จับตามอง สงคราม"นิวเคลียร์" โรงงานพลังงาน "นิวเคลียร์" การรั่วไหลของกัมมันตรังสี

โสมแดงยันปิด รง.นิวเคลียร์แน่ เมื่อโอนเงินจาก ธ.มาเก๊า ได้ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">7 พฤษภาคม 2550 16:20 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> ต่างประเทศเกาหลีเหนือ แถลงวันนี้ว่า เกาหลีเหนือจะปิดเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่เมืองยองเบียนอย่างแน่นอน ทันทีที่สามารถถอนหรือโอนเงิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ออกจากธนาคารมาเก๊าได้
ด้านญี่ปุ่นมองในแง่ดีว่า สถานการณ์ที่คลี่คลายจะทำให้การเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือรอบใหม่สามารถเริ่มขึ้นได้อีกครั้งในสัปดาห์นี้

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000052112

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โสมแดงเปิดตัวขีปนาวุธลูกใหม่ ญี่ปุ่นผวาเร่งพัฒนาอาวุธเลเซอร์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 พฤษภาคม 2550 20:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพถ่ายจากดาวเทียมบริเวณโรงงานนิวเคลียร์ของโสมแดง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - เกาหลีเหนือเปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางชนิดใหม่ล่าสุด ระหว่างการสวนสนามของกองทัพ ท่ามกลางสถานการณ์ชะงักงันในเวทีนานาชาติเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดง สื่อญี่ปุ่นรายงานวันนี้(13)

ขีปนาวุธชนิดใหม่นี้ ใช้เทคโนโลยีช่วงทศวรรษ 1960 ของอดีตสหภาพโซเวียต และประเมินกันว่ามีพิสัยประมาณ 5,000 กิโลเมตร นสพ.อาซาฮีชิมบุงของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อจากรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

รายงานดังกล่าวระบุว่า หลังจากที่สหรัฐฯศึกษาภาพถ่ายดาวเทียมการสวนสนามของกองทัพโสมแดงเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งคิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมพิธีด้วย ก็มีข้อสรุปว่ามีการนำขีปนาวุธที่พัฒนาขึ้นใหม่มาอวดโฉมด้วย และแจ้งเรื่องให้รัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทราบ

ถึงแม้ยังไม่มีการยืนยันว่ามีการทดสอบปล่อยขีปนาวุธชนิดใหม่นี้ แต่ก็คาดกันว่า เกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอยู่ในการปกครองของสหรัฐฯ น่าจะอยู่ในพิสัยของขีปนาวุธชนิดนี้ด้วย

และในวันเดียวกันนี้(13) นสพ.ในแดนปลาดิบอีกฉบับก็รายงานว่า ญี่ปุ่นวางแผนจะพัฒนาอาวุธเลเซอร์กำลังสูงในปีหน้า เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่ระบบต่อต้านขีปนาวุธของตน เป็นการตอบโต้กับภัยคุกคามทางทหารจากเกาหลีเหนือที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นจะทำเรื่องของบประมาณประจำปี 2008 เพื่อนำเงินทุนมาสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอาวุธเลเซอร์ภาคพื้นดิน นสพ.ไมนิจิชิมบุงรายงานโดยไม่ได้ให้รายละเอียดแหล่งข่าว

รายงานยังระบุว่า การพัฒนาอาวุธเลเซอร์ที่ติดตั้งบนเครื่องบิน (เอบีแอล) ก็อยู่ในแผนระยะยาวกว่านี้ของทางกระทรวงด้วย

สหรัฐฯได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นร่วมมือกันพัฒนาอาวุธเลเซอร์เอบีแอล เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ในการพบปะระหว่าง คอนโดลีซซา ไรซ์ รมต.การต่างประเทศของสหรัฐฯ, ทาโร อาโซะ รมต.การต่างประเทศของญี่ปุ่น, โรเบิร์ต เกตส์ รมต.กลาโหมสหรัฐฯ และฟุมิโอะ คิวมา รมต.กลาโหมญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอาวุธเลเซอร์เอบีแอล อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นซึ่งมุ่งเน้นสันติภาพ เพราะอาวุธเอบีแอลถูกออกแบบมาเพื่อจู่โจมขีปนาวุธของศัตรูในทันทีหลังจากการปล่อย ซึ่งนั่นอาจต้องล่วงล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศอื่น

ทั้งนี้ ชินโซ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่น กำลังพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยจะรวมไปถึง การทบทวนบทบาทของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้ถูกจำกัดความสามารถให้ป้องกันตนเองได้เท่านั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000054765

 

