จึงได้มีโอกาสสอนสมาธิให้ทั้งแก่พระและชาวญี่ปุ่น รวมทั้งชาวไทยในประเทศญี่ปุ่นด้วย

 

ค้นพบพลังพีระมิด

ต้นเดือนตุลาคม ปี พ.ศ.2542 มีลูกศิษย์ได้มารายงานต่อพระอาจารย์ว่า มีพระลูกศิษย์รูปหนึ่งที่ติดเชื้อเอดส์มาก่อนบวช เกิดอาพาธหนัก ร่างกายอ่อนแอมาก ไม่สามารถทำสมาธิได้ และมีท่าทีจะเสียชีวิต คำตอบจากญาณทัศนะในการช่วยผู้ที่ทำสมาธิไม่ได้ คือ ต้องสร้างอุปกรณ์ หรือเครื่องมือขึ้นมาช่วยเสริมการทำสมาธิ อุปกรณ์เสริมการทำสมาธินี้ก็คือ วัตถุรูปทรงพีระมิด ที่ต้องสร้างจากแร่ธาตุในถ้ำที่อยู่ไม่ไกลจากวัดดอยเกิ้ง แล้วนำพีระมิดมาประกอบการทำสมาธิ จะช่วยรักษาพระภิกษุรูปนั้นได้
จากการค้นพบการใช้ประโยชน์จากพีระมิดเมื่อปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์ รัตน์ ได้ค้นพบวิธีการใช้ประโยชน์จากพีระมิดเพิ่มเติมอีกหลายวิธี และได้พัฒนาองค์ความรู้ของท่านสืบต่อมาโดยลำดับ ซึ่งจากคำอธิบายของท่าน พีระมิดเป็นศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ โดยคุณประโยชน์ และคุณสมบัติของพีระมิดที่สามารถช่วยในการทำสมาธิและเสริมสุขภาพก็คือ
1.ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ในร่างกายจากการกระทบของเส้นแรงแม่เหล็กโลก เพราะรูปทรงพีระมิดสามารถหักเหเส้นแรงแม่เหล็กให้เปลี่ยนทิศทางได้
2.ตัดคลื่นที่มารบกวนความคิด จิตใจ ที่ทำให้เราฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิ เพราะพีระมิดสามารถสะท้อนคลื่นที่มารบกวนให้เปลี่ยนทิศทางได้เช่นกัน
3.สามารถอัดพลังลมปราณให้เข้าสู่ร่างกายหรือคลายพลังลมปราณให้ออกจากร่างกายได ้เพราะแร่ที่ใช้ทำพีระมิดสามารถเหนี่ยวนำพลังลมปราณได้
4.เป็นอุปกรณ์ปรับสภาพบรรยากาศให้ร้อนหรือเย็นขึ้นมาได้โดยไม่ได้ใช้กระแสไฟฟ้า เพราะแกนพลังพีระมิดสามารถโยกอากาศให้เคลื่อนไหวได้
พีระมิดที่สร้างขึ้นนี้ไม่ได้สร้างเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เหมือนที่ประเทศอียิปต์ แต่จะเป็นพีระมิดขนาดเล็กตั้งแต่ถือไว้ในมือได้เพื่อทำสมาธิสำหรับหนึ่งคน หรือขนาดที่ใหญ่ขึ้นและต้องใช้จำนวนหลายชิ้น เพื่อสร้างเป็นสนามพลังพีระมิดใช้ทำสมาธิหลายคนได้ หรือจะใช้เพื่อปรับสภาพอากาศในห้องนอน ในห้องทำงานก็ได้เป็นต้น ในสวนบูรณรักษ์ธรรมเองก็ได้สร้างสนามพลังพีระมิดขนาดใหญ ่ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณสำนักสงฆ์
ในการนำพีระมิดมาใช้ประกอบการทำสมาธิได้มีการศึกษาวิจัย ถึงผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่เข้ารับการอบรม โดยมีสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นผู้สนับสนุนทุนวิจัย ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องพีระมิดนี้ว่า
ด้านพลังพีระมิด ผู้มาใช้ประโยชน์จากพีระมิดส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามีพลังพีระมิด แต่หลังจากมาทดลองใช้ประโยชน์แล้ว ก็เห็นว่ามีพลังจริง โดยสัมผัสได้ในลักษณะต่างๆเช่นแสงสว่าง แรงดึง ความร้อน ความเย็น เป็นคลื่นหรือละออง ที่เข้ามากระทบกับร่างกาย
ด้านร่างกาย ผู้ที่มีโรคประจำตัวส่วนใหญ่ได้รับผลดีจากพีระมิด อาการป่วยทุเลาลงมากขึ้นจากเดิม สภาพร่างกายดีขึ้น และผู้มาอบรมส่วนใหญ่มีความเห็นว่าพลังพีระมิดสามารถเป็น การแพทย์ทางเลือกอีกสายหนึ่งควบคู่ไปกับการรักษาด้วยการแพทย์สมัยใหม่ได้
ด้านจิตใจ ในระยะสั้นช่วยทำให้สบายใจ ลดความเครียด ความขุ่นมัวลง และในระยะยาวช่วยเปลี่ยนท่าทีในการมองโลกมองชีวิต ปล่อยวางสิ่งต่างๆได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นมีผู้เข้าอบรมที่ป่วยเป็นมะเร็งสองคนและฐานะดีทั้งคู่ มีความทุกข์มากจากอาการป่วย หลังจากเข้ารับการอบรมประจำเดือนทุกเดือน เมื่อย่างเข้าเดือนที่ 2-3 ก็รู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมามีแต่การห่วงพะวงอยู่กับการทำมาหากิน ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆเท่าใดนัก ขณะนี้คิดได้ว่ามีเงินมากเท่าใด เมื่อเสียชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงเปลี่ยนวิธคิดใหม่ มาทำบุญทำทานและทำสมาธิมากขึ้น ปล่อยวางเรื่องต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น ทำให้คลายความทุกข์เรื่องอาการป่วยลงจากเดิมมาก
ด้านสมาธิ ผู้ปฏิบัติสมาธิส่วนใหญ่ยอมรับว่า การอยู่ในสนามพีระมิดแตกต่างจากอยู่นอกสนามพีระมิด เพราะทำให้จิตสงบมากขึ้น มีสมาธิดีขึ้นเร็วขึ้น นั่งสมาธิได้นานขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งส่วนใหญ่ก็เห็นว่า พีระมิดมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการปฏิบัติสมาธิ

 

เป็นเรื่องที่ดีครับคุณชยุต...รู้จักท่านตอนอ่านเรื่องสมาธิหมุนนานมากๆแล้ว
ท่านใช้ปิรามิดเป็นเครื่องมือในการรักษาโรคด้วยนี่ครับ น่าสนใจมากๆ ลองซาวน์เสียงกันดูครับ

 

อีกบทความที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการค้นพบของพระอาจารย์รัตน์ (พลังของปิรามิด) ครับ จากhttp://www.geocities.com/healthmeditation/desire/desire.html
-------------------------------------------------------------------

พลังจิต<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O> </O>​

การศึกษาเกี่ยวกับอายตนะขันธ์ 5 นิพพาน ฯลฯ พลังงานและพลังจิตล้วนเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันมาโดยตลอดไม่สามารถที่จะแยกเรียนรู้ เฉพาะเรื่องใดเพียงเรื่องเดียวได้เลย เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต่างตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ

 

(ต่อ)
...ดาวเคราะห์โลกหรือโลกของเราไม่ได้เป็นดาวเพียงดวงเดียวในสุริยจักรวาล ดาวอังคารก็เป็นเพียงดาวดวงหนึ่งในจำนวนดาวหมื่นแสนล้านๆๆ ดวงในสุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก และจักรวาลเฉกเช่นเดียวกับโลกของเรา ฉะนั้นผู้ที่ศึกษาจึงไม่ควรรีบด่วนที่จะปฏิเสธว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่บนดาวอังคารหรือดาวดวงอื่นๆ เนื่องจากมนุษย์เราตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดจากศูนย์กลางที่เรียกว่า

 

(ต่อ)
...บนดาวอังคารจะมีวัตถุรูปทรงสามเหลี่ยมพีระมิดอยู่มากมายเพื่อใช้ประโยชน์ในการสะเทินพลังงานความร้อนและแสงจากดวงอาทิตย์ และยิ่งไปกว่านั้นพีระมิดยังเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยมนการเดินทางท่องจักรวาลหรือเดินทางไปยังดาวดวงอื่นๆ โดยเฉพาะดาวเคราะห์โลกของเรา
การเดินทางในแต่ละครั้ง สิ่งที่พวกเขาใช้เป็นพาหนะคือสิ่งหรือวัตถุที่พวกเราเคยเห็นและเรียกกันว่า

 

(ต่อ)
...ชาวดาวอังคารชอบที่จะเดินทางมายังดาวเคราะห์โลกของเราเสมอ ความรู้เกี่ยวกับพลังพีระมิดได้ถ่ายทอดให้กับชาวแอตแลนตีสและในยุคนั้น ชาวแอตแลนตีสได้ใช้คริสตัลซึ่งเป็นแก้วหินใส สร้างเป็นพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ไว้ทั่วราชอาณาจักร และแต่ละคนจะมีพีระมิดคริสตัลขนาดเล็กเก็บไว้ใช้ประจำตัว ชาวแอตแลนติสที่มีพลังจิตสูงโดยเฉพาะกลุ่มนักบวชจะเป็นผู้ที่เดินทางไปในสถานที่ต่างๆด้วยพลังจิต ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เข้าไปในพีระมิดคริสตัล และใชัพลังจิตเปลี่ยนสภาพของกายหยาบให้เป็นพลังงานแสง พุ่งออกไปในทางยอดแหลมของพีระมิดคริสตัล เข้าสู่เส้นทางของ

 

เมื่อไหร่จะนิมนต์พี่คลิกสอนงะ
เห็นใกล้ตัวอย่านอนใจ
ท่านหายไปจะร้องเจี๊ยก

 

(ต่อ)
...มนุษย์โลกเมื่อครั้ง 10,000 ปีที่ผ่านมา ในยุคของอารยธรรมแอตแลนตีส ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้เคยพัฒนามาจนถึงการสร้าง

 

(ต่อ)
...ท่านรตะสามารถล่วงรู้ว่า

 

สนับสนุนด้วยคนหนึ่งครับ

 

วิชาที่พระอาจารย์รัตน์ นำมาสอน
นับว่ามีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน
และโอกาสที่จะได้ศึกษาเรียนรู้ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

ผมเคยอ่านสมาธิหมุน เหมือนคุณมีด
จากหนังสือ มังกรจักรวาล เขียนโดย อ.สุวินัย
จากนั้นก็พยายามติดตามผลงานของพระอาจารย์รัตน์
แต่หาได้ยากมาก ท่านคงเน้นการปฏิบัติ มากกว่าการผลิตตำรา

ถ้าหากพวกเราสนใจ และโอกาสเปิดให้
ผมว่า น่าจะได้ลองศึกษาเรียนรู้กัน
ไม่แน่ พวกเราอาจมีอดีตชาติ เคยเกิดใน
ยุคสมัยแอตแลนติส มาแล้วก็ได้
ลองมาทบทวนสัญญาเก่า ความจำได้หมายรู้ กันดู
อาจปิ๊ง ขึ้นมา จะเป็นประโยชน์มหาศาล

โดยเฉพาะ ผู้ที่ชอบเรื่องราวของปิรามิด
พลังจากคริสตัล...น่าจะมีเชื้อสายโยงใยกันมา

ผมขอสนับสนุนโครงการของคุณ ชยุต เต็มที่ครับ
หากเกิดขึ้นได้ คงต้องเป็นวันอาทิตย์ อีกเช่นเคย

 

(verygood) (verygood) (verygood)

 

เชื่อว่าพระอาจารย์เป็น "ผู้รู้" อย่างยิ่งยวดในเรื่องของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นอย่างดี

ฉะนั้นจึงขอแนะนำให้ทุกท่านที่มีคำถามในเรื่องนี้ ไปเรียนขอเมตตาและคำแนะนำจากท่านได้ครับ

 

ร่วมด้วยครับ
โครงการแบบนี้ไม่พลาดอยู่แล้ว (verygood)

 

ไปด้วยจ้า.....แต่เป็นวันอาทิตย์ได้ไหม (ค่าใช้จ่ายช่วยกันเนอะ)

 

เนื้อหาอันนี้ดีมากๆครับ เกี่ยวกับการค้นคว้าด้านปิรามิดของพระอาจารย์รัตน์
เซฟเก็บไว้อ่านกัน เป็น PDF คลิกแล้วเซฟ (รอสักพักราวๆ 1 เมกกะไบท์)

คำนำ-สารบัญ
เนื้อภาคใน
บทที่ ๑ โรครุมโลก บทที่ ๒ เมื่อโลกป่วย บทที่ ๓ เมื่อโลกป่วย คนก็ป่วย บทที่ ๔ ป่วยง่าย ตายเร็ว
ภาคที่ ๕ กายป่วย จิตก็ป่วย บทที่ ๖ เส้นแรงแม่เหล็กโลกผันผวน ตัวเร่งการเสื่อมถอย
ภาคที่ ๗ โลกส่วนตัว บรรณานุกรม


เวปไซด์ที่เนื้อหาเกี่ยวข้อง:
: http://www.geocities.com/healthmeditation/
: http://www.dhammachak2007.com/
พีรมิด กับการทำสมาธิทั่วโลก