โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    แบบนี้ก็เข้าลักษณะของคนหลายใจล่ะครับ มีตุ๊บๆข้างขวาเพิ่มมาด้วย
    ของใครเอามาฝากใว้รึเปล่า รับฝากมาใว้ในใจมากไป

    ให้สนใจตรงเสียงเต้นครับ ถ้าหัวใจอยุ่ข้างขวาก็ไปฟังข้างขวา มันดังตรงไหน
    ให้นิ่งฟังตรงนั้น น้อยคนครับที่หัวใจจะอยู่ข้างขวา
    ฟังไปเรื่อยๆจนร่างกายเราปรับเข้าใกล้ธรรมชาติ จะสัมผัสธรรมชาติได้ละเอียด
    นุ่มนวลมากขึ้นครับ การที่เราฟังเสียงที่เต้นเร็วหรือช้าอย่างไม่ฝืนมันจะปรับเอง
    ครับ และความฟุ้งซ่านตลอดจนนิวรณ์ทั้งหลายก็จะถูกขจัดไปเอง เมื่อเราฟังจน
    ชำนาญเราจะขจัดนิวรณ์5ด้วยอัตโนมัติ ทำให้เราเข้าฌาณง่ายมาก เมื่อใดที่
    นิวรณ์ตัวใดตัวหนึ่งใน5อย่างเกิดเราจะไม่ได้ยินเสียงทันที เคลิ้มไปก็ไม่ได้ยิน
    สติเข้มแข็งไปก็ไม่ได้ยิน เกิดความคิดฟุ้งในหัวก็มีเสียงความคิดมากลบมันอีก
    เลยกลายเป็นว่า นิวรณ์5ถูกขจัดไปโดยมีเสียงหัวใจเต้นเป็นตัวผลลัพธ์และมี
    ตัวเราที่สร้างโอกาสและปัจจัยให้การขจัดนิวรณ์เหล่านั้นออกไป

    เมื่อไม่มีด่านนิวรณ์กั้นขวาง จิตสงบเรียบต่อเนื่องชั่วขณะก็เข้ามาแล้วครับ
    เมื่อเคยข้ามพ้นมันครั้งหนึ่งจะเหมือนมีสายใยให้เราสาวไปหาความสงบในครั้ง
    ต่อไปเอง
     
  2. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอเรียนถามท่านจิโปครับ เห็นมีคนกล่าวถึงอสุภกรรมฐานว่าแก้กามราคะ อยากเรียนถามว่าเขาฝึกกันโดยคล้ายกสิณหรือไม่ครับ เขาให้พยายามเพ่งและจดจำภาพหรืออย่างไรครับ เมื่อเห็นสาวสวยจึงสามารถทำให้มองเป็นอสุภได้ครับ
     
  3. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1418543/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    แง..แง รังแกยาย เรียกซะแก่เลยนะ แรงนะเนี่ย
    แล้วหนูจะทำงัยหล่ะคะมันเน่าไปแล้ว หนูก็ต้องฝึกใหม่
    แล้วจะฝึกอะไรดีหล่ะคะ หนูก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็พอฝึก ๆ ไปเค้ามาบอกว่าหยุดอย่าฝึก แล้วหนูก็เชื่อ ตกลงเราควรพิจารณาเองใช่มั้ย เพราะมันเป็นการฝึกของเราเอง ไม่ใช่เค้าฝึก (อาจจะทดสอบความหนักแน่นของเรา ..เข้าข้างตัวเอง แฮ่ ๆ )
    เฮ้อ! กลุ้ม ทำงัยดีคะ

    ก็ไม่ทราบว่าได้หรือไม่ได้ หรือยังงัย ก็เลยหยุด ถ้าฝึกไปเรื่อย ๆ อย่างนึงให้เกิดวสี อืม อันนี้เข้าใจ
    แต่ตอนนี้สิ หนูจะเริ่มที่อะไรดีหล่ะ ในเมื่อมะม่วงมันเน่าไปแล้วกินไม่ได้แล้ว

    เมื่อคืนเห็นตัวเองจะไปบวชเป็นหลวงจีน มี 3 คน หนีความวุ่นวายทางโลก กำลังจะเข้าวัดไปบวช เห็นอาจารย์นั่งอยู่ อาจารย์รู้ว่าจะไปบวชก็แว๊บตัว หายไป จะมาหาเรา เพราะรู้ว่าเราจะมาบวชกับเค้า

    พอดีเมื่อคืนนึกเบื่อ ทำงานบ้านให้ครอบครัว ก็ไม่ได้ทำงานในห้องให้สามี สามีก็บ่น พอทำให้สามี งานในบ้านก็ต้องละไว้ก่อน ทางบ้านก็บ่น ที่ทำงานก็บ่น ตกลงจะให้หนูทำให้หมดทุกคนเหมือนฮิปโปเลย กรำ หนูเลยโมโห..บอกกับแม่ว่าวุ่นวายกันดีนัก เดี๋ยวหนีไปบวชซะนี่ เมื่อคืนเลยฝัน เฮ้อ! ชักเบื่อ ๆ เหมือนกัน

    ขอกราบพี่จิ-โป งาม ๆ ช่วยกรุณาบอกอีกทีนึงเถอะค่ะ ว่าหนูจะทำอะไรในตอนนี้ ที่ทำแล้วจะได้ผล คือถ้าเลยช่วง ๆ นี้ไปทำไม่ได้แล้ว หนูจะได้ทำตลอดเลยจะได้ฝึกให้เกิดวสี ซะดี งานนี้เอาจริง ๆ นะคะ
     
  5. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    โอ๊ะ คุณ ainteerati กลับมาแล้วเหรอครับ
     
  6. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    โลกนี้วุ่นวายสับสนแท้น้อ
    ทุกคนได้แต่อยาก เพื่อสนองความต้องการของตัวเองทั้งนั้น เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์
    และลืมมองไปว่า มันเหมาะมั้ย มันควรมั้ย มันไหวมั้ย ทำมัยมันถึงทำไม่ได้ ยื้อกันไปยื้อกันมา วุ่นวายซะจริง ๆ เฮ้อ!
     
  7. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    สวัสดีครับคุณ ainteerati นึกว่าจะไปบวชบนเขาซะแล้ว ความร้อนในกาย
    ต้องปล่อยวางนะครับ พระท่านเองยังไม่เดือดร้อนเราก็อย่าไปเดือดร้อนแทนตัว
    ท่าน เราก็ทำเหมือนพระ คือยิ้มอย่างเดียวใครจะว่ายังไงก็ปลง
    "อะเสวะนาจะพาลานัง ปัณฑิตานัญจะเสวะนา"

    เรื่องอสุภะนะครับ

    คนเราทั้งหลายมีจิตใต้สำนึกที่บันทึดใว้ด้วนประสบการณ์ บางคนในตอนเด็ก
    กินของเปรี้ยวแล้วชอบ บางคนกินเปรี้ยวแล้วท้องเสียเลยไม่ชอบ พอทั้งสอง
    เห็นมะม่วง คนนึงก็อยากกินน้ำพริกปลาหวาน อีกคนเมินไม่สนเอาใว้กินตอน
    ที่มันสุกหวานๆดีกว่า นี่มาจากจิตใต้สำนึกครับ เมื่อเรากินมะม่วงเปรี้ยวๆ จิต
    เราก็จะรับส่วนของวิญญาณยตนะจากลิ้น มาปรุงที่ใจ ส่งให้จิตใต้สำนึกมารู้
    สึกว่ารสนั้นชอบหรือไม่ชอบ เหมือนเราเห็นผู้หญิงสวยๆชั่วแว๊ปนั้นเองจิตใต้
    สำนึกว่ารู้ว่าสวยเพราะขาวอวบ สวยเพราะรูปงาม สวยเพราะหน้าตาดี นี่เพราะ
    อะไร เพราะจิตใต้สำนึกเราชอบนั่นเอง

    ทีนี้อสุภะกรรมฐาน ท่านว่าด้วยการแก้ไขจิตใต้สำนึก เห็นศพแขนขาขาดก็
    นั้งมองจนจำติดตา แล้วจำรูปนั้นใว้จนแขนขามาต่อกันเหมือนคนปกติก็คือ
    สำเร็จอสุภะ จิตใต้สำนึกเราก็จะไม่ชอบรูปกายที่สวยงามเพราะเมื่อจิตปรุง
    มาให้จิตใต้สำนึกก็จะนึกถึงศพแขนขาขาด ปากมันก็บอกว่าสวยแต่ใจเราจะเฉยๆ


    แต่กสิณอย่างอื่นเช่นแสงสว่าง มันเกิดจากใจ ใจเป็นประธาณให้เกิดอารมณ์
    มันหยุดลงที่ใจไม่ใช่จิตใต้สำนึก เรามองออกไปเห็นแสงสว่างภายนอกก็รู้ว่าใน
    แสงมีอะไรแล้วมองเงามืดของสิ่งต่างๆก็รู้ว่านั้นไม่มืดแต่สว่างน้อย มองเห็นตึก
    เห็นต้นใม้ก็รู้ว่านั่นก็แสงน้อยธาตุอื่นมากเท่านี้ ประมาณนี้ไม่ใช่ตึก ลำต้นใม้นั้น
    ก็แสงแทรกอยู่ในธาตุดินน้ำลมไฟประกอบเป็นลำต้นใบใม้ปริมาณแสงมี
    ประมาณเท่านี้ธาตุมีเท่านี้ นี่กสิณแสงสว่าง มันเกิดที่ใจไม่ลงลึกถึงจิตใต้สำนึก

    ต่างกันตรงอารมณ์ที่ส่งมาจากใต้สำนึกกับอารมณ์ที่เกิดจากกสิณครับ
     
  8. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    วันนี้เซ็งสุด ๆ
    ถามตรงนี้นิดนึงค่ะว่า ถ้าจะให้ลงลึกถึงจิตใต้สำนึกจะทำงัย ถ้าเราฝึกกสิณแสงสว่างอยู่ มองเห็นคน ก็รู้สึกถึงแสงสว่างในตัวเค้า จนแสบตาไปก็มี
    แต่ถ้าจะให้ลงลึกถึงจิตใต้สำนึกต้องทำงัยคะ
    ขอบคุณค่ะ
    ถ้าถามว่า ทำเพื่ออะไร ก็เพื่อละกิเลสจากจิตใต้สำนึกค่ะ
     
  9. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ส่วนยายทีโอ ก็อายุเยอะแล้วแต่อาศัยว่าหน้าตาดีหน่อยเลยดูเหมือนไม่แก่(ชมละนะ)
    อะไรปรากฏก่อนก็ทำอันนั้นให้ชำนาญ กำหนดจิตปุ๊ปให้เข้าปั๊ปเมื่อชำนาญแล้วค่อยถอด
    ถอนกสิณ ไม่ใช่ว่ายังไม่เป็นวสีท่านบอกถอนก็รีบถอนเลย ก็อยากถามทำไมถามท่านก็บอก
    น่ะสิ แต่บอกแล้วเราเองต้องรู้ว่าเมื่อเวลาใดสมควรทำ เหมือนคนรักกันแค้เริ่มชอบก็บอก
    เลิกกันละ นี่ไม่เรียกว่าตัดรักได้ ไม่เจ็บมากแต่ตัดแล้วเขามาง้อก็คืนดีเขาอีก
    แต่เมื่อรักกันอยู่ด้วยกันนานพอสมควรแล้วตัดรักอันนั้นเจ็บและตัดยาก อันนี้เมื่อตัดแล้ว
    จะไม่รักเขาอีกเลย กสิณก็เหมือนกันแค่เริ่มเป็นทีโอก็จะเพิกถอนกสิณ มันยังไม่ถึงเวลาต้อง
    เข้าลึกกว่านี้ก่อน เพื่อสร้างกำลังใจในการตัดที่มากกว่านี้

    ผมยังยืนยันคำเดิมว่าถ้าพบอาจารย์มาสอนทางทิพย์ให้เลิกฟังคำสอนของผมหรือคำ
    แนะนำจากปุถุชนคนธรรมดาเพราะท่านจะตบแต่งจิตเราไปตามขั้นตอนเหมือนช่างปั้นหม้อ
    ท่านจะมีจังหวะในการสอนเรา มันจะได้ไม่ขัดแย้งกันในการปฏิบัติ ให้ดูอย่างเดียวว่าคำ
    สอนคำแนะนำเป็นไปเพื่อละกิเลสใหม ถ้าเป็นไปในทางละก็ทำเถอะ แต่ถ้าท่านบอกให้ไป
    โดดตึกตายก็อย่าทำ พิจารณาเองว่านี่มันไม่ได้ลดกิเลสเลยให้เราโดดตึกเพื่อละสังขาร
    เน่าๆแต่เป็นการสงเสริมกิเลสของใจเราให้หลีกหนีปัญหา ก็พิจารณาเอาเหมือนพระพุทธเจ้า
    ท่านทำทุกกิริยา อดอาหารเทวดาดันเอาข้าวทิพย์มาโป๊ะลงตามตัวให้ท่านคลายความทุกข์
    ท่านก็ยังมีสติห้ามเทวดาว่าไม่ให้ทำเพราะท่านต้องการอดเพื่อทดลอง

    อาจารย์ทางจิตเรา เราฟังได้ห้ามท่านได้ว่าเราต้องการอย่างนี้ ไม่ใช่ท่านบอกเอาแค่นี้พอ
    แหมก็พอสำหรับเทวดาแต่เราไม่อยากเป็นเทวดาใช่ใหม เราก็เถียงท่านบ้างสิว่าเราหวัง
    พระนิพพาน แค่นี้กิเลสเรายังไม่หมด เถียงหน่อย ไม่ใช่เห็นเทวดาแล้วตัวงอ นอบน้อม
    เทวดาก็มาจากคนนี่ล่ะอย่าเกรงใจมากนัก ขอบคุณที่ท่านมาสอน"แต่" ข้าน้อยหวังสูง ก็
    บอกไปอย่างนี้ ท่านอาจเปลี่ยนตัวให้พระเก่งๆมาสอนเราแทนเทวดาเพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่
    เทวดาหรืออาจารย์เบื้องต้นไม่สามารถสอนได้ ไม่ใช่มาทีไรห่มส่าหรีแดงมาสอนตลอด
    เข้าไปเมื่อไรก็คนเก่ามาพาไปตลอด นั่งแสดงว่าอะไร แสดงว่าเรายังอยู่ในชั้นเดิมไม่มีการ
    เปลี่ยนสภาพของจิตเราเลย (บอกเขาด้วยว่าผมคิดถึง ยายอะไรนะจำชื่อไม่ค่อยได้)

    อ่านตามช้าๆจะได้ค่อยๆคิด
     
  10. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    ไม่ใช่หรอกทีโอ กิเลสมันไม่ได้อยู่ที่จิตใต้สำนึก จิตใต้สำนึกเราเป็นเหมือน
    มารฐานเปรียบเทียบว่าชอบไม่ชอบ เช่นรสหวานเราว่าชอบก็นี่ล่ะจิตใต้สำนึก
    บอกว่าชอบ แต่ "เรา" นี่ล่ะว่าชอบ กิเลสมันอยู่ตรงนี้ ตรงอัตตาตัวตนนี่เอง
    เราละตัวเราว่าเป็นคนสัตว์สิ่งของ เป็นธาตุสี่ขันธ์ห้า เป็นรูปเป็นนาม นี่คือการ
    มองเพื่อละ แต่อสุภะเพื่อจิตใต้สำนึกเรานั้นประโยชน์มันอยู่ตรงรักษาระดับจิต
    ของผู้ปฏิบัติไม่ให้ไหลไปตามกิเลสว่า สวยงาม ว่าชอบ ว่ารัก ว่าน่ากินน่าใช้
    รักษาใว้ด้วยการไม่ชอบใจ ไม่เกลียด รักษาใว้ให้ใจเราอยู่กลางๆเป็นอัพยากฤต
     
  11. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ประโยชน์ของอสุภะกรรมฐานในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการถอดถอนกิเลส

    ท่านว่าในตอนที่ท่านกำลังเข้าฌาณสมาธิด้วนการกำหนดลม พอจิตท่านเข้าฌาณ
    เริ่งเห็นแสงสว่างก็หลุดเข้านิมิต ภาพปรากฏเสมือนจริง ตัวท่านก็นั่งอยู่ใต้ต้นใม้ มีหญ้า
    รองบนพื้นทับด้วยผ้าที่เอามาจากศพข้างถนน ร่างหญิงนางหนึ่งมายืนรำอยู่เบื้องหน้า
    เหมือนพระพุทธเจ้าเคยกล่าวใว้ แต่นางนั้นมาคนเดียว ฟ้อนรำนุ่งห่มด้วยผ้าน้อยผืน
    อันหน้านางเหมือนขวยอายเหมือนหนึ่งเปิดเผย
    ในขณะที่นั้นท่านเกิดความร้อนขุมหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากลมเบื้องล่าง ขณะนั้นฌานของท่าน
    แจ่มชัดไม่บิดพลิ้วไม่เคลิบเคลิ้ม ภาพยังชัดเจนเสมือนหนึ่งไม่มีนางนั้นร่ายรำอยู่
    ก่อนที่ความร้อนขุมนั้นจะทำให้ท่านเกิดราคะกิเลสนั้นเอง นางนั้นแย้มยิ้มออกมาด้วยความ
    ปิติว่าท่านจะเกิดกิเลส ท่านเองมองเห็นหน้าหญิงนั้นด้วยความเคลิ้มไปชั่วครู่ ทันใดนั้นเอง
    ท่านมองลงมาที่ริมฝีปากนาง มองเห็นไรฟันของนางแว๊ปหนึ่ง ด้วยความที่เคยปฏิบัติใน
    อสุภะกรรมฐาน ท่านบังเกิดคล้ายมองทะลุนางนั้นลงไปถึงกระดูกโดยเริ่มจากไรฟันนั้นเอง

    เมื่อท่านเห็นโครงกระดูกนั้น ร่างหญิงนั้นก็สลายหายวับไปต่อหน้าในขณะที่เข้าฌาณ
    สมาธิ ในขณะนั้นเองความสลดสังเวสในตัวของท่านเอง(ไม่ใช่ตัวนาง) ว่าท่านเองยัง
    มีเชื้อแห่งกิเลสที่อาจก่อเกิดได้จากอายตนะนี้ ท่านจึงเห็นว่าด้วยอายตานรูปกายมนุษย์
    นี้เองเป็นสื่อนำมาซึ่งกิเลส ท่านจึงสำเร็จซึ่งอนาคามีมรรคในบัดนั้น

    เหนื่อยแต่ซาบซึ้ง อ่านไปคิดไปครับ ผมเองพิมพ์ไม่ทันเว้นบาลีไปมากแต่เนื้อหาที่ท่าน
    เล่ามายังครบ พิจารณาไปนะทีโอว่ากิเลสมันอยู่ตรงไหน
     
  12. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    อนุโมทนาครับคุณ จิ - โป ผมทำได้แค่จำภาพศพเอาไว้แล้วพอเห็นสวย ๆ ก็ยกมันขึ้นมาดูเทียบเอา พอแก้ได้บ้างนิดหน่อย :cool:
     
  13. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    อนุโมทนาค่ะ

    พิจารณาจนละเอียด ให้เรามองลมที่พุ่งขึ้นมาจนเกิดความร้อนจากเบื้องล่าง ว่านั่นกำลังจะเกิดเป็นกิเลส ที่เรียกว่า "ราคะ" ให้เรารู้สึกตรงนั้นให้ชัด เมื่อจำได้ เราจะสามารถถอดถอนกิเลส "ราคะ" นี้ได้ เพราะจำมันได้ ประกอบด้วยกับการเกิดราคะ ตอนที่เราอาจจะมองเห็นใครอยู่เบื้องหน้าแล้วลมร้อนกำลังจะพุ่งขึ้นมา ให้สังเกตและพิจารณาสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ว่าใจเรารู้สึกอย่างไร มันเกิดมาจากความพอใจของเรา เราก็ต้องเอาสิ่งที่ตรงข้ามกันมาลบล้าง เพื่อให้ใจเรามีความรู้สึกสลดสังเวชตัวเอง (ให้มองที่ใจตัวเองเป็นสำคัญ) ว่ามันเกิดจากร่างกายของเรา ซึ่งมันมีเชื้อของกิเลสตัวนี้อยู่นั่นเอง
     
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    แม่นางจินตนา

    ทีหลังเจอเค้าแล้วจะบอกเค้า ว่าเราต้องการนิพพาน ไม่ได้ต้องการเป็นเทวดา จะได้เปลี่ยนคนสอนมาให้เราซักที
    เราก็ไม่กล้าปฏิเสธเทวดา ก็ท่านอุตส่าห์มาสอน ตรงนี้นี่เอง ที่เน้นเรื่องอาจารย์ให้หนูฟัง
    หนูก็ถึงว่าทำมัยท่านถึงบอกว่า ถ้าท่านมาสอนอย่าไปถามท่านจิ-โป เพราะเหตุนี้นี่เอง ท่านปรับระดับจิตให้เรานะเอง ปกติแล้วท่านมาสอนก็ไม่เคยบอกว่า อย่าไปถามให้ท่านจิ-โปสอนอีก ก็เลยงง..ว่าตกลงเราถามไม่ได้ใช่มั้ย วันนี้รู้แล้วค่ะ เพราะอะไร จะได้ไม่ถามอีก

    แล้วเรื่องหลวงจีนที่บวช 3 คนนั้นเล่า เมื่อคืนเห็นตัวเองเป็นหลวงจีนไปแล้ว แต่ก่อนจะเป็นหลวงจีน ผู้ชายคนนั้นละกิเลสในส่วนของราคะแล้ว จึงจะเป็นหลวงจีนได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  15. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
     
  16. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1418776/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275

    สวัสดีครับคุณi3lack


    ........................
     
  18. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    ใช่ครับ ถูกแล้วและอย่าอ่านข้ามไปมาก ผมเองก็อ่านไปอ่านมาก็คิดว่า เอ
    ทำไมท่านไม่เล่าตอนท่านสำเร็จพระอรหันต์หรืออนาคามีผลไปเลย ทำไมต้อง
    เล่าตอนสำเร็จอนาคามีมรรค คือตอนที่เห็นกิเลสมันก่อตัวเกิดจากอายตนะ
    และอารมณ์สังเวสของพระอนาคามีมรรค ก็เลยคิดว่าในหมู่พวกเราเองยังไม่
    อาจข้ามพ้นไปรู้เรื่องเหล่านั้นได้ ท่านจึงบอกเล่าเพียงระดับนี้เพื่อให้เราไปทีละ
    ขั้น เข้าใจไปทีละหน่อยถ้าข้ามมากไปอาจเป็นอัตตาขึ้นมาอีก

    นักบวชที่เห็นมองออกจากตาเขารึเปล่ามีสามคนนั่งอยู่ในกระท่อมรึเปล่า บน
    เขามีหินเยอะๆใหม อย่าสนใจให้ดูที่อารมณ์ที่เกิด ตัดวางแค่ไหน ได้บุญมาก
    น้อยยังไงก็ร่วมอนุโมทนาเอาบุญนั้นด้วย ใสกระแสนั้นเราได้บุญเหมือนกับเรา
    บวชเอง เขาตัดแล้วเกิดอารมณ์ปลงยังไงดูตรงนั้น อย่าสนใจรูป
     
  19. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เค้าปลงโดยมองเห็นโทษของการมีครอบครัว มีลูก เค้าเบื่อหน่ายกับทางโลก เลยไปขอบวชกับอาจารย์ แต่ไม่ได้ห่มเหลือง เห็นเป็นหลวงจีน ใช่ชุดเหมือนพระจีนที่เป็นชุดสีขาว (เหมือนพี่จิ-โปเลย) ลักษณะสถานที่มันเป็นเนินขึ้นไปสูงค่ะ มีหินแหล่ะค่ะ อาจารย์นั่งอยู่บนหินมีอะไรซักอย่างล้อมรอบ แล้วก็เห็นอาจารย์นั้นแว๊บหายไป

    พอตื่นมามองเห็นอะไรมันก็เบื่อไปหมด แต่อารมณ์เบื่อนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มันจะรู้สึกแห้งแล้ง ห่อเหี่ยวหัวใจ แต่มัน รู้สึกเฉย ๆ แต่นิ่ง ๆ สบาย ๆ แต่มันก็รู้สึกสว่างมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ค่ะ เรียกว่า บางทีก็แสบตาเหมือนกัน ใครมาพูดอะไร หรือมาล้อเล่นอะไรด้วย เราจะมองดูตัวเราเป็นสำคัญก่อน ลมร้อนมันดันขึ้นมา ก็รู้สึกเร็วค่ะ พอรู้สึกซักพักมันก็หายไป เหมือนละอองไอร้อนน่ะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  20. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    มาอ่านเพิ่มเติม ทวนไปทวนมาหลายรอบ
    มันรู้สึกสลับกันนะ ว่าที่ทีโอ เป็นแบบนี้เพราะอะไรด้วย
    แม่นางที่ร่ายรำ มันคล้าย ๆ พอมามองย้อนไป มันพอจะเข้าใจ เหตุที่ทำให้เราเป็นแบบนี้

    ไม่ทราบเหมือนกันนะ ว่าทีโอมองลึกมากไปหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องทำความเข้าใจแล้วก็ละไป เพราะความสงสัยว่าเหตุมันไม่มีแล้ว
    และอีกอย่าง ราคะที่เกิดมันมาให้เรารู้เหตุและ ต้นตอมาจากไหน ทีนี้ก็เหลือว่าต้องดูให้ทันแค่นั้นเอง อืม..ล้ำลึก
    อนุโมทนากับท่านที่มาบอกด้วยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...