ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

สังยพี่แกอยากจะให้อ่านเฉพาะเป็นรายคนไป พอคิดว่าครบแล้วจึงลบ อิอิ

 

เจ้าค่ะพี่มุ่ง
เอางานใกล้ๆนี้ก่อนเลยไหมเจ้าคะ
งานมุทิตาจิต หลวงปู่เจิม เจ้าอาวาสวัดสระมงคล นครปฐม
จัดงานวันที่11ต.ค.53 ณ.ตึกสมเด้จพระศรีนครินทร์ ชั้น 15 ร.พ.ศิริราช งานเริ่มเวลา16.00น.ค่ะ

งานนี้คงพระมีพระสายป่าหลายท่านมาร่วมพิธีเจ้าค่ะ^-^

 

อิอิ พี่เพชรซี่ กะ พี่พิซซ่า สมกันดีแท้
นิสัยก็ห้าวๆพอกันเลยอ่ะ ตัวผอมๆ บางๆ เหมือนกันอีก
เหมือนแฝดคนละฝาเลย
พี่เพชรแอบนอกใจน้องปราญฯเห็นๆเลยนะเนี่ย:'(

 

ขอบคุณครับ

 

เซ็งชะมัดเลย..อิอิ..เล่าเรื่องจบแล้ว กำลังจะส่ง ดันไฟดับซะงั้น เอาเป็นว่า จะพยายามรีไวด์ละกัน

ครือว่า เห็นพิซซ่ามาเล่าเรื่อง "ปี่แตก" กับบุคคลในอดีต ก็เลยอยากมาเล่าบ้าง ทำนองเป็นอาหารเสริมยังไงยังงั้นแหละ...หุหุ

อันว่ากรณี "ปี่แตก" นั้น ใช่ว่าจะเกิดกับบุคคลแต่ประการเดียวก็หาได้ไม่ กับ "สถานที่" ก็เป็นได้เหมือนกัน เชื่อว่า น้องๆ หลายคนในกระทู้นี่ ก็คงเคยเป็นเหมือนกันแหละ คือ พอไปสถานที่ใดซักสถานที่หนึ่ง แล้วเกิดน้ำตาร่วงรินขึ้นมาเฉยๆ โดยที่ตัวเป็นๆ ในปัจจุบันนี่ มันก็งวยงงอยู่ ว่าแล้วตรูจะร้องไห้ไปทำไมล่ะเนี่ยะ

ที่เป็นดังนั้น เพราะสัญญาเก่าภายในมันทำงาน โดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องได้ญาณอะไรด้วย..ยกตัวอย่างเช่น เราเคยสัญญากับกิ๊กหรือสุดที่รักในอดีตของเราว่า พี่ไปรบนะจ๊ะ เสร็จศึกแล้วพี่จะกลับมาหาน้องที่นี่ แต่ถึงเวลาจริงๆ เข้า เราดันเอาคอไปพาดดาบของข้าศึกเสียก่อน เลยไม่มีโอกาสได้กลับไปเห็นหน้าแม่ทูนหัว..หลังจากนั้นเราก็มาเกิดใหม่ เกิดแล้วความจำได้หมายรู้ภายในมันยังอยู่ใช่ไหม พอได้กลับไปยังที่ที่เคยสัญญากับคนรักเอาไว้ อาการปี่แตกก็เกิดขึ้นทันที แม้ว่าในชาติปัจจุบัน มันจะรำลึกเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ก็ตาม

แต่ว่าไม่ใช่เฉพาะกับแควนหรอกนะ กับพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนๆ หรือคนอื่นก็เป็นได้ แม้แต่กับศัตรูยังเป็นได้เลย เช่นว่า เราโกรธใครคนใดคนหนึ่งมากๆ แต่ต่อมาภายหลัง เราได้รู้ว่า เขาไม่เคยคิดร้ายกับเราเลย รู้แล้ว เราก็อยากขอโทษ..แต่พอเรากลับไปหาเขา ยังที่ที่เขาอยู่ ก็พบว่า เขาไม่อยู่ให้เราขอโทษเสียแล้ว เราเสียใจมาก และความเสียใจมันติดใจเราอยู่ พอมาเกิดใหม่และได้กลับไปที่นั้น เราก็ปี่แตก...อะไรประมาณนี้

ทีนี้คนเรามันเกิดกันเป็นแสนๆ ชาติใช่ไหม แต่ละชาติ ก็สัญญิง สัญญาไปทั่ว...บางคนพอไปที่ไหนก็ตาม ก็เลยมีอันเป่าปี่ไปซะทุกที่..อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน

แล้วพอเป็นอย่างนี้ ก็มีบางคนเอา "สังขาร" ไปปรุงแต่ง "สัญญา" เฉย เช่นว่า ไปบางสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ แล้วเกิดปี่แตกขึ้นมา ก็เลยนึกว่า นี่ชั้นต้องเป็นคนสำคัญอะไรสักอย่างกับท่านผู้นั้นเป็นแน่แท้..ว่าไปโน่น แล้วทีนี้ก็เลย "ปรุง" เรื่องราวบรรเจิดพิสดารขึ้นมา ทั้งที่บางจริง อาจจะแค่เคยไปสะดุุดตาปลาใครในอดีต แล้วเค้าเอามีดจิ้มพุงทะลุที่นั่น พอมาเกิดใหม่จำเรื่องเดิมไม่ได้ ก็คิดว่าไอ้ที่น้ำตาหลั่งรินนี่ ต้องเกี่ยวกับ "ทั่น" แน่เลย

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ถ้าหากหวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านให้ตัดให้หมด..ตัด "สัญญา" ตัด "ความติดยึด" กับอดีตจ้า ไม่ใช่ตัดอดีต เพราะอดีตมันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น ยังไงก็กลับไปเปลี่ยนมันไม่ได้แล้ว...

เอวังด้วยประการฉะนี้แหละจ้า..

 

กร๊าก ท่านพิษ จะเก็ยเพชรเข้าคลังเลยเร้อ อิอิ ครื้นเครงเป็นบางครั้งจ้ะ บางที่ก็จะมีอาการ ปี่แตก เช่นกัน เหอเหอ

 

ไอ้เราก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าคุณจักรและตรีนี่ทำไมสำเนียงคุ้นหู
อ้อ สงสัยเคยทำเราปี่แตก
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ล้อเล่นนะเจ้าคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณจักรและตรี

 

พี่พิซซ่าจะเก็บพี่เพชรจริงๆเหรอ ขอไว้ซักคนได้ป่ะคนนี้ เดี๋ยวท่านพี่แกเผลอไปเผลอใจให้พี่พิซซ่าเข้า แกยิ่งเป็นนาคที่รักคุด เอ๊ย ครุฑ อยู่ด้วยซิ ^-^

 

ฮิ๊ว ตกลงคุณพิซซ่าไม่ปฏิเสธ แปลว่ารับครับอะจิ หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามไปเลยดีก่า จะได้ไปฟังเรื่องเล่าแบบสดๆร้อนๆ อิอิ

 

อ่า ครับ แอบเข้ามาดูมีครัยเข้ามาไม่มั่งไหม อิอิ
ทหราพระองดำ ตัวจริงต่องเข้มจริงไหม น้า อิอิ

 

จัดไปค่ะท่านพี่พิซซ่า เพลงโปรดน้องปราญฯอีกเพลงทีเดียว
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=OLB74C7nYJU]YouTube - kaleidoscope Concert-เพราะเรานั้นคู่กัน[/ame]

 

รักเธอเสมอ-ภูติพิศวาส



[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1134673/[/MUSIC]

 

...5555 เราพูดถึง พระชายา เสียเมื่อไหร่กันเล่าน้องเรา ช่างเถอะ เรื่องเจ้าเรื่องนายไม่ยากยุ่ง ขี้เกียจโดนดุ
...อดีต ไม่ควรให้หวลหา อันนี้เป็นวจี อมตะจริงๆที่ บิดาผู้หนึ่งของเราในอดีต กล่าวไว้ เนื่องเพราะ ยิ่งค้นหา ไม่เพียงแต่เราเท่านั้นที่พบเจอ เจ้ากรรมนายเวรของเราที่เขาหาไม่เจอ ก็จะพบเจอเราด้วย (จะเอ๋..กันพอดี)
...ที่สำคัญ เราไม่จำเป็นต้องเป็นเงาของผู้ใด การเดินทางที่ยาวไกล สมควรจบลงสักที ..มนุษย์ หลงติด กับอดีตจะได้อะไร .มิได้เกิดมาเพียงชาตินั้นชาติเดียวเสียเมื่อไหร่ มองย้อนกลับไป หากว่าคนรักในอดีตชาติทุกๆชาติพร้อมใจกันมาทวงสัญญาใจในชาตินี้ จะทำอย่างไร ที่..พิษณุ..กล่าว ก็ดุจเดียวกัน ไม่เพียงความรู้สึกสมเด็จท่านเท่านั้น เหล่าเทพเทวาทั้งหลายล้วนมีจุดมุ่งหมายเพียง บริวารเรา เราจักนำกลับขึ้นไปให้พ้นการเวียนว่าย เท่านั้น ยิ่งยึดติดยิ่งเป็นการสร้างภาระเพิ่มให้พระองค์ท่านเสียเปล่าๆ .

 

อ่านข้อความข้างบนแล้วขนลุกตรงหัวเลยอะ

 

:boo:

 

พระพุทธคุณของพระพุทธองค์


--------------------------------------------------------------------------------
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง
สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน
สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

พุทธคุณ ๙

คำว่า “พุทธคุณ” เป็นคำที่ชาวพุทธคุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจคำนี้ได้อย่างถูกต้องนัก จึงขอนำมาอธิบายขยายความไว้ในที่นี้ โดยในพจนานุกรม พุทธศาสน์ ของรองศาสตราจารย์ดนัย ไชยโยธา ได้ให้ความหมายไว้ว่า
พุทธคุณ ๙ คือ คุณความดีของพระพุทธเจ้า ๙ ประการ ดังที่นักปราชญ์ได้ร้อยกรอง เพื่อให้เป็นบทสวดสรรเสริญพระคุณอันประเสริฐไว้ดังนี้
๑. อรหํ เป็นพระอรหันต์ มีคำแปลและความหมายอย่างน้อย ๔ ประการ ดังนี้
๑.๑ เป็นผู้ควร คือ ผู้ทรงสั่งสอนสิ่งใดก็ทรงทำสิ่งนั้นได้ด้วย เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
๑.๒ เป็นผู้ไกล คือ ผู้ทรงไกลจากกิเลสและบาปกรรม เพราะทรงละได้เด็ดขาดแล้วทั้งโลภ โกรธ และหลง
๑.๓ เป็นผู้หักซี่กำแพงล้อสังสารวัฏ คือ ผู้ทรงตัดวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏได้แล้ว
๑.๔ เป็นผู้ไม่มีข้อลี้ลับ คือ ผู้ทรงไม่มีบาปธรรมทั้งที่ลับและที่แจ้ง เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น และเป็นผู้ควรได้รับความเคารพของผู้อื่น
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ เป็นผู้ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง คือ ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ อันได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นการค้นพบด้วยพระองค์เอง ไม่มีครู อาจารย์เป็นผู้สอน
๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน เป็นผู้ทรงเพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ คือ มีวิชชาความรู้ตั้งแต่ความรู้ระดับพื้นฐาน จนกระทั่งความรู้ระดับสูงสุด และมีจรณะความประพฤติดีประพฤติได้ตามที่ทรงรู้ เช่น ความสำรวมในศีล เป็นต้น
๔. สุคโต เป็นผู้เสด็จไปดี คำว่า “ไปดี” มีความหมายหลายนัยคือ
๑.เสด็จดำเนินตามอริยมรรคมีองค์แปด อันเป็นทางเดินที่ดี ็น็
๒.เสด็จไปสู่พระนิพพาน อันเป็นสภาวะที่ดียิ่ง
๓.เสด็จไปดีแล้ว เพราะทรงละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง
๔.เสด็จไปปลอดภัยดี เพราะเสด็จไปบำเพ็ญประโยชน์แก่สัตว์โลก
๕. โลกวิทู เป็นผู้ทรงรู้แจ้งโลก คือทรงรอบรู้โลกทางกายภาพ เช่นโลกมนุษย์ สัตว์โลก สังขารโลก โอกาสโลก และทรงรู้โลกภายในคือ ทุกข์และการดับทุกข์
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีผู้ทรงฝึกคนได้อย่างยอดเยี่ยม คือ พระองค์ทรงรู้นิสัย (ความเคยชิน) อุปนิสัย(มีแวว) อธิมุตติ(ความถนัด) อินทรีย์(ความพร้อม) ของบุคคลระดับต่าง ๆ และทรงฝึกสอนด้วยเทคนิควิธีการที่เหมาะแก่ความเคยชิน แววถนัด และความพร้อมของเขาให้บรรลุมรรคผลเป็นจำนวนมาก
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย คือ พระองค์ทรงประกอบด้วยคุณสมบัติที่ควรเป็นครูของบุคคลในทุกระดับชั้น เพราะพระองค์ทรงรอบรู้และทรงสอนคนได้ทุกระดับ ทรงสอนด้วยความเมตตา มิใช่เพื่อลาภสักการะและคำสรรเสริญ แต่ทรงมุ่งความถูกต้องและประโยชน์สุขของผู้ฟังเป็นใหญ่ ทรงสอนให้เหมาะสมกับอัธยาศัยของผู้ฟัง และทรงทำได้ตามที่ทรงสอนนั้นด้วย
๘. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คือ พระองค์ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ยึดถือกันมาผิด ๆ ด้วย ทรงรู้จักฐานะ คือ เหตุที่ควรเป็น เปรียบได้กับคนตื่นจากหลับแล้วทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วย อนึ่งพระองค์ทรงตื่นแล้วเป็นอิสระจากอำนาจของโลภ โกรธ หลง แล้ว เมื่อทรงตื่นแล้วก็ทรงแจ่มใสเบิกบาน มีพระทัยบริสุทธิ์สะอาด
๙. ภควา เป็นผู้มีโชค ผู้ทรงแจกแบ่งธรรม คือพระองค์ทรงเพียบพร้อมได้ด้วยคุณธรรมทั้งหลาย อันเป็นผลสัมฤทธิ์แห่งพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญมา นับเป็นผู้มีโชคดีกว่าคนทั้งปวง เพราะพระองค์ทรงทำการใดก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ ส่วน “ภควา” แปลว่า “ทรงแจกแบ่งธรรม” หมายถึง มีพระปัญญาล้ำเลิศ จนสามารถจำแนกธรรมที่ลึกซึ้งให้เป็นที่เข้าใจง่าย และมีพระกรุณาธิคุณจำแนกจ่ายคำสั่งสอนแก่เวไนยสัตว์ให้รู้ตาม
พระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการนี้ สรุปลงเป็น ๓ ประการคือ
๑. พระวิสุทธิคุณ คือ ความบริสุทธิ์ อันได้แก่ พระคุณข้อที่ ๑,๓ และ ๙
๒. พระปัญญาคุณ คือ ปัญญา อันได้แก่ พระคุณข้อที่ ๒,๕ และ๘
๓. พระมหากรุณาธิคุณ คือ พระมหากรุณา อันได้แก่ พระคุณข้อที่ ๔,๖ และ ๗
คุณเก้าประการอันประเสริฐ ของพระพุทธเจ้า
จากบทพุทธคุณ หรือ ที่เรียกกันตามตำราว่า อิติปิโส เก้าห้อง มีวิธีการใช้ดังนี้

๑.อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง

บทนี้ใช้ด้านกันไฟทั้งปวง

๒.สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง

บทนี้ใช้เป็นตบะเดชะเสริมสร้างสง่าราศี

๓. วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ

บทนี้ใช้ด้านโภคทรัพย์โชคลาภ

๔. สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี

บทนี้ใช้ในด้านการเดินทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ

๕.โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง

บทนี้ใช้ภาวะนาเมื่อเข้าป่าหรือที่มืด

๖. อนุตตโร ปุริสะทัมมะสารถี หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า

บทนี้ใช้ทางมหาอำนาจ ตวาดผี

๗. สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

บทนี้ใช้ทางเมตามหานิยม สมณะ ขุนนางเอ็นดู

๘. พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

บทนี้ใช้ภาวนาอารมณ์ ทำให้ไม่ตกต่ำอับจน

๙. ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนก ธรรม สั่งสอนสัตว์ดังนี้

บทนี้ใช้ในทางป้องกันภยันอันตรายอันจะกระทำแก่เรา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์

อมนุษย์ อสูรกาย สัตว์เดียรฉาน ป้องกันการประทุษร้ายเหล่านั้นได้ ทั้งสิ้นแล

หรือสรุปโดยย่อเป็นองค์ภาวนา คาถานวหรคุณ ก็คือ "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ"

นั่นคือเป็นหัวใจพระพุทธคุณนั่นเอง

ความหมายในบทสวดพุทธคุณ

http://palungjit.org/posts/3786471

 

เง้ออออออออออออออออออ
งั้นไอ้ที่เคยบอกไว้ว่าจะขอกอดทีนึงนี่ หนูขอถอนคำพูดได้ไหมอ่ะ :boo::boo:

 

ฮู้ย ถ้าเพชรมีสาวๆมาตู่งี้ แล้วสวยด้วยนะ อ้าแขนรับทันที จะใช่หรือไม่ใช่ ไว้ว่ากันทีหลัง ก๊ากๆๆ ห้องว่างเค้าเหลือกี่ห้องล่ะจ๊ะ ยังไม่เต็มอีกเรอะ

 

งั้นแปลว่าเรามีองค์ เพราะหมอดู ดูกี่คนไม่เหมือนกันซักราย อิอิ เลยทำใจเชื่อแต่เรื่องดีๆ อะไรไม่ดีลืมหมด เลยมีความสุขไปวันๆ

 

โห ไม่เอาอ่ะ ชอบเล่นหนุกๆ มากอดจูบลูบคลำไม่ไหวอะมั้ง เออ สงสัยว่ารู้ได้ยังไงว่าพี่ตะหานนั่นเป็นคนนี้ในตอนนี้ นี่ถ้าไม่มีเบอร์จะทำไงเล่า แล้วบัดนี้พี่ตะหานเป็นอย่างไรบ้างแล้วนั่น