นั่งสมาธิทุกคืนก่อนนอนประมาณชั่วโมง ก็ไม่ก้าวหน้าอะไร ไม่รู้จะไปถามใคร?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย khanthaly, 18 ธันวาคม 2006.

  1. khanthaly

    khanthaly Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +35
    ดิฉันกำลังหัดนั่งสมาธิทุกคืนก่อนนอนประมาณชั่วโมงฟังเทปหลวงป่เหรียญก็ไม่ก้าวหน้าอะไรงว่งนอนมากแต่ก็ต้องพยายามไม่นอนไม่ร้จะไปถามใคร
     
  2. t_kanhachalee

    t_kanhachalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +124
    ขออนุโมทนาบุญครับ
    คุณเพิ่งหัดนั่งใหม่ๆ ผมว่าควรนั่งประมาณ 15-20 นาทีก็น่าจะเหมาะสม แต่ต้องอาศัยการเจริญสติให้มาก ๆ ด้วยนะครับ หากนั่งนานมากไม่เจริญสติเลยจะทำให้คุณฟุ้งซานเปล่า ๆ และถ้าเพิ่งหัดใหม่ ๆ คุณจะตามจิตไม่ทัน กำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังปัญญายังอ่อนอยู่ ไม่เกิดประโยชน์ครับ
     
  3. คนกลียุค

    คนกลียุค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +620
    สมาธิ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับกับกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว การนั่งสมาธินับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ผมเน้นเรื่องการปฏิบัติที่ถูกต้องโดยการมีครูอาจารย์ควบคุมแนะนำ เพราะการเรียนรู้เองนั้นนับว่าเสี่ยงมากกับเรื่องนี้ การอ่าน การฟังคนอื่นมาทำตามยังไม่พอ เพราะแต่ละคนมีกรรม มีความสามารถ มีพลังจิต มีบุญมาต่างกัน ผมไม่แนะนำให้หัดทำเองโดยไม่มีครูเพราะว่ามันเสี่ยง เมื่อมีปัญหา ติดขัดก็ไม่รู้จะถามใครเมื่อหาทางออกไม่ได้ก็ท้อ ไม่อยากทำอีก บางคนถึงกับมีอคติและเกิดมิจฉาทิฏฐิก็มี ไม่ว่าคุณจะปฏิบัติแนวไหน ดีทั้งนั้น แต่ควรมีครูกำกับควบคุม คุณอาจจะยังสงสัยว่าทำไมครูถึงสำคัญขนาดนั้น ยกตัวอย่าง บางคนนั่งแล้วได้สมาธิ เกิดไปเห็นภาพต่างๆ เจอผีปิศาจเจอเปรต หรือสิ่งน่ากลัว แต่พลังจิตหรือจิตยังไม่เข้มแข็งพอก็เตลิดเปิดเปิง เป็นบ้าไปเลยก็มี บางคนเจอภาพหลอนจนหลงก็มีปีนเสาไฟฟ้าตามหน้าข่าวก็มี บางคนเจอเจ้ากรรมนายเวรมาเล่นงานก็มี บ้างก็กลัวจนไม่กล้าปฏิบัติอีก บ้างก็ยึดติดว่าสิ่งที่เห็นเป็นจริงก็มีทั้งที่ไม่จริง มันทำให้เสียเวลาและอันตราย อย่างไรก็แล้วแต่ถ้ายังหาครูบาอาจารย์ไม่ได้ก็เอาครูใหญ่ของเรานั่นแหละ คือพระพุทธเจ้า ช่วยปกปักรักษา ด้วยการสวดมนต์เจริญพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วตามด้วยบทต่างๆ แล้วอธิษฐานจิตเอา แล้วค่อยเริ่มนั่ง แต่เวลาติดขัดอะไรก็ถามใครไม่ได้อีก ทางที่ดีรีบหาครูอาจารย์ไว้สอนและชี้แนะดีกว่าครับและก็เช็คครูให้ดีๆด้วยก่อนจะเชื่อถือนะครับ ยังไงก็เอาใจช่วยให้เจอครูไวๆ พร้อมทั้งปฏิบัติได้ก้าวหน้าด้วยนะครับ แต่ยังไงก็ตามแค่ได้นั่งได้ลองทำก็เกิดบุญแล้วครับ ....สาธุ(verygood)
     
  4. pitanad

    pitanad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +597
    (verygood) ลองไปพบและฝึกกับอาจารย์สุชญา ได้นะค่ะที่ตลาดบองมาเช่ แถววัดเสมียนนารี แล้วท่านจะตรวจระดับฌาณที่ทำได้ หรือเรียกว่าสอบอารมณ์ให้ ท่านจะแนะนำ ว่าควรทำเช่นไร ไปได้ทุกสาย ทุกคน ทุกวันอาทิตย์ ห้องโหรเทพประทาน ไม่ต้องกลัวว่าปฏิบัติได้ไม่ดี แต่ท่านกลับจะได้บุญ และคำแนะนำกลับมาค่ะ
     
  5. Nefertity

    Nefertity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +634
    เหตุที่ง่วงเพราะเพ่งในสมาธิเกินไป ควรที่จะเพิ่ม วิริยะเข้าไป โดยพิจารณาลมหายใจทั้งที่เข้าและออกโดยตลอด เมื่อจิตไปจับพิจารณาที่ลมหายใจอยู่จะมีสติโดยตลอดไม่จมอยู่กับความนิ่งจนกลายเป็นความง่วง หรือถ้ายังง่วงอยู่ก็เปลี่ยนเป็นการเดินจงกรม กำหนดรู้เท้ากระทบพื้น และบริกรรมขณะที่เท้ากระทบพื้นเป็นลักษณะวนไปมาตามทางจงกรม จะช่วยให้หายง่วงได้ เพราะเหตุที่คุณดำเนินสมาธิจนคุณภาพสมาธินิ่งเกินไป
     
  6. khochpaak

    khochpaak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,727
    อนุโมทนาในความเพียรด้วยครับ แต่ด้วยวิธีที่คุณทำ ผมคิดว่า คงจะยังสร้างความลำบากให้แก่คุณมาก ลองมาทำวิธีที่ผมทำอยู่บ้างมั๊ยครับ
    อันนี้ก็ต้องยกความดีให้กับหลวงพ่อพระราชพรหมยานครับ ผมเจอท่าน(ในนิมิต) จึงมีวันนี้(ก็ยังไม่ดีพอ) ท่านสอนว่า คนเราจะปฎิบัติกรรมฐานได้ ต้องมีความพอใจที่จะกระทำสิ่งนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจก่อน เมื่อพอใจที่จะทำแล้วต้องมีความเพียรพยายามต่อสิ่งนั้น ๆ เมื่อพยายามแล้ว ต้องคอยเอาใจใส่ในสิ่งที่กระทำอยู่ และสุดท้ายต้องคอยตรวจทานว่าสิ่งที่ทำนั้นยังถูกอยู่หรือไม่
    เอาเป็นว่า คุณลองทำแบบนี้ดูนะ เผื่อว่าจะตรงกับจริตของคุณ คุณเริ่มจากกราบพระตามปรกติก่อน แล้วจะอธิษฐานอะไรก็ว่าไป เสร็จแล้วกล่าวขอพุทธานุญาติต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน (คงจะงงว่าจะเจอท่านได้อย่างไร ไม่ต้อง งง ครับ พระที่บ้านนั่นแหล่ะ ตั้งใจนึกเอาเองเลยว่าท่านคือพระพุทธเจ้าท่าน ไม่ต้องสนใจในรูปที่เห็น เอาจิตกำหนดว่านั่นแหล่ะคือพระพุทธเจ้า กำลังนั่งอยู่หน้าเรา เราจะกราบท่านแล้ว ) ขออนุญาติท่านไปนอนทำกรรมฐาน ไม่ต้องนั่งหล่ะ เสร็จแล้วก็กราบแล้วก็ไปนอน ทีนี้พอหัวถึงหมอน ก็เริ่มสังเกตุตัวเองก่อนว่านอนท่าไหน สบายที่สุด จะก่ายหมอนข้าง จะกางขาจะอะไรก็ว่าไป อย่าไปฝืนร่างกาย เอาให้สบายเหมือนที่นอนปรกติ (แต่ถอดเสื้อผ้านอนนี่ ไม่เห็นด้วยนะครับ)เมื่อได้ท่าที่สบายแล้ว ก็ลองสังเกตุลมหายใจโดยค่อย ๆ หายใจช้า ๆ ให้เข้าให้เต็มปอดก่อน กลั้นไว้นิดนึง แล้วปล่อยทิ้งไปให้หมดช้า ๆ ทำแบบนี้สักสามครั้ง จะทำให้ธาตุในร่างกายสมดุลครับ (อธิบายนิดนึง เพราะลมคืออากาศธาตุ ที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกาย เมื่อลมผ่านจมูกเข้าไปข้างในร่างกายแล้ว ก็จะเข้าไปทำให้ความร้อนในร่างกายเกิดการไหลเวียน เมื่อลมเดินสะดวก ความร้อนย่อมเดินสะดวกด้วย ถ้าเกิดสุญญากาศในหลอดลม มันก็เหมือนกับเวลาเราสะอึก คือลมขาดเป็นช่วง ๆ มันเกิดแรงดันภายใน ทำให้ร่างกายรวน บางครั้งจะสังเกตุได้ว่าทำไมนั่งสมาธิถึงหายใจขัด ๆ หรือหงุดหงิดง่าย เพราะเกิดจากลมนี่แหละ ดังนั้นปรับลมเสียก่อน )ทีนี้ปรับเสร็จแล้วก็นอนภาวนา เอาคำไหนก็ได้ที่จิตมันชอบ พุทธ - โธแล้วกัน ก็นอนไป ภาวนาไป ไม่ต้องสนใจอะไร มันอยากจะง่วงก็ปล่อยไป ถ้ามันหลับก็หลับไป ไม่ต้องไปกำหนดว่าจะต้องเท่านั้นเท่านี้ ไม่เอาเลย ปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วให้ทำแบบนี้ทุกวัน แล้วลองสังเกตุตัวเองว่า หลังจากทำได้สักสองอาทิตย์ ตัวคุณจะตื่นเช้าขึ้นกว่าแต่ก่อนหรือไม่ หรืออาจจะ มีความรู้สึกตัวว่าตื่น (จิตตื่น)ตอนเช้ามืด มันจะเป็นแบบนี้บ่อยขึ้นหรือไม่ ถ้าเป็นแสดงว่า อารมณ์ของคุณเริ่มเข้าสู่สภาวะเกาะฌานแล้ว คือเมื่อก่อนจะหลับ ถ้าจิตเป็นฌาน แล้วหลับไป พอจิตตื่น มันจะมีองค์ภาวนาอยู่ อาจจะเริ่มจับคำภาวนาเลยโดยที่ไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้ ลองทำแบบนี้ดูนะครับ ไปเรื่อยๆ อย่าไปเร่ง เพียงเท่านี้ก่อน ถ้าทำได้แล้ว ติดต่อผมมาอีกที ทีนี้ผมจะแนะวิธีอื่นๆ ให้ ขอนิดนึงนะครับ เมื่อทำได้แล้ว จงอย่าทิ้งอารมณ์นี้ ทำไปทุกวัน ถ้าว่าง ๆ ลองคิดดูนะครับว่า คุณจะรู้ตัวหรือไม่ว่าจะตายตอนไหน โดยเฉพาะตอนที่คุณหลับ คุณมั่นใจหรือว่าคุณจะไม่ตายเพราะการนอนหลับ อย่าประมาทนะครับ อย่างน้อยวิธีที่ทำนี่ ถ้าตายตอนหลับ ก็ไปเป็นพรหมล่ะครับ สวัดดีครับ
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    ผมก็มีอาการเหมือนเจ้าของกระทู้เลยครับ... - -
     
  8. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    สวัสดีครับ พอดีเห็นคุณโพสกระทู้ ว่าลองปฏิบัติมาแล้ว นั่งปฏิบัติสมาธิวันละ 1 ชม. ถือว่ายอมสละเวลามาปฏิบัติ น่ายกย่องครับ

    ผมขอแนะนำอุบายในการทำสมาธิให้กับคุณ ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นอุบายที่คิดว่าน่าจะใช้ได้ผลกับคุณมาลองให้ปฏิบัติดูน่ะครับ แต่ถ้าไมได้ผลก็ไม่เป็นไร

    ความเข้าใจอย่างแรกเลย คุณต้องตั้งมุมมองของคุณเองให้ถูกต้องก่อนครับ แท้จริงแล้ว การนั่งสมาธิ ไมได้นั่งเพื่อเอาหรือต้องการสิ่งใด เพราะถ้าคิดว่าจะนั่งเพื่อต้องการสิ่งใด ถ้าคุณนั่งเพื่อต้องการสิ่งใดแล้ว พอไมได้ขึ้นมาจะเกิดอกุศลต่างๆ เช่น อาการหงุดหงิด , อารมณ์สงสัย ฯลฯ


    เมื่อตั้งมุมมองถูกต้องแล้ว ผมขอแนะนำ อุบายการนั่งสมาธิ ให้คุณดังนี้ครับ

    1. ตั้งตัวให้ตรง ( ให้รู้สึกว่าหลังตรง คอตรง ไม่โค้งไปข้างหน้า หรือเอนไปด้านหลังมากเกินไป แต่ก็ไม่ถึงกลับเกร็งเพื่อจะให้ตรง ) สบายๆ เหมือนท่านั่งของพระพุทธรุปครับ

    2. หลับตาลงไป แล้วตั้งใจไว้ว่า จะไม่ขยับร่างกาย จะให้"นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้"

    3. พอร่างกายนิ่งแล้วให้ดูความคิดปรุงแต่งในใจเราเสมอๆ มันจะมีความคิดปรุงแต่ง เกิดขึ้นในจิตใจ ต่างๆนาๆ เมื่อเราเห็นหรือเจอความคิดปรุงแต่งในจิตใจแล้ว ให้เรา"ละ" ความคิดปรุงแต่งนั้นทิ้งไป เฝ้าระวัง ความคิดปรุงแต่งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆครับ

    หมายเหตุ หลักการสำคัญ คือ ร่างกายนิ่ง + เฝ้าดูอกุศลต่างๆที่ผุดเกิดขึ้นในจิตใจ แล้วละอกุศลเหล่านั้นเสีย

    ทำแค่นี่ สักวันละ 20 - 30 นาที ก็จะได้สะสมทั้ง สัมมาสติ + สัมมาสมาธิ
     
  9. เอกวัฒน์

    เอกวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +2,431
    สาธุด้วยครับคุณทำได้ดีเเล้วครับ ผมยังนั่งไม่ถึง15นาทีเลยครับ
    ทำทุกวันน่ะดีเเล้ว ดีกว่าไม่ทำ หลักของสมาธิมี4อย่างเองครับ
    คือ 1วิตก 2วิจารณ์ 3ปิติ 4สุข ถ้าเป็นไปตามขั้นตอนนี้ก็ถูกทางเเล้วครับ
    นอกจากนี้ไปหาอ่านตามเวปเอานะครับมีเยอะ
    แต่อย่าอ่านมากนะครับ มีคนบอกว่าทำสมาธิรู้น้อยดีกว่ารู้มากครับ
     
  10. boydd

    boydd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +1,773
    มั่นใจในการกระทำเข้าไว้ครับว่าเป็นเรื่องดี

    การที่คุณ สามารถนั่งสมาธิ ได้ทุกๆวันนั้น เป็นตัวบ่งบอกว่า
    คุณได้ก้าวหน้าแล้วแหละคับ
    ทำดีย่อมได้ผลที่ดีตามมาคับ ไม่ต้อง รีบร้อนคับบ

    อนุโมทนากับการเริ่มต้นฝึกสมาธิคับ
     
  11. รัตน์พิมล

    รัตน์พิมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +604
    โอ่วว ขอโมทนา สาธุด้วยนะค่ะ ทำดีแล้วปฏิบัติสม่ำเสมอนะค่ะ
    สำหรับคำแนะนำเรานะจ้ะ
    ทำตัวสบายๆ นั่งสบายๆ กายสบาย จิตใจสบายน่ะ
    ถ้าง่วงนอนก็พัก ไม่ต้องฝืน ทำเท่าที่ทำได้นะ
    ส่วนเวลานอนก็ฟังเทศน์ไปด้วยจิตจะไปจับกับเสียงธรรมก็จะเกิดญาณอ่อนๆน่ะ
    จะช่วยมากนะจ้ะ
    ขอเจริญทางธรรมค่ะ
     
  12. komson

    komson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +180
    .....เห็นด้วยกับทุกคำตอบ ข้อสรุปคือ
    1)คุณมีศรัทรา มีฉันทะเข้าขั้นแล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จในเรื่องของการฝึกสมาธิ
    2) เพ่งมากไปหรือจิตใจเลื่อนลอยมากไป สติตามไม่ทันเลยวูบหลับ ต้องฝึกสติครับ(ต้องหาคนอธิบายตัวต่อตัวเรื่องฝึกสติจะเข้าใจเร็ว)
    3)ต้องหาครูอาจารย์ ผู้รู้ที่เชื่อถือได้ไว้สอบถามแนะนำเสมอจะไม่หลงทางและไม่ถึงทางตัน (ตอบในเวบบอร์ดไม่ทันการหรือไม่ละเอียดครับ )
    4)แนวทางการฝึกมีเยอะแยะมีบางท่านแนะนำมาก็ลองหลายๆแนวถ้าแนวใหนถูกจริตจะไปได้เร็ว(ไม่มีวิธีใดดีที่สุดมีแต่ว่าดีและหมาะกับตัวเองที่สุด กรรมฐานพระพุทธเจ้าแนะไว้ 40 วิธี ไม่ได้บอว่าวิธีใหนดีที่สุด แต่การฝึกประกอบไปด้วยสติปัฏฐาน จะมีจุดจบที่สมบูรณ์ได้)
     
  13. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ผมสนใจรับคำแนะนำในการนั่งสมาธิครับ ไม่ทราบว่าจะติดต่อท่านได้อย่างไร
    ขอบคุณครับ
    ศุภธัช
     
  14. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    สิ่งสำคัญอยู่ที่กรรมฐานที่เราเลือกหรือฐานของจิตที่เราไว้กำหนด เช่นคำภาวนา ลมหายใจ ความรู้สึก รูปกาย กสิณนิมิต ฯลฯ ขณะที่จิตจดจ่ออยู่กับกรรมฐานย่อมมีสิ่งรบกวนต่างๆที่ไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังระลึกรู้อยู่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ อานิสงส์ของสมาธิจะเกิดขึ้นก็ตรงที่เราสามารถปล่อยวางสิ่งที่มารบกวนต่างๆเหล่านั้นและทำให้จิตของเราจดจ่อเป็นหนึ่งอยู่กับฐานหรือกรรมฐานของจิตที่เรากำหนดไว้ได้อย่างมั่นคงนั้นแหละครับ (อาศัยความเพียรที่ต่อเนื่องเจริญสติรู้ตัวทั่วพร้อมในทุกอิริยาบถจะช่วยได้ครับ) แต่ถ้าง่วงนอนเพราะอ่อนเพลียเราก็ต้องนอนนะครับเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ยกเว้นแต่ว่าเราจะเข้าสมาธิอยู่แล้วจิตดิ่งลึกเข้าไปในสมาธิจนร่างกายเหมือนกับได้รับการพักผ่อนไปแล้ว อย่างนั้นไม่จำเป็นต้องนอนก็ได้ครับ
     
  15. khochpaak

    khochpaak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,727
    ขอบคุณคุณ Supatach

    ผมเองอายุแค่ 32 ยังไม่ดีพอให้ใครมาเรียกท่าน ในเวปแห่งนี้มีอริยบุคคลอีกหลายคนที่ควรค่าแก่การยกย่อง ผมเองยังทำได้ไม่เท่าปลายหางอึ่งเลย ยังไม่เฉียดเลยด้วยซ้ำ แต่ที่ทำนี่ก็ถือว่าเป็นที่พอใจในตัวเองแล้วและก็จะพยายามก้าวต่อไป เพราะสิ่งที่ผมได้มากับการปฏิบัติกรรมฐานนั้นคือ ผมรู้ตัวเองว่าผมใจเย็นลงมาก ๆ ผมมีความเกรงกลัวต่อบาปกรรมมาก ๆ มีคำหนึ่งมันเกิดขึ้นกับใจว่า ถ้าเราจะกระทำสิ่งหนึ่งที่มันเป็นกรรม คำว่า "มันไม่คุ้ม" จะเกิดขึ้นมาขวางให้เราคิดก่อน เมื่อคิดแล้วเห็นตามจริงว่าไม่คุ้มแน่ๆ ที่ว่าไม่คุ้มคือ ใช้เวลาแปปเดียวกระทำสิ่งนั้น แต่ต้องใช้เวลาอีกนานเท่านานกับการรับผลของการกระทำนั้น ๆ สู้ไม่ทำดีกว่า ยอมให้ตัวเองขัดข้องหมองใจไปก่อน แล้วไปลดอารมณ์เอา พอมาหลัง ๆ คำอีกคำก็เกิด คือคำว่า "ชั่งหัวมัน" อาจจะดูหยาบไปหน่อย แต่ก็สมควรหยาบ ก็ผมมันยังเป็นคนอยู่ ยังวนไปวนมากับกิเลส ตัณหาอยู่ ผมก็ยอมรับ แต่ผมก็พยายามจะเป็นมนุษย์ที่เขาแปลว่าผู้ประเสริฐให้ได้ มาเดี๋ยวนี้ คำว่า ชั่งหัวมัน หัวมันหาย เลยเหลือแต่ "ชั่งมัน" ชั่งไปชั่งมา ได้หลายกิโลเลย ดีครับ ใจเราเป็นสุขมากขึ้นเยอะ เมื่อเราสามารถที่จะรักษาศีลไว้จนกระทั่ง ศีลเข้ามาครอบใจเราแล้ว เวลาจะคิดจะทำอะไร คำว่า สติมันจะมาโดยฉับพลัน จะไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนแต่ก่อน นี่คือข้อดีที่ได้จากการปฎิบัติ ทีนี้ข้อดีอีกอย่างคือ แต่ก่อนเคยสงสัยว่า พระพุทธเจ้าท่านเวลาที่ท่านทรงแสดงนิมิตให้ผู้ที่ท่านจะไปโปรดเห็นนั้น มีสภาพอย่างไร บางครั้งอ่านจากหนังสือของหลวงพ่อ ผมก็เห็นเป็นภาพ ๆ เหมือนสไลค์วิ่งไป ๆ แต่มาวันนึงที่ท่านทรงแสดงให้ผมเห็น เป็นภาพปรากฎในใจ อยู่สูงขึ้นมาบริเวณศรีษะ ผมทึ่งคับ ทึ่งที่คนเราจะมีสักกี่คนที่ได้เห็นองค์ท่าน แล้วเมื่อท่านแย้มพระโอษฐ์(ยิ้ม) น้อยๆ ให้เรา มันมีความสุขมากมายเหลือเกิน จิตใจมันเป็นสุขจริงๆ คนที่ได้รับพระกรุณาคงเข้าใจ นี่เป็นข้อดีของคนที่ตั้งใจปฏิบัติพระกรรมฐาน เวลานี้ผมเองยังทำตามแบบของผมเป็นปรกติ ไม่ได้ไปหาครูอาจารย์อะไรที่ไหน มีแต่เพียงหลวงพ่อพระราชพรหมยานเท่านั้น ซึ่งผมเองก็ไม่เคยพบท่านตอนท่านมีชีวิต มาพบเอาก็เมื่อสองปีนี่เอง เมื่อพบแล้ว ก็ให้ปักจิตปักใจ ว่าเรามีหวังกับพระนิพพานแล้ว พระนิพพานคือคำตอบที่เรารอมาตลอด ผมบอกตัวเองว่า อะไรจะคุ้มเท่าเราไปพระนิพพาน สิ่งที่เสียไปในชาติที่เป็นมนุษย์มันน้อยจนนับไม่ได้เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ในพระนิพพาน ถ้าเรายังมัวเสียดายสิ่งที่มันจะได้ในชาตินี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม พระนิพพานก็จะยังไม่เปิดสำหรับเรา แล้วมันจะคุ้มมั๊ย (มาอีกแล้วคำว่าคุ้ม) ไม่คุ้มเลยครับ ผมยอมเสียโอกาส กับการได้ลิ้มลองรสกามารมณ์ จากหญิงอื่น เด็กก็ใช่ ผู้ใหญ่ก็ชอบ ผมยอมเสีย ผมยอมเสียโอกาสในการได้กอบโกยเงินทองที่เพียงแค่ออกแรงนิดนึงก็จะได้มาอย่างมากมายมหาศาล ผมไม่เอา ผมยอมไม่ตบยุงเพราะยุงมันกัดผมทำให้ผมเจ็บ ผมยอมโดนด่า โดนว่า แต่ผมจะไม่ยอมพูดโกหกเพื่อเลี่ยงสิ่งที่ทำพลาดไป ผมคิดว่านี่แหล่ะที่ผมยอมมาทั้งหมด เพียงแค่คำว่าพระนิพพาน จะถึงหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญที่อยากจะไปให้ถึงหรือไม่ ผมอยากครับ อยากไปพระนิพพาน ฉะนั้น สิ่งที่ผมแลกด้วย ผมคิดว่า ผมคุ้มครับ อย่างไรเสียก็ยังมีหลวงพ่ออยู่ หลวงพ่อท่านคอยรับผมอยู่ ผมรู้ ขอให้กำลังใจกับทุกคนที่มุ่งปฏิบัติ ไม่ว่าท่านจะทำแบบไหนก็ตาม ผมขออนุโมทนาด้วยกับทุกท่าน บุญกุศลใดที่ทุกท่านพึงจะได้รับ ผมขอร่วมรับบุญกุศลนั้นด้วยทั้งปวง และเช่นกัน บุญกุศลใดที่ผมพึงได้รับ ผมขอแบ่งบุญกุศลนั้นให้กับผู้อ่านทั้งปวงได้รับไปเท่า ๆ กัน พระนิพพานอยู่ไม่ไกล เอื้อมมือเข้าไว้ครับ ยิ่งเอื้อมยิ่งใกล้เข้าไปทุกที
     
  16. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +3,159

    แล้วเป็นแบบว่า พอตื่นขึ้นมา แล้วใจมันท่องบทสวดมนต์ล่ะค่ะ แต่แบบไม่จบ (แบบดันเป็นบทสวดมนต์ที่ยาวนะค่ะ ...ชินบัญชร...) ใจมันสวดวนไปวนมาแค่ตรงที่สวดได้ ไม่นึกถึงอะไรเลย จับอยู่แค่ตรงบทสวดนะคะ
    แบบนี้เป็นอาการแบบน่าจะกังวล น่าเป็นห่วงมั้ยค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  17. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    นี่เป็นอาการของฌานอย่างหนึ่งครับ น่ายินดีครับ ไม่ต้องห่วง
     
  18. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    สังคมที่ได้เจออยู่ทุกวันนั้น มันก็หนักเหลือเกิน ในการที่จะเป็นคนดี มีศีลบริสุทธิ์ ตราบใดที่ยังเจอคน คนที่มีความคิดไม่เหมือนกัน คนที่ไม่มีศีล กินเหล้าทุกวัน พูดจาเพ้อเจ้อ แต่การเพ้อเจ้อ กินเหล้า กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่น่าชื่นชม แถมยังมานินทา พูดจาทำลายคนที่คิดดี แค่การที่ทำให้ตัวเรามีศีลบริสุทธิ์ กรรมบท 10 บริสุทธิ์ ต่อสังคมฝูงชนอย่างนี้ ก็หนักหนาสาหัสเอาการ ทางสุดท้าย หลีกเลี่ยงจากสิ่งอย่างนี้ คือ ไปบวช ไปปฏิบัติธรรม ในที่ที่ไม่เจอคนอย่างนี้ ในที่ที่สงบ คงจะหลุดพ้นได้
     
  19. khochpaak

    khochpaak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,727
    โมทนาบุญด้วยครับ

    อาการที่เป็นเป็นปฐมฌานครับ คือเกิดจากการที่ก่อนคุณหลับ คุณอาจจะสวดมนต์อยู่ในใจเมื่อสวดไปได้พักนึงก็เข้าสู่สภาวะอุปจารสมาธิหยาบ คือเคลิ้ม ๆ จะหลับ พอเต็มระดับ จิตตัดความรู้สึก หลับทันทีครับ แต่ตอนที่หลับอยู่นี้ เข้าสู่ปฐมฌานขั้นแรกแล้ว และเมื่อร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ บวกกับ จิตเป็นฌานอยู่แล้ว เมื่อจิตตื่นใหม่ ๆ จิตจะจับองค์ภาวนาเดิม คือบทสวดมนต์ที่คุณท่องไว้ก่อนหลับ เป็นอัตโนมัติ ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน เป็นบุญและกุศลมากครับ พยายามรักษาอารมณ์นี้ไว้ และทำต่อเมื่อเวลาเราตื่นมาแล้ว ก็ให้ภาวนาหรือสวดมนต์ที่ชอบก็ได้อีกสักพักนึง แล้วค่อยลุกขึ้นจากที่นอนครับ ทำจนชิน จิตจะชินจนเป็นฌาน ยิ่งชินเท่าไหร่ ยิ่งได้มากเท่านั้น ทีนี้ก็ปรับมาใช้กับตอนที่เราไม่ได้อยู่ในเวลานอนคือในสภาวะปรกติระหว่างวัน ถ้าวันไหนมีความรู้สึกว่าอารมณ์เบิกบานดี มีความสุขในการดำเนินชีวิต คิดอะไรก็สดใสไปหมด ลองนั่งเงียบ ๆ คนเดียวดูครับ แล้วหลับตาภาวนาไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกว่าจิตใจมันดิ่งลงเร็วมาก แต่จะได้แค่ไม่นาน อาจจะสองถึงสามนาที ถ้าบุญเก่ามาสงเคราะห์ก็จะได้มากกว่านั้น อาจจะก้าวหน้าไปอีกจนเกิดปิติ และไล่ไปถึงอุปจารสมาธิซึ่งพอถึงตรงนี้ ถ้ารู้สึกว่ามันง่วง มันก็จะเหมือนกับตอนที่คุณกำลังจะหลับ เพียงแต่ว่าตอนนี้เราไม่ได้ต้องการหลับ แต่จิตมันชินกับสภาวะนี้ ฉะนั้น คุณต้องข้ามตรงนี้ไปให้ได้ ถ้าข้ามไม่ได้ มันจะรู้สึกเหมือนสัปหงก แล้วก็จะตื่น ทีนี้จะเข้าสมาธิไม่ได้แล้ว เพราะจิตมันตกลงมาแล้ว วิธีที่จะข้ามไปคือ ให้คงคำภาวนาเอาไว้ โดยไม่สนใจในสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งใจไว้ว่า เราจะรู้แค่คำภาวนา ถ้ามันไปคิดอะไรเข้าก็ดึงกลับมา ทำแบบนี้บ่อย ๆ จะข้ามไปได้ครับ อย่าไปสนใจในแสง สี เสียง และภาพใด ๆ ที่มากระทบ รู้ก็เฉย ไม่รู้ก็เฉย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากคำภาวนา เมื่อข้ามมาได้แล้ว จะรู้สึกว่า ร่างกายโปร่งมาก สติจะกลับคืนมา 100 % และสามารถได้ยินเสียง และร้บรู้สิ่งต่าง ๆ รอบๆ กายได้ แต่จะไม่สนใจ จะรู้สึกเป็นสุขเฉย ๆ ร่างกายจะเบามาก ถ้าคุณทำได้ต่อจากนี้ไปอีก ให้ไปอ่านเอาในหนังสือหลวงพ่อได้แล้วครับ ละเอียดกว่าที่ผมจะมาพิมพ์ให้อ่าน หรือถามเอากับผู้ที่ชำนาญในการเข้าออกฌาน ไม่รู้ว่าพี่อำนาจจะสงเคราะห์ได้หรือไม่ ลองถามพี่เขาแล้วกันครับ เพราะผมเองก็ยังไปได้ไม่ไกลกว่านี้สักเท่าไหร่ คือยังไม่สามารถเข้าฌาน 4 ได้โดยทันทีทันใด ยังต้องอาศํยการไล่ลำดับไปทีละขั้น ผมยังทำได้ไม่ถึงหางอึ่งเลยครับ หากคุณทำไปได้ไกลกว่านี้ผมก็ขออนุโมทนาบุญและขอร่วมรับกุศลผลบุญด้วยคนนะครับ
     
  20. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +3,159

    ขอบคุณมากค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...