เรื่องราวหลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ

วันเสาร์ ๕ จริง วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔ นี้ก็ถือว่าเป็นวันเสาร์ห้าครับ เพราะขึ้น ๕ ค่ำ ตามตำราหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุงครับผม ผมจะเดินทางไปร่วมรับยันต์เกาะเพชรที่ วัดเขาแร่ กรุงสุโขทัย ครับผม ท่านใดสนใจรับยันต์เกาะเพชร มี ๒ ที่ครับ ที่ทำพิธี มีวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี กับที่ วัดเขาแร่ สุโขทัย ครับผม เท่าที่ผมทราบนะครับ

อานุภาพยันต์เกาะเพชร​

๑. จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง

 

หมายถึงวันที่ 23 เมษานี้ครับ ส่วนวันอื่นก็ยังไม่ทราบครับ

ไปแสวงบุญได้เยอะจริงๆนะครับ โมทนาครับ

 

ขอบคุณครับคุณคนบรรพต เรื่องเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดเขาแร่ หลวงพ่อผู้ประกอบพิธี ท่านชื่ออะไรครับ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือไม่ครับ แล้วที่วัดท่าซุง ทุกวันนี้มีผู้สืบทอดวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือไม่ครับ ทำไมไม่เห็นประกอบพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรซักครั้งนึง หลังจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมรณะภาพไปแล้ว ถ้าท่านใดรู้คำตอบช่วยอนุเคราะห์ตอบให้ผมหายสงสัยหน่อยครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตุครับ

1. ทำไมวัดท่าซุงถึงไม่จัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรหลังหลวงพ่อฤาษีท่านมรณะภาพ

2. แล้วทำไมพระครูปลัดเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันท่านได้รับความไว้วางใจให้ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสแต่ท่านกลับไม่เป่า

3. เพราะอะไรศิษย์หลวงพ่อฤาษีรูปอื่นจึงจัดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรได้ และทำกันเป็นเรื่องปกติ ง่ายๆ

4. เหตุใดจึงไม่ทำพิธีที่วัดท่าซุง(ถ้าสามารถเป่าได้)ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก และยังเป็นตำนานอีกแห่งหนึ่งของยันต์เกราะเพชร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ศิษย์ที่เคารพหลวงพ่อฤาษีท่านได้รับทราบว่ายังมีผู้ที่เป่าได้ และร่วมกันไปรับยันต์เกราะเพชรกันเพื่อความมีศิริมงคล และยืนยันในการมีอยู่ของการเป่ายันต์ บางคนก็บอกว่าจำเป็นด้วยหรือที่ต้องเป่าที่วัดท่าซุง ผมว่าจำเป็นในส่วนหนึ่งครับ เพราะว่าสถานที่ที่ครูบาอาจารย์ท่านสร้างไว้เพื่อสืบทอดศาสนา ต้องมีความขลังแน่นอน

5.และเหตุใดเวลามีงานปลุกเสกในวัดท่าซุง บรรดาพระที่เป็นลูกศิษย์ไม่ได้ถูกนิมนต์ไปร่วมเสกที่วัดท่าซุงแต่อย่างใด เห็นท่านพระครูปลัดท่านเสกเดี่ยวตลอด อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เท่าที่ติดตามข่าววัดท่าซุงก็เห็นเป็นเช่นนั้น

ทั้งห้าข้อสงสัยนี้เป็นความสงสัยส่วนตัวครับ มิได้จะปรามาสใครแต่อย่างใด เป็นเพียงความเห็นที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ครับ

หากใครพอจะหาคำตอบได้ก็ช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณมากครับ

 

จาการที่ผมอ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน มีศิษย์แค่สองรูปเท่านั้นในยุคหลังที่เรียนการเป่ายันต์เกราะเพชรได้ คือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และหลวงพ่อบุญมาก ส่วนยุคก่อนมี หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย หลวงพ่อปัญญา วัดสร้อยทอง หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง ลองดูรายชื่อพระแต่ละรูปเอาก็แล้วกันครับ ว่าเป็นพระเกจิระดับไหน

และก็มีบทสัมภาษณ์หลวงพ่อบุญมาก ว่า ตอนนี้ที่สืบทอดจากหลวงพ่อปาน เหลือแค่ท่านรูปเดียว แต่ท่านก็ถ่ายทอดไปบ้างแล้ว แต่ไม่มีใครอยากได้อย่างจริงจัง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับสำหรับยันต์เกราะเพชร และเป่ายันต์ตามตำหรับเดิม คือเขียนยันต์แล้วเป่ากระดาน แล้วหายไปเลย เขียนมือนะครับ ถ้าทำได้อย่างนั้นจริงก็ต้องยอมรับกันโดยดีครับ

 

อย่าลืม หลวงปู่ช่อองค์นึงนะครับ องค์นี้ หลวงพ่อปานท่าน เลี้ยงมาเลย ขนาด หลวงพ่อเชิญท่านยังบอก ครบสูตรวิชาจริงๆอยู่ที่ หลวงพ่อช่อ และคราวนึงหลวงพ่อฤาษี ลิงดำยังต้องเชิญ หลวงพ่อช่อ มาเป่าแทนท่าน ซึ่งท่านก็มาเป่าให้ ช่วงนี้มีมั่ว เยอะครับ จับ เป็นพ่อเป็น ลูกมั่วกันไปหมด ไอ้พวกไม่รู้จริง ก็ปดกันจนเป็นจริง

 

ว่าตามกันครับ มั่วกันเยอะจริงๆ ทำให้คนหลงเชื่อ บางส่วนก็หลงลาภสักการะ ไปกันใหญ่ครับ

 

ครับว่ากันไปมั่วจริง ๆ ครับ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่ก็เคยมีข่าวนะครับว่ามีคนเคยไปถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ว่าหลวงพ่อช่อเป็นฤาษีลิงขาวใช่หรือไม่ ท่านบอกลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า "เป็นลิงคนละฝูงกัน" ผมก็เลยไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ แต่เคยมีลุงคนหนึ่งที่วัดบางนมโค เคยบอกผมเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า "คนที่จะเป่ายันต์เกราะเพชรได้ ต้องได้ฌานสมาบัติแปดประการ" แล้วพระสมัยนี้ มีกี่องค์ที่ได้ฌานสมาบัติแปด หรือถ้าได้ฌานสมาบัติแปด ได้เรียนเป่ายันต์เกราะเพชร มาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หรือไม่ ถึงได้บอกว่าหาได้ยากจริง ๆ พระที่จะเป่ายันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้ พอปฏิบัติไม่ได้ฌานสมาบัติแปด ก็บอกว่าขออาราธนาบารมีจากพระเบื้องบนให้มาสงเคราะห์ให้ ก็ไปกันใหญ่ครับ แล้วจะมาเล่าให้ฟังเรื่องหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ครับ องค์นี้ ท่านเป่ายันต์เกราะเพชรได้จริง ๆ และเรียนมาจริง ๆ ครับ

 

ครับ ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่าหลวงพ่อช่อเป็นลิงคนล่ะฝูงกับท่าน มีคนวงในบอกว่า เพราะท่าน บวชคนละรุ่นกัน ซึ่ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็รู้จักกับหลวงพ่อช่อ เพราะ ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน เรื่องนี้ค่อนข้างยาวครับ และก็ค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงขอกล่าวสั้นๆๆ นอกจากนี้ ในคราวนึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าน มีเหตุให้เป่ายันตร์ไม่ได้ จนต้องเชิญหลวงพ่อช่อมาเป่า แทน ในทีแรกใครก็นึกว่าท่านไม่มาเพราะท่าน รับ เทียบเชิญแล้วท่านก็ยังไม่แสดง อาการอันใด แต่เมื่อถึงงานท่านก็มาเป่าให้ครับ คนที่เคยเป่ายันตร์กับหลวงพ่อช่อย่อมรู้ว่าสุดยอดขนาดไหน นะครับ และหลวงปู่มี หลวงปู่เชิญ และศิญืในสายหลวงพ่อปานต่างก็รู้จักกับ หลวงพ่อช่อเป็นอย่างดี และวงในยังรู้อีกด้วยว่าคนที่ได้ การเป่าอย่างเต็มสูตรมากที่สุดก็ คือหลวงพ่อช่อนะครับ ซึ่งใครจะไปเป่ายันตร์เกราะเพรชที่ไหนก็ต้องสืบให้ดีๆๆนะครับ

 

มีเรื่องเล่าจาก อ.ยุทธ โตอดิเทพย์ นักเขียนข่าวพระเครื่องชื่อดัง ว่า เคยไปกราบหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย สมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ว่าท่านเก่งจริง เคยนำแผ่นทองไปให้ท่านจาร ท่านจะจารให้ด้วยความเมตตาทุกครั้ง สมัยก่อนคนที่ถูกผีเข้า ก็จะไปให้หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา และหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ถ้าทั้งสององค์นี้ปราบไม่ได้ หรือเอาไม่อยู่ ก็จะให้ไปให้พี่ใหญ่ (หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย) และก็ได้ผลทุกครั้ง ผีอยู่ไม่ได้ต้องออก บางครั้งแค่ไม่ต้องไล่ แค่เห็นหน้าหลวงพ่อมี ผีก็ออกแล้ว ไม่ต้องไล่ให้เหนื่อยแรง นี่แหละครับบารมีหลวงพ่อมี ของเรา ส่วนเรื่องยันต์เกราะเพชรนั้น อ.ยุทธ ก็ยืนยันได้ว่าหลวง่พ่อมีนั้นเป่าได้จริง และรู้จริงเรื่องยันต์เกราะเพชร แน่นอน และมีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อมีท่านมาที่วัดใหม่ปิ่นเกลียว อ.เมือง จ.นครปฐม จะเป็นงานพุทธาภิเษกของวัตถุมงคล หรือไงเนี่ย ผมจำไม่ได้ อ.ยุทธ บอกว่า ท่านเขียนยันต์เกราเพชร ขึ้นมาก่อน แล้วท่านก็เพ่ง แล้วเป่ายันต์เกราะเพชร ไปตามทีศต่าง ๆ ในปะรำพิธีที่จัดไว้ ไม่ใช่นึกนิมิตเอาว่า ได้ขอจากพระข้างบน อะไรทำนองนี้ (พวกนี้จะเลียนแบบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) แต่หลวงพ่อมี นั้น ท่านทำตามตำรา และวิธีการที่ถูกต้อง ที่เรียนมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ผู้เป็นอาจารย์ หลวงพ่อมีเป็นพระที่ไม่คุยโม้ ไม่โอ้อวด และเก่งจริง ๆ ท่านเป็นพระแท้ พระทองคำ เหมือนอย่างอาจารย์ของทาน (หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก) สมัยก่อนสื่อยังไม่เยอะเหมือนสมัยนี้ ท่านถึงไม่ดัง แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่นแรกตอนนี้ราคาเริ่มแพงแล้วครับ เหรียญรุ่นแรกเป็นหมื่นครับและพระของหลวงพ่อไม่จำเป็นต้องนั่งเสกเป็นชั่วโมงหรอกครับ หลวงพ่อเป่าแค่ 3 พ้วง ก็ศักดิ์สิทธิ์แล้วครับ ไม่ต้องมานั่งหลับตานาน ๆ บางทีก็หลับไปเลย เหมือนพระสมัยนี้บางองค์ครับ และพระสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนี้ครับ "พระดีอยู่ที่โบสถ์ (พระพุทธรูป) พระโหด อยู่ที่บ่อ (อึกอักก็จับโยนลงบ่อ) พระขี้เกียจอยู่ในกุฏิ (กินแล้วนอน) พระอวดอุตริ อยู่บนศาลา (ใบหวย ทำเสน่ห์ อวดคุณธรรมต่าง ๆ อวดอ้างอวดอุตริมนุสยธรรม)
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขอบคุณข้อมูลครับ ว่างๆเดี๋ยวผมจะไปวัดท่าซุงลองถามดูดีกว่าครับ

วัดรอยเท้าพ่อ ผมว่าอันนี้ไม่น่าจะเป็นเหตุผลน่ะครับ ยันต์เกราะเพชร เป็นตำราของพระร่วงเจ้า แล้วที่มาเป่ากันที่วัดอื่น ยิ่งไม่เป็นการวัดรอยเท้าหรอกหรือครับ เหมือนแข่งกัน แทนที่จะสืบทอดที่วัดท่าซุงต่อไป แปลกเหลือเกิน แล้วศิษย์หลวงพ่อปานที่เป่ายันต์กัน ก็เป็นการวัดรอยเท้าทั้งหมดเลยหรือครับ

มีแต่เรื่องให้สงสัย เลิกประเด็นนี้ดีกว่าครับ งงเหลือเกิน สืบทอดวิชา กลับคิดว่าวัดรอย แต่เอาวิชาไปทำที่อื่น กลับไม่วัดรอย แปลกเกินไปครับ

ผมก็เห็นมีแต่ที่นี่แหละครับที่ทำสืบทอดแล้วเป็นการวัดรอยเท้า ดูตัวอย่าง วัดกลางบางแก้ว สืบทอดยาจินดามณีและเบี้ยแก้มาเรื่อยๆ อย่างนี้หลวงปู่เจือก็วัดรอยหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มก็วัดรอยเท้าหลวงปู่บุญ สายวัดนายโรง ก็เช่นกัน
สายเขาอ้อก็อีกเช่นกัน วัดรอยเท้าครูบาอาจารย์กันใหญ่ นี่ยังไม่พอ สายวัดสามง่ามก็วัดรอยเท้าได้เข้มขลังไม่แพ้กัน แล้วยังมีสายวัดสะพานสูงอีกที่วัดรอยเท้าต่อกันมาเรื่อยๆ วัดปริวาสแถวบ้านผมก็เช่นกัน หลวงพ่อสมชายท่านกำลังวัดรอยเท้าหลวงพ่อวงศ์อย่างแรง สร้างออกมามากมายแล้วครับ ผมว่าแนวคิดแบบนี้เป็นการคิดที่มองในแง่ลบเกินไป มองบวกก็ได้ครับ ว่าสืบสานตำนานหลวงพ่อฤาษีไว้ ไม่เสียหลาย ถ้าวัดท่าซุงจัดเป่ายันต์ ผมคนนึงที่จะไม่พลาดเด็ดขาด

ลองอ่านจากตัวอย่างผม แล้วลองคิดกันเองก็แล้วกันครับ ว่าใช่การวัดรอยเท้าหรือป่่าว มีอย่างอื่นแฝงเข้ามาหรือไม่ อย่างไร คิดแบบคนขี้สงสัยแบบผม มองอีกด้านหนึ่งด้วยความเป็นกลาง ไม่ได้ปรามาสใครน่ะครับ แค่ยกตัวอย่างครับ แล้วก็เปรียบเทียบเอาครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นกับตา จะไม่เชื่อครับ

 

ขออนุญาตลบข้อความเดิมทิ้ง ถ้าก่อให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจจากข้อความความที่พิมพ์ไปขออภัยไว้ด้วย
ไม่ได้มีเจตนาจะชวนทะเลาะแต่อย่างใด ถ้าข้อความใดก่อให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจก็ขออภัยทุกท่านไว้อีกรอบหนึ่ง

 

ประสบการณ์ล่าสุด น้ำมันเลียงผา

มาจากประสบการณ์เฉียดตายครั้งล่าสุดจากรถจักรยานยนต์ ก็ถือเป็นการเล่าให้อ่านกันเล่นๆก็แล้วกันครับ

ออกจากบ้านเวลาประมาณตีสี่ได้ ก่อนไปก็ตรวจสภาพทุกอย่างแล้ว ยางก็เปลี่ยนแล้ว ลมก็ไปเติมปั๊มที่มีตัวเลขแรงดันลมบอก ตามมารตฐานทุกอย่าง แล้วก็ขับไปถึงถนนบางประอินทร์ อยุธยา ข้ามสะพานบางบัวทองได้พักเดียว ยางก็แตก ล้อหลังปัดไปทางขวา จะขึ้นมาขนานกับล้อหน้า ด้วยความเร็ว 90 กม. แล้วก็ดูไปที่ปลัดกันภัยหลวงพ่อพิเชฐ ติดอยู่กับกุญแจ แล้วก็เอาไม่อยู่จริงๆครับ ก็เทกระจาดไถลลงไปกับพื้น หัวผมฟาดพื้น บริเวณหน้าก็ไถลไปกับพื้นนานพอสมควร แต่ในเวลานั้นเหมือนนานมาก จนหยุดไถล แต่มีหมวกกันน็อคอยู่ครับ ในช่วงเวลานั้นก็คิดว่าตัวผมเองคงจะตายแล้วหละครับ พอหยุดไถล ก็ลุกขึ้นมาด้วยอาการเจ็บขา เจ็บเข่า เจ็บแขน เสื้อแขนยาวที่คลุมเวลาขับรถยี่ห้อfila ก็ขาดรุ่งริ่ง ขาดทั้งตัว เสื้อข้างใน แขนสั้นอย่างหนา ก็ขาดทะลุมาครับ

ปรากฏว่าผมก็ลุกขึ้นมาเพื่อที่จะพยุงรถเข้าข้างทาง ก็ไม่ค่อยจะไหว แต่ก็พอเข็ญได้ พอเข็ญแล้วเงยหน้าขึ้น มีพี่สองผัวเมีย จอดรถรอผม รอที่จะช่วย เข้ามาถามว่าเป็นอะไรอยู่ดีๆรถก็แฉลบ ผมก็บอกว่า ยางแตกครับพี่ ก็คุยกับพี่เขาซักพัก ก็รบกวนพี่เขาให้ไปส่งที่บ้าน ลพบุรี หน่อย ผมก็จะจ่ายค่าน้ำมันให้ พี่เขาก็บอกว่า ไม่ต้องหรอก เด๋วไปส่งร้านปะยางให้ พอขับไหวหรือไม่ ผมก็บอกว่าพอไหวครับ แล้วก็ยกมอไซด์ผมขึ้นรถกระบะพี่คนนั้น สองคน นั่งไปซักพักเนื่องจากเช้ามืด ไม่มีร้านอะไรเปิดเลย พี่เขาก็ขับเลยไปถึง ท่าวุ้ง ลพบุรี แล้วบอกว่าเดี๋ยวไปส่งในเมืองน่ะ ผมก็บอกว่า ตอนนี้ขอโรงบาลครับ เจ็บแผลมากครับ แล้วพี่สองผัวเมีย ก็พาผมไปส่งโรงบาลลพบุรี สุดยอดแห่งน้ำใจที่ผมเจอครับ ขนาดไม่รู้จักน่ะครับ ผมถามชื่อ เบอร์โทร เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ประเสริฐมากครับ แล้วก็ไปล้างแผลและเช็คร่างกาย ฝากรปภ.โรงบาลให้หาคนมาปะยางให้หน่อย สุดท้ายก็ขับรถมอไซด์แผงคอเบี้ยวกลับบ้าน ด้วยอาการระบม ระยะทางประมาณเกือบยี่สิบกิโลเมตร พอถึงบ้าน แขนเริ่มยกไม่ขึ้น เป็นแขนขวา ถึงบ้านประมาณแปดโมงเช้าครับ พอข้ามวันเป็นวันที่14 นมบวมเป็นกะเทยเลยครับ แขนแย่มาก ยกแทบไม่ได้ ยกมือได้เต็มที่ไม่เกินหัวไหล่ครับ แล้วพี่กำธร(พี่โจ๊ะ)ก็มารับไปหาหลวงพ่อพิเชฐ (โปรดติดตามตอนต่อไป)

 

พี่สองผัวเมียท่านนั้นใจดีจริงๆครับผม

 

เป่ายันต์เกาะเพชร
ขอนแก่นมีจัดงานด้วยครับ
มีคนเอาใบปลิวมาเสียบหน้าบ้าน

 

พวกนี้ ผมเคยเจอมาที่นครปฐม แอบอ้างครูบาอาจารย์ ไปเช่าที่วัดเพื่อจัดทำพิธี บางทีกับวัดก็รู้กัน หารกันคนละครึ่ง หรือแบ่งคนละเท่าไร ว่ากันไปเลย ตอนแรกยังไม่เริ่มพิธี จะมีคนแต่งชุดขาวเหมือนพราหมณ์มาเป็นพิธีกร บอกให้ไปไหว้ที่นู่นที่นี่ พร้อมบูชาขันครู มีพระแบบปั๊มเองให้ 1 องค์ (เนื้อผง เพราะลงทุนไม่เยอะ) สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาทุกรูปแบบ เขียนชื่อใส่โลง พร้อมเงินทำบุญเกินอายุ ทำบุญซื้อโลงศพ ถวายมหาสังฆทาน (พราหมณ์ที่เป็นเจ้าพิธีบอกให้ทำและเรียกว่ามหาสังฆทาน) พอเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ก็ให้พระอะไรมาเป่าก็ไม่รู้ บอกว่าเป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค แล้วก็ให้หน้าม้า ทำมาเป็นของขึ้น และทำเป็นโดนของตอนสวดภาณยักษ์ แล้วก็ให้พวกห่มเหลือง มาจารที่หัว แถมตอนสวด หยุดพักขายวัตถุมงคลอีก ก่อนจะเป่ายันต์เกราะเพชร ผมตะโกนด่าไป เมื่อไรจะเป่าซักทีวะ ก็เริ่มเป่าได้ในทันทีทันใด ก็เป็นในทำนองนี้แหละครับ ไปลองดูได้ แต่ลองต้องอย่างเช่าอะไรของมันนะ ลองดูซัก 50 บาท นั่งดูพวกอลัชชี พวกนี้ดูครับ สนุกไปอีกแบบ เรื่องเป่ายันต์เกราะเพชร เป็นอะไรที่ผมบอกตรง ๆ เลยครับ ตั้งแต่หมดพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำแล้ว ผมว่าหายากครับ พระที่จะทำได้แบบท่าน จะมีก็แต่หลวงพ่อบุญมาก ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่นวล ซึ่งหลวงปู่นวล ก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปานอีกท่านหนึ่งเหมือนกัน และปัจจุบันนี้ หลวงพ่อบุญมาก ท่านก็ได้มรณะภาพแล้วครับ หมดจริง ๆ แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผมว่าในปัจจุบัน ในบรรดาพระหลวงพ่อแล้ว ไม่ใช่หลวงปู่นะครับ ผมว่าหลวงพ่อพิเชษฐ์ วัดโคกหม้อ นี่แหละครับของจริง กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ วัตถุมงคลก็เข้าวัดทุกชิ้น ไม่มีพวกสูญพระ มาเกี่ยวข้องให้ปวดหัวใจครับ และที่สำคัญ ท่านไม่แอบอ้างครูบาอาจารย์ เรื่องเป่ายันต์เกราะเพชร ครับ

 

ส่วน พระที่สามารถเป่ายันตรืเกราะเพรชสูตรเดิม ยังมีอยู่ครับ และเป็นสายหลวงพ่อปาน โดยสามารถสืบ ถึงได้โดย มีหลักฐานยืนยันไม่หลักลอย ไม่มั่ว ไม่จัดปาหี่ หลอกเอาเงิน ครับ และเก่งไม่แพ้ครูอาจารย์ ผมไม่ได้มาดันอาจารย์ของตัวเอง เพียงแต่ผมอยากบอกว่า ของดี ดังสมัยครูอาจารย์ยังมี อยู่ ผมแนะนำหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี ครับ อยากให้ไปสัมผัสท่าน ด้วยตัวเอง ท่านสืบวิชามาจากหลวงปู่ช่อ ซึ่งมีหลวงพ่อเมี้ยน หลวงปู่เชิญ หลวงพ่อมี เป็นพยาน และหลวงพ่อมียังรับ หลวงพ่อเณร เป็นศิษย์ แต่ท่านกลับไม่สอนวิชาสายหลวงพ่อปานให้ท่าน บอก แค่หลวงพ่อช่อองค์เดียวก็ครอบครุมหมด แล้ว ซึ่ง ถ้าอยากรู้ว่าท่านดี และเป็นพระจริงอย่างไรผมอยากให้ ไปหาท่านดูครับ และ เราจะได้ เห็น เงาของครู อาจารย์ที่ทับผ่านร่างท่าน ท่านอยู่ ที่บางนา ราม2 นะครับ อยากให้ลองไปดุ

 

ก็ศรัทธาใคร ก็ศรัทธามันครับ สุดท้ายแล้วก็ต้องพึ่งตัวเอง เพื่อหลุดพ้นกันทั้งหมด

อย่าบอกว่าใครรับยันต์เกราะเพชรแล้วจะไม่ตาย ก็ตายกันอยู่ดีแหละครับ

อย่างที่หลวงพ่อพิเชฐท่านกล่าวไว้ พระเครื่อง ไม่ได้กันตายน่ะ ถึงเวลาก็ต้องตายอยู่ดี กุ่ย ท่าพระจันทร์เป็นตัวอย่างที่ดีครับ

ก็แล้วแต่จะคิดกันครับ ว่าจะเชื่ออะไร ส่วนผมหนึ่งคน ที่ไม่เชื่ออินเตอร์เน็ต ประวัติต่างๆ สืบทอดกันมา แต่งเรื่องโยงเรื่อง มั่วกันเข้าไป

คนเรามีศรัทธาเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องศรัทธาด้วยปัญญาครับ อย่าได้มองว่าตัวเองเป็นผู้ถูก ใจกลางๆไว้เวลาอ่านอะไรในอินเตอร์เน็ต

ผมโพสให้อ่านกันก็บอกอยู่เสมอว่าให้คิดกันเอง ว่าจริงหรือไม่ แต่ผมก็ยืนยันด้วยตัวเองว่าจริง ส่วนคนอ่านจะเชื่อหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ใช้ปัญญาพิจารณาเอาครับ

ง่ายๆน่ะครับ ให้ไม่เชื่อไว้ก่อนครับ จะได้ไม่โดนหลอกง่ายๆ ศรัทธาก็นำมาใช้ในการปฏิบัติธรรมครับ

ส่วนที่ให้ผมอ่านทบทวนหลายรอบ ผมก็ต้องบอกว่า ขออ่านแค่รอบเดียว แล้วก็ไม่เชื่อการโพสในอินเตอร์เน็ตด้วย ถ้าผมไม่ได้ยินจากปากของพระครูปลัดท่านครับ

ที่ผมขออ่านรอบเดียวก็เพราะว่า อ่านกี่รอบก็อักษรเดิม และสมองขี้เลื่อยแบบผมก็สามารถอ่านแล้วเข้าใจ แต่ไม่ตกลงปลงใจว่าจะเชื่อสิ่งที่ลิงค์มา เชื่อตามคำสอนของพระศาสดาว่าไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ และผมก็มีสมองขี้เลื่อยๆของผมไว้ทำอย่างอื่นครับ ไม่มาสนใจกับเรื่องแบบนี้ครับ แต่ที่ผมโพสเรื่องต่างๆ ผมก็เขียนเอง ประสบการณ์ตรง ไม่ได้ลอกมาจากใคร เรียบเรียงเอง ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างศรัทธา อย่ามาแหนบแนมให้อ่านหลายรอบครับ ไม่ได้เป็นเรื่องดีครับ เพราะพิมพ์มาด้วยโทสะ ประชด ประชัน ทำให้เกิดการทะเลาะกันเปล่าๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ดีครับ

ควรจะพิมพ์ว่าลองอ่านข้อมูลในนี้ดูนะครับ แล้วก็ลิงค์มาครับ ไม่ใช่แบบที่คุณทำ เพราะว่าผมไม่ใช่นักเลง มาท้าผม ผมก็ไม่สู้ครับ

ทั้งนี้เพื่อการเสวนา แลกเปลี่ยนมุมมอง ไม่ใช่ว่าที่ข้อมูลที่คุณหามาจะถูกต้องเสมอไป และเป็นการชวนคุย ไม่ได้ชวนทะเลาะแบบนี้ ทบทวนสิ่งที่พิมพ์ก่อนโพสน่ะครับ

 

ก็เป็นอาชีพของเขาครับ

ลองไปร่วมงานด้วยความสนุกก็ได้ครับ

เพราะว่าถ้าทำกันจริงๆแล้ว ไม่ต้องมีใบปลิวหรอกครับ เดี๋ยวก็ดังเอง

เดี๋ยวนี้เป็นยันต์เกราะเพชรสัญจรแล้วครับ อีกหน่อยก็โทรสั่งได้แบบดิลิเวอรี่ครับ

 

55555555 โทรสั่งได้ด้วย

ผมว่า ตอนนี้ยังไม่เกร่อนะ แต่ว่าจะเริ่มไปเกร่อที่ตามต่างจังหวัดรึเปล่าไม่รู้เพราะแถวบ้านผมยังไม่ค่อยได้ยิน

ช่วงนึงสมัยเด็กวัยรุ่น จะได้ยิน จะได้เห็นใบปลิว เห็นโฆษณาเรื่องการสวดภาณยักษ์เยอะมาก

มาอีกช่วงนึง หลังจากบวชสึกมาแล้วจะเป็นช่วงเวลาของ บรรดาอักษรทั้งหลาย เช่น ฟ ห ก ด ่ า ส ว ต่างๆ ว่าถ้ามีอยู่ในชื่อจะต้องสเดาะเคราะห์ ไม่งั้นจะโดนเอาชีวิต

อีกพักนึงก็แห่บูชาราหู ต้องเซ่นต้องสรวงต้องทำพิธี ด้วยของดำ

อีกพักนึงก็ ช่วงคู่แฝดออกมาพูดเรื่องกุมาร หลังจากนั้นก็จะมีวัดจัดทำบุญให้เด็กที่ถูกทำแท้ง วิญญาณเด็กเร่ร่อน

อีกหน่อย ถ้าเดาทางไม่ผิด จากที่มีคนบอกว่าขอนแก่นจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วมีแจกใบปลิว อีกหน่อยก็คงเป่ากันทั่วไปแล้วก็เดินแจกใบปลิวแบบเหตุการณ์ข้างต้นแน่ๆ:boo: