แฟนที่คบกันมา5ปี อยากไปนิพพาน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย woranon_beer, 12 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. artwhan

    artwhan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ถ้าเขาเข้าถึงธรรมมะจริงๆ เขาจะเข้าใจ และจะไม่ทำหมางเมินกับคุณ เพียงแต่เขาอาจจะขอมีเวลาเพื่อปฏิบัติบ้าง เพียงแต่การแสดงออกแบบคนทั่่วไปที่มักกระทำต่อกันจะน้อยลงไป หรือไม่มี ผมคิดว่า(คิดเอาเองนะครับ)สังเกตง่ายๆ ถ้าเขาบรรลุธรรมเป็นอริยะบุคคลแล้ว จิตใจเขาจะผ่องใสไม่เคร่งเครียด ไม่ตั้งหน้าตั้งตาทำท่าทางเคร่งครัด ที่ผมผ่านมาอ่านและแสดงความเห็น เพราะผมก็เคยเป็นคล้ายๆแฟนคุณ แต่หลังจากได้ฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านหลวงพ่อพุธ ท่านเทศน์สั่งสอนประมาณว่า "ปฏิบัติธรรมหาใช่การละทิ้งครอบครัวหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ให้ทำหน้าที่ให้เหมาะสม" ประมาณนี้นะครับจำคำพูดท่านไม่ได้ ผมว่าจริงๆแล้วการปฏิบัติธรรมคือการฝึกจิต การได้กระทบอารมณ์ในชีวิตประจำวันก็เป็นธรรมะที่สอนเราว่าทุกสิ่งไม่แน่นอน มีสภาพเป็นทุกข์ ตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ ตัวผมเองก็เคยเป็นคล้ายๆแฟนคุณแต่อาจน้อยกว่า แต่ตอนนี้ไม่มีความคิดอย่างนั้นอีกเลย เพียงแค่คิดว่า "ตายเมื่อไหร่ ขอไปนิพพาน" ทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่ของสามี และพ่อ พร้อมทำหน้าที่การงานให้ดีที่สุด ขออวยพรให้แฟนคุณผ่านจุดนั้นให้ได้นะครับ แต่ผมใช่จะปฏิเสธว่าการปลีกไปปฏิบัติ จะไม่ได้ผลดีนะ ขึ้นอยู่กับจริตนิสัย และภาระหน้าที่ๆรับผิดชอบ และก็เห็นด้วยกับเฮียปอที่แนะนำให้คุณเข้าถึงธรรมะจะได้มีศีลเสมอกัน ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ ผมคิดว่าถ้าคุณลองศึกษาธรรมะให้เข้าใจมากขึ้น และตามแฟนปฏิบัติธรรมด้วยคุณอาจจะไม่ต้องการคำปรึกษาจากใครอีกเลยก็ได้
    ลองดูครับ ธรรมะไม่ใช่อยู่ที่การทำท่าทางว่าปฏิบัติ แต่จริงๆคือการฝึกจิต จนเห็นโลกตามความเป็นจริง

    ขออนุญาตแชร์ความคิด ผิดถูกอย่างไรขออภัยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  2. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    แนะนำการครองคู่...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ<!-- google_ad_section_end -->




    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    [​IMG]


    บางท่านจะไปคิดหนักใจว่า เวลานี้เราแต่งงานกันเสียแล้ว นี่ทำอย่างไรจะแยกกันได้หรือ เมื่อเราอยู่ด้วยกันไอ้ราคะกิเลสมันก็มี ก็ปล่อยให้มันมีไป มันจะเป็นไรไปมันจะมีก็ดี ก็ทำงานหนักทุกตามหน้าที่มันทุกอย่าง แต่ว่าถ้าจิตใจของเราพยายามให้มันกระทำใจให้ห่างลง ตัวอย่างเขามีถมไป อย่างนางวิสามหาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ปี พออายุ 16 ปี เธอก็แต่งงาน ก็มีลูกตั้ง 20 คน แล้วเธอก็เป็นพระโสดาบันได้
    อย่างท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็เช่นเดียวกันว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐีท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านก็อยู่คู่ครอง แล้วการอยู่เป็นคู่ครองก็ถือว่าอยู่กันตามหน้าที่ จิตใจของท่านทั้งหมดนี้มุ่งพระนิพพานเป็นอารมณ์ ในเมื่อจิตมุ่งนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าตายจากความเป็นคนใจมันก็ไปนิพพาน นี่ว่ากันเรื่อง จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ยาวไปนิดหนึ่ง ยาวไปมากนะ วันนี้พูดครึ่งชั่วโมงกว่า <O:p</O:p

    ท่านบอกจิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ ถ้าจิตปราศจากราคะก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตปราศจากราคะมันเป็นอย่างไร วันนั้นเวลานั้นจิตมันจะมีความสุข มันจะมีความปลอดโปร่ง ความผูกพันในเรื่องรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อยมันจะไม่มีสำหรับจิต อารมณ์สบาย รู้จักใจมันไว้ ดูจิต คำว่าจิตก็คือ ดูอารมณ์กระทบจิต จิตมันสภาพดี ที่เราไม่ดีด้วยก็เพราะอาศัยทุกสิ่งภายนอกเข้ามากระทบ คือ อารมณ์ของกิเลสทำให้จิตกระเพื่อม จิตมีสภาพเหมือนน้ำใส นอนนิ่งอยู่ในตุ่ม จิตแท้ๆ มันใส แต่ทว่าที่เราต้องเวียนว่ายตายเกิดเพราะมีกิเลสเข้ามาควบ กิเลสตัวสำคัญตัวแรกใน จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ก็คือ ราคะ<O:p</O:p
    นี่ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงระมัดระวังราคะไว้เป็นสำคัญ ถ้าจิตมันมีความผูกพันสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ แต่จิตใจมันอยากจะได้ก็จงเตือนใจมันว่า สิ่งที่เราปรารถนาอยากจะได้มานี่มันไม่มีสภาพทรงตัวประเดี๋ยวมันก็เก่า เมื่อเก่ามามันก็เศร้าหมอง ประเดี๋ยวก็ความทรุดโทรมมันก็เกิดขึ้น ในที่สุดมันก็พัง แล้วร่างกายเราก็มีสภาพอย่างนี้เหมือนกัน เราจะต้องการเฉพาะที่เรามีความจำเป็น ต้องกินต้องใช้เท่านั้น ถ้าสิ่งใดเป็นของฟุ่มเฟือยเกินไป เราจะไม่มีเอาใจเข้าติดจนเกินไป นี่ รักษากำลังใจไว้อย่างนี้นะ คิดไว้ว่าจิตดีหรือไม่ดี<O:p</O:p

    วันนี้เอาเฉพาะราคะ นั่งคิดไปอยู่เสมอ มันก็ลืมบ้าง ไม่ลืมบ้าง มันเป็นของธรรมดา แล้วจงอย่าลืมว่าการรวบรวมไว้วันละเล็กละน้อยนี่ มันจะรวมตัวจริงๆ รวมตัวตรงไหน ท่านเจริญสมาธิจิตได้บ้างไม่ได้บ้าง ดีบ้างไม่ดีบ้าง อย่าลืมนะ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง มันดีมันก็ดี ดีน้อยมันก็ดี ดีมากมันก็ดี การรวบรวมกำลังใจ ก็เหมือนกับน้ำตกมาจากฟากฟ้าทีละหยาดๆ แต่ว่าไอ้น้ำที่ตกลงมามันมีภาชนสำหรับรอง เมื่อตกลงมามากๆ มันก็รวมตัวกันมากขึ้น บุญกุศลที่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทำ มันไม่ไปไหน มันจะรวมอยู่ที่ใจท่าน ท่านสมาทานศีล ศีลมันก็รวมอยู่ที่ใจ เจริญวิปัสสนาญาณ วิปัสสนาญาณมันก็ร่วมอยู่ที่ใจ

    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากหนังสือรมคำสอนธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อฤาษีลิงดำพระราชพรหมยาน เล่มที่ 8 หน้า193-194<O:p</O:p
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2011
  3. rose2009

    rose2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +653
    ลองคบกันแบบเพื่อน แบบกัลยาณมิตรดูสักพักสิคะ...บางทีอาจได้คำตอบ
    อยู่ดีๆ คงไม่มีใครลุกขึ้นมาบอกอยากไปนิพพาน...แล้วเลิกรากันง่ายๆหรอก
    ถ้าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ...
    อ่านจากอุปนิสัยและแนวคิดเจ้าของกระทู้...ทำให้รู้ว่า การเข้าถึงธรรมยังต่างกัน

    ...บางที เวลา อาจช่วยให้เข้าใจอะไรดีขึ้นว่า ควรปล่อยเธอไป หรือยื้อยุดเธอไว้กับตัวเอง
     
  4. hipong

    hipong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ครูบาอาจารย์สอนเสมอคนที่จะคบกันได้ต้องมีศีลเสมอกันถ้าคุณไม่ปฏิบัติธรรมกับเขาคุณก็คบกับเขาไม่ได้ ไม่เห็นจะต้องไปทำตัวยังไงเลย ผมก็อยากไป แต่ก็ไม่ได้ทำตัวให้แปลกแยกไปจากสังคมถึงเวลาก็ไปไม่ถึงเวลาก็ใช้ชีวิตไปตามปกติสุข
     
  5. panchita

    panchita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    15,692
    ค่าพลัง:
    +49,188
    โมทนา สาธุ กับทุกท่านค่ะ

    คิดว่าเจ้าของกระทู้คงพอได้แนวทางที่ดีไปจากหลายท่านแล้วค่ะ

    ดิฉันขออนุญาตกล่าวเพียงเล็กน้อยว่า...

    การปฎิบัติธรรม คือ การเรียนรู้กายและใจหรือสรรพสิ่งในโลกเรานี่แหละค่ะ ว่ามันเป็นธรรมชาติ

    อารมณ์ใดที่ฝืนธรรม ฝืนธรรมชาติ ฝืนธรรมดานั้น ย่อมไม่ถูกต้อง

    การมีคนรัก คู่รัก ไม่ได้หมายความว่า ทางเดินแห่งมรรคผลนิพพานจะช้าลง หรือสำเร็จยากขึ้น

    ตรงข้าม หลายๆคู่ ก็ได้เข้าสู่มรรคผลเร็วกว่าด้วยซ้ำไป เพราะเป็นกำลังใจให้กันและกัน

    หากจะต้องเลิกกัน ก็ควรเป็นตรงที่หมดความรู้สึกรักกันแล้วมากกว่า จะมีเหตุผลเช่นนี้

    แต่บางครั้ง การที่เป้าหมายของคนรักต่างกัน ด้วยกำลังใจที่ต่างกัน ก็ไปด้วยกันลำบากนะคะ

    คุณลองขอเวลาแฟนของคุณสักระยะ ให้คุณได้พิสูจน์ตัวเอง

    ว่าคุณไม่ได้เป็นอุปสรรคในมรรคผลทางเดินของเขาเลย ใจเขานั่นเองที่เป็นอุปสรรคขวางตนเองอยู่

    แต่หากเขายังยืนยันว่าขอเลิกรากัน ก็ขอให้คุณเข้าใจว่า

    ความรักคือความปรารถนาดี การให้เขาได้มีความสุข

    เป็นแบบรัก ในพรหมวิหาร นั่นคือรักที่แท้จริงค่ะ

    ขอโมทนา สาธุ กับกุศลกรรมอันจะบังเกิดคุณทั้งสองคนด้วยนะคะ
     
  6. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    อยากให้ จขกท. ใจเย็นๆ นะคะ อย่าเพิ่งกังวลใจไปมาก เข้าใจความรู้สึกนะคะ ^^


    ถ้าเราร้อนใจ มันจะพาให้คนที่อยู่ใกล้ๆ เค้ารู้สึกร้อนไปด้วย แล้วเมื่อเค้ารู้สึกว่าอยู่ใกล้เรา แล้วเค้าร้อน ไม่สงบ เค้าจะพาตัวเองออกห่างจากเรา เพื่อไปหาสิ่งที่เย็นใจกว่า นั่นคือ ธรรม


    ความรู้สึกที่ จขกท. เข้าใจว่า แฟนพยายามตัดทุกอย่างออก แม้แต่ตัวคุณเอง จริงๆ แล้วอยากบอกว่า ไม่ใช่ตัดนะคะ ถึงแม้ว่า การแสดงออกจะดูเฉยชามาก ^^ เพียงแต่ แฟนคุณพยายามปล่อยวางมากกว่า ปล่อยวางจากความรู้สึก อารมณ์ที่เข้ามากระทบจิต ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกทุกข์ หรือแม้แต่ ความสุข พยายามไม่ไปติดกับอารมณ์เหล่านั้น


    เข้าใจว่า จขกท. กำลังกลัวว่าต่อไปแฟนจะหมดรักในตัวคุณใช่ไม๊คะ จริงๆ แล้วความรักยังคงอยู่เพียงแต่ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ อย่างถูกทาง มันจะช่วยให้เค้าไม่รู้สึกอยากจะเรียกร้องอะไรจากคุณ แม้แต่การห่วงใย ดูแล เพราะคุณไม่สามารถที่จะดูแลเค้า อยู่กับเค้าได้ตลอดไป นี่คือสิ่งธรรมดาของโลกที่ทุกคนต้องยอมรับ


    ไม่รู้ว่าคุณเคยลองปฏิบัติธรรมตามแบบแฟนหรือยังคะ ลองหาหนังสือธรรมะมาอ่านดูนะคะ ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ทำไป อาจต้องใช้เวลาบ้างแล้วความกระวนกระวายใจที่คุณมีอยู่จะลดน้อยลง เมื่อคุณเข้าใจถึงหลักธรรมแล้ว คุณอาจจะเกิดความรู้สึกว่า ไม่อยากมีลูก เหมือนที่แฟนคุณรู้สึกตอนนี้ก็ได้นะคะ ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหากับคุณในตอนนี้มันก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป


    พระโสดาบันยังมีความรัก ยังมีครอบครัวได้นะคะ


    คุณเคยเห็นคู่สามี-ภรรยา ที่พากันเข้าวัด ทำบุญ นั่งสมาธิ ไม๊คะ นั่นแหละค่ะ เค้าก็เกิดมาคู่กัน เพื่อร่วมกัน ช่วยกัน สร้างบารมี การปราถนาพระนิพพาน ไม่ใช่ว่าต้องนั่งบำเพ็ญบารมีอยู่คนเดียว เสมอไปนะคะ แม้แต่ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิ ยังต้องมีนางแก้วคู่บารมีเลย


    คนที่เป็นคู่กัน ต้องมี ทาน ศีล แล้วก็ ปัญญา เสมอกัน นี่คือ สิ่งที่คุณต้องทำในตอนนี้ ลองปฏิบัติธรรมดูนะคะ


    ถ้าเป็นคู่กันแล้ว ย่อมไม่แคล้วกันค่ะ เอาใจช่วยนะคะ ^_^
     
  7. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    อันนี้จริงเลยค่ะ เห็นด้วยกับเฮียปอค่ะ... คนที่ปฏิบัติธรรม ความรู้สึกด้านกามารมณ์จะลดลง แต่ไม่ใช่ว่าไม่รักหรือหมดรัก อาจจะรู้สึกเฉยๆชาๆ แต่พอออกจากการทำกรรมฐานหรือการดูลมหายใจ อารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ก็ยังมีครบเหมือนเดิม
    ช่วงนี้แฟนจขกท อาจจะทำกรรมฐานมากเกือบตลอดวัน จึงเฉยๆกับเจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะบัวเคยเป็นมาก่อน แต่พอทิ้งช่วงระยะห่างไปหน่อยก็กลับมาเหมือนเดิม ความรักก็ยังมีเหมือนเดิม กิเลสยังมีครบค่ะ

    ยังงัยเจ้าของกระทู้ควรอยู่เคียงข้างให้กำลังใจแฟนนะคะ ถึงแฟนจะอยากเลิกแต่ก็เป็นอารมณ์ชั่วครู่ชั่วคราว ไม่ได้อยากเลิกจริงหรอก มันเบื่อๆอยากๆ แต่ถ้าคุณคอยอยู่ใกล้ๆให้กำลังใจ พากันไปวัด เขาทำบุญก็ร่วมทำด้วยกัน เขาทำสมาธิคุณก็ทำด้วย แล้วบอกกับเขาว่าจะอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างนี้ใครเขาจะเลิกกับคุณลงล่ะ

    แล้วเวลาจะเลือกใครมาเป็นแฟน ถ้าคนที่อยากได้คู่บารมีพากันไปนิพพาน ก็มักจะเลือกคนที่ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ภูมิธรรมไม่ต่างกันมาก เพราะคุยกันรู้เรื่อง จะไปวัดไปทำบุญก็ไม่ขัดบุญกัน จะไปปฏิบัติธรรมก็ช่วยส่งเสริมพากันไป มันสบายใจกว่า

    บัวคิดว่า ถ้าอยากคบให้ตลอดรอดฝั่งก็ควรพากันปฏิบัติธรรม ถือศีล ทำทานด้วยกันค่ะ บุญที่ทำร่วมกันจะทำให้รักกันหวานชื่นและทิ้งกันไม่ลง แต่ถ้าคนนึงทำบุญ อีกคนนึงไม่ทำ กำลังบุญจะห่างกัน ถ้าเกิดมาชาติหน้าก็อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกเพราะกำลังบุญห่างกันเกินไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2011
  8. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636
    ชอบข้อความนี้ครับ หลังจากที่ผมบวชและสึกออกมา ทำให้เข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างแจ่มแจ้ง ^_^
     
  9. Iชื่oใuตัวIoJ

    Iชื่oใuตัวIoJ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...