!!! จับตาพายุลูกใหม่ ที่กำลังก่อตัว ณ ขณะนี้ !!!

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ทอร์นาโดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตและเจ็บกว่า 150 คน</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>เจ้าหน้าที่กู้ภัยสหรัฐเร่งออกค้นหาผู้รอดชีวิตและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากพายุทอร์นาโดที่ถล่มรัฐเท็กซัสอย่างหนักจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 150 คน
เจ้าหน้าที่รายงานว่า บ้านรถพ่วงซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของขาวเมืองอีเกิล พาสส์ ในรัฐเท็กซัสจำนวนมากถูกพายุทอร์นาโดพัดถล่มเสียหายย่อยยับ อย่างน้อยมีผู้เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บกว่า 150 คน เมืองอีเกิลพาสส์ นี้อยู่ห่างจากเมืองซานอันโตนิโอ ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศเม็กซิโกราว 150 ไมล์ และมีพลเมืองราว 26,000 คน พายุทอร์โดพัดเข้าถล่มกินพื้นที่กว้างถึง 4 ตารางไมล์ นอกจากทำลายบ้านไปหลายสิบหลังแล้วยังทำลายอาคารโรงเรียนชั้นประถมไปอีก 2 หลัง โบลถ์ 1 หลัง และอาคารร้านค้าบ้านเรือนจำนวนมาก บ้านรถพ่วงหลายคันหายสาบสูญไปกับพายุทอร์นาโด ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตมีรายหนึ่งเสียชีวิตหมดทั้งครอบครัว โดยมีเด็กหญิงวัยเพียง 5 ขวบ พ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวอีก 2 คน
นอกจากเมืองอีเกิลพาสส์แล้ว เมืองเพดราส เนกราส ซึ่งเป็นเมืองคู่แฝด อยู่ในเม็กซิโก ก็ได้รัรบความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากทั้งสองเมืองไม่มีระบบเตือนภัยเมื่อเกิดพายุถล่มเหมือนเช่นเมืองอื่น ๆ ในภาคเหนือของรัฐเท็กซัส คุณปู่วัย 81 คนหนึ่งรอดชีวิตจากพายุทอร์นาโดอย่างปาฏิหาริย์โดยได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับที่เมืองเพดราส เนกราส ของเม็กซิโกนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 คน บ้าน 300 หลัง เสียหายยับเยิน สำหรับหน่วยกู้ภัยที่ออกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น ประกอบด้วยตำรวจรัฐเท็กซัสและตำรวจตระเวนชายแดนกับกองกำลังป้องกันชาติของสหรัฐอเมริกาโดยจะทำเครื่องหมายไว้ที่ประตูบ้านทุกหลังที่ตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมว่าอีกหน่อยกระทู้เตือนภัยทุกประเภทของเวปเราต้องมีมากกว่ากระทู้ในหมวดอื่นแน่เลยครับ เพราะภัยพิบัติเริ่มมีมากขึ้นและรุนแรงมากด้วย

 

วันที่ 27 เมษายน 2550 เวลา 00:00 น. | จำนวนผู้อ่าน 21 คน ผู้โหวต 0 คน
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td> คะแนนข่าว </td> <td> </td> <td> </td> <td> </td> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table> ขนาดตัวอักษร ก ก ก

​

พายุลูกเห็บพัดกระหน่ำชัยภูมิ
<table style="width: 480px;"><tbody><tr><td valign="top">
</td> <td valign="top"> ชาวบ้านพลิกวิกฤติออกหาอึ่งขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชัยภูมิประสบปัญหาภัยแล้งคุกคามซ้ำซากทุกปี จนเกษตรกรต่างชินชากับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งความแห้งแล้งได้ทำให้แหล่งน้ำในลำน้ำธรรมชาติห้วยหนองคลองบึงตามหมู่บ้านต่าง ๆ แห้งขอดลง ทำให้ราษฎรขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้และน้ำใช้ในการเกษตรต้องอพยพไปทำงานยังต่างจังหวัดมีแต่เพียงคนแก่เฒ่าอยู่เฝ้าบ้านเรือนในทุกปีที่ภัยแล้งจะมาเยือน จนสร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตรจนย่อยยับเสียหายแทบหมดตัว หลังเกิดพายุลูกเห็บตกกระหน่ำบนเทือกเขาและหัวไร่ปลายนาตามหมู่บ้านต่าง ๆ อย่างหนักติดต่อกัน 2- 3 วัน พายุลูกเห็บที่ตกลงมาอย่างหนักในเขตอำเภอหนองบัวแดง-อำเภอหนองบัวระเหว, อำเภอภักดีชุมพลและอำเภอเทพสถิต สายฝนที่ตกลงมาจะทำให้สัตว์ปีกจำพวกแมลงต่าง ๆ ได้บินหนีฝนออกจากป่า ทำให้บรรดาสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจำพวก กบ อึ่งอ่าง คางคก ต่างพากันออกมาหาจับกินเมลงและออกมาผสมพันธุ์กันอย่างมากมายเต็มไปหมด เกษตรกรชาวไร่ชาวสวนก็จะพากันเตรียมอุปกรณ์ไฟฉายออกไปไล่ล่าจับอึ่งอ่างตามท้องไร่ท้องนาเพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารเปิบพิสดารกินกัน อย่างเอร็ดอร่อยในครอบครัวและส่วนที่เหลือกินก็จะนำไปขายให้พ่อค้าคนกลาง ทั้งในตลาดชัยภูมิ และส่งขายตามตลาดในจังหวัดใกล้เคียงจนสร้างรายได้เป็น กอบเป็นกำ

นายคำแพง มาภักดี ราษฎรบ้านนายังกัก ต.ท่าโปรง อ.หนองบัวระเหว กล่าวว่า เพื่อความอยู่รอดและสร้างรายได้มาเลี้ยงครอบครัวในยามแล้งไม่ให้อด ๆ อยาก ๆ และสร้างรายได้แบบพออยู่พอกินในแต่ละวันยามค่ำคืนหลังฝนตกลงมา ชาวบ้านจะรวมกลุ่มกันนับสิบคนพากันออกเดินไปตามริมคลอง ริมป่า และขึ้นเขาไปในป่าเขาวิ่งไล่ล่าจับอึ่งอ่างที่ออกมาผสมพันธุ์ หลังจับได้จำนวนมากถึงคนละเป็นกระสอบ ๆ ปุ๋ยแล้วจะนำไปปรุงเป็นอาหาร “เปิบเป็นอาหารพิสดาร” กินในครัวเรือนกันอย่างเอร็ดอร่อยและส่วนที่เหลือตัวที่ตายแล้วก็จะเสียบไม้นำไปย่างบนกองไฟและที่ยังไม่ตายเป็น ๆ อยู่ก็จะนำไปขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่จะนำรถออกมารับซื้อจากชาวบ้านตามหมู่บ้านต่าง ๆ แบบไม่อั้นแล้วนำไปขายต่อในตลาดทั้งในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงถึงกับโทรศัพท์มาสั่งจองกันโดยกำหนดราคาไว้คือกก.ละ 100 บาท สร้างรายได้ให้ชาวบ้านครัวเรือนวันละนับ 1,000 บาท บางครอบครัวออกเก็บหาอึ่งอ่างอย่างเดียวในช่วงแล้งสามารถเก็บเงินไว้ดาวน์มอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมไว้ใช้ขับออกไปจับอึ่งอ่างในป่าได้อย่างสบาย และขณะนี้ชาวบ้านยังได้นำอึ่งอ่างมาแปรรูปดองน้ำปลาทำปลาร้าออกขายเป็นสินค้าประจำหมู่บ้านในโครงการ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือหลังจากทำปลาร้าเสร็จแล้วจะพากันเหมารถปิกอัพบรรทุกปลาร้าไปแลกข้าวสารหรือขายให้กับชาวบ้านผู้นิยมบริโภคอึ่งอ่างต่างหมู่บ้านนำกลับมาขายให้โรงสีหรือเก็บไว้กินในครัวเรือนโดยไม่ต้องซื้อหาให้เปลืองสตางค์.

</td></tr></tbody></table>

 

วันที่ 26 เมษายน 2550 เวลา 17:00 น. | จำนวนผู้อ่าน 672 คน ผู้โหวต 0 คน
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td> คะแนนข่าว </td> <td> </td> <td> </td> <td> </td> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table> ขนาดตัวอักษร ก ก ก

​

พายุฤดูร้อนพัดถล่มเมืองเถินเสียหายเพียบ
<table style="width: 480px;"><tbody><tr><td valign="top">
</td> <td valign="top"> ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 16.00 เกิดพายุฝนฤดูร้อนพัดถล่ม พบบ้านเรือนประชาชน อาคารโรงเรียน วัด และสถานที่ราชการอื่น ในพื้นที่ อำเภอเถิน จ.ลำปาง จนได้รับความเสียหายพังย่อยยับ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และพระสงฆ์ในพื้นที่ ซึ่งต่างหวาดผวาหวั่นเกิดเหตุซ้ำอีก
ทั้งนี้ นายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอเถิน กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้บริหารส่วนราชการท้องถิ่น ขององค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาลในพื้นที่ตัวเมืองเถิน แจ้งรายงานข้อมูลทั่วไปจากความเสียหายที่เกิดจากพายุฝนฤดูร้อนพัดผ่านพื้นที่ พบว่าพื้นที่ ต.เถินบุรี มีความเสียหายมากที่สุด จำนวน 12 หมู่บ้าน โดยเฉพาะหมู่ 10 บ้านดอนแก้ว พบบ้านเรือนเสียหายทั้งหลังนับ 10 หลัง จึงต้องเร่งฟื้นฟูให้กับคืนสภาพโดยเร็ว เกรงว่าจะเกิดวาตภัยซ้ำขึ้นมาอีก ในรายที่ยังซ่อมแซมไม่ทัน ก็ให้อพยพไปพักอาศัยบ้านญาติไปชั่วคราวก่อน
ส่วนความเสียหายในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลล้อมแรด มี 2 ชุมชน พบเสียหายทั้งหลังเพียง 2 หลังเท่านั้น ส่วนพื้นที่รอบนอกประกอบด้วยพื้นที่ตำบลนาโป่ง, ตำบลแม่ถอด และตำบลแม่วะ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นบางส่วน ส่วนใหญ่พบต้นไม้ยืนต้นหักโค่นกีดขวางถนนสัญจรระหว่างหมู่บ้านเท่านั้น อย่างไรก็ตามความเสียหายสรุปภาพรวมเบื้องต้นอย่างระหว่างการตรวจสอบ
นายณัฐวุฒิ ไชยถาวรสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเถินบุรี กล่าวว่า พื้นที่ตำบลเถินบุรี นับว่าเป็นพื้นที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำวัง ทิศทางลมที่จะพัดเข้ามามีมากมายหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณที่ราบเทือกเขาลี้ และบริเวณที่ราบภูเขาผีปันน้ำ แรงลมที่พัดผ่านพื้นที่มีขนาดความแรงของลมเกินความจำกัดของบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนจะรับได้ ล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยเฉพาะตัดต้นไม้ที่หักโค่นกีดขวางถนนระหว่างหมู่บ้านหลายจุด เพื่อเปิดเส้นทางให้สามารถใช้จราจรบนถนนได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่ความเสียหายที่ขณะนี้สำรวจไปแล้วพบว่ามี 12 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 14 หมู่บ้านที่ประสบปัญหาวาตภัย จนบ้านเรือนได้รับความเสียหายได้แก่ หมู่ 2 บ้านป่าตาล หมู่ 3 บ้านท่าใหม่ หมู่ 4 บ้านท่าหลวง หมู่ 5 บ้านสองแควปินหวาน หมู่ 6 บ้านวังหิน หมู่ 7 บ้านหนองซาง หมู่ 9 บ้านสองแควตะวันออก หมู่ 10 บ้านดอนแก้ว หมู่ 11 บ้านท่าเมล์ชัย หมู่ 12 บ้านวังทอง หมู่ 13บ้านแท่นดอกไม้ หมู่ 14 บ้านวังหินพัฒนา รวมทั้งหมด 622 หลังคาเรือน ในจำนวนนี้มีบ้านที่เสียหายทั้งหลัง ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดซื้อกระเบื้อง และสังกะสี รวมเกือบ 10,000 แผ่น เข้าช่วยเหลือประชาชนปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนให้กลับคืนสู่สภาพโดยเร็วแล้ว รวมทั้งในส่วนที่ตกสำรวจด้วย.

</td></tr></tbody></table>

 

หรือว่า ลองมาให้ชิมลางเล่น มาแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย ตั้งตัวก็ไม่ทัน แล้วมืดชิมลาง ก่อนจะมืดจริงๆ

 

พายุฝนพัดกระหน่ำภาคใต้ของจีน มูลค่าเสียหายกว่า 200 ล้านหยวน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">27 เมษายน 2550 14:21 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ รายงานว่าได้เกิดพายุฝนพัดกระหน่ำหลายพื้นที่ ในมณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของจีน ส่งผลให้บ้านเรือนประมาณ 1,800 หลัง และพื้นที่ทางการเกษตร 80,000 ไร่ ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเกือบ 243 ล้านหยวน
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิต 4 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศคาดว่า จะยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องไปอีกหลายวัน

 

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พายุถล่มอ.วิเศษชัยชาญสถานที่ราชการ-บ้านเรือนพังยับ</TD></TR><TR><TD vAlign=top>28 เมษายน 2550 11:48 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- ชาวอ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อ่วม ผลพวงจากพายุพัดกระหน่ำสร้างความเสียหาย ทั้งต่อที่อยู่อาศัย - สถานที่ราชการ
เมื่อเวลา 08.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย.นายปัญญา งานเลิศ นายอำเภอวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนราชการเข้าตรวจสอบพื้นที่ความเสียหายจากพายุฤดูร้อนถล่มบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการหลายแห่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้คืนวันศุกร์ที่27 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เกิดลมพายุโซนร้อนโดยมีลมได้พัดกระหน่ำนาน 2 ชั่วโมง ทำให้บ้านเรือนเสียหายร้อยกว่าหลังคาเรือน ต้นไม้หักจำนวนมากเสาไฟแรงสูงริมถนนสายโพธิ์พระยาท่าเรือ - สุพรรณบุรี ตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอวิเศษชัยชาญจนถึง ต.ยี่ล้น ได้หักโค่น 25 ต้น ทำให้ทับบ้านเรือน ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน กีดขวางทางเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท
นายปัญญา กล่าวว่า ลมพายุที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงทำให้ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญจำกัด ตัวอาคารสำนักงานชั้น 3 มินิมาร์ท โรงคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวหลังคา เสียหายทั้งหมด มูลค่าประมาณ 2 ล้านกว่าบาท รวมทั้ง ที่ว่าการอำเภอวิเศษชัยชาญ สภ.อ.วิเศษชัยชาญ บ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก บ้านเรือนราษฎรจำนวนหมู่ที่ 7 ตำบลศาลเจ้าโรงทอง ถูกพายุพัดเสียหาย 32 หลังคาเรือน และในหมู่ที่ 1-4 ต.ยี่ล้น บ้านเรือนเสียหาย 102 หลังคาเรือน
นายปัญญา กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้ทำให้ต้องระดมกำลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อปภร. กว่า 100 นาย เข้าทำการช่วยเหลือไปตามจุดต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ามีจำนวนความเสียหายเท่าไร
ด้าน นายวิวัฒน์ มาลัยเจริญ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 382 หมู่ที่ 7 ต. ศาลเจ้าโรงทอง อ. วิเศษชัยชาญ กล่าวว่า ในขณะที่เกิดลมพายุ ได้อยู่ที่บ้านพักซึ่งเป็นสำนักงาน พายุมีความรุนแรงมากจึงหนีออกมาหลังจากนั้นลมกระหน่ำตัวอาคารอย่างรุนแรงทำให้กระจกระเบิดกระจายเต็มทุกด้าน
นายสุรพงษ์ บุญไหม เจ้าของร้านต้มเลือดหมู อาหาร ในตลาดโรงทอง กล่าวว่า นช่วงเกิดพายุร้านได้ปิดแล้ว ลมกระหน่ำทำให้เสาไฟแรงสูงได้ล้มทับร้านพังทั้งหลัง

-->
ชาวอ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อ่วม ผลพวงจากพายุพัดกระหน่ำสร้างความเสียหาย ทั้งต่อที่อยู่อาศัย - สถานที่ราชการ

เมื่อเวลา 08.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย.นายปัญญา งานเลิศ นายอำเภอวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนราชการเข้าตรวจสอบพื้นที่ความเสียหายจากพายุฤดูร้อนถล่มบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการหลายแห่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้คืนวันศุกร์ที่27 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เกิดลมพายุโซนร้อนโดยมีลมได้พัดกระหน่ำนาน 2 ชั่วโมง ทำให้บ้านเรือนเสียหายร้อยกว่าหลังคาเรือน ต้นไม้หักจำนวนมากเสาไฟแรงสูงริมถนนสายโพธิ์พระยาท่าเรือ - สุพรรณบุรี ตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอวิเศษชัยชาญจนถึง ต.ยี่ล้น ได้หักโค่น 25 ต้น ทำให้ทับบ้านเรือน ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน กีดขวางทางเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท
นายปัญญา กล่าวว่า ลมพายุที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงทำให้ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญจำกัด ตัวอาคารสำนักงานชั้น 3 มินิมาร์ท โรงคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวหลังคา เสียหายทั้งหมด มูลค่าประมาณ 2 ล้านกว่าบาท รวมทั้ง ที่ว่าการอำเภอวิเศษชัยชาญ สภ.อ.วิเศษชัยชาญ บ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก บ้านเรือนราษฎรจำนวนหมู่ที่ 7 ตำบลศาลเจ้าโรงทอง ถูกพายุพัดเสียหาย 32 หลังคาเรือน และในหมู่ที่ 1-4 ต.ยี่ล้น บ้านเรือนเสียหาย 102 หลังคาเรือน
นายปัญญา กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้ทำให้ต้องระดมกำลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อปภร. กว่า 100 นาย เข้าทำการช่วยเหลือไปตามจุดต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ามีจำนวนความเสียหายเท่าไร
ด้าน นายวิวัฒน์ มาลัยเจริญ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 382 หมู่ที่ 7 ต. ศาลเจ้าโรงทอง อ. วิเศษชัยชาญ กล่าวว่า ในขณะที่เกิดลมพายุ ได้อยู่ที่บ้านพักซึ่งเป็นสำนักงาน พายุมีความรุนแรงมากจึงหนีออกมาหลังจากนั้นลมกระหน่ำตัวอาคารอย่างรุนแรงทำให้กระจกระเบิดกระจายเต็มทุกด้าน นายสุรพงษ์ บุญไหม เจ้าของร้านต้มเลือดหมู อาหาร ในตลาดโรงทอง กล่าวว่า นช่วงเกิดพายุร้านได้ปิดแล้ว ลมกระหน่ำทำให้เสาไฟแรงสูงได้ล้มทับร้านพังทั้งหลัง
</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.komchadluek.net/2007/04/28/n001_111304.php?news_id=111304

 

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พายุฤดูร้อนซัดเชียงใหม่ยอดหลังคาวิหารวัดหัวเวียงพัง</TD></TR><TR><TD vAlign=top>28 เมษายน 2550 11:55 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เผยฤทธิ์พายุฤดูร้อนทำหลังคาวิหารวัดหัวเวียงที่ประดิษฐานพระเจ้าพาราละแข่ง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอนได้รับความเสียหาย พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ คาดสัปดาห์หน้าสามารถสรุปผล พร้อมกำชับให้ตรวจสอบโบราณสถานอย่างเข้มงวด
(28เม.ย.) นายสหวัฒน์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ในพื้นที่ภาคเหนือมีพายุฤดูร้อนขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งบางแห่งมีพายุลูกเห็บขนาดใหญ่ ส่งผลให้บ้านเรือนราษฏรและโบราณสถานที่มีอยู่เป็นจำนวนมากอาจได้รับความเสียหายได้ ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานศิลปากรที่ 8 ได้รับแจ้งจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอนว่าหลังจากในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนเกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรงทำให้หลังคาส่วนยอดวิหาร ของวัดหัวเวียง หรือวัดกลางเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับความเสียหาย
สำหรับวิหารหลังนี้ทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2527 และในปี พ.ศ. 2536 ได้รับเงินสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในการบูรณะเป็นเงินประมาณ 6 ล้านบาท โดยตัววิหารทำจากไม้หลังคาเป็นแบบเรือนยอดทรงปราสาทซ้อน 5 ชั้น
ส่วนยอดประดับด้วยฉัตรโลหะ หลังคามุงกระเบื้องไม้และประดับด้วยสังกะสีฉลุลายที่ใช้ประดิษฐานพระเจ้าพาราละแข่ง พระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่อง ฝีมือช่างจากมัณฑะเลย์ จำลองมาจากพระมหามุนีแห่งเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าแล้วถอดชิ้นส่วน ล่องมาตามลำน้ำสาละวิน มาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง ประกอบเป็นพระพุทธรูปที่สมบูรณ์เมื่อ พ.ศ.2480
นายสหวัฒน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าวิหารดังกล่าวได้รับความเสียหายเพียงส่วนยอดหลังคาเท่านั้น ซึ่งในส่วนองค์พระเจ้าพาราละแข่ง ทางสำนักงานศิลปากรที่ 8 ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากเชียงใหม่ไปตรวจสอบความเสียหายแล้ว ทั้งนี้คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถสรุปผลความเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้นตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานของสำนักงานศิลปากรที่ 8 เข้มงวดในการตรวจสอบสภาพโบราณสถานต่างๆ หากพบว่ามีการชำรุดให้จัดทำบันทึกการตรวจสอบเพื่อติดตามผล โดยหากพบว่ามีการชำรุดมากขึ้นจากภัยธรรมชาติทั้งจากพายุฤดูร้อนหรือเกิดจากแผ่นดินไหวในระยะนี้ ให้แจ้งมายังสำนักงานศิลปากรที่ 8 ทันที ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับโบราณได้

-->
ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เผยฤทธิ์พายุฤดูร้อนทำหลังคาวิหารวัดหัวเวียงที่ประดิษฐานพระเจ้าพาราละแข่ง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอนได้รับความเสียหาย พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ คาดสัปดาห์หน้าสามารถสรุปผล พร้อมกำชับให้ตรวจสอบโบราณสถานอย่างเข้มงวด
(28เม.ย.) นายสหวัฒน์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ในพื้นที่ภาคเหนือมีพายุฤดูร้อนขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งบางแห่งมีพายุลูกเห็บขนาดใหญ่ ส่งผลให้บ้านเรือนราษฏรและโบราณสถานที่มีอยู่เป็นจำนวนมากอาจได้รับความเสียหายได้ ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานศิลปากรที่ 8 ได้รับแจ้งจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอนว่าหลังจากในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนเกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรงทำให้หลังคาส่วนยอดวิหาร ของวัดหัวเวียง หรือวัดกลางเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับความเสียหาย
สำหรับวิหารหลังนี้ทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2527 และในปี พ.ศ. 2536 ได้รับเงินสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในการบูรณะเป็นเงินประมาณ 6 ล้านบาท โดยตัววิหารทำจากไม้หลังคาเป็นแบบเรือนยอดทรงปราสาทซ้อน 5 ชั้น
ส่วนยอดประดับด้วยฉัตรโลหะ หลังคามุงกระเบื้องไม้และประดับด้วยสังกะสีฉลุลายที่ใช้ประดิษฐานพระเจ้าพาราละแข่ง พระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่อง ฝีมือช่างจากมัณฑะเลย์ จำลองมาจากพระมหามุนีแห่งเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าแล้วถอดชิ้นส่วน ล่องมาตามลำน้ำสาละวิน มาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง ประกอบเป็นพระพุทธรูปที่สมบูรณ์เมื่อ พ.ศ.2480 นายสหวัฒน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าวิหารดังกล่าวได้รับความเสียหายเพียงส่วนยอดหลังคาเท่านั้น ซึ่งในส่วนองค์พระเจ้าพาราละแข่ง ทางสำนักงานศิลปากรที่ 8 ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากเชียงใหม่ไปตรวจสอบความเสียหายแล้ว ทั้งนี้คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถสรุปผลความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้นตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานของสำนักงานศิลปากรที่ 8 เข้มงวดในการตรวจสอบสภาพโบราณสถานต่างๆ หากพบว่ามีการชำรุดให้จัดทำบันทึกการตรวจสอบเพื่อติดตามผล โดยหากพบว่ามีการชำรุดมากขึ้นจากภัยธรรมชาติทั้งจากพายุฤดูร้อนหรือเกิดจากแผ่นดินไหวในระยะนี้ ให้แจ้งมายังสำนักงานศิลปากรที่ 8 ทันที ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับโบราณได้
</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.komchadluek.net/2007/04/28/n001_111306.php?news_id=111306

 

พายุถล่มกรุงเก่า-พิษณุโลก

[FONT=Tahoma,]พายุถล่มกรุงเก่า-พิษณุโลก



นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 เมษายน ว่าได้แจ้งเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง หลังจากเมื่อเย็นวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา เกิดพายุถล่มในพื้นที่ หมู่ 6 ต.คลองพระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง เป็นเหตุให้นายมะลิวัลย์ นัยเนตร อายุ 50 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ต.คลองพระยาบันลือ ถูกต้นมะขามเทศขนาดใหญ่ล้มทับเสียชีวิต ซึ่งทางจังหวัดได้พิจารณานำงบฯทดลองราชการช่วยเหลือภัยธรรมชาติ จ่ายให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต จำนวน 40,000 บาท นอกจากนี้ ในพื้นที่ ต.สิงหนาท อ.ลาดบัวหลวง ยังมีบ้านเรือนเสียหายอีกประมาณ 50 หลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย

ส่วนที่ จ.พิษณุโลก เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำและมีลูกเห็บตกในหลายพื้นที่เมื่อวันที่ 27 เมษายน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน โดยมีต้นไม้หักโค่นล้มขวางถนนสายพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ต.ดงประคำ อ.พรหมพิราม บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 41 เจ้าหน้าที่แขวงการทางพิษณุโลก ต้องใช้เลื่อยยนต์มาตัดกิ่งไม้ออกจากเส้นทาง

จังหวัดปราจีนบุรีก็ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำเช่นกัน โดยเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา สิ่งก่อสร้างในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ตำบลบางแตน อ.บ้านสร้าง ป้ายโปสเตอร์โครงการบริเวณทางเข้าถูกลมพัดหัก รวมทั้งแปลงปลูกพืชไร้ดิน อาทิ แปลงปลูกผักโขม ผักกวางตุ้ง และโครงสร้างแปลงผักจำนวนมากพังเสียหาย นอกจากนี้พบศาลาริมทางในพื้นที่ อ.บ้านสร้างถูกลมพัดหลังคาปลิว และพังเสียหายหลายแห่ง

http://www.matichon.co.th

[/FONT]

 

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักหลายพื้นที่ วันนี้ถึง 2 พ.ค. <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">28 เมษายน 2550 13:11 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> กรมอุตุนิยมวิทยารายงาน ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำพัดปกคลุมอ่าวไทย ส่งผลให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก และลมกระโชกแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยตามจังหวัดดังกล่าว ในช่วงวันนี้ ถึง 2 พฤษภาคมนี้

 

กรมทรัพยากรธรณี เตือนภัยดินถล่ม-น้ำป่า พื้นที่ภาคใต้ 15:44 น. กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศฉบับที่ 2 ให้ประชาชนในพื้นที่ภูเขาสูง หุบเขาและหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่มภาคใต้ ในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา กระบี่ ตรัง สตูล ปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียง ตรวจเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1 ถึง 2 วันนี้ เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว และขณะนี้ฝนได้ตกต่อเนื่องในบางพื้นที่แล้ว พร้อมทั้งให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ซึ่งอาจเกิดดินไหลมาปิดทับเส้นทาง หรือหินร่วงจากหน้าผาข้างถนน พร้อมทั้งให้อาสาสมัครเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณี เฝ้าระวังป้องกันภัยอย่างต่อเนื่อง

http://breakingnews.nationchannel.com

 

กรมทรัพยากรธรณี เตือนภัยดินถล่ม-น้ำป่า พื้นที่ภาคใต้ 15:44 น. กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศฉบับที่ 2 ให้ประชาชนในพื้นที่ภูเขาสูง หุบเขาและหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่มภาคใต้ ในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา กระบี่ ตรัง สตูล ปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียง ตรวจเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1 ถึง 2 วันนี้ เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว และขณะนี้ฝนได้ตกต่อเนื่องในบางพื้นที่แล้ว พร้อมทั้งให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ซึ่งอาจเกิดดินไหลมาปิดทับเส้นทาง หรือหินร่วงจากหน้าผาข้างถนน พร้อมทั้งให้อาสาสมัครเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณี เฝ้าระวังป้องกันภัยอย่างต่อเนื่อง

http://breakingnews.nationchannel.com

 

'พายุ'กระหน่ำหนัก บ้าน-สวนยับเยิน! เกิดฟ้าผ่าชาวไร่ดับ อุตุเตือน18จังหวัด

[29 เม.ย. 50 - 12:35]


อากาศเมืองไทยวิปริตแปรปรวนหนัก พายุฤดูร้อนพัดถล่มหลายจังหวัดทั่วประเทศ อ่างทองช้ำอีกรอบ โดนฤทธิ์ พายุซัดกระหน่ำพังยับ ส่วนจันทบุรี บ้านเรือนราษฎรและสวนผลไม้เสียหายหนัก หนุ่มชาวไร่เมืองเลยโชคร้ายถูกฟ้าผ่าตายในกระท่อม แต่ที่หนองคายอากาศกลับร้อนอบอ้าวจนทำให้คนขี่สามล้อสิ้นใจคาเตียง ด้านเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเมืองคอนเจอพิษฝนตกฉับพลันย่อยยับเป็นแถว กุ้งปูปลาตายเป็นเบือเพราะปรับตัวไม่ทัน อุตุฯเตือนเกือบทุกพื้นที่ยังต้องระวังฝนฟ้าคะนองและน้ำป่าไหลหลาก
สภาวะโลกร้อนส่งผลให้สภาพอากาศเมืองไทยวิปริตแปรปรวน เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึก วันที่ 28 เม.ย. เกิดพายุฝนฟ้าคะนองพัดกระหน่ำในพื้นที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อย่างรุนแรง ทำให้บ้านเรือนประชาชน และสถานที่ราชการ ถูกลมพัดพังเสียหาย เสาไฟฟ้าล้มระเนนระนาดหลายสิบต้น ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าในเขตอำเภอวิเศษชัยชาญดับนานหลายชั่วโมง หลังพายุสงบพบว่าบ้านพักข้าราชการตำรวจ สภ.อ.วิเศษชัยชาญ จำนวน 12 หลัง ได้รับความเสียหาย ตัวอาคารโรงพักบริเวณห้องเก็บของกลางหลังคาหลุดออกไปจนหมด ขณะที่สำนักงานสหกรณ์การเกษตรอำเภอวิเศษชัยชาญ และบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ในรัศมีราว 5 กม. ถูกพายุพัดพังเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน
ส่วนพื้นที่ในเขตเทศบาลศาลเจ้าโรงทอง และ อบต. ยี่ล้น ลมพัดเสาไฟฟ้าแรงสูงล้มลงกว่า 30 ต้น ศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ พังเสียหายทั้งหลัง นายชัยยะ ทองโอภาส อายุ 35 ปี บ้านอยู่หมู่ 2 ต.ยี่ล้น เผยนาทีระทึกว่า ช่วงที่เกิดพายุฤดูร้อนมีฝนและลมพัดรุนแรงมากจนกระจกหน้าต่างบ้านแตกและหลังคาบ้านปลิวหายหมดทั้งหลัง นอกจากนั้นเสาไฟฟ้ายังถูกลมพายุพัดโค่นล้มลงมาทับบ้านได้รับความเสียหายไปด้วย ตนและคนในครอบครัวต้องวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น ต่อมานายปัญญา งานเลิศ นอภ.วิเศษชัยชาญ สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายและเรียกประชุมผู้ เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน เพื่อสรุปความเสียหายรายงานให้ ทางจังหวัดทราบ จะได้ให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป
ที่ จ.จันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 25-27 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนราษฎร และพื้นที่ทางการเกษตรใน 3 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ที่ ต.โป่งน้ำร้อน และ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน บ้านเรือนเสียหาย 17 หลังคาเรือน สวนผลไม้ อาทิ ลำไย ลิ้นจี่ และทุเรียน ถูกลมพัดหักโค่นกว่า 200 ต้น ที่ ต.ทับช้าง และ ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว บ้านเรือนเสียหาย 20 หลังคาเรือน ต้นลำไย 30 ต้น ที่ ต.ตะเคียนทอง และต.คลองพูล กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ ต้นทุเรียน และต้นเงาะหักโค่นเกือบ 100 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 120 หลังคาเรือน ที่ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว ต้นทุเรียนหักโค่น 20 ต้น รวมมูลค่าความเสียหายราว 2 แสนบาท
ที่ จ.เลย มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากถูกฟ้าผ่าตายแล้ว 1 ราย พ.ต.ต.ดำรงค์ วงศ์ลืออำนาจ สารวัตรเวร สภ.อ.ภูหลวง พร้อมแพทย์ รพ.ภูหลวง ไปชันสูตรศพนายอุทิศ ภาภักดี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ 2 ต.ห้วยสีเสียด อ.ภูหลวง เสียชีวิตอยู่ในกระท่อมเฝ้าไร่ ห่างจากหมู่บ้านราว 2 กม. สภาพศพศีรษะด้านขวาแขนขวา และหน้าอกมีรอยคล้ายถูกไฟไหม้ แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตเนื่องจากถูกฟ้าผ่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ผู้ตายยังสะพายย่ามที่ภายในมีมีดถางหญ้าอยู่ 1 เล่ม ด้านหน้ากระท่อมพบต้นไม้ถูกฟ้าผ่ากิ่งหัก โดยนายอุทิศออกไปดูไร่ตั้งแต่เช้า ต่อมาช่วงบ่ายเกิดฝนตกฟ้าคะนอง กระทั่งดึกญาติๆ ไม่เห็นผู้ตายกลับบ้านจึงออกตามหาพบว่าเสียชีวิตอยู่ในกระท่อม คาดว่าขณะเกิดฝนตก ผู้ตายเข้าไปหลบฝนโดยยังสะพายย่ามที่มีมีดทำจากเหล็กซึ่งเป็นสื่อมรณะไว้กับตัวทำให้ถูกฟ้าผ่าเข้าใส่จนเสียชีวิตดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่จังหวัดอื่นๆเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง แต่ที่ จ.หนองคาย กลับมีสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว อุณหภูมิสูงเกือบ 40 องศา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพราะอากาศร้อนเช่นกัน โดย ร.ต.อ.อภิศักดิ์ วงศ์นุกูล ร้อยเวร สภ.อ.เมืองหนองคาย รับแจ้งมีคนเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 2 หมู่ 8 บ้านโพนงาม ต.วัดธาตุ ทราบชื่อนายถาวร สุนทรชัย อายุ 55 ปี อาชีพขับสามล้อรับจ้าง นอนหงายขึ้นอืดอยู่ในห้องนอน ไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน นางหนูอวน สุนทรชัย อายุ 49 ปี ภรรยาผู้ตายเผยว่า เดินทางไปเยี่ยมลูกที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. ทิ้งสามีอยู่บ้านเพียงลำพัง เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา โทรศัพท์มาหาสามีบอกว่าอากาศที่หนองคายร้อนมาก ร้อนจนปวดหัวแทบทนไม่ไหว ประกอบกับสามีไม่ชอบเปิดประตูหน้าต่างทำให้อากาศไม่ถ่ายเท พอตนกลับมาเรียกให้เปิดประตูก็ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเดินอ้อมไปหลังบ้านก็ได้กลิ่นเหม็นผิดปกติ จึงขอให้ เพื่อนบ้านมาช่วยงัดประตู ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นสามีเสียชีวิตแล้ว
นพ.สมชาย ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ในช่วงนี้อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อน ทำให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลายชนิด เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ โรคนี้เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป มักพบในอาหารที่ปรุงสุกๆดิบๆจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งอาหารกระป๋อง อาหารทะเล และน้ำนมที่ยังไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ หรืออาจพบในอาหารที่ทำไว้ล่วงหน้านานๆแล้วไม่ได้แช่เย็นไว้ ถ้าไม่ได้อุ่นให้ร้อนพอ เมื่อกินเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการมีไข้ ปวดท้อง เนื่องจากเชื้อโรคทำให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหารและลำไส้ อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คลื่นไส้อาเจียน อุจจาระร่วง ถ้าถ่ายมากจะเกิดอาการขาดน้ำและเกลือแร่ได้ บางรายมีอาการรุนแรงเนื่องจากมีการติดเชื้อและเกิดการอักเสบที่อวัยวะต่างๆ สุดท้ายเมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิตจะทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษ ทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะทารก เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ โรคอาหารเป็นพิษสามารถป้องกันได้ด้วยการกินที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ และที่สำคัญควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนหยิบจับอาหาร
ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่คืนที่ผ่านมาได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักในหลายอำเภอ โดยเฉพาะในเขต อ.สันกำแพง แต่ไม่มีลมพายุพัดถล่มแต่อย่างใด ส่งผลให้อากาศใน จ.เชียงใหม่ เย็นสบาย หลังจากที่ร้อนอบอ้าวมาหลายสัปดาห์ นายสง่า รอบรู้ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.สันกำแพง กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาทำให้อากาศในเชียงใหม่ไม่ร้อน เย็นสบาย อากาศแบบนี้ข้าราชการและประชาชนต่างก็ไม่เครียด และโชคดีที่ไม่มีพายุฤดูร้อนเหมือนที่อื่นๆ ด้านนายศรีฑูรย์ ไชยชาววงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลต้นเปา อ.สันกำแพง กล่าวว่า ปกติในช่วงหน้าฝนจะเกิดน้ำท่วมในเขตเทศบาลทุกปี ปีนี้จึงรีบให้เจ้าหน้าที่แก้ไขด้วยการขุดลอกคูคลองและตัดกิ่งไม้ริมคลองที่ขวางทางน้ำออก คาดว่าปีนี้จะสามารถแก้ไขเรื่องน้ำท่วมได้แน่นอน
ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำในพื้นที่ชายหาดเขตเทศบาลตำบลบ้านกรูด อ.บางสะพาน บ้านเรือนราษฎรถูกลมพัดหลังคาปลิว ฝาบ้านหลุด กระจกหน้าต่างแตก ต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าแรงสูงล้มระเนนระนาด นายจีรวุฒ แจวสกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านกรูด กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์พายุฤดูร้อนแล้วพบว่า มีบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ริมทะเล หมู่ที่ 2, 3 และ 4 ได้รับความเสียหายประมาณ 10 หลังคาเรือน ต้นสนขนาดใหญ่ชายหาดบ้านกรูดล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าในเขตเทศบาลดับ โรงแรม รีสอร์ต ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
วันเดียวกัน หลังเกิดฝนตกและลมกระโชกแรงในเขต จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลกระทบต่อกลุ่มประมงรายย่อยในพื้นที่ ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช อย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของสหกรณ์การประมงปากนคร ซึ่งมีพื้นที่กว่า 5 พันไร่ นายบุญทวี แซ่โง้ว ประธานสหกรณ์ฯ เผยว่า จากการเกิดพายุฤดูร้อน ฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเย็นวาน ทำให้สัตว์น้ำ อาทิ ปลากะพง ตายไปราว 80 เปอร์เซ็นต์ ปูดำและปูทะเลอื่นๆ ตายไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกุ้งแชบ๊วยและกุ้งทะเลอื่นๆ ก็ตายลงมากเช่นกัน เพราะจากเดิมที่เลี้ยงด้วยน้ำทะเลมีความเค็มสูง จู่ๆเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ปริมาณ น้ำจืดเพิ่มขึ้นในบ่อเลี้ยงอย่างรวดเร็ว สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจึงตายลงจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้เกษตรกร ทางสหกรณ์ฯได้ประสานสำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว
ขณะเดียวกัน ลมพายุยังพัดต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่นล้มขวางถนนในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราชหลายจุด ทำให้การสัญจรไปมาหลายเส้นทางต้องหยุดชะงัก และยังส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่เนื่องจากต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า รวมทั้งมีเหตุหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ขณะที่บริเวณน่านน้ำอ่าวไทย ชายฝั่งทะเล จ.นครศรีธรรมราช ยังมีฝนตกตลอดทั้งวัน โดยตกหนักเป็นช่วงๆ ชาวประมงรายย่อยเร่งนำเรือเล็กกลับเข้าฝั่ง เนื่องจากคลื่นลมแรงจัด
น.ส.พิมพ์ใจ นัยพินิจ ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา กล่าวว่า ทางศูนย์ฯได้มีหนังสือ ถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด อำเภอ และชุมชนในพื้นที่เป้าหมายเสี่ยงภัย 4 จังหวัดคือ สตูล ตรัง พัทลุง และสงขลา โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง บริเวณเชิงเขา หรือที่ราบที่อาจจะประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก โดยประสานให้ศูนย์ป้องกันระดับชุมชน มีความพร้อมในการรับแจ้งเหตุและเตือนภัย เพื่อให้ประชาชนสามารถอพยพได้ทันท่วงที หากผู้ใดประสบเหตุสามารถแจ้งที่ศูนย์ฯ โทรสายด่วน 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมให้การช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
ด้านนายทวีวัฒน์ นิลเพชรรัตน์ หัวหน้าเวรพยากรณ์ อากาศช่วงบ่าย กรมอุตุนิยมวิทยา ประจำวันที่ 28 เม.ย. เปิดเผยว่า สภาพอากาศในช่วงนี้จะมีฝนตกหนัก สาเหตุมาจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนเข้ามาปะทะกับสภาพอากาศที่อุ่นจากฝั่งทะเล ทำให้เกิดความกดอากาศต่ำ อากาศบริเวณอ่าวไทยก่อตัวเป็นพายุฝนเข้ามา โดยจะมีฝนตกที่ภาคกลางและตะวันออก 60 เปอร์เซ็นต์ ภาคใต้มากที่สุด 70 เปอร์เซ็นต์ และขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ใน กทม. ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุงและสงขลา ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักและลมกระโชกแรง อีกทั้งอาจเกิดสภาวะน้ำป่าไหลหลากด้วย ส่วนชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร สำหรับภาคเหนือและอีสานมีฝนปริมาณ 30 และ 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่

http://www.thairath.co.th