วิเคราะห์แผนสงคราม... หากมะกันถล่มอิหร่าน

รายละเอียด : เมื่อวานตั้งประเด็นว่าถ้าสหรัฐถล่มอิหร่าน จะบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งใหม่หรือไม่? อิหร่านประกาศแล้วว่าถ้าอเมริกา และอิสราเอล เล่นงานเขาด้วยกำลัง เขาก็จะตอบโต้...และสิ่งแรกที่จะทำก็คือการยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ​

อิหร่านไม่เคยปิดบังนโยบายของตนว่าอิสราเอลไม่ควรจะอยู่บนแผนที่โลกนี้อีกต่อไป ​

และอย่าแปลกใจถ้าหากอิหร่าน จะยิงถล่มเป้าหมายของอเมริกันในตะวันออกกลางด้วย หากตัวเองถูกโจมตีก่อน ​

ซึ่งแปลว่าสงครามจะขยายวงในตะวันออกกลาง ​

ต้องไม่ลืมว่าตุรกี อาจจะถูกดึงเข้าร่วมรบอยู่ข้างสหรัฐ และอิสราเอล ด้วยเพราะเพิ่งจะมีการบรรลุข้อตกลงระหว่างอิสราเอล กับตุรกีว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร ​

ประเทศในตะวันออกกลางที่ไม่ถูกกับอิสราเอลก็ย่อมจะไม่เข้าต่อต้านการที่อิหร่านเปิดศึกกับอิสราเอล แม้ว่าหลายชาติที่ไม่ถูกกับอิสราเอลจะมีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับสหรัฐก็ตาม ​

อิสราเอล ได้สำรองอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยหลายอย่างจากสหรัฐในระยะหลัง เป็นสัญญาณยืนยันเพิ่มเติมว่า การ "เตรียมทำสงคราม" ได้เริ่มขึ้นแล้ว ​

วงการข่าวกรองทางทหารบอกว่า อเมริกาได้ส่งอาวุธที่ยิงทางอากาศทันสมัยกว่า 5,000 ชุดไปให้อิสราเอล และที่น่าสนใจเป็นการเฉพาะคือเจ้า "bunker-buster" รุ่น BLU109 ซึ่งมีพลังทำลายทะลุทะลวงลงไปใต้ดินได้ ​

ที่ต้องมีอาวุธที่ทิ้งทางอากาศเพื่อเจาะลงไปใต้ดินลึกได้ ก็เพราะรู้กันว่าโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านดังที่สุดอยู่ที่เมือง Natanz ซึ่งตั้งอยู่ใต้ดินประมาณ 30 เมตร ​

จึงไม่ต้องบอกว่าทำไมมะกัน และอิสราเอล จึงต้องแสวงหาเจ้า bunker-buster รุ่นที่มีพลังทำลายสูงเป็นพิเศษคือ BLU-113 มาเก็บไว้ในคลังแสงอาวุธของอิสราเอล ​

แผนรบของอิสราเอลตามที่นักวิเคราะห์ทางทหารมองก็คือ การใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศของตัวเองถล่มโรงงานนิวเคลียร์ที่เมือง Bushehr โดยที่จะใช้เครื่องบินจารกรรม AWACS และยานล่องหนอย่างอื่นเข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำของปฏิบัติการทางอากาศครั้งใหญ่ ​

ต้องไม่ลืมว่าที่โรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญรัสเซียหลายร้อยคน ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษามาช่วยอิหร่านในด้านนี้มาตลอด ​

มะกันต้องประเมินสถานการณ์ให้ชัดเจนว่า ความเสี่ยงที่จะมีเรื่องบาดหมางกับรัสเซีย (และอาจจะจีนด้วย) ในการล่มอิหร่าน นั้น มีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด ​

ที่อาจจะไม่เป็นข่าวแต่เป็นอีกด้านหนึ่งของแผนปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายมะกัน และอิสราเอล คือ เรือดำน้ำรุ่น Dolphin class ของอิสราเอล ที่ติดหัวจรวดนิวเคลียร์ Harpoon ของสหรัฐ นั้นได้ซ้อมรบโดยมีอิหร่าน เป็นเป้าหมายมาระยะหนึ่งแล้ว ​

ที่ต้องเตือนกันตั้งแต่ตอนนี้ก็คือว่า ถ้ามะกันถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน สิ่งที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอนก็คืออาจจะเกิดการกระจายตัวของรังสีนิวเคลียร์ออกจากโรงงานเหล่านี้ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าสารอันตรายต่อมนุษย์อย่างนี้จะกินบริเวณกว้างขวางเพียงใด ​

