สึกพระเกษมและคลิป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย 2499, 5 ตุลาคม 2011.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ฝากให้ศิษย์พระเกษม และ พระเกษม อ่าน

    เมื่อธรรมกับใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว พระไตรปิฎก ไม่จำเป็น เพราะพระไตรปิฎกนั้นถอดออกมาจากหัวใจพระพุทธเจ้า
    พระอรหันต์ และ พระอริยะ จะกล่าววาจาสอนสั่งใดๆก็ตาม ไม่ต้องเปิดพระไตรปิฎก แต่หากไปค้นหาพระไตรปิฎก จะสอดคล้องกันอย่างชัดเจน
    เรียกว่า พึ่งตน ไม่ใช่ พึ่งตำรา

    อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือ ธรรมทั้งหลายอยู่ที่ใจ ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์
    ปัจจัตตังเวทิตัพโพ ธรรมนั้นรู้ได้เฉพาะตน คือ ธรรมทั้งหลายปรากฎที่ใจตน รู้เฉพาะตนเป็นของตน

    เมื่อใจดวงนี้ จะแตกเป็นเจตสิกใดๆก็ตาม จะเป็น ไปเพราะอำนาจแห่งธรรม จะไม่มีโทษเลย

    การที่ใจกับธรรมจะครองเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ด้วย การกำจัดกิเลส ออกไปแต่อย่างเดียว แล้วใจจะเปิดออกเอง
    การกำจัดกิเลส ต้องรู้กลมารยา ของกิเลส ต้องฝึกมหาสติปัฎฐานให้ดี จะเห็น การพลิกแพลง หลายชั้นหลายตลบ

    การประหารกิเลส ด้วย ญาณทัสนะ 1 ด้วย สมาธิ 1 ด้วยปัญญา วางกิเลสลงไป เพราะใจมีอำนาจมากอยู่แล้ว ขอเพียงมองเห็นต้นเหตุของกิเลส ด้วยสติปัญญา จะวางไปได้เอง

    ไปศึกษาที่ใจตนเองให้มาก
     
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ธรรมะจากพี่ เบิรด์
    สวัสดีครับ'.. อย่านะครับ'..

    ต้อยกันหน่อย ดีมั้ย เป็น ไง... อยากจะต้อยกันมั้ย ให้รู้ ธรรม...!
    บอกว่า ยาก ชะมัด ...บอก ว่ายาก ชะมัด..!
    อย่ามาทำให้ใจผม ต่ำ..!
    บอกว่าอย่าให้ผม..งมงาย..! แต่คุณกลับ เลวร้าย ขึ้นทุกวัน..!
    จบซักทีเถอะครับ!!.. เดียวศพไม่สวยนะครับ..!!
    อยากจะทำอะไร...! แห้วหมด.

    ฉันมาทำอะไรที่นี้...! ฉันมาทำอะไรที่นี้...! ที่ที่เธอ...! กับเขา...! วันนี้ ทะเลาะกัน...!
    เธออาจเกรงใจว่าฉัน..พระครู... แต่ ก็ ไม่รู้.. รูไหน..! เธอ คงไม่เข้าใจ..ในพระธรรม..!
    คิดว่าทำมาดีทุกอย่าง..!แท้ที่จริงไม่ดีซักอย่าง..! แล้วนี้เธอ..วันนี้จึงต้อง นอนร้อนใจ..!
    เธออาจโดนไฟ.. ที่เธอ คลุกคลี..ไม่รู้จะหนีทางไหน..! จึงตะโกนร้องไป ว่าร้อนจัง''
    รัก กรรมหนัก ใช้มั้ย...! ทำไม ไม่สึก มาซ้ำ..! จากนี้ไม่มี ธรรม คงเศร้าดี..!
    ทนดูมา อยู่นาน เหตุผลไม่ค่อยมี..! ที่จะมีเหลืออยู่ คือ ความ แค้น""..!
     
  3. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่เกี่ยว แต่แค่อยากทักให็ฉุกคิดครับ อย่าไปว่าท่านเลยครับ เราไม่รู้จริงว่าท่าน ปฎิบัติถึงไหนแล้ว เดี๋ยวจะเป็นการ ซื้อนรกเพราะอารมณ์ชั่ววูบ นะครับ เพราะในอดีตก็มีหลวงพ่อหลายองค์ เจอแบบนี้เหมือนกันครับ
     
  4. มาร-

    มาร- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +487
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วันนี้วันพระ ใด้รับฟังธรรมะดีๆ รู้สึกมีปีติในธรรมอยู่ไม่น้อย
    ขอบพระคุณครับ.
    "ขันธโมระปริตตัญจะ อาตานาติยะสุตตกัง"

    มีแต่ได้อย่างเดียว ครับ ได้ อย่างเดียว ?
    ได้ 2 อย่างไม่ใช้ธรรม นะครับ...!
     
  6. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    สรุปกันไปถึงไหนแล้วครับ ตกลงว่าโทษถึงปาราชิกหรือยังครับท่านทั้งหลาย เห็นบางคนว่าถึงแล้วบางคนก็ว่ายัง บางคนไม่แน่ใจ แต่จากข่าวพระวัดป่าบ้านตราด 2รูปก็บอกว่าโทษไม่ถึงปาราชิก ฟันธงเป็นรายคนเลยดีไหมใครเห็นว่าปาราชิกก้พิมพ์ไป ใครไม่เห็นว่าเป็นปาราชิกก็พิมพ์ความเห็นไป แล้วมาถกกันว่า ทำไมจึงเห็นต่างกัน แล้วถ้าโทษไม่ถึงปาราชิกไปด่าว่าแบบนี้ มีความผิดมากน้อยแค่ไหน กูรูช่วยฟันธงหน่อยเด้อchearr
    ปล.ตัวข้าน้อยยังโง่นักแยกไม่ออกจริง ๆครับ ขอความเห็นแล้วกันครับ เป็นวิทยาทานนะครับ
     
  7. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218


    เรียน คุณพี่ ที่เคารพครับ (ผมขอเสนอแบบให้ฉุกคิดมั่งนะครับ)



    ในอดีตก็ไม่มีหลวงปู่หลวงพ่อองค์ไหนในสามแดนโลกธาตุ มาเหยียบหรือตบหน้าพระพุทธรูปแบบลบหลู่ดูหมิ่นหรอกครับ ผมเองก็รู้ว่า องค์พระพุทธรูปนั้นเป็นเพียงแค่วัตถุสมมติ (แต่ก็สมมติถึงพระพุทธองค์ ไม่ใช่ใครที่ไหนนะครับ) ผมเห็นพฤติกรรมของท่านเกษมมานาน แต่ก็ไม่เคยให้ความสนใจ ท่านเกษมเองต่างหากที่เรียกร้องความสนใจ ถ้าต่างคนต่างอยู่ กระผมก็ไม่ว่าอะไร แยกลัทธิไปเลย หรือจะให้ท่านเกษมมาตบหน้าพระแก้วมรกตดูซักทีก็ได้ (ถ้าแน่จริง) หรือให้ท่านเกษมลองเอาค้อนไปทุบดูซักเปรี้ยงก็ได้ ผมจะรอดูผลงาน (และผลกรรม)



    สมมติถ้าผมบอกว่าตัวเองไม่ยึดติดแล้ว พ่อแม่ก็ตายไปแล้ว ขอเอารูปพ่อแม่ตัวเองมาเหยียบเล่นหน่อยเถอะ แค่รูปสมมติ ไม่เป็นไรหรอก คุณพี่ว่า ผมเป็นคนยังไงละขอรับคุณพี่ ? และน่าส่งเสริมพฤติกรรมเช่นนี้ไหมละขอรับคุณพี่ ?



