บูชาพระขรรค์-พระแสงขรรค์สลีศรีกัณไชย บรรจุคตปรอทหิน-ชมพูนุชและมวลสารพันแปด

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 19 พฤศจิกายน 2009.

  1. เด็ก3ขวบ

    เด็ก3ขวบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +1,524
    5555555555555555555555........:boo:
     
  2. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104

    ผู้สำเร็จยุทธขั้นสูงสุด
    ยายได้สำเร็จวิทยายุทธขั้นสูงสุด
    วิชาพระขรรค์สรี๋กัญไชยไร้เทียมทาน
    เมื่อยายชักดาบออกจากฝัก
    ไม่มีใครได้เงินคืนแม้แต่รายเดียว...
    เพลงดาบนี้...ยายสุดหวงแหนมาก
    ตั้งใจจะไม่ถ่ายทอดให้ใคร...เด็ดขาด
    (คุณสล่าบุญตัน เป็นรายแรกที่มีวาสนาได้ชมเพลงดาบศักดิสิทธิ์ของยาย)



    ผู้มีวาสนามาจุติ
    ยายเป็นผู้มีวาสนามาจุติบนพื้นพิภพ
    ได้สำเร็จวิทยายุทธวิชาดำดินหายหัว
    ยายร่ำเรียนมาจากขอมโบราณ
    ทั่วปฐพีนี้...ยายเป็นหนึ่งในยุทธจักร
    (ยายได้แสดงการดำดินหายหัว แก่บรรดาผู้จองพระขรรค์)


    วิชาประจำตระกูล
    เล่านิยาย เป็นวิชาประจำตระกูลของยาย
    รายไหนรายนั้น...เจอเป็นเสร็จทุกราย
    ชักแม่น้ำทั้งห้า...เป็นหัวใจของเคล็ดวิชา
    โม้จนลิงหลับ...เป็นมนต์คาถาประจำตัวยาย

    (วิชาประจำตระกูลของยาย ใช้ได้ผลในบอร์ดพลังจิต จนได้เป็นสมาชิกกิติมศักดิ์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2010
  3. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    อ่ะได้เวลา ตามสายัณ์ สัญญาแล้ว
    ยายใช้ให้ผมมาคัดรายชื่อผู้ที่จอง สั่งจอง ทั้งปากเปล่าและชำระเงิน(ทั้งเงินบางส่วนและทั้งหมด)

    ขอความกรุณาท่านสมาชิกเวบทั้งหลายที่มีอุปการะคุณ แจ้งชื่อใหม่อีกครั้งนะครับ แจ้งในช่องนี้เลยครับ ที่ผมตอบกระทู้นี้แหละ(k)(k)(k)(k)

    ปล. ผมจะมาอัพเดทกระทู้ทุกวันตอนเย็น แจ้งชื่อได้เลยนะครับ
    ด้วยความนับถือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2010
  4. praw@ti

    praw@ti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +347
    praw@ti ครับ....จองไว้ชุดใหญ่ 1 ชุด.....ยังต้องการอยู่ครับ...ถ้าได้พระขรรค์เมื่อไหร่ช่วยแจ้งด้วย
     
  5. praw@ti

    praw@ti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +347
    คุณพ้น...ทำไมไม่ให้ยายออกมาตอบกระทู้แก้ต่างเองหละครับ....ไม่งั้นก็จะโดนต่อว่าไปเรื่อยๆเสียชื่อหมด..หรือคิดว่าเอาไว้ได้ของพร้อมจัดส่งแล้วค่อยออกมาเฉลย....คนรอเค้าเครียดกันเปล่าๆนะครับ
     
  6. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    อืม ทำไม ต้องให้ คนอื่น มาออก ตัว ให้

    ตอนเริ่มกระทู้ ก็เห็น มาได้ เกือบ ตลอด คอมไม่เสีย มือถือมีสัญญาน สุขภาพดี

    รอติดตาม ความคืบหน้า ต่อไป
     
  7. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    รับทราบครับ โมทนาสาธุครับ
     
  8. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623
    สวัสดีค่ะ เรียนท่านผู้ที่สนใจและติดตามเกี่ยวกับเรื่องของยายผีป่า และพระแสงดาบฯ

    ดิฉันเป็นผู้ที่จองชุดใหญ่ และชำระปัจจัยครบทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว
    ทั้งๆที่ดิฉันเป็นผู้สั่งจอง และได้จ่ายเงินไปแล้ว ดิฉันยังไม่เห็นต้องเดือดร้อนต่อสิ่งใด
    ไม่ใช่ว่าร่ำรวยไม่เสียดายเงิน แต่เป็นเพราะดิฉันเชื่อมั่นและศัทธา

    ดิฉันเพิ่งจะจบการสนธนากับคุณสล่าบุญตันเมื่อสักครู่นี้
    โดยส่วนตัวได้โทรหาท่านแล้ว 3 ครั้ง และทุกครั้งที่โทรท่านเองก็ไม่เคยมีพูดไม่ดีถึงคุณเอื้อมเลยสักนิด ดาบเสร็จหรือยังท่านก็จะบอกตลอด
    ตามขั้นตอน
    อย่างล่าสุดที่ได้คุย ท่านบอกว่าดาบเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากรอเชือกแดงผูกฝักที่ต้องส่งมาจากอีกที่ ท่านเป็นนักตีดาบระดับต้นๆของประเทศ
    แค่งานของท่านที่มีอยู่ก็ล้นมืออยู่แล้ว
    การที่ได้ท่านรับตีดาบชุดนี้ให้ ถือว่าเป็นมงคลยิ่งแล้ว

    ท่านใดที่พูดจาเหมือนรู้เรื่องดีเกี่ยวกับเรื่องตีดาบ ขอถามท่านคำว่า เกิดมาชาตินี้ท่านได้เคยทำเองกับมือหรือยัง ท่านถึงได้คิดว่ามันจะง่ายดายนัก

    ทำไมท่านไม่โทรไปคุยกับคุณสล่ากันเองเลยคะ ทำไมต้องมานั่งเทียนพูด
    มันเสียหายไปทุกฝ่าย ดิฉันซึ่งเป็นผู้ที่จับจองและชำระเงินแล้วด้วยซ้ำ
    ยังไม่เคยเข้ามาพูดจาไม่ดีต่อเขาผู้นั้นเลย แล้วพวกคุณเป็นใครมิทราบ

    แต่ถ้าสำหรับท่านที่ได้จองไว้ และไม่มั่นใจ พี่เอื้อมได้เคยพูดแต่แรกแล้วว่าถ้าท่านไม่มั่นใจก็ไม่ต้องมาเช่า เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้ว ก็จะทำให้จิตคุณขุ่นมัวโดยเปล่าประโยชน์

    ถ้าหากเวปแห่งนี้เป็นเวปแห่งธรรมมะ นั้นหมายถึงทุกคนที่เข้ามาในที่นี่ย่อมต้องมีด้วย สติ และปัญญาเป็นที่ตั้ง เพราะพระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้เช่นนั้น ขอให้ใช้สติไตร่ตรองก่อนจะคิด หรือพูด เพราะทุกสิ่งมันจะกลับไปหาตัวคุณเอง

    ขอให้บุญรักษา พระคุ้มครองทุกท่านที่เจริญด้วยธรรมแล้วทั้งปวง สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ผมอยากถามว่ายายผีป่าทราบวิธีตีพระแสงดาบสรี๋กัญไชยได้มาจากตำราไหนเพราะเท่าที่ทราบตำรานี้เป็นของล้านนาและผู้ที่จะสร้างได้ต้องเป้นผู้ได้รับถ่ายทอดในคัมภีร์ สร๋กัญไชยพระเจ้า จากครูบาขันแก้วที่ได้รับสืบทอดมาจากครูบาเจ้าศรีวิชัย ในปัจจุบันก็มี ท่านครูบาอริยชาติทำได้ ผมถามว่ายายรู้จักคาถาสรี๋พระเจ้า ไหม การวางอักขระทำอย่างไร แล้วรู้ไหมว่าเขาต้องใช้อะไรบ้าง ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งสร้างยากมากนี่เหมือนกับว่าตีพระขรรค์ปุ๊ปก็บอกเป็นสรี๋กัญไชยเลย มันจะใช้ได้ที่ไหน สรี๋กัญไชยตำนานก็อ้างมั่วๆๆมีขอมไปเกี่ยวเฉยเลยไม่ทราบว่ายายได้ศาสตร์มาอย่างไรเพี้ยนไปหมด ผมขอเตือนนะครับว่าไม่ได้ศาสตร์ไม่ได้ถ่ายทอดตำราครูมาทำไปวิบัติต้องธรณีสารนะครับ
    ของเดิมเขาใช้ไว้ข่มแก้เคล็ดอโยธยานะครับตำรามีมากขนาดเขียนยังผิดเลย ล้านนาเขาใช้แค่สองคำคือ สรี๋กัญชัยกับสรี๋กัญไชย ผมไม่รู้ว่ายายไปได้วิชามาอย่างไรตอบด้วยนะครับเพระของนี้เป็นเสมือนเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้านนาหากสร้างไม่สมควรวิบัติแน่ๆๆเห็นใจคนเอาไปใช้บูชาครับ
    นี่คือลิ้งค์ที่บอกเล่าเรื่องดาบสรี๋กัญไชยครับ
    ดาบสหรีศรีกัญไชย รุ่นแรก ครูบาอริยชาติ วัดแสงแก้วโพธิญาณ

    http://krubain.awardspace.com/trimas46_srigunchaistory.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  10. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623



    ...............

    สวัสดีค่ะคุณ joni_buddhist ถ้าหากคุณอยากทราบมากขนาดนั้น ทำไมคุณไม่โทรไปถามกับตัวพี่เอื้อม ยายผีป่า เขาเองเลยล่ะคะ คุณจะได้ฟังคำตอบจากปากของพี่เขาเลย หรือถ้าจะให้ดี ดิฉันว่าคุณน่าจะโทรไปหาคุณสล่าบุญตันท่านด้วย เผื่อว่าคุณจะได้คำตอบแล้วทำให้คุณสบายใจขึ้นมาบ้าง

    โดยส่วนตัวของดิฉันแล้ว ไม่ยึดติดค่ะ ในเมื่อจิตเราคิดดีและเคารพต่อครูบาอาจารย์ท่านอยู่เสมอ ดิฉันเชื่อว่าดาบที่ผ่านการตีจากคุณสล่าบุญตันท่านนี้ทรงคุณค่ายิ่งนัก และด้วยจิตที่ตั้งมั่นต่อครูบาอาจารย์ ดิฉันเชื่อว่าท่านต้องเมตตามาสงเคราะห์และประสิทธิ์ประสาทพรให้ เรามิได้ทำสิ่งใดเพื่อเป็นการลบหลู่ต่อท่านเพราะฉนั้นดิฉันเชื่อมั่นเสมอว่าจะมีแต่สิ่งอันเป็นมงคลมาหาดิฉันและครอบครัวตลอดไป _/|\_

    ดิฉันขออนุญาตินำเวปที่เกี่ยวกับช่างตีดาบท่านนี้มาลงนะคะ
    และท่านนี้คือคนที่ดิฉันได้โทรไปคุยกับท่านค่ะ

    ขอขอบพระคุณต่อเจ้าของเวปที่นำเรื่องราวดีๆมานำเสนอค่ะ

    www.sartrayuth.org
     
  11. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    -ขอโทษนะครับที่ผมถามเพราะศาสตร์บางศาสตร์ต้องได้รับถ่ายทอดและตั้งพานครูจริงๆๆเพระเขาเรียนวิชากันมาอย่างนั้น ถ้าใครเรียนทำสรี๋กัญไชยได้ง่ายๆนะครับ ตอนที่ครุบาเจ้าศรีวิชัยท่านได้ตำรานี้มานี่คงไม่เกิดเรื่องจนท่านต้องโดนอธิกรณ์มาถึงกรุงเทพ จนสมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงถามว่าได้ดาบวิเศษมาจริงไหม ถ้าสร้างง่ายๆๆพอมีคนไปลือว่าครูบาเจ้าท่านได้ดาบสรี๋กัญไชยมาคงไม่เดือดร้อนถึงพระนครหลอกครับ ถ้าใครจะสร้างก็สร้างได้ คุณหยกแดงลองศึกษาสิครับว่าวิชาทำดาบแท้ๆเขาทำยากขนาดไหน สล่าบุญตันผมไม่เถียงว่าแกเป็นช่างตีดาบ แต่ว่าผู้ที่ตีสรี๋กัญไชย ถวายครูบาชุ่ม โพธิโก นั้นคือ นายกัญไชยหรือสล่ากัญไชย และดาบสรี๋นั้นจะต้องมีอักขระวิธีจาร ทั้งคาถาปโชตา และไชยเบ็งชร ไม่ใช่นึกจะจารอะไรก็ตามใจตนอย่างนี้รูปแบบพิธีกรรมโบราณก็เพี้ยนหมดไม่ทราบว่ายาย จะรุ้จักท่านนี้ไหม พระเจ้าสิริธรรมจักรวรรดิติลกราชาธิราชท่านผู้นี้จะต้องทำพิธีบวงสรวงสังเวยในพิธีดาบด้วยซ้ำ การที่ผมมาตีแผ่ไมได้อะไรหรอกนอกจากจะบอกว่า ถ้าไม่ทำตามพิธีการสร้างสรี๋แบบตามตำรา จะเกิดหายนะแก่ผู้ที่ได้ครอบครองครับ คนคิดทำนี่ก็โดนอยู่แล้วเห็นๆ ถ้าสรี๋กัญไชยทำง่ายๆๆจริงนะครับคุณหยกแดง ป่านนี้คงมีพรึ่บไปแล้ว ทำไมเวลามีพระคณาจารย์ทางล้านนาทำมากี่ท่านคงยังเฝ้าหากันอยู่เลย ราคาสูงมากเพระอะไรเพราะความเป็นศาสตร์ที่พระแต่ละองค์ท่านเรียนมาไงครับไม่ใช่ฉันนั่งฝันเอาเองว่ามีใครมาสอนโดยไม่รู้แม้แต่ต้นสายวิชาว่ามาจากที่ใดด้วยซ้ำ
    ดาบสรี๋กัญไชยที่สร้างตามศาสตร์มีมากมายดังนี้
    1. ดาบสรี๋ของครูบาขันแก้ว อันนี้เป็นต้นแบบสรี๋กัญไชยในปัจจุบันครับ
    2. ดาบสรี๋ ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งครับ
    3.ดาบสรี๋ ของครูบาชัยยะวงศา วัดพระบาทห้วยต้มครับ
    4.ดาบสรี๋ หรือมีดมหาปราบ ของ ครูบาอินตา ธนักขันโธ วัดวังทองครับ
    5.ดาบสรี๋ ของครูบาอริยชาติ แสงแก้วโพธิญาณครับ
    ใครที่ครอบครองดาบหรือมีดหมอ(ล้านนาเรียกดาบ1กำ)ของท่าน5ท่านเหล่านี้นะครับ คนล้านนาหรือผู้ศึกษาเวทย์ล้านนาถือว่าท่านได้ครอบครองสรี๋กัญไชย(พระศรีขรรค์ไชย)ตามตำรับพระสิริธรรมจักรวรรดิติลกราชาธิราชล้านนาเป็นผู้บัญญัติไว้ครับ ใครไม่มีรีบหาครับยิ่งของท่านครูบาอริยชาติราคาเบามากของถูกได้บุญแถมได้สรี๋กัญไชยแท้ๆๆอีกครับ
     
  12. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ตำนานดาบสรีกัญไชยกับพระขรรค์ไชยศรี :::
    <TABLE style="FONT-SIZE: 12px" id=table14 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=267 align=right height=341><!-- MSTableType="layout" --><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px"> </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=300 vAlign=top>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" width=11> </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=41 vAlign=top width=256>
    [​IMG] ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย
    นักบุญแห่งล้านนาไทย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ดาบสรีกัญไชยในส่วนที่เกี่ยวพันในแง่ของประวัติศาสตร์มีเล่าขานสืบทอดกันมานานตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยากับแผ่นดินล้านนา เนื้อหารายละเอียดแตกต่างกันไปตามความเชื่อถือศรัทธาของผู้บันทึก แต่เนื้อหาหลักพอจะสรุปเป็นสังเขปได้ว่า
    ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีบุญญาธิการ ทรงแผ่พระราชอำนาจไปทั่วแคว้น พระองค์มีอาวุธวิเศษคู่พระวรกายคือ “พระขรรค์ไชยศรี” ยามเมื่ออกรบทัพจับศึกก็แสดงอานุภาพเอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้งไป เป็นพระแสงดาบที่นอกจากจะเป็นอาวุธคู่พระวรกายแล้ว ยังเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าแม่ทัพนายกอง ทหารหาญทั้งหลายที่ร่วมทัพอีกด้วย
    ในขณะเดียวกันนั้น อาณาจักรทางล้านนาก็มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งนามว่าพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพทั้งในการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง พระศาสนาเป็นที่ร่ำลือไปทุกทิศ ยุคนั้นเป็นเสมือนยุคทองของเมืองเชียงใหม่ มีการขยายเขตแดนแสดงอานุภาพออกไปอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกับพระบรมไตรโลกนาถของทางอยุธยา
    การแย่งชิงหัวเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์ทั้งด้านการค้าและการสงคราม ถือเป็นภารกิจหนึ่งของพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในหัวเมืองที่เป็นที่หมายปองของอาณาจักรใหญ่ในย่านอุษาคเณย์ นี้ก็คือเมืองเชลียง ด้วยว่าเป็นหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ การแย่งชิงครอบครองเมืองเชลียงจึงเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างกรุงศรีอยุธยากับอาณาจักรล้านนา
    สองอาณาจักรยกทัพขึ้นประลองกำลังกันเป็นสามารถ อยุธยามีของวิเศษ คือ พระขรรค์ไชยศรี ส่วนพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาก็ทรงมีดาบวิเศษคู่พระวรกาย คือ ดาบสรีกัญไชย จึงมิได้เกรงกลัวต่อทัพกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด ต่างก็ยกทัพเข้ารบพุ่งกันอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ ทำให้ขุนทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ได้เลิกราทัพกลับไป ต่อมาเผ่าไทยทั้งสองหัวเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ และเสียแก่พม่าทั้งสองอาณาจักรในที่สุด
    เรื่องดาบสรีกัญไชยของพระเจ้าติโลกราช มีข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันหลายกระแส บ้างเชื่อว่าพระเจ้าติโลกราชได้รับดาบอาญาสิทธิ์วิเศษนี้ตกทอดมาจากยุคพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งนครเชียงใหม่ แต่บางตำนานกล่าวว่า ขณะกองทัพอยุธยายกมาถึงนั้น ทางล้านนาทราบถึงความวิเศษของพระขรรค์ไชยศรี จึงประชุมเสนาอำมาตย์ราชครู ผู้มีความรู้มนตราอาถรรพ์ ประกอบพิธีจัดสร้างดาบสรีกัญไชยขึ้น เพื่อรับมือกับพระขรรค์ไชยศรีโดยเฉพาะ
    อีกตำนานหนึ่งกล่าวย้อนไปในอดีตกว่ายุคนั้นว่า ในสมัยที่อยุธยาขยายอาณาเขตเข้ามาสู่แผ่นดินล้านนา เมื่อทัพของอยุธยาได้มาตีเมืองต่างๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะแย่งชิงได้สะดวก เนื่องว่าเหล่าทหารนักรบของล้านนานั้น มีคาถาอาคมที่แก่กล้า มีสุดยอดของขลัง อีกทั้งสักยันต์รูปรอยตามร่างกาย จึงทำให้ฟันแทงไม่เข้า ยากที่จะเอาชนะได้ เมื่อทองทัพของอยุธยาไม่สามารถที่จะแย่งชิงอาณาจักรล้านนาได้ จึงถอยทัพกลับไปยังเมืองของตน และได้ปรึกษาหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะทำลายอาคมของเหล่านักรบของล้านนาได้ จึงได้ทำศาสตราวุธวิเศษขึ้น และให้ชื่อว่า “พระขรรค์ไชยศรี” ซึ่งได้ลงคาถาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนหล่อหลอมจนถึงกระทั่งตี และทำการลงอักขระปลุกเสกคาถาอาคมอีกมากมาย
    เมื่อได้ดาบวิเศษดังนี้แล้ว เมื่อทัพอยุธยายกขึ้นมาตีชิงหัวเมืองฝ่ายเหนือ ก็สามารถเอาชนะคาถาอาคมของเหล่าทหารล้านนาได้โดยง่าย
    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่านักรบ ผู้เก่งกล้าทางอาคมและพระเกจิของอาณาจักรล้านนา จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุที่พระเวทย์คาถาด้านอยู่ยงคงกระพันถึงได้พ่ายแพ้ต่อคมดาบของอยุธยา เมื่อส่งคนไปสืบก็ได้ทราบถึงอานุภาพของพระขรรค์ไชยศรี เหล่าปราชญ์ล้านนาจึงได้คิดหาทางแก้ โดยการสร้างศาสตราวุธโดยลงย้อนคาถากลับ เหมือนกับเป็นการย้อนเกล็ดปลา หรือเกล็ดชะมด เพราะเกล็ดก็เหมือนเกราะกำบัง เมื่อขูดเกล็ดย้อนกลับก็สามารถถอดเกล็ดปลาหรือเกล็ดชะมดได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างและตั้งชื่อดาบนั้นว่า “ดาบสรีกัญไชย” หรือ “พระศรีขรรค์ไชย” ตามสำเนียงภาคกลาง เป็นการย้อนเกล็ดตั้งชื่อกลับจากพระขรรค์ไชยศรีนั่นเอง
    เมื่อกองทัพล้านนายกออกไปรับมือกับทัพอยุธยาด้วยดาบสรีกัญไชย ก็เสมือนคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ มีอาวุธที่ทัดเทียมกัน จึงสามารถป้องกันเขตขันธ์สีมา ไม่ให้ถูกยึดครองได้ ต่างฝ่ายต่างก็รบพุ่งเป็นสามารถแต่ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จนเลิกราทัพกลับไป
    นี่คือตำนานอิงประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไป
    <TABLE style="FONT-SIZE: 12px" id=table15 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=239 align=left height=313><!-- MSTableType="layout" --><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" vAlign=top>
    [​IMG]
    </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=270> </TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" vAlign=top width=226 align=middle>[​IMG]ครูบาชุ่ม โพธิโก
    ผู้สืบทอดคาถาสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศรีวิชัย
    </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=43 width=13> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไม่ว่าจะเชื่อในตำนานใดก็ตาม อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ทรงอิทธิฤทธิ์ สามารถป้องกันภูมิผีปีศาจ ป้องกันอาถรรพ์ ป้องกันภัย ชนะข้าศึกหมู่มาร หรือทำให้เกิดโชคลาภที่ดีได้ พึงมีไว้กราบไหว้ ให้เกิดเป็นมงคลแก่ผู้สักการบูชา จึงได้มีครูบาอาจารย์ที่ทรงพระเวทย์วิทยาคมของล้านนา หลายรูปหลายองค์ได้จัดสร้างดาบสรีกัญไชย ดาบศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานล้านนา ให้ลูกศิษย์ลูกหาผู้เคารพนับถือได้มีไว้สักการะ ซึ่งก็มีแตกต่างกันหลายสำนัก
    ดาบสรีกัญไชยของแต่ละท้องถิ่นมีรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันไปตามแต่ผู้สร้าง เช่นทางน่านก็จะเป็นแบบหนึ่ง แถบลำพูนจะใกล้เคียงกับทางเชียงใหม่ ส่วนของลำปางบางครูบาอาจารย์ลงแตกต่างจากของเชียงใหม่โดยสิ้นเชิง บางตำราแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าในอดีตเกิดการคัดลอกถ่ายเทศาสตร์โบราณ ดังนั้นเมื่อได้พบเห็นตำรับที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่นที่แตกต่างกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
    เมื่อกล่าวถึงดาบสรีกัญไชยในอดีตที่โด่งดังที่สุด ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เห็นจะไม่มีเกินดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จังหวัดลำพูน ด้วยเชื่อว่า ท่านครูบาขันแก้ว และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดชัยมงคล (วังมุย) ได้รับสืบทอดวิชาการสร้างดาบสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศีลธรรม (ศรีวิไชย) ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันในอดีตว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับดาบทองคำจากพระอินทร์ จนเป็นเหตุให้มีผู้กล่าวอ้างว่าครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยมีดาบสรีกัญไชยฝักทองคำ ตกลงมาจากสวรรค์สู่แท่นบูชา ใช้เป็นอุบายเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คน คิดแข็งขืนต่อบ้านเมือง เรื่องนี้เลยกลายเป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อกล่าวหา ที่ทำให้ครูบาเจ้าศีลธรรมต้องอธิกรณ์ถูกไต่สวน ซึ่งสุดท้ายครูบาเจ้าศีลธรรมก็สามารถยืนยันในความบริสุทธิ์ของท่านต่อสมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
    ซึ่งในสำนวนการไต่สวน โดยกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ และ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ที่มีถวายต่อองค์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช ได้ยืนยันคำพูดของครูบาเจ้าศรีวิชัยว่า “ของเช่นนี้ (ดาบสรีกัญไชย) ท่านไม่มี”
    ซึ่งข้อมูลนี้ตรงตามบันทึกคำบอกเล่าของครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ที่ว่าท่านครูบาเจ้าศีลธรรมได้เจอตำรายันต์เล่มหนึ่ง เป็นตำราคาถาอาคม ตลอดจนวิธีการสร้างดาบสรีกัญไชย (มิใช่ดาบ) ที่ถ้ำเชียงดาว จึงได้เก็บรักษาไว้ ต่อมาครูบาชุ่มซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด ได้คัดลอกตำราเล่มนี้ไว้ และสืบทอดมายังครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ผู้เป็นสหธรรมิกของครูบาชุ่ม และในเวลาต่อมาตำรายันต์เล่มนี้ได้สูญหายไปในที่ใด ไม่เป็นที่ปรากฏ

    ที่มา
     
  13. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ดาบสรีกัญไชยในรูปของวัตถุมงคล :::

    <TABLE style="FONT-SIZE: 12px" id=table8 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=211 align=left height=300><!-- MSTableType="layout" --><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" vAlign=top>[​IMG]

    </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=257></TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" vAlign=top width=206 align=middle>[​IMG]หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
    เจ้าตำรับ "มีดหมอปราบไพรีพินาศ"

    </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=43 width=5></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ในตำนานการสร้างเครื่องรางของขลังในอดีตมีพระเกจิอาจารย์มากมายหลายครูบาอาจารย์ที่ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังประเภทมีดและประเภทดาบซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอปราบไพรีพินาศอันโด่งดังเลื่องลือชื่อ หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอเขาควายเผือก ส่วนทางภาคใต้ก็มีการสร้างมีดหมอหรือดาบกายสิทธิ์ของสำนักตักศิลาเขาอ้อเช่นกัน
    สำหรับภาคเหนือเมืองลานนานั้น ก็มีเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมากในอดีต ที่ได้สร้างดาบสรีกัญไชย ด้วยเชื่อว่าเป็นดาบที่ใช้ลบล้างอาถรรพ์ คุณผี คุณคน ได้ฉมังนัก แต่ไม้ได้สร้างเป็นรูปทรงดาบ แต่ใช้การลงอักขระเป็นรูปดาบบนแผ่นทองแดงแทนการลงบนตัวดาบจริงๆ ทั้งนี้อาจเป็นด้วยว่า การหาวัสดุมาทำดาบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงอักขระบนแผ่นทองแดง หรือแม้กระทั่งผืนผ้ายันต์ ก็มีคุณวิเศษไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งตะกรุดยันต์ดาบสรีกัญไชยที่สร้างโดยครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยนี้ก็โด่งดังและในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่หายากอีกด้วย
    ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ตำราการสร้างและเสกดาบสรีกัญไชยในแผ่นดินล้านนานั้น มีตำรับวิชาที่แตกต่างกันมากมายหลายวิธี ทั้งที่แตกต่างกันในลักษณะของขนาดและแตกต่างกันที่อักขระยันต์ ตามรูปแบบของสูตรลงยันต์ต่างๆ ของแต่ละสำนัก แต่ทั้งนี้สำหรับพุทธคุณแล้วล้วนมีอิทธิฤทธิ์ไม่แตกต่างกัน ดังตัวอย่างหนึ่งที่หนานบุญ เมืองงาช้างดำ ได้พบข้อความจารึกในตำราโบราณกล่าวว่า ใครก็ตาม ที่ได้ถือเอาคุณแห่ง “พระยันต์ดาบสรีกัญไชย หรือยันต์มีดดาบสรีกัญไชย” นั้น ก็


    <TABLE style="FONT-SIZE: 12px" id=table9 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=197 align=right height=274><!-- MSTableType="layout" --><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px"></TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=231 vAlign=top>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" width=11></TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=43 vAlign=top width=186>
    [​IMG] หลวงพ่อโศก

    วัดปางคลองบางครก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    “จักสมดั่งกำมักอยู่เย็นเป็นสุข จ๊ะนะผาบแป๊ฝูงผีสางมารแมนทั้งหลาย มีไจยจ๊ะนะต่อข้าศึกสัตถู มีป๋าระมีอำนาจวาสนามากมูลตุ่นเต้านักแล”
    ความหมายก็คือ
    “ใครก็ตามถ้าได้เคารพบูชาในยันต์ดาบสรีกัญไชย ก็จะประสพตามความปรารถนาทุกประการ จะอยู่เย็นเป็นสุข มีชัยชนะต่อข้าศึกศัตรู ผีร้ายทุกประการ มีบารมี อำนาจวาสนาสูงส่ง มากนักแล”

    ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่อดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด หากเป็นผู้ที่มีความเคารพนับถือในศาสตร์แห่งคุณพระคุณเจ้าและพระเวทย์อาคมแล้ว ก็มักจะนิยมเสาะหาเครื่องรางของขลังประเภทมีดหมอ มีดครู ดาบครูต่างๆ มาบูชาสักการะ และนำมาเป็นเครื่องช่วยป้องกันตัว ป้องกันครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า
    ตำรายันต์มีดดาบสรีกัญไชยหรือมีดดาบกายสิทธิ์ เป็นตำราการสร้างวัสดุอาวุธอาถรรพ์ที่เปรียบเสมือนเป็นอาวุธของพระอินทร์ พระพรหม พระนารายณ์ พระฤาษี และอาวุธของพระพุทธเจ้า มีคุณวิเศษมากนักตามความเชื่อของเกจิอาจารย์มาหลายยุคหลายสมัย ลักษณะของมีดดาบสรีกัญไชยที่ได้มีการบันทึกไว้คือ
    ดาบขนาด ๑ กำมือ แทนคุณครูบาอาจารย์
    ดาบขนาด ๓ กำมือ แทนคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการ
    ดาบขนาด ๕ กำมือ แทนคุณพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
    ดาบขนาด ๙ กำมือ แทนคุณพระเจ้าทั้งหลาย คุณเทพ คุณอินทร์ คุณพรหมทุกๆ องค์ ทั่วทั้งจักรวาล เป็นต้น

    จะเห็นได้ว่า คนโบราณหรือครูบาอาจารย์ในอดีต ท่านจะมีการสร้างอาวุธเครื่องรางของขลังต่างๆ แต่ละอย่างแต่ละชิ้นขึ้นมานั้น ย่อมมีคุณค่าและมีความหมายเป็นที่สุด กำหนดเอาคุณแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาเป็นตัวเชื่อมกับวัสดุที่ทรงคุณเหล่านั้นเสมอ เพื่อให้ผู้ที่นำเอาไปใช้ไปบูชานั้น ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าและทรงคุณที่สุด

    ตัวอย่างความพิถีพิถันในการจัดสร้างวัตถุสิ่งมงคลในอดีต อาจจะเห็นได้จากวรรณกรรมเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ “ขุนแผน” ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า เป็นนักรบที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งความหล่อ ความสง่างาม แล้วยังมีพระเวทย์อาคมที่สูงส่งมาก ขุนแผนมี “ดาบฟ้าฟื้น” เป็นอาวุธประจำกายที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในยุคนั้น
    การสร้างอาวุธ หรือดาบคู่บารมีนั้น ครูบาอาจารย์แต่ละสำนัก แต่ละคน ท่านก็มีส่วนผสมในการสร้างที่แตกต่างกันออกไป อย่างขุนแผน ก็มีส่วนผสมที่หล่อหลอมเป็นดาบฟ้าฟื้นอันวิเศษมากมาย เช่น เหล็กน้ำพี้อันกล้าแกร่งคงทน เจ้าน้ำเงิน เหล็กสะกดอาถรรพ์ และเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ เป็นต้น

    <TABLE style="FONT-SIZE: 12px" id=table11 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=211 align=left height=290><!-- MSTableType="layout" --><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" vAlign=top>[​IMG]

    </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=247></TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" vAlign=top width=206 align=middle>[​IMG]ครูบาอิน อินฺโท
    ผู้สร้างตำนาน "ดาบฟ้าหลั่ง"

    </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=43 width=5></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ในยุคปัจจุบัน พระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนือที่สร้างดาบสรีกัญไชยไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้สักการบูชาก็มีหลายรูป เท่าที่ทราบก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท แห่งวัดฟ้าหลั่ง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้สร้างดาบฟ้าหลั่งมาแล้วหลายรุ่น มีประสบการณ์เข้มขลังและโด่งดังเป็นที่เสาะหากันของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา และเมื่อท่านย้ายมาอยู่วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) ท่านก็ได้สร้างดาบสรีกัญไชย มีดหมอ และดาบหน้อยขึ้นเป็นรุ่นสุดท้ายของท่านเมื่อปี ๒๕๔๖ ซึ่งดาบสรีกัญไชยรุ่นนี้ของท่านก็มีส่วนผสมของ “เหล็กน้ำพี้” ที่ทรงอานุภาพล้างอาถรรพ์ และกล้าแกร่งเช่นกัน
    และนอกจากนี้ก็ยังมีพระเดชพระคุณพระนิมมานโกวิท หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเมื่อครั้งที่ท่านยังทรงสังขารอยู่ก็ได้สร้าง “มีดดาบมีดหมอกายสิทธิ์” ด้วยธาตุโลหะศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ ก็คือเหล็กน้ำพี้อันลือชื่อนั่นเอง
    และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการสร้างมีดดาบถวายครูบาน้อยวัดศรีดอนมูล ปลุกเสกในพิธีเข้านิโรธกรรมอยู่ ๙ วัน เสร็จพิธีลูกศิษย์ลูกหาก็บูชาหมดในเวลาอันรวดเร็ว พอๆ กับเมื่อครั้งที่เปิดให้บูชามีดดาบที่สร้างถวายวัดชัยมงคล (วังมุย) ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งอาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ได้บันทึกถึงประสบการณ์ของดาบชุดนี้ไว้ว่า

    “ผมได้ทราบจากคุณณรงค์ซึ่งทำงานที่องค์การโทรศัพท์เชียงใหม่ว่า ดาบชุดนี้ดีจริง มีคนถูกผีเข้า ทำอย่างไรก็ไม่ออก พอพี่ณรงค์อธิษฐานขอบารมีดาบยกจากหิ้งบูชา คนที่ถูกผีเข้าก็มีอาการกลัวลนลาน ยอมออกจากร่างไปในทันที นับว่าแปลกมากๆ”

    ดังที่ท่านพระมหาบุญหมั้น วัดห้วยหม้ายลำพูนได้กล่าวไว้ว่า ดาบสรีกัญไชย จะศักดิ์สิทธ์แค่ไหน อยู่ที่เงื่อนไขที่ว่า วัตถุหรือมวลสารที่นำมาสร้าง และพิธีกรรมปลุกเสกจะต้องดีและถูกต้อง พระเกจิอาจารย์หรือผู้สร้างต้องมีความสามารถถึง และผู้ใช้ต้องมีคุณธรรมและมีศีลธรรม จึงจะสามารถใช้ดาบสรีกัญไชยให้บังเกิดผลได้สมปรารถนาอย่างแท้จริง
    ในเรื่องของการสร้างดาบสรีกัญไชย ใช่ว่าใครก็จะสร้างได้ เพราะมีเหตุการณ์ให้ประจักษ์หลายต่อหลายครั้ง ถ้าผู้สร้างไม่มีคุณบารมีที่ถึงจริงแล้ว นอกจากดาบสรีกัญไชยที่สร้างขึ้นจะไม่มีพุทธานุภาพสมดังปรารถนาแล้ว อาจจะส่งผลต่อตัวผู้สร้างเอง ต้องอาถรรพ์ทำให้ชีวิตตกต่ำประสบกับความเสื่อมถอยในชีวิตก็มีให้เห็นมาแล้ว ทั้งนี้เป็นเรื่องคุณบารมีของผู้สร้างผู้เสก ไม่เกี่ยวกับผู้บูชา


    ::: คาถาลงดาบสรีกัญไชย :::

    ด้วยความเชื่อว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ประทานมาจากสวรรค์ เป็นดาบพระอินทร์ การสร้างการเสกจึงต้องมีพระคาถาที่เกี่ยวพันกับพญาอินทร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดาบสรีกัญชัยที่จัดสร้างขึ้นกันในท้องถิ่นล้านนา จะมีการลงด้วยพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นตำราที่หวงแหนกันหนักหนา ซึ่งยันต์แต่ละลูกนับได้ว่าเป็นยันต์ชั้นสูงแทบทั้งสิ้น อาทิเช่น คาถาพญาอินทร์ คาถาจักรพรรดิราช คาถาจักรแก้วพระพุทธองค์ บทชุมนุมพระคาถา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พ่อคาถา แม่คาถา และที่ขาดไม่ได้ก็คือ พระคาถาสรีกัญไชยที่แตกต่างกันไปแต่ละสำนัก เป็นต้น

    ดาบสรีกัญไชยของครูบาขันแก้ว เมื่อถอดใจความพระคาถาที่จารลงดาบสรีกัญไชยของท่านได้ความดังนี้
    แถวที่หนึ่ง ลงว่า โย เว โว กะ ถัง ลา ลัง กะ โต๋
    แถวที่สอง ลงว่า ติ มะ หัง ตั๋ง มิ มะ นะ
    แถวที่สาม ลงว่า วะ โน โส ยะ เล ตวา ตะ ยะ เส
    วิธีการลงอักขระเป็นแบบค่ายกลบท ใช้สลับกันทั้งสามแถว
    ดาบสรีกัญไชยของครูบาขันแก้ว นับว่าได้รับความนิยมเสาะหากันมากที่สุด

    [​IMG]

    อีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นพระคาที่ใช้ลงดาบสรีกัญไชย ของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระคาถาที่จารลงบนแผ่นเงิน และแผ่นทองเหลือง แล้วนำไปผนึกติดกับปลอกดาบ โดยที่ส่วนของใบมีดจะลง “นะชาลีติ” เท่านั้น

    คาถาดาบสรีกันชัย (ดาบฟ้าหลั่ง)
    โอม ปัตโต เภตะสะหะจักกะวะโร พุทธะมังคะละ สักกัสสามิ ทะสะ เอเก จัมหิ ปะวุดฑิฆัง นะมามิหัง สวาหาย
    สิโลมัง สะเหเห กาเว ติสสันโต มัทธิญาโณ ยันโต ทัสสะ ธะนะสิทธิ สะวิสปะเร เอเตนะสัจจะ วัชเชนะ
    ไชยยะโสตถิ ภะวันตุสัปปะทา สวาหายะฯ

    [​IMG]

    พระคาถานี้ นอกจากจะเป็นคาถาที่จารแผ่นเงิน แผ่นทองแดงติดปลอกมีดแล้ว ยังเป็นพระคาถาที่ใช้อธิษฐานบูชาดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาอิน ซึ่งหากท่องบ่นบูชาเป็นประจำ ก็จะบังเกิดฤทธิ์ เช่น จะช่วยป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ และยังเป็นวัตถุมงคลช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันภูมิผีปีศาจไม่ให้เข้ามากล้ำกรายราวี (เอาแขวนหันออกหน้าบ้าน) ถ้าเจ็บป่วยก็ให้เอาดาบไปแช่ทำน้ำมนต์ แล้วเอาไปดื่ม-อาบ รักษาโรคได้ โดยการอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ท่านช่วยก่อนใช้ดาบ เป็นต้น

    ในส่วนของทางจังหวัดน่าน ก็มีบันทึกพระคาถายันต์สรีกัญไชยตำรับเมืองงาช้างดำ ไว้หลายรูปแบบหลายสำนัก อาทิเช่น ฉบับอารามนาท่อ ฉบับหัวเวียงเหนือ ฉบับฆาราวาสอุ๊ยหนานพญาวงศ์ต๊าวหลวง และ ฉบับสำนักป่าเมี้ยง (ต๋าแหวน) เป็นต้น
    ส่วนพระคาถาลงดาบตำรับเมืองงาช้างดำ ลงเป็นกลบทรูปยันต์ อ่านได้ว่า
    ธุ
    ปะ สิ สะ อิ สวา สุ วุท ธา นัง สวา หะ
    กะ ยะ วะ สะ นะ วะ หะ สะ
    อุ ฆิ ระ เต ว เร หิ สวา หะ
    โส

    รอบล้อมด้วยตัวอุณาโลมทั้งสี่ด้าน เป็นพระคาถาสำหรับลงดาบสรีกัญไชยของแถบจังหวัดน่านที่ได้รับความนิยมมากตำรับหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่าแตกต่างจากของเชียงใหม่และลำพูนอย่างสิ้นเชิง

    ในส่วนของพระเกจิอาจารย์จังหวัดเชียงใหม่ที่สร้างดาบสรีกัญไชยตามตำราโบราณที่เข้มขลัง เชื่อว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือดาบสรีกัญไชย ของพระครูปัญญาวชิรธรรม (พระอาจารย์สุมินทร์) วัดต้นแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี อาจารย์ ปริญญา ณ เชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง พระคาถาดาบสรีกัญไชย ที่ใช้ลงบทแรกเรียกว่า “คาถาสรีกัญไชยพระเจ้า” อ่านว่า

    “ติวิตีธะนุเจต๋า ธะราอาวุธทา จักกาเกปินิกุกุ สังระยะนะจัง นัมปะโยโหนตุเมนิจัง
    เมตตัญจะสัพป๊ะ โลกัสสมิงสาพุทธาหับยะ”
    [​IMG]
    คาถาสรีกัญไชยพระเจ้านั้น ใช้ได้ทั้งมหาอำนาจปกครองคน ใช้เสริมชะตาชีวิตให้เป็นใหญ่เหนือผู้อื่น ปราบเหล่าข้าศึกศัตรู เด่นทางอำนาจวาสนา อุดมไปด้วยเดชอำนาจบารมี เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา

    อีกบทหนึ่งเป็นพระ “คาถาบอกไฟแตก” ดีทางข่ามคง จากบันทึกของหลวงปู่คำหล้า ท่านเขียนเอาไว้ว่าให้ทดลองดู โดยเขียนคาถาบทนี้ แล้วเอาอุดลงรูบั้งไฟแล้วจุด บั้งไปจะแตก คือ มีฤทธิ์ห้ามดินปืนนั่นเอง หากเป็นปืนก็คงปืนแตก เพราะตามตำราเขียนไว้ดังนี้นั่นเอง
    [​IMG]
    พระคาถาทั้งสองบทมีคุณวิเศษ ตำราบอกว่ามีค่าควรเมือง โบราณจารย์มักหวงแหนพระคาถานี้ พระสังฆราชเจ้าลานนาได้บันทึกเอาไว้ในยุคของพระบรมราชาธิบดีที่หนึ่ง หรือพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่พระองค์แรกในวงศ์ทิพจักร (ทิพย์ช้าง)
    พระคาถาทั้งสองบท ลงเป็นตะกรุดบรรจุลงด้ามดาบสรีกัญไชย ของพระครูปัญญาวชิรธรรม (พระอาจารย์สุมินทร์) วัดต้นแก้ว พร้อมทั้งอุดผงวิเศษต่างๆ อีกมากมาย
    ส่วนตัวดาบ ด้านหนึ่งท่านพระครูลงด้วย “คาถาฟ้าฟีก” คือ “ระตะนังปุระโตอาสิ” ซึ่งเป็นพระคาถาที่มีคุณทางกันไฟและสายฟ้า พระเถราจารย์เจ้าของเชียงใหม่และลำพูนหลายรูป ใช้พระคาถานี้บรรจุไว้หลังเหรียญและวัตถุมงคลของท่าน อาทิเช่น ครูบาสิงห์ วัดฟ้าฮ่าม ลงพระคาถาฟ้าฟีกด้านหลังเหรียญรูปเหมือนของท่าน ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลัง ใช้พระคาถานี้ลงหลังพระรอด พระสมเด็จ พระกริ่ง และลงเป็นตะกรุด ยันต์ อีกหลายแบบ
    อีกด้านหนึ่งลงด้วย “หัวใจท้าวเวสสุวรรณ” อันเป็นเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวง ถอดคาถาออกมาได้ดังนี้ “เวสสะธัมมะราชาสุวัณโณกะระหิติ” ใช้ข่มผีสาง ทั้งปวง เป็นที่เกรงกลัว และกันสิ่งชั่วร้าย
    ถือว่าเป็นการรวมสุดยอดพระคาถาทั้งด้านข่ามคง กันฟ้ากันไฟ กันสิ่งชั่วร้าย และเสริมบารมี อุดมด้วยวาสนาบารมีอย่างที่สุดตำรับหนึ่งในปัจจุบัน

    จากตัวอย่างที่ยกมา คงจะพอทำให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพถึงอุปเท่ห์การใช้บทพระคาถาที่แตกต่างกัน แต่มุ่งเน้นสรรพคุณไปในทางการเสริมบารมีและป้องกันสิ่งชั่วร้ายเป็นหลัก


    ::: พิธีกรรมการปลุกเสกดาบสรีกัญไชย :::

    ในส่วนของกรรมวิธีการปลุกเสกก็คล้ายกับพระคาถาที่ลงดาบ แต่ละสำนักก็ปลุกเสกด้วยพระคาถาที่แตกต่างกันไป ตามที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา
    อาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ปราชญ์ล้านนาผู้ศึกษาเรื่องดาบสรีกัญไชยมาเป็นเวลานาน ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคาถาที่ครูบาอาจารย์ล้านนาใช้ปลุกเสกดาบสรีกัญไชย แตกต่างกันว่า

    <TABLE style="FONT-SIZE: 12px" id=table12 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=197 align=right height=274><!-- MSTableType="layout" --><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px"> </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=231 vAlign=top>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 12px"><TD style="FONT-SIZE: 12px" width=11> </TD><TD style="FONT-SIZE: 12px" height=43 vAlign=top width=186>
    [​IMG] ครูบาคำ สํวโร
    วัดศรีดอนตัน จ.ลำพูน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    “ในเรื่องคาถาดาบสรีกัญไชยนี้ ผมเคยเห็นครูบาอาจารย์หลายท่านใช้แตกต่างกันไปในบทปลุกเสก เช่น ครูบาคำ สํวโร ท่านจะปลุกเสกขึ้นต้นด้วย ‘อม เทปะสวาหังมัง ดาบสรีกัญไชยกูนี้.....’ ไปจนถึงลงด้วย ‘อมสวาหะเท็ก’ ส่วนครูบาคำหล้าท่านจะเสกด้วยสรีกัญไชยบท ‘อมนะโมนะมาสุภาษิตเทศน์แสนตอนจักรวาฬ....’ และลงด้วย ‘อมธุ ธะ ธา อะ ปิด ธะ ธา อม สังถะ’ เป็นต้น

    นอกจากนี้ผมยังเคยเห็นยันต์ชนิดนี้ลงเป็นดาบสี่เล่ม ผมเคยลองถามอาจารย์ณรงค์ชัย ท่านบอกว่าเป็นยันต์ลงดาบสรีกัญไชยสีเถื่อน ตามความเชื่อที่เล่ามาว่า ดาบทั้งสี่นี้เป็นของท้าวโลกบาล หรือที่คนเหนือเรียก ‘ท้าวทั้งสี่’ ส่วนคาถาปลุกเสกเคยเห็นท่านอาจารย์บุญเลิศบันทึกเอาไว้ เป็นบทสรีกัญไชยสีเถื่อนเหมือนกัน ใช้เสกมีดและไม้เท้า ดีทางข่มผีปีศาจ มีอำนาจเหนือคนทั้งปวง”
    ย่อมเป็นข้อสรุปได้ว่า พระคาถาที่ใช้ปลุกเสกของแต่ละสำนัก แต่ละพระเกจิอาจารย์ ล้วนแตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงพิธีการปลุกเสกก็แตกต่างกัน อาทิเช่น บางแห่งต้องมีการตั้งขันครู ชุมนุมเทวดา มีเครื่องเซ่นสังเวย ตำรับเมืองน่านที่บันทึกโดยหนานบุญเมือง ได้ระบุถึงพิธีกรรมที่ต้องเตรียมเครื่องสักการะ ไว้ชัดเจน เช่น ผ้าขาว ผ้าแดง หมาก กล้วย อ้อย ข้าวเปลือก ข้าวสาร อาหารคาวหวาน ทำพิธีในเขตที่ล้อมรอบด้วยราชวัตร ฉัตร ธง มีเครื่องพลีแม่พระธรณี เป็นต้น ในขณะที่พิธีกรรมปลุกเสกของหลวงปู่ครูบาอิน เริ่มต้นที่การเลือกวันที่ฤกษ์ยามดี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขันข้าวตอกดอกไม้ เครื่องสักการะ แล้วก็ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวได้เลย
    บางครั้งก็มีการนำเอาดาบสรีกัญไชยที่จัดสร้าง และลงอักขระเรียบร้อยแล้วเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก ร่วมกับวัตถุมงคลอื่นๆ เช่นพิธีพุทธาภิเษกตามวัดวาอารามต่างๆ ที่นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสก หรือเข้าร่วมพิธีเข้านิโรธกรรมเช่น ดาบสรีกัญไชยของครูบาน้อยวัดศรีดอนมูลเป็นต้น
    ซึ่งไม่ว่าจะปลุกเสกด้วยพิธีกรรมแบบไหนก็สามารถให้ผลที่ดีตามปรารถนาได้เช่นเดียวกัน


    ::: วิธีการบูชาดาบสรีกัญไชย:::

    อาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ได้กล่าวถึงวิธีการบูชาดาบสรีกัญไชยของวัดต้นแก้วตามแบบโบราณไว้โดยละเอียดว่า
    ๑. ให้จัดที่บูชาดาบ ให้มีหิ้งบูชา หรือเก็บเอาไว้สูงเกินศีรษะของผู้เป็นเจ้าของ
    ๒. ห้ามนำดาบมาเล่น หรือชักดาบออกจากฝัก เว้นแต่ใช้ปราบผี ให้ชักออกจากฝักแล้วทำน้ำมนต์ ภาวนาด้วยคาถา “เวสสะธัมมะ ราชาสุวัณโณ กะระหิติ” ๗ ครั้ง ผีออกแล
    ๓. ปรารถนาความรุ่งเรือง ให้บูชาด้วยดอกมะลิ ๙ พวงทุกวันพระ
    ๔. ทุกวันพญาวัน ๑๕ เมษายน ของทุกปี หรือตามกำหนดปฏิทินล้านนา ควรมีน้ำส้มป่อยพรมดาบ ภาวนาคาถานวหรคุณ “อะสังวิสุโลปุสะภุพะ” ๗ ครั้ง ดาบจะมีอานุภาพไม่เสื่อมคลาย
    ๕. ดาบนี้อยู่ในเคหะหอเรือนใด อธิษฐานป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน ได้ทั้งปวง
    ๖. ดาบนี้ใช้ข่มอาถรรพ์ ตลอดจนล้างความข่ามคงของศัตรูผู้คิดร้ายได้
    ๗. หากปรารถนาพันช่วงเจริญรุ่งเรือง ให้ภาวนาด้วยบทสรีกัญไชยพระเจ้า ๓-๕-๗-๙ ครั้ง ดังนี้ “ติวิตีธะนุเจต๋า ธะราอาวุธทา จักกาเกปินิกุกุ สังระยะนะจัง นัมปะโยโหนตุเมนิจัง”

    สำหรับวิธีการอธิษฐานใช้ดาบของหลวงปู่ครูบาอิน ท่านให้แขวนหันออกหน้าบ้าน เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายที่จะมากล้ำกลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณไสยที่ถูกส่งมา หรือลมเพลมพัดที่มาตามอากาศก็ดี ถ้าเจ็บป่วยก็ให้เอาดาบไปแช่ทำน้ำมนต์ แล้วเอาไปดื่ม-อาบ พร้อมทั้งอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ท่านช่วยก่อนใช้ดาบ สำหรับผู้ที่ถูกภูตผี ให้อธิษฐานใช้ดาบทำน้ำมนต์ มารดราดผู้ถูกผี ถูกของ ก็จะได้ผล
    อธิษฐานเป็นประจำด้วยคาถา “โอม ปัตโต เภตะสะหะจักกะวะโร พุทธะมังคะละ สักกัสสามิ ทะสะ เอเก จัมหิ ปะวุดฑิฆัง นะมามิหัง สวาหาย สิโลมัง สะเหเห กาเว ติสสันโต มัทธิญาโณ ยันโต ทัสสะ ธะนะสิทธิ สะวิสปะเร เอเตนะสัจจะ วัชเชนะ ไชยยะโสตถิ ภะวันตุสัปปะทา สวาหายะฯ” เพื่อเพิ่มพุทธคุณแก่ดาบที่สักการบูชา วันศีลวันพระบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน และประพรมด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย ในวันพญาวัน ๑๕ เมษายน ของทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นวันมงคลมหาฤกษ์แห่งปี ควรแก่การสระสรงพระเครื่องวัตถุมงคล ให้มีความศักดิ์สิทธิ์คงทน ตลอดไป

    เมื่อพูดถึงดาบสรีกัญไชย คนเหนือรู้จักกันดี แต่สำหรับเรื่องราวของดาบสรีกัญไชยที่นำมาเสนอนี้ เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงที่มาที่ไปในเชิงลึก อุปเท่ห์การสร้าง เสก และสักการบูชาเพื่อให้เกิดผลต่อผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่ทั้งนี้ ขอให้พึงทราบไว้ประการหนึ่งว่า ของดีสิ่งวิเศษตลอดคุณพระต่างๆ จะดีได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ครอบครองมีความเชื่อมั่น และดำรงตนอยู่ในคุณความดีเท่านั้น หากไม่ปฏิบัติรักษาศีล วัตถุมงคลใดๆ ก็ ไม่อาจจะคุ้มครองรักษาเจ้าของได้ จงหมั่นสักการบูชาด้วยความเชื่อมั่นนับถือ และรักษาตนให้ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ดาบสรีกัญไชย สิ่งสูงสุดแห่งพระเวทย์ล้านนานี้ก็จะปกปักรักษา เสริมดวงชะตาของผู้ใช้ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปได้อย่างแน่นอน

    เรียบเรียงโดย: ธีระยุทธ ไขยวงศ์, webmaster

    ที่มา
     
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เอามาให้ดูชัดๆๆว่าสรี๋ของจริงแท้ราคาเบายังมีอยุ่
    [​IMG]
    ดาบสหรีศรีกัญไชย รุ่นแรก ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย

    1.ดาบสรีกัญไชย ชุบทอง 350 บาท
    2.ดาบสรีกัญไชย ชุบทองแดง 350 บาท
    3.ดาบสรีกัญไชย ชุบเงิน 750บาท
    4.ดาบสรีกัญไชย นาก 850บาท
    5.ดาบสรีกัญไชย นาก 450บาท
    6.ดาบสรีกัญไชย ฝังพลอย ชุบทอง 650บาท
    7.ดาบสรีกัญไชย เนื้อสามกษัตริย์ 1050บาท
    8.ดาบสรีกัญไชย เนื้อเงิน 1250บาท
    ดาบสหรีศรีกัญไชย รุ่นแรก ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย

    เพื่อ เป็นการสืบสานวิชาพุทธาคมแห่งล้านนา ซึ่งมีอายุเก่าแก่มากกว่า 700 ปี ให้คงอยู่เป็นมหามงคลสืบไปในภายภาคหน้า ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ หน่อบุญองค์ใหม่แห่งจังหวัดเชียงราย ขณะที่ท่านพำนักอยู่ ณ วัดพระธาตุดงสีมาประมาณปี พ.ศ 2545 ได้สร้างเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ตามตำรับล้านนาไทยโบราณให้ผู้เลื่อมใสได้ บูชาสักการะ มีดดาบสหรีศรีกัญไชย ซึ่งตามประวัติโบรารณ ดาบ สหรีศรีกัญไชยคือดาบวิเศษของพระเจ้าติโลกราช ที่สร้างขึ้นมาข่มและแก้เคล็ดกับ พระขรรค์ไชยศรี ของกรุงศรีอยุธยาในยุคนั้นเป็นการเฉพาะ และนอกจากการสร้างดาบสหรีศรีกัญไชยแล้วในคราวเดียวกัน ยังมีตะกรุดมงคลจักรวรรดิ์,ตะกรุดสหรีกัญไชย,ตะกรุดโพธิสัตว์ให้ลาภ,พญานก ยูงทองโพธิสัตว์ รายได้สมทบสร้างเสนาสนะวัดพระธาตุดงสีมา เพื่อให้วัตถุมงคลทั้งหมด มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้น ครูบาอริย ชาติได้นำไปขอบารมียังครูบาอาจารเจ้าอาวุโส ผู้ทรงอิทธิคุณมหาบารมีอันไพศาลอีก 4 รูปปลุกเสกให้เป็นกรณีพิเศษด้วย ดังนี้

    ครูบาอิน อิทโท วัดคันธาวาส (ฟ้าหลั่ง) อายุ 100 ปี(ในขณะนั้น)
    ครูบา อินตา ธนักขันโธ วัดวังทอง อายุ 94 ปี(ในขณะนั้น)
    ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดท่าจำปี อายุ 96 ปี (ในขณะนั้น)
    ครูบาคำอ้าย ปัญญาธโร วัดโป่งเหนือ อายุ 94 ปี (ในขณะนั้น)


    ครูบาอริยชาติพร้อมด้วยคณะสงฆ์ตำบลแม่พริกจึงได้ร่วม กันปลุกเสกอีก 3 ครั้งในวันพญาวัน(16 เมษายน 2545),วันมาฆบูชา(26พฤษภาคม 2545),วันเกิดครูบาศรีวิชัย (11 มิถุนายน2545)

    [​IMG]
     
  15. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    น้องจอนนี่ คงผูกใจเจ็บกับยายผีป่าเป็นอันมาก ไม่รู้เราทำกรรมทำเวรสืบต่อกันมาแต่ปางไหน ทราบว่าน้องจอนนี่เคยอ้างกับกัลยาณมิตรของยายผีป่าว่า "ตนในอดีตชาติ เคยเกิดเป็นรัชกาลที่ 3" ก็แสดงว่า น้องจอนนี่ระลึกชาติได้ ผลบุญบารมีคงสูงมาก เคยเกิดเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องมีพรหมวิหารธรรมสมบูรณ์ ขอโมทนาถ้าเคยเป็นจริง เห็นจริง แต่ยายผีป่าเคยได้นำความนี้ไปถามพระรูปหนึ่งที่ลูกศิษย์ท่านมากมาย ท่านหัวเราะเบา ๆ ....

    .........................................

    ส่วนเรื่องที่ยายผีป่าเคยไปท้วงติงเรื่องพระวังหน้า น้องจอนนี่ก็เคยยอมรับแล้วไม่ใช่หรือว่า "พระวังหน้ามีจริง"

    ยายผีป่าไม่ได้ปกป้องคนเอาพระปลอมมาขาย แต่บอกว่า "พระวังหน้ามีจริง" ส่วนที่เขาเอามาปล่อยให้บูชาไม่ว่าจะเอาปัจจัยไปเพื่ออะไร" ของจริงหรือไม่จริงนั้นอีกเรื่องหนึ่ง

    อันเรื่องราคาวัตถุุมงคลนั้น ถามว่า เอาอะไรมาเป็นตัววัด

    มีเพื่อนคนหนึ่ง ยายผีป่่าให้ของราคาไม่มาก แต่เขาบอกว่า ของนี้มากค่าสำหรับเขา

    การนำเงินไปทำอะไรนั้น น้องจอนนี่จ๋าย้อนกลับไปดูเอานะว่าเอาไปทำอะไรบ้าง อย่างทำพระขรรค์นี่ ค่าทำ ค่าเดินทาง ค่าประสานงาน นำเข้าพิธีต่าง ๆ ขอบอกว่าเข้าเนื้อ


    สินค้าในเวบมีมากมายหลายราคา ใครอยากได้แนวไหน แบบไหน รู้กำลังใจของตนเลือกเอา

    ยายผีป่่ามีเจตนาการทำ การนำมาใช้

    อยากรู้ว่าทำอะไรกันบ้าง น้องจอนนี่ไปพักบ้านยายผีป่่าบ้างไหม ใครอยากรู้อยากเห็นอะไร มาคลุกคลีกันเลย

    "อ่านกระทู้ให้รอบคอบก่อนมาติเตียนผู้อื่น คนที่ฝึกอบรมจิตมาดีนะคะ เขาย่อมรู้อะไรควร อะไรไม่ควร ไม่ใช่ว่าสักแต่รอยำยายผีป่าเพราะว่าไม่ถูกชะตากัน เคยกัดเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ยายผีป่่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นะ แต่เวลาใครมาด่า เคยขอนัดพบตัวต่อตัว ไม่เคยเห็นออกมาเจอกันเลยสักคน เบอร์ก็ทิ้งไว้ให้แล้ว มีอะไรมาเจอกันเลย ผิดถูกควรเปิดอกกันเลย "

    ถ้าไม่อยากย้อนกลับไปอ่านเพราะอคติกับยายผีป่่าอยู่แล้ว จำไว้เลยนะคะว่า

    ยายผีป่าประกาศเตือนคนที่จะมาบูชา มาซื้อ มาขอไว้เสมอว่า


    "มาตรฐานของยายผีป่่าคือ ให้ฟรี กับโครตแพง"


    มีใครเอาปืนไปจ่อให้มาซื้อไหม ไม่เคยเจอหน้ากันเลยก็มี ทำไมพวกเซียนเขาถึงขายพระได้ราคาสุดแพง ทำไมตาสีตาสามีพระดีและแท้แน่นอน กลับขายไม่ได้ราคา หรือโดนกดราคา เพราะว่าอะไร ทุกคนรู้แก่ใจ แต่ถามว่า ถ้ายายผีป่่าตั้งราคา 10 ล้าน หรือ 1000 ล้าน คนที่เขาชอบเขามีกำลังซื้อก็ซื้อสิคะ แต่คนที่ไม่มีกำลัง เขาก็ไม่สั่ง แค่ติดตามเฉย ๆ

    "ทุกคนต้องรู้กำลังใจของตน รู้จุดประสงค์ ไม่ใช่ให้ใครมาจูงจมูก ตื่นศรัทธาจริต"


    ใครที่เข้าอ่านทุก ๆ กระทู้ของยายผีป่า ถ้าอ่านอย่างมีสติ และไม่มีอคติ จะเห็นว่า ทุกอย่างมีการสอนแอบแฝง ขึ้นกับว่า คุณรู้เห็น และนำไปใช้เป็นไหม



    อย่างน้องจอนนี่ ยายผีป่่าขอบอกว่า อีโก้สูงเกินไป อยู่กับปัจจุบันให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ


    ปล. วันนี้เข้ามา เพราะมาถ่ายเอกสาร

    ใครอยากเจอยายผีป่าตัวเป็น ๆ พรุ่งนี้ยายผีป่านัดทนายความไว้ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ และนัดพบกัลยาณมิตรอีกสองท่าน ยายผีป่่าตัดผมซอยสั้น ร่างผอมลงเหลือ 48 กิโลกรัมแล้ว ขับรถยนต์ฟอร์ดสีดำ มีประทุน 3638 บบ.


    เข้ามาหาเลยค่ะ

    บอกว่า "ผมเกลียดยายผีป่า ผมไม่ญาติดีด้วย" มีอะไรว่าไป บอกมาให้หมด

    ที่ว่ามานี่ไม่ใช่อะไร เพราะยายผีป่่าขี้เกียดที่จะมาอะโหสิกรรมกันเวลามาในสภาพวิญญาณ


    ก็ขอเล่านะเพราะเพิ่งพบวิญญาณบุคคลท่านที่เคยต่อว่ายายผีป่าไปพบถึง 2 วันพระ ซึ่งยายผีป่าไม่ทราบเลยว่าท่านตายไปแล้ว จนต้องโทรศัพท์ถามเพื่อนว่า

    "เขาด่าฉันเหรอ บอกเขานะ ฉันเหนื่อยหน่ายแล้ว อย่ามาสนใจคนอย่างฉันเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ที่จะมาสนใจคนอย่างฉัน"



    มีกัลยาณมิตรที่เพิ่งติดตามอ่าน แต่ก็โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ และเตือนว่า

    "รู้สึกว่ากำลังใจพี่เอื้อมเดือนตกไปหน่อยไหม"


    ก็ตอบไปว่า

    ไม่โกรธใครนะ แต่มีโมโหตัวเองบ้าง


    ที่โมโหตัวเองเพราะลืมคำสอนหลวงพ่อที่ท่านสอนว่า

    "อย่าทำตัวเป็นขี้ข้าคน"



    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอโทษคนที่มาด่า มามีอคติกับดิฉัน คุณคือผู้ที่คิดว่าตนคือผู้ค้นหาความจริง ผู้พิทักษ์โลก ขอบคุณจริง ๆ
     
  16. เด็ก3ขวบ

    เด็ก3ขวบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +1,524
    องค์รักษพิทักษคุณยายมาแล้ว.....................:cool:
     
  17. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ก่อนอื่นเรื่องพระวังหน้า ที่ผมรับว่ามีคือพิมพ์โคนสมอที่ทางกรมศิลปากรเก็บรักษา ไม่ใช่สมเด็จติดพลอยที่ยายมาท้าเหยงๆๆใครที่เดินท่าพระจันทร์จะรู้ และที่ออกมาไม่ได้แค้นยายแต่อยากชี้ให้เห็นว่าศาสตร์โบราณเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการถ่ายทอดออกมาไม่ใช่ว่าใครคิดจะสร้างจะพูดไรว่าเป็นก็ทำได้ ผมชี้จุดนี้ต่างหาก แพงถูกไม่สนสนแต่ว่าของเขามีศาสตร์อยู่ ยายเองขนาดมาลงยังมั่วดาบล้านนาไปเล่าตำนานเขมรเลย ก็เวลายายนัดยายไปเขียนว่านัดแต่ไม่เคยโทรมาหาผมเลย ยายครับผมเตือนเพราะยายเลือกเดินไปในทางให้ธรรมะเว็บเสื่อมเสีย นิตยสารยายเคลียร์หนี้หรือยัง ส่วนเรื่องล้านนาศาสตร์เขามีตำราการสร้างมันไม่ใช่ง่ายๆๆจะมาทำเป็นมาม่ากึ่งสำเร็จรูปไม่ได้ครับผมเองก็ได้รับถ่ายทอดพระคาถาปโชตามาเห็นแล้วไม่สบลายใจเพระาขจองที่ยายทำมันเป็นของสูงล้านนา ที่เตือนมิได้มีอคติ แต่ว่าอยากตีแผ่ศาสตร์ว่ายากมากที่จะทำได้สักทีไม่ใช่ไปให้สล่าตีตีเสร็จบอกว่าดาบข้่าเป็นสรี๋มันคนละเรื่องกันครับ ยายเคลียร์ตัวเองเถอะผมไม่ได้ไม่เสียอะไรกับใครในนี้แตค่เตือนให้ความสว่าง ผมมีวุฒิและฐานะพอไม่ได้หากินแบบยายแล้วก็ผมมีงานทำมีอาชีพสุจริตไม่ต้องมาหาว่าผมเสียประโยชน์อะไรหรอกครับ ยายเคลียร์ตัวเองเถอะเงินนิตยสารพลังจิตก็ยังไม่คืน หายวับไปไหน แอบอ่้างเว็บจนเสียหาย ปากพร่ำแต่บุญนรกไม่กลัวเหรอแอบอ้างบุญสร้างวัตถุมงคลที่ไม่ถูกศาสตร์ใครบูชาไปก็แย่บาปนะยายไม่กลัวหรือ ผมเตือน ผมถือว่าผมมาให้แสงสว่าง ถ้ายายมีบุญคงดวงตาเห็นธรรมบ้างนะ ไม่ใช่จมอยู่แต่....อาจจะแรงแต่เตือนด้วยความหวังดีครับ
     
  18. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ผมมาทำหน้าที่ตามปกติต่อทุกวันครับ อัพเดท สามารถแจ้งได้ที่นี่นะครับ
     
  19. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217


    คิดได้ไงอ่ะ โคตะระฮาเลย 5555555555555
     
  20. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ไม่ทราบมาทำหน้าที่หรือเตะถ่วงเวลา
    ครับ แหมคงจะใช้เงื่อมงำทางกฏหมายแน่ๆๆได้ข่าวยายหากุนซือเป็นทนายนี่ครับ ผมถามหน่อยครับ ในเมื่อวิชานี้เป็นของทางเหนือ และตนบุญก็ยังมีอยู่ครุบาอาจารย์ท่านยังอยู่ทำไมต้องทำอะไรออกมาคล้ายๆๆท่าน วิชาก็เพี้ยนใช้ไปคงซวยตายเลยเพราะศาสตร์เฉพาะนี่ทำอย่างไรก็จะเพี้ยนไม่ได้แปลกๆๆ ที่ยายเอาตำรามาใช้แบบมั่วๆๆ ถามว่ายายมีรบารมีทีจะสร้างเหรอขนาดครูบาเจ้าท่านมีตำรายังไม่สร้างเลย งานนี้โดนหลอกอีกตามเคย แล้วนี่ยังมาทำเป็นเตะถ่วงเวลาอีก น่าสงสัยครับว่ายายคิดอะไรอยุ่ จะฟ้องผมหมิ่นประมาท ก็ให้ยายเอาค่าทนายมาจ่ายคนที่โดนหลอกดีกว่าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...