นิทาน เรื่อง "พญานาค"

เท่าที่รู้มา การฝึกถอดการทิพย์ จะต้องมีผู้รู้หรือครูบาอาจารย์คอยสอน และคอยดูแลตลอด และขึ้นอยู่กับบุญจากอดีตชาติเคยทำมา มากน้อยแค่ไหนหรือพูดภาษาชาวบ้านว่า " มีของเก่าติดตัวมา" มากน้อยแค่ไหน จริงเท็จประการใดขอท่านผู้รู้ช่วยตอบให้กระจ่างด้วยนะคะ

 

จารออ่านนะเจ้าค่ะ พี่ติงๆๆ

 

ต้องทำอย่างไรเจ้าค่ะ ท่านคุรุวาโร
อยากให้ทั้งห้าคนได้ไปเจ้าค่ะ
เวลาสวดมนต์อธิฐานจิตบอกได้ไหมเจ้าค่ะ
ขอแค่มีส่วนนิดนึงก้อดีใจแล้วเจ้าค่ะ

 

วันนี้แปลกๆๆนะเจ้าค่ะ
เข้ามาครั้งแรก...ไม่รู้สึกอะไรเจ้าค่ะ
แต่คราวนี้พอเข้ามาเปิดอ่าน หน้าที่50 ที่อ่านค้างอยู่
ปรากฏว่า ขนลุกซู่ ทั้งตัวเจ้าค่ะ และยิ่งอ่านไปเรื่อยๆๆ ยิ่งมีอาการมากขึ้น เจ้าค่ะ
ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรเจ้าค่ะ ท่านคุรุวาโร
หรือว่าเป็นเพราะวันนี้วันพระ เจ้าคะ....
และที่แปลกอีกอย่าง...ปกติชอบดูว่าใครเข้ามาอ่านพร้อมเรามั่ง?? ใครดูกระทู้นี้อยู่บ้างขณะนี้
ปรากฏว่า...ไม่มีรายงานให้เห็นเจ้าค่ะ
ตอนนี้กำลัง งง ได้ที่เจ้าค่ะ
ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นช่วยบอกทีนะเจ้าค่ะ...

 

คิดว่าทางเว็บคงตัดระบบรายงานนี้ออกค่ะ เพื่อแก้ปัญหาการทำงานของเว็บให้เร็วขึ้น

 

ยินดีด้วยนะคะคุณพะพาย.....

 

นิมิตมหัศจรรย์....ตอน...ท่องภูสูงในแดนทิพย์...
เมื่อคืนนี้ ติงก็นอนภาวนาตามปรกติจนหลับไป...
ด้วยว่าที่เลิงนกทาช่วงนี้ฝนตก อากาศจึงเย็นสบาย...เหมาะในการนอนยิ่งนัก...
ค่อนรุ่ง...ติงก็นิมิตว่าตนเองกำลังปีนขึ้นสู่ที่สูง...
ลักษณะคล้ายๆปล่องหรืออุโมงค์ แต่เป็นการปีนขึ้น ไม่ใช่ลงแบบลงถ้ำ..
เป็นปล่องหินแคบๆ ที่กว้างกว่าตัวไม่มากนัก มีที่จับ มีที่วางเท้าสำหรับปีนป่ายโดยไม่ลำบากนัก
ในความรู้สึกบอกว่ากำลังปีนไปสู่พระอุโบสถที่อยู่เบื้องบน
มีพระอาจารย์กำลังรออยู่...

 

พอใกล้จะถึงจุดหมายซึ่งสูงจากพื้นมาก ก็รู้สึกกลัวนิดๆ และปล่องก็แคบมากๆ เหมือนเราจะตกลงไปได้ตลอดเวลา ตอนนั้นเหมือนมีพระรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์คอยให้กำลังใจและบอกวิธีปีน

ติงก็ปีนขึ้นจนสำเร็จ ปรากฏว่าขึ้นไปบนจุดสูงสุดแล้ว ติงต้องเกาะเงื้อมหินเอาไว้ เพราะสูงมากๆ มองไปเหมือนเราอยู่บนยอดเขาแหลมๆ ลมก็พัด พร้อมจะตกได้ทุกเมื่อที่เราพลาดหรือประมาท

ในนิมิตก็คิดว่า แคบแบบนี้ แล้วพระอุโบสถอยู่มี่ใด? พระอาจารย์อยู่ที่ใด?
พลันก็เห็นว่า...ที่ที่เราอยู่ที่เคยเป็นยอดแหลมนั้น กลับมีพื้นที่หินให้ปีนต่อไปได้
ติงก็ปีนต่อไป...เดินไปกลายเป็นสันเขา ที่มีหินสวยงาม
มองเห็นพระอาจารย์ และเห็นพระอุโบสถ..
อีกด้านหนึ่ง เป็นคล้ายๆทะเลสาบเล็กๆ น้ำใสแจ๋วเป็นสีฟ้าๆ..
มองเห็นปลาตัวเล็กๆสีสันสวยงามแหวกว่ายอยู่อย่างมีความสุข

 

..

สาธุอนุโมทนาในกุศลจิตด้วยนะคะ..ที่มีต่อท่านอื่นๆๆ
คะรุทาก็กังวลว่า..จะเป้นตัวถ่วงหรือเปล่าหนอ..
หรือถ้าจะฝึกให้แกร่งกว่านี้..ต้องฝึกอะไรเพิ่มคะ.คุณคุรุวาโร
ปล.ที่จริงคะรุทาไปถึงสระน้ำสีเขียวแล้วค่ะ
มีผู้หญิง 2 คนมารอรับ..ตรงริมขอบพร้อมอธิบายสัญญาเดิมให้ฟัง
คะรุทาไม่อยากไปเลยกลับค่ะ..

 

มองเห็นพี่คนหนึ่งที่เป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกัน นั่งเล่นอยู่คนเดียว
แล้วก็มีแมวตัวอ้วนๆ ตัวหนึ่งว่ายลงไปในน้ำ ไปเล่นกับปลา ^^
แล้วเจ้าแมวก็มาหาติง แปลกคือตัวแมวไม่เปียกน้ำเลย...
มันน่ารักมาก จนติงอยากจะเอามาเลี้ยง (ปรกติจะรักหมา ไม่ค่อยเล่นกับแมวค่ะ)

 

ในบรรดาท่านผู้ทรงเกียรติทั้ง 5 ท่าน รู้สึกว่าผมจะดูต่ำต่อยที่สุดเลยนะครับ ! โธ๋ ! กรรมของหน่อ มีกิเลสหนาจริงนะเรา ไร้คนเห็นใจ... อย่างนี้คงต้องออกบวชแล้วมั๊งเรา... (เทพธิดาใจร้าย !!)

ชักอยากจะเห็นหน้า ท่านเทพธิดาขึ้นมาแล้ว ซี ! รบกวนมาเข้าฝันผมหน่อย นะครับ เผื่อผมจะว่าง อุเบกขาได้...แบบว่าจะได้มีกำลังใจไงครับ...อิอิๆ

 

วันนี้เป็นวันพระ หากเป็นไปได้ ก็จะฝันต่อค่ะ เพราะยังไม่ไปกราบพระอาจารย์เลย...​

 

คนธรรพ์ หรือ คนธรรพ (อังกฤษ: Gandharva, สันสกฤต: गन्धर्व) เป็นชาวสวรรค์จำพวกหนึ่ง ตามคติลัทธิศาสนาฮินดูว่ามีกำเนิดจากพระพรหม แต่บางทีก็ว่าเป็นโอรสพระกัตยปฤษี ตามปกติพวกคนธรรพ์มีบ้านเมืองของตนเองอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ และกล่าวว่าเป็นพวกมีนิสัยเป็นเจ้าชู้ มีเสน่ห์ทำให้ผู้หญิงหลงรัก
คนธรรพ์มีหน้าที่ปรุงน้ำโสม (เหล้าเทวดา) สำหรับเทวดาเสวย และพวกที่อยู่บนสวรรค์ของพระอินทร์ มีหน้าที่ขับร้องและเล่นดนตรีบำเรอเทวดา ดังนั้นวิชาดนตรีจึงได้ชื่อว่าคนธรรพวิทยา
ในวรรณคดีอินเดียรุ่นหลังบางทีก็เอาพวกคนธรรพ์ไปปนกับพวกกินนร ในตำราดนตรีของอินเดียว่ากินนรมีหน้าที่ทำเพลงดนตรี คนธรรพ์เป็นผู้ร้องลำนำ และนางอัปสรเป็นผู้ทำระบำ รูปร่างคนธรรพ์ของชาวฮินดู มีรูปตามที่เขียนไว้ ตอนบนเป็นมนุษย์ตอนล่างเป็นนกคล้ายรูปนางกินนรของไทย ส่วนรูปกินนรของฮินดู มีหน้าเป็นม้าตัวเป็นคน
ทางพระพุทธศาสนาถือว่าคนธรรพ์เป็นจำพวกอมนุษย์ครึ่งเทวดา อาศัยอยู่บนสวรรค์จาตุมหาราชิกา อันเป็นสวรรค์ชั้นต่ำสุดและมีท้าวธตรฐผู้เป็นโลกบาล ประจำทิศตะวันออกเป็นบดีแห่งหมู่คนธรรพ์และกล่าวว่าคนธรรพ์ อสูร นาค รวมเป็นอมนุษย์จำพวกเดียวกัน
คนธรรพ์แบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ

• คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิขเทพบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน
• คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ และเป็นบริวารของ คนธรรพ์ชั้นสูง
• คนธรรพ์ชั้นล่าง อยู่บนพื้นมนุษย์ สิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอม เช่น ตะเคียนตานี เป็นต้น

และคนธรรพ์ที่เป็นหัวหน้าของเหล่าคนธรรพ์ ถูกเรียกว่า ประคนธรรพ์ หรือ ประคนธรรพ หรือ ประโคนธรรพ์ หรือ ประโคนธรรพ

 

​

คนธรรพ์เป็นถึงชาวสวรรค์ หาได้ต่ำต้อยไม่ แถมยังมีความสามารถในทางดนตรีอีกนะคะ..

 

เห็นด้วยค่า...แต่ไม่มีครุฑเลยน๊า..
ดูๆพวกครุฑเหมือนเพื่อนไม่คบ อิอิ

 

หน้าตาคล้ายๆในภาพนี้ครับ แต่ใส่ชุดไทยครับ

 

ที่ภูสูงพระอาจารย์บอกว่ามีครุฑด้วยนะคะ แต่เขาไม่ได้อยู่ประจำ เดี๋ยวมาแล้วก็ไป

 

​

เธองามมากนะคะ....หากใส่ชุดไทยคงยิ่งงาม​

 

ออกแนวอิสระเสรีเหนืออื่นใด555
จริงเลยค่ะ..เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป ไม่อยู่กับที่ ..
ตามใจท่านไม่ตามใจเรา..เชิญก็ไม่มา.......
* - *
ไม่เชิญ ท่านมา เฮ้อออออออออออ

 

โห...อย่างน่ารักครับ

ประมาณนี้หรือเปล่าพี่