และนี่จะเป็นเพียงสงครามทางอากาศ หรือสหรัฐวางแผนทำสงครามภาคพื้นดินด้วยหรือไม่? ​

ไม่มีนักวางแผนทหารคนไหนจะไม่วางแผนครบถ้วน หากต้องทำข้อเสนอถึงผู้นำประเทศที่สั่งการให้เขียนแผนรบเบ็ดเสร็จให้พิจารณา ​

สหรัฐกล้าทำสงครามภาคพื้นดินกับอิหร่านในขณะที่ยังเอาอิรักไม่อยู่หรือ? ​

ไม่มีใครประเมิน "ความบ้าเลือด" ของคาวบอยบุช ได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารระหว่างประเทศบอกว่าอเมริกาไม่มีความสามารถพอที่จะส่งทหารเข้ายึดอิหร่านในขณะที่ยังต้องทำสงครามในอิรัก และอัฟกานิสถาน ได้เป็นแน่นอน ​

อิหร่าน ไม่ใช่ประเทศไร้น้ำยาเสียเลยทีเดียว หากต้องทำสงครามครั้งใหม่ก็มีความสามารถที่จะป้องกันตัวเองและตอบโต้ได้หลายด้าน ​

ระบบป้องกันทางอากาศของอิหร่านอยู่ในเกณฑ์ก้าวหน้าไม่แพ้ประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ เพราะเขาต้องปกป้องจุดที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ซึ่งกระจายตัวตั้งอยู่หลายจุดที่อยู่ใต้ดิน ยากแก่การโจมตีทางอากาศของสหรัฐและอิสราเอล ​

อิหร่านได้พัฒนาแสนยานุภาพของจรวด Shahab-3 ขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งแปลว่าเขาสามารถยิงถล่มเป้าหมายในอิสราเอลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ​

วงการทหารรู้ว่าอิหร่านมีจรวดขีปนาวุธแบบ 12X-55 ที่ผลิตโดยยูเครน และมีอาวุธป้องกันภัยจากทางอากาศที่รัสเซียผลิตให้ เช่น SA-2, SA-5, SA-6 และจรวดประทับไหล่แบบ SA-7 ที่ประมาทไม่ได้เช่นกัน ​

ต้องไม่ลืมว่าอิหร่านเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันดิบร้อยละ 10 ของโลก (อันดับสามรองจากซาอุฯ ที่มีร้อยละ 25 และอิรักที่มีประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่อเมริกาเองมีแหล่งน้ำมันสำรองเพียง 208 เปอร์เซ็นต์ของโลกเท่านั้นเอง ​

หากคาวบอยบุชตัดสินใจลุยอิหร่าน, นี่คือสงครามครั้งที่ 2.5 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน​

วันบันทึก: March 14th 2007
ผู้วิจารณ์ สุทธิชัย หยุ่น
คะแนน:
ข้อมูลเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง: ข่าวสารเทคโนโลยีทางทหาร

http://www.signal.co.th/modules.php?...wcontent&id=40
<!-- / message --><!-- sig -->

 

อดีตทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็นยุถล่มอิหร่านก่อนประสบความสำเร็จสร้างระเบิดนิวเคลียร์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">16 พฤษภาคม 2550 21:50 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> จอห์น โบลตัน อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวว่าควรมีการโจมตีอิหร่านก่อนที่เตหะรานจะประสบความสำเร็จในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์

โบลตัน กล่าวว่าการใช้กำลังทหารควรจะเป็นหนทางสุดท้าย แต่ความพยายามทางการทูตที่เกลี้ยกล่อมอิหร่านให้ล้มเลิกโปรแกรมนิวเคลียร์คือสิ่งที่ผิดพลาด

"มันมีบทพิสูจน์ที่แท้จริงแล้วว่าอิหร่านจะไม่เจรจาเกี่ยวกับโปรแกรมนิวเคลียร์ ดังนั้นเราควรหยุดพวกเขา เราจำเป็นต้องกดดันอิหร่านเพิ่มมากขึ้น" เขาบอก
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000056399

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จับตาเรือเกาหลีเหนือ..ขนนิวเคลียร์เข้าพม่า?</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 พฤษภาคม 2550 23:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=470 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=470> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>จู่ๆ ก็ไปโผล่ในพม่าหลังสถาปนาความสัมพันธ์ไม่กี่วัน เข้าไปทำอะไร? </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
เรือสินค้า "กังนาม 1" ของเกาหลีเหนือได้เข้าจอดเทียบท่าเรือติวาลา (Thiwala) ทางตอนใต้ของกรุงย่างกุ้งเมื่อวันจันทร์ (21 พ.ค.) นี้ และ โลกตะวันตกกำลังจับตากิจกรรมของลูกเรือลำนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการพม่า โดยตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีการขนอาวุธ หรือ ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็อาจจะเป็นอุปกรณ์นิวเคลียร์

หนังสือพิมพ์ปราฟด้า (Pravda) ของรัสเซียได้ออกรายงานเรื่องนี้บนเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์โดยโยงไปถึงกรณีที่สำนักงานปรมานูแห่งชาติรัสเซีย ได้ตกลงจะช่วยสร้างเตาปฏิกรณ์แบบใช้เชื้อเพลิงยูเรเนียมพลังต่ำ (light water) ถึงแม้เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่าไม่มีทางที่พม่าจะนำไปพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้ก็ตาม

เรื่องนี้ได้ทำให้สหรัฐฯ ออกประณามการตัดสินใจของรัสเซียอย่างทันควัน โดยกล่าวว่า "เสี่ยงเกินไป" ที่จะให้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปตกอยู่ในมือของรัฐบาลทหารพม่าที่ไม่รู้จักคำว่าประชาธิปไตยและยังคงปราบปรามประชาชนอย่างหนัก

เชื่อกันว่าเรือกังนาม 1 จะเป็นเรือลำแรกจากเกาหลีเหนือที่ไปแวะจอดเมืองท่าพม่า หลังจากสองประเทศนี้ได้กลับมาสถาปนาความสัมพันธ์กันอีกครั้งหนึ่งในปลายเดือน เม.ย.นี้ ท่าเรือดังกล่าวอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางใต้ราว 32 กิโลเมตร

ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว พม่ายอมรับว่าได้อนุญาตให้เรือสินค้าเกาหลีเหนือลำหนึ่งที่เกิดขัดข้อง ให้เข้าจอดเมืองท่าย่างกุ้ง โดยเจ้าหน้าที่ทางการขึ้นไปตรวจค้นเรือลำนั้น แต่ก็ไม่พบอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>"กังนาม 1" ทำให้ชาติตะวันตกเพ่งไปยังพม่าทันทีทันใด.. ขนอาวุธหรือไม่? </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ทำให้โลกพากันจับตาความเคลื่อนไหว

รัฐบาลทหารพม่าที่ปกครองประเทศนี้มานานเกือบครึ่งศตวรรษ เป็น 1 ใน 3 "แกนแห่งความชั่วร้าย" (Evil Axis) ตามที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐฯ ให้นิยามเอาไว้ ซึ่งมีเกาหลีเหนือ และอิหร่านรวมอยู่ด้วย

อิหร่านกำลังพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ท่ามกลางความกังวลของโลกตะวันตก เกาหลีเหนือก้าวหน้าไปถึงขึ้นทดลองขีปนาวุธและหัวรบจนประสบความสำเร็จแล้ว และ อาจจะถึงคราวของพม่าบ้าง

โลกตะวันตกเกรงว่า เกาหลีจะเป็นทางผ่านของอาวุธนานาชนิด จากจีนและรัสเซีย เข้าสู่พม่า ซึ่งจะนำไปใช้ในการปรบปรามชนกลุ่มน้อย รวมทั้งเกรงว่าอาจจะมีการลักลอบขนอุปกรณ์นิวเคลียร์เข้าไปในประเทศนี้.

<CENTER>ภาพ: สำนักข่าวเออฟพี</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9500000058458

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ผู้นำคิวบาวิจารณ์อังกฤษเรื่องสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ฮาวานา 22 พ.ค.- ประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร ของคิวบา วิพากษ์วิจารณ์อังกฤษ เรื่องสร้างเรือดำน้ำโจมตีที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ว่า นำเงินจำนวนนี้ไปรักษาผู้คนนับล้านที่เจ็บป่วยจะดีกว่า
คาสโตร เขียนในบทความล่าสุดที่รัฐบาลคิวบาเผยแพร่ทางอีเมล และจะนำลงตีพิมพ์ในนิตยสารของพรรคคอมมิวนิสต์ วันนี้ว่า เรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีเป็นอาวุธชั้นสูงที่ศัตรูของเขาคือ สหรัฐ ใช้ตรวจการณ์โลก ก่อนหน้านี้ นายวินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคยประกาศจมเรือบิสมาร์ค เรือรบของเยอรมนี สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่มาวันนี้ โทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ คนปัจจุบัน ประกาศจมเกียรติยศที่เหลือของประเทศด้วยการสร้างเรือดำน้ำโจมตี อังกฤษเคยเป็นราชินีแห่งท้องทะเล แต่ทุกวันนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของสหรัฐ ผู้เป็นทั้งพันธมิตรและผู้นำของอังกฤษ
คาสโตร ระบุว่า เงินที่อังกฤษใช้สร้างเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ 4 ลำนั้น คิวบาสามารถนำไปใช้ฝึกอบรมแพทย์ได้ 75,000 คน และรักษาผู้ป่วยได้อีก 150 ล้านคน หรือนำไปใช้สร้างคลินิกในประเทศยากจนได้มากถึง 3,000 แห่ง เขาเขียนถึงเรื่องนี้หลังจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษ แถลงวานนี้ว่า ได้สั่งให้บริษัทบีเออี ซิสเต็มส์ เริ่มสร้างเรือดำน้ำชั้นแอสติวท์ ลำที่ 4 มูลค่า 200 ล้านปอนด์ (ราว 14,000 ล้านบาท) แล้ว ส่วนอีก 3 ลำ กำลังอยู่ระหว่างการสร้าง คาดว่าลำแรกจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2552
ผู้นำคิวบา วัย 80 ปี ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดช่องท้องเมื่อ 10 เดือนก่อน เขาอาศัยการเขียนบทความจากเตียงนอน เพื่อยืนยันความเป็นผู้นำประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคม.-สำนักข่าวไทย


[ 2007-05-22 : 09:31:20 ] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>รปภ.โรงงานประกอบรวมอาวุธนิวเคลียร์สหรัฐฯนัดหยุดงาน</TD></TR><TR><TD vAlign=top>25 พฤษภาคม 2550 10:59 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- สหรัฐฯวิตกเรื่องการนัดหยุดงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 500 คน ที่โรงงานประกอบรวมอาวุธนิวเคลียร์
(25พค.) การประท้วงนัดหยุดงานที่ดำเนินมา 6 สัปดาห์แล้ว ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า500 คน ที่โรงงาน" BWXT แพนเท็กซ์" นอกเมืองอามาริลโล่ รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรวม และถอดชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์เพียงแห่งเดียวของสหรัฐฯ หลังเกิดความขัดแย้งกับบริษัทนายจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาของกองทัพสหรัฐฯ เรื่องผลประโยชน์หลังเกษียณ กำลังสร้างความวิตกว่า อาจทำให้สถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ทั่วสหรัฐฯเปราะบางต่อการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย
แม้ปัจจุบันจะมีการนำกำลังพลจากสถานที่อื่นๆทั่วสหรัฐประมาณ 200 คนมาทดแทน เพื่อปกป้องโรงงานแห่งนี้ แต่ก็มีคำเตือนว่าการสูญเสียเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไป กำลังส่งผลกระทบต่อสถานที่เกี่ยวข้องทางนิวเคลียร์อื่นๆของสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่ากำลังพลที่ถูกส่งไปทดแทนที่โรงงานเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการฝึกมากพอที่จะปกป้องที่นั่น เพราะได้รับการผึกเพียง 1 สัปดาห์เรื่องกลยุทธพิเศษต่างๆของทางโรงงาน กับแผนรับมือหากถูกโจมตี
นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิจารณ์เรื่องใช้ลูกจ้างรัฐบาลกลางซึ่งไม่ติดอาวุธ กำกับดูแลพนักงานส่งเอกสารเกี่ยวกับการขนส่งอุปกรณ์นิว เคลียร์ และมีเสียงเรียกร้องให้เก็บล็อคอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด กับให้หยุดทำการประกอบรวม หรือแยกชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์ จนกว่าจะแก้ปัญหานัดหยุดงานได้ด้วย เพราะโรงงานเต็มไปด้วยหัวรบนิวเคลียร์ กับระเบิดแรงสูง และพลูโตเนียมในรูปโลหะหลายตัน เสี่ยงจะตกเป็นเป้าหมายใหญ่ของการก่อการร้าย
ความวิตกเรื่องนี้ สท้อนให้เห็นในถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการทหารของวุฒิสภา เมื่อปลายเดือนเมษายน ของนายเกลน โปดอนสกี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่ว่าคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าโรงงานได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดี แต่เขายังวิตกเรื่องผลกระทบต่อทั้งระบบ หากการนัดหยุดงานยังดำเนินต่อไป มีรายงานด้วยว่า เขากำลังเดินทางไปรัฐเท็กซัสและจะทำการประเมินสถานการณ์ที่นั่นในสัปดาห์หน้า
ทางด้านไมค์ สตัมโบ้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่แพนเท็ก ซึ่งเป็นประธานสภาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแห่งชาติด้วย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปแทนไม่มีทางรักษาความปลอดภัยที่นั่นได้ดีเท่ากับพวกเขา และว่าการนัดหยุดงานเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ยากสำหรับคนรักชาติอย่างพวกเขา ซึ่งทุกคนเคยเป็นทหารหรือตำรวจมาก่อน
สตัมโบ้บอกว่า มาตรฐานสูงด้านสุขภาพและความพร้อมทางร่างกายที่บริษัทตั้งไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดต้องตกงานเมื่อมีอายุมากขึ้น ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีแค่ 7 คนเท่านั้นที่ได้อยู่ทำงานจนครบเกษียณอายุ พวกตนจึงต้องการให้มีแพคเกจกรณีการเกษียณอายุก่อนกำหนดที่ดีขึ้น และให้ย้ายไปทำงานอื่นที่เข้มงวดเรื่องความพร้อมทางร่างกายน้อยลง เมื่อพวกเขาเริ่มชราภาพลง
พวกเขาบอกว่า กำลังพิจารณาข้อเสนอใหม่ของบริษัทและจะลงมติในวันอังคารหน้า แต่จะยังไม่ยกเลิกความพยายามลอบบี้ ให้กระทรวงพลังงานโอนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2600 นาย ตามสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ต่างๆ ไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง เพราะเขามองว่างานนี้สมควรเป็นของรัฐบาล ไม่สมควรปล่อยให้หน้าที่ปกป้องอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องของผลประโยชน์

-->
สหรัฐฯวิตกเรื่องการนัดหยุดงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 500 คน ที่โรงงานประกอบรวมอาวุธนิวเคลียร์

(25พค.) การประท้วงนัดหยุดงานที่ดำเนินมา 6 สัปดาห์แล้ว ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า500 คน ที่โรงงาน" BWXT แพนเท็กซ์" นอกเมืองอามาริลโล่ รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรวม และถอดชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์เพียงแห่งเดียวของสหรัฐฯ หลังเกิดความขัดแย้งกับบริษัทนายจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาของกองทัพสหรัฐฯ เรื่องผลประโยชน์หลังเกษียณ กำลังสร้างความวิตกว่า อาจทำให้สถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ทั่วสหรัฐฯเปราะบางต่อการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย
แม้ปัจจุบันจะมีการนำกำลังพลจากสถานที่อื่นๆทั่วสหรัฐประมาณ 200 คนมาทดแทน เพื่อปกป้องโรงงานแห่งนี้ แต่ก็มีคำเตือนว่าการสูญเสียเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไป กำลังส่งผลกระทบต่อสถานที่เกี่ยวข้องทางนิวเคลียร์อื่นๆของสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่ากำลังพลที่ถูกส่งไปทดแทนที่โรงงานเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการฝึกมากพอที่จะปกป้องที่นั่น เพราะได้รับการผึกเพียง 1 สัปดาห์เรื่องกลยุทธพิเศษต่างๆของทางโรงงาน กับแผนรับมือหากถูกโจมตี
นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิจารณ์เรื่องใช้ลูกจ้างรัฐบาลกลางซึ่งไม่ติดอาวุธ กำกับดูแลพนักงานส่งเอกสารเกี่ยวกับการขนส่งอุปกรณ์นิว เคลียร์ และมีเสียงเรียกร้องให้เก็บล็อคอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด กับให้หยุดทำการประกอบรวม หรือแยกชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์ จนกว่าจะแก้ปัญหานัดหยุดงานได้ด้วย เพราะโรงงานเต็มไปด้วยหัวรบนิวเคลียร์ กับระเบิดแรงสูง และพลูโตเนียมในรูปโลหะหลายตัน เสี่ยงจะตกเป็นเป้าหมายใหญ่ของการก่อการร้าย
ความวิตกเรื่องนี้ สท้อนให้เห็นในถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการทหารของวุฒิสภา เมื่อปลายเดือนเมษายน ของนายเกลน โปดอนสกี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่ว่าคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าโรงงานได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดี แต่เขายังวิตกเรื่องผลกระทบต่อทั้งระบบ หากการนัดหยุดงานยังดำเนินต่อไป มีรายงานด้วยว่า เขากำลังเดินทางไปรัฐเท็กซัสและจะทำการประเมินสถานการณ์ที่นั่นในสัปดาห์หน้า
ทางด้านไมค์ สตัมโบ้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่แพนเท็ก ซึ่งเป็นประธานสภาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแห่งชาติด้วย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปแทนไม่มีทางรักษาความปลอดภัยที่นั่นได้ดีเท่ากับพวกเขา และว่าการนัดหยุดงานเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ยากสำหรับคนรักชาติอย่างพวกเขา ซึ่งทุกคนเคยเป็นทหารหรือตำรวจมาก่อน
สตัมโบ้บอกว่า มาตรฐานสูงด้านสุขภาพและความพร้อมทางร่างกายที่บริษัทตั้งไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดต้องตกงานเมื่อมีอายุมากขึ้น ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีแค่ 7 คนเท่านั้นที่ได้อยู่ทำงานจนครบเกษียณอายุ พวกตนจึงต้องการให้มีแพคเกจกรณีการเกษียณอายุก่อนกำหนดที่ดีขึ้น และให้ย้ายไปทำงานอื่นที่เข้มงวดเรื่องความพร้อมทางร่างกายน้อยลง เมื่อพวกเขาเริ่มชราภาพลง พวกเขาบอกว่า กำลังพิจารณาข้อเสนอใหม่ของบริษัทและจะลงมติในวันอังคารหน้า แต่จะยังไม่ยกเลิกความพยายามลอบบี้ ให้กระทรวงพลังงานโอนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2600 นาย ตามสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ต่างๆ ไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง เพราะเขามองว่างานนี้สมควรเป็นของรัฐบาล ไม่สมควรปล่อยให้หน้าที่ปกป้องอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องของผลประโยชน์
</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.komchadluek.net/2007/05/25/a001_119507.php?news_id=119507

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ผู้นำสหรัฐคาดหมายสถานการณ์ในอิรักจะทวีความรุนแรง

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>วอชิงตัน 25 พ.ค.- ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ คาดหมายวานนี้ว่า ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ สถานการณ์ในอิรักจะทวีความรุนแรงและยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน รัฐสภาของสหรัฐก็ยอมลงมติให้งบประมาณ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ทำสงครามในอิรัก
ประธานาธิบดีบุช กล่าวที่ทำเนียบขาว ว่า ในช่วงหลายสัปดาห์ และหลายเดือนที่จะมาถึงนี้ ทางสหรัฐคาดหมายว่า จะเกิดการสู้รบรุนแรง ทั้งทหารสหรัฐและอิรักจะเสียชีวิตกันมากขึ้น โดยในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเดือนสิงหาคม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐ ในขณะเดียวกัน ทางกองทัพสหรัฐรายงานว่า ทหารอเมริกันอีก 2 คน เสียชีวิตทางตะวันตกของอิรัก ทำให้ยอดทหารที่เสียชีวิตในเดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 88 นาย และทหารสหรัฐที่เสียชีวิตในอิรักทั้งหมดเพิ่มเป็น 3,436 นาย ประธานาธิบดีบุช ยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐชดใช้การที่ทหารสหรัฐยอมสละชีพในอิรัก ด้วยการผลักดันการเมืองให้มีความคืบหน้า ในขณะเดียวกัน เขายังเปิดเผยด้วยว่า แผนการเพิ่มกำลังทหารในอิรักเกือบ 30,000 นายนั้น จำนวนทหารสหรัฐจะเพิ่มสูงสุดในเดือนมิถุนายนนี้
ทางด้านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ สามารถหาข้อยุติภาวะชะงักงันในเรื่องงบประมาณเรื่องอิรักได้แล้ว หลังจากยื้อกันมาเป็นเวลา 4 เดือน โดยรัฐสภาสหรัฐได้ลงมติอนุมัติงบประมาณอีก 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำสงครามในสหรัฐ และอัฟกานิสถาน โดยที่มิได้กำหนดตารางเวลาสำหรับการถอนทหารสหรัฐออกจากอิรักและอัฟกานิสถาน และได้นำเสนอให้ประธานาธิบดีบุช ลงนามเพื่อประกาศใช้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย


[ 2007-05-25 : 10:19:23 ] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>นายกรัฐมนตรีเลบานอนประกาศปราบผู้ก่อการร้าย

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>เบรุต 24 พ.ค. – นายกรัฐมนตรีฟูอัด ซินีโอรา ของเลบานอน ประกาศว่าจะถอนรากถอนโคนการก่อการร้าย จากการสู้รบระหว่างกองกำลังเลบานอนกับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมทางภาคเหนือของประเทศในสัปดาห์นี้
ผู้นำเลบานอน ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ว่า เลบานอนจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพวกก่อการร้าย โดยจะถอนรากถอนโคนและปราบปรามให้สิ้นซาก และว่า กองทัพต้องตกเป็นเหยื่อโจมตีของเครือข่ายก่อการร้าย ซึ่งหมายถึงกลุ่มฟาตาห์ อัล-อิสลาม ที่มีกลุ่มอัลกออิดะห์หนุนหลังในการต่อสู้กับกองทัพทางภาคเหนือของเลบานอน ยังผลให้ทหารเสียชีวิตจากการสู้รบ 32 คน ขณะที่กลุ่มติดอาวุธเสียนักรบไป 22 คน ด้านชาวบ้านในค่ายนาห์ อัล-บาเรด ค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธ ระบุว่า พลเรือนหลายสิบคนเสียชีวิตจากการปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย. – สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เหยื่อศึกเลบานอนยอดพุ่ง นองเลือดสุดหลังสงครามกลางเมือง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 พฤษภาคม 2550 13:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ซากอาคารที่ถูกโจมตีในเมืองทางตะวันออกของกรุงเบรุต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ทหารอารักขาชาวปาเลสไตน์ที่อพยพหนีเหตุรุนแรงในเลบานอน</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>กองทัพเลบานอนใช้กำลังคุมเข้มความปลอดภัย</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี – แหล่งข่าวกองทัพเลบานอน และปาเลสไตน์รายงานวันนี้ (25) การต่อสู้ระหว่างกองทัพเลบานอน และกองกำลังของกลุ่มหัวรุนแรงคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 78 ราย ซึ่งนับเป็นการสูญเสีย ที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่มีสงครามกลางเมือง

การต่อสู้ระหว่างกลุ่มฟาตะห์ และกองทัพเลบานอนในครั้งนี้ นับเป็นการต่อสู้ภายในประเทศที่นองเลือดที่สุดตั้งแต่เมื่อครั้งสงครามกลางเมืองในปี 1975-1990

ขณะที่ ทางกองทัพเผยว่า นายทหารเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากอาการทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทำให้ยอดเพิ่มเป็น 33 รายแล้ว ส่วน สมาชิกของกลุ่มฟาตะห์ 25 คนก็ถูกสังหารในการต่อสู้ตั้งแต่วันที่เริ่มต้นเมื่อวันอาทิตย์ (20) ที่ผ่านมา ตามรายงานของโฆษกของกลุ่มหัวรุนแรง

อบู ซาลิม ตาฮา โฆษกกองทัพระบุว่า ทหารอาสาสมัคร 10 นายถูกสังหารในค่ายผู้อพยพของชาวปาเลสไตน์ที่นาหร์ อัลบารีด ซึ่งพวกเขาใช้เป็นที่มั่น และถูกกองทัพยึดไว้ได้ และอีก 15 นายที่ถูกสังหารในการต่อสู้ที่ใกล้ๆ กับตริเมืองโพลี

ขณะที่ ซุลตาน อับดุลอัยไนน์ หัวหน้ากลุ่มฟาตะห์ในเลบานอนเผยว่า ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ 19 คนก็ต้องมาสังเวยชีวิตในเหตุรุนแรงครั้งนี้ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังกล่าวว่า มีพลเมืองเลบานอน 1 รายเสียชีวิตในการยิงต่อสู้ เมื่อกองทัพโจมตีอาคารในตริโพลี ซึ่งกลุ่มฟาตะห์ใช้เป็นหลุมพรางเมื่อวันอาทิตย์ (20)

ทั้งนี้ เหตุนองเลือดที่ร้ายแรงที่สุดก่อนหน้านี้นั้น เป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพ และกลุ่มนักรบนิกายสุหนี่ ในเดือนมกราคมปี 2000 คร่าชีวิตคนไป 45 ราย

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก จนอาจจะสูงกว่าการต่อสู้เมื่อครั้งถุกอิสราเอลรุกราน หลังสงครามกลางเมือง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000060307

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>สหรัฐคาดหวังเกาหลีเหนือปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เดือนนี้

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>มะนิลา 25 พ.ค. – นายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวที่กรุงมะนิลา ในวันนี้ ว่า สหรัฐคาดหวังว่าเกาหลีเหนือจะทำตามคำมั่นที่ว่าจะปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในเดือนนี้ หลังจากได้รับเงินที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารมาเก๊า
คำกล่าวของนายฮิลล์ในครั้งนี้อ่อนลงจากก่อนหน้านี้ที่ว่า เกาหลีเหนือไม่ควรจะรอรับเงินดังกล่าวก่อนปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ขณะเดียวกัน นายจง ซง-อิล เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ ซึ่งเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเออาร์เอฟ ที่กรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการโอนเงินเกาหลีเหนือก็พร้อมจะดำเนินการตามคำมั่น

เกาหลีเหนือให้สัญญาจะปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในการประชุมหกฝ่ายเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แต่จะยังไม่เคลื่อนไหวใด ๆ จนกว่าจะได้รับเงิน 25 ดอลลาร์สหรัฐที่ถูกอายัดในธนาคารมาเก๊ากลับคืนมา

รายงานระบุว่า ในระหว่างการหารือระหว่างผู้แทนทางการทูต ผู้แทนฝ่ายเกาหลีเหนือได้กล่าวปกป้องความพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และเรียกสหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นว่า เป็นพันธมิตรแห่งสงคราม ทั้งนี้ สหรัฐกำลังพยายามผลักดันให้ประเทศเอเชียยืนยันไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการประชุมเออาร์เอฟ ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้.-สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE>