จับตามอง สงคราม"นิวเคลียร์" โรงงานพลังงาน "นิวเคลียร์" การรั่วไหลของกัมมันตรังสี

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>6 ชาติมหาอำนาจเริ่มร่างมติคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กุมภาพันธ์ 2550 01:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> 6 ชาติมหาอำนาจ อันประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซียและเยอรมนีซึ่งหารือกันในกรุงลอนดอนวันจันทร์ (26) เพื่อจัดการกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเริ่มร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติเพื่อคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ เนื่องจากรัฐบาลเตหะรานยังยืนยันที่จะเดินหน้ากิจกรรมเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนิวเคลียร์ที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ต่อไป โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เร่งกดดันให้สมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงเพิ่มมาตรการลงโทษอิหร่านมากยิ่งขึ้นไปอีก
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รัสเซียวิตก! สหรัฐฯ เหมือนจะโจมตีอิหร่าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 กุมภาพันธ์ 2550 21:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รัฐมนตรีต่างประเทศ เซอร์เกย์ ลัฟรอฟ ของรัสเซีย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี/เอเจนซี - รัฐมนตรีต่างประเทศ เซอร์เกย์ ลัฟรอฟ ของรัสเซีย กล่าววันนี้ (26) ว่า มอสโกรู้สึกวิตกที่มีการพูดกันบ่อยครั้งขึ้น ในลักษณะทำนายและคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะใช้ปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน

ลัฟรอฟซึ่งพูดเรื่องนี้ขณะพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน โดยที่มีการนำมาออกอากาศทางโทรทัศน์ทางการรัสเซียด้วย ยังได้ระบุเจาะจงถึงคำพูดเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วของรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งบอกว่า "ทางเลือกทุกอย่างยังคงวางอยู่บนโต๊ะ" สำหรับให้วอชิงตันเลือกใช้เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

อนึ่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ 5 สมาชิกถาวรแห่งคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นบวกด้วยเยอรมนี เริ่มพบปะกันที่ลอนดอนวานนี้ เพื่อหารือมาตรการในการเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน หลังกรุงเตหะรานยังไม่หยุดโครงการพัฒนาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ แม้คณะมนตรีความมั่นคงมีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรระลอกแรกแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชาวผู้ดีหลายพันประท้วง! ขอให้ถอนทหารทั้งหมดออกจากอิรัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กุมภาพันธ์ 2550 16:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชาวอังกฤษหลายพันออกมาประท้วงต้านสงครามอิรัก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอพี - ชาวผู้ดีหลายพันคนชุมนุมประท้วงในลอนดอน เมื่อวันเสาร์ (24) เรียกร้องให้ โทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรี ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากอิรัก และแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารกับอิหร่าน

กลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคน เดินประท้วงท่ามกลางสายฝน อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ออกมาชุมนุมมีจำนวนน้อยกว่าองค์กรต่างๆ ที่คาดกันไว้ โดยหวังว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมมากกว่า เมื่อครั้งที่มีการออกมาต่อต้านการส่งทหารอังกฤษร่วมกับสหรัฐฯในการรุกรานอิรัก ที่กรุงลอนดอน เมื่อปี 2004 ซึ่งหนนั้นมีผู้คนมาร่วมประท้วงหลายหมื่นคนเลยทีเดียว

แบลร์ กล่าวเมื่อวันพุธ (21) ว่า อังกฤษจะถอนทหาร 1,600 นาย ออกจากอิรักในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า จากที่มีอยู่ 7,100 นาย ส่วนทหารที่เหลืออีก 5,500 นาย จะประจำการจนกว่าทหารอิรักพร้อมเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัย

ลินเซย์ เยอรมัน แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า “ไม่ว่านายทหาร 2,000 นายจะกลับบ้านในปีนี้หรือไม่ มันเป็นจำนวนน้อยและสายเกินไป และเราต้องการให้ถอนทหารทั้งหมดตอนนี้ และขอเรียกร้องให้อังกฤษยุติการเชื่อมโยงกับนโยบายต่างประเทศของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช”

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังแสดงความกังวลว่า สหรัฐฯและอังกฤษ จะดำเนินการทางทหารกับอิหร่านต่อปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้ในวันพุธ แบลร์ จะออกมาปฏิเสธการใช้กำลังทหารยุติความขัดแย้งกับอิหร่านก็ตาม

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชาติมุสลิมห่วงปัญหานิวเคลียร์อิหร่านจะตึงเครียดขึ้น</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- ชาติมุสลิมห่วงปัญหานิวเคลียร์ในอิหร่านจะทวีความตึงเครียดขึ้น
(26กพ.)แถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศจากอียิปต์,อินโดนีเซีย, จอร์แดน, มาเลเซีย, ซาอุดิอารเบีย,ตุรกีและปากีสถาน หลังการประชุมเมื่อวานนี้ ที่กรุงอิสลามาบัดของปากีสถาน เพื่อหาทางแก้ไขความขัดแย้งที่เกี่ยวพันถึงอิรัก ปาเลสไตน์ และอิหร่าน ระบุว่าทุกปัญหาจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านกระบวนการทางการทูตและต้องไม่ใช้กำลัง และว่าจำเป็นต้องลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นแทนที่จะเพิ่มความรุนแรงและการเผชิญหน้าในอ่าวเปอร์เซีย
ด้านประธานาธิบดี มาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด ของอิหร่านยืนยันอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า อิหร่านจะเดินหน้า
โครงการนิวเคลียร์ต่อไปโดยเปรียบเทียบโครงการนี้ว่าเป็นเหมือนรถไฟที่ไม่มีเบรคหรือเกียร์ถอยหลังพร้อมย้ำว่าอิหร่านยังต้องการการเจรจา แต่เวลาของการกลั่นแกล้งรังแกหมดไปแล้ว
ผู้นำอิหร่านยืนยันท่าทีแข็งกร้าวนี้ ก่อนที่ 6 ชาติประกอบด้วย 5 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้แก่สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน รวมทั้งเยอรมนี จะหารือกันถึงแนวทาง
ที่จะดำเนินการต่อไป หลังอิหร่านไม่ปฏิบัติตามกำหนดเส้นตายของสหประชาชาติที่ให้ยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมซึ่งอาจนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้
สหรัฐ ฝรั่งเศส และอังกฤษ ต้องการให้สหประชาชาติบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับอิหร่าน
แต่รัสเซียและจีน ซึ่งมีสิทธิยับยั้งหรือวีโต้และมีผลประโยชน์ในอิหร่านทั้งด้านเศรษฐกิจและพลังงาน
ยังลังเลที่จะใช้วิธีนี้กดดันอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ รองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ได้กล่าวว่า สหรัฐอยากแก้ไขปัญหานี้ด้วยแนวทางทางการทูต แต่ก็กำลังพิจารณาทางเลือกอื่นๆด้วย ซึ่งยิ่งกระตุ้นความหวั่นวิตกว่ารัฐบาลสหรัฐอาจใช้กำลังทหารโจมตีอิหร่าน เนื่องจากที่ผ่านมา แม้สหรัฐจะยืนยันไม่มีแผนใช้กำลังกับอิหร่าน แต่สหรัฐก็เพิ่มแสนยานุภาพในอ่าวเปอร์เซียในระดับสูงสุดนับตั้งแต่บุกอิรักเมื่อปี 2546 ซึ่งรวมถึงการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าประจำการ

-->
ชาติมุสลิมห่วงปัญหานิวเคลียร์ในอิหร่านจะทวีความตึงเครียดขึ้น

(26กพ.)แถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศจากอียิปต์,อินโดนีเซีย, จอร์แดน, มาเลเซีย, ซาอุดิอารเบีย,ตุรกีและปากีสถาน หลังการประชุมเมื่อวานนี้ ที่กรุงอิสลามาบัดของปากีสถาน เพื่อหาทางแก้ไขความขัดแย้งที่เกี่ยวพันถึงอิรัก ปาเลสไตน์ และอิหร่าน ระบุว่าทุกปัญหาจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านกระบวนการทางการทูตและต้องไม่ใช้กำลัง และว่าจำเป็นต้องลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นแทนที่จะเพิ่มความรุนแรงและการเผชิญหน้าในอ่าวเปอร์เซีย
ด้านประธานาธิบดี มาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด ของอิหร่านยืนยันอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า อิหร่านจะเดินหน้า
โครงการนิวเคลียร์ต่อไปโดยเปรียบเทียบโครงการนี้ว่าเป็นเหมือนรถไฟที่ไม่มีเบรคหรือเกียร์ถอยหลังพร้อมย้ำว่าอิหร่านยังต้องการการเจรจา แต่เวลาของการกลั่นแกล้งรังแกหมดไปแล้ว
ผู้นำอิหร่านยืนยันท่าทีแข็งกร้าวนี้ ก่อนที่ 6 ชาติประกอบด้วย 5 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้แก่สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน รวมทั้งเยอรมนี จะหารือกันถึงแนวทาง
ที่จะดำเนินการต่อไป หลังอิหร่านไม่ปฏิบัติตามกำหนดเส้นตายของสหประชาชาติที่ให้ยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมซึ่งอาจนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้
สหรัฐ ฝรั่งเศส และอังกฤษ ต้องการให้สหประชาชาติบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับอิหร่าน
แต่รัสเซียและจีน ซึ่งมีสิทธิยับยั้งหรือวีโต้และมีผลประโยชน์ในอิหร่านทั้งด้านเศรษฐกิจและพลังงาน ยังลังเลที่จะใช้วิธีนี้กดดันอิหร่าน ก่อนหน้านี้ รองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ได้กล่าวว่า สหรัฐอยากแก้ไขปัญหานี้ด้วยแนวทางทางการทูต แต่ก็กำลังพิจารณาทางเลือกอื่นๆด้วย ซึ่งยิ่งกระตุ้นความหวั่นวิตกว่ารัฐบาลสหรัฐอาจใช้กำลังทหารโจมตีอิหร่าน เนื่องจากที่ผ่านมา แม้สหรัฐจะยืนยันไม่มีแผนใช้กำลังกับอิหร่าน แต่สหรัฐก็เพิ่มแสนยานุภาพในอ่าวเปอร์เซียในระดับสูงสุดนับตั้งแต่บุกอิรักเมื่อปี 2546 ซึ่งรวมถึงการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าประจำการ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.komchadluek.net/

<TABLE id=Table9 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left height=118>อิหร่านพร้อม"เจรจา-ทำสงคราม"กับสหรัฐ
</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left>เจ้าหน้าที่ระดับสูงสาธารณรัฐอิสลามลั่น อิหร่านเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทั้งเจรจาและทำสงครามกับสหรัฐ ขณะที่ ประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาด ยืนกรานเดินหน้านิวเคลียร์ และจะไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันของชาติตะวันตก

สำนักข่าว ISNA รายงานอ้างคำกล่าวนายแมนูเชอร์ โมฮัมมาดี้ รมช.ต่างประเทศอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิหร่านเตรียมพร้อมทั้งเจรจาและทำสงครามกับสหรัฐ คู่ปรับสำคัญ ท่ามกลางกระแสคาดหมายว่า อเมริกามีแผนปฏิบัติการทางทหารต่อสาธารณรัฐอิสลาม นายโมฮัมมาดี้บอกว่า เราเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ หากสงครามเกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกัน อิหร่านก็พร้อมเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้ากับสหรัฐ

วันเดียวกัน นายโมห์เซน บาห์รามี หัวหน้าศูนย์วิจัยห้วงอวกาศของอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านได้ประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดลูกแรกขึ้นสู่อวกาศ ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดกับชาติตะวันตกกรณีโครงการนิวเคลียร์ แต่ไม่ได้ให้ รายละเอียดเพิ่มเติม กระนั้นการอ้างความสำเร็จ ในการปล่อยจรวดสู่อวกาศ นับเป็นก้าวสำคัญ ครั้งแรกในความทะเยอทะยานยิงดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศด้วยตัวเองของอิหร่าน

ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด แห่งอิหร่าน ประกาศลั่นว่า อิหร่านจะไม่ยอมแพ้ในการเผชิญแรงกดดันจากชาติตะวันตกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ พร้อมเปรียบเทียบการผลักดันนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นเหมือนรถไฟที่ไม่มีเบรกหยุดล้อ อีกทั้ง อิหร่านได้เข้าถึงเทคโนโลยีผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์แล้ว

ด้าน นายแมนูเชอร์ มอตตากี รมว. ต่างประเทศอิหร่าน ได้ออกมาตอบโต้รองประธานา ธิบดีดิ๊ก เชนีย์ แห่งสหรัฐ ซึ่งยืนยันคำเตือนของวอชิงตันต่ออิหร่านเมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ว่า ทางเลือกทั้งหมดถูกวางอยู่บนโต๊ะ หากรัฐบาลเตหะรานยังคงท้าทายความต้องการให้หยุดการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อย่างต่อเนื่อง ด้วยการบอกว่า สหรัฐไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้อีกแห่ง กระนั้น ยังคงเปิดช่องการเจรจาไว้สำหรับการแก้ไขข้อพิพาทนิวเคลียร์

นายมอตตากี กล่าวว่า สหรัฐยังไม่อาจที่จะแก้ปัญหาความแตกต่างกับอิหร่านด้วยการเปิดสมรภูมิรบแห่งที่สาม ต่อจากอัฟกานิสถานและอิรัก เพราะเรามองไม่เห็นว่า อเมริกาอยู่ในสภาพที่พร้อมจะเปิดสงครามอีกแห่งในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม นายมอตตากี เรียกร้องสหรัฐกับชาติพันธมิตรให้หวนคืนสู่การเจรจา ซึ่งหนทางเดียวที่จะถึงทางออกของปัญหาก็คือการเจรจา ดังนั้น เราจึงต้องการให้การประชุมที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในสัปดาห์นี้ ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ และฟื้นการเจรจากับอิหร่าน ขณะที่นายบิล ริชาร์ดสัน ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโก ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงเก้าอี้ประธานา ธิบดีสหรัฐเรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เจรจาโดยตรงกับอิหร่าน.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.dailynews.co.th/dailynew...ault.aspx?Newsid=118973&NewsType=1&Template=1</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อิหร่านง๊ะ.....โดนแน่ๆ เพราะเมกากะจะเล่นงานอยู่นานแล้ว

เบาะๆก็จะโดนนิวเคลียร์ลูกเล็ก ที่เป็นแบบนิวเคลียร์สะอาด
(Low Rediation) ซึ่งเมกามีเทคโนโลยีอันนี้อยู่แล้ว ถือว่าเอามาลองใช้

การที่อิหร่านจะใช้แสนยานุภาพที่มีอยู่มาต่อกรกับเมกา รับรองได้ว่าจะต้องโดนตื๊บไม่เหลือแน่ เพราะมวยคนละชั้น (อันนี้เรื่องจริง ไม่ได้พนันข้างใคร)

อย่างเร็วก็ปีนี้ แต่ไม่ช้าไปกว่ากลางปีหน้า ก่อนบุชจะลงจากตำแหน่ง

ท่านผู้เจริญก็ไตร่ตรองว่าจะมีผลกระทบอะไรกับท่านก็แล้วกัน
เพราะท่านไม่มีทางห้ามเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

 

คนที่เหลือคงจะต้องทุกข์ทรมานใจมาก ที่เห็นคนล้มหายตายจาก มากมาย

พุธธัง สะระนังคัจฉามิ
ธรรมมัง สะระนังคัจฉามิ
สังฆัง สะระนังคัจฉามิ

 

จีน และ อเมริกา สองฝ่ายใหญ่...สนับสนุน คนไทย สองฝ่ายเช่นกัน...จะนำเรื่องร้ายแรงมาสู่เมืองไทย....เรื่อง แบ่งดินแดนภาคใต้...ก็แอบสนับสนุนลับๆ เหมือนกัน...ไม่มีคนรู้...ทั้งสองฝ่ายจึงอันตรายต่อไทย...กรรม

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนฮึ่มไต้หวันประกาศเพิ่มงบทหาร พร้อมกดดันสหรัฐฯห้ามค้าอาวุธ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 มีนาคม 2550 17:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=512> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เนโกรปอนเต ขณะพบปะกับหลี่เจ้าซิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ผู้จัดการออนไลน์ – ไต้หวันอ้างภัยคุกคามจีน ขอซื้ออาวุธมะกัน จีนค้านสุดฤทธิ์ ร้องอเมริกาห้ามขาย หากยังคงต้องการรักษาสัมพันธ์ชื่นมื่นกับจีน รองรมต.ต่างประเทศสหรัฐฯปวดหัวเจอปักกิ่งซักเป็นชั่วโมง งานไม่เดินโดนพิษเฉินสุยเปี่ยนเล่นงานหนัก

เมื่อวันเสาร์ (3) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ไต้หวันเตรียมซื้ออาวุธมูลค่า 421 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากอเมริกา โดยแบ่งเป็นการซื้อ ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางรุ่น AMRAAM จำนวน 218 ลูก และขีปนาวุธ รุ่น Maverick อีก 235 ลูก ทั้งนี้ การซื้ออาวุธดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างกองทัพไต้หวันให้พร้อมรับการบุกโจมตีจากแผ่นดินใหญ่ โดย ขีปนาวุธดังกล่าวจะถูกนำมาติดตั้งใช้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 นอกจากนี้ ทางรัฐบาลไต้หวันยังได้ประกาศตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2006 ว่า ต้องการซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 เพิ่มจากสหรัฐฯอีก 66 ลำ

พลเรือตรีอู๋ชือฝาง โฆษกกระทรวงกลาโหมไต้หวัน เผยเหตุซื้ออาวุธเนื่องจาก “จีนกำลังพัฒนาศักยภาพทางทหารและเราเห็นว่าการพัฒนาดังกล่าวเป็นภัยต่อไต้หวัน” ทั้งนี้ เมื่อเดือนมกราคมจีนได้ทดลองยิงขีปนาวุธสู่อวกาศทดลองระบบต่อต้านดาวเทียม จนกลายเป็นประเด็นฮือฮาไปทั่วโลก แถมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีเฉินสุยเปี่ยนยังออกมาเผยว่า จีนได้ติดตั้งขีปนาวุธจำนวน 1,000 ลูกบนชายฝั่งตะวันออกของประเทศ โดยมีเป้าหมายเล็งมายังไต้หวัน

ทั้งนี้ กองทัพไต้หวันอ้างว่า ระบบอาวุธของตนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกมีความทันสมัยกว่าอาวุธของจีน นอกจากนี้ บุคลากรทหารของไต้หวันยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ตาม เพื่อประกันชัยชนะในเหตุการณ์วิกฤตช่องแคบ ทางรัฐบาลไต้หวันต้องการชุดอาวุธมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากอเมริกา ประกอบด้วย เรือดำน้ำ, ขีปนาวุธ Patriot และเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ ทั้งนี้ สถิติการขายอาวุธจากสหรัฐฯให้กับไต้หวันแต่ละปีมีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไต้หวันพึ่งพิงการนำเข้าอาวุธจากอเมริกาสูงถึง 90%

ด้าน ผู้นำจีนเมื่อทราบข่าวการเคลื่อนไหวดังกล่าวถึงกลับออกมาค้านสุดฤทธิ์ โดยเมื่อวันศุกร์ (2) โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ฉินกังกล่าวค้านการซื้อขายอาวุธสหรัฐฯ-ไต้หวันอย่างรุนแรง โดยฉินกล่าวว่า “การซื้อขายดังกล่าวเป็นการละเมิดข้อผูกมัด ที่ทางสหรัฐฯให้ไว้กับจีนว่า จะลดปริมาณการขายอาวุธให้กับไต้หวัน นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างหยาบคาย”

ส่วน จอห์น เนโกรปอนเต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ (3) ตามกำหนดการเยือนจีน 3 วัน เพื่อถกประเด็นปัญหาความมั่นคง และการค้าโลกกับทางกระทรวงต่างประเทศจีน กลับต้องใช้เวลาวันเสาร์ทั้งวัน อธิบายจุดยืนประเด็นไต้หวันขอซื้ออาวุธจากอเมริกา ซึ่งทางสหรัฐฯได้ประกาศแผนขายอาวุธดังกล่าวให้กับไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดย เนโกรปอนเตได้ใช้เวลาช่วงวันเสาร์เข้าพบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน ไต้ปิงกั๋ว และ หยังเจียฉือ แต่ละรายต่างหาก เพื่ออธิบายปัญหาการซื้อขายอาวุธ

ก่อนหน้านี้สัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ได้เกิดภาวะสะดุด เนื่องจากรองประธานาธิบดี ดิก เชนีย์ กล่าววิพากษ์การเสริมสร้างกองทัพของจีนว่า ขัดกับนโยบายการเติบโตอย่างสันติที่จีนได้ประกาศไว้ ทั้งนี้ หลังพบปะเคลียร์ใจกับรัฐมนตรีช่วยฯจีนทั้ง 2 ราย เนโกรปอนเตได้เข้าพบกับ หลี่เจ้าซิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนเมื่อวันอาทิตย์ (4) เพื่อคุยประเด็นการค้าและความมั่นคงโลก นอกจากนี้ เนโกรปอนเตยังมีกำหนดการเข้าพบ ถังเจียเสวียน สมาชิกมุขมนตรีประจำรัฐสภาจีน ซึ่งถังกล่าวกับเนโกรปอนเตว่า "ทางจีนหวังว่าสหรัฐฯจะยังคงรักษาข้อผูกมัดกับจีนและไม่ส่งสัญญาณที่ผิดๆไปยังไต้หวัน เพื่อรักษาสันติภาพความมั่นคงบริเวณช่องแคบไต้หวัน และสัมพันธภาพที่ดีระหว่างจีน-สหรัฐฯ"

ทั้งนี้ หลังจีนค้านแผนซื้อขายอาวุธสหรัฐฯ-ไต้หวันได้เพียงหนึ่งวัน ทางโฆษกสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ เจียงเอินจูได้เผยว่า ในปี 2007 นี้ จีนจะเพิ่มงบประมาณทหารขึ้นอีก 17.8% จากปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าสุทธิ 350,920 ล้านหยวน เพิ่มจากปีที่แล้ว 52,990 ล้านหยวน สำหรับสาเหตุที่งบประมาณเพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจาก ทางกองทัพต้องการเพิ่มเงินเดือนและค่าเบี้ยเลี้ยงสวัสดิการให้กับบุคลากร ทั้งที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่และเกษียณอายุ เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจจีนพัฒนาไปมากค่าครองชีพที่พวกเขาได้รับเดิมอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต นอกจากนี้ งบประมาณจะถูกนำไปใช้พัฒนาอาวุธโดยเฉพาะอาวุธเทคโนโลยีทางด้านไอที

พ้นจากประเด็นข้างต้นเมื่อปลายสัปดาห์ ทางคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ยังได้ประกาศให้ความสนับสนุนชักจูงบริษัทเอกชนให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเฉพาะในส่วนงานที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพื่อช่วยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อันนำมาซึ่งการยกระดับมาตรฐานการวิจัยและผลิตอาวุธ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>อิหร่านลังเลรับคำเชิญสหรัฐร่วมประชุมอิรัก </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>09:49 น. โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน นาย โมฮัมหมัด โฮสเซนี กล่าวข้างต้นกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ คอนโดรีซซา ไรซ์ เผยว่าจะเชิญอิหร่านกับซีเรียร่วมหารือวิกฤติอิรัก นายโฮสเซรีกล่าวว่า อิหร่านกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อเสนอนี้ ซึ่งหากเป็นประโยชน์ต่ออิหร่าน อิหร่านก็จะเข้าร่วมเจรจา โดยว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการช่วยเหลือรัฐบาลอิรักให้สามารถสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงปลอดภัยในประเทศ ซึ่งภาวะไร้เสถียรภาพในอิรักไม่เป็นประโยชน์ต่ออิหร่าน พร้อมยืนยันว่าอิหร่านไม่มีแผนที่จะหารือระดับทวิภาคีกับสหรัฐในที่ประชุมที่อิรักที่อาจจัดขึ้นด้วย แต่เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิรัก นายซิลเมย์ คาลิลซาด ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นในวันเดียวกันโดยอ้างคำพูดของนายอาลี ลาริจานี เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของอิหร่านที่ว่าอิหร่านจะเข้าร่วมการเจรจานี้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมเจรจาโดยตรงกับสหรัฐนอกรอบการประชุมหรือไม่ อิหร่านและสหรัฐไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันมาเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่สหรัฐตัดความสัมพันธ์จากเหตุกลุ่มนักศึกษาอิสลามบุกยึดสถานทูตสหรัฐในกรุงเตหะรานเมื่อปี 2523
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right width="65%" bgColor=#ededed></TD><TD align=right width="35%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เนชั่นทันข่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE>