กฎการท่องคาถาใครชอบเกี่ยวกับคาถาอ่านดูเองครับ กลายเป็นผี

ผีปอบ คือ ผีชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากหญิงหรือชายที่เรียนวิชามนต์ขลัง ในทางเรียกผีเรียกเทวดามาปกป้องคุ้มครองรักษาบ้านเรือนของตน และครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุข และ คนที่เรียนวิชามนต์ขลังในทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ทำให้หนุ่มๆสาวๆ รักใคร่หลงไหล วิชาประเภทนี้มีอยู่ในแถบชนบท ที่พวกคนลาวเชือ่ถือ ทำการเล่าเรียนสืบต่อกันมา แต่บรรพบุรุษ ผู้มีวิชาประเภทนี้ ทำผิดครูคือประพฤติไม่อยุ่ในขอบเขตที่ครูสั่ง ผู้นั้นจะกลายเป็นปอบ เช่น เรียกผี เทวดาให้คุ้มครอง รักษาบ้านเรือน ป้องกันโจรผุ้ร้าย ยังไม่พอใจ ยังใช้เวทย์มนต์บังคับผีเทวดา ให้ไปทำร้ายอมิตรให้ตายอีก ดังนี้ครูจะลงโทษบันดาลให้ผีเทวดาเข้ามาสิงสู่ อยุ่กับคนที่ทำผิดครู เรียกว่าผู้นั้นเป็นผีปอบ หรือปีศาจร้ายที่มีพฤติกรรมเหมือนผีฟ้า แต่ไม่ได้รักษาคนป่วย มีแต่ทำร้ายเข้าสิงสู่เกาะกินคน และสัตว์ถึงแก่ความตาย และมีการสืบเชื้อสายผีปอบ ดุจดังผีฟ้า

อีกทั้งคนที่เรียนเวทมนต์ทางเเสน่ห์เมตตามหานิยม ทำให้หนุ่มๆสาวๆ รักใคร่หลงไหลยังไม่พอ และยังใช้เวทย์มนต์บังคับจิตใจผัวเขา เมียใคร ให้เกิดความรักใคร่หลงไหล และมาได้เสียกับตน ดังนี้ก็เรียกว่าผิดครู ก็จะถูกครูลงโทษเช่นกันให้เป็นผีปอบ ..โดนสิงสู่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ....

 

ขอบพระคุณครับ ได้ความรู้ใหม่ๆอีกแล้ว

 

กลัวซะงัน ทำไม่ทันเป็นเลย


เด็กน้อยเอ๋ย

 

ดีนะที่ผมใช้แค่เมตตา เสียวเลยครับ

 

แบบนี้ออกแนวไสยศาสตร์แล้วครับ ไม่ใช่พุทธศาสตร์ พระพุทธเจ้าท่านไม่สอนแบบนี้หรอก
ไม่ต้องกังวลครับ คนละเส้นทางกัน

 

เป็นคาถาของมาร หรือของอสูรกาย ซึ่งผีปอป นั้นก็เป็นอสูรกายชนิดหนึ่ง คาถาอาคม นั้นเป็นเรียกรูป นาม โดยอาศัยพลังมืด จากแหล่งให้พลังงานสูงเป็นจำพวกผู้ทรงฤทธิ์ในทางมืด ดำ หรือ มนุษย์ต่างดาวมิจฉาทิฏฐิ เมื่อเรารับเอามาถือ หรือปฏิบัติแล้ว ก็เป็นทาส หรือ บริวารของพวกมัน พวกนี้สังเกตุได้ไม่ยาก ถือดอกไม้เจ็ดสีเป็นเครื่องบูชา หรือ ใน ขัน ๕ บูชา มักจะมีผ้าขาว และ เงิน ๖ สลึง หรือ ๖ บาท หรือ ๑๒ บาท ก็แล้วแต่ เป็นองค์ประกอบ

 

มันเกิดจากจิตทั้งนั้น
ถ้า ขัน ๕ มันทำแล้วมีพลังส่งมาจากที่อื่นจิงๆ
ก็ทำได้หมดทุกคนบนโลก ไม่ต้องฝึกอะไร
แต่งขัน ๕ ก็เป็นอันว่าทำสำเร็จแล้ว

จิตเป็นทาสกิเลศ ทาสของความชั่ว
ตั้งแต่ที่เริ่มจะทำความชั่วแล้ว

 

รู้ไม่จริง ไม่รู้แจ้ง อย่าได้แสดงความรู้ ไปเป็นการประมาทวิชาเขา จะไม่ดีแก่ตัวนะเจ้าค้ะ

เครื่องครูไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าเป็นคาถาของผู้ใดหรอกค้ะท่าน แสดงว่าท่านยังศึกษาไม่ถึงจริง

เกจิครูบาอาจารย์เก่าๆ เวลาเขียนผงพุทธคุณ ผงมหาราช ผงปถมัง ยังต้องตั้งเครื่องครู กันทั้งนั้นค้ะ

อันนี้ก็รู้ไม่จริง การตั้งเครื่องครูเป็นการบูชาครูบาอาจารย์เจ้าค่ะ

ถ้าใช้จิตอย่างเดียว ไม่พึ่งครูบาอาจารย์ นั้นก็เรียก อธิฐานจิตแล้วเจ้าค้ะ


เครื่องครูนั้น สำคัญนะเจ้าค้ะอาจารย์เทพสาริกบุตร ท่านให้ความสำคัญมาก

เห็นว่าคุณเอาคาถาของท่านอาจารย์เทพ สาริกบุตร
มาลงในเว็ปอยู่เลยนิ จะบอกให้นะคะคาถาของอาจารย์เทพที่คุณศึกษาน่ะ
คุณอาจบอกไม่มีเครื่องครู แต่จริงๆแล้ว ต้นฉบับเดิมน่ะ มันมีค่ะเขาหวงกันค่ะ


ท่านอาจารย์ท่านบังเอาไว้เจ้าค้ะ ท่านสอนท่านบอกเฉพาะลูกศิษย์ใกล้ชิด
ที่ได้ครอบวิชากับท่าน เท่านั้น เจ้าค่ะ วิชาที่ไม่ได้ประสิทธิท่องแทบตายก็ไม่เป็นผล
แต่วิชาที่ได้รับการประสิทธิตามตำรา ท่อง ๓ จบ ก็ขลังแล้วเจ้าค้ะ

อย่างดิฉันได้คาถาพ่นตาแดง ไม่ต้องเป็นร้อยจบ พ่น สามที ก็หายแล้ว เพราะครูท่านประสิทธิ์ให้มาแล้ว

 

ที่เราเขียนไปนั่นเป็นคำพูดของพระอาจารย์ท่านนึง
ไม่ไช่คำพูดของผม เรื่องวิชาต่างๆมันมีหลายแบบ
จะปฏิเศษไม่ได้เลย หนทางมากมาย

พระอาจารย์ท่านเป็นศิษย์คนใกล้ชิดหลวงพ่อชา สุภัทโท
ล้างบาตร ดูแลหลวงพ่อใกช้ชิดจนหลวงพ่อชา มรณะภาพ
ท่านแค่เอาพระเครื่องมากำๆเขย่าๆสักสามที ก็สำเร็จเป็นผล
นี้ท่านสอนมาแบบนี้ ผมก็ทำตามกันมาแบบนี้
ครั้งหนึ่งผมลองถามท่านเล่นๆ
ว่าถ้าแบบนั้น คำว่า กอ เอ๋ย กอ ไก่ ขอ ไข่ ในเล้า ก็เสกขพระได้น่ะสิ
ท่านก็บอกว่า กอ เอ๋ย กอ ไก่ ขอ ไข่ ในเล้า เอ้าไปลองเสกดู ได้ผลแน่

และก็อีกท่านนึงคือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
ท่านอยู่ๆดีดีก็เอาถุงใบพลูมาโยนตรงหน้า
ท่านว่าเอ้า เพ่งลงไป ไม่ต้องท่องคาถา เพ่งลงไปเฉยๆ
พอสักพักท่านก็เอ้า เคี้ยวๆกลืน
เอาหัวหม่งทุเรียนเป็นลูกบอลได้สบาย หนามไม่ทิ้มไม่เจ็บ

อย่าง หลวงพ่อชาท่านเสกน้ำ ท่านแทบไม่จับ แค่นั่งมองๆ
หลวงพ่อเดิมท่านก็ แต่เอาพระยกขึ้นมาพนมมือไหว้ ก็สำเร็จยิงไม่ออก

นี้เรียนมาด้วยจิตล้วนๆ ไม่ได้เรียนมาด้วยคาถา
อาจารย์ไม่เคยให้คาถาใดๆ ให้กำหนดจิตเอาอย่างเดียว

ถ้าหากว่าจะเอาสายคาถาที่มีพิธีกรรมมากมายมาพูด
ก็พูดไปตามใจชอบได้เลย เพราะไมได้เรียนมาแบบนั้น

 

อาจารย์ที่ว่าคุณว่าท่านอยู่วัดไหน จะไปหาเจ้าค่ะ

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

อย่าแอบอ้างว่ารู้จริง วงการเนต จะเชื่อได้สักเท่าไร
คนที่คุยโม้เก่งกว่าคุณมีเยอะแยะ แต่พาลงเหว ไม่ทราบคุณกับพัคพวกมีจุดประสงค์
อะไร ในการดูหมิ่งวิชาของท่านอื่นในเมื่อท่าน ยังไม่แสดงความรู้อะไร ให้ประจักให้ปฏิบัติแล้วทำได้อย่างปากคุณ คารม ที่อวดอ้าง
---------------------------
----------------------------

ไม่รู้แจ้ง อย่าได้แสดงความรู้ รู้แจ้งไม่จริงอย่าข่มท่าน อื่น​

 

ตรงไหนคือการดูหมิ่นวิชา ดิฉันเพียงออกความคิดเห็น จะกล่าวหาอะไรใช้ปัญญา
ไตร่ตรองให้มากๆหน่อย

ที่ดิฉันพูดว่าไม่รู้แจ้งอย่าแสดงความรู้ ดิฉันหมายถึง คำกล่าวที่ว่า

การตั้งเครื่องบูชา อย่างนี้ เป็นเครื่องบูชาของพวก วิชามาร ปีศาจ
ซึ่งตรงนี้มันไม่ถูกต้อง ดิฉันก็ได้ชี้แจ้งตามนี้ว่าเครื่องครูไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้
ซึ่งมันทำให้ผู้ที่ไม่รู้ เข้ามาศึกษาแล้วเข้าใจอย่างผิดๆ มันไม่ดีแก่ตัวเจ้าค่ะ

อะไรที่ดิฉันไม่เชื่อ ดิฉันจึงอยากจะพิสูจน์ เกจิอาจารย์เก่งๆ อธิฐานจิต
เสกปรอทให้ใส ดิฉันก็อยากจะไปกราบ อยากรู้จักเป็นธรรมดา

ดิฉันไม่ได้ยกตนข่มท่านเพื่อสอนคาถา หรือคุยโว ว่าเก่ง ดิฉัน
ไม่เก่งค่ะ ไม่ได้มีวิชาอะไร ไม่ได้สอนเคล็ดวิชาใดๆ

เพียงแต่ครอบครัวดิฉันพัวพันกับเรื่องราวของไสยศาสตร์มาตั้งแต่เด็กรู้เห็นอะไรมา
ก็แสดงความคิดเห็น ในฐานะสมาชิกท่านนึงเท่านั้น

ถ้าคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สูร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4142321", true); </SCRIPT> เข้ามารบกวนช่วยส่ง PM
มาบอกที่อยู่พระอาจารย์ที่คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สูร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4142321", true); </SCRIPT> พูดถึง
ด้วยนะเจ้าค้ะ ดิฉันจะไปขอของดีมาบูชาเจ้าค้ะ

 

ผัว....พัน มันคืออะไร

 

ขออภัยค้ะ พิมพ์ผิด คุณสมเพียรนี้ช่างสังเกตุจริงๆเลยนะ

 

ในเมื่อจะให้ผมตอบก็จะตอบให้

ไอ๊นี่ไม่ใช่คำที่ส่อ อาการ ว่าตนเก่งรู้วิชาเหนือผู้ใดอย่างแท้จริง แล้ว ดูถูกคนอื่นหาว่ารู้ไม่จริง แล้ว เสนอหน้า มาให้ความรู้หรือไง เด็กประถมอ่านแล้วยังตีความ เช่น นี้ เลย ไม่เชื่อ ก็รองเอาไป ถามพ่อค้าแม่ค้า ใครเขาก็ตีความแบบนี้ทั้งนั้น

จะเอาแค่เล่นกลรึไง วิชาอื่นๆมีเยอะแยะไป ไม่คิดจะดูเหรอ แบบวิชารักษา ก็สามารถเป่าพิสูจได้ เป่าให้หายปวดตอนนั้นตอนนี้ไปเลย ไม่จำเป็นต้อง จำเพราะวิชาเล่นกล ตามงานวัดเลย

