ขณะหลับฝัน เกิดฌานได้ ?

ผู้ใดเคยหลับฝัน แล้วเข้าฌานได้แม้ในฝันได้บ้างคับ
(จิตสัมผัสถึงอารมณ์ก่อนเข้าฌานได้แม่นยำ แม้แต่จิตใต้สำนึก)

 

อันนนี้คือในความคิดของผมนะครับ ถ้าถามว่าหลับแล้วเข้าฌาณได้ไหม
ถ้าผมตอบคืิอได้ครับ แต่ต้องเป็นท่านผู้เจริญแล้วเท่านั้น คือ แม้เวลาหลับ-ตื่น จิตก็รู้ตัวตลอดเวลา ฌาน1-7 ไม่รู้ แต่ฌาน8 ได้แน่!!!!

 

เวลานอนหลับอารมณ์มันก็ถึงระดับฌานอยู่แล้วครับ แต่ไม่มีสติรู้ตัว
สมาธิระดับฌานคือการเข้าถึงภวังค์ต้องมีสติรู้ตัวด้วย ผู้ที่ปฏิบัติมามากสามารถจะมีสติกำหนดรู้ตอนหลับได้

 

ของเหล่านี้เสื่อมได้ตามเหตุและปัจจัย
เพราะฉนั้นต้องหมั่นเพียรปฏิบัติให้บ่อยๆครับ

 

ฝึก สติ ครับ แล้วจะได้สัมผัส

ส่วนมากที่เกิดกับผมคือรู้ตัวในฝัน

เช่นฝันล่าสุดผมโยนลูกบอล แล้วลูกบอลเด้งข้ามถนน ที่มีรถแล่นไปมาอยู่ ไปอีกฝาก
ผมกำลังจะวิ่งไปเก็บก็หยุดคิดได้ว่า เฮ้ยไม่ต้องวิ่งไปเก็บให้เหนื่อยหรอกนี่ไม่ใช่ความจริง

ส่วนเรื่องเข้าฌานนั้นคิดว่าได้ครับถ้าเราเกิดมีสติรู้ได้กลางความฝัน

ผมเคยรู้สึกขนลุกเหมือนตอนนั่งสมาธิต่างกันแต่ว่ากำลังอยู่ในความฝันครับ

ประสบการณ์ของแต่ละคนก็ต่างไปมากบ้างน้อยบ้าง

 

คับผม
ผมเคยประสบมา 10กว่าครั้ง คับ จึงมาถามเผื่อว่า จะมีคนเคยเป็นบ้าง

 

incepter

หนังเรื่องนี้น่าดูมาก

ไปหาดูนะครับ

ผมว่าอาจเจอคำตอบ

 

เคยปฏิบัติจนจิตทรงพุทโธทุกลมหายใจเข้า-ออก ตั้งแต่ตื่นจนหลับ รู้ทุกอิริยาบถ สามารถกำหนดตื่นได้ตรงตามเวลาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก เมื่อหลับฌานก็ท่องเที่ยวไป จะเห็นตัวเองมี 2 คน คือคนที่แสดงอยู่ในจอ และคนที่ยืนดูอยู่นอกจอ เหมือนดูทีวีจอยักษ์ จำได้หมายรู้ทุกขณะจิต ส่วนใหญ่จะเป็นเทพนิมิตให้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และผู้ที่ตนผูกพัน หากยามใดที่จิตตกหลงทางไปตามกิเลส จะเห็นตัวเองมี 3 คน คนหนึ่งเป็นคนมีเมตตาธรรม คนหนึ่งเป็นคนโหดร้ายมากด้วยแรงแค้นอาฆาต ขึ้งโกรธ เกรี้ยวกราด และอีกคนหนึ่งเป็นคนดู แล้วก็ทุกครั้งที่จิตตกจะพบพระภิกษุหนุ่มในฝันมาช่วยคลายปริศนาธรรมโดยบอกใบ้ให้คิดเอง เพียงท่านบอกว่าอย่าขาดสติ เท่านั้นเอง เมื่อเราตื่นขึ้นมา เราก็นำมาพิจารณาว่าอ๋อแท้จริงแล้ว เราหลงทางเมื่อจิตกระทบกับอารมณ์ต่างๆ แล้วเราขาดสตินี่เอง ทำให้เรากลับไปทุกข์ใหม่ การที่จะทำให้ไม่ขาดสติก็คือต้องเจริญสมาธิมากๆ เจริญปัญญามากๆ ศีล สมาธิและปัญญา ต้องเสมอกัน พร่องอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้

 

ในขณะ นอนหลับ หากมี สติตามรู้อารมณ์ อาจจะใช่

 

ลองสังเกตุในความฝันว่าศีลเราบริสุทธิ์แค่ไหน
ในตอนที่ขาดสติควบคุมสังขารความคิดปรุงแต่ง
มีการล่วงศีล ข้องดเว้นที่เคยตั้งไว้บ้างไม๊ สังเกตุ ความบริสุทธิ์ของใจ ในช่วงที่ขาดเจตนาในความคิดและการกระทำและคำพูด .. ได้อีกวิธี

ลองสังเกตุดู คุณมีกุศล อกุศล ความฟุ้งซ่าน เกาะเกี่ยวสิ่งใดๆอยู่บ้าง
อันนี้ข้อสังเกตุส่วนตัวที่เคยใช้ในการสังเกตุและทบทวนศีล และ กุศลอกุศล ในใจ
อาจไม่มีในตำรา แต่เป็นข้อสังเกตุส่วนตัว ที่เคยยกมาใช้ในการทบทวนศีล และความเกาะเกี่ยวยึดถือของใจ


ลองสังเกตุดูเล่น เล่น อาจได้อะไรบ้างจากความฝัน มากกว่าที่เกิดขึ้นดับไปอย่างไร้ประโยชน์ อย่างเคย .....

 

ถือว่านั่นเป็นโอกาสในการพิจารณาธรรมก็ได้ครับ

 

ทำสมาธิตอนนอนจนหลับไป
ก็จะเกิดเป็นการหลับในฌาน
แต่การหลับในฌานจะฝันได้นั้น
จะอยู่ในช่วงอุปจารสมาธิและฌาน๔
ถ้าอยู่ในฌาน๑/๒/๓จะไม่ฝัน
เพาะช่วงนิมิตจะเกิดในอุปจารสมาธิและฌาน๔เท่านั้น
ฌาน๑/๒/๓ จะไม่มีนิมิต

 

เข้าใจที่ผมกล่าวหรือป่าวคับ หลายท่านตอบมา คาดว่าจะไม่เข้าใจที่กล่าวไว้

 

ก็ถ้าเราไม่ยอมรับฟังและทำความเข้าใจคนอื่น เราก็ไม่เข้าใจตัวเองฉันนั้นแล..

การประสบกับอาการที่ว่านั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายดอก แต่มันอาจจะเกิดหรือจะไม่เกิดกับใครก็ได้ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยนั้นๆ

ถ้าต่อให้เกิด 100 ครั้ง 1000 ครั้ง หากสติไม่มีในขณะนั้นๆ ไม่รู้เท่าทันความยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อย ไม่วางเฉย เสียแล้วไซร์ มันก็จะเกิดอยู่นั้นหรือจะไม่เกิดอีกเลย โอกาสก็จะผ่านไปโดยปริยาย

คำตอบก็คือ..
การตั้งคำถามที่ตรงประเด็นในสภาวะธรรมนั้นๆ
ถ้าจะถามว่ามันคืออะไร ?
ถ้าจะถามว่ามีใครเคยเป็นเหมือนกันบ้าง ?
ก็จะได้คำตอบอย่างตอบๆกันอยู่นั่นแล.. หันกลับมามองตนเองดีกว่า
ว่าอาการนั่นเมื่อมันเกิดแล้วมันเป็นยังไง ?
ทำไมกายฉันนี้หลับไปยังรู้สึกตัวอีก ?
ฉันหลับจริงๆหรือวิตกกังวลเรื่องใดอยู่ ?
ฉันฝันแล้วฉันเข้าหยิบอะไรออกมาได้บ้าง ?
ฉันฝันแล้วฝันนั้นก็หายไป ?
และถ้าฉันนั้นมีสติดีแล้ว กำกับอยู่เนืองๆแล้ว เหตุใดเล่าหนอถึงรู้ว่าตัวเองหลับ ?
แล้วไอ้ตัวที่เฝ้ารู้ว่าฉันนั้นหลับ มันคือฉันหรือมันคือแก ?

เอ๊า..สติมา ปัญญาเกิด อย่างที่เขาว่ากันหรือไม่อย่างไร ลองๆๆๆ พิสูจน์ๆๆๆ!!!

 

นี่แหละคับ คำตอบเชิงอธิบายที่คาดว่าจะไม่มีผู้ใดตอบเช่นนี้อีกแล้ว

 

ชอบคำนี้จังครับ
อนุโมทนาด้วยครับ

 

....ส่วนใหญ่ที่เป็นนะคะ การหลับโดยที่เรายังกำหนดลมหายใจ หรือภาวนาอยู่

....ถ้าเป็นปฐมฌาน อย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าว จิตจะตัดหลับทันที

....ดังนั้นเรารู้ไม่ทันจิต เราก็หลับค่ะ แล้วก็ฝัน ฝันไปเรื่อย แต่จะไม่มีสติในฝัน ก็เหมือนเรา

ฝันธรรมดา ทุกวัน ก็ไม่มีอะไร

....แต่ถ้าเรามีสติอยู่บ้าง ขณะที่เราตื่นนะคะ จิตจะภาวนา ต่อทันที โดยที่เราไม่ต้องมามัว

ตั้งสมาธิเลย คือ พอเราลืมตาขึ้นมา ก็ภาวนาต่อเลย

....ท่านอื่นๆเป็นอย่างไร จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า ก็ไม่อาจจะบอกได้ เหมือนกันค่ะ

 

ลักษณะการตายแล้วไปเกิดใหม่ก็เป็นฉะนี้แล.. คิดอะไรไว้ คิดแค้น คิดสุข เกิดใหม่ก็จะได้อย่างนั้นเช่นกัน
คราวนี้ถ้าไม่อยากเกิดเพื่อจะได้ไม่ตายอีก เราทำอย่างไร...

 

....โอ้..เข้าใจแล้วค่ะ ในสิ่งที่ คุณ Mr.Boy_jakkrit พยายามจะบอก นั้นคือ

ถ้าเรามีสติ และรู้ทันจิตแบบนี้บ่อยๆ หรือจิตเป็นสมาธิเสมอ ก็สามารถนำเราไปสู่

ทางที่ดีได้ แม้การไม่เกิด ก็เช่นเดียวกัน ใช่หรือไม่คะ