อยากทราบ กรรม ที่ทำให้เป็นสิว ผิวพรรณหยาบ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย berryciz, 31 สิงหาคม 2010.

  1. unim

    unim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +147
    สมาธิจะดีได้เพราะปฎิบัติศีลดีแล้ว
    ศีลจะดีได้เพราะปฎิบัติทานดีแล้ว
    พระท่านถึงเรียงตามลำดับว่า ทาน ศีล ภาวนา
     
  2. lingsiam

    lingsiam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +205
    ขออวยพรให้ทุกคนที่ต้องการจะทำความดีมีความสุขทุกคนนะค่ะ
     
  3. amornvut

    amornvut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +82
    รักษา กาย วาจา ใจ ให้ดี (สุจริต) สังเกตดูว่าในแต่ละวัน
    ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนหรือไม่ ลด ละ เลิก
    ให้คิดดี พูดดี ทำดี มองสิ่งดี ฟังคำพูดดี ไปสถานที่ดี คบคนดี

    รวมถึงที่นอนจะต้องรักษา ความสะอาดเป็นพิเศษ :cool:
    ลองใช้ปลอกหมอนที่เป็นผ้าแพรดู แต่ต้องซักเปลี่ยนบ่อยๆ

    ให้มองทั้ง 2 ทางนะครับ ทั้งทางโลก และ ทางธรรม :cool:

    ใจเย็นๆนะครับ จะต้องใช้ความอดทนหน่อย :cool:

    กรรมเก่าคือกรรมเก่า พยายามทำกรรมปัจจุบัน กรรมดี :cool:
    (ทาน ศีล ภาวนา)
     
  4. คิเคียว

    คิเคียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +459
    เอามะเขือเทศโปะหน้าก็ได้ค่ะ ครึ่ง ชม. แล้วต้องหลับด้วยนะ ได้ผลดีมาก
    จุดสำคัญก็คืออย่าขี้เกียจทำ แต่ถ้าเป็นสิวแล้วเป็นแผล อย่าเอาไปโปะล่ะ เดี๋ยวแสบ
     
  5. ตายแน่!

    ตายแน่! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +509
    ........คือจากที่เคยศึกษาสิวเนี่ยเริ่มต้นจากความน้ำมันที่ผลิตออกมานะครับแล้วบวกกะผิวหนังเราที่พิเศษว่าคนอื่นอุดตันง่าย น้ำมันออกมาไม่ได้คั่งค้างอยู่ในช่องรูขุมเกิดแบคทีเรียขึ้น (แบคทีเรียพีเอ็กซ์เนสอะไรซักอย่าง)ร่างกายเราจึงส่งเม็ดเลือดขาวมากำจัดเกิดการต่อสู้กันและที่เห็นเป็นหนองเวลาบีบออกมานะคือซากเม็ดเลือดขาว อันนี้เคยอ่านมาจากหนังสือนานมาแล้วอาจจะเรือนๆมั่งนะครับแต่ไม่ถึงกับบิดเบือนความจริง...

    สรุปแล้ว ต้นเหตุเกิดจากน้ำมันที่ขับออกมาจากใบหน้า ที่ทำให้หน้าเรามันนั่นเอง ตัดปัญหาที่ต้นเหตุก็กินยาปิดท่อผลิตน้ำมันซะเลย ..จบ.. แต่มันมีผลข้างเคียงหลายอย่างเพราะร่างกายไม่ผลิตน้ำมันแล้วก็จะเป็นพวก ริมฝีปากแตก ผิวแห้ง ผมแห้ง อะไรประมาณนี้ต้องกินให้พอเหมาะจะไม่เกิดผลข้างเคียงมาก
    เอ้อลืมบอกชื่อยา isotane ครับเป็นยาลดการผลิตน้ำมันใต้ผิวหนัง
    ไม่ได้โฆษณาให้นะครับ

    แต่ผมเริ่มปฏิบัติธรรมสิวก็หายไปเอง โชคดีครับ
     
  6. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ตามที่อ่านมีนี้
    เป็นผลที่ต้องแสดงในชาติปัจจุบันนะครับ อย่าคิดมากเลยนะครับ
    และไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เลยนะครับ
    พยายามรักษาศีล 5 ให้เป็นปกตินะครับ อาจพอช่วยได้นะครับ

    ลองอ่านนี้ดูนะครับ อาจพอช่วยได้นะครับ



    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD width=560>
    ๑. เรื่องเจ้าหญิงโรหิณี



    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในนิโครธาราม ทรงปรารภเจ้าหญิงโรหิณี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โกธํ ชเห " เป็นต้น. สร้างโรงฉันหายจากโรคผิวหนังได้

    ได้ยินว่า สมัยหนึ่ง พระอนุรุทธผู้มีอายุได้ไปเมืองกบิลพัสดุ์พร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐. ครั้งนั้น พวกพระญาติของท่าน ทรงสดับว่า พระเถระมาจึงได้ไปสู่สำนักพระเถระ เว้นเเต่พระน้องนางของพระเถระชื่อโรหิณี.พระเถระถามพวกพระญาติว่า " พระนางโรหิณีอยู่ไหน ? " พวกพระญาติ. อยู่ในตำหนัก เจ้าข้า. พระเถระ. เหตุไร ? จึงไม่เสด็จมา. พวกพระญาติ. พระนางไม่เสด็จมาเพราะทรงละอายว่า ' โรคผิวหนังเกิดที่สรีระของเขา ' เจ้าข้า. พระเถระ กล่าวว่า " ท่านทั้งหลายจงเชิญพระนางเสด็จมาเถิด "ให้ไปเชิญพระนางเสด็จมาแล้ว จึงกล่าวอย่างนี้ กะพระนางผู้ทรงฉลอง-พระองค์เสด็จมาแล้วว่า " โรหิณี เหตุไร ? เธอจึงไม่เสด็จมา. " พระนางโรหิณี. ท่านผู้เจริญ โรคผิวหนังเกิดขึ้นที่สรีระของหม่อมฉัน; เหตุนั้น หม่อมฉันจึงมิได้มาด้วยความละอาย. พระเถระ. ก็เธอทรงทำบุญไม่ควรหรือ ? พระนางโรหิณี. จะทำอะไร ? เจ้าข้า.[​IMG]
    </PRE></TD><TD vAlign=top width=100>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!--
    <table width='90 %' border=0 cellpadding=0><tr><td> ๑๗. โกธวรรควรรณนา

    ๑. เรื่องเจ้าหญิงโรหิณี [๑๗๔]

    ข้อความเบื้องต้น

    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในนิโครธาราม ทรงปรารภเจ้าหญิงโรหิณี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โกธํ ชเห " เป็นต้น. สร้างโรงฉันหายจากโรคผิวหนังได้

    ได้ยินว่า สมัยหนึ่ง พระอนุรุทธผู้มีอายุได้ไปเมืองกบิลพัสดุ์พร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐. ครั้งนั้น พวกพระญาติของท่าน ทรงสดับว่า พระเถระมาจึงได้ไปสู่สำนักพระเถระ เว้นเเต่พระน้องนางของพระเถระชื่อโรหิณี.พระเถระถามพวกพระญาติว่า " พระนางโรหิณีอยู่ไหน ? " พวกพระญาติ. อยู่ในตำหนัก เจ้าข้า. พระเถระ. เหตุไร ? จึงไม่เสด็จมา. พวกพระญาติ. พระนางไม่เสด็จมาเพราะทรงละอายว่า ' โรคผิวหนังเกิดที่สรีระของเขา ' เจ้าข้า. พระเถระ กล่าวว่า " ท่านทั้งหลายจงเชิญพระนางเสด็จมาเถิด "ให้ไปเชิญพระนางเสด็จมาแล้ว จึงกล่าวอย่างนี้ กะพระนางผู้ทรงฉลอง-พระองค์เสด็จมาแล้วว่า " โรหิณี เหตุไร ? เธอจึงไม่เสด็จมา. " พระนางโรหิณี. ท่านผู้เจริญ โรคผิวหนังเกิดขึ้นที่สรีระของหม่อมฉัน; เหตุนั้น หม่อมฉันจึงมิได้มาด้วยความละอาย. พระเถระ. ก็เธอทรงทำบุญไม่ควรหรือ ? พระนางโรหิณี. จะทำอะไร ? เจ้าข้า.[คำวิจารณ์][โหวต] [​IMG]</td></tr><tr><td></td></tr><tr><td></td></tr></table>​
    <hr noshade color="#CCCCCC" align="right" width="60%" size="1"> --></P><CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb SIZE=1 noShade></TD></TR><TR><TD width=560>
    พระเถระ. จงให้สร้างโรงฉัน. พระนางโรหิณี. หม่อมฉันจะเอาอะไรทำ ? พระเถระ. ก็เครื่องประดับของเธอไม่มีหรือ ? พระนางโรหิณี. มีอยู่ เจ้าข้า. พระเถระ. ราคาเท่าไร ? พระนางโรหิณี. จักมีราคาหมื่นหนึ่ง. พระเถระ. ถ้ากระนั้น จงขายเครื่องประดับนั้น ให้สร้างโรง-ฉันเถิด. พระนางโรหิณี. ใครเล่า ? จักทําให้หม่อมฉัน เจ้าข้า. พระเถระ. แลดูพระญาติซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้เเล้ว กล่าวว่า " ขอจงเป็นภาระของพวกท่านทั้งหลาย." พวกพระญาติ. ก็พระคุณเจ้าจักทำอะไรหรือ ? เจ้าข้า. พระเถระ. แม้อาตมภาพก็จักอยู่ในที่นี้เหมือนกัน, ถ้ากระนั้นพวกท่านจงนำทัพพสัมภาระมาเพื่อโรงฉันนี่. พวกพระญาตินั้น ตรัสว่า " ดีละ เจ้าข้า " จึงนำมาแล้ว. พระเถระ. เมื่อจะจัดโรงฉัน จึงกล่าวกะพระนางโรหิณีว่า " เธอจงให้ทำโรงฉันเป็น ๒ ชั้น จำเดิมแต่กาลที่ให้พื้นชั้นบนเรียบแล้วจงกวาดพื้นล่าง แล้วให้ปูอาสนะไว้เสมอ ๆ, จงให้ตั้งหม้อน้ำดื่มไว้เสมอๆ. "พระนางรับคำว่า " ดีละ เจ้าข้า " แล้วจำหน่ายเครื่องประดับ ให้ทำโรงฉัน ๒ ชั้น เริ่มแต่กาลที่ให้พื้นชั้นบนเรียบแล้ว ได้ทรงทำกิจมีการกวาดพื้นล่างเป็นต้นเนือง ๆ. พวกภิกษุก็นั่งเสมอ ๆ. ลำดับนั้น เมื่อพระนางกวาดโรงฉันอยู่นั่นแล. โรคผิวหนังก็ราบ[​IMG]</PRE></TD><TD vAlign=top width=100>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><!--
    <table width='90 %' border=0 cellpadding=0><tr><td> พระเถระ. จงให้สร้างโรงฉัน. พระนางโรหิณี. หม่อมฉันจะเอาอะไรทำ ? พระเถระ. ก็เครื่องประดับของเธอไม่มีหรือ ? พระนางโรหิณี. มีอยู่ เจ้าข้า. พระเถระ. ราคาเท่าไร ? พระนางโรหิณี. จักมีราคาหมื่นหนึ่ง. พระเถระ. ถ้ากระนั้น จงขายเครื่องประดับนั้น ให้สร้างโรง-ฉันเถิด. พระนางโรหิณี. ใครเล่า ? จักทําให้หม่อมฉัน เจ้าข้า. พระเถระ. แลดูพระญาติซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้เเล้ว กล่าวว่า " ขอจงเป็นภาระของพวกท่านทั้งหลาย." พวกพระญาติ. ก็พระคุณเจ้าจักทำอะไรหรือ ? เจ้าข้า. พระเถระ. แม้อาตมภาพก็จักอยู่ในที่นี้เหมือนกัน, ถ้ากระนั้นพวกท่านจงนำทัพพสัมภาระมาเพื่อโรงฉันนี่. พวกพระญาตินั้น ตรัสว่า " ดีละ เจ้าข้า " จึงนำมาแล้ว. พระเถระ. เมื่อจะจัดโรงฉัน จึงกล่าวกะพระนางโรหิณีว่า " เธอจงให้ทำโรงฉันเป็น ๒ ชั้น จำเดิมแต่กาลที่ให้พื้นชั้นบนเรียบแล้วจงกวาดพื้นล่าง แล้วให้ปูอาสนะไว้เสมอ ๆ, จงให้ตั้งหม้อน้ำดื่มไว้เสมอๆ. "พระนางรับคำว่า " ดีละ เจ้าข้า " แล้วจำหน่ายเครื่องประดับ ให้ทำโรงฉัน ๒ ชั้น เริ่มแต่กาลที่ให้พื้นชั้นบนเรียบแล้ว ได้ทรงทำกิจมีการกวาดพื้นล่างเป็นต้นเนือง ๆ. พวกภิกษุก็นั่งเสมอ ๆ. ลำดับนั้น เมื่อพระนางกวาดโรงฉันอยู่นั่นแล. โรคผิวหนังก็ราบ[คำวิจารณ์][โหวต] [​IMG]</td></tr><tr><td></td></tr><tr><td></td></tr></table>​
    <hr noshade color="#CCCCCC" align="right" width="60%" size="1"> --><CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb SIZE=1 noShade></TD></TR><TR><TD width=560>
    ไปแล้ว. เมื่อโรงฉันเสร็จ พระนางนิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็น ประมุขแล้ว ได้ถวายขาทนียะและโภชนียะที่ประณีตแด่ภิกษุสงฆ์มีพระ-พุทธเจ้าเป็นประมุขซึ่งนั่งเต็มโรงฉัน. พระศาสดา ทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว ตรัสถามว่า " นี่เป็นทานของใคร ? " พระอนุรุทธ. ของโรหิณีพระน้องนางของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. ก็นางไปไหน ? พระอนุรุทธ. อยู่ในตำหนัก พระเจ้าข้า. พระศาสดา. พวกท่านจงไปเรียกนางมา. พระนางไม่ประสงค์จะเสด็จมา. ทีนั้น พระศาสดารับสั่งให้เรียกพระนางแม้ไม่ปรารถนา (จะมา) จนได้. ก็แลพระศาสดาตรัสกะพระนางผู้เสด็จมาถวายบังคม ประทับนั่งแล้วว่า " โรหิณี เหตุไรเธอจึงไม่มา ? " พระนางโรหิณี. " โรคผิวหนังมีที่สรีระของหม่อมฉัน พระเจ้าข้า หม่อมฉันละอายด้วยโรคนั้น. จึงมิได้มา. " พระศาสดา. ก็เธอรู้ไหมว่า ่โรคนั้นอาศัยกรรมอะไรของเธอ จึงเกิดขึ้น ? " พระนางโรหิณี. หม่อมฉันไม่ทราบ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. โรคนั้นอาศัยความโกรธของเธอ จึงเกิดขึ้นแล้ว. พระนางโรหิณี. ก็หม่อมฉันทำกรรมอะไรไว้ ? พระเจ้าข้า. บุรพกรรมของพระนางโรหิณี

    ลำดับนั้น พระศาสดาทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัสแก่พระนาง)ว่า:-[​IMG]
    </PRE></TD><TD vAlign=top width=100>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><!--
    <table width='90 %' border=0 cellpadding=0><tr><td>ไปแล้ว. เมื่อโรงฉันเสร็จ พระนางนิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็น ประมุขแล้ว ได้ถวายขาทนียะและโภชนียะที่ประณีตแด่ภิกษุสงฆ์มีพระ-พุทธเจ้าเป็นประมุขซึ่งนั่งเต็มโรงฉัน. พระศาสดา ทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว ตรัสถามว่า " นี่เป็นทานของใคร ? " พระอนุรุทธ. ของโรหิณีพระน้องนางของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. ก็นางไปไหน ? พระอนุรุทธ. อยู่ในตำหนัก พระเจ้าข้า. พระศาสดา. พวกท่านจงไปเรียกนางมา. พระนางไม่ประสงค์จะเสด็จมา. ทีนั้น พระศาสดารับสั่งให้เรียกพระนางแม้ไม่ปรารถนา (จะมา) จนได้. ก็แลพระศาสดาตรัสกะพระนางผู้เสด็จมาถวายบังคม ประทับนั่งแล้วว่า " โรหิณี เหตุไรเธอจึงไม่มา ? " พระนางโรหิณี. " โรคผิวหนังมีที่สรีระของหม่อมฉัน พระเจ้าข้า หม่อมฉันละอายด้วยโรคนั้น. จึงมิได้มา. " พระศาสดา. ก็เธอรู้ไหมว่า ่โรคนั้นอาศัยกรรมอะไรของเธอ จึงเกิดขึ้น ? " พระนางโรหิณี. หม่อมฉันไม่ทราบ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. โรคนั้นอาศัยความโกรธของเธอ จึงเกิดขึ้นแล้ว. พระนางโรหิณี. ก็หม่อมฉันทำกรรมอะไรไว้ ? พระเจ้าข้า. บุรพกรรมของพระนางโรหิณี

    ลำดับนั้น พระศาสดาทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัสแก่พระนาง)ว่า:-[คำวิจารณ์][โหวต] [​IMG]</td></tr><tr><td></td></tr><tr><td></td></tr></table>​
    <hr noshade color="#CCCCCC" align="right" width="60%" size="1"> --><CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb SIZE=1 noShade></TD></TR><TR><TD width=560>
    ในอดีตกาล พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ผูกอาฆาตในหญิงนักฟ้อนของพระราชาองค์หนึ่ง ทรงดำริว่า " เราจักให้ทุกข์เกิดแก่หญิงนั้น " แล้วให้เขานำลูกเต่าร้างใหญ่มา<SUP>๑</SUP>รับสั่งให้เรียกหญิงนักฟ้อนนั้นมายังสำนักของตนแล้ว. ให้ใส่ผงเต่าร้างบนที่นอน ที่ผ้าห่ม และที่ระหว่างเครื่องใช้ มีผ้าปูที่นอนเป็นต้น ของหญิงนักฟ้อนนั้น โดยประการที่นางไม่ทันรู้ตัว. โปรยลงแม้ที่ตัวของนาง ราวกะทำความเย้ยหยันเล่น ทันใดนั้นเอง สรีระของหญิงนั้นได้พุพองขึ้นเป็นตุ่มน้อยตุ่มใหญ่. นางเกาอยู่ไปนอนบนที่นอน. เมื่อนางถูกผงเต่าร้างกัดแม้บนที่นอนนั้น เวทนากล้ายิ่งนักเกิดขึ้นแล้ว. พระอัครมเหสีในกาลนั้นได้เป็นพระนางโรหิณี. พระศาสดา ครั้นทรงนำอดีตนิทานั้นมาแล้ว ตรัสว่า " โรหิณี ก็กรรมนั่นที่เธอทำแล้วในกาลนั้น, ก็ความโกรธก็ดี ความริษยาก็ดี แม้มีประมาณเล็กน้อย ย่อมไม่ควรทำเลย " ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- ๑. โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ สญฺโ?ชนํ<SUP>๒</SUP> สพฺพมติกฺกเมยฺย ตนฺนามรูปสฺมึ อสชฺชมานํ อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา. " บุคคลพึงละความโกรธ, สละความถือตัว ล่วงสังโยชน์ทั้งสิ้นได้ ทุกทั้งหลายย่อมไม่ตกต้อง, บุคคลนั้น ผู้ไม่ข้องในนามรูป ไม่มีกิเลสเครื่อง กังวล. "๑. แปลว่า หมามุ้ยใหญ่ ก็มี. ๒. อรรถกถา เป็น สํโยชนํ.[​IMG]</PRE></TD><TD vAlign=top width=100>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><!--
    <table width='90 %' border=0 cellpadding=0><tr><td> ในอดีตกาล พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ผูกอาฆาตในหญิงนักฟ้อนของพระราชาองค์หนึ่ง ทรงดำริว่า " เราจักให้ทุกข์เกิดแก่หญิงนั้น " แล้วให้เขานำลูกเต่าร้างใหญ่มา<SUP>๑</SUP>รับสั่งให้เรียกหญิงนักฟ้อนนั้นมายังสำนักของตนแล้ว. ให้ใส่ผงเต่าร้างบนที่นอน ที่ผ้าห่ม และที่ระหว่างเครื่องใช้ มีผ้าปูที่นอนเป็นต้น ของหญิงนักฟ้อนนั้น โดยประการที่นางไม่ทันรู้ตัว. โปรยลงแม้ที่ตัวของนาง ราวกะทำความเย้ยหยันเล่น ทันใดนั้นเอง สรีระของหญิงนั้นได้พุพองขึ้นเป็นตุ่มน้อยตุ่มใหญ่. นางเกาอยู่ไปนอนบนที่นอน. เมื่อนางถูกผงเต่าร้างกัดแม้บนที่นอนนั้น เวทนากล้ายิ่งนักเกิดขึ้นแล้ว. พระอัครมเหสีในกาลนั้นได้เป็นพระนางโรหิณี. พระศาสดา ครั้นทรงนำอดีตนิทานั้นมาแล้ว ตรัสว่า " โรหิณี ก็กรรมนั่นที่เธอทำแล้วในกาลนั้น, ก็ความโกรธก็ดี ความริษยาก็ดี แม้มีประมาณเล็กน้อย ย่อมไม่ควรทำเลย " ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- ๑. โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ สญฺโ?ชนํ<SUP>๒</SUP> สพฺพมติกฺกเมยฺย ตนฺนามรูปสฺมึ อสชฺชมานํ อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา. " บุคคลพึงละความโกรธ, สละความถือตัว ล่วงสังโยชน์ทั้งสิ้นได้ ทุกทั้งหลายย่อมไม่ตกต้อง, บุคคลนั้น ผู้ไม่ข้องในนามรูป ไม่มีกิเลสเครื่อง กังวล. "๑. แปลว่า หมามุ้ยใหญ่ ก็มี. ๒. อรรถกถา เป็น สํโยชนํ.[คำวิจารณ์][โหวต] [​IMG]</td></tr><tr><td></td></tr><tr><td></td></tr></table>​
    <hr noshade color="#CCCCCC" align="right" width="60%" size="1"> --><CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb SIZE=1 noShade></TD></TR><TR><TD width=560>
    แก้อรรถ

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โกธํ ความว่า พึงละความโกรธทุกๆอาการก็ดี มานะ ๙ อย่างก็ดี. บทว่า สํโยชนํ ความว่า พึงล่วงสังโยชน์ทั้ง ๑๐ อย่าง มีกามราคสังโยชน์เป็นต้น. บทว่า อสชฺชมานํ ความว่า ไม่ข้องอยู่. อธิบายว่า ก็ผู้ใดยึดถือนามรูปโดยนัยว่า " รูปของเรา, เวทนาของเรา เป็นต้น และเมื่อนามรูปนั้นแตกไป. ย่อมเศร้าโศกเดือดร้อน; ผู้นี้ชื่อว่าข้องอยู่ในนามรูป;ส่วนผู้ไม่ยึดถืออย่างนั้น ชื่อว่าย่อมไม่ขัดข้อง; ขึ้นชื่อว่าทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกต้องบุคคลนั้น ผู้ไม่ข้องอยู่อย่างนั้น ผู้ชื่อว่าไม่มีกิเลสเครื่องกังวล เพราะไม่มีราคะเป็นต้น. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-ปัตติผลเป็นต้น. แม้พระนางโรหิณี ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. สรีระของพระนางได้มีวรรณะดุจทองคำ ในขณะนั้นเอง. พระนางจุติจากอัตภาพนั้นแล้วเกิดในระหว่างเขตแดนของเทพบุตร ๔ องค์ ในภพดาวดึงส์ ได้เป็นผู้น่าเลื่อมใส ถึงความเป็นผู้มีรูปงามเลิศ เทพบุตรทั้ง ๔ องค์เห็นนางแล้วเป็นผู้เกิดความสิเนหา วิวาทกันว่า " นางเกิดภายในแดนของเรา, นางเกิดภายในแดนของเรา." ไปสู่สำนักของท้าวสักกเทวราช กราบทูลว่า" ข้าแต่เทพเจ้า ข้าพระองค์ทั้งสี่เกิดคดีขึ้น เพราะอาศัยเทพธิดานี้, ขอพระองค์ทรงวินิจฉัยคดีนั้น. " แม้ท้าวสักกะ แต่พอได้ทรงเห็นพระนางก็เป็นผู้เกิดสิเนหา ตรัสอย่างนั้นว่า " จําเดิมแต่กาลที่พวกท่านเห็นเทพธิดา[​IMG]
    </PRE></TD><TD vAlign=top width=100>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><!--
    <table width='90 %' border=0 cellpadding=0><tr><td> แก้อรรถ

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โกธํ ความว่า พึงละความโกรธทุกๆอาการก็ดี มานะ ๙ อย่างก็ดี. บทว่า สํโยชนํ ความว่า พึงล่วงสังโยชน์ทั้ง ๑๐ อย่าง มีกามราคสังโยชน์เป็นต้น. บทว่า อสชฺชมานํ ความว่า ไม่ข้องอยู่. อธิบายว่า ก็ผู้ใดยึดถือนามรูปโดยนัยว่า " รูปของเรา, เวทนาของเรา เป็นต้น และเมื่อนามรูปนั้นแตกไป. ย่อมเศร้าโศกเดือดร้อน; ผู้นี้ชื่อว่าข้องอยู่ในนามรูป;ส่วนผู้ไม่ยึดถืออย่างนั้น ชื่อว่าย่อมไม่ขัดข้อง; ขึ้นชื่อว่าทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกต้องบุคคลนั้น ผู้ไม่ข้องอยู่อย่างนั้น ผู้ชื่อว่าไม่มีกิเลสเครื่องกังวล เพราะไม่มีราคะเป็นต้น. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-ปัตติผลเป็นต้น. แม้พระนางโรหิณี ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. สรีระของพระนางได้มีวรรณะดุจทองคำ ในขณะนั้นเอง. พระนางจุติจากอัตภาพนั้นแล้วเกิดในระหว่างเขตแดนของเทพบุตร ๔ องค์ ในภพดาวดึงส์ ได้เป็นผู้น่าเลื่อมใส ถึงความเป็นผู้มีรูปงามเลิศ เทพบุตรทั้ง ๔ องค์เห็นนางแล้วเป็นผู้เกิดความสิเนหา วิวาทกันว่า " นางเกิดภายในแดนของเรา, นางเกิดภายในแดนของเรา." ไปสู่สำนักของท้าวสักกเทวราช กราบทูลว่า" ข้าแต่เทพเจ้า ข้าพระองค์ทั้งสี่เกิดคดีขึ้น เพราะอาศัยเทพธิดานี้, ขอพระองค์ทรงวินิจฉัยคดีนั้น. " แม้ท้าวสักกะ แต่พอได้ทรงเห็นพระนางก็เป็นผู้เกิดสิเนหา ตรัสอย่างนั้นว่า " จําเดิมแต่กาลที่พวกท่านเห็นเทพธิดา[คำวิจารณ์][โหวต] [​IMG]</td></tr><tr><td></td></tr><tr><td></td></tr></table>​
    <hr noshade color="#CCCCCC" align="right" width="60%" size="1"> --><CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD width=644 colSpan=2><HR color=#ebebeb SIZE=1 noShade></TD></TR><TR><TD width=560>
    นี้แล้ว จิตเกิดขึ้นอย่างไร. ? " ลำดับนั้น เทพบุตรองค์หนึ่งกราบทูลว่า " จิตของข้าพระองค์เกิดขึ้นดุจกลองในคราวสงครามก่อน ไม่อาจสงบลงได้เลย. " องค์ที่ ๒ จิตของข้าพระองค์ [เกิดขึ้น] เหมือนแม่น้ำตกจากภูเขาย่อมเป็นไปเร็วพลันทีเดียว. องค์ที่ ๓. จำเดิมแต่กาลที่ข้าพระองค์เห็นนางนี้แล้ว ตาทั้งสองถลนออกแล้ว ดุจตาของปู. องค์ที่ ๔. จิตของข้าพระองค์ประดุจธงที่เขายกขึ้นบนเจดีย์ ไม่สามารถจะดำรงนิ่งอยู่ได้. ครั้งนั้น ท้าวสักกะตรัสกะเทพบุตรทั้งสี่นั้นว่า " พ่อทั้งหลาย จิตของพวกท่านยังพอข่มได้ก่อน ส่วนเราเมื่อได้เห็นเทพธิดานี้ จึงจักเป็นอยู่ เมื่อเราไม่ได้ จักต้องตาย. " พวกเทพบุตรจึงทูลว่า " ข้าแต่มหาราช พวกข้าพระองค์ไม่มีความต้องการด้วยความตายของพระองค์ " แล้วต่างสละเทพธิดานั้นถวายท้าวสักกะแล้วหลีกไป. เทพธิดานั้นได้เป็นที่รักที่พอพระหฤทัยของท้าวสักกะ.เมื่อนางกราบทูลว่า " หม่อมฉันจักไปสู่สนามเล่นชื่อโน้น " ท้าวสักกะก็ไม่สามารถจะทรงขัดคำของนางได้เลย ดังนี้แล. เรื่องเจ้าหญิงโรหิณี จบ.[​IMG]</PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  7. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    น้องคะ เมื่อก่อนพี่เป็นคนโกรธง่าย และพยาบาทสูง ปากจัดมาก ส่งผลให้พี่เป็นโรคหัวใจอ่อนๆมาจนทุกวันนี้และก็ยังเป็นโรคสิวขึ้นไม่หายสักทีค่ะ กินสารพัด ยารักษาสิวที่ใครว่าดีน่ะค่ะ แต่มันไม่หาย พอหันมานั่งสมาธิแผ่ให้เจ้ากรรมนายเวร และสวดมนต์บทกรณียเมตตาสูตรน่ะดีจริงๆนะคะ พี่อยากให้น้องลองสวดดู เห็นผลแต่ครั้งแรกที่สวดเลย ความพยาบาท
    มันน้อยลงไปเอง ไม่ค่อยหงุดหงิด นอนหลับสนิท นั่งสมาธิรวมจิตง่ายขึ้นกว่าก่อนมากๆ ตอนนี้พี่หน้าใสมากเลย ไปไหนคนก็ดูชอบหน้าเรามากขึ้น พี่อยากให้น้องลองสวดบทนี้ดูน่าจะหายนะ เพราะเราก็เป็นคนประเภทเดียวกันไง ลองดูนะคะ ก็ขอให้น้องทำความดีต่อไปนะคะ น้องน่ะเคยเป็นคนปฏิบัติมาก่อน มาชาตินี้ก็ต้องต่อบุญนะคะ ขอให้น้องโชคดี
     
  8. berryciz

    berryciz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +240

    งั้นคงไม่ได้ทำแน่เลยค่ะ เพราะหน้าเป็นแผลเยอะ แล้วสามสี่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร คันหน้ามากก แสบหน้าตลอด ยิ่งเวลาล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก็แสบค่ะ แสบมากก ผิวจะแดง ไม่ต้องพูดถึงโฟมล้างหน้าเลยค่ะ ยิ่งแสบกว่าเดิมอีก แค่น้ำเปล่าก็ล้างลำบากไม่รู้เป็นอะไร
     
  9. berryciz

    berryciz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +240


    ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวหนูจะลองหามาสวดดูบ้าง ตอนนี้ก็พยายามเลิกนิสัยปากจัด แล้วก็ขี้หงุดหงิดอยู่ค่ะ บางทีก็เผลอบ้างค่ะ แต่ก็จะสู้ๆค่ะ เพราะเพิ่งเริ่มต้นเอง อยากมีธรรมะนำจิตใจเหมือนพี่ๆบ้าง ชีวิตจะได้ดีขึ้นบ้าง แล้วหนูลองมาคิดๆดู การโกรธคนเนี่ย เหนื่อยมากกว่าไม่โกรธอีก พอโกรธจิตหนูก็มีแต่อาฆาตอยากทำร้ายเขาอยากฆ่าเขา ยิ่งเป็นคนมักโกรธ วันๆหนูโกรธคนได้เป็นสิบๆคน พอโกรธแล้วก็พาล ไปๆมาก็เหนื่อยเอง ยิ่งมองเห็นคนที่ถูกเราโกรธก็ใช้ชีวิตปกติดี ก็หงุดหงิด เพราะมีแต่เราบ้าอยู่คนเดียว
     
  10. chatty26

    chatty26 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +87
    สวดมนต์ไหว้พระทุกๆวัน . ทานมังสวิรัติสักพัก และ บวชชีพราหมณ์ดูสิค่ะ


    เชื่อว่า พลังพุทธานุภาพจะทำให้ดีขึ้น เพราะพอใจนิ่งขึ้นระบบข้างในก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ


    ขอให้หายไวๆ นะค่ะ
     
  11. นักขัต

    นักขัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +777
    ดึงเห็บหมามาบี้ พ่นยาฆ่าแมลงมั่งมั้ยฮะ
    ผมเคยเป็นสิวเยอะเลย ตะก่อนมีหมาแล้วก้อดึงเห็บให้มัน
    เหมือนแม่ชีททศพรเคยพูดไว้นะครับ
     
  12. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ต้องขออภัยเจ้าของกระทู้นี้ด้วย ไม่รู้ว่าเขียนไปจะพอจะสอดคล้องกับคำถามหรือป่าวก็ไม่รู้ แต่อยากลองเขียนบ้างน่ะ
    มนุษย์ในโลกมี ๔ จำพวก​
    อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ หน้า ๒๔๖-๒๔๗ ว่าด้วย มนุษย์ ๔ จำพวก คือ
    ผู้มามืด ไปมืด บุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ยากจน ขัดสน มีความเป็นอยู่แร้นแค้น ลำบากในการหาเลิ้ยงชีพ หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง ซ้ำเป็นคนขี้ริ้วขี้เร่ เตี้ยแคระ มีร่างกายไม่สมประกอบ มากไปด้วยโรค เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ยังประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบายทุคติวินิบาต
    ผู้มามืดไปสว่าง ได้แก่บุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ผิวพรรณทรามเป็นต้น แต่เป็นผู้มีศรัทธา ไม่ตระหนี่ มีใจไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน สั่งสมบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประพฤติกายสุจริต วาจาสุจริต ใจสุจริต เมื่อตายไปย่อมเข้าถึง สุคติโลกสวรรค์
    ผู้สว่างมา มืดไป ได้แก่ บุคคลที่เกิดในตระกูลสูง มีโภคทรัพย์มาก มีรูปสวย แต่เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ตระหนี่ ไม่เอื้อเฟื้อ มักโกรธ ประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต ใจทุจริต เมื่อตายไปย่อมเข้าถึง อบายทุคติวินิบาต
    ผู้สว่างมา สว่างไป ได้แก่ บุคคลที่เกิดในตระกูลสูง พรั่งพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ประพฤติแต่ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เมื่อตายย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

    ในอดีตนั้นเราอาจจะเป็นมนุษย์หนึ่งในสี่ประเภทจึงได้เกิดมารับผลของกรรมนั้น

    ในปัจจุบันเราเป็นมนุษย์หนึ่งในสี่ประเภทนั้นจึงจะต้องไปรับผลของกรรมนั้น

    ในอนาคตเราเป็นมนุษย์หนึ่งในสี่ประเภทนั้นจะต้องไปเสวยผลของกรรมนั้น

    ผู้ใดทำกรรมอันใดไว้ผู้นั้นต้องรับผลของกรรมนั้น ไม่ว่า ดี หรือ ชั่ว......​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กันยายน 2010
  13. Cutie Kung

    Cutie Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +1,283
    1. ลด อาหารประเภทเนื้อสัตว์ และ ไขมัน แนะนำให้ทานอาหารประเภท ผักผลไม้ โดยเฉพาะ แตงโม และ เห็ดหลินจือ อาหารสำำคัญที่สุด You are what you eat.
    2. หยุดใช้เครื่องสำอางค์ และสบู่ ที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ใช้สบู่ที่ไม่มีฟองในการทำความสะอาดผิว นี่จากประสบการณ์ของตัวเองค่ะ ที่เคยเป็นสิวพอหันมาใช้โฟม ไ่ม่มีฟอง อาการระคายเคืองจะน้อยลง
    3. ซัก และ เปลี่ยน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน บ่อยๆ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
    4. การที่เกิดสิวเยอะ แบบนี้ น่าจะเกิดจากการไหลเวียนโลหิต ไม่ดี แนะนำให้บริจาคโลหิต แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นโรคไทรอยด์ บริจาคได้หรือไม่
    5. สุดท้ายอย่าเครียด สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา อย่างน้อยเราจะสบายใจ และทำให้ร่างกายดีขึ้นในที่สุด

    ขอใ้ห้หายเร็วๆ นะคะ เอาใจช่วย
     
  14. คิเคียว

    คิเคียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +459

    จากที่ลองคิดดูเองนะคะ :d เวลาล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแล้วแสบ น่าจะมาจากเป็นแผลจากสิว แล้วถูกน้ำที่มีคลอรีน ก็เลยแสบ
    ลองเอาน้ำดื่มที่เค้าขายกันเป็นขวดมาล้างหน้าดูสิคะ ได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไงมาบอกกันด้วยนะคะ
    มีของฝากมาอีกอย่างค่ะ ตามลิงค์นี้เลยค่ะ ขอให้เจริญในธรรมค่ะ

    พลังจิต > พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
     
  15. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ตอนเป็นวัยรุ่น ก็เป็นสิวเยอะมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ.....พ่อยังเครียดแทนเลยค่ะ....ใช้อะไรก็ไม่หาย พาไปเข้าคอสก็ไม่หายค่ะ......แต่มียาดีขนานหนึ่งที่เราไม่คิดไม่ฝันว่าจะทำให้สิวหายค่ะ....คือการไปนั่งวิปัสนา....สิวหายหมดเลยค่ะ ยาก็ไม่ได้ทาเพราะว่าถือศีล 8 .....หลังจากอายุ 14 สิวแบบเห่อเต็มหน้าก็ไม่มีอีกเลยค่ะ....นาน ๆ ก็จะขึ้นทีละเม็ด....แล้วก็ไม่เป็นแผลเป็นด้วยค่ะ....อิอิ เคยได้ยินไหม...สวยด้วยศีล...ก็คือการมีผิวพรรณที่ผ่องใส...ที่ออกมาจากภายใน...ไม่ใช่สวยแค่ภายนอกนะคะ...จิตใจสำคัญมาก...อย่าเครียดเป็นสำคัญค่ะ...อย่าโกรธ อย่าโมโห....เพราะต่อให้ใช้ของดีราคาแสนแพงแค่ไหน....ถ้าจิตใจขุ่นมัวก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ...

    เรื่องกรรมก็มีส่วนค่ะ....ที่จริงแล้วพระพุทธเจ้าท่านฉลาดแล้วก็เก่งมาก ๆ ๆ เลยนะคะ....กรรมของคนขี้อิจฉาริษยา (ความเครียด) กรรมของคนขี้โมโห (ความเครียด) กรรมของคนชอบดูถูกคนที่ด้อยกว่า (ความสะใจ) แล้วก็กรรมที่ไปรังแกสัตว์ทำให้สัตว์ผิวหนังลอกรวมถึงคน คือเราไปทำร้ายเค้า (ความสะใจ) พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติกรรมของคนพวกนี้ไว้ว่า...จะส่งผลทำให้มีผิวพรรณทราม.....

    แล้วพระพุทธเจ้าท่านรู้ได้ยังไง....ทั้ง ๆ ที่ สมัยนั้นเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า....

    ถ้ามองทางวิทยาศาสตร์....ก็คือ...ความเครียดจะไปกระตุ้นฮอร์โมน ทำให้เกิดสิวค่ะ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2010
  16. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เราเคยฝันว่า....มีผู้หญิงคนหนึ่ง...แต่งตัวสมัยจอมพลป. หรือว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ...จูงมือเด็กชายคนหนึ่ง....แล้วเธอคนนั้น...ก็กระทำทารุณลูกแมวตัวหนึ่งค่ะ....โดยการตีๆๆๆ แบบไม่ยั้งมือเลยค่ะ.....แต่ว่าลูกแมวตัวนั้นก็ยังไม่ตาย....แล้วมันก็ไม่หนีด้วยค่ะ....

    แต่เธอคนนั้นก็ยังไม่ยอมหยุด....เธอเอาลูกแมวไปต้มในปี๊ปที่ร้อน ๆๆๆ แล้วก็เอาไม้คน....แต่ว่าลูกแมวก็ยังไม่ตาย....แล้วอยู่ดี ๆ ผู้หญิงคนั้นก็เกิดสงสารลูกแมว...เธอก็ได้เทแมวก็มาจากปี๊บ....แล้วลูกแล้วก็วิ่งหายไปค่ะ.....

    เราฝันตอนที่เราเป็นงูสวัส.....งูสวัสขึ้นที่หน้าของเราค่ะ.....แล้วเราก็นึกในใจว่าเราไปทำกรรมอะไรกับใครไว้....เราคิดว่าความฝันของเราในคืนนั้นเป็นนิมิตร....ที่เจ้ากรรมนายเวรเค้ามาทวงคืนค่ะ.....เราทำกรรมไปทารุณผู้อื่น....ชาติเราก็ป่วย สุขภาพไม่แข็งแรง เป็นหืดหอบเหมือนแมว...แล้วก็เป็นงูสวัส....ส่งผลถึงพิวพรรณแล้วก็ระบบประสาท...คือเวลางูสวัสมันกำเริบจะปวดแสบปวดร้อนที่หน้า....แล้วพิษของมันก็ทำให้เราปวดหัวข้างที่เป็นมาก ๆ เลยค่ะ....ถึงแม้ว่างูสวัสจะหายไปแล้ว....

    พอหลังจากนั้น...เราก็ไปทำบุญถวายผ้าไตรจีวร...ถวายสังฆทาน...แล้วก็ทำบุญเลี้ยงอาหารแมวที่วัดค่ะ....

     
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สวัสดีค่ะ คุณน้อง

    ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง อดทนนะคะ พี่มาให้กำลังใจค่ะ สู้ ๆ นะคะ

    หากท่องเมตตาสูตรยังไม่ได้ทั้งบท ลองบทแผ่เมตตาของหลวงปู่ขาว อนาลโยดูก็ได้นะคะ ว่าง ๆ ก็ท่องในใจ ท่องได้ตลอดเวลาค่ะ

    "พุทธะเมตตัง จิตตัง มะมะ พุทธะ พุทธา นุภาเวนะ
    ธัมมะเมตตัง จิตตัง มะมะ ธัมมะ ธัมมา นุภาเวนะ
    สังฆะเมตตัง จิตตัง มะมะ สังฆา สังฆา นุภาเวนะ"

    บทนี้ช่วยให้เราใจเย็นลง เปลี่ยนจากเรื่องร้าย ๆ ให้กลายเป็นดี พี่เคยอาราธนามาแล้วได้ผลค่ะ อยากให้ใครเมตตากะเราก็ นึกถึงหน้าเขา ท่องบทนี้ ดีมากค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
  18. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ผมขอแสดงความยินดีกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ เพราะเหตุอันเกิดจากทุกข์ของสิวนี้
    บวกกับคำแนะนำจากหลายๆท่าน ส่งผลให้เจ้าของกระทู้เกิดแรงศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา
    ซึ่งวัยรุ่นสมัยนี้หากไม่พบกับความทุกข์ทรมานต่างๆแล้ว น้อยคนมากที่จะสนใจในพระพุทธศาสนา
    กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองต้องการพ้นจากความทุกข์ โดยยึดหลักศาสนาเป็นที่พึ่ง บางท่านก็อาจล่วงเลยไปถึงวัยชรา
    เวลาในการปฏิบัติหรือการศึกษาธรรมะต่างๆ สังขารก็อาจจะไม่เอื้ออำนวยแก่ตนเองแล้ว

    เจ้าของกระทู้จึงโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดความศรัทธาต่อพุทธศาสนาตั้งแต่ตอนนี้
    ขอให้เชื่อมั่นว่า ไม่ว่าตนเองจะเกิดปัญหาหรือความทุกข์มากน้อยเพียงใด
    พระพุทธศาสนาสามารถเป็นที่พึ่งของเราได้ตลอดเวลา ให้เชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่สุด
    แล้วจะสามารถผ่านปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้อย่างแน่นอน

    ส่วนการปฏิบัติสำหรับวัยรุ่นนั้น ผมแนะนำการรักษาศีล5สำคัญที่สุด
    เพราะศีลเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกสติ เป็นการฝึกสติให้ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ให้ผิดศีล
    หากเจ้าของกระทู้สามารถรักษาศีล5ได้เป็นประจำแล้ว จะควบคุมอารมณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี
    และมีประโยชน์ในการนั่งสมาธิอีกด้วย ทำให้ขณะนั่งสมาธิอารมณ์จะสงบได้ง่าย
    ความคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่งต่างๆก็จะน้อยลง ศีลจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตครับ

    [​IMG]
     
  19. berryciz

    berryciz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +240
    ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งนะคะ ช่วงนี้ไงที่จะเข้ามาพูดคุยกับทุกๆคนเลยค่ะ ติดงาน ก็จะมาขอเล่า อัพเดตเรื่องของตัวเองคร่าวๆล่ะกัน
    หลังจากที่พี่ๆแนะนำไป หลายอย่างหนูอยากทำนะคะ แต่ด้วยเรื่องของเวลา (อาจจะเรียกว่าข้ออ้างก็ได้) เลยยังไม่ได้ทำอะไรมากมาย กะว่าสิ้นเดือนนี้คงจะได้ไปทำบุญถวายสังฆทานค่ะ
    ทุกวันนี้ก็จะมีสวดมนตร์ก่อนนอนทุกคืน ประณ 10-15 นาที ขออโหสิกรรม เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง(หนูไม่ทราบจริงๆว่าพวกพี่สวดบทอะไรบ้าง ยังไงก็แนะนำด้วยนะคะ)
    ทำทานเยอะขึ้น พูดคำหยาบน้อยลง พยายามใจเย็นขึ้น เอ็นดูคนอื่น มากขึ้น
    ตอนนี้กำลังฝึกเลิกนิสัยหาเรื่องคนอื่นอยู่คะ
    ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำให้ตัวเองหงุดหงิด พูดจาไพเราะขึ้น
    ให้อภัยคนมากขึ้น เจ้าคิดเจ้าแค้นน้อยลง อ่านหนังสือธรรมะด้วย แล้วก็ฟังคลิปพระเทศน์จากเว็บพลังจิตนี่ละคะ โหลดไปฟังในมือถือ (เวลาฟังทีไร ขนลุกทุกที )

    เรื่องสิวก็ถือว่าดีกว่าวันแรกที่หนูมาตั้งกระทู้นี้มากๆ สิวบริเวณใต้คาง(มีเยอะมากๆๆๆๆ)แล้ก็ผื่นที่ขึ้นที่คอ ก็หายไปแล้ว บนหน้าก็ถือว่าน้อยลง เยอะ เห็นแล้วก็อึ้งเหมือนกันนะ แบบอะไรเนี่ย นึกอยากจะหายก็หาย ๕๕ แต่ก็ดีใจมากค่ะ

    จริงๆที่หนูทำเนี่ย ยังน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับพวกพี่ แต่มันทำให้หนูรู้สึกดีและมีกำลังใจมากๆเพราะทำแค่นิดเดียวก็ยังดีขึ้นแล้ว

    แต่หนูก็จะพยายามต่อไปและทำดียิ่งๆขึ้นไปนะคะ ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจดีๆ ของทุกๆคนค่ะ^^
     
  20. gasnaka

    gasnaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,811
    ค่าพลัง:
    +3,974
    ขอเล่าจากตัวพี่เองนะคะ พี่ก็เป็นภูมิแพ้ ช่วงก่อนเป็นมากน้ำเหลืองไหลตลอดเพราะคันแล้วเกา (น่าเกลียดน่ากลัว) แล้วพี่ก็ไปรักษาที่สถาบันโรคผิวหนัง(ได้เป็นกรณีศึกษาให้นักศึกษาแพทย์ด้วย อายซะไม่มี) แล้วก็ดีขึ้นแต่ภูมิแพ้ก็ไม่หายเป็นมาตลอด พี่ก็ทำทาน รักษาศีล ภาวนา ก็ดีขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่หายขาด จะแพ้นู่นนี่เรื่อย คิดว่ามาจากกรรมที่พี่
    ทำกับแมลงสาบ ยุง มด เห็นแมลงสาบไม่ได้ เอาน้ำยาล้างห้องน้ำฉีดใส่ ไม่เห็นยุงก็เอาไม้ไฟฟ้าช็อตยุงตามหาเพื่อจะช็อตมัน โรคจิตมากๆ แต่ตอนนี้พี่ดีขึ้นกว่าเดิม สักวันใช้กรรมหมดก็คงหาย แล้วเรื่องเป็นสิว พี่ขอแนะนำให้น้องหายาจีน ชื่อ มี กี่ ฟู กิน ขวดหนึ่งประมาณ 70 บาท เป็นยาเกี่ยวกับการขับน้ำเหลืองที่เสียออกจากร่างกาย ยานี้ไม่ได้เขียนสรรพคุณว่ารักษาสิว แต่เอามากินรักษาสิวได้ผลมาหลายรายแล้วโดยเฉพาะสิวอักเสบเม็ดใหญ่ๆที่ไม่บีบไม่มีหายอ่ะ
    แต่คงต้องกินไประยะหนึ่งก่อนนะคะ จากที่ทราบ กินสักเดือนหนึ่งก็จะรู้สึกแล้วล่ะว่าสิวขึ้นน้อยลง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ถ้าได้ผลดีแล้ว บอกพี่ด้วยนะคะ

    หมั่นทำทาน รักษาศีล ภาวนานะคะ เพื่อหนีและชดใช้กรรมที่เราทำไว้
     

แชร์หน้านี้

Loading...