รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1004 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=35></TD><TD vAlign=top>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD width=100></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="95%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD><TD></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellPadding=1 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD background=/images/hor-line.gif height=10></TD></TR><TR><TD><TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=150>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG] GPS ทำงานอย่างไร
    <DD> </DD><DD>เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าเครื่อง GPS สามารถบอกตำแหน่งของเราได้อย่างไร การบอกตำแหน่งนั้นจะใช้หลักการทางคณิตศาสตร์และทางฟิสิกส์เพื่อคำนวณตำแหน่งให้ถูกต้อง ลองมาดูหลักการทำงานของ GPS อย่างง่าย ๆ กันว่ามีหลักการอย่างไร....อ่านต่อ [​IMG] </DD></TD></TR><TR><TD background=/images/hor-line.gif colSpan=2 height=10></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=150>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG] ส่วนประกอบของระบบ GPS
    <DD> </DD><DD>ระบบ GPS ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ด้วยกัน คือ ส่วนอวกาศ ส่วนควบคุม และส่วนผู้ใช้งาน ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ระบบ GPS สามารถทำงานได้ ลองมาดูรายละเอียดคร่าว ๆ กันว่าทั้ง 3 ส่วนนี้มีการทำงานกันอย่างไร....อ่านต่อ [​IMG] </DD></TD></TR><TR><TD background=/images/hor-line.gif colSpan=2 height=10></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=150>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG] รู้จักกับ GPS เบื้องต้น
    <DD> </DD><DD>GPS (Global positioning System) เป็นระบบบอกพิกัดผ่านทางดาวเทียม ซึ่งในปัจจุบันเริ่มนิยมใช้ในการเดินทาง สำรวจเป็นอย่างมาก เราจะลองมารู้จักกับเครื่องนี้กันว่าเป็นอย่างไร และจะนำมาใช้ประโยชน์ในการท่องเที่ยว และเดินป่าได้อย่างไร....อ่านต่อ [​IMG] </DD></TD></TR><TR><TD background=/images/hor-line.gif colSpan=2 height=10></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=150>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG] เทคนิคการใช้เครื่องครัว
    <DD> </DD><DD>การใช้เครื่องครัวก็เหมือนกับอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งจะมีเทคนิคเพื่อให้การใช้งานเป็นไปโดยง่าย และมีประสิทธิภาพที่สุด ลองมาดูเทคนิคเกี่ยวกับการใช้เครื่องครัวกันว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้สามารถใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด....อ่านต่อ [​IMG] </DD></TD></TR><TR><TD background=/images/hor-line.gif colSpan=2 height=10></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=150>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG] การเลือกซื้อเปล
    <DD> </DD><DD>การเลือกซื้อเปลในบ้านเราเลือกซื้อได้ไม่ยากนัก เพราะมีจำหน่ายเพียงไม่กี่แบบ แบบหลัก ๆ ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันคือแบบมีมุ้งและไม่มีมุ้ง แบบไม่มีมุ้งที่เป็นที่นิยมก็จะเป็นของยี่ห้อม้าลาย ส่วนแบบไม่มีมุ้งก็มักจะไปซื้อกันตามจตุจักรหรือหลังกระทรวง....อ่านต่อ [​IMG] </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.mrbackpacker.com/gear/
     
  2. NuJanBaBor

    NuJanBaBor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,861
    หลังเกิดภัยพิบัตินี่ คิดยัง ว่าจะไปทำงานไรต่อ

    อะไรๆ พังหมดแล้ว
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ยังไม่ต้องไปกังวลมากครับ

    ต้องแยกความคิดเป็นสองมิติ ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ไม่เกิดจะเป็นอย่างไร แล้วจึงทำปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ

    ถ้าอะไรๆ ก็พังไปหมดก็อย่าไปกังวลครับ เพราะทุกๆคนก็ต่างต้องพบกับสภาวะเดียวกันเหมือนกันครับ
     
  4. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ผมยังไม่คิดถึงนั้นเลย
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สำหรับการรวบรวมข้อมูลเรื่องภัยพิบัตินั้นขอให้ เน้นหนักในด้านการเตรียมตัวเพื่อรับภัยจากนิวเคลียร์ให้มากสักหน่อยครับ เพราะเป้นเรื่องสำคัญครับ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิธีทำน้ำให้สะอาด

    [​IMG]

    ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต คือน้ำ ความสะอาดของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการใช้ประโยชน์ในกิจการต่าง ๆ ไม่เท่ากัน การทำน้ำให้สะอาดมีหลายวิธีดังนี้
    <O:p</O:p
    3.1 การกลั่น คือกระบวนการต้มของเหลวให้กลายเป็นไอ และไอควบแน่นให้เป็นของเหลว จะทำให้ได้ของเหลวหรือน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด

    3.2 การกรอง เป็นวิธีที่แยกสารที่ไม่ละลายน้ำออกจากน้ำ โดยผ่านกระดาษกรองหรือวัสดุที่ใช้กรอง เช่น กรวด หิน ดิน ทราย ถ่าน ฯลฯ<O:p</O:p
    ในปัจจุบันได้มีการประดิษฐ์เครื่องกรองที่ใช้วัสดุต่าง ๆ กัน เครื่องกรองบางชนิดใช้ไส้กรองซึ่งทำด้วยเซรามิค สารช่วยดูดซับสี เพื่อทำให้น้ำมีความสะอาดมากขึ้น แต่การกรองไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้
    <O:p</O:p
    3.3 การต้ม เป็นวิธีทำน้ำให้สะอาดที่สะดวกและประหยัด ทำได้ด้วยการนำน้ำใส่กาต้มน้ำหรือภาชนะอื่นที่ทนไฟ แล้วนำน้ำไปผ่านความร้อนด้วยการต้มให้เดือด น้ำที่ต้มแล้วเหมาะแก่การดื่มเพราะผ่านการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนแล้ว


    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR style="HEIGHT: 135.95pt"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; WIDTH: 444.1pt; PADDING-TOP: 0cm; HEIGHT: 135.95pt" vAlign=top width=592>3.4 การตกตะกอน เป็นวิธีการทำน้ำให้สะอาด โดยการใช้สารส้มแกว่งในน้ำจะทำให้สิ่งที่เจือปนอยู่ในน้ำตกตะกอนสามารถนำไปใช้อาบและซักผ้า แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาดื่ม เพราะยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรค

    <O:p</O:p

    3.5 การทำน้ำประปา กระบวนการทำน้ำประปา เริ่มจากสูบน้ำจากแหล่งน้ำจืดเข้าสู่ถังตกตะกอน ขั้นนี้จะเติมปูนขาวเพื่อลดความเป็นกรดในน้ำและใส่สารส้ม เพื่อช่วยให้ตกตะกอนได้ดียิ่งขึ้น แล้วนำไปผ่านการกรองอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้น้ำใสมากขึ้น จากนั้นจึงใส่คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วจึงส่งไปยังถังเก็บน้ำใสและส่งน้ำไปยังโรงสูบจ่ายน้ำเพื่อส่งน้ำประปาไปบริการประชาชนต่อไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 222.JPG
      222.JPG
      ขนาดไฟล์:
      10.2 KB
      เปิดดู:
      152
    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      5.7 KB
      เปิดดู:
      1,281
    • untitled2.JPG
      untitled2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      13 KB
      เปิดดู:
      121
    • untitled1.JPG
      untitled1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      21.4 KB
      เปิดดู:
      140
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2007
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิธีหาน้ำในป่า

    น้ำถือเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับนักเดินทางทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มของคนเดินป่า น้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง บางครั้งสำคัญกว่าอาหารด้วยซ้ำไปเพราะสภาพร่างกายของคนเราสามารถที่จะขาดสารอาหารได้ดีกว่า ขาดน้ำเราไม่สามารถอดน้ำได้ เพียงแค่วันเดียว โดยเฉพาะการเดินทางในเขตป่าลึกในเส้นทางที่ต้องขึ้นเขาสูงชัน น้ำถือว่าเป็นปัจจัยที่เราจะต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ๆ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงระหว่างการเดิน แม้กระทั่งบริเวณในการตั้งแค้มป์ ล้วนแล้วแต่ต้องคำนึงถึงแหล่งน้ำเป็นสำคัญ

    วิธีหาน้ำในป่ามันก็พอมีวิธีอยู่นะ แต่เท่าที่ผมรู้ตอนนี้มีอยู่ 2 วิธี

    1. ใช้มีดตัดเถาวัลย์ แล้วก็กินน้ำที่หยดลงมานั่นแหละ หรือจะใช้มีดเจาะลำปล้องไม้ไผ่ให้เป็นรูแล้วก็ตัดเอากิ่งไผ่เล็กๆ เอามาทำเป็นหลอด แล้วก็ดูดเลย แต่อาจจะโชคร้ายไปเจอปล้องที่มีนำเน่าอยู่ได้ เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ ดูดลองดูก่อน

    2. วิธีนี้จะต้องใช้เวลาสักหน่อยแต่จะได้น้ำที่สะอาดแล้วก็ปลอดภัย คือจะต้องเอาถุงพลาสติกหรือผ้าใบมาใหญ่ประมาณ 1.5 x1.5 ฟุต จากนั้นก็ขุดหลุมกลางแจ้งลึกประมาณ 1 ฟุต เอาแก้วหรือกระป๋องวางที่ก้นหลุมแล้วเอาพลาสติกคลุมปากหลุม เอาหินทับที่ขอบพลาสติกให้หนัก แล้ววางหินไว้บนพลาสติกที่ปากหลุมนั่นแหละ รอนานมากแต่ได้กินน้ำสะอาดแน่นอน ​



    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [SIZE=-1]เครือเขาน้ำหรือเถาวันที่เราสามารถที่จะตัดมาดื่มน้ำในเถาวันไดผมหาเจอข้อมูลจาก[/SIZE][SIZE=-1]หนังสือคู่มือการใช้ชีวิตกลางแจ้งครับเห็นว่าน่าสนใจดี จึงนำมาเสนอด้วยครับ....[/SIZE]

    [​IMG]

    [SIZE=-1]เครือเขาน้ำนี่เป็นพืชเถาวัลย์ชนิดหนึ่งครับ ชาวบ้านก็เรียกว่าเถาวัลย์น้ำหรือเถาน้ำ เครือเขาน้ำมีขึ้นอยู่ทั่วๆไปในป่าดิบในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เวลาจะหาเครือเขาน้ำ ก็สังบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ใบสีเขียว (แม้ว่าจะเป็นหน้าแล้งซึ่งต้นไม้อื่นผลัดใบกันหมดแต่จะมีต้นไม้ใหญ่บางกลุ่มที่ยังมี ใบเขียวอยู่ เพราะในดินบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นหรือมีตาน้ำอยู่ ซึ่งเครือเขาน้ำจะขึ้นพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่ในบริเวณนี้เอง) ลักษณะของเครือเขาน้ำเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ที่ขึ้นพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่อีกทีหนึ่ง[/SIZE]​
    [SIZE=-1]

    ลักษณะของลำต้นแก่จะกลม และมีเปลือกแตกเป็นร่องลึก ส่วนยอดอ่อนจะมีลักษณะแบนเล็กน้อย ใบจะเป็นใบย่อยจำนวน 3 ใบ วิธีตัดให้ใช้มีดคม ๆ ตัดครั้งแรกให้สูงที่สุดที่สามารถตัดได้ แล้วจึงตัดที่โคนเถาเครือเขาน้ำอีกครั้งหนึ่ง น้ำซึ่งอยู่ภายในเถาจะไหลออกมาให้นำภาชนะมารองน้ำนั้นหรือถือเถาขึ้นสูงให้ น้ำไหลลงสู่ปากเลยก็ได้ น้ำที่ไหลออกมานี้สามารถรับประทานได้เลยทันทีโดยไม่ต้องต้ม น้ำจะมีลักษณะใสเหมือนน้ำประปารสจืดสนิท
    และมีกลิ่นเขียวของพืชอ่อน ๆ ถ้าไม่แน่ใจว่า เถาที่ตัดมานั้นเป็นเครือเขาน้ำหรือไม่

    เราก็มีวิธีการที่เรียกว่า "ชิมคอย" คือชิมทีละนิดโดยเริ่มจากหนึ่งหยดก่อนแล้วคอยดูอาการประมาณ 15 นาที หากไม่มีอาการแพ้ อาการคันใด ๆ แล้ว ก็ให้ชิมอีกครั้ง โดยเพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อย เมื่อดู อาการว่าไม่แพ้พิษใด ๆ แน่แล้ว จึงดื่มในปริมาณมากต่อไป ......เมื่อน้ำหยุดไหล มิได้แสดงว่าน้ำในเถาที่เราตัดมานั้นหมด แต่เป็นเพราะว่าเถาเครือเขาน้ำจะปล่อยยางบาง ๆ ออกมาปิดส่วนเนื้อไม้ตรงส่วนบนที่เราถูกตัด ถ้าเราต้องการจะดื่มน้ำอีกก็ให้ทำการตัดเถาที่บริเวณส่วนบนและส่วนล่างอีกครั้ง โดยตัดให้ถัดเข้าไปจากรอยเดิมพอประมาณ น้ำก็จะเริ่มไหลออกมาอีก​
    [/SIZE][SIZE=-1]

    [/SIZE][/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2007
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ฤดูหนาวนิวเคลียร์ Nuclear winter (จากวิชาการ.คอม)

    ในกรณีที่เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาจริง ๆ และมีการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ในจุดต่าง ๆ ทั่วโลก สิ่งแรกที่เป็นอันตราย คือ แรงระเบิด ไฟนิวเคลียร์ และ กัมมันตภาพรังสี หลังจากนั้น สิ่งที่เป็นอันตรายที่จะยืนยงอยู่ยาวนาน คือ ฝุ่นกัมมันตภาพรังสี และสิ่งที่เกิดขึ้นอาจช้าหน่อย แต่จะยืนยงอยู่ยาวนานหลายเดือน หรือเป็นปี แต่จะไม่นานเป็นร้อยๆ หรือเป็นพันๆ ปี ดังเช่น ฝุ่นกัมมันตภาพรังสี คือ สภาพของฤดูหนาวนิวเคลียร์

    ฤดูหนาวนิวเคลียร์ เกิดจากการที่ควันและฝุ่นผง ฟุ้งกระเด็นกระจายจากพื้นดิน ขึ้นสู่บรรยากาศ แผ่จับกันเป็นชั้นหนาแน่น ปกคลุมโลกทั้งโลก ทำให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุลงมาพื้นผิวโลกไม่ได้ โลกจึงตกอยู่ในสภาพมืดและหนาวเย็น

    สำหรับมนุษยโลก ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ สิ่งแรกที่จะเกิดคือ มนุษยโลกประมาณครึ่งหนึ่งจะตายทันที แต่ผู้ที่ตายทันทีอาจโชคดีที่ได้ตายก่อน ! เพราะมนุษย์ที่เหลืออยู่ต้องทนทุกข์ทรมานกับฝุ่นกัมมันตภาพรังสี และสภาพของฤดูหนาวนิวเคลียร์

    ที่มา http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=101&Pid=12837&PHPSESSID=

    ในความคิดของผม คิดว่าปัญหาเรื่องอาวุธนิวเคลียร์นั้นสำคัญก็จริง แต่จะส่งผลกระทบกับประเทศไทยน้อยมาก สังเกตุจากคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และครูบาอาจารย์ต่างๆ ก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยจะปลอดภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ แต่จะมีละอองของรังสีนิวเคลียร์พัดมาจากประเทศจีนบ้างเท่านั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากอาวุธนิวเคลียร์ คือเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลกเรื่องฤดูหนาวนิวเคลียร์ที่จะเกิดขึ้นมากกว่า เพราะประเทศเราไม่เคยชินกับอากาศที่หนาวจัดเป็นเวลานานๆ ส่วนปัญหาเรื่องละอองรังสีนิวเคลียร์นั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะบารมีของพระพุทธคุณในพระเครื่องต่างๆ สามารถป้องกันได้(แต่เฉพาะคนที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น)
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ผมเห็นด้วยกับพี่เกษมครับ ที่ผมได้เห็นจากสมาธิ กรุงเทพและประเทศไทยไม่ถูกระเบิดนิวเคลียร์ตรงๆครับ สิ่งที่ประเทศไทยประสบก็คือถูกผลกระทบของมหาสงครามนิวเคลียร์ครับ

    1.ผลกระทบ จากความแตกตื่นและความกลัวของประชาชน ที่เห็น และทราบข่าว ว่าเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกถูกโจมตี จึงเกิดความตื่นกลัว และรีบหลบหนีออกจากเมืองใหญ่ มีผลทำให้เกิด การจราจล ความแตกตื่นอย่างควบคุมไม่ได้ มีผลให้ มีการฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิง ข้าวของ อาหาร ยานพาหนะ เท่าที่ทราบมีคนตายจากเหตุการณ์นี้ไม่น้อยครับ

    2. ผลกระทบ จากการระเบิดของนิวเคลียร์ทั่วโลก ทำให้เกิดฤดูหนาวนิวเคลียร์ ที่มีผลมาจาก ฝุ่นละออง ของกัมมันตรังสี แผ่ปกคลุมท้องฟ้าทั่วโลกมีผลให้ ท้องฟ้ามืดมิดไปหลายวัน ผู้คนหวาดกลัวจนสติแตกกันในช่วงนี้มาก

    และที่สำคัญอุณหภูมิจะลดต่ำลงอยู่ในระดับ ลบ สิบ ถึงยี่สิบ องศา จะได้เห็นหิมะตกก็ช่วงนี้ ยิ่งถ้ามีกระแสลมพายุ มาโหมด้วย สิ่งมีชีวิตจะถูกฟรีซ ได้ในเวลาไม่นาน ถ้าไม่มีการเตรียมสถานที่ และวิธีการจัดการเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า จะมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้มากที่สุด เหตุการณ์หนึ่งครับ

    ส่วนละอองของกัมมันตรังสีนั้น ผู้เชื่อมั่นในพุทธคุณน่าจะรับมือได้ครับ แต่เราต้องเตรียมความรู้ไว้เผื่อท่านอื่นที่มีกำลังฌาน กำลังสมาธิ ที่ไม่เสมอกัน ทุกคนให้พวกเขาด้วยครับ เพราะถึงจุดศูนย์กลางการระเบิดอยู่ห่างออกไปแต่ ถ้าไม่มีความรู้อะไร เลย ปฏิบัติตัวผิดหรือไม่มีเครื่องป้องกันเลย ก็อาจตายได้ครับ

    3.ผลกระทบจาก สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์นี่ล่ะครับที่จะทำให้มีการฆ่าฟันแย่งชิง ปัจจัยสี่กันอีกครั้งหนึ่ง แม้ในยามเกิดภัยพิบัติ บางท่านก็เห็นธรรม แต่บางคน กลับยิ่งเห็นแก่ตัว
    ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันเผยแพร่ ปลูกฝัง ธรรมมะ ความดีงามของจิตใจ และการเสียสละกันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
     
  10. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ถ้าเป็นอย่างที่คุณคณานันท์ว่า ก็คงยากหน่อยครับที่จะเตรียมตัวรับกับเรื่องนี้ เพราะว่าคนทั่วไปก็คงไม่คิดเตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวเท่าไร ถ้าเป็นคนเมืองกรุงที่ไปเที่ยวนอกหรือออกไปเที่ยวที่หนาวๆบ่อยๆก็คงมีเสื้อกันหนาวและอุปกรณ์กันหนาวกันพอสมควร(บางคนก็หายืมเพื่อนเอา) แต่ก็คงไม่พร้อมใช้งานแบบฉุกเฉิน
    ถ้าคนทางเหนือและอิสานก็คงมีการณ์เตรียมเรื่องพวกนี้ไว้บ้างเพราะว่าเจออากาศหนาวเป็นประจำทุกปี ถ้าจะมีก็คนที่ชอบออกเที่ยวแบบลุยๆหน่อย จะมีครบ ถุงนอนชนิดที่กันหนาวในสภาวะอุณหภูมิติดลบน่าจะหาซื้อมาเตรียมกันไว้ครับ ถ้าพอมีกำลังซื้อ อย่างที่ผมเห็นมีขายก็ราวๆพันบาทเศษๆ

    เสื้อหนังที่พอดีตัวก็ควรหามาไว้สักตัวครับ เพราะว่ากันลมเข้า เอาราคาไม่ต้องแพงมากหามือสองหรือของไม่ค่อยมียี่ห้อก็ได้ ที่บอกว่าเอาที่พอดีตัวก็จะได้แนบชิดตัวจะได้อุ่นครับ การที่ทำให้ร่างกายอุ่นด้วยเสื้อผ้าควรจะสวมตัวที่พอดีตัวไม่สวมที่หลวมๆ แล้วมีหลายชั้นก็อุ่นได้ครับ อย่างถ้าเสื้อยืดสักสองตัว เสื้อหนังหนึ่งตัวแล้วมีเสื้อกันหนาวหนาๆอีกตัวใส่ไว้อย่างนี้ก็พอรับอุณหภูมิติดลบได้ครับ ส่วนกางเกงก็เช่นกันต้องใส่หลายตัวหน่อย

    เรื่องการกินควรหาอาหารที่กินแล้วเพิ่มพลังงานอย่างเช่นพวกพริกไท( อันนี้ผมนึกได้แค่นี้นะ)

    เรื่องที่พักก็น่าจะทำพิเศษเพื่อป้องกันความหนาวจากข้างนอก ดูอย่างเรื่อง The Day After Tomorrow ความหนาวจะแซกซึมไปในอาคาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2007
  11. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    เห็นภาพเหมือนกันเลยครับคุณคณานันท์ น่ากลัวจริงๆ คนฆ่าคนด้วยกันเองอย่าทารุณ แต่เมื่อเห็นภาพแล้ว ข้อดีคือเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวครับ
     
  12. กัลคี

    กัลคี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2007
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +568
    ขอบคุณสำหรับข่าวสาร
    ขอเชิญร่วมทำบุญและเที่ยวงานนมัสการพระธาตุพนม 26 ม.ค. - 2 ก.พ. 2550 ณ วัดพระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" bgColor=#c0c0c0 border=0><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">การอ่านแผนที่ทางหลวง
    </TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="100%"> ท่านทั้งหลายเคยสังเกตุมั๊ยครับเวลาฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทยแต่ละคนจะต้องมีแผนที่ติดตัวมาด้วยแทบทุกคน เพราะเขาถูกฝึกให้ใช้ ้แผนที่ให้เป็นเวลาไปไหนก็จะได้ไม่หลงทาง ผู้ขับขี่รถชาวไทยส่วนใหญ่ยังใช้แผนที่ไม่เป็น เวลาไปไหนก็จะใช้วิธีถามทางจากผู้รู้ ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นๆ ซึ่งคนไทยเราก็มีน้ำใจครับ รู้หรือไม่รู้ก็พยายามอธิบายเข้าไว้ บางครั้งหลงทางไปตั้งไกลต้องกลับมาต่อว่ากัน ก็มีบางทีพวกก็ไม่อยู่ให้ต่อว่าแล้ว อย่าไปโทษใครเลยครับ เรามาฝึกอ่านแผนที่ทางหลวงกันดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นไปทุกเรื่อง เอาไว้พึ่งพากันเฉพาะสิ่งที่มันไม่มีอยู่ในแผนที่จะดีกว่า
    เหตุผล
    1.ระบบเส้นทางหลวงของประเทศที่กรมทางหลวงเป็นผู้ก่อสร้าง รับรองว่าได้มาตรฐานสากล มีป้ายบอกทาง บอกชื่อถนน บอกหมายเลข ทางหลวงไว้ครบถ้วน ยกเว้นจะมีมือดีมาขโมยไป
    2.แผนที่ทางหลวงที่มีขายอยู่ในปัจจุบันมีความแม่นยำเที่ยงตรงพอสมควร แต่ควรจะเป็นแผนที่ฉบับใหญ่
    3.การที่เราแนะนำให้ท่านฝึกอ่านแผนที่นั้นมิใช่เราไม่อยากตอบคำถามท่าน แต่เป็นเพราะการอธิบายเส้นทางหลีกเลี่ยงจุดติดขัดในช่วงเทศกาลนั้นค่อนข้างยากเพราะแต่ละท่านมีจุดเริ่มต้นเดินทางและจุดหมายปลายทางในการเดินทางไม่เหมือนกัน อาจทำให้เกิดการผิดพลาดได้ เราเพียงบอกได้ว่าจุดใดเป็นจุดติดขัดหรือน่าจะติดขัด พร้อมกับเส้นทางหลีกเลี่ยงในช่วงใกล้เคียงจุดนั้นเท่านั้น
    4.ขณะนี้เรามีแผนที่ทางหลวงฉบับย่อ แต่ก็สามารถใช้การได้ดีสำหรับแจกจ่ายให้แก่ท่าน หากท่านมีความต้องการขอให้ ส่งอีเมล์มาที่ highway@police.go.th หรือโทรศัพท์มาที่ 02-2457809 , 02-2455169 หรือ ขอรับได้ที่สถานีตำรวจทางหลวง หน่วยบริการประชาชน หรือตู้ยามตำรวจทางหลวงได้ทั่วประเทศ ครับ

    [​IMG]
    วิธีอ่านแผนที่
    1.ท่านต้องรู้จักสังเกตุทิศเหนือใต้ ภูมิประเทศจริงเปรียบเทียบกับในแผนที่ ซึ่งคงไม่ยากครับ
    2.ท่านจะต้องรู้จักระบบหมายเลขทางหลวง เพราะในแผนที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถพิมพ์ชื่อถนนลงไปได้ ดังนั้นท่านจะต้องทราบดังนี้
    2.1 ระบบหมายเลขเส้นทางหลวงนั้น มีหมายเลข 1 ตัว ถึง 4 ตัว หมายเลขตัวเดียวคือทางหลวงสายประธาน เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 คือ ถนนพหลโยธิน เป็นถนนที่มุ่งไปสู่ภาคเหนือ ทางหลวงหมายเลข 2 คือถนนมิตรภาพ เป็นถนนที่มุ่งไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางหลวงหมายเลข 3 คือถนนสุขุมวิท มุ่งไปสู่ภาคตะวันออก ทางหลวงหมายเลข 4 คือถนนเพชรเกษมมุ่งสู่ภาคใต้
    2.2 ส่วนทางหลวงที่หมายเลข 2 ตัว 3 ตัว 4 ตัว ก็จะเป็นถนนสายรอง ถ้ามีหมายเลขตัวแรกขึ้นต้นด้วยหมายเลข 1 จะอยู่ในภาคเหนือ หมายเลข 2 จะอยู่ในภาคอีสาน หมายเลข 3 อยู่ในภาคกลาง หมายเลข 4 อยู่ในภาคใต
    2.3 การสังเกตุหมายเลขทางหลวงบนถนน จะสังเกตุได้ที่ในตัวครุฑ หรือใต้ตัวครุฑ ที่ป้ายบอกทางสีเขียว หรือ สีขาว หรือที่หลักกิโลเมตร จากนั้นให้เทียบกับหมายเลขทางหลวงในแผนที่
    3.ท่านจะต้องทราบระวางและมาตราส่วนของแผนที่ เพื่อให้สามารถคำนวณได้ว่าระยะทางในแผนที่เมื่อเทียบกับระยะทางของถนนจริงนั้นเป็นระยะเท่าใด เช่น ถ้าเป็นแผนที่มาตราส่วน 1 : 1,000,000 ระยะในแผนที่ 10 เซนติเมตร เท่ากับระยะทางจริง 100 กม.เป็นต้น

    แผนที่อิเล็คโทรนิคหรือแผนที่ดิจิตอล
    ปัจจุบันเทคโนโลยีแผนที่ก้าวไปไกลมาก มีแผนที่ดิจิตอลออกมาให้เราใช้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของแผ่นซีดี นำมาโหลดลงเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องปาล์ม หรือจะเรียกดูจากเว็บไซด์ต่างๆก็มีหลายเว็บไซด์ มีทั้งฟรีและเสียสตางค์ แต่ก็ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแผนที่แบบธรรมดาี่ครับ

    อธิบายเท่านี้ก็คงพอจะเข้าใจนะครับ ลองฝึกอ่านแผนที่ด้วยตนเอง แล้วท่านจะเกิดความสนุก สะดวกและเกิดความปลอดภัยในการเดินทาง ลองศึกษาดูให้ดีแผนที่นั้นมีคุณประโยชน์กว่าที่คิด ครับผม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.highwaypolice.org/readmap.htm
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำแนะนำในการขับรถทางไกล

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">เพื่อป้องกันอุปสรรคและปัญหายุ่งยากที่จะเกิดขึ้นระหว่างขับรถเดินทางไกล และเพื่อให้สามารถเดินทางถึงจุดมุ่งหมายปลายทางได้ตามกำหนดโดยปลอดภัย ผู้ขับรถเดินทางจึงควรได้เตรียมตัวและเตรียมรถให้เรียบร้อยดังนี้

    การเตรียมรถ โดยตรวจซ่อมบำรุงให้รถและอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพเรียบร้อยใช้งานได้ คือ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="100%" border=2><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%" height=255>
    1. เครื่องยนต์เดินเงียบสม่ำเสมอ
    2. ตรวจช่วงล่าง คันชัก คันส่ง พวงมาลัย
    3. ตรวจสภาพยางรถ ลมยาง ยางอะไหล่ น๊อตล้อทั้ง 4 ล้อ
    4. ตรวจระบบเบรค น้ำมันเบรคพร่องลดหรือไม่
    5. ตรวจสภาพการทำงานของเบรคมือ
    6. ตรวจสายพานเครื่องยนต์ชำรุด แตก หัก หย่อนหรือไม่
    7. ตรวจระบบไฟชาร์จ ชาร์จไฟเก็บในแบตเตอร์รี่ตามปกติหรือไม่
    8. ตรวจระบบตรงน้ำกลั่นในแบตเตอรี่
    9. ตรวจแตร
    </TD><TD vAlign=top width="50%" height=255>
    1. ตรวจดวงไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณประจำรถทุกดวง
    2. ตรวจการทำงานของที่ปัดน้ำฝน
    3. ตรวจการทำงานของระบบฉีดน้ำล้างกระจก
    4. ตรวจระดังน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ หรือหม้อพักน้ำ
    5. ตรวจน้ำมันเกียร์และเฟืองท้าย ลดจากระดับปกติหรือไม่
    6. ตรวจระบบทำความเย็น (แอร์) และน้ำยาแอร์
    7. ตรวจการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และน้ำหล่อเย็น
    8. ตรวจเสียงที่ผิดปกติจากที่เคยมี
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    เตรียมอุปกรณ์และอะไหล่ที่จำเป็น

    <TABLE width="100%" border=2><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%">
    1. ฟิวส์ของระบบไฟต่าง ๆ ประจำรถ (รถทุกคันจะมีแผงฟิวส์ หรือกล่องฟิวส์ติดอยู่ภายในห้องเครื่องยนต์ หรือตอนหน้าของรถให้ศึกษาเป็นฟิวส์ของโคมไฟใด แตรอยู่ช่องไหน ขนาดกี่แอมแปร์)
    2. หลอดไฟหน้า-หลัง
    3. แกลลอนบรรจุน้ำหล่อเย็นสำรอง
    4. ไฟฉาย ไฟสัญญาณกระพริบสีแดงและสีเหลือง
    </TD><TD width="50%">
    1. แผ่นป้ายแสดงเหตุฉุกเฉิน
    2. เครื่องดับเพลิง
    3. ลวดสลิงหรือเชือกลากรถยาวประมาณ 8-10 เมตร
    4. แม่แรงยกรถ กุญแจถอดน๊อตล้อ
    5. กุญแจแหวนหรือปากตาย ไขควงหัวแบน-หัวจีน 1 ชุดเล็ก
    6. ชุดปฐมพยาบาล
    7. ไม้หนุนล้อ 2-4 อัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">การเตรียมตัวผู้ขับ

    พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง งดเว้นการดื่มสุราฯ หรือของมึนเมาทุกชนิด ก่อนเดินทางควรที่จะศึกษาเส้นทางโดยตลอดเสียก่อน โดยตรวจดูจากแผนที่ถามผู้รู้หรือหน่วยบริการของตำรวจทางหลวง หรือการท่องเที่ยวเพื่อกำหนดเส้นทางการเดินว่าจากจุดใดไปจุดใด ถนนสายใด มีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ปะยาง ร้านอาหาร หรือจุดพักรถที่ใดบ้าง
    การปฏิบัติระหว่างขับรถ


    ในเวลากลางคืนไม่ควรขับติดต่อระยะทางยาวกว่า 150 กม. ควรเปลี่ยนให้ผู้อื่นขับแทน และพักผ่อนให้เพียงพออย่าแซงในที่คับขัน บนสะพาน ในทางโค้ง ทางแยก ทางร่วม หรือที่ผิดกฎหมายอย่าขับตามหลังรถอื่นระยะกระชั้นชิดขับด้วยความเร็วสม่ำเสมอ อย่าเร็วเกินที่กฎหมายกำหนดให้สัญญาณก่อนหยุด ก่อนเลี้ยว ก่อนแซงทุกครั้ง การขับผ่านทางแคบ ทางโค้ง บนเนิน บนภูเขาควรขับให้ชิดขอบทางด้านซ้าย ก่อนเข้าทางโค้งควรให้เสียงสัญญาณเตือนรถอื่นที่จะสวนมาปฏิบัติตามเครื่องหมายหรือสัญญาณจราจรโดยเคร่งครัด
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ที่มา http://www.highwaypolice.org/index.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2007
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-padding-alt: 2.4pt 2.4pt 2.4pt 2.4pt; mso-cellspacing: 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-RIGHT: 2.4pt; PADDING-LEFT: 2.4pt; PADDING-BOTTOM: 2.4pt; PADDING-TOP: 2.4pt" vAlign=top>ขับรถอย่างไรเมื่อเจอน้ำท่วม?<O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <O:p</O:p

    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-padding-alt: 2.4pt 2.4pt 2.4pt 2.4pt; mso-cellspacing: 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-RIGHT: 2.4pt; PADDING-LEFT: 2.4pt; PADDING-BOTTOM: 2.4pt; PADDING-TOP: 2.4pt" vAlign=top>
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm; mso-cellspacing: 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0"><TD style="PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-TOP: 0cm" vAlign=top>
    ช่วงนี้ทั่วทุกภาคของประเทศกำลังรับมือกับฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงจนสร้างปัญหาให้หลายครัวเรือน ขณะเดียวกันความช่วยเหลือจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงคนไทยทั่วประเทศพร้อมส่งกำลังใจ และให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ



    สำหรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2007
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ข้อมูลพวกนี้ดีมาก เราควรรวบรวมกัน อาจทำเป็นเอกสารเล็กๆ เอาไว้ติดบ้านติดรถ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตือนเที่ยวดอย ใช้ "เตาผิง" นำเข้าเต๊นท์ขาดอากาศหายใจถึงตายได้


    [​IMG] [​IMG]
    นายแพทย์ ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนประชาชนที่จะเดินทางไปยัง แหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศหนาวเย็นในช่วงเทศกาลปีใหม่ในภาคเหนือและอีสาน โดยเฉพาะการตั้งแคมป์ว่า ที่ผ่านมาเคยมีข่าวน่าสะเทือนใจ จากการที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปกางเต็นท์นอนตามยอดดอยและได้นำ เตาถ่าน หรือแก๊ส ไปไว้ในเต็นท์เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ซึ่งการกระทำดังกล่าว จะทำให้มีการเผาผลาญออกซิเจนในอากาศภายในเต็นท์ แล้วเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ทดแทน ทำให้ร่างกายขาดอากาศหายใจ ในขณะหลับ และเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้นประชาชนควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว

    สำหรับการผิงไฟที่ถูกต้องนั้น ควรนำเตาหรือก่อกองไฟบริเวณที่โล่ง อากาศปลอดโปร่ง ตรงบริเวณหน้าเต็นท์ หากไปกันหลายคน ควรนำเต็นท์มากางล้อมเป็นวงกลม โดยก่อกองไฟตรงจุดศูนย์กลาง จะทำให้เกิดความอบอุ่นได้ดีกว่า และไม่ควรนำเตาเข้าไปในเต็นท์โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายและเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัวได้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวต้องระวังโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการเดินทาง ไปตั้งแคมป์ โดยเฉพาะตัวเห็บที่มักอาศัยในพื้นที่อากาศชื้น ตามพุ่มไม้ในป่า ตามต้นสะแกที่เป็นอาหารของเห็บชนิดนี้ เพราะอาจได้รับแบคทีเรียจากสัตว์ชนิดนี้ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสคลับไทฟัส โดยจะใช้ระยะเวลาการฟักเชื้อในร่างกายประมาณ ๓ - ๗ วัน จากนั้นผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดตามข้อกระดูกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และจะปรากฏแผลในลักษณะเป็นแผลยกขอบตรงกลางจะเป็นรอยดำ ซึ่งผู้ป่วยจะทรมานมาก

    นอกจากนี้นักท่องเที่ยวต้องดูแลสุขภาพร่างกาย เนื่องจากในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวแต่ละแห่ง มักมีคนจำนวนมาก ซึ่งง่ายต่อการรับเชื้อโรค จึงควรระวังในเรื่องอาหาร น้ำดื่ม ต้องสะอาด เพราะอาจส่งผลให้เกิดโรคต่อระบบทางเดินอาหารได้ และขอให้ระวังการลงเล่นน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำตก เนื่องจากจะมีประชาชนลงเล่นจำนวนมาก จึงง่ายต่อการถ่าย-รับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มากับน้ำได้ เช่นโรคตาแดง

    (ทีมา
    :http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG] [SIZE=-1] ในหัวข้อนี้จริงๆแล้วผมอยากจะนำเสนอเรื่องของฐานบุกเบิกต่างๆ เช่นการทำแพร
    ทำหอคอย แต่ดันหาตำราไม่เจอครับสงสัยตอนไปเยี่ยมบ้านคงเอากลับไปด้วยครับT_T
    ก็เลยเปลี่ยนมานำเสนอเรื่องเงื่อนพื้นฐานแทนครับ ..
    [/SIZE]​
    [SIZE=-1]เงื่อนพื้อนฐานที่จะเสนอ[/SIZE][SIZE=-1]
    เป็นเงื่อนง่ายๆ ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย[/SIZE][SIZE=-1]
    ลองมาดูกันครับ[/SIZE]
    [​IMG]
    [SIZE=-1]:: เงื่อนพิรอด :: [/SIZE]
    [SIZE=-1]นิยมใช้ต่อเชือกที่มีขนาดเดียวกันเข้าด้วยกัน
    บางครั้งอาจใช้มัดกับวัตถุที่มีน้ำหนักไม่มาก
    [/SIZE][SIZE=-1]
    * * แต่ไม่นิยมมัดถาวร เพราะครายตัวง่าย * *[/SIZE][SIZE=-1]
    [/SIZE]

    [SIZE=-1]ขั้นตอนการผูก[/SIZE]
    [​IMG]


    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD width="49%">[​IMG]</TD><TD width="49%">[​IMG]</TD><TD width="2%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE]
    [​IMG]

    [SIZE=-1]^_^[/SIZE][SIZE=-1] [/SIZE][SIZE=-1] หลักจำง่ายๆ ซ้ายทับขวาขวาทับซ้าย[/SIZE]
    [SIZE=-1] ^_^

    [/SIZE][SIZE=-1]:: เงื่อนขัดสมาธิ ::[/SIZE][SIZE=-1]
    นิยมใช้ต่อเชือก2เส้นที่ขนาดต่างกันเข้าด้วยกัน
    หรือผูกยึดกับวัตถุที่มีลักษณะเป็นหู หรือตะขอ
    [/SIZE]
    [SIZE=-1]ขั้นตอนการผูก
    [/SIZE][​IMG][SIZE=-1] [/SIZE]

    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG] [SIZE=-1]
    จะสังเกตุได้ว่าเชื่อกด้านซ้ายมีลักษณะเหมือนตะขอ
    [​IMG]
    [/SIZE]
    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE][SIZE=-1]
    [/SIZE][​IMG]

    [SIZE=-1]:: เงื่อนตะกรุดเบ็ด ::[/SIZE]

    [SIZE=-1]เงื่อนนี้ควรผึกให้ชำนาญเพราะเป็นพื้นฐานในการทำเงื่อนอื่นๆอีกมาก
    ทั้งยังเป็นหนึ่งในเงื่อนที่ใช้ทำฐานกิจกรรมลูกเสือต่างๆอีกด้วย [/SIZE]
    [​IMG]

    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    [SIZE=-1][​IMG] [/SIZE]
    [​IMG]

    [SIZE=-1]:: เงื่อนประมง ::[/SIZE][SIZE=-1]
    เป็นเงื่อนใช้ผูกเชื่อกสองเส้นที่มีขนาดเดียวกันเข้าด้วยกัน
    ทนต่อแรงดึงเป็ยอย่างดี
    [/SIZE]
    [SIZE=-1]
    [/SIZE][SIZE=-1]
    วิธีผูกเงื่อน
    [/SIZE][​IMG]

    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    [SIZE=-1][​IMG] [/SIZE]
    [​IMG]

    [SIZE=-1]:: บ่วงสายธนู ::[/SIZE]
    [SIZE=-1]
    ประโยชน์ใช้ผูกกับวัตถุเพื่อหย่อนจากที่สูงหรือดึงจากที่ต่ำขึ้นด้านบน

    วิธีผูกเงื่อน
    [/SIZE]
    [​IMG]
    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
    [SIZE=-1][​IMG] [/SIZE]
    [​IMG]

    [SIZE=-1]:: เงื่อนแขวนคอ ::[/SIZE]
    [SIZE=-1]
    เป็นเงื่อนรูดที่มีความแน่นหนาดี
    วิธีผูกเงื่อน
    [/SIZE]
    [​IMG]
    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]

    [SIZE=-1]:: เงื่อนผูกรั้ง ::[/SIZE]
    [SIZE=-1]
    นิยมใช้ผูกโยงกับหลักเพราะเป็นเงื่อนที่เลื่อนปลับระดับได้

    วิธีผูกเงื่อน
    [/SIZE][​IMG]
    <TABLE width="50%"><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    [​IMG]

    [SIZE=-1]:: เงื่อนกระหวัดไม้ ::[/SIZE]
    [SIZE=-1]เป็นเงื่อนที่ใช้ร่วมกับเงื่อนอื่นเพื่อเสริมความมั่นคงในการมัดหรือตรึง[/SIZE]

    [​IMG]
    [SIZE=-1]
    [/SIZE]


    [​IMG]

    ที่มา http://www.geocities.com/scouttip2000/scout_dernpae.htm
    <NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT>
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE height=108 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=760 border=0><TBODY><TR><TD scope=row background=flem.gif height=36>
    </TD></TR><TR><TD scope=row background=l.gif height=36>
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
    [SIZE=-1] [​IMG]วิทยุสื่อสารเป็นอุปกรณ์[/SIZE][SIZE=-1]ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารชนิดหนึ่งง่ายต่อการติดตั้งสถานีและราคาถูกการเคลื่อนที่
    และขนย้ายก็ทำได้ง่าย จึงนิยมที่จะนำมาใช้ในงานด้านบริการชุมชนของลูกเสือ กิจกรรมผจญภัยเช่นการเดินป่า
    หรือแม้แต่การนำมาใช้ในกิจกรรมเข้าค่ายและงานชุมนุมลูกเสือ
    [/SIZE]​
    [SIZE=-1][​IMG]แต่การที่จะสามารถครอบครองและใช้วิทยุสื่อสารในบางประเภทนั้นจะต้องสอบเป็นนักวิทยุสมัครเล่นเสียก่อน[​IMG]
    [/SIZE][SIZE=-1][SIZE=-2] ท่านที่ต้องการจะศึกษาเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จาก
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นส.เชียงใหม่ต้องพึ่ง เตาอั้งโล่!อุ่นขาอ่อน-แก้ขาสั่น

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พึ่งอั้งโล่-สาว งามผู้เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2550 นั่งผิงไฟจากเตาอั้งโล่คลายหนาวอยู่หลังเวที ระหว่างรอประชันโฉมรอบต่อไป โดยการประกวดรอบสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 5 ม.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เวทีน. ส.เชียงใหม่สู้ไม่ถอยท้าลมหนาว จุดเตาอั้งโล่ให้สาวงามกว่า 50 คนผิงรับไออุ่น ระหว่างรอเดินโชว์โฉมแต่ละรอบ ก่อนถึงรอบตัดสินวันนี้พร้อมถ่ายทอดสดทางช่อง 11 กรรมการกองประกวดฯระบุจะจัดงานต่อไปจนเสร็จสิ้น แม้ว่าจะมีกระแสข่าวเรื่องระเบิดป่วนเมืองเป็นระยะ ห่วงอย่างเดียวเรื่องอากาศที่หนาวเย็นลงเรื่อยๆ ขณะที่กรมอุตุฯประกาศรับมืออากาศหนาวจากจีนระลอกใหม่ ลงปกคลุมไทยทางอีสานก่อนจะขึ้นเหนือ

    เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 3 ม.ค. ที่สถานที่จัดงานฤดูหนาวและกาชาด จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2550 โดยมีสาวงามเข้าประกวดทั้งสิ้น 57 คน ปรากฏว่ามีสาวงามผ่านรอบแรกแล้ว 40 คน ในจำนวนดังกล่าวที่น่าจับตามองได้แก่ หมายเลข 5 น.ส.ทิพย์สรา สิงหรา ณ อยุธยา นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 3 ลูกสาว พล.ต.ต.ณธนนต์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบก.ภ.จว.ลำพูน ผ่านเข้ามาด้วย รวมทั้งตัวเต็ง หมายเลข 36 น.ส.กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์ หรือ น้องกิ๊ฟ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และหมายเลข 39 น.ส.ชนะพร ศรียา หรือน้องบูม อายุ 18 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประกวดนางสาวเชียงใหม่ในปีนี้ จัดขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าทุกปี ทำให้สาวงามที่เข้ารอบต้องใส่ชุดกีฬาเดินประชันโฉม ทางคณะกรรมการจัดการประกวดจึงนำเตาอั้งโล่มาตั้งไว้ที่ด้านหลังเวที เพื่อให้ผู้เข้าประกวดผิงไฟคลายความหนาวเย็น ในช่วงที่ต้องรอเดินโชว์ในรอบต่อไป และภายหลังผ่านการประกวดรอบแรกคัดเลือก 40 คนแล้ว ในวันที่ 4 ม.ค. ทางกองประกวดจะคัดให้เหลือ 20 คน พร้อมทั้งจะนำสาวงามใส่ชุดว่ายน้ำ เพื่อให้คณะกรรมการได้ดูอย่างละเอียด ก่อนจะประกวดในรอบตัดสินในวันที่ 5 ม.ค. ถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์

    นายอดิศร สุดดี คณะกรรมการจัดการประกวดนางสาวเชียงใหม่ กล่าวว่า มีสปอนเซอร์หลายรายโทรศัพท์สอบถามว่า การประกวดนางสาวเชียงใหม่ยังคงจัดต่อไปหรือไม่ เนื่องจากเกิดเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ และจ.เชียงใหม่ จึงแจ้งไปว่ายังคงจัดประกวดต่อไป อีกทั้งสาวงามผู้เข้าประกวดทุกคนก็ไม่ได้กลัวเรื่องสถานการณ์ระเบิด ทุกคนมุ่งมั่นที่จะประกวดชิงตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ ขณะเดียวกันนายวิชัย ศรีขวัญ ผวจ.เชียงใหม่ ก็มาดูแลความสงบเรียบร้อยด้วยตนเอง จัดกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และอส.รักษาความปลอดภัย จึงมั่นใจว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง แต่จะมีปัญหาก็เรื่องอากาศหนาว เพราะการประกวดมีในตอนกลางคืน ทางคณะกรรมการจัดการประกวดต้องนำเตาอั้งโล่มาตั้งไว้ที่หลังเวที ให้ผู้เข้าประกวดผิงไฟคลายหนาว

    วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ว่า ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกใน ระยะนี้ สำหรับความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาถึง ประเทศไทย ประมาณวันที่ 5 ม.ค. โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ซึ่งทำให้อุณหภูมิลดลง และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค.

    ข้อมูลข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    ที่มา http://www.sbuyzone.com/club/newsview.php?id=1744

    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=2 width=540 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง

    [​IMG]
    รูปแสดงเตาถ่านหุงต้มประสิทธิภาพสูง
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ccffcc height=23>
    4. ลักษณะทั่วไปของเตาถ่านหุงต้ม
    </TD></TR><TR><TD height=23>4.1 เตาถ่านหุงต้ม
    คือ เตาที่ใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ถ่านไม้นี้ ได้จากการเผาไม้สด ให้สุกดี โดยวิธีการไล่ความชื้นออกจากเนื้อไม้ สารระเหย และน้ำมันดินให้ระเหยไป เมื่อนำถ่านมาทำให้ติดไฟอีกครั้งหนึ่ง จะให้ค่าความร้อนสูง ทำให้การหุงต้มสุกเร็ว มีควัน และเขม่าน้อย ไม่รบกวนผู้ใช้ หรือควันไปติดภายในอาคารบ้านเรือน เหมาะแก่การเป็นเชื้อเพลิง สำหรับหุงต้มใน ครัวเรือนมากกว่าฟืน เตาประเภทนี้ ชาวบ้านเรียกว่า "เตาอั้งโล่" ภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า เตาสีแดง ซึ่งเป็นสีของดินเผานั่นเอง
    ลักษณะของเตาถ่าน ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันตามแบบของแต่ละท้องถิ่น ที่นิยมใช้ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับช่างผู้ประดิษฐ์จะมี ความรู้ และฝีมือเพียงใด เตาประเภทนี้มีผู้ผลิตออกจำหน่ายมากกว่าเตาฟืน เพราะเป็นที่นิยมของผู้ใช้ทั่วไป การทำมี

    ลักษณะ และวิธีการใช้งาน โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ได้ดังนี้

    - กลุ่มเตาในท้องตลาดที่มีประสิทธิภาพใช้งานในครัวเรือนต่ำ (จากการศึกษาวิจัยของ กองวิจัยผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้) เช่น เตาอั้งโล่แบบดั้งเดิม , เตาปูน , เตาถัง , เตาด่านเกวียน , เตาชลบุรี , เตาบุบผาราม เป็นต้น
    - กลุ่มเตาในท้องตลาดที่มีประสิทธิภาพใช้งานในครัวเรือนสูง (จากการศึกษาวิจัยของ กองวิจัยผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้) เช่น เตารังสิต เป็นต้น
    [​IMG] [​IMG]
    รูปแสดงเตาถ่านและเตาฟืนแบบต่างๆ รูปแสดงเตาถ่าน ( เตาอั้งโล่ )

    เตาถ่านที่ใช้กันโดยทั่วไป ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพในการให้ความร้อนต่ำ ใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก ปัจจุบันจึงได้มีการ พัฒนารูปแบบของเตาถ่าน ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม โดยมีการออกแบบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถใช้ กับหม้อหุงต้มได้หลายขนาด มีชื่อเรียกว่า "เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง"

    4.2 เตาถ่านหุงต้มประสิทธิภาพสูง
    คือ เตาที่ใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง ที่ได้รับการปรับปรุงให้สามารถใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถ ประหยัดเชื้อเพลิง ได้มากกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเตาหุงต้ม ที่ผลิตจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป โดยมีคุณสมบัติเด่น จำเพาะ ดังนี้
    - ออกแบบถูกต้องตามหลักวิชาการ
    - น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
    - ใช้วัสดุคุณภาพดี ทำให้แข็งแรงทนทาน
    - จุดติดไฟเร็ว เปลวไฟแรง ให้ความร้อนสูง ไม่ต้องพัดช่วย
    - เผาไหม้สมบูรณ์ปราศจากควันพิษที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้
    - ใช้กับหม้อหุงต้มได้ 9 ขนาด ตั้งแต่เบอร์ 16-32 วางบนเตาได้ทุก ขนาด


    ที่มา http://www.ata.or.th/media/book-cd_2-4.htm
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...