***หลวงพ่อธรรมดาๆ องค์หนึ่ง แต่เป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม***

หลวงพ่อท่านตั้งใจจะอยู่อีก 10 ปี....ท่านบอกเมื่อปีที่แล้ว (ตอนอายุ 80)
นั่นคือ ท่านมีเวลาอีก 9 ปีครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=SQc-kQ28IXs]หลวงพ่อสมบูรณ์03 - YouTube[/ame]

 

“ ปกติ เหมือน ศิลา “
เจริญสติ เห็นความรู้สึก..
ต้องใช้เวลา ไมใช่พยายามจะให้มันได้เดี๋ยวนี้
ค่อยๆ ทำไป แทนที่จะบอกว่าต้องทำนานเท่าไหร่
ก็ต้องรู้เอาเอง ก็ต้องดูที่ความรู้สึกของเรา มันจะตอบตัวเองได้
ว่าเราทำมาแค่ไหน...ควรจะอย่างไร...

เราก็มุ่งให้มัน..แน่น..
ไม่ให้มันกระจัดกระจาย
ถึงจะไปหกคะเมน ตีลังกา..ก็ยังเห็นอยู่
ใครจะมาตีปี๊บ ตีกลอง ก็ยังเห็น
นี่แหละ...ที่เรียกว่าไม่หวั่นไหว...

“ ปกติ เหมือน ศิลา “
ไม่หวั่นไหวกับอะไรๆ ใครมายั่วยุอย่างไรก็ยุไม่ขึ้น
ไม่หลง ไม่ไหล ตาม อะไรๆ.....


...หลวงพ่อสมบูรณ์...

 

มันเป็นอย่างนี้อย่างนี้ๆ
ธรรมดา ธรรมชาติ
ธรรมดา เฉยๆ
ขอบคุณขอรับ

 

...ถ้าเห็นความรู้สึก จะเฉยๆ ไม่มีอะไร...
...นั่นแหละภาวะเดิม ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข ให้รู้จัก....
มันแปลกจริงๆ...
ต้องรู้เอาเอง อธิบายไม่ได้ ค้องดูเรื่อยๆ
...ถ้าเห็นความรู้สึก จะเฉยๆ ไม่มีอะไร...
...นั่นแหละภาวะเดิม ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข ให้รู้จัก....
ไม่งั้นเราจะมุ่งไปเอาทุกข์ เอาสุข อยากมี อยากเป็น
นี่มันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข สงบ ไม่สงบ ไม่มี
ปกติ....เรียกว่าปกติ....มันเป็นความปกติเท่านั้น...นี่แหละ...เส้นทางแห่งความพ้นทุกข์

ความปกติ เฉยๆ ว่าง...ว่างจากอะไรๆ ไม่มีอะไรๆ ลองดูสิ รู้ได้..


...หลวงพ่อสมบูรณ์...

 

ถ้ารู้ธรรมะ...
เราจะไม่ขัดแย้งกับอะไรๆ
ถ้ายังขัดแย้ง แสดงว่ายังไม่มีธรรมะ...

" ยังไ...งก็ได้...
ใครพูดผิด พูดถูก เราก็รู้...
ดี..เราก็รู้ว่าดี ไม่ดี เราก็รู้ ไม่ดี

เรา เกี่ยว ข้อง กับ สรรพ สิ่ง ...เฉยๆ..."

...หลวงพ่อสมบูรณ์...

 

ถ้าจะโทรไปขอฟังธรรมจากท่านสั้นๆ จะเป็นการรบกวนไหมครับ ถ้าไม่รบกวน เวลาไหนน่าจะเหมาะสมครับ

 

โทรไปได้ตลอด ถึงหนึ่งทุ่ม ยกเว้นช่วงที่ท่านฉันภัตาหาร
คือเจ็ดโมงเช้า ถึงแปดโมง และ สิบเอ็ดโมงเช้าถึงเที่ยง ครับ

ขอให้เจริญในธรรมนะครับ

 

ผมกำลังนิมนต์หลวงพ่อมาที่สะพานควาย วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ นี้ครับ
ท่านบอกว่าใกล้ๆ จะให้คำตอบอีกที...
ผู้สนใจฟังและปฏิบัติธรรม ติดตามรายละเอียดได้ที่

กาย เวทนา จิต ธรรม | Facebook

 

...รู้เฉยๆ รู้ เท่านั้นเอง จิตมันหยุดแล้ว มันรู้เลย...
...รู้ตรงนี้ มันจบ นี่...แหละ ธรรมะ....


หายใจอย่างไร จึงจะปลอดโปร่ง
หายใจอย่างไร โล่งอกโล่งใจดี
หายใจอย่างไร จึงจะเบาเนื้อเบาตัวดี

หายใจอย่างไร มีชีวิตชีวาดี
หายใจอย่างไร ตื่นเนื้อตื่นตัวดี
รู้จักคลี่คลาย ผ่อนคลาย


ดูให้ต่อเนื่อง ..... ดูให้มันอยู่ตัว......
ตรวจสอบทางกาย ก็ไม่เกร็งเนื้อเกร็งตัว
จิตใจก็ไม่อั้นไม่กลั้น มีให้เราดูเยอะเลย
เป็นไปเพื่อสบาย เป็นไปเพื่อสงบ
ตื่นเนื้อ ตื่นตัว........ไม่อั้นไม่กลั้น


มันอิ่ม มันเต็ม เบิกบานแจ่มใส
กระปรี้กระเปร่า ร่าเริง คล่องแคล่ว มีชีวิตชีวา
สว่าง สะอาด สงบ
พอเราดูอยู่อย่างนี้ มันจะหยุด
ความรู้สึกมันหยุด

มันหยุดก็ไม่มีความคิดความเห็น
มันเห็นความรู้สึก มีเพียงแต่รู้


รู้....ความรู้สึก
เห็น....ความรู้สึก
ไม่ต้องมีวิพากษ์วิจารณ์ หรือ จินตนาการอะไร
ความรู้สึกหยุด หรือพัก
พักความรู้สึก....

ไม่มีอะไร
อยากก็ไม่มี ไม่อยากก็ไม่มี
ยินดียินร้าย ..... ไม่มี

จิตใจไม่มีหมกมุ่นเกาะเกี่ยวกับ อะไร
ดูอะไรๆ ก็ดูเฉยๆ เป็นสักว่า สักว่า

ความรู้สึกจะไม่ถูกปรุงแต่ง
ความรู้สึกอย่างนี้ จึงเรียกว่า สงบ
ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องไปละอะไร
รู้อย่างนี้มันละหมดเลย


มันวาง มันเบา ไม่ไปยึดติดกับอะไร
มันถอนออกจากอะไรๆ เรียกว่า จิตเป็นอิสระ
รู้เฉยๆ รู้ เท่านั้นเอง จิตมันหยุดแล้ว มันรู้เลย

รู้ตรงนี้ มันจบ นี่แหละ ธรรมะ....

 

วันอาทิตย์ 12 กพ. 55
พบหลวงพ่อสมบูรณ์ ได้ที่

กาย เวทนา จิต ธรรม | Facebook

ผู้สนใจลงชื่อไว้ที่เฟซบุ๊คเลยนะครับ จะได้นับจำนวนที่นั่ง
หรือลงชื่อที่นี่ก็ได้ครับ

 

คำสอนนี้เป็นคำสอนของผู้เข้าถึงพุทธะ ซึ่งมีได้ 2 ประเภท คือ 1.พุทธสาวก (พระอรหันต์) 2.พุทธภูมิ (มหาโพธิสัตว์)

ภูมิธรรมของท่าน GluayNewman นี้แม้เข้าถึงเบื้องต้นแล้ว แต่ก็ยังห่างจากความเป็นพุทธะมาก ขอแนะนำท่าน GluayNewman ว่า ธรรมะที่ท่านนำมาโพสในกระทู้ ควรลงชื่อผู้อธิบายธรรม อย่างน้อยก็เป็นการเคารพครูบาอาจารย์ ที่เป็นพุทธสาวก หรือ พระอรหันต์ ที่ท่านเมตตาอบรมสั่งสอน

หลวงพ่อสมบูรณ์ ที่ท่านนำคำสอนมานั้น หลายท่านอาจเข้าใจได้ว่า คือ พุทธสาวกผู้เข้าถึงสุขวิปัสสโก
​

แต่ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ว่า การอธิบายธรรมะเรื่องจิตที่ยกมาในกระทู้นี้ เป็นการอธิบายธรรมตามทางสายกลางของจิต เรียกอีกอย่าง ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา "


ผู้เข้าถึงธรรมตามทางสายกลางของจิต หรือ "มัชฌิมาปฏิปทา " ก็คือผู้เข้าถึงญาณ แห่งทางสายกลาง เรียกอีกอย่างว่า " ปฏิสัมภิทาญาณ " หลวงพ่อสมบูรณ์ จึงมิใช่สุขวิปัสสโก อย่างที่หลายท่านเข้าใจ หากท่านสังเกตุนิดหนึ่งสุขวิปัสสโกจะไม่สามารถรู้วันปรินิพพานได้


อนึ่งท่านที่มิได้เข้าถึง "มัชฌิมาปฏิปทา" จะไม่อาจสามารถแยกแยะธรรมะได้โดยความนึก ความคิด ว่าธรรมะใดคือ ธรรมะของผู้เข้าถึง "มัชฌิมาปฏิปทา " ผู้ที่เข้าถึงพุทธะแบบนี้ ก็มักมีอุปนิสัยเหมือนกัน คือ ไม่มีแล้วซึ่งความอวดใดๆ ทำให้ลูกศิษย์มิอาจจะสามารถรู้ได้เอง แตกต่างจากสัตว์นรกผู้ทำตนเป็นพระ ที่มักแอบอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตน เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ เงิน ทอง ของมีค่าทั้งหลาย

อุปนิสัยของหลวงพ่อสมบูรณ์ท่านให้ดี พระอรหันต์เป็นแบบนี้ล่ะ
​

ปัจจุบันพุทธะสาวกผู้เข้าถึง ปฏิสัมภิทาญาณมีไม่มาก ปุถุชน ทั่วไป แม้กระทั้งพระอริยเจ้าเบื้องต้น รวมไปถึง พุทธะสาวกที่มิใช่ปฏิสัมภิทาญาณ จะไม่อาจรู้ได้ ว่าท่านใดเข้าถึง ปฏิสัมภิทาญาณ ผู้ที่มีภูมิธรรมต่ำกว่าย่อมไม่สามารถรู้ภูมิธรรมที่สูงกว่าตนได้ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นได้แค่การคาดเดาเท่านั้นเอง

ท่าน GluayNewman นิมนต์หลวงพ่อสมบูรณ์ มาชี้แนะสั่งสอนคนผู้สนใจธรรมะเป็นสิ่งดีมาก ขอกราบอนุโมทนา เพราะคำสอนของ พุทธะสาวกผู้เข้าถึง ปฏิสัมภิทาญาณ เป็นคำสอนที่ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎก ตรงตามธรรมที่องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอน


ในกึ่งพุทธกาลนี้ จากที่ได้ดูธรรมะทั้งหมดที่มีอยู่ปัจจุบัน ธรรมะคาดเคลื่อนจากธรรมขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดจาก
หนึ่ง ธรรมของพุทธะสาวก ที่ไม่ใช่ผู้เข้าถึงปฏิสัมภิทาญาณ
หนึ่ง ธรรมของพระอริยะเจ้าเบื้องต้น
ธรรมะจึงยากต่อการเข้าถึงมาก

และธรรมที่ผิดปิดบ้างมรรคผล ไม่สามารถเข้าถึงผลของธรรมะได้
หนึ่ง คำสอนของสมมุติสงฆ์ที่อ้างตนเป็นพระอริยะเจ้า เป็นธรรมที่ปิดบ้างมักผลทั้งหมด มีมากในปัจจุบัน ปุถุชนก็หลงกันมากๆ
หนึ่ง คำสอนของปุถุชนที่หลงว่า ตนคือ พระอริยะเจ้า เป็นธรรมที่ไม่สามารถเข้าถึงมรรคผลได้
หนึ่ง คำสอนของผู้ที่หลงในตำรา อ่านตำรามากจนเข้าในว่าเข้าถึง เป็นธรรมที่ปิดบังมรรคผลทั้งหมด
ผู้ที่นำคำสอนของ 3 ประเภทนี้ไปปฏิบัติจะไม่สามารถเข้าถึงได้เลย ปฏิบัติให้ตายก็เข้าถึงไม่ได้ เพราะสอนผิด


ก่อนจะจบการอธิบายครั้งนี้ ผมกับหลวงพ่อสมบูรณ์ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มาอ่านกระทู้นี้ เห็นว่าเป็นคำสอนของพระอรหันต์ รวมถึงนิมนต์พระอรหันต์อีก จึงมาแนะนำให้เจ้าของกระทู้และผู้อ่านทั้งหลายทราบ หลวงพ่อสมบูรณ์ คือ พระอรหันต์ ไม่เช่นนั้น เกรงว่าท่านที่ไม่รู้จะเดือดร้อนจากอานิสงค์ที่ไม่ดี ที่ล่วงเกินพระอรหันต์โดยรู้เท่าไม่ถึงกาล

คำสอนของหลวงพ่อสมบูรณ์ที่ว่า

มันวาง มันเบา ไม่ไปยึดติดกับอะไร
มันถอนออกจากอะไรๆ เรียกว่า จิตเป็นอิสระ
รู้เฉยๆ รู้ เท่านั้นเอง จิตมันหยุดแล้ว มันรู้เลย
รู้ตรงนี้ มันจบ นี่แหละ ธรรมะ



คำสอนด้านบนนี้ คือ วิมุตติ และผู้สอนด้านบนนี้ คือ ผู้เข้าถึง วิมุตติ
​

ขอขยายความวิมุตติให้ทราบ

วิมุตติ คือ รู้บริสุทธิ์

​

วิมุตติ คือ การที่จิตตั้งมั่น ได้ด้วยตนเอง โดยมิได้อาศัยอะไร เป็นอิสระด้วยตัวของมันเอง

วิมุตติ จึงไม่ใช่ทั่งรูปญาณและอรูปญาณ

วิมุตติ คือ การที่สติตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว
​

ผมเข้าถึงวิมุตติมานานแล้ว เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะสามารถสอนได้มากนัก ท่านที่สงสัยก็สามารถสอบถามหลวงพ่อสมบูรณ์ ได้เลย (ถามผมผมอาจไม่ได้เข้ามาตอบ) หรือไม่ก็ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เจ้าอาวัดวัดป่าหมู่ใหม่ ท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เช่นกัน และอธิบายธรรมได้ถูกต้องตรงตาม คำสอนขององค์เด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า

ขอบคุณครับ

 

ต้องขอโทษที่โพสคำสอนสุดท้าย ผมไม่ได้ใส่ชื่อของหลวงพ่อลงที่ท้ายคำสอนของท่าน
เพราะผมลืมน่ะครับ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง
แต่กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ผมตั้งใจจะเผยแพร่ธรรมของหลวงพ่อโดยตรงอยู่แล้ว ไม่มีธรรมะของท่านอื่นเลย

คุณ ononon กล่าวไว้ชอบแล้ว
ผมเป็นศิษย์ท่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว ก็รู้จักท่านดีนะครับ ทราบอย่างที่คุณ ononon กล่าวไว้....
ตอนนี้ผมก็เปรียบเสมือนว่า เป็นบุตรบุญธรรม ของท่าน คือ บุตรที่เกิดจากบุญและธรรม ของท่าน

ถ้าสะดวก ผมขอเชิญคุณ onono ที่กระทู้ของผม อีกอันด้วยนะครับ

http://palungjit.org/threads/***กสินใน-1-วัน-อรูปฌาน4-ใน-1-วัน***.318665/

 

หลวงพ่อสมบูรณ์...

หลวงพ่อบอก ว่ามาชี้ ไม่ได้สอน
ลัดขั้นตอน ดูที่จิต ใช่คิดหนอ
ให้ดูที่ ความรู้สึก แค่นั้นพอ
ดูต้นตอ ว่าเดิมจิต ไม่มีเรา

เห็นรู้สึก ไม่ใช่เป็น เรารู้สึก
เห็นคิดนึก เห็นสบาย หรือไม่หนอ
หายใจเข้า ออกสบาย แค่รู้พอ
จิตเฉยต่อ ความรู้สึก ฝึกง่ายดาย

อย่าไปตาม แต่ไม่ห้าม ความรู้สึก
ไม่คิดนึก วิจารณ์มัน รู้จักเฉย
รู้ต่อเนื่อง เห็นรู้สึก ฝึกให้เคย
นิ่งหยุดเฉย เบาโปร่งว่าง วางทุกข์เอง

รู้อย่างนี้ รับรอง ไม่มีทุกข์
จิตเหนือสุข เบาว่าง ไม่มีฉัน
ไม่ต้องแบก ภาระใด ให้ทุกข์กัน
จิตเดิมนั้น ไม่มีอะไร ผ่องใสเอย

 

หลวงพ่อตอบปัญหาญาติโยมครับ


ปุจฉา....ปัญหาของตัวเองคือ ชอบใส่ใจเรื่องของคนอื่น
เห็นเค้ามีความทุกข์อยากทำให้เค้าคลายทุกข์ได้
พลอยทำให้ใจเราเป็นทุกข์ตามไปด้วย
เข้าใจเรื่องของการปล่อยวาง แต่ก็ทำไม่ค่อยได้สักที
ทฤษฏีมันง่าย แต่ปฏิบัติมันยากจังค่ะ ต้องฝึกฝนด้านไหนให้มากๆ คะ หรือมีวิธีทำอย่างไรได้คะ


วิสัชชนา...เริ่มต้นก็จะบอกตรงนี้ ต้องรู้อย่างนี้ ดูความรู้สึก..
เป็นอย่างไรบ้าง สบาย ไม่สบาย ให้เห็นความรู้สึก...ไม่มีอะไร
ต้องดูที่ความรู้สึกแล้วเราจะรู้ ค่อยๆ ทำไป
พอเราเห็นความรู้สึก ก็จะบอกตัวเองถูก ว่าในความรู้สึก มันมีอะไร ก็ไม่ต้องไปทำอะไร
ที่ถามเรื่องปล่อยวางแต่ทำไม่ได้สักที.....ต้องเห็นความปล่อยความวาง ดูความรู้สึก หายใจเข้า หายใจออก
ไม่ต้องมีความคิดความเห็น ดูความรู้สึกว่ามีอั้น มีกลั้นมั๊ย
พอรู้ก็รู้จักปล่อยก็รู้จักวาง ก็จะเห็นความปล่อยวาง
ถ้ามันยึดมันจะอัดอั้นไว้ ร่างกายก็จะเกร็ง พอเห็นความรู้สึกจะค่อยๆ ปล่อย
เวลาหายใจเข้ายาวๆ ความรู้สึกมันปล่อย เค้าปล่อยเค้าวางเอง
แต่ถ้ายังเป็นเรา ว่าเราไปปล่อยไปวาง ไม่มีทางนะ...
เค้าจะปล่อย เค้าจะวางเอง เค้าจะไม่ติด เค้าจะไม่ยึดเอง เมื่อนั้น
เห็นตรงนี้เมื่อไหร่ ก็จิตว่างเมื่อนั้น ก็จะเห็นความจริง ก็จะเห็นอะไร เป็นอะไร
ที่ไม่ได้เพราะจิตมันวุ่น เพราะยังมีอุปาทานว่าเป็นตัวเราของเรา
ถ้าเห็นอย่างนี้จะไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวเราของเรา
มีแต่ความรู้สึก มันเป็นเพียงความรู้สึก

เห็นความรู้สึก ไม่ใช่เรารู้สึก....จิตเราจะว่าง....

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif][if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot]สิ่งพิเศษของหลวงพ่อ[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]สิ่งพิเศษที่หลวงพ่อต่างจากครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เมื่อเราไปพบท่าน[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ท่านสามารถ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]"[/FONT][FONT=&quot]ชี้[/FONT][FONT=&quot]" [/FONT][FONT=&quot]ตรงเข้าไปในจิตของเรา[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]บอกทาง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บอกวิธี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ให้เราเข้าไปเห็นจิตเดิมของเรา[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]จิตเดิมๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ที่ไม่มีอะไรเจือปนอยู่เลย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บริสุทธิ์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ว่าง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ทุกๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คนมีจิตเดิมๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นแบบนี้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แต่ที่ไม่เห็น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ไม่รู้จัก[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เพราะเราอยู่กับความคิด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กับจินตนาการ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กับความปรุงแต่งต่างๆ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ไม่เคยหยุดดูจิตจริงๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เลย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ว่าเป็นอย่างไร[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]อีกทั้งไม่มีใครมาชี้ให้เห็นด้วย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]จิตที่มีแต่การปรุงแต่ง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นจิตที่มีแต่ความทุกข์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ความปรุงแต่งเป็นสาเหตุแห่งทุกข์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เพราะฉะนั้น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เมื่อเรามาเห็นจิตเดิม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ความปรุงแต่งจะหยุด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ความทุกข์ก็หยุดไปด้วย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ในขณะที่เห็นจิตเดิม[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]จะไม่มีความทุกข์เลย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ไม่มีความปรุงแต่งเลย[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อจึงพาเราออกจากความทุกข์ได้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เดี๋ยวนั้นเลย[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]นี่เป็นสิ่งพิเศษที่หลวงพ่อท่านมี[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]เมื่อเราเห็นจิตเดิมแล้ว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เราก็กลับไปฝึกการเห็นแบบนี้ไว้[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ดูให้ต่อเนื่อง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ให้ได้นานที่สุด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]นานแค่ไหนความทุกข์ก็น้อยลงเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]จนกระทั่งเห็นได้ตลอด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]และกลายเป็นการเห็นแบบอัตโนมัติ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เห็นตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ก็ไม่มีทุกข์ตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ก็หมดทุกข์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]จิตจะหยุดปรุงแต่งเป็นอัตโนมัติเหมือนกัน[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ทีนี้ใครจะมาด่า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มาทำร้าย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จะเกิดซึนามิ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หรือรถบรรทุกเหยียบ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]จิตก็ไม่ปรุงแต่งความทุกข์แล้วครับ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คงความว่างอยู่[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การปฏิบัติธรรมก็จบลงเท่านี้เอง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ชีวิตก็สมบูรณ์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ชีวิตสมบูรณ์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เพราะได้พบ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อสมบูรณ์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]การปฏิบัติมีเท่านี้เอง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องไปศึกษาอะไรให้ยุ่งยาก[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องอ่านตำราหนาๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ภาษายากๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องทำอย่างโน้น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]อย่างนี้[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แค่สั้นๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แค่นี้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อท่านถึงได้บอกครับ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ว่าตั้งใจจริง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]
3 [/FONT][FONT=&quot]ปี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ต้องรู้เรื่อง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แค่[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]ปี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นไงครับ[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT]

 

กราบ หลวงพ่อโดยความเคารพอย่างสูง สา.............ธุ.......................

 

ง่ายๆแต่ลึกซึ้ง ต้องยืมคำท่านพุทธทาสมาใช้ เพชรในหัวคางคก

 

ไอ้ขาวแห่งถ้ำเขาพระ

ปกติหลวงพ่อจะไม่เลี่ยงหมานะครั<wbr>บ ท่านว่าเป็นภาระ
เป็นสถานปฏิบัติ ไม่ต้องการให้มีห่วง และถ้าไม่มีใครอยู่วัด ก็จะไม่มีใครหาข้าวให้มันกิน
ถ้ำเขาพระมีพระน้อยครับ ประมาณ 3-4 รูป บางทีก็ไม่อยู่กัน
เวลามีใครเอาหมามาปล่อยวัด หลวงพ่อจะให้จับเอาไปปล่อยต่ออี<wbr>กที
ไปปล่อยวัดที่พระเลี้ยงหมานะครั<wbr>บ

วัดปฏิบัติ ถ้าไม่มีพระหรือโยมอยู่ประจำ มักไม่ค่อยเลี้ยงสัตว์นะครับ
เป็นภาระ และเป็นปลิโพธิ (ความกังวล)

แต่แปลกที่วันหนึ่งในปี 52 ขณะที่ผมบวชอยู่ที่นั่น
หลวงพ่อ "หิ้ว" เอาลูกหมาตัวเล็กสีขาวตัวหนึ่งเ<wbr>ดินเข้ามาที่ศาลา
ผมใช้คำว่าหิ้ว เพราะท่านจับหนังตรงคอมัน ถือเดินมาแบบหิ้วน่ะครับ
ก็เป็นที่งงงันของชาววัดทั้งหลา<wbr>ย ว่าหลวงพ่อเอาลูกหมามาจากไหน

ท่านบอกว่า เอามาจากหน้าวัด สงสัยคนมาปล่อย
ผมก็คิดว่า เดี๋ยวท่านคงบอกว่า กลางคืนให้เอาไปปล่อยต่ออีกที ...เหมือนเดิม
แต่น่าแปลกครับ คราวนี้ท่านกลับบอกว่า "เอ้า...เลี้ยงมันไว้ดูเล่น"
เราทุกคนก็อึ้ง แต่ก็ไม่มีใครตั้งคำถามว่า ทำไม เจ้าลูกหมาตัวนี้ มันถูกโฉลกกับหลวงพ่อยังไงหนอ
เราเป็นศิษย์ที่ดี ไม่ค่อยมีคำถาม จึงรับลูกหมานั้น หาข้าวให้มันกิน และก็จับไปอาบน้ำ
เราก็เลยเลี้ยงมันไว้ และชื่อมันง่ายๆว่า "ไอ้ขาว" ตามสีของมัน
โดยหน้าที่หาข้าว อาบน้ำให้มัน โดยส่วนมาก หลวงพี่เป้ ศิษย์มือขวาหลวงพ่อเป็นผู้จัดกา<wbr>ร
มันก็เป็นหมาฉลาด ตะกละ และซนเอาเรื่องครับ โดนหลวงพ่อตีอยู่บ่อยๆ
เวลาให้อะไรมันแทะเล่น พอมันเล่นพอแล้ว มันจะเอาไปฝังไว้ครับ
ไปแอบดูเวลามันเอาของไปฝังบ่อยๆ<wbr>

เวลาพระไปบิณฑบาตร มันก็มันจะติดสอยออกไปด้วย เดินตามต้อยๆ
โดยเฉพาะไปกับท่านเป้

หลวงพ่อบอก..."ท่านเป้รักมันน่า<wbr>ดู"

ปีนี้ ผมไปปฏิบัติธรรม ไม่เจอมันแล้ว เจอแต่วีดีโอที่ท่านเป้ทำเอาไว้
ลองมาดูกันนะครับ


[ame="http://www.youtube.com/watch?v=bTTruHta3aQ"]http://www.youtube.com/<wbr>watch?v=bTTruHta3aQ[/ame]

 

มันเป็นอะไรตายครับพี่กล้วย

 

โดนยาเบื่อที่เทศบาลวางให้หมาจรจัดน่ะครับ