มาร่วมแชร์ข้อวัตรปฏิบัติชนะราคะ ความกำหนัด ได้ที่นี่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wee2010, 13 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    มาร่วมแชร์ข้อวัตรปฏิบัติชนะราคะ ความกำหนัด ได้ที่นี่
    อยากรู้ว่าคนในบอร์ดมีข้อวัตรปฏิบัติอย่างไรในการชนะราคะ ความกำหนัด
    มาร่วมแชร์กัน สำหรับผมเองยังไม่ชนะมัน เลยอยากจะทราบข้อวัตรปฏิบัติของคนที่ทำแล้วได้ผล มานำไปปฏิบัติ

     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    รออ่านเหมือนกันครับ คนที่ทำได้แล้ว แล้วนำมาปฏิบัติ
     
  3. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    รอท่านผู้รู้ช่วยแนะนำครับ

    ผมก็อยากเอาชนะมันเหลือเกิน ลำพังแค่กำลังของของกระผมเอง เอาชนะได้ยากครับ
     
  4. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    ราคะ แปลว่า ความกำหนัดยินดี ความพอใจ ความติดใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมมารมย์

    จริต แปลว่า ความประพฤติ, พฤติกรรมปกติ หมายถึงความประพฤติที่ติดต่อสืบเนื่องมานานจนเป็นเรื่องปกติของผู้นั้น ใช้ว่า จริยา ก็ได้

    ราคะ หรือ ราคจริต หมายถึงพฤติกรรมของคนที่มีราคะเป็นปกติ คือรักสวยรักงาม

    ราคจิตแก้ได้ด้วยการพิจารณากายคตานุสติ หรือ อสุภกรรมฐาน

    ผมยังเป็นเสือกระดาษ อยู่ครับ คือเก่ง ตำรา ยังทำตน ให้ดีไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่า จะลด ความเพียร ... คิดว่าคนที่ทำได้ ก็คงไม่มาตอบหรอก เพราะกิเลส เบาบางแล้ว พวกนี้พอใจจะอยู่อย่างสงบ จะไม่โอ้อวดตัว ขออ่านดีกว่า ครับผม
     
  5. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ถ้าไม่ใช่พระอนาคามี
    ศีลข้อสาม และหลีกสถานที่อโคจร ไว้ให้มากก็ดีค่ะ

    การไปเอาชนะมัน เอาแค่ชนะตามกาละเทศะ
    เช่นไปวัดสิบวัน ไปในที่ที่ควรรักษาความสุภาพ
    สำรวมอายตนะทั้งหก อย่าทอดสะพานเสน่ห์เล่น
    รักษาสติให้มาก
     
  6. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมเคยลงไว้นานแล้ว จะใช่นี่หรือเปล่าที่ต้องการรู้ ลองดู

    เรื่องการระงับตัณหากามผมเคยทดสอบด้วยตัวเองและรู้ผลแล้ว

    ผมเคยปฎิบัติแบบทั้งวันอยู่3 เดือนปฎิบัติกรรมฐานช่วงเช้า3 ชม. - เย็น2 ชม. (ไม่รวมเวลาสวดมนต์) ส่วนช่วงเวลาอื่นก็จะอ่านหนังสือธรรมะหรือกำหนดสติดูจิตเอา

    ผลจากการปฎิบัติคือไม่มีความอยากใดๆเกิดขึ้น จิตมีแต่ความสุขสงบเย็น

    และความรู้ที่ผมได้จากการปฎิบัติครั้งนี้คืออารมณ์ทางเพศนี้มันจะเกิดขึ้น2 จุดคือ

    1.ได้รับสิ่งเร้ามากระตุ้น
    1.1 สิ่งเร้าที่มากระตุ้นจากภายนอกก็มี หู ตา จมูก ปาก สัมผัสแล้วจิตเกิดการปรุงแต่งต่อ
    1.2 สิ่งเร้าจากภายในก็คือการปรุงแต่งขึ้นมาเองของจิต หรืออยู่ๆก็มีผัสสะเกิดขึ้นมาแล้วจินตนาการต่อ
    2. เกิดจากภาวะทางร่างกายตัวเองคือมันจะเกิดอารมณ์ขึ้นมาที่อวัยวะเพศขึ้นจากอาการทางร่างกายต่างๆเช่นปวดปัสสาวะแบบอ่อน


