อาการของสภาวะจิตเสื่อม!!!!!และทางแก้ไข

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย den_siam2523, 18 พฤศจิกายน 2006.

  1. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +2,267
    หลายท่านที่ได้เจริญสมาธิ เจริญปัญญา จนได้รับความสงบร่มเย็น เมื่อถึงกาลหนึ่ง จิตที่เคยสงบระงับกลับไม่เหมือนเดิมด้วยเหตุปัจจัยอื่นๆ เช่น ละเมิดศีล เป็นต้นนั้น ท่านรู้สึกอย่างไร และมีกุศโลบายในการแก้ปัญหานั้นอย่างไรครับ เพราะผมตอนนี้ก็มีสภาวะเช่นนี้อยู่
     
  2. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ตามหาพุทโธซิ ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็กลับมาเอง ครูบาอาจารย์เคยพูดไว้
     
  3. t_kanhachalee

    t_kanhachalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +124
    พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์ครับ เพราะศีลเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงซึ่งพระรัตนตรัย ศีลเปรียบได้ดังกำแพงป้องกันไม่ให้กิเลสเข้ามาทำลายจิตอันเป็นประภัสสรได้ แต่ยังไม่ใช่กำแพงป้องกันที่ดีที่สุด (กำแพงป้องจิตที่รองลงมาจากศีลคือ สมาธิ และกำแพงชั้นที่ดีที่สุดคือ ปัญญา) ถ้าศีลบกพร่องแล้วอาสวกิเลสก็ผ่านเข้ามากระทบจิตได้ง่าย(ผัสสะ)ไม่มีสิ่งป้องกัน กิเลสที่เข้ามากระทบจิตก็จะทำให้จิตมัวหมอง จิตที่เคยสงบระงับก็กลับไม่สงบระงับเหมือนเดิมเพราะตัวกิเลส
    และนี้ก็เป็นสิ่งที่ให้เห็นถึง ความไม่เที่ยง ไม่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ความสงบที่เคยเป็นมาก่อน (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แปรเปลียนไป) แสดงให้เห็นถึงพระไตรลักษณ์
    สังเกตุดูจิตทีไม่สงบไปเรื่อยๆ เป็นเพียงผู้รู้ ผู้ดู เฉย ๆ ไม่ต้องเข้าไปปรุงแต่ง อยู่กับปัจจุบัน ดูความแปรเปลี่ยน ของกาย เวทนา จิต ธรรม

    พุทธโอวาทที่ว่า
    " สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา"
    ช่างเป็นสัจธรรมเสียนี่กระไร ไม่ยกเว้นแม้ "เนรัญชรา" มหานทีอันทรงคุณยิ่งที่พระพุทธองค์ได้อาศัยริมฝั่งใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์เป็นที่ตรัสรู้ มาบัดนี้ไม่มีน้ำ แม้เพียงหยดเดียว แห้งขอดกลายเป็นทราย สลายตามพุทธสรีระไปสิ้น เป็นที่น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนัก..
     
  4. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ระลึกถึงสิ่งทีพลาดไปว่ามีโทษมหันต์ต่อเราขนาดไหนจากนั้นนำไปสอนตนและปรับปรุงตน

    อีกอย่างศีลที่บริสุทธิ์สำคัญมากต่อการปฎิบัติเปรียบเหมือนภาชนะที่เขาล้างสะอาดแล้ว

    ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิ และสมาธิจะก่อให้เกิดปัญญา
     
  5. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,410
    ผมก้อเป็นครับ ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวายจัย เลยไม่ค่อยได้ทำสมาธิไปนานเลย แต่พอกลับมาทำอีกที กลับรู้สึกไม่สงบ .. แต่ก้อต้องพยายามสู้กับจิตมัน
    วิธีง่ายๆของผมนะครับ แต่ใช้แล้วได้ผลดีเยี่ยม ลำดับแรกก่อนจะนั่งสมาธิ
    ให้อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งปล่อยวางให้หมด คิดว่าเวลานี้เราทำสมาธิเรื่องอื่นหยุดเอาไว้ นั่งพิจารณนา อาการ32 จนจิตเริ่มนิ่งแล้วคงมานั่งสมาธิก่อนครับ ต้องสร้างจิตให้อยากก่อนครับ แล้วจึงจะลงมือ
    ปฎิบัติ เพราะว่าจิตคือต้นเหตุ ต้องแก้ที่ต้นเหตุอย่าแก้ที่ปลายเหตุครับ มั่นหลอกจิตเอาไว้ พยายามยั่วให้มันอยากเข้าไว้ แล้วจะมีอารมณ์ตามเองครับ
     
  6. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ถ้าเป็นผมก็คงเก็บตัวนั่งสมาธิสักหลายๆวันครับ
     
  7. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ครับเห็นด้วยกับทุกๆท่านครับ

    ๑. ศีลต้องดีก่อน(อาจจะยังไม่บริสุทธิทั้ง ๕ ข้อ) และอาจจะมี ๒ ถึง ๓ ข้อที่บริสุทธิ์แล้วก็อธิษฐานขอผลแห่งความบริสุทธิ์ ๓ ข้อนี้จงส่งผมให้ข้าพเจ้าได้มีความเพียรที่จะทำศีลข้อที่เหลือให้บริสุทธิ์ตามมาในภายภาคหน้าอันใกล้นี้ ให้ทำทุกครั้งก่อนปฏิบัติทำสมาธิ จะช่วยได้มากครับ
    ๒. ต้องระลึกอยู่เสมอว่าความสงบแห่งจิตใจไม่ใช่การเพ่งบังคับเราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คือมันยังไม่สงบก็รู้ว่ามันไม่สงบแล้วก็ไม่ต้องไปวิตกกังวลว่าทำไมมันไม่สงบปล่อยใจให้สบายๆครับ
    ๓. อธิษฐานขอองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอรหันตเจ้า พระอริยะสงฆ์เจ้า องค์เทพ องค์เทวา ทั้งมวลในจักรวาล ได้โปรดงดโทษแก่ข้าพเจ้าด้วย ที่ข้าพเจ้าเป็นคนพาลคนหลงด้วยอวิชชาเข้าสิงจิต ได้กระทำความผิดต่างไว้ทั้งที่กระทำด้ยความตั้งใจก็ดีด้วยความพลั้งเผลอก็ดี ข้าพเจ้ากราบขอขมามา ณ.ที่นี้ด้วย ข้าพเจ้าจะตั้งความเพียรที่จะสำรวมระวังไม่เกิดความผิดเหล่านี้อีกเท่าที่กำลังบารมีของข้าพเจ้าจะป้องกันได้
    ๔. พยายามมองความคิดที่วุ่นวายว่ามีกี่เรื่อง แล้วจับขึ้นมาพิจารณาทีละเรื่องโดยจะต้องพิจารณาวิเคราะห์กันให้สุดๆไปและอย่าเปลี่ยนเรื่อง พอเรื่องนี้ไล่พิจารณาจนเสร็จแล้วก็ไปจับเรื่องที่สองต่อ..... ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยทำใจของเราให้สบายๆตลอดการพิจารณา อย่ากลัวกับสิ่งที่กำลังคิดอย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงในอนาคต แล้วต้องสรุปให้กับเรื่องที่คิดให้ได้ว่าทางออกมันคืออะไร
    ๕ เมื่อเราเคลียร์กับความคิดของเราได้หมดแล้วเราจะพบว่าเรื่องนี้ก็คิดแล้วเรื่องนั้นก็คิดแล้วเรื่องโน้นก็คิดแล้วเราจะพบกับสภาวะธรรมอย่างหนึ่งเรียกว่าความว่างจากการไม่มีอะไรจะคิด "อาการของสมาธิขั้นต้นนั่นเอง"

    โมทนาสาธุกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2006
  8. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    .....ที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป แก้ไขไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งห่างไกล

    .....ที่ยังมาไม่ถึง ยังไม่แน่นอน อาจใช่ หรืออาจไม่ใช่ คิดไป ก็ฟุ้งซ่าน

    .....ปัจจุบันเดี๋ยวนี้ ของจริงแท้ จะทำ จะคิด อะไร ก็จงเร่งทำ ผลเกิดเดี๋ยวนี้

    .....อกาลิโก......
     

แชร์หน้านี้

Loading...