    หรือสมมติว่าถ้าผมอ่านพระไตรปิฎกจบแล้ว ผมไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองเลยจะได้ไหม ไม่สนใจพื้นฐานทางศีลธรรมจรรยาเลยจะได้ไหม ไม่สนใจคำสอนแบบทางสายกลาง (เอาแบบตึงๆ) เลยจะได้ไหม เอาแต่ตัวเองเป็นหลักเอาแต่ตนเองเป็นที่ตั้ง ยกแต่คำสอนที่คิดว่าเคร่งที่สุดมาใช้ แล้วเอามาข่มคนอื่นเอามาทำลายความสงบเรียบร้อยในสังคมจะได้ไหม เอาแบบไม่ต้องสนโลกมนุษย์เลยจะได้ไหม



    โปรดพิจารณาด้วยตนเองนะครับ




    ด้วยความนับถือครับ
     
  8. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    อย่าไปถึงนู่นเลย ซึงคณะสงฆ์นั้นต้องพิจารณาในกรณีนี้อยู่แล้วว่าจะอาบัติปารชิกหรือไม่อย่างไร

    เราได้แค่วิพากษ์วิจารณ์กันไป...ก็ว่ากันตามสมควร เดี๋ยวจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไปอีก หมางใจผูกใจกันอีกไม่รู้จบ

    ให้เป็นมติสงฆ์เถิด....เรื่องถึงคณะสงฆ์แล้ว เราก็รออย่างอดทนนะ

    ดีหรือไม่ดีไม่เหมาะสมอย่างไร ค่อยมาคอยชมกันนะครับ...
     
  9. savanna2

    savanna2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +65
    อนุโมทนาข้อความท่านขันธ์ครับ อ่านแล้วนึกถึง หลวงปู่มั่น และหลวงตามหาบัว
     
  10. soravch

    soravch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +935
    กราบนมัสการหลวงพ่อครับ
     
  11. มินบ๋าว

    มินบ๋าว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +36
    วานผู้รู้หรือชาวพุทธตอบที
    พระเกษมเคยอวดอ้างธรรมวิเศษที่ไม่มีในตัวหรือไม่-ปาราชิกหรือไม่
    พระเกษมได้ทำหมู่สงฆ์ให้แตกแยกหรือไม่-อนันตริยกรรมหรือไม่
    ทำไมวิธีการสอนต้องแผลงแหวกแนวสุดโต่งเช่นนี้-ทำไมต้องถึงกับทำลายพระพุทธรูปหรือถึงกับตบหน้าเพียงแค่ไม่ยึดถือรูปสมมติ

    เพื่อพระศาสนาอยู่รอดและไม่ถกเถียงกันผู้รู้จริงช่วยที
     
  12. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    สาธุ ขออนุโมทนาด้วยครับ ผมเข้าใจในสิ่งที่ท่าน ชันธ์ กล่าวแต่ก็มีบางพวกที่ชอบอภินิหารพวกนี้ถูกหลอกง่าย คนพวกนี้มักใช้คำพูดฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจในธรรมแต่ที่แท้ไม่ได้เข้าใจธรรมที่แท้จริง เหมือนมีกรรมที่ต้องนำพาคนเหล่านั้นออกห่างจากพระพุทธองค์ ต้องไปหลงเชื่อคนอื่นทั้งที่คำสอนของพระพุทธองค์ดำรงค์คงอยู่นับพันปี หากไม่เที่ยงแท้ก็คงดำรงค์อยู่ไม่ได้ยาวนานมาจนทุกวันนี้ และคำสอนใหม่นี้ใช้เวลาพิสูจน์หรือยังว่ามันใช่ มันเที่ยงแท้ คนเราทำลายได้แม้กระทั่งรูปเคารพผู้ที่เปรียบเสมือผู้สั่งสอนพระธรรมที่เป็นพุทธานุสติได้ ก็เท่ากับอกกตัญญู แล้วคนอกตัญญู มันจะเป็นคนดีได้อย่างไร ท่านลองคิดง่ายๆ หากมีใครสักคนเอารูปผู้ให้กำเนิดผู้มีพระคุณของคุณมาใช้ตีน เหยียบย่ำทำลาย คุณรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องตอบผม ตอบใจตัวเองก็พอ แล้วสิ่งนี้หรือที่เป็นสิ่งที่ลูกพระพุทธองค์พึงกระทำ ไม่ใช่เด็ดขาด แต่เป็นพวกนอกรีตที่หวังมาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา โดยอาศัยและแฝงตัวมาเป็นบุตรพระพุทธองค์ เราต้องแยกให้ออก พิจรณาด้วยสติปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  13. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    หลายเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยกับพระเกษม เช่นทำลายพระพุทธรูป ว่าหลวงตามหาบัว งแต่ผมชมท่านเรื่องที่ท่านออกมาปกป้องพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ใหญ่หลายท่านยังไม่กล้าปกป้องเลยนะครับ ผมดูแล้วความผิดอาบัติเท่านั้น พวกที่หนักกว่าท่านมีอีกน่าจะจัดการมากกว่า อย่างท่านทางวินัยพระเขามีบทลงโทษอยู่แล้ว ไม่น่าหนักถึงต้องไปจับสึกหรอก ที่รับไม่ได้คือทำลายพระพุทธรูปนี่แหละ ท่านอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป
     
  14. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,941
    เราเป็นห่วงพระพุทธศาสนาในอนาคตเหลือเกิน....นี่ใช่มั๊ยที่เรียกกันว่ากลียุค
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จะต้องมีสัญญาณ มากกว่านี้เท่าไร จึงจะแยกได้ว่าใครดีหรือไม่ดี
    ต้องรอให้ พระมีเมียก่อนหรือไง ถ้ายังขาดวิจารณาญาณแบบนี้ อีกหน่อย พระมีเมียก็คงจะบอกว่า เรายังไม่รู้ว่าท่านปฏิบัติถึงไหน
    ดูอาการสิ ดูคำสอน แล้วตัดภาพพระออกไป แล้วถ้ามีคนทั่วไปมาสอนเราแบบนี้ เราจะเอาไหม
    ถ้าวิจารณาญาณน้อยแบบนี้ ไม่กล้าฟันธง จะเป็นคนคลุมเครือ ไม่ใช้สติปัญญาแยกแยะว่า พฤติกรรมแบบนี้ คำสอนแบบนี้ควรหรือไม่
    คนเราต้องรู้จักศรัทธา พระธรรมในใจตัวเอง ใช้สติแยกแยะสิ ว่าถ้าเราเป็นพระเราจะทำกิริยาอาการแบบนั้นไหม มันเรื่องง่ายๆ
     
  16. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    ผมอยากถามคนไทยทุกคน ท่านไม่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือ การที่ เกษมสามแยกใช้เท้าเหยียบย้ำทำลายพระพุทธรูป ผมว่าทุกคนก็เคยเห็นเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพรักของคนไทย กราบไหว้บูชาพระพุทธรูปส่งเสริมพระพุทธศาสนา แล้วมีคนมาใช่ตืนเหยียบย่ำทำลายเผยแพร่ออกมาให้คนอื่นได้รับทราบได้เห็น เป็นเหมือนว่าเบื้องสูงทรงกราบ แต่มันใช้ตีนเหยียบ มันลบหลู่เบื้องสูงใช่ไหม หากจะอ้างแล้วในเมื่อตัวเองเชื่อเช่นนั้นทำไมไม่ใช้คำพูด แต่นี่กระทำตั้งใจให้บุคคลอื่นรับรู้ เป็นการหมิ่นที่ผมยอมรับไม่ได้ ผมเองในชีวิตยังไม่เคยเจอพระองค์เลย เคยเจอแต่ในรูป ในโทรทัศน์ แต่ผมรู้ว่าตั้งแต่ผมเกิดมาผมเห็นผมรับฟังเรื่องราวที่พระองค์ ทรงกระทำเพื่อคนไทยทุกคน มาครั้งนี้ท่านอาจจะเห็นผมออกมาต่อต้าน เพราะอะไรท่านคงทราบ เพราะผมจะไม่ยอมให้เบื้องสูงที่ผมเคารพรักโดนลบหลู่ ผมจะสู้ และจะไม่ยอมให้ไอ้ อีคนใดมาหยามพระเกียตริพระองค์ เพราะความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่เบื้องสูงมีต่อปวงชนชาวไทย แล้วท่านล่ะ เคยมีความรู้สึกแบบผมไหม ไอ้เกษมและสาวกจำเอาไว้น่ะ ต่อให้เหลือผมคนเดียวผมก็จะสู้จะไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นพระเกียตริพระองค์ เพราะความสำนึกในพระคุณ เบื้องสูง แล้วท่านล่ะเคยสำนึกกันบ้างไหม ทั้งที่ท่านทั้งหลายก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ผมเกิดมาแล้วผู้ให้กำเนิดจะสอนผมเสมอว่า คนเราหากไม่รู้จักบุญคุณก็อย่าเป็นคนซะดีกว่า เพราะมันก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานซึ่งคิดไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  17. yummysushi

    yummysushi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +6

    ถูกต้องแล้ว เจริญแล้ว อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ สำหรับข้อธรรมอันประเสริฐค่ะ คุณขันธ์

    กราบนมัสการเรียนพระคุณเจ้า

    มหาสติปัฏฐานสูตรข้างต้น อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 10 พระสุตันตปิฎกเล่มที่ 2 ทีฆนิกาย มหาวรรค บรรทัดที่ 6257-6764 หน้าที่ 257-277

    หัวข้อย่อยที่หนึ่ง อุทเทสวารกถา บทเริ่มต้นพระสูตร พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงหนทางทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน นั่นคือการเจริญสติปัฏฐานสี่ประการ

    หัวข้อย่อยที่สอง อานาปาณบรรพ การพิจารณากายในกาย การกำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจ หายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว หายใจเข้ายาวก็รู้ว่า หายใจเข้ายาว หายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น ทั้งนี้ ย่อมสำเหนียกเห็นกายในกาย ทั้งภายนอกแลภายใจ

    หัวข้อย่อยที่สาม อิริยาปถบรรพ การพิจารณาอิริยาบท รู้ชัดว่า ยืน เดิน นั่ง นอน พิจารณาเห็นกายใจกาย และเห็นธรรม การเกิดและการเสื่อม

    หัวข้อย่อยที่สี่ สัมปชัญญบรรพ การทำความรู้สึกตัวในการก้าว การถอย การแล การเหลียว การคู้เข้า เหยียดออก การขบฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม แม้กระทั่งการถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ต้องระลึกรู้อาการ

    หัวข้อย่อยที่ห้า ปฏิกูลมนสิการบรรพ การพิจารณากายตั้งแต่พื้นเท้าขึ้นไป และปลายผมลงมา มีหนังเป็นที่สุดรอบและเต็มไปด้วยของไม่สะอาด ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง และเครื่องในต่างๆ เป็นอสุำภะ

    หัวข้อย่อยที่หก ธาตุมนสิการบรรพ การพิจารณากายเป็นธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ และลม

    หัวข้อย่อยที่เจ็ด นวสีถิกาบรรพและกายานุปัสสนา การพิจารณากายเหมือนหนึ่งซากที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า ตั้งแต่วันหนึ่ง สองวัน สามวัน ขึ้นพอง น่าเกลียด มีน้ำเหลืองไหล แล้วย้อนพิจารณากาย จากนั้นพิจาณากายซ้ำเป็นสภาพต่างๆ อาทิ เห็นซากให้ฝูงนกตะกรุมรุมจิกกิน ฝูงแร้งและฝูงสุนัขจิ้งจอก กลุ้มรุม กายเป็นซากกระดูก ปราศจากเส้นเอ็น จวบจนกระดูกผุเป็นจุณ ตามลำดับ

    หัวข้อย่อยที่แปด จิตตานุปัสสนา ให้ภิกษุพิจารณาจิตในจิต อาทิ จิตมีราคะ ก็รู้ว่ามีราคะ จิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ จิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ จิตปราศจากโมหะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ เช่นนี้เป็นต้น

    หัวข้อย่อยที่เก้า นิวรณบรรพ การพิจารณาธรรมในธรรม คือนิวรณ์ 5 ประการ อาทิ กามฉันท์ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา ทั้งห้าประการนี้ เมื่อมีอยู่ ก็รู้ว่ามีอยู่ เมื่อไม่มีอยู่ ก็รู้ว่าไม่มีอยู่ เมื่อยังไม่เกิด ก็รู้ว่ายังไม่เกิด เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็รู้ว่าจะละเสียด้วยประการใด และเมื่อละได้แล้ว ก็รู้ชัดว่า จะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีกด้วยประการใด

    หัวข้อย่อยที่สิบ ขันธบรรพ การพิจารณาอุปาทานขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ พิจารณาเห็นการเกิดและดับแห่งอุปาทานขันธ์ทั้งห้านั้น

    หัวข้อย่อยที่สิบเอ็ด อายตนบรรพ พิจารณาอายาตนะภายในและภายนอก คือ นัยน์ตา(รูป) หู(เสียง) จมูก(กลิ่น) ลิ้น(รส) กาย(สัมผัส) และใจ(ธรรมารมณ์) ท่านให้พิจารณาเมื่ออายาตนะกระทบรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสและธรรมารมณ์แล้ว บังเกิดสังโยชน์(เครื่องร้อยรัด) ก็ให้รู้ว่า สังโยชน์ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นได้ด้วยประการใด หากเกิดแล้ว จะละสังโยชน์ได้ด้วยประการใด และจะไม่ให้เกิดขึ้นได้อีกด้วยประการใด

    หัวข้อย่อยที่สิบสอง โพชฌงคบรรพ ซึ่งเป็นบทจบของภาณวารที่หนึ่ง ท่านให้พิจารณาธรรมในธรรมคือโพชฌงค์ 7 ประการ อันได้แก่ สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ และอุเบกขา กล่าวคือ หากสัมโพชฌงค์ทั้งเจ็ด มีอยู่ภายในก็ให้รู้ว่ามีอยู่ เมื่อไม่มีอยู่ ก็ให้รู้ว่าไม่มีอยู่ เมื่อยังไม่เกิด ก็รู้ว่าจะทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยประการใด เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้เจริญบริบูรณ์ขึ้นได้ด้วยประการใด

    ในบทต่อไปซึ่งเป็นบทใหญ่ เรียกสัจจบรรพ ในหมวดธัมมานุปัสสนา ท่านทรงให้พิจารณาธรรม "อริยสัจสี่" ได้แก่ ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ และทุกขนิโรธาคามินีปฏิปทา
    ท่านทรงบรรยายโดยละเอียด ทุกข์ เนื่องด้วยอุปาทานขันธ์ทั้งห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ท่านว่า ชาิติ(ชา-ติ หรือการเกิด) ก็เป็นทุกข์ ชรา หรือมรณะ ก็เป็นทุกข์ โสกะ(ความแห้งใจ คือความแห้งผากภายในใจเมื่อถูกความทุกข์กระทบใจ) ปริเทวะ(ความคร่ำครวญ ร่ำไรรำพัน) อีกทั้งความลำบากกาย เป็นโทมนัส และอุปายาส(ความคับแค้นใจ) ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนแต่เป็นทุกข์ การต้องทนอยู่กับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ หรือการต้องพลัดพรากกับสิ่งที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ กระทั่ง ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์อีก

    ท่านชี้ให้เห็นเป็นขั้นเป็นตอน ในเบื้องต้นท่านกล่าวถึงทุกข์แล้ว ท่านก็บรรยายถึงทุกขสมุทัยอริยสัจ คือเหตุแห่งทุกข์ เพราะตัณหา ซึ่งเป็นกำหนัดในอำนาจความเพลิน อันได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา อันเกิดแต่อายตนะทั้งหก เป็นที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ของตัณหาทั้งปวง ท่านให้ "สำรอก" เสีย คือสละออก ส่งคืน และปล่อยวาง จนถึงความดับโดยไม่เหลือ

    ลำดับต่อมา ท่านกล่าวถึง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือการดับทุกข์ โดยอรรถาธิบายควบคู่ไปกับทางดับทุกข์ที่เราเรียกกันว่า มรรคมีองค์แปด คือทางอันประเสริฐแปดประการ ได้แก่
    1) สัมมาทิฏฐิ(จิตที่ตั้งไว้ถูก มีความรู้ในอริยสัจสี่)
    2) สัมมาสังกัปปะ(ความดำริ-คิด-ไว้ถูก ในการออกจากกาม พยาบาทและความไม่เบียดเบียน)
    3) สัมมาวาจา(การงดเว้นการพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ และการพูดเพ้อเจ้อ)
    4) สัมมากัมมันตะ (การงดเว้นจากการประพฤติผิดศีลข้อต่างๆ)
    5) สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ) อันนี้ มีรายละเอียดของมิจฉาอาชีพที่ไม่ควรประกอบ ขอไม่ระบุในที่นี้
    6) สัมมาวายามะ (ข้อนี้ท่านเน้นถึงการปรารภความเพียร ภิกษุต้องมีความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตมิให้อกุศลธรรมที่ยังไม่บังเกิด บังเกิดขึ้นได้ หากเกิดขึ้น ให้ละอกุศลธรรมนั้น เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่บังเกิด บังเกิดขึ้น ให้ไพบูลย์และเจริญขึ้น)
    7) สัมมาสติ (การพิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม มีความเพียร สติ และสัมปชัญญะกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้)
    8) สัมมาสมาธิ (การทำความเพียร สงัดจากกาม และอกุศลธรรม มีวิตก วิจาร ปีติ และสุขอันเกิดจากความวิเวก เจริญฌาณขั้นต่างๆ เมื่อได้ฌาณนั้น ก็เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ ละสุขและทุกข์นั้นเสีย ดับโสมนัสและโทมนัส)
    ท้ายสุดในบทนี้ ท่านให้พิจารณาเห็นธรรมทั้งปวง เกิดขึ้นหรือเสื่อมไปก็ตาม ให้มีสติตั้งมั่น ว่าสักแต่ว่าให้เป็นเครื่องอาศัยระลึกรู้ ไม่ยึดมั่นและถือมั่นอะไรๆในโลก

    หลังจบบทธัมมานุปัสสนา ท่านย้ำให้เจริญสติปัฏฐานทั้งสี่นี้ เพื่อการบรรลุผลสองประการ นั่นคือ การบรรลุพระอนาคามิผล และพระอรหัตผล ในอนาคตตามกาล (มีระบุในรายละเอียดในส่วนนี้) จบมหาสติปัฏฐานสูตร

    ข้อธรรมทั้งปวงอันพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว และทรงสั่งสอนขาวโลก เป็นของกลาง ของชนทุกหมู่เหล่า และพุทธบริษัททั้งสี่ หาใช่ของส่วนตัวของผู้ใดผู้หนึ่งไม่ หากเราใคร่เห็นธรรม สำเร็จธรรม อันเป็นการได้เห็น "องค์พระตถาคต" แม้จะทรงเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม ขอสาธุชนทั้งหลาย ได้รีบเร่งลงมือปฏิบัติ นั่นจึงไ้ด้ชื่อว่า ไ้ด้เห็นพระองค์อย่างแท้จริง

    กราบนมัสการพระคุณเจ้า ได้โปรดพิจารณาในข้อธรรมเถิด
     
  18. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    สาธุ ได้พบได้เจอผู้ทรงภูมิธรรม ได้อ่านได้พิจรณาทำให้สิ่งที่ไม่รู้ได้รู้ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
     
  19. ดอกไม้ป่่า

    ดอกไม้ป่่า สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +14
    ไม่ใช่ศิษย์หลวงพ่อเกษม ไม่เคยไปวัดสามแยก แต่เห็นด้วย ว่าพระสมัยนี้ไม่ปฏิบัติตามพระวินัย อยากรู้ถ้าหลวงพ่อทำสำเร็จ พระคงไม่มีเงินใช้ ไม่มีรถหรู ไม่มีกุฎิที่สร้างเพื่อตนใหญ่โต พระพุทธเจ้าไม่เคยต้องการเงินทองไม่เคยต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พระสมัยนี้เป็น พระมีเงินไว้เพื่ออะไร จะไปไหนก็สบาย มีโยมมารับมาส่ง ไม่เห็นจะเดือดร้อน ทำหน้าที่ของสงฆ์ แต่เราก็ต้องถวายปัจจัยเหมือนกับอะไร........ อยากไปถวายสังฆทานแต่ก็ต้องมีปัจจัย อะไรหลายอย่าง ทำวัตถุมงคลเพื่ออะไร เพื่อสนองความยากของประชาชนผู้ที่บอกว่าเอาไว้คุ้มครองตัว แต่บอกว่าสามารถเรียกทรัพย์ได้บ้าง กันเหนียวได้ กันอันตรายได้ ถ้าเราไม่ทำร้ายใคร คิดดีทำดี เราจะมีอันตรายได้อย่างไร ผิดที่เราทุกคนเรียกร้องจากพระ ไปขอให้พระทำนายทายทัก ไปขอให้ท่านให้เลขให้หวย ไปขอให้ท่านทำเครืองรางของขลัง อยากได้สิ่งยึดเหนียวทางจิตใจ แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนดี อะไรก็ช่วยท่านไม่ได้ คนเรามีกรรมเป็นกำเนิด ต้องพรากเพียรทำดี เอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง ก็สามารถลดทอนกรรมได้เอง พิมพ์อะไรมาเยอะ ถ้าพระเกษมชนะคิดดูเถิดว่าพระ ที่มีตำแหน่งใหญ่โตแต่มีเงินฝากอยู่เยอะแยะแม้แต่บาทเดียว และมีอะไรอีกเยอะแยะซึ่งก็แน่ว่า พระแบบนี้มีเยอะ ท่านจะเป็นอย่างไร เงินยังมีค่าแม้แต่กับพระ ผู้ที่คิดว่าสละได้แล้วซึ่งทางโลก.......
     
  20. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ผมรู้สึกสงสาร หลวงพ่อเกษมครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ศิษย์วัดสามแยก

    ระวังเด้อ พวกที่จ้องจะทำการสึกพระต่างๆ

    หากเมื่อถึงคราวตนบวช บำเพ็ญเนกขัมมะ
    ถึงตอนนั้นท่านอาจจะโดนเจ้ากรรมนายเวร หาวิธีจ้องทำลายปลดจีวร อย่างที่ท่านกำลังทำกับพระต่างๆ ก็ได้

    ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจพระดีกว่า ให้พระท่านจัดการกันเอง

    ดูอย่างพระศาสดา พระเทวทัตท่านตามจองล้างจองผลาญกับท่าน ในหลายๆชาติ แม้ในชาติที่ตรัสรู้
    ท่านก็ยังมีเมตตาไม่คิดทำร้ายตอบ แม้เหล่าหมู่พญา และเสนามาร

    หากรู้ว่านั่นเป็น กรรมของพระท่าน แล้วเราจะไปส่งเสริมกรรมของท่านอีกหรือ

    มาร่วมสร้างพระกันดีกว่าไหม

    http://palungjit.org/threads/ร่วมบุ...โลกนาถฯ-พระพุทธรูปองค์ใหญ่สูง-32-เมตร.300159/
     

แชร์หน้านี้

Loading...