    ถ้ามีอารมณ์จากผัสสะทั้ง5 ขึ้นมา(หมายถึงทางใดทางหนึ่ง) เช่นตาเห็นรูปร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งได้สัมผัส ฯลฯ จิตของเราจะจินตนาการต่อทันทีเมื่อผมรู้ว่าจิตมีการต่อยอดจากสัมผัสนี้ ผมจะหยุดสร้างจินตนาการถ้าหยุดได้แล้วเดี๋ยวมันก็ดับไปเอง ถ้ายังหยุดไม่ได้ ผมก็ใช้อสุภะมากำหนดทับภาพหรือผัสสะที่เราเจอทันที(ผมเองก็กำหนดอสุภะอยู่บ้างและจำภาพอวัยวะภายในได้จำภาพศพได้ คือหมายถึง พอกำหนดอสุภะมันก็เป็นภาพให้เห็น ยังลางๆอยู่ไม่ชัดนักแต่ก็ยังใช้ได้ผลดี) แล้วอาการทางกามก็จะสงบไปเองทำแบบนี้บ่อยๆ

    ส่วนอาการทางกายโดยไม่มีการสัมผัสใดๆแต่มันเกิดขึ้นมาเองผมจะกำหนดจิตไปตรงนั้นเลยว่ามันมีอารมณ์นั้นขึ้นมาเพราะเหตุใดถ้าเป็นเพราะปวดปัสสาวะแบบอ่อนก็ลุกไปฉี่ก็จบ

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับผู้ที่เข้าสมาธิได้เร็วแล้ว กำหนดแค่ไม่เกิน1-3 วิ ก็สงบนี่ยิ่งสบายเพราะถ้ากำหนดให้สติดูจิต หรือควบคุมจิตอยู่ตลอดเวลา อารมณ์จิตที่สงบนั้นมันระงับกิเลสตัณหาได้ดีนักเชียว

    นี่เป็นวิธีปฎิบัติในขั้นต้นสำหรับผู้ที่มีความกำหนัดในกามมาก แค่เรามีสติรู้ว่าจิตมีการปรุงแต่งต่อเราก็แค่ตัดการปรุงแต่งเท่านั้นและดูอาการที่มันเกิดอยู่เฉยๆ จนกระทั่งหายไป

    เมื่อจิตของเรามีความละเอียดขึ้นมาในขั้นหนึ่งสงบได้เร็วแล้วต่อมาจะเกิดปิติสุขที่จิต(ผลนี้เกิดตอนเวลาที่เรากำหนดโดยที่ไม่ได้นั่งสมาธินะครับคือเรามีอารมณ์นี้ขึ้นมาจากทางไหนก็แล้วแต่ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็กำหนดดับเลย)

    อารมณ์ปิติสุขนี้ก็คล้ายๆกับประตูขั้นที่2 ที่จะขังตัณหากามของตนมันจะไปกดทับตัณหานี้ได้ในช่วงนี้ผมจะเริ่มพิจารณาแบบละเอียดถึงสิ่งที่จิตไปสัมผัสให้เกิดอารมณ์นี้บ้างแล้ว

    เพราะในช่วงแรกๆนั้นสำหรับผู้มีความกำหนัดมากมักจะแพ้ถ้าจะไปพิจารณาในสรีระของเพศตรงข้ามเลย(ทนไม่ไหวว่างั้น)ต้องตัดการปรุงแต่งต่ออย่างเดียวผมจึงใช้ในช่วงที่จิตเริ่มมีปิติสุขขึ้นมาช่วยกดทับตัณหากามนี้ในการเริ่มพิจารณาให้ละเอียดมากขึ้น

    .....เท่านี้คงพอ


    สุดท้าย....ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะทำจริงๆเท่านั้นครับ



    เจริญในธรรมครับ
     
  7. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    อย่าเข้าไกล้สิ่งยั่วยุให้เกิดราคะ

    ถ้าคิดขึ้นมาเอง ก็อย่าไปต่อเติมความคิดนั้น ให้เฉยไว้

    เดียวก็ดับไปเอง ผมเองก็ใช้วิธีนี้แหละครับ

    หนักๆเข้าก็มีบ้างครับ...ฮาฮา
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จริงๆ การกล่าว เรื่องพวกนี้ มักจะไม่นิยมเอามาเสวนา เพราะเมื่อพูดเชิง
    ปริยัติ(ประสบการณ์ของคนเล่า ไม่ใช่คนฟัง ถือเป็น ฟังปริยัติ)ไปแล้ว ด้วยความที่
    ธรรมะคือการปฏิบัติ มันจึงมีแนวโน้มให้เข้าใจผิดด้วยจิตที่ยังข้องอยู่กับ
    กาม ย่อมพาให้เกิดความอยากพิสูจน์ นำไปสู่ความด่างพร้อยได้ เพราะ
    บางคนแค่ฟังก็มโนนึกไปด้วย ใจที่มโนนึกไปนั้นหากมียินดียินร้ายเจือแล้ว
    แม้ฟังธรรมอยู่ จิตก็หมองทันที

    จึงของเกริ่นให้ฟัง และให้สังวรณ์ระวัง พยายามผลิกดูเวทนาของใจที่
    จะต้องมียินดี ยินร้ายเอาไว้ด้วย

    ธรรมดาคนทั่วไป ที่ยังไม่แต่งงาน ยังจดจำคุณและโทษของกามคุณใน
    อดีตชาติที่ล่วงเลยมามากต่อมากไม่ได้ ก็จะภาวนาไปเห็นแค่ กามารมณ์
    นั้นเกิดขึ้นจาก ผัสสะ อยาตนะ เสียเป็นส่วนใหญ่ ( คือ กล่าวปรักปรำ
    "ธรรมภายนอก" เหตุเพราะว่า คนทั่วไปย่อมเห็นสิ่งเหล่านั้นคือ ช่องทาง
    การรู้ เห็นอยาตนะ 6 เป็นครู --- อันวาเตสิกธรรม )

    แต่ถ้าคนเคยแต่งงาน เคยสัมผัสรสมาบ้าง จะซึ้งถึงเรื่องทางจิตที่มีคุณและ
    โทษเข้ามาเกี่ยวข้อง ใจเขาคนนั้น ก็จะเริ่มจดจ่อไปที่ จิต และเริ่มจดจำ
    เค้าลางคุณและโทษในกาลก่อนๆได้เป็นอันมาก(ตามแต่จะพิจารณาไป ของ
    ตนก็ดี ของผู้อื่นก็พอได้)

    จุดสำคัญจุดหนึ่ง ที่จะทำให้เห็นได้ชัด ถึงความเหนียวในเรื่องกามคุณนี้
    มักจะเห็นได้ ตอนที่เกิดอารมณ์หึงหวง หรือ อารมณ์ห่วงหวง แต่จะเห็น
    ได้ชัดกว่านี้ หากเป็นเพียงแค่อารมณ์หวงเพียงตัวเดียว

    สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตอันเป็นรสเหนียวของกามคุณ ไม่ใช่ สัมผัสภายนอก
    ไม่ใช่จากอยาตนะ6 แต่เกิดจาก ธรรมารมณ์ หากจะกล่าวให้ชัดเจน
    คือ อาการจิตหิวอารมณ์ อาการจิตเพลินในอารมณ์ อาการจิตที่ปัก
    ใจในรสอารมณ์ ซึ่งตัวอารมณ์นั้นไม่ใช่เรื่องกามตัณหาแบบช้าวบ้าน
    แต่เป็น

    "อาการที่เหมือนจิตต้องการสืบต่อวิญญาณปักลงในรูปนาม
    --- นันทิราคะ( คำนี้ขอให้ตรวจเชิงบัญญัติเพิ่มเติม)"

    อารมณ์ตัวนี้ หากใครอยากจะลองผลิกดู จิตจะต้องไว และมี อธิษฐาน
    บางอย่างพอสมควรถึงจะมีฐานะเอาสติแล่นไปได้ หากใครมีก็ลองพิจารณาดู

    ทันทีที่เห็น "อารมณ์หวง(ที่บริสุทธิเต็มที่ - เป็นความผูกพันเชิงมีทุกข์ร่วมเสพสุขร่วมต้าน)"
    ให้ผลิกดูด้วยการ นมสิการ "ให้เป็นทาน" จะเห็นการดิ้น...ของการหมายจะเพลินใน
    อารมณ์..ของจิต...เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจิตตน จิตใคร หรือ สัตว์ตัวตนบุคคลเราเขาแต่อย่างใด

    * * * *

    กรณีศึกษา การเล็งเห็นการผูกอารมณ์ของจิตต่อเรื่องเนื่องจากกามราคะ ในเชิง
    พระสูตรที่บรรยายไว้เป็นเรื่องราว ค่อนข้างยาว เห็นจะมีเรื่อง "โกกิละภิกษุณี กับ
    พระอานนท์" ก็ลองหาเอามาอ่านเพื่อประดับความรู้เล่นๆ ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  9. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    อนุโมทนากับความรู้ ของคุณเอกวีร์ครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  10. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    1.ตั้งใจอยู่ในข้อวัตรข้อปฎบัติอันเป็นเครื่องกั้นจาก กำหนัดราคะทั้งหลาย
    2.ตั้งหลัก รู้ถึงการมีอยู่เกิดขึ้น จนถึงดับลงของมันอย่างไม่แทรกแทรง เป็นผู้รู้ผู้ห็น

    ทั้ง 2 อยู่ที่ความตั้งใจ ความเพียร จริง ว่าจะไม่ให้มันรังแกเราได้ต่อไปขนาดไหน ของแต่ละคน
     
  11. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    ทำตามปริศนาธรรมคือ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก (ปิดในที่นี้ไม่ใช้ปิดโดยอายตนะภายนอก)
    หากจำเป็นก็ให้สักแต่ว่า เสียง ภาพ รส
     
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    มีสติให้มากครับ และต้องเข้าใจกระบวนการคิดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะรู้เลยว่าการเกิดอารมณ์กับภาพที่เห็นในหัวมันไร้สาระ
     
  13. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    อนุโมทนาครับ
    มันนี่ละที่ทำร้ายทำลายเราในที่สุด เมื่อหลง ลงยึดมั่นเอากับมัน
     
  14. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ขอบคุณ คุณ supop ที่ช่วยอธิบายให้กระจางครับ เพราะตอนนี้เข้าช่วงวัยรุ่นอารมณ์ราคะทั้งหลาย มันค่อยยั่วยุอยู่ตลอด
     
  15. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    [​IMG] [​IMG]


    พิจรณากายของเรานี้แล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  16. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เมื่อก่อนเวลาที่นึกถึง เวลาคนกำลังนั่งขับถ่าย งามอย่างไร ก็ไม่เอาเหมือนกัน
    มันรู้สึกไม่เอา รู้สึกว่า เราถ่ายของสกปรก เขาก็มีของสกปรก เราไม่เอาสกปรกเรา แล้วเราจะเอาของสกปรกเขาเหรอ

    แต่เมื่อมันเผลอมันหมดกำลัง มันแทรงหน้าเราก็หลีกเลี่ยงที่จะมองตรงจุดนี้ไปมองตรงอื่น มองแบบอื่นที่ทำให้มันครุขึ้นมาได้

    วันหนึ่ง ประมาณ27-28 ฝึกรู้ตัว รู้อารมณ์ต่างๆมา พอสมควร เห็นอารมณ์ ต่างๆ ก็ซักแต่ว่าเป็นอารมณ์ แยกกับมันอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็น กำหนัด ราคะนี้ดับหรือแยกลงซักที
    แต่วันนั้น เห็น มันโผล่ ก็เอาละ นั่งดูมัน ดูแล้วไม่ดับ ก็จะดูอยู่อย่างนี้ละไม่ทำอะไร รู้อยู่ว่าแค่รู้แค่ดูมันอย่างเดียว ไม่เอาทั้งอยากให้มันมีอยู่ หรือ ไม่อยากให้มันมีอยู่ นั่งรู้นั่งดู ซักแต่ว่ามันไปเรื่อย
    อ้าว มันก็ดับไปเอง
    ที่ผ่านมาอยากให้มันไม่มีบ้าง อยากให้มันมีบ้าง มันก็มีอิทธิพลกับใจ มีกำลังขึ้นมา มันก็กระทบเรา มีผลกับเรา
    ต่อเมื่อมันเกิด แล้วจบ เราไม่ได้อะไรกับมัน มันก็ไม่ได้มีกำลังอะไรกับเรานี่หน่า

    เกิดขึ้นอีกก็ดับอีกยังไม่ทันคิดว่าจะรู้จะดู มันก็เหมือน จะอัตโนมัติ เกิดดับของมันไปเองเรื่อยๆ เร็วขึ้น เมื่อมันเกิด มันกลับยิ่งดับเองเร็วขึ้น
    สักพัก ก็เหมือนคนมาแต่เราไม่สนใจ แรกก็ยังมาบ่อย แต่พอไม่สนใจบ่อยขึ้น คนนั้นก็มาน้อยลง ชักทำท่าว่าจะไม่มา ก็มาแล้วก็เหมือนไม่ได้มา ก็ไม่รู้จะมาทำไม

    เห็นอย่างนั้นหน่ะ สนุกดี สำหรับผม เป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง ช่วงหนึ่ง อารมณ์หนึ่งที่มีต่อราคะความกำหนัด จากประสปการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง

    ทุกวันนี้ยังไม่เคยทำต่อจากนั้นในเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง
    หากใครลองทำดูได้ หรือใครเคยได้อารมณ์ประมาณนี้จากเรื่องความกำหนัดราคะ ลองแชร์ประสปการณ์ เป็นวิทยาทานเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
     
  17. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    มันเป็นเรื่องธรรมชาติเพียงเราไปใส่ราคา ใส่กฎให้มันเอง
    เหมือนกับกินอาหารอย่างนึงอร่อย อร่อยน้อยกว่า หรู หรูน้อยกว่า กินแล้วก็อิ่ม ความรู้สึกพอใจถูกสนองไป
    ความทุกข์จากการหิวดับไปมีความจริงว่าความหิวดับไปเนื่องการกินอาหารแล้วมีถูกย่อยมีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

    เหมือนปลาทอง เดิมมันก็ไม่มีตันโจ โจตันอะไร พอคนมากำหนดสีอ้อ แบบนี้สวย แบบนี้สวย แบบนี้จึงมีความต้องการและราคาอัพขึ้น

    การเห็นรูป สัมผัส ได้กลิ่น ชิมรส ยินเสียงไพเราะ จึงมีความรู้สึกขึ้น ความรู้สึกนั้นเมื่อเกิดแล้วก็มีอันดับไปในที่สุด

    ฝึกสมาธิอย่างเดียวพอมีแต่เจริญขึ้นเรื่อยๆ ค่อยวางไปเรื่อยๆครับ พิจารณากายไม่เที่ยงเนืองๆ

    ผมเห็นคนแก่อายุราว60ยืนเลือกหนังโป๊แถวคลองถม
    ถ้าสติไม่ตั้งมั่น ไม่เห็นกรอบของไตรลักษณ์
    ยังไงก็หลงโลก หลงหนังหน้า หนังหัว ฟัน เล็บ ขน หนัง ผม
    และถังขี้ของสาวๆครับ
     
  18. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ถ้ามันเป็นอารมณ์ทางกายจริงๆ ก็ว่าไปอย่างแต่การเสพกามมันมีทั้งทางกาย
    และทางความคิด และส่วนใหญ่ที่คนเราเป็นก็คือการเสพกามทางความคิด ถ้า
    เข้าใจถึงกระบวนการคิดว่ามาได้อย่างไร และรู้ว่าเรามีอารมณ์กับภาพที่มันอยู่
    ในความคิดของเรา เราจะรู้สึกว่ามันไร้สาระ หรือการดูจากสื่อต่างๆ ไม่ใช่ของ
    จริง มันบ้ามาก เพราะเรามีอารมณ์กับภาพในหัวนี่แหละที่ทำให้คนหมกมุ่นทาง
    เพศ อย่างสัตว์มันจะผสมพันธ์กันแค่ฤดูผสมพันธ์เท่านั้นและจะไม่ผสมนอกฤดู
    เลย ทั้งที่มันไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องมากมายอย่างมนุษย์มันยังไม่ผสมพันธ์กัน
    ตลอดเวลาเลย เพราะมันเสพกามกันทางกายอย่างเดียวไม่เสพทางความคิด
    ถ้ามีสติก็ก็ไม่เผลอ แล้วอย่างเวลาที่สติน้อยๆ ตัวความกำหนัดต่างๆ มันก็มีพลัง
    ขึ้นมาทันที ก็ใช้อสุภะสู้กลับไป
     
  19. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ตอนเห็นของกินอร่อยๆ เราก้รู้สึกน้ำลายสอยิ่งท่าท้องว่างๆก้ยิ่งรู้สึกว่าอยากกินมาก
    ตอนนั่งบนเบาะนุ่มๆ ก้ยิ่งทำให้รู้สึกสบายจนบางทีไม่ค่อยอยากลุกเดินเท่าไหร่
    เวลาได้กลิ่นหอมๆที่ลอยลมมาแตะจมูกรู้สึกชอบ เวลาเดินผ่านถังขยะหรือมีกลิ่นไหม้ๆมายิ่งรู้สึกอยากเดินหนี
    บางทีเดินอยู่ดีๆมีรถมอไซค์ปิดเร่งเสียงดังน่ารำคาน หรือนั่งๆอยู่เสียงวิทยุเปิดเพลงที่ชอบก้ร้องคลอตามไป หรือบทสวดมนเพราะๆที่ชอบก้ท่องตามไป
    บางครั้งก้ชอบใจกับความคิดบางเรื่องคิดได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ
    เห็นคนน่ารักๆแล้วยังรู้สึกอยากมีคู่ครองหรือคนร่วมทุขสุขดีๆซักคนยังใฝ่หายังต้องการอยู่หรือไม่
    ใจที่ทยานอยากออกไปอยู่ตลอดเวลาเหล่านี้ เพราะมีความทะยานอยาก ตันหา และกิเลส

    สิ่งเหล่านี้ยังเห็นความเป็นปกติของเราที่คุ้นเคยกับมันกันไหมครับ น่ายินดียินร้ายกับมันกันมากแค่ไหน

    ฉันทะ ท่ามองและสังเกตุทุกวันแล้วจะเห็นว่ามันเป็นตัวบ่อนทำลายเราจริงๆ
    เช่นกำลังจะทำการงานบางอย่างได้เห็นได้ยินได้รับรู้ในสิ่งที่เราชอบเราก้อาจจะหยุดและไม่ดำเนินงานนั้นๆต่อเพราะถูกรบกวนด้วยฉันทะที่เกิดขึ้น เห็นไหมว่ากามฉันทะทั้งหลายขัดขวางการงานเราขัดขวางใจเรา ท่าเห็นก้จะรู้เองว่าควรใส่ใจกับมันไหมและมันเป็นเพียงสุขชั่ววูบไหมและยึดได้ไหม

    วิทีแก้ผมว่าท่าเราเห็นโทษของมันจริงและแก้ใขที่ตัวเราได้ก้จะค่อยๆไม่ติดในสิ่งๆนั้นลงและอาจเลิกได้ขาดคล้ายๆคนติดยาและบุหรี่ ความเคยชินเหล่านี้เราต้องค่อยๆละเลิกไปทีละอย่างและละเลิกเพราะความเข้าใจและรู้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2011
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ถามอย่างนี้ถามดี...เราต้องยอมรับตัวเราก่อน.....

    บอกก็บอกตามตรง....ที่เห็นตอบที่นี่...ไม่มีใครละได้สักคนเดียว.....

    ตอบตามตำรา...ตำราว่าไงก็ว่างั้น......

    ละก็ละไม่จริง เดี๋ยวละ เดี๋ยวอยาก......

    เพราะอะไรไอ่ที่จะละได้อย่างขาดก็พระอนาคามี......ในนี้มีไม....ยกมือหน่อย.......

    ราคะนี่มันมีหลายอย่างนะ ความอยาก...อยากอะไร ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัมผัสระหว่างเพศ .....

    ถ้าถามตรงเอาไอ่ความกำหนัด บางครั้งก็แก้ด้วยกำหนด .....กำหนดอะไร.....กำหนดสติ......บางครั้งสติมันเอาไม่อยู่......ก็เคยไปถามหลวงพี่นะ......พระนี่สำคัญ.....ถามก็ถามตรงๆ....หลวงพี่ หนุ่มก็หนุ่มอยู่ นี่ถามจริงๆ...บวชก็บวชใหม่....มีอารมณ์หลวงพี่ทำอย่างไรให้ไม่สังฆาธิเสธ.....ท่านก็ตอบเอาตรงๆหละ......ไฟมันขึ้น...ถ้ารู้แล้ว...รู้ก็รู้แล้ว....ถ้าไม่ใหว....เราไม่ยุ่งกับมัน....จบ......ไม่ต่อไฟ.....มันมอดของมันเอง......อย่างนี้ดีไม.....

    มีอีกวิธีหนึ่งนะ....กรรมฐานช่วยได้.....อสุถะกรรมฐานนะ.....ทรงไว้......ทรงเป็นขนาดที่ว่า.....สัตว์ก็ดี คนก็ดี ที่เดินผ่าน.....เป็นศพหมด.....แรกๆก็ซอฟๆ ดูรูป ต่อมาเอาของจริง มหาวิทยาลัย คณะแพทย์เขาจัดเอาอาจารย์ใหญ่ ดองมาแล้วอย่างดีนะ......มาโชว์....เรานี่ไปกับเพื่อน...บอกก่อนกำลังใจไม่พออาจรับไม่ได้......อาจารย์ใหญ่ผู้หญิงผู้ชาย...นี่เราไปดูก่อนผู้หญิง.....ไปลูบ....ไปเปิดหน้าเปิดปาก.....ยกใส้ยกแขน.....ก็พิจารณาไป....คนสวยนี่ปากน่าจูบไม....ให้จูบจูบไม....ว่าไปไล่ตั้งแต่บนลงล่างล่างขึ้นบน..จิตมันชอบติดเห็นตรงใหนของผู้หญิงแล้วชอบเป็นพิเศษนั้นหละตัวดี....ส่องเป็นพิเศษหน่อย.......เพื่อนปฏิบัติด้วยกันรับไม่ได้ กินเจไปเลย เจ็ดวัน.......ของมันแรงต้องแก้ด้วยของแรงตาม...ของแรงแก้ด้วยของนุ่มมันไม่ทันกัน....เหมือนกระดาษทราบหยาบกับละเอียดนั่นหนะ....ไม้มันหยาบต้องเอาตัวหยาบเข้าถู...เอาตัวละเอียดถูถามว่าได้ไม...ก็ได้....แต่ใช้เวลา.....ถ้าเอาหยาบถูหยาบมันคู่กันได้...ไม้สวยไว....

    เพื่อนมันชอบใช้อีกอย่างคือ ปฏิกูลสัญญากรรมฐาน.....เห็นสวยปุ๊บ...คิดเลย ท่านั่งขี้.....ต้องดูข้างล่างนะ.....ไม่ได้สโคบดูด้านบน....ดูตรงนั่งขี้นั่นหละ...คิดภาพเอาขี้ที่มันกำลังจะหลุดลงนั่นหละ.....มันบอกได้ผลดี.....ก็ว่ากันไป.....สังคมกรรมฐาน....

    ดูเอามันภาพศพขึ้นอยู่ในหัว....เดินผ่านมาศพหมด.....สาวสวยมา ศพแทรกทันที่อย่างนี้ใช้ได้...พอข่มมันได้...เท่าที่กรรมฐานจะทรงอยู่......ถ้าหลุดเมื่อใดมันก็โพล่......อย่างนี้หละ......แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ....จะปล่อยอย่างเดี๋ยวก็จะว่าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ......ครูบาอาจารย์ท่านจะตำหนิเอาได้.....ฝึกมาแล้วใช่ไม......ก็ยังดีว่ายังเอาดีได้ในกรรมฐาน.....อย่างนี้....ก็ไปลองดูนะ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...