พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

21/10/53 12:10 ได้โอนเงิน 2,500 บาท ค่าผ้าไตรเพื่อร่วมทอดกฐินตกค้าง 3 จังหวัด ภาคใต้แล้วครับ

 

มาแจ้งเรื่องของผ้าไตร

ผ้าไตรที่ทางสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า และคณะกองทุนหาพระถวายวัด ทุกๆท่าน ร่วมกันทำบุญ รวม 30 ชุด

พี่แอ๊วได้ติดต่อกับช่างที่ทำชุดผ้าไตร ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และทางช่างก็ได้ลดราคาให้ในราคาพิเศษ ชุดละ 2,000 บาท รวมทั้งหมด(ที่สั่งทำ) 29 ชุด

ผมจะโอนเงินค่าผ้าไตรให้พี่แอ๊ว ในวันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2553 พร้อมกับเงินกฐิน

ส่วนผ้าไตร ทางช่างจะนัดกับทางพี่แอ๊ว ในการนำส่งให้กับพี่แอ๊วในวันพฤหัสที่ 28 ตุลาคม 2553 ครับ

สำหรับรายนามผู้ร่วมทำบุญผ้าไตร

1.ชมรมรักษ์พระวังหน้า 1 ชุด
2.คณะกองทุนหาพระถวายวัด 1 ชุด
3.ผมและ ผบทบ. 1 ชุด
4.คุณธวัช 1 ชุด
5.คุณศรุต 1 ชุด
6.คุณdragonlord 1 ชุด
7.พี่เปี๊ยก 1 ชุด
8.คุณณฑนน 1 ชุด
9.คุณพรเกียรติ 5 ชุด
10.พีีแอ๊ว 3 ชุด
11.คณะพี่สิทธิพร 13 ชุด
รวมทั้งหมด 29 ชุด

ส่วนอีก 1 ชุดเป็นของพี่ใหญ่

โมทนาบุญทุกประการครับ

http://palungjit.org/threads/พระวัง...โลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้.22445/page-2097
.

 

ส่วนเงินที่ท่านโอนมาเพื่อร่วมทำบุญชุดผ้าไตรมากกว่า 2,000 บาท ผมจะนำเข้าทำบุญในกองกฐินครับ

วัดทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พระภิกษุท่านอยู่ด้วยความลำบากมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัตตาหาร , การเดินทาง แม้กระทั่งการอยู่ในวัด ชาวบ้านก็ไม่กล้าที่จะไปวัด เนื่องด้วยเกรงอันตราย

ค่าใช้จ่ายในวัด ก็มีทั้งค่าน้ำ , ค่าไฟ , ค่าภัตตาหาร(ที่ผมคิดว่า ส่วนใหญ่จะทำอาหารในวัด) และยังมีอื่นๆอีกหลายๆอย่าง เช่น ยาสามัญประจำบ้าน เป็นต้น

มาร่วมกันทำบุญใหญ่กันครับ


.

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 29 คน ( เป็นสมาชิก 8 คน และ บุคคลทั่วไป 21 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, narin96+, newcomer+, nongnooo+, นายเฉลิมพล, ปฐม, สายครูบา, เอ๋เชียงใหม่</td></tr></tbody></table>
สวัสดีตอนค่ำมากๆครับ


.

 

สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่าน คุณเฉลิมพลที่บ้านเป็นอย่างไรบ้างครับผม

 

สวัสดีครับคุรปฐม และสมาชิกทุกท่านครับ

ตอนนี้น้ำสูง60เซ็นแต่ผมก่ออิฐบล็อกกั้นใว้แต่ต้องสูบน้ำออกทั้งวันทั้งคืนครับ เนื่องจากน้ำ
ซึมเข้าตลอด

ผมอุตส่าหนีจากพายุเกย์เมื่อหลายปีก่อนนู้น มาเจอที่นี่อีกแต่ก็ไม่หนักเท่า ค่อยยังชั่ว.

ขอบคุณมากนะครับ

 

[FONT=Tahoma,]ลดเสี่ยงข้อเข่าเสื่อม ดูแลสุขภาพเพื่อรักษาข้อเข่า

เมธาวี มัชฌันติกะ เรื่อง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต



<table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>
</td></tr></tbody></table>"นั่งก็เจ็บ ลุกก็เจ็บ เดินก็เจ็บ"

คง ไม่ดีแน่ถ้ามีอาการแบบนี้ "ข้อเข่าเสื่อม" เป็นอาการที่เกิดขึ้นมากในกลุ่มประชาชนชาวเอเชีย คาดว่า ปัจจุบันจะมีคนไทยมีปัญหาโรคข้อเสื่อม กระดูกพรุนประมาณ 7 ล้านคน กลุ่มที่พบมากที่สุดคือ ผู้สูงอายุมีประมาณ 6 ล้านคน

-ข้อเข่าเสื่อมโรคคนแก่

การ เสื่อมของร่างกายเป็นธรรมดาของโลก เมื่อใช้มากก็จะเสื่อมถอยไป "ข้อ" เปรียบเหมือนบานพับในร่างกาย หากใช้งานมากโอกาสที่จะเสื่อมเร็วกว่าปกติก็เกิดขึ้นได้มาก เมื่อพิจารณาพฤติกรรมของคนไทย และคนในเอเชีย ที่ชอบนั่งพื้น ขัดสมาธิ พับเพียบ นั่งยองๆ การขึ้นลงบันได ประกอบกับแนวโน้มของคนน้ำหนักเกินมาตรฐานเพิ่มขึ้น ทำให้โรคข้อเข่าเสื่อม พบได้มากในปัจจุบัน

โรคข้อเข่าเสื่อม มักพบในผู้สูงอายุ และเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เจอในคนอ้วนมากกว่าคนผอม และสามารถพบในผู้ที่ชอบเล่นกีฬาหนักๆ รวมทั้งโรคอื่นๆ เช่น โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และการติดเชื้อในข้อเข่า

น.พ.พัชรพล อุดมเกียรติ ภาควิชาศัลยศาสตร์ ออร์โธปิดิกส์ศิริราชพยา บาล อธิบายให้ฟังว่า ภายในหัวเข่าของทุกคนจะมีกระดูกอ่อนหุ้มที่ปลายข้อกระดูกบริเวณที่จะสัมผัส กันหนาประ มาณ 3-4 มิลลิเมตร โดยจะมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน หากเข่าต้องรับน้ำหนักมากหรือมีแรงเบียดกดทับมาก ก็จะทำให้เกิดการเสียดสีมาก กระดูกอ่อนผิวข้อก็จะถูกทำลายไป

-เจ็บแปลบคือสัญญาณเตือน

ตาม ปกติกระดูกอ่อนผิวข้อจะเรียบลื่น เป็นมัน เพื่อช่วยให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นก็จะเกิดความเจ็บปวดเวลาเดินหรือนั่ง <table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>
</td></tr></tbody></table>

อาการ เริ่มแรกที่ส่งสัญญาณว่า กำลังเกิดอาการข้อเข่าเสื่อม คือการเจ็บแปลบๆ เสียวบริเวณแนวเข่า ไม่ว่าจะยืนหรือเดิน หรือนั่งนานๆ การงอเข่าเกิน 90 องศา การใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งอาการนั้นอาจจะปวดมากขึ้นเป็นช่วงๆ หรือหายทุเลาไปเป็นพักๆ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ แต่เมื่ออาการเป็นมากขึ้นก็จะเกิดอาการปวดมากแม้จะขยับเพียงเล็กน้อย และเดินไม่ได้ในระยะสุดท้าย และจะมีอาการโก่งผิดรูปของข้อเข่าร่วมด้วย

-เข่าพังซ่อมไม่ได้

"ข้อ เข่าไม่เหมือนกระดูกชนิดอื่นในร่างกายที่เมื่อรับแคลเซียมเข้าไปในร่างกาย ก็ซ่อมแซม สะสม แคลเซียมไว้ได้ แต่ข้อเข่าเมื่อเกิดการสึกหรอแล้ว จะค่อยๆ สึกหรอไปเรื่อยๆ ไม่สามารถกินอาหารใดๆ เข้าไปซ่อมแซมได้ จึงต้องใช้อย่างทะนุถนอม ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ เช่น ลดน้ำหนัก 5% ของน้ำหนักขณะนั้น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ก่อการบาดเจ็บ และควรพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดหัวเข่า เพื่อให้สามารถดูแลและยืดอายุการใช้งานข้อเข่าได้นานขึ้น และบางครั้งอาการเจ็บเข่าก็เป็นสัญญาณบอกของโรคอื่นได้ โดยเฉพาะอาการข้อสะโพกอักเสบ ซึ่งมักพบในคนอายุน้อยมากกว่า คิดเป็น 3-4%" น.พ.พัชรพล อธิบาย

น.พ.พัชรพล อธิบายว่า แนวทางการรักษาจะเริ่มด้วยการ กินยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาลดปวด หรือกลุ่มยาลดอาการอักเสบของเนื้อเยื่ออ่อนและข้อ หรือใช้ยาบำรุงกลุ่มกลูโคซามีนซัลเฟต ซึ่งจะช่วยได้ในกรณีของคนที่เพิ่งเริ่มมีอาการระยะแรก เช่น เสียวเป็นพักๆ แพทย์เชื่อว่าจะช่วยชะลอการสึกหรอได้ระยะเวลายาวนานขึ้น<table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>
</td></tr></tbody></table>

-การรักษา-เปลี่ยนข้อ

เมื่อ คนไข้เริ่ม มีอาการหนักมากขึ้น แพทย์จะใช้ การฉีดยาเข้าไปในบริเวณหัวเข่า โดยจะเป็นกรดชนิดหนึ่งที่ จะเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในข้อเข่าเพื่อไม่ให้เกิดแรงดันในข้อเข่ามากเกินไป ซึ่งจะต้องฉีดติดต่อกัน 4-5 เข็ม ข้อควรระวังคือ มักพบว่ามีการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปเพื่อระงับอาการปวดแบบชั่วคราว ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้ระมัดระวังเพราะคิดว่าหายแล้ว การอักเสบจึงจะลุกลามขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว

การรักษาด้วยวิธีการ ส่องกล้อง เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ใช้กล้องส่องเข้าไปในเข่าและนำเครื่องมือขนาดเล็กสอดไปเพื่อผ่าตัด ซึ่งจะใช้ในกรณีข้อแตก แพทย์จะตกแต่งส่วนที่ขัดออกไป

การรักษาด้วย วิธีจัดกระดูก จะผ่าตัดเพื่อจัดแนวกระดูกใหม่ เพื่อลดแรงกดบริเวณข้ออ่อน ซึ่งจะทำเมื่อมีการสึกเพียงด้านเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการเกิดข้อเข่าเสื่อม 90% มักจะเกิดจากด้านในก่อน เพราะจะรับน้ำหนักมากกว่า โดยการผ่าตัดชนิดนี้จะนิยมใช้ในผู้ป่วยอายุน้อย และขาโก่งผิดรูป

การ รักษาด้วยการเปลี่ยนผิวข้อเข่าบางส่วน โดยทั่วไปแพทย์จะพยายามรักษาผิวข้อเข่าไว้ให้มากที่สุด หากไม่จำเป็นก็จะไม่เปลี่ยนข้อทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อคนไข้ยังอายุไม่เยอะมาก เพราะข้อเข่าที่เปลี่ยนจะมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี หากต้องเปลี่ยนอีกคนไข้จะเสียค่าใช้จ่ายมาก

การรักษาด้วยการเปลี่ยน ข้อเข่าทั้งหมด โดยมากแพทย์จะทำในกรณีที่เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย มีการโก่งผิดปกติ การสึก หรอลุกลามไปที่ผิวกระดูกอ่อนทั้งหมด ซึ่งแพทย์จะผ่านำผิวข้อเข่าออกทั้งหมด และแทนที่ด้วยข้อเข่าเทียม ซึ่งปัจจุบันมีเทคนิคทำให้แผลเล็กลง โดยการใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กลงจากเดิมขนาดแผล 25 เซนติเมตร เหลือเพียง 7-12 เซนติเมตร โดยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย และเทคนิคการวางยาสลบที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมเกือบ 100%

-รักษาน้ำหนักลดโอกาสเสื่อม

"แนว โน้มต่อจากนี้ เชื่อว่าอายุประชากร ที่ป่วยด้วยอาการข้อเข่าเสื่อมน่าจะลดลง และมีผู้ป่วยจำนวนเพิ่มมากขึ้น สอด คล้องกับประชากรที่มีน้ำหนักเกินมาตร ฐานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง"

น.พ.พัชรพล อธิบายว่า การรักษาข้อเข่าถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อข้อเข่าเสื่อมแล้วเสื่อมเลย ข้อแนะนำที่ควรทำคือ การรักษาน้ำหนักตัวให้ไม่เกินมาตรฐาน หลีกเลี่ยงกีฬาหนักๆ รุนแรง ไม่นั่งงอเข่านานเกินไป ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อกล้ามเนื้อส่วนต้นขามีความแข็งแรง ก็จะช่วยรับน้ำหนักไม่ให้ตกไปอยู่ที่หัวเข่ามากเกินไป ทำให้ข้อเข่าไม่เสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ท่าออกกำลังกายง่ายๆ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรง คือการนั่งเหยียดขา กระดกปลายเท้าขึ้น ลง และเกร็งวันละประมาณ 100 ครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อได้ และเมื่อรู้สึกว่าเริ่มมีอาการเสื่อมของข้อเข่า ควรถนอมด้วยการออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ แอโรบิก และที่สำคัญคือพบแพทย์เพื่อให้วิเคราะห์อาการได้อย่างถูกต้อง และวางแผนการดูแลรักษา ต่อไป

ถ้าไม่อยากต้องเสียข้อไปเร็วกว่าที่ควร ก็ต้องดูแลตั้งแต่วันนี้[/FONT]



.

Ŵ

 

ทุกๆท่านเป็นห่วงอยู่ครับ

เมื่อสักพักนี้ เห็นข่าวแจ้งว่า น้ำที่กำลังลดจากอ.เมือง จะเข้า อ.พิมาย

ต้องระมัดระวังให้มากๆนะครับ

.

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, kea.99999, Natachai</td></tr></tbody></table>
สวัสดีครับคุณNatachai

หวังว่า คงไม่ลืมที่ผมบอกไป และ หวังว่า พรุ่งนี้ ผมเข้าไปดูคงไม่เห็นที่ผมแจ้งไปและคุณได้รับปากแล้วนะครับ

แต่หากว่า ผมเข้าไปยังเห็นอยู่

ผมจะนำมาลงในกระทู้พระวังหน้าฯ

ผมเองไม่สามารถที่จะเข้าไปในบล็อกคุณ จากที่ทำงานผมได้ ผมจะกลับมาดูที่บ้าน

ผมแจ้งแล้วนะครับ

หากผมนำมาลง นั่นหมายความว่า ผมจะพูดถึงครูบาอาจารย์คุณแน่นอน

เพราะว่า คุณเองได้ปรามาสครูบาอาจารย์ผมมานานพอสมควรแล้วครับ

ผมจะ pm ข้อความในโพสนี้ ให้คุณทราบด้วย


.



.

 

..........................ว่ากันไปตามหลักและเหตุผลละครับท่าน...เชิญตามสบาย...รูปที่ไม่ได้บอกแหล่งที่มาเป็นรูปของท่านอื่นให้มา...รูปพระกริ่งทองคำทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของผม...ในโลกนั้นมีความคิดเห็นต่างกันได้...นิ้วมือยังมียาวมีสั้น...ไม่เช่นนั้นถนนเขาจะกำหนดให้วิ่งไปทางและกลับอีกทางทำไม?............มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปทางกุศลกรรม...คำกล่าวของหลวงปู่เขียน จ.พิจิตร "อะไรจะมาแรงลม อะไรจะมาคมเท่าน้ำ อะไรจะมาร้อนเท่าไฟ อะไรจะมาทนเท่าดิน โลกทั้งโลกก็เป็นธาตุ4 ร่างกายเฮาก็ธาตุ4 ธาตุทั้ง 4 มันกำเริบแล้วก็เสื่อมทุกวัน มันไม่เที่ยงมันมีแต่ทุกข์"

 

เรื่องพระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ
ผมจะมาอธิบายพอสังเขปว่า ทำไม เป็นเช่นนั้น



จากบล็อค(ไว้ผมจะส่งให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า และ คณะกองทุนหาพระถวายวัดให้ทราบ)




พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำด้านหลัง เป็นพระกริ่งฯเนื้อทองคำที่เรียนแบบถอดพิมพ์ (เก๊จ๊ะ) พระกริ่ง(เก๊)องค์นี้ครั้งหนึ่งได้มาอยู่กับผู้เขียนๆ ได้ให้พระสงฆ์อันเป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวพุทธที่จังหวัดอุทัยซึ่งยอมรับ ว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่เสร็จกิจแล้ว พระท่านสงเคราะห์เมตราตรวจสอบให้ว่าเป็นพระเรียนแบบ ไม่ถึงยุค



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ (เก๊ของเรียนแบบ).........พระกริ่งฯองค์นี้เก๊อย่างไรให้ดูรูปพร้อมราย ละเอียดในรูปถัดๆไป ใครจะว่าแท้ก็ว่าไป...เมื่อมาอยู่กับผู้เขียนหลายเดือนผู้เขียนได้ทำการเช็ค ตรวจสอบทั้งรูปและนาม เมื่อไม่ใช่จะมาพูดอ้างร้อยแปด...พันเก้ากับผู้เขียน ตัวผู้เขียนเองยังไงก็ต้องยืนยันว่าผู้เขียนเชื่อครูบาอาจารย์หากไม่เชื่อ ย่อมเป็นการปรามาสพระสงฆ์ที่เสร็จกิจจะเป็นกรรมหนัก ........."ของแท้ไม่ต้องไปกลัวคนอื่นกล่าวหา และไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นมาเห็นรูปของผู้เขียนแล้วเชื่อ เพราะของแท้ย่อมเป็นของแท้จะให้เป็นของเก๊ได้อย่างไร แต่ถ้าหากของเก๊จะให้บอกว่าเป็นแท้ย่อมเป็นไปไม่ได้.........เพราะมัง เก๊........ยิ่งห้ามยิ่งเป็นการแสดงถึงความกลัวอะไรบางอย่าง?



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ (เก๊ของเรียนแบบ).......ในซอกแขนขวาจะเห็นเหมือนใยอะไรสักอย่าง...ถ้าให้ผู้เขียนเดา...น่าจะเป็นใยสำลี...



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำด้านหลัง



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ (เก๊) ก้นของจริงขอบจะหนา



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ (เก๊) ก้นขอบบางๆ มองแล้วตลกและแปลกใจม๊ย



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำด้านหน้า ของเก๊นะจ๊ะ



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำด้านหลัง (เก๊จ๊ะ)

..................

 

เรื่องพระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ

จากบล็อคเดิม



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ (เก๊) ด้านข้างซ้าย



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ(เก๊) ด้านข้างขวา



พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ (เก๊) เปรียบเทียบด้านหน้า องค์ทองคำขวามือเป็นพระกริ่งที่ถอดพิมพ์เรียนแบบของจริงหากไม่สังเกตุจะดู ไม่ออกว่าเป็นของจิรง สังเกตุได้ในรูปส่วนสูงจะไม่ได้ขนาดและมีขนาดเล็กกว่าของจริง องค์ซ้ายมือเป็นพระกริ่งปวเรศ (สมเด็จวังบูรพา) พ.ศ.2434 นวโลหะเนื้อสัมฤทธิ์เดช




มองกันชัดๆ ความคำชัดของเนื้อทองคำจะน้อยกว่าและมีขนาดส่วนสูงและความใหญ่ขององค์พระจะเล็กกว่าไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ลำตัว



รูปนี้เพิ่มแสงทำให้มองเห็นความแตกต่างชัดเจนมากขึ้น การหล่อในสมัยโบราณใช้แม่พิมพ์ต้นฉบับเหมือนกันและมีขนาดเท่ากัน พระกริ่งทุกองค์ที่หล่อออกมาจะมีขนาดขององค์พระทั้งส่วนสูงและขนาดลำตัวจะ ต้องเท่ากัน หากไม่เท่ากันแสดงว่ามีการถอดพิมพ์ฯเพื่อไปหล่อใหม่



นำพระกริ่ง 2 องค์ชนกำแพงแล้วทำการถ่ายรูป ถ่ายท่าไหนก็จะเห็นความสูงและมีขนาดลำตัวที่แตกต่างกัน




มองด้านไหนๆ ขนาดก็ไม่เท่ากัน




รูปนี้เพิ่มแสงเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนมากยิ่ง ขึ้น อาจจะมีคนแย้งว่าทองคำมังแพง 555 ไม่จริงจ๊ะระดับผู้สร้างสมเด็จวังบูรพาเรื่องทองคำไม่ใช่ปัญหา แต่ที่มีปัญหาคือองค์ผู้อธิฐานจิตไม่ใช่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ที่เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นะซิ แต่ดันเป็นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อีกทั้งปีที่สร้างอายุก็ไม่ถึง แต่มีพิมพ์และตำหนิเหมือนกับพระกริ่งปวเรศ(สมเด็จวังบูรพา) พ.ศ.2434 จะไม่ให้บอกว่าเก๊ จะให้บอกว่าอะไร

.

 

เรื่องพระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ

จากบล็อคเดิม




นำพระฯ 2 องค์ชนผนังแล้วถ่ายรูปดังที่เห็น ลากเส้นปะให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่าต่ำกว่าจริงไหม และด้านล่างขนานเล็กกว่าจริงไหม



รูปนี้ก็เช่นกัน ขนาดต่างกันเห็นชัดเจน



เช็คส่วนผสม เนื้อทองคำ 65.3% เงิน 16.8% ทองแดง 17.8% น้ำหนัก 28.77 กรัม (เก๊เนื่องจากผู้อธิฐานจิตไม่ใช่สมเด็จฯ กรมพระยาปวเรศและปีที่สร้างก็ไม่ถึง)



ดูกันให้ชัดๆว่าการทำเก๊เค้าพยายามกันเช่นไร? อย่าพึ่งเชื่อว่าพระฯที่ท่านมีเก๊หรือแท้ ในประเทยมีพระสงฆ์ที่ท่านเสร็จกิจแล้วหลายรูป ขอพระฯท่านเมตตาสงเคราะห์แล้วคุณจะทราบว่า เก๊ก็คือเก๊จะให้เป็นแท้ได้เช่นไร แต่ถ้าแท้จะให้เป็นเก๊ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน อย่างพึงเชือในสิ่งที่ฟังๆกันมา



ดูชัดๆ รู้ไว้นะว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำเก๊จะเป็นแบบนี้จ๊ะ





ด้านหลังดูซะ เก๊จ๊ะ

.

 

เรื่องพระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ
ผมจะมาอธิบายพอสังเขปว่า ทำไม เป็นเช่นนั้น



จากบล็อค(ไว้ผมจะส่งให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า และ คณะกองทุนหาพระถวายวัดให้ทราบ)



ส่วนสูงไม่เท่ากัน ขนาดศรีษะไม่เท่ากัน แบบนี้เก๊จ๊ะ



นอนดูซะหน่อย ยังไงก็เก๊



พระเนื้องทองคำความเก่าของสนิมทองคำจะไม่เห็นลักษณะ แบบนี้ ถ้าอยากจะรู้ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ให้ไปดูรูปพระสมเด็จเนื้อทองคำ ร.5 ฉลองครองราชย์ฯครบ 24 ปี(พ.ศ.2435)จะเห็นความแตกต่างชัดเจน



ในวงสีน้ำเงินจะเห็นคราบที่พยายามทำให้เก่าแต่สิ่ง ที่ทำไหลมาที่บริเวณก้นฐานของกริ่งมองแล้วแปลกๆม๊ย ของเก่าอายุนับ 119 ปี(ถึงพ.ศ.2553) เก่าเองธรรมชาติ



มองดูตาเปล่าหรือส่องดูกล้องไม่ชัดดูยาก ต้องใช้คอมฯช่วยขยาย ชัดม๊ย มองแล้วคล้ายๆกับอะไร อย่างบอกนะว่าเป็นสนิททองคำ ฮา ตายเลย อาจจะมีคนแย้งว่าพระกรุหลายๆกรุเมื่อออกจากกรุบางกรุมองแล้วเหมือนพระใหม่ฯ แต่ถ้าพระกริ่งฯเนื้อทองคำของแท้ นำไปทำเก่าเพื่อให้เห็นเป็นคราบสนิททองใครเชื่อก็เชิญจ๊ะ ไม่ใช่ผมคนนึงละ



เห็นก้นขนาดต่างกันไหมและลูกศรของพระกริ่งองค์ซ้าย มือ 4 จุดจะเห็นชัดเจนว่าก้นของพระกริ่งฯจะมีขนาดความหนาพอสมควร แล้วลองหันมาดูรูปกริ่งทองคำ(เก๊)ทางด้านขวามือในวงกลม 4 จุดเห็นม๊ยทองคำมังแพงฐานบางนิดเดียว ระดับสมเด็จวังบูรพาสร้างทั้งทีจะมีพระกริ่งลักษณะตลกแบบนี้ด้วยเหรอ พระเครื่องเก๊ที่เรียนแบบไม่ได้ผ่านพิธีุพุทธาภิเษก ดังเช่น พระกริ่งทองคำองค์ที่เห็นนี้ ไม่มีเทวดาดูแล ถึงแม้นจะมีการปลุกเสกอธิฐานจิต ซึ่งเทวาดาท่านไม่ดูแลด้วยเหตุผลของเรียนแบบ



ดูกันให้ทั่วๆองค์พระกริ่ง พยายามทำเก๊กันสุดๆ



รู้ไว้ใช่ว่าหน้าตาของสนิมแดง เก๊เป็นแบบนี้จ๊ะ





ขยายสนิมทองคำหรือที่เรียกว่า Gold oxide (Au203)มีสีน้ำตาลแดง ของเก๊ พิจารณาดูให้ดีๆ ในซอกแขนด้วยแล้วบอกได้ว่าฮาจริงๆ

.

 

เรื่องพระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ
ผมจะมาอธิบายพอสังเขปว่า ทำไม เป็นเช่นนั้น



จากบล็อค(ไว้ผมจะส่งให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า และ คณะกองทุนหาพระถวายวัดให้ทราบ)



สนิมแดงของทองคำที่เกิดจาก Gold oxide (Au203)ของแท้ หน้าตาเป็นแบบนี้จ๊ะ



พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 5 ครบรอบอายุ 39 ปี พ.ศ.2435 และเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 24 ปี ด้านหน้าให้แสงต่างกัน น้ำหนักองค์พระ 15.14 กรัม ทองคำ 78.40 % เงิน 11.06 % ทองแดง 10.51 %



พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 5 ครบรอบอายุ 39 ปี พ.ศ.2435 และเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 24 ปี หน้าหน้าให้แสงต่างกัน การจัดสร้างวัตถุมงคลฯ ครั้งนี้ได้มีความสมบูรณ์ได้กำหนดวิธีการประกอบพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณี โบราณ ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อให้ได้วัตถุมงคลที่เข้มขลังเอกอุไปด้วยพลังแห่งมหาพุทธาภิเษกมวลสาร ชนวนโลหะ ที่ใช้ในการสร้างวัตถุมงคลฯ พิธีเททอง พระเกจิอาจารย์สมัย ร.5 ที่มาร่วมพิธี ซึ่งได้จารแผ่นพระยันต์เพื่อพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ อย่างถูกต้องตามโบราณพิธี



พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 5 ครบรอบอายุ 39 ปี พ.ศ.2435 และเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 24 ปี ด้านหลังให้แสงต่างกัน พิธีมหาพุทธาภิเษก พระดีพิธีใหญ่ พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในเดือน เมษายน 2435 ร.5 เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ประธานสงฆ์ในพิธี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับมหาสมณุตมาภิเษก เมื่อ ปี พ.ศ. 2434 เมื่อพระชนมายุได้ 82 พรรษา เป็นพระมหาสมณเจ้า ฯ ได้ 10 เดือน พระองค์ทรงพระประชวรด้วยพระโรคชราและสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2435 พระชนม์มายุได้ 83 พรรษา 13 วัน ทรงผนวชเป็นพระภิกษุได้ 64 พรรษา อธิฐานจิตร่วมกับพระ อภิญญาใหญ่ในสมัยนั้น เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง



พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 5 ครบรอบอายุ 39 ปี พ.ศ.2435 และเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 24 ปี ด้านหลังให้แสงต่างกัน พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ ของพระสมเด็จเนื้อทองคำ พ.ศ.2435 ด้าน คงกะพัน, ชาตรี, มหาอุด, แคล้วคลาด, มหาอำนาจ, หนุนดวง, ขับไล่วิญญาณ, เมตตา, เสน่ห์ธรรมดาที่ใครเห็นก็รู้สึกชอบ, โชคลาภ, โภคทรัพย์, ดูดทรัพย์, ป้องกันอาถรรพ์ มนต์ดำ ยาสั่ง, กันนิวเคลียร์ อาวุธเคมี, ช่วยเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน, สารพัดนึก, ทำน้ำมนต์ รักษาโรค, สิ่งที่เป็นอัปมงคล คุณไสยอวิชา คุณผี คุณคน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ รักษาโรคระบาด ภัยพิบัติจากรังสีของอาวุธศาตราทั้งปวง และได้รับพระเมตตาจากสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์อธิฐานจิตเพิ่ม พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ เพิ่มจากของเดิมดังนี้ เสน่ห์อันเป็นที่รักของ 3 ภูมิ คือ เทวดา โลกมนุษย์ และนรก, ทำน้ำมนต์รักษาโรคเวร โรคกรรมจากหนักเป็นเบา ฯลฯ



พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 5 ครบรอบอายุ 39 ปี พ.ศ.2435 และเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 24 ปี ด้านข้างให้แสงต่างกัน เทวดาผู้ดูแลรักษาองค์พระฯ…เทวดาชั้นมายา

 

เรื่องแรก

ในกรณีของการตรวจสอบพลังอิทธิคุณ หรือ องค์ผู้อธิษฐานจิต

สำหรับผู้ที่นั่งมโนมยิทธิ แล้วกราบทูลถาม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธสิขีทศพลที่ 1 (สมเด็จองค์ปฐม) ในเรื่องพระพิมพ์หรือพระเครื่องต่างๆ

ผมแจ้งให้ทราบว่า ในเรื่องนี้ พระพุทธองค์ทรงไม่มาตรัสในประเด็นเหล่านี้ แต่หากพระพุทธองค์จะเสด็จมาโปรด ก็เป็นการสอนธรรม

ในการตรวจสอบเรื่องของพระกริ่งปวเรศ ในกรณีของการนั่งมโนมยิทธิกราบทูลถาม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธสิขีทศพลที่ 1 (สมเด็จองค์ปฐม) ว่า พระกริ่งปวเรศองค์นี้ รุ่นนี้ สร้างกี่องค์ เก๊ หรือ แท้

ไม่ต้องให้มีฌาณหรือมีญาณ สามารถบอกได้ว่า คนหรือพระภิกษุที่นั่งในลักษณะดังกล่าวนั้น มั่ว หรือ โดยเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ หลอก

กรรมเยอะดี สำหรับเรื่องมั่วๆแบบนี้

ส่วนเรื่องการเสร็จกิจ หรือ ไม่ อย่างไรนั้น ในความเห็นผม ต้องมีผู้ที่รับรอง และ ผู้ที่รับรอง ต้องอยู่ในระดับเดียวกัน (ตามพุทธประวัติก็มีการรับรองโดยพระพุทธองค์ในเรื่องของเปรต ) ต้องเป็นลักษณะนี้ ไม่ใช่เป็นการโฆษณาหรือโปรโมท

มาต่อกันเรื่องของระยะเวลาที่บอกไว้

ว่าไปอยู่หลายเดือน นี่ก็เป็นเรื่องที่เขียนเพื่อให้อ่านแล้วเห็นว่า ได้มีการศึกษาค้นคว้าอย่างมาก แต่ที่จริงแล้ว ไปอยู่ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น

ที่ว่า 1 เดือนนั้น ก่อนหน้านี้อยู่ที่ผม และ ผู้เขียนได้บอกผมว่า อยากจะปล่อยเพื่อนำเงินมาร่วมทำบุญ ผมก็บอกว่า ขอในราคาเดิม เพราะต้องไม่มีกำไร แต่ ผู้เขียนได้บอกว่า เขาต้องการเงินส่วนต่างมาทำบุญ สุดท้ายผมจึงให้พี่ท่านนึง ช่วยรับไว้ โดยขอกำไรจำนวน 30,000 บาท เพื่อที่ผู้เขียนนำไปทำบุญ

ทำบุญที่ว่านั้น ได้บุญหรือ??? !!!!!!!!!

เนื่องจากพระกริ่งปวเรศที่ผมได้มานั้น มีความแตกต่างกัน เนื่องจากการรักษาจากเจ้าของเดิม และ มีการขัดสีฉวีวรรณเนื่องจากการนำไปโมดิฟายให้ดูเก่า

ดังนั้น เพียงแค่ดูแ่ค่เพียงไม่กี่องค์ จึงไม่มีปัญญามากพอในการดูพระกริ่งปวเรศ

.

 

เรื่องพิมพ์ หรือ ขนาด ของพระกริ่งปวเรศ รุ่นปี 2434 จะมีการสร้างกันหลายครั้ง มีพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงหลายครั้ง บางพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงหลายๆครั้ง ก็องค์ผู้อธิษฐานจิตหลายองค์

และ ก็ไม่ใช่มีเพียงพิมพ์นี้ หรือพิมพ์ที่เป็นเนื้อสเตอร์ริงซิลเวอร์ เพียงพิมพ์เดียว แ่ต่มีมากไม่น้อยกว่า 50 พิมพ์

ส่วนที่ว่า ท่านวังบูรพา เป็นผู้ให้สร้างนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ที่ถูกนั้น ต้องบอกว่า เป็นไวยาวัจกร และ คณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นผู้ที่ให้สร้างขึ้นเพื่อถวายหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ

อย่างที่บอกไว้ก็คือ พระภิกษุที่ตรวจสอบว่า พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำองค์นี้เก๊ ตรวจมั่ว ซึ่งหากตรวจไม่มั่ว ไม่เฮงซวยแล้ว และมีญาณจริงๆแล้ว ต้องรู้ ว่า ท่านใดเป็นผู้ให้สร้าง เนื่องจากการกราบทูลสอบถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปฐม (องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ เป็นสัพพัญญู เป็นผู้รู้ในทุกๆเรื่อง)

แต่สอบถามแล้ว ผลเป็นแบบนี้ จะสรุปได้หรือไม่ว่า พระำภิกษุ ตรวจแบบมั่วๆ ได้หรือไม่ ?????


.

 

ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า บางท่าน พอจำลายมือนี้ได้หรือไม่ครับ ผมว่า คุ้นๆมากๆ

ลองเทียบลายมือดูครับ

จากกระทู้ พระกริ่งปวเรศ ปีพ.ศ.2434 เนื้อสเตอร์ริงซิลเวอร์

พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ ที่ผมเคยนำไปสแกนมา
องค์นี้แท้ครับ


ทองคำ 65.30 %
เงิน 16.80 %
ทองแดง 17.80 %

น้ำหนัก 28.77 กรัม








ทฤษฎีเดาๆ อย่านำไปใช้ ว่า ต้องมีขนาดเท่านั้น มีขนาดเท่านี้ เนื่องจากผลการตรวจสอบจากพระภิกษุ ที่ตรวจมามั่วๆ แล้วนำมาตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ ว่า ต้องมีขนาดเท่านั้น เท่านี้

.
.

 

เหมือนเดิมเลยว่า ทฤษฎีมั่ว ที่ได้จากพระภิกษุที่ตรวจมาแบบมั่วๆ

เรื่องสนิมทองคำ ไว้โพสต่้อไป

.

 

เรื่องสนิมทองคำ

เมื่อเปรียบเีทียบกับ สนิมทองคำ พระกริ่งปวเรศ

จะสอนให้ว่า ไม่ว่า พระสมเด็จ เนื้อทองคำ หรือ พระกริ่งปวรเศ เนื้อทองคำ โดยโมดิฟายมาก่อนหน้านี้

ทองคำ หากทิ้งไว้ สนิมทองคำ ต้องเกิดทั้งองค์ ไม่ใช่เกิดเฉพาะจุด

อย่าไปมั่ว

พระสมเด็จ เนื้อทองคำ ที่มีอายุเก่ากว่าปี 2435 ก็มีอีกหลายองค์ ที่ผ่านตามา บางองค์ไม่มีสนิมทองแบบที่ว่าเลย

เนื่องจากอะไร เนื่องจากโดนโมดิฟายมาก่อนนั่นเอง

หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ท่านไม่ได้เป็นกลุ่มองค์อภิญญาใหญ่

.