ลองดูกันซิว่า...สัญลักษณ์ google สื่อว่าอะไร...

ตัว E ภาพสุดท้าย

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR class=tr1><TH style="BORDER-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px" id=td_tpc class=r_one height="100%" vAlign=top>โคมไฟเฮนนา




<IMG onclick="if(this.width>=0) window.open('http://www.dekying.com/picupload/images/80551holiday10-hp-5.jpg');" border=0 src="http://www.dekying.com/picupload/images/80551holiday10-hp-5.jpg" onload="if(this.offsetHeight>'1000')this.height='1000';">
<IMG onclick="if(this.width>=0) window.open('http://www.dekying.com/picupload/images/71487HENNA%20LAMPS%20LARGE1.jpg');" border=0 src="http://www.dekying.com/picupload/images/71487HENNA%20LAMPS%20LARGE1.jpg" onload="if(this.offsetHeight>'1000')this.height='1000';">
โคมไฟโมรอคโคเฮนน่าจะทำผิวแกะหรือแพะที่ถูกขึงรอบรูปทรงที่แตกต่างกันของโมร็อกโกกระทำทำด้วยมือเฟรมเหล็ก หลังจากตายผิว, เข็ม, ศิลปินเฮนน่า, ทั่วไปหญิงอย่างพิถีพิถันวาดลวดลายสลับซับซ้อนแตกต่างกันซึ่งดูเหมือนจะเป็นเส้นสีดำปรับในสกิน เฮนน่าพวกเขาให้แห้งประมาณหนึ่งชั่วโมงจากนั้นศิลปินจิตรกรใช้สีสีที่แตกต่างกันในผู้รับที่แตกต่างกันวาดด้วยเฮนน่า โคมไฟใช้สีสดใสโมร็อกโกโมร็อกโกทั่วไปเช่นสีแดง, สีส้ม, สีเหลืองหรือสีฟ้าที่ทำให้คุณคิดว่าไฟที่ลุกโชติช่วงขลังของ Aladdin เทคนิคเหล่านี้มีการใช้หลายศตวรรษและได้รับการส่งต่อกันมาหลายชั่วคน เพลิดเพลินไปกับคอลเลกชันแสงโมร็อกโกกับชนกลุ่มน้อยของโคมไฟและตารางต่างๆของเรา

</TD></TR><TR class=r_one><TD style="BORDER-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; VERTICAL-ALIGN: bottom; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 50px"><LINK rel=stylesheet type=text/css href="hack/rate/images/rate.css"><SCRIPT language=JavaScript src="js/rate_ajax.js"></SCRIPT><!---->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภาพอ่าวซิดนีย์ดวงอาทิตย์มากกว่าหนึ่งดวง น้ำร้อนปลาตายลอยเกลื่อนเลยค๊าบ
ภาพภูเขาไฟฟูจิดูโทนสีแล้วยังกับบรรยากาศในทะเลทราย ดูแล้วนึกว่าเนินดินสีน้ำตาลมีกองทรายขาวๆๆอยู่ข้างบนแถมเพื่อนบ้านเราอีกสามคันกำลังหาที่จอดด้วย...อิอิ+

 

ขอกลับมาที่ไร่องุ่นชิลีอีกครั้ง

ไร่องุ่นซิลี

พอดีวันนี้มีรูปอยู่ใน google (วันที่ 24 ธันวาคม2553) เลยหาข้อมูลของรูปต่างๆมาให้อ่านกันค่ะ doodle ด้านล่างค่ะ

​

ไร่องุ่นซิลี (Chilean vineyards)
ประเทศชิลี มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (República de Chile) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วย
ประเทศชิลิ เป็นประเทสที่มีความแยว แค่ข้างข้างแคบ และมีไร่องุ่นมากถึง ชิลิมีไร่องุ่นที่มีความยาวถึง 800 mile และมี ไวท์ชื่อดังมากมาย

 

หุบเขาโคลชากวา(Colchagua Volley)

ภาพไร่องุ่นในกูเกิลนั้นชัดเจนว่าคือไร่องุ่นที่หุบเขาโคลชากวา ประเทศ

ชิลี ด้วยสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอเรเนียน ที่มีไม่กี่ที่ในโลก ทำให้ไวน์

ที่หุบเขานี้มีคุณภาพดีได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ได้เหรียญรางวัลไปกว่าครึ่ง

ในประเทศ และติด ท็อปร้อยไวน์ชั้นดี เป็นอันดับ 3 ในปี 2003 ได้อันดับ 2

ในปี 2004 และ ได้รับรางวัลไวน์ชั้นเลิศของภูมิภาค(อเมริกาใต้)ในปี 2005

ด้วยการปลูกไร่องุ่นถึง 50000 เอเคอร์


แง่ดี ในปีหน้าไวน์ที่ชิลีจะขายดี และอาจจะหมายถึงเหมาะที่จะซื้อ

หามาดื่มกันในช่วงคริสต์มาส และปีใหม่นี้


แง่ร้าย ถ้ามองจากลักษณะภูมิประเทศ น่าหวาดเสียวเหลือเกิน

ทางซ้ายก็มหาสมุทรแปซิฟิค ซึ่งชาวชิลีเพิ่งผ่านฝันร้ายกับแผ่นดินไหว

9 ริคเตอร์มาหมาดๆ ก็ฝั่งแปซิฟิคนี้ แถมด้านขวาก็มีเทือกเขาสูงที่

เต็มไปด้วยหิมะ กับสภาวะโลกร้อนแบบนี้ ถ้าหน้าร้อนน้ำแข็ง

ละลายเร็วก็อาจเกิดน้ำท่วมได้ พอถึงหน้าหนาวน้ำแข็งนั้นละลายไป

หมด ก็กลายเป้นหน้าแล้ง แม้แต่แม่น้ำที่หล่อเลี้ยงอยู่กลางไร่องุ่นก็อาจ

ไม่มีเหลือ

http://www.laplayawine.com/chilean_wine_country_colchagua.htm

 

ผ้าคานก้า - ผ้าที่เต็มไปด้วยสุภาษิตโบราณ

​

African kanga จาก google.co.th

African kanga เป็นเสื้อผ้าของคน แอฟริกา ที่นิยมใส่กัน
ผ้า Kanga ซึ่งเป็นศิลปะเก่าแก่ของชนเผ่าบันตู(คิสวาฮิลีในปัจจุบัน) คำ

กริยาว่า ku-kanga คือการห่มคลุม เป็นเสื้อผ้าที่มีสีสันคล้ายกับผ้า

kitenge สวมใส่โดยผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นครั้งคราวพบได้ทั่วไปที่แอฟริกา

ตะวันออก จะมีการถักขอบผ้าซึ่งมีความยาวด้านละ 1 ถึง 1.5 เมตร ล้อมรอบ

ทั้ง4 ด้าน (เรียกว่า Pindo ใน ภาษา สวาฮิลี) และลวดลางตรงกลาง(เรียกว่า

mji) ซึ่งจะออกแบบแตกต่างจากเส้นขอบ ผ้าคานก้าจะมีสีสันที่สวยงามมาก

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Kanga_%28African_garment%29

 

สุภาษิตและปริศนาบนแถบผ้าคานก้า

ผ้าคังก้านั้น ปัจจุบันเริ่มนิยมในวงการแฟชั่น แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นประเพณี

และวัฒนธรรมดั้งเดิม ที่ในบริเวณแอฟริกากลางและตะวันออก อย่าง

เกาะมาดากัสการ์ แซมเบีย และมาลาวี ที่ซึ่งสามารถผลิตผ้าคังก้าได้เอง

มักจะเขียนคำสุภาษิตที่เป็นภาษาอาหรับ หรือโคโมเรียนลงไปบนแถบ

เช่น

Greed is never useful - ความโลภไม่เคยให้คุณประโยชน์

Everything is all right if you love each other - ทุกสิ่งเป็นเพียง
เรื่องเล็กน้อยหากคุณมอบความรักให้แก่กัน

Even though I have nothing, I have not given up my desire to get what I want - ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เหลืออะไร แต่ฉันก็จะไม่ยอมหยุด
ไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการ

Parents are gold; to take care of them is a blessing - พ่อแม่เปรียบดั่งทองคำล้ำค่า การได้ดูแลท่านเป็นบุญ

We are all passengers, God is the driver - พวกเราต่างก็เป็นผู้
โดยสาร(เดินทาง) และพระเจ้าเป็นดั่งคนขับ(ชี้ทาง)

Might is right - อำนาจเป็นความชอบธรรม

We (women) want equality, peace, and progress <SUP> </SUP>
พวกเรา(ผู้หญิง) ต้องการความเสมอภาค สงบสุขและความเจริญ
<SUP></SUP>
I’m afraid of a lion with its strong teeth but not a man with his words - ฉันกลัวสิงโตเพราะเขี้ยวอันแข็งแรงของมัน แต่ไม่กลัว
คนเพราะคำพูดของเขา


ปล.ผมก็ไม่รู้ว่าเขาแปลออกมาจากภาษาท้องถิ่นมาเป็นอังกฤษนั้นผิดเพี้ยนไหม

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=_bMCjL2cMj0]YouTube - Hidden Illuminati Symbol in Google Earth Day 2010 Picture[/ame]

โลโก้นี้วันไหนไม่รู้ จำไม่ได้

 

Acropolis=>Apocalypse=>คริสตพยากรณ์

ถ้ากรีซไม่ได้จมลง อีกนัยหนึ่ง ก็คือสภาพเศรษฐกิจของกรีซ

ที่ใกล้จะล่มสลายลงไปทุกที เป็นเหมือนรัฐล้มละลาย

 

Henna-ความหมายทางจิตวิญญาณ

http://en.wikipedia.org/wiki/Henna

นอกจากโคมไฟเฮนนานั้น เฮนนาก็คือพืชชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันในเขตร้อน

แป้งเฮนนานั้น สามารถสกัดเพื่อย้อมผมให้เป็นสีน้ำตาลส้มได้ รวมถึง

มีผู้นิยมมาวาดลวดลายบนฝ่ามือหรือตามร่างกาย ซึ่งถ้าถาม อย.หรือนัก

วิทยาศาสตร์ก็จะบอกว่าเป็นอันตรายต่อผิวหนัง แต่ถ้าบางข้อมูลหรืออาจจะ

เป็นผู้ที่ชื่นชอบก็มักจะบอกว่าปลอดสารพิษ


แต่การวาดลวดลายเฮนนานั้นมีมาแต่โบราณกาลในยุคอียิปต์โบราณมาแล้ว

"จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีการใช้สมุนไพรเฮนน่ามานานมากกว่าพันปีแล้ว พระนางคลีโอพัตรา และพระนางเนฟาติติแห่งอิยิปต์นอกจากทรงใช้สมุนไพรเฮนน่าในการบำรุงรักษาเส้นผมแล้ว พระนางยังทรงใช้สมุนไพรเฮนน่าในการแต่งสีเล็บและริมฝีปากของพระนางอีกด้วย."
"การค้นพบการใช้เฮนนาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คือการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี ที่สุสานอียิปต์บริเวณหุบเขาใกล้กับแม่น้ำไนล์ ชาวอียิปต์นำมาใช้ทานิ้วมือและเท้าก่อนของฟาโรห์ก่อนที่จะทำมัมมี่"

 

7000 ปีก่อนคริสตกาล,บาบิโลน,สุเมเรียน,อัสซีเรียนก็ใช้

ประวัติของเฮนนานั้นยาวนานเกินกว่าที่จะรู้ว่าจุดเริ่มต้นของมันมาจากที่

ใดแต่มีหลักฐานชวนเชือว่ามนุษย์ยุคหินใหม่ในสมัย 7 พันปีก่อนคริสตกาล

นั้นมีการใช้เพื่อเชื่อมต่อกับเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์

อารยธรรมโบราณที่เคยใช้เฮนนาประกอบไปด้วยบาบิโลน อัสซีเรียน

สุเมเรียน เซมิต ยูการิต คานาแอนิต หลักจารึกที่เก่าแก่ที่สุดจะกล่าวถึง

เฉพาะการใช้เฮนนาเขียนประดับเจ้าสาวหรือผู้หญิงตามโอกาสพิเศษต่างๆ

ในตำนานยูการิตของบาอัลและแอนาธ จารึกไว้บนแผ่นหินเมื่อ 2100 ปี

ก่อนคริสตกาล พบทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย เฮนนายังถูกใช้

อย่างกว้างขวางทางตอนใต้ของจีนในพิธีกรรมการทำสเนห์เป็นเวลาอย่างน้อย

ถึงสามพันปี

การใช้เฮนนาในช่วง ค.ศ.400-500 ในเมืองเดคคาน ทางตะวันตก

ของอินเดียแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในพุทธศาสนา ที่จิตรกรรมบนผนังถ้ำ

อชันตา http://palungjit.org/threads/อชันตา-ถ้ำมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่แห่งศรัทธาของชาวพุทธ.160801/ และถ้ำอื่นๆที่คล้ายกันในศรีลังกา ถูกใช้จนถึง ค.ศ.600 ก่อนการบุก

รุกของกองทัพมองโกล และการเข้ามาของศาสนาอิสลามในหลายร้อยปีต่อมา

ในช่วง ค.ศ.650

 

ทั้งหมดจะสื่อว่า ข้อมูลทั่วโลกอยู่ในอากู๋
หากวันหนึ่งอารญธรรมสิ้นสูญ อากู๋คืองูตัวนั้นในอดัมกับอีฟ
และคมที่สอง หากมนุษย์ต่างดาวอยากได้ข้อมูลของโลกแค่เอาอากู๋ไปก็พอแล้ว
เพราะอากู๋รวบรวมใว้ให้หมดแล้ว (แม้แต่ชื่อผม พิมพ์ลงไปก็ค้นได้เห้นรูปผมเลย
เซ็งชะมัด หนีไปไหนไม่ได้เลย)

 

การวิจัยทางโบราณคดีของเฮนนาว่าถูกนำมาใช้ทานิ้วมือและนิ้วเท้าของฟาโรห์ก่อนที่จะ

ทำเป็นมัมมี่ แต่ไม่ใช่เฉพาะอียิปต์โบราณเท่านั้น ชาวอียิปต์โบราณและเผ่าพื้นเมืองทั่ว

โลกก็เชื่อกันว่าสารธรรมชาติสีแดงนี้สามารถพัฒนาการตื่นรู้ของมนุษย์ให้ได้รับพลังงาน

ของโลก มันจึงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการเข้าถึงจิตวิญญาณเดิมแท้ของพวกเขา


แปลไม่ไหวแว้ว ตามไปอ่านกันต่อนะครับ

Henna - CRystalinks

 

umm สนุกดีค่ะ ..

 

ช่วยกันเสนอแนะได้นะครับ

บางทีสิ่งที่เราเห็น มันต้องตีความ การตึความนั้น ก็คงจะไม่พ้นจาก

ประสบการณ์ องค์ความรู้ที่มี ฐานข้อมูลของตนเอง และก็นำเสนอออกมา

มันจึงยากที่จะสลัดออกจากกัน ระหว่างแนวความคิดกับอัตตา

เพราะมันไม่ใช่แค่บทความที่อ่านและแปลออกมา แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องตีความ

แต่ถ้าหากจะมีคนช่วยเสนอแนะ และชี้ทางที่ชัดเจนกว่า ก็ยอมรับได้นะ

 

ย้อนมาที่ กอนโดลา เรือแจวที่เวนิซอีกที

Venice gondolas

วันนี้ (วันที่ 24 ธันวาคม 2553) มีรูปภาพมากมายบน google นี้คือหนึ่งในรูปภาพนั้น เลยหาข้อมูลมาให้อ่านกัน

Venice gondolas by google.co.th

คลองในเวนิส​

Venice gondolas ​

เวนิส (อังกฤษ: Venice) หรือ เวเนเซีย (อิตาลี: Venezia) เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากร 271,663 คน (ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2547) เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges), และ เมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)
เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวิ มีผู้อยู่อาศัยโดยประมาณ 272,000 คน ซึ่งนับรวมหมดทั้งเวนิส โดยมี 62,000 คนในบริเวณเมืองเก่า 176,000 คนในเทอร์ราเฟอร์มา (Terraferma) และ 31,000 คนในเกาะอื่นๆ ในทะเลสาบ
ในภาพของ doodle จะมีรูปของเรือ gondolas ที่เป็นสิ่งที่สำคัญมากของเมือง Venice
เรือกอนโดลา (gondola) เป็นเรือพายพื้นบ้านของชาวเวนิส ใช้เป็นพาหนะหลักของการเดินทางในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี มานานหลายร้อยปี

 

Gondoliers - สัญลักษณ์แห่งการกีดกันทางเพศ

อาชีพพายเรือ Gondola ที่เวนิซนั้น เป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้เฉพาะเพศชาย

มาตั้งนับร้อยปีแล้ว แต่เมื่อปี 2007 ได้เกิดกรณีที่มีหญิงชาวเยอรมันจะมา

สมัครเป็นนักพายเรือ แต่ทว่ากลับถูกชาวเมืองและเพื่อนร่วมอาชีพ กีดกัน

ต่างๆนานา จนในที่สุดเธอต้องออกจากอาชีพไป แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าเธอเป็น

ฝ่ายชนะคดีก็ตาม

และหากใครก็ตามที่เคยไปล่องเรือเวนิซ และยังเป็นสาวๆแล้วด้วยก็อาจจะ

โดนมือปลาหมึกของชายพายเรือ Gondola ก็เป็นได้

ลองอ่านดูครับ

 

อเล็กซานดรา ไฮ - ผู้หญิงพายเรือกอนโดลาคนแรกของโลก

เวนิซ: เป็นเวลามากกว่าหนึ่งพันปี ที่ไม่เคยมีนักพายเรือกอนโดลาเป็น

ผู้หญิง แต่วันนี้เธอคือ อเล็กซานดรา ฮาย


หลังจากที่ศาลตัดสินให้เธอสามารถเป็นนักพายเรือกอนโดลาได้ และอนุญาต

ให้เธอพายเรือเพื่อบริการแขกที่มาพักในโรงแรมของเมืองเวนิซ

"ยอดเยี่ยม! ผู้หญิงพายเรือ ยอดเยี่ยม!" ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนมาจากระเบียง

ชั้นสามบนที่พักเลียบคลองริโอ เด ลา เวสเต และชี้ให้คู่ฮันนีมูนจากยูทาห์ของ

เขาดู พร้อมกับยกแก้วแชมเปญและเบคอน ในขณะที่ฮายกำลังแจวเรือพานัก

ท่องเที่ยวชมบรรยากาศรอบเมือง


"สง่างามอะไรเช่นนี้!" ผู้หญิงอีกคนหนึ่งตะโกนตามมา ทุกสายตาและกล้อง

จ้องมองทุกที่ที่เธอแจวเรือผ่าน




อาชีพของเธอดูจะไม่ราบรื่นเมื่อ ความนิยมชมชอบของ นักพายเรือกอนโด

ลาชาย 425 คน ซึ่งฝึกฝนวิชาพายเรือกันเป็นประเพณีเฉพาะผู้ชาย และถ่าย

ทอดอาชีพจากพ่อสู่ลูกชาย อันที่จริงพวกเขาเหล่านั้นอิจฉาเธอเล็กน้อย



โรแบร์โต้ ลุปปี้ นายกสมาคมเรือกอนโดลา กล่าวว่า ไฮไม่มีความสามารถใน

การควบคุมเรือกอนโดลาที่ยาว 10 และ 35 เมตรได้ สอบตก 4 การทดสอบ

และว่าเธอนั้นใช้เพศของเธอเป็นข้อได้เปรียบ


เมื่อกล่าวถึงในกรณีที่ ฮาย อ้างว่ามีนักพายเรือชายลวนลามเธอ เขาทำท่า

ปฏิเสธและกล่าวว่า หลังจากที่คนคนนึงกล่าวหาว่านักพายเรือผู้ชายเป็นพวก

เหยียดและลามก เธอคาดหวังอะไรล่ะ ก็คือให้พวกเขาคิดว่าเราจูบเธอไงล่ะ..


กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาเวนิซเคยมีประสบการณ์อพยพของชาวบ้าน

184,000 คน ในปี 1950 ซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งในสามของคนที่นี่

น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำและกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีหลายพื้นที่ ไร้

ประโยชน์และอาศัยอยู่ไม่ได้ พร้อมกับประวัติศาสตร์ที่หายไปเหมือนหนังที่เลิกฉาย

"เวนิสเป็นเมืองที่เปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อ" แอนนา โซเมอร์ คอกส์,

นายกกองทุนอังกฤษช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมเวนิซกล่าว

จากประสบการณ์ของเธอ เธอกล่าวถึงเมืองเวนิซ กับการรักษาขนบธรรมเนียม

ทางวัฒนธรรมที่เธอต้องปรับตัว "มันเป็นเรื่องแย่ชะมัดที่คุณไม่สามารถแนะนำ

ความคิดใหม่ๆที่จะช่วยพัฒนาเมืองนี้"เธอกล่าว


ผู้บุกเบิกเมืองนี้ก่อน ฮาย อย่าง ลูบิก้า กุนจ์ ที่เมื่อแปดปีที่แล้วมาทำงานเป็น

พนักงานเสิร์ฟหญิงก่อนคนแรกที่ได้รับอนุญาตเพื่อไปเสิร์ฟอาหารลูกค้าที่โต๊ะ

ในจตุรัสเซนต์มาร์ค "ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ" เธอกล่าวในมุมมองที่

ต่างจาก ฮาย

ในขณะที่ กุนจ์ เสิร์ฟอาหารที่ออโรร่า คาเฟ่ ร้านถัดไปคือ ฟลอเรียน คาเฟ่

ที่ตั้งร้านมาตั้งแต่ปี 1720 - อนุญาตให้ผู้หญิงเสิร์ฟอาหารอยู่ภายในร้านเท่า

นั้นไม่ใช่ที่โล่งแจ้ง


ฮาย หญิงวัย 40 ปี เชื้อสายเยอรมันและแอลจีเรีย, เป็นจุดเริ่มต้นของนิยาย

เกี่ยวกับการต่อสู้ทางสิทธิสตรีและการต่อต้านผู้หญิง และความมีอคติต่อชาว

ต่างชาติ


เธอเสริมว่าเธอถูกที่ทำงานเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ทำให้สามในสี่การทดสอบ

ของเธอล้มเหลว เมืองเวนิซและนักพายเรือชายต่อต้านเธอ เธอตกเป็นเป้า

หมายในการถูกกลั่นแกล้ง และเรือของเธอก็ถูกทำให้พังก่อนการสอบ


เธอกล่าวอีกว่า สมาคมนักพายเรือกอนโดลา แม้จะดูภายนอกว่าเป็นมิตร แต่

พวกเขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงหรือชาวต่างชาติเข้าไปทำงานด้วย


เธอร้องเรียนข้อสงสัย ที่ไม่ได้รับการไต่สวน เช่น เธอได้รับไม้พายที่ไม่ดี

และระหว่างการทดสอบมีเรือจอดไว้ในคลองเต็มไปหมด เธอตำหนิทั้งสมาคม

กอนโดลาและสภาจังหวัด "มันเป็นเรื่องที่จงใจหรือบังเอิญกันแน่" เธอกล่าว

และครั้งหนึ่ง ที่โลกานดา อาร์ท เดโก้จ้างเธอเป็นการส่วนตัว เธอมักถูกตำรวจ

เรียกให้จอดและถามเสมอว่า คนที่นั่งในเรื่องใช่ผู้ที่พักในโรงแรมหรือไม่


ลุปปี้ มองอย่างแคบๆและกล่าวว่า "เธอควรมองกระจกและยอมรับเถอะว่า เธอ

แจวเรือไม่เป็น"

"เราให้โอกาสเธอสองครั้งในทุกการทดสอบ และเรายอมรับไม่ได้จริงๆที่จะ

มองเห็นว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงและชาวต่างชาติ" เขากล่าว นักพายเรือคนอื่นๆ

ยังเพิ่มเติมว่าในแต่ละปี มีมากมายหลายคนที่ไม่ผ่านการทดสอบ


อาชีพนักพายเรือ มันเหมาะกับผู้ชาย มันเกี่ยวกับความแข็งแรง คุณต้องใช้ไม้

พาย พายเรือทวนกระแสน้ำ และแม้แต่ความสง่างามในการใส่ชุดลายขาวดำ

ของนักพายเรือกอนโดลา

เมาโร โมรอซซินี่ นักพายเรือวัย 48 ปี กล่าวว่า มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความ

สามารถไม่ใช่ความอ่อนโยน "ปล่อยให้มันเป็นตามประเพณีเถอะ" เขากล่าว

"การเป็นนักพายเรือกอนโดลา มันคือประเพณี และเป็นงานที่ยาก"



ฮายไม่ใส่ใจกับความคิดของนักพายเรือชาย และสภาเมืองนัก เธอคิดว่า

พวกเขาควรทำตามคำสั่งศาล และอนุญาตให้เธอได้พายเรือ เพกาซัส

ลงสู่คลองเวนิซ


"พวกเขาไปร้องเรียนกับโป๊ปเถอะ ฉันไม่ห้ามหรอก" เธอกล่าว

แม้ว่าเธอพยายามอดทนเพื่อให้นักพายเรือคนอื่นๆยอมรับมาเป็นเวลานาน

แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ดึงดันนัก แท้จริง เธอก็กำลังหาอาชีพที่เหมาะกับเธอ

"ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการทำแบบนี้อีกแล้ว" เธอกล่าวในระหว่างการสนทนาที่

ร้านแห่งหนึ่ง ในลานกลางแจ้ง เซนต์ แองเจโล เธออธิบายถึงความพยายาม

สิบปีที่ผ่านมาเพื่อการยอมรับ "มันน่าเศร้าที่ฉันต้องมีช่วงชีวิตแบบนี้ ฉันควรจะ

ไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ในชีวิต เช่น การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ "


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=v8fAppiWGt4]YouTube - Venice's first female gondolier[/ame]

 

ชาย 3 คน หญิง 3 คน และ 3 ลำ

ชายสามคน

Oud by google.co.th
​

Oud เป็นเครื่องดนตรีชนิดสาย ที่ใช้กันในทวีปแอฟริกาและในตะวันออกกลาง Oud ถูกคิดค้นโดย Lamech รายละเอียดเพิ่มเติมคงต้องไปหาอ่านที่ wiki eng นะค่ะ
ที่มาจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Oud


หมายถึง นักดนตรีอู๊ด ชายสามคนสามารถกลับมาร้องรำทำเพลง

หลังจากการเข้าไปปลดปล่อยอิรักของสหรัฐ จากการปกครองของ

ซัดดัมฮุสเซนตั้งแต่ปี 2003 ที่เคยสั่งห้ามไม่ให้เล่นดนตรีตามหลัก

ศาสนาและสั่งเนรเทศนักดนตรีเหล่านั้นออกไป ทำให้นักดนตรีเหล่านั้น

ต้องหลบๆซ่อนๆ

Following the invasion of Iraq and the overthrow of the secular Hussein regime in 2003, however, the increasing fervor of Islamic militants who consider secular music to be haraam (forbidden) forced many Oud players or teachers into hiding or exile​

 

ชาย 3 คน หญิง 3 คน และ 3 ลำ

หญิงสามคน


ระบำอินเดีย by google​

ระบำอินเดีย เป็นศิลปะประจำชาติของประเทศอินเดีย ซึ้งเราจะเคยคุ้นกันบ้างในหนังอินเดียต่างๆ ระบำอินเดีย ถือเป็นเอกลักษณ์เลยประเทศเลยทีเดียว ที่เรียกได้ว่า ไม่มีประเทศใดเหมือน ด้วยท่าทางและสีหน้า โดยเฉพาะการส่ายสะโพกแล้ว ระบำอินเดีย ถือเป็นอีกการเต้นที่ต้องใช้การส่ายสะโพกอยางมาก
โดย www.dekying.com


หมายถึงสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงอินเดียจะได้รับการยอมรับมากขึ้น

และรัฐบาลของอินเดียส่งเสริมการยกย่องสตรีมากขึ้น


RITTICHAI - India Study - ผู้หญิงอินเดีย:มุมมองในปัจจุบัน .

 

ชาย 3 คน หญิง 3 คน และ 3 ลำ

หญิงเนปาลสามคน








หมายถึง ผู้หญิงเนปาลมีความร่าเริงมากขึ้นจากการที่รัฐจะออก

กฎหมายคุ้มครองพวกเธอ ไม่ให้ถูกขายเพื่อไปใช้แรงงาน

[DOC] คนไม่ธรรมดา

<BUTTON class=vspib type=submit></BUTTON> รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - มุมมองด่วน
ในแต่ละปีมีเด็กและผู้หญิงเนปาลกว่า 2 แสนคนถูกขาย โดย 4 หมื่นคนนั้นมีอายุต่ำกว่า 16 ปี พวกเธอเหล่านี้ถูกล่อลวงมาและสุดท้ายก็มาจบที่การทำงานโรงงาน คนรับใช้ ...
<CITE>www.fpmconsultant.com/manager/spman/153.doc</CITE>