เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ไม่นาน ไอ้หมอก็พบว่า ณ เวิ้นน้ำแห่งหนึ่ง ปัจจุบันอยู่ในเขต ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
แต่เดิมโบราณมา บริเวณแห่งนี้เป็นเวิ้งน้ำใหญ่มาก มีนาคท่านหนึ่งมาอาศัยอยู่

ปัจจุบันเวิ้งน้ำเล็กลงมากโข นาคท่านนี้ก็ยังอยู่ ใต้ดิน ด้าน ต.ท่าทอง ท่านเฝ้าสมบัติอยู่มากมายหลายหีบ นับไม่ถ้วน(ท่านว่าเป็นสมบัติของจักรพรรดิ์)
และที่สำคัญพิษของท่านก็เป็นพิษตัวเดีวกันกับพิษที่ไอ้หมอได้สัมผัสไอพิษนั้น
วันที่พบ ท่านยังอยู่ในฌานสมาบัติ
อู้ย...ถ้าท่านสะดุ้งตื่นจากสมาบัติแล้วบิดขี้เกียจนี่คงไม่ต้องจารไนยกันแล้ว

หลังจากได้สัมผัสกัน แทบจะถึงเนื้อถึงตัว จึงได้รู้ว่า (หลังจากที่ท่านค่อยๆถอนจิตออกจากสมาบัติแบบช้าๆ ด้วย เย ธัมมาฯ)
ท่านเป็นนาค ต้นโลก เป็นโอปาติกะกำเนิด มีอยู่ ๒ ท่าน
ท่านหนึ่งเป็เพศแม่ อาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านปัจจุบัน(คือตัวท่าน)
และอีกหนึ่งเป็นเพศพ่อ อาศัยอยู่ในเว้งน้ำปัจจุบันคือเขื่อน สามโตกในประเทศจีน
ท่านผู้เป็นเพศพ่อ อยู่ในฌานสมาบัติเช่นกัน และได้เวลาออกจากสมาบัติในกลางเดือน เมษายน นี้
อู้ย..ช่างประจวบเหมาะกับเวลาแห่งการเกิดภัยพิบัติอะไรเช่นนี้

พวกเรา ได้พยายามร้องขอให้ท่านค่อยๆออกจากสมาบัติก่อนเวลาในช่วงปลายมีนาคม ด้วยอานุภาพแห่ง เย ธัมมาฯ
และเพื่อร้องขอให้ท่านเป็นฑูตในการเจรจากับนาคอีกพวกที่อยู่ในแม่โขง ที่จะตื่นจากสมาบัติในกลางเมษานี้เช่นกัน

 

ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยงจริงๆ
สิ่งที่เรารู้ย่อมมีสิ่งที่เราไม่รู้ขอบคุณความเมตตาของอาจารย์ได้แง่คิดเยอะเลยครับ

 

ตกลงท่านท้าวกกขนาคนี่ท่านไม่ได้ต้นธาตุนาคใช่ไหมคะ แต่เป็นนาคยุคดึกดำบรรพ์?

ตอนหนูอ่านที่ครูเทพเขียน นึกว่าเป็นท่านกับอีกท่านที่เมืองจีนซะอีก

เวลามันช่างเหมาะเจาะจริงๆค่ะ ^^"

 

เมื่อนาคพ่อและนาคแม่ อยู่ด้วยกัน ย่อมให้กำเนิดลูกนาค
นาครุ่นที่สอง ที่ถือกำเนิดขึ้น ก็เป็นแบบโอปาติกะกำเนิดเช่นกัน มีทั้งหมด เจ็ดท่าน
พ่อแม่ก็ฟูมฟัก เลี้ยงดูอย่างดี
แต่แปลกนะนาครุ่นที่สองนี้เป็นนาคที่มีขานะ(นาคพ่อแม่ซึ่งเป็นรุ่น ๑ ไม่ยักมีขาแฮะ)

เมื่อเติบใหญ่ทั้งเจ็ดก็แยกย้านกันไปหาที่อยู่ของตน
ปัจจุบัน ทั้งเจ็ดท่านอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงห้าท่าน
อยู่ในเขตุ ธิเบต ๑ ท่าน อยู่ในเขตประเทศจีน ๓ ท่าน(ตรงตำแหน่งเขื่อนที่สร้างใหม่สามเขือนพอดี-อะไรจะปานนั้น)
อีกท่านอยู่ในเขตประเทศเขมร ในทะเลสาปแม่น้ำโขง

อีกสองท่านอยู่ในอาณาเขตประเทศไทย
ท่านแรกอยู่ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา แถวๆบางขุนเทียน
อีกท่านอยู่ใต้เขือนเขาแหลม กาญจนบุรี
ก็เป็นสองท่านที่ไอ้หมอมันกะลากดาวทะเลทรายไปแอบดูนั่นแหละ
แต่ไอ้เจ้าดาวมันรีบถอนตัวกลับก่อนเลยอดดูเลย(ว่าจะเอามันไปเป็นพยานตอนขึ้นศาลซะหน่อย-เรื่องที่เขาตีกันนั่นแหละ)

นาคมีขาพวกนี้เป็นนาครุ่นสองมีพิษสูงมากเช่นกัน พวกเขาเข้าสมาบัติกันและจะออกจากสมาบัตในช่วงก่อนกลางเมษานิดหนึ่ง
ที่ติดต่อขอให้พ่อนาครุ่นหนึ่งไปเจรจา ก็พวกลูกนาครุ่นสองนี้แหละ ให้เขาค่อยๆตื่น และขอระงับภัยพิบัติ หรือถ้าไม่ได้ก็ขอแค่พอทนได้อย่าให้เละตุ้มเปะมากนัก
ที่ขอให้พ่อเป็นผู้เจรจา ก็เพราะเช็คแล้วพบว่านาครุ่นสองนี้รักและเกรงใจพ่อมากกว่าแม่

และต่อมาอีกไม่นานก็มีนาครุ่นที่สามก่อกำเนิดขึ้นอีก เป็นโอปาติกะกำเนิดเช่นกัน
นาครุ่นที่สาม ก็มีขาเช่นกัน มีห้าท่าน
ปัจจุบัน ทุกท่านอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก

นาครุ่นที่ ๔ เป็นนาคที่เกิดจากฟองไข่ จากนาครุ่นที่ ๒ ไม่ทราบจำนวน ท่านกาฬนาคที่เฝ้าถาดทองของพระพุทธองค์ อยู่ในนาครุ่นนี้(ไม่มีขา)
นาครุ่นที่ ๕ เป็นนาคเกิดจากฟองไข จากนาครุ่น ๓ ไม่ทราบจำนวน ท่านท้าวกกขนาคและท่านท้าวอนันต์นาคราช อยู่ในนาครุ่นนี้(ไม่มีขา)

เฮ้อ...หากไล่จนถึงปัจจุบันคงอวกแน่ๆ จึงเอวังกิ่มด้วยประการระฉะนี้ฉะนั้นและฉะโน้น

นาคโบราณทั้งสามรุ่นเป็นโอปาติกะกำเนิด เป็นผู้รับโองการจาก......ราชา ให้ลงมืปฏิบัติการในเรื่องภัยภิบัติโดยตรง
ส่วนนาคอื่นๆก็ทำตามที่พ่อแม่ได้สั่งไว้
จุดเริ่มต้นเวลาการปฏิบัตการให้รอดูที่สัญญาน..........เมื่อสัญญานปรากฏขึ้นให้ลงมือทันที ..............(อย่ารู้เลย ปวดเฮดวะ)


แก้ข่าวหน่อยจ้า นาครุ่นที่ ๔ และรุ่นที่ ๕ นี่ มีทั้งที่เกิดจากฟองไข่ และมีที่เกิดแบบ โอปาติกะกำเนิดจ้า
ท่านกาฬนาค ท่านกกขนาค และท่าน อนันตนาคราช ที่ยกตัวอย่าง ท่านเกิดแบบ โอปาติกะกำเนิดจ้า
ส่วนที่เกิดจากฟองไข่นี่ ยังไม่ได้ไล่เรียงดูว่ามีผู้ใดบ้าง

 

ในช่วงเลยกลางมีนาคมไปนิดๆ
ไอ้หมอมันถูกเหตุบังคับให้ต้องไปกินข้าวเย็น(แต่ไม่เจี๋ยบนะ)ในเขตุบางขุนเทียน
ตอนเริ่มกินนี่ก็รู้รสชาดไปกะมันด้วย หร่อยดีหรอก
แต่พอจวนจะอิ่ม เขาก็เสริบน้ำโค๊กมาให้แก้วเบิ้อเลิ่ม
พอซดเข้าไปอึกเดียว ไอ้หมอก็สะดุ้งเฮือกสุดตัว หัวใจเต้นจังหวะดิ้สโก้ ตามด้วยจังหวะร็อกเอ็นโลน แล้วก็เริ่มจะเปลี่ยนเป็นแทงโก้ โอ้ยนี่ถ้าเปลี่ยนเป็นสโลซบนี่คงไม่น่าดูนะ
เลยกระซิบบอกไอ้หมอว่า พิษนาคนะ แบบเดียวกับที่พิษณุโลกเลย
ไอ้หมอมันเลยค่อยๆบรรจงหยิบยาวี่เศษที่ได้มาใหม่เอี่ยมอ่อง ยังไม่เคยใช้เลยใส่ปาก(เป็นหนูตะเภาซะเองเลย)
พอใสปากเสร็จ ยังไม่ทันถอนหายใจเลย มันก็ต้องรีบโกยแนบหาห้องน้ำเข้าแทบไม่ทัน
เสียดายวุ้ย เล่นซะหมดท้องเลย
ไอ้หมอว่าถ้าเอ็งเสียดายก็ยกให้เลย
เออ แนะไอ้นี่ ดูมันว่า เดี๋ยวจับยัดใส่ปากมันซะอีกรอบเลย

 

เมื่อไหร่อเมื่อไหร่.หมอจะไปห้องโรคอ่าตอนนี้รู้สึกมารรุมเร้าTt

 

ด้วยเหตุที่ต้องพิษนาคที่บางขุนเทียน ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกันกับไอพิษที่พิษณุโลกจากนาครุ่น ๑ เลย
ไอ้หมอมันกลับสู่เคหาแล้วมันก็ไม่หลับไม่นอนแล้ว(ตัวมันนะหลับอุตุ แต่ข้านะต้องทำงานแทนมัน)
ตามหาให้ได้ว่าตัวมันโดนพิษใดกันแน่ ใครผู้ใดมาแอบใส่ให้มันกิน
จะว่าเป็นพิษจากนาครุ่น๑ ก็ไม่น่าใช่ อยู่ห่างกันตั้งไกล

ไม่นานก็สรุปได้ว่ามีเหล่าจิตวิญญานชั้นกราวด์ในบริเวณนั้นนำมาใส่ให้กิน
พิษนี้เป็นพิษนาค ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
เหตุที่มีโครงสร้างของพิษเหมือนนาครุ่นที่ ๑ ก็เพราะมีความเกี่ยวพันธ์กัน เป็นนาครุ่นที่ ๒

เมื่อวิเคราะเสร็จสรรพจึงรู้เรื่องของนาครุ่นที่ ๒ และ ๓ (ดังที่เล่าไปแล้ว)

และนี่เป็นเหตุให้ย่องๆไปแอบดูความเป็นไปที่ชายทะเลบางขุนเทียนอยู่เนืองๆว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
ท้ายสุดเลยหาเพื่อน(ดาวทะเลทราย)ไปท่องเที่ยวด้วยกันในบริเวณดังกล่าว
ดังเรื่องที่เล่าผ่านมาแล้ว

 

เรื่องรัฐประหารนะ
ถ้าทำสำเร็จเขาเรียก ปฏิวัติ
ถ้าไม่สำเร็จนี่เขาเรียกว่าขบถนะ
แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดในโลกมนุษย์นะ
แต่มันเกี่ยวกับภัยพิบัติ ที่กำลังจะก่อเกิดในโลกมนุษย์โดยตรงเลยทีเดียว

ถ้าเป็นนักอ่านเรื่อเกร็ดประวัตินิยายประรำประรา คงรู้เรื่องการรบรา ก่อศึกกันระหว่างเหล่าเทพเทวา และเหล่าอสูร
เรื่องการรบชิงพื้นที่สรวงสวรค์
แม้ปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีอยู่ แต่การแย่งชิงไม่เหมือนเมื่อโบราณแล้ว ที่ยกทัพเข้าห้ำหั่นกัน
วันนี้เขาแยกกันตั้งเป็นพรรค เลือกตั้งเข้าสภา และใช้ปัญญากันเข้าแยงชิงเสียงข้างมาก เพื่อเป็นผู้ปกครองสวงสวรรค์และสามโลก
เดิมเหล่าเทพได้เสียงข้างมากเข้าปกครอง ฝ่ายอสูรและมาร ก็เป็นฝ่ายค้าน(แต่ไม่แสดงตัวว่าเป็นอสูรหรือมาร)
แต่การปกครองมีระบบดีเพียงใดก็ตาม อีกฝ่ายก็จ้องหาทางเข้าแทรกแซงให้พังทะลาย(เหมือนพาราสารขัณฑ์เลย)
พวกเรารู้ๆกันอยู่พลังมหาเทพล้วนเกิดจากมนุษย์ทำดี และอุทิศให้
แต่ทุกวันนี้ มนุษย์ล้วนถูกชักนำจากมารและอสูรมิจฉาทิฐิ ให้ก่อกรรมกันมากมาย

เหล่าเทพล้วนอ่อนแรง แต่มารและอสูรล้วนกล้าแกร่ง วันแห่งการปฏิวัติยึดอำนาจใกล้แล้ว ดีเดย์มาถึงแล้ว
กีฬาสีที่จะเล่นกันในบ้านเราก็ถูกชักนำจากมารและอสูรมิจฉามิฐีเหล่านี้

แต่อนิจจาเจ้าข้าเอ้ย แผนการปฏิวัติมาแตกเมื่อวันที่ ๗ เมษายน
วันที่ ๘ ที่ ๙ เมษาเลยมีการกวาดล้างกันขนานใหญ่
เจ้าหน้าที่ในสภาผู้รู้เห็นเป็นใจกับการก่อการล้วนถูกจับกุมสิ้น

มีเหลือ หนีมาพึ่งใบบุญอริยเจ้าในเมืองมนุษย์ เขาก็มารอจับนอกเขตุวัด

เรื่องภัยพิบัติต่างๆจึงเอวังกิ่มด้วยประการระฉะนี้
ยายแฟง ๒ บาท ยายอาด ๑ สลึง นู๋ตำลึง ๒ เฟื้อง ป้าเนื่อง ๑ ตัง

ปล.
เอ้อ..จับได้ไม่หมดหร๊อก ไอ้ที่อยู่ข้างตัวมหาเทพผู้ปกครองนั่นแหละ ตัวดี
ในไม่กี่ปีมนุษย์ข้างหน้า มันก็ก่อหวดอีก
พวกเราก็เตรียมตัวรับภัยภิบัติอีกครั้งนะ
คราวนี้เขาไม่ยอมได้ชื่อว่าขบถหรอก
ขอเป็นผู้ปฏิวัตินะ

ไอ้หมอมันเปรยๆว่าสัญญานที่เหล่านาครอกันคงเป็นที่ตอนที่สรวงสวรรค์ถูกยึดอำนาจเป็นของอสูรแน่ๆ

อสูรและมารจะยึดสวรรค์ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับมนุษย์นี่เองนิ
ก่ออกุศลกรรมากๆ นี่อสูรและมารก็ยึดสวรรค์ได้
แสดงว่า อกุศลครอบงำสามโลกแล้ว สมควรล้างได้แล้ว

เฮ้อ...อีกสิบแปดตลบ

 

อ.suwi2 ถ้าจะช่วยสวรรค์ให้มีกำลังและความสามารถสามารถต้านเหล่ามาร อสูร ได้ต้องทำอย่างไรครับ ทำบุญอุทิศแบบไหน อย่างไร ถึงจะส่งกำลังให้กับเหล่าเทพฝ่ายธรรมมะได้เต็มๆ

 

หยิก แก้มอีกที หนูนึกว่า กำลังอ่านนิยาย

เคยอ่านเรื่องเทพอ่อนกำลัง เพราะมารกำเริบมาทีแล้ว หนูยังแอบสงสัย

ตอนนี้ ............ -___-"

นั่นสิคะ

แหม คุณ Aries ขุดมาถูกอันเจงๆ ฮึๆๆ

 

ติดตามอ่านครับ อาจารย์

 

เห็นทีว่า อ.สุวิ คงต้องเปิด สำนัก กระบี่ แล้ว กระมัง

จะ ได้ สอน เพลงกระบี่
ให้น้องๆ เค้า ได้ ไว้ ป้องกันตัว สัก 3-4 กระบวนท่า
......55

อย่างไร ก็ ตั้ง ชื่อสำนัก ให้ เก๋ ๆ หน่อยนะครับ

​

 

<TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" noWrap> ความคิดเห็นที่ 1</TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
<!--MsgIDBody=1-->1 เพลงกระบี่หกชีพจร
2 วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น
3 สิบแปดฝ่ามือสยบมังกร
4 ดาวเคลื่อดาราคล้อย
5 ลมปราณภูติอุดร
6 ฝ่ามือหกสุริยัน
7 เก้าอิม
8 คัมภีร์ทานตะวัน
9 เก้ากระบี่ต๊กโกว
10 นาคคชสารปัญญาบารมี
11 กระบี่ไร้เทียมทาน
12 กระบี่เทพพิชิตมาร
ผมก็ขอ กระบี่ไร้เทียมทานก็พอ

 

เพิ่งรู้ ว่า คอ หนังจีนกำลังภายใน เหมือนกัน.....55

คนที่ฝึก สายพลัง
ทำไป ทำมา ก็ คล้ายๆ ในหนังจีน

เพียง ที่เราฝึก เป็นการฝึีกด้านเดียว
คือ ดึงพลัง ขึ้นมา
ยิ่งคนที่ เน้นปฏิบัติ มากๆ ก็ ได้พลังมา แล้ว
ไม่รู้ จะใช้ ได้ยางไง ทำอะไรได้

คนจีนโบราณ ที่เข้าใจเรื่องพลัง
นำ ศาสตร์ นี้ มาใช้ร่วมกับ กังฟู
จน ผสม ผสาน กัน
ได้ อาวุธ ที่ สำคัญ คือ ร่างกาย ของตนเอง

ตอนเด็กๆ สมัย เรียน ป.2
ตอนนั้น หนังญี่ปุ่น กำลังดัง
ทั้งยูโด คาราเต้

เรา ก็ บ้า ตามไปด้วย
เห็น เด็กๆ ชอบ ไป ทุบอิฐ ด้วยมือเปล่ากัน
อิฐ ที่ ใช้ ก่อกำแพง นั่นแหละ

นั่งทุบ กัน สนุกสนาน
ทีแรกๆ ก็ ได้ ทีละก้อน สองก้อน
ทำไป บ่อยๆ ก็ ได้เพิ่มขึ้น เป็น สี่ ห้า ก้อน

พอได้ ถึง 7-8 ก้อน ชักจะยาก แล้ว
ยิ่ง ตอนจะ ทุบ ให้ ได้ ที ละ 10 ก้อน นี่สิ

ทุบ จน โมโห ตัวเอง

ทุบ ไม่แรง พอ มัน ก้ ไม่แตก

ทุบ สุดแรง เกิด
มัน กลับแตก กระจาย เลย
แต่ แตก แค่ สี่ห้า ก้อน ข้างบน
ก้อน ข้าง ล่างๆ ไม่แตก อีก

อา ไร กัน นี่.... ย
นั่ง ทุบ กันอยุ่ อย่างนี้ หลายวัน
หมด อิฐ ไป ไม่รุ้ เท่าไหร่

( อิฐ ของใครไม่รุ้ เค้ามากอง ไว้ จะสร้างตึก แถวบ้าน...55)
กับ อีก กองหนึ่ง อันนี้รู้
อยู่ ในโรงเรียน เค้าเอามาต่อเติมโรงเรียน แล้ว เหลือ
เรา มาช่วย เค้า ย่อย อิฐ....55

จน สุดท้าย นานเป็นปี
กลับมา คิดใหม่
ว่า การทุบ อิฐ ให้ หัก คือ อะไร
( คิด แบบ เด็ก ป.3 นะ)

1. ใช้ แขน และ มือ สร้างแรง ให้ มากพอ มากจน อิฐมันทนรับแรง ไม่ไหว มัน จึง หัก
2. แรง มากขนาด นี้ ฝ่ามือ เรา ทน ไหว หรือ เปล่า หว่า..
3. น่าจะทนไหว เพราะ ทุบ อิฐ มานาน เป็น ปี ๆ กระดูก กล้ามเนื้อ น่าจะ ปรับตัว ได้ แล้ว มั้ง
4. แล้ว ทำไม่ อิฐ มันจึงไม่ หัก ทั้ง สิบก้อน ละ
5. ออกแรง น้อยไป มัน ก็ หัก ได้ ไม่ครอบ 10 ก้อน
6. ออกแรง เต็มที จน อิฐ ก้อน บนๆ แตก กระจายไป
ก้อน ที่ อยู่ ข้างล่าง มัน ก็ ไม่หัก อีก
7. ไปเอา ค้อน มา ลอง ดู
ยิ่ง เห็นชัด เจน
ค้อน มันเป็นเหล็ก ทุก อย่างเต็มแรง
ได้ ผล อิฐ แตก กระจาย อย่างสวยงาม
เพียง ก้อน บน ๆ สองสามก้อน
อาการแย่ กว่า ใช้ มือเปล่า ทุบ เสียอีก
8. ได้ การละ แปลว่า ทุบ แบบโง่ ๆ ไม่ได้
ยิ่ง แรง จน อิฐ ก้อนบน กระจายไป
ยิ่ง ทุบให้ ก้อน ที่อยู่ ด้านล่าง ไม่หัก
9. ได้ การละ
ทีนี้ ต้อง ทุบ แบบ ส่ง แรง ลงไป ให้ ลึก
จุดกระทบ ต้อง ไม่แข็ง เกินไป
( มือ เปล่า มัน คง ไม่ แข็ง อยุ่ แล้ว)
เวลา ในการ กระทบ
ต้อง ทำให้ จุดกระทบ กดทับ อยุ่ นาน ที่สุด

พอ สรุป ได้ ถึง ข้อ 9

ไป ลอง ดุ ใหม่

ที แรก
เหมือนเดิม

ไม่ ย่อท้อ เอา อีก
ทำ ซ้ำ ๆ ไป
ท่อง ข้อ 1-9 ทบทวนไป

โพ๊ะ....... หัก แล้ว.............55

ในที่สุด ก็ ทำได้
ทุบ อิฐ ได้ ทีละ 10 ก้อน ตอน ป. 3 แก่ๆ.......55

........


อ้อ.... หนูๆ อย่าไป ทุบ เล่น แบบสุดแรง เกิด นะ
ฝ่ามือ อาจจะ หัก เอา ได้

หาก จะลองทำดู
ค่อยๆ ทุบ ที ละ ก้อน สอง ก้อน ไป ก่อน
จน ไม่เจ็บมือ
แล้ว เพิ่ม ขึ้น ที ละ ก้อน จน ครบ สิบก้อน

มากกว่า 10 ก้อน หากจะทำ ต้องมี คน ช่วย จับอิฐไว้
ไม่ให้มัน ล้ม ... นะ ครับ


เข้า ข่าย ฉ. หรือเปล่า นี่

เด็กอายุต่ำกว่า 13 ควรได้รับ คำแนะนำจากผุ้ปกครอง​

 

เฮ้ฮ.........งานเข้าอีกแล๊ะ

เมื่อเช่วงเช้า มีผู้บอกว่าพบยานอวกาศ บรรทุกเหล่าอสูรมาเต็มลำ
เหล่าอสุราว่า เขานัดกันมารำสูราบาลในโลกมนุษย์ เพื่อฉลองความสำเร็จในการยึดอำนาจการปกครองจากเหล่ามหาเทพ

แล้วนี่พวกถูกกวาดล้างไปแล้ว มีผู้หนีรอดได้เพียบ
แบบนี้ก็เท่ากับมีกำลังหนุนนะซิ
อุ๋ย..ภัยพิบัติ ที่ว่าระงับได้แล้ว จะกลับเป็นเหมือนเดิมใหม๋เนี่ย
กลุ้มวุ้ย.....

ส่วนไอ้หมอ โทษฐานที่ไปรู้ไปเห็น ก็โดนถูกเรียกตัวไปสอบสวนซะงอม
พอกลับมานั่งไม่ทันไร อีกพวกก็มาบ้อมเอา โทษฐานที่รู้เห็นและต้องสงสัยว่าเป็นสายสืบของฝ่ายรัฐ ทำให้แผนแตก

บอกแล้ว บอกแล้ว ว่าไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใดนะ ไม่ได้ มันต้องเลือกข้างนะ
ดูให้ดีๆ ฝ่ายใหนชนะก็เลือกฝ่านนั้นนั่นแหละดีที่สุด

ไอ้หมอมันมองหน้า และยืนยันเสียงแข็งว่า ยังไงก็ตามตัวมันขอเลือกฝ่ายพระพุทธเจ้านะ ขออยู่กะพุทธะจนแก่งอมพระรามจนตาย

 

เรื่องเล่าสนุกมากครับ มาเป็นแฟนคลับอีกคนครับผม..

 

เอาอีกแล๊ะ... ไอ้สันดานสอดรู้สอดเห็นนี่ ไอ้หมอไม่เข็ด เจ็บตัวมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว ก็ไม่เคยเข็ด
เมื่อคืนก็ไปแอบดู ไอ้พวกอสูรจากนอกโลก ที่มาใหม่
แถมยังตีซี้ กับเจ้าหน้าที่บ้าง อสูรบ้าง ได้ความมาว่า

ไอ้พวกนี้ มันตีตั๋ว วันเวย์มาเที่ยวโลกราหูใบนี้น๊ะ มันมาแล้วไม่กลับ จะตั้งรกรากที่นี่
มันเกาะอุกกาบาตมานะ ไม่ได้มายานอวกาศหรอก ไม่รู้โดนเนรเทศมาหรือไม่

และไอ้พวกนอกโลกนี่มันไม่รู้จัก กฏแห่งกรรม และมันไม่สนด้วย เพราะอยู่กันคนระระบบ
พลังงานของอสูรเหล่านี้สูงมากๆ ระดับพระพรหมที่สูงๆยังสู้พวกมันไม่ได้
นี่ถ้าไอ้พวกนี้มันทำอะไรตามใชอบนี่ จะไม่มีใครควบคุมมันได้เลย

ร้อนถึงพวกเจ้าหน้าที่ ต้องมาตรวจจับพวกลักลอบเข้าเมือง ออกใบต่างด้าวให้และให้มันเซ็นยอมรับกฏแห่งกรรม ซะ แล้วก็ปล่อยไป
ค่อยยังชั่วนิ กฏแห่งกรรม นี่จะเป็นตัวควบคุมมันได้

 

ในบรรดาวิชาทั้งหมดนี่ น่าสนใจเพียง " วิชาย้ายเส้นเอ็นฯ" เพียงวิชาเดียว
ด้วยวิชานี้สามารถแก้ปัญหาให้เหล่ามนุษย์ได้จริงๆ

ไม่ว่าจะโดนดูดพลังชีวิต ต้องพิษชนิดต่างๆ วิชานี้สามาถสำรอกพิษได้
ยังสามารถป้องกันการเบียดเบียนจาดจิตวิญญานต่างๆได้อีกด้วย ฯลฯ
ซ้ำยังทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุขัยยืนยาวอีกด้วย

หากสนก็สมัคเรียนได้ ค่าเรียนคนละ ๒ เฟื้อง ไม่ขาดไม่เกิน
ใครมาสมัคร ไหว้ครูเกินก็ไม่รับ ขาดก็ไม่รับนะ

วิชานี้ไอ้หมอมันตั้งชื่อใหม่เป็นไทยๆว่า ฤๅษีลีลานะ
อู้ย...นึกแล้วคงออกลีลากันแบลีลาศ ฟลอกระจายแน่ๆ

 

ทอง ๒ เฟื้องเหรอครับอาจารย์ ^^'

ต้องเรียนแบบกินนอนรึเปล่าคับ

 

อุ้ย..ยังมีอีกวิชาวุ้ย ไอ้หมอมันฝึกได้โดยบังเอิญนะ

"วิชา มหาเทพดูดดาว" นะ ใครสนมาเรียนได้นะ(จะได้เป็นมารเต็มตัว)

เรื่องมีอยู่ว่า ไอ้หมอมันนั่งอยู่ที่บูทดีๆ(นานแล้วนะ-มีพยานรู้เห็นด้วยละ) ก็มีจิตวิญญานหนึ่งมาดูดพลังชีวิตจากตัวไอ้หมอมันซึ่งๆหน้าเลย
พอไอ้หมอมันรู้ตัว มันก็ยื้อกลับ เลยเล่นชักขะเยอกันอยู่พักใหญ่
พอเผลอๆไอ้หมอมันก็ปล่อยให้เขาดูดออกไปเต็มที่ มันไม่ทันระรังตัว ก็หงายหลังนะซี
พอมันหงานหลัง ไอ้หมอก็เร่งสปีดเต็มพิกัด ดูดมาซะเกลี้ยง

มันไม่ได้ดึงพลังชีวิตของตัวมันเองอย่างเดียวนะ แต่ดันดึงพลังของฝ่ายตรงข้ามมาด้วย
กว่าฝ่ายตรงข้ามจะตั้งหลักได้ ก็โดนไอ้หมอดูดมาซะจนเกือบเกลี้ยง เหลือแทบไม่พอเลี้ยงชีวิต
แล้วไอ้หมอก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินออกไปห้องน้ำ
ฮิฮิ....แอบมาดูดของเขา แต่งานนี้ขาดทุนป่นปี้

วิธีการนะ มันใช้พลังของมันแทรกเข้ามาในตัวเรา แล้วคล้ายกับผูกพลังของเขาเข้ากับพลังของเรา แล้วค่อยดึงพลังออกไปช้าๆไม่ให้เรารู้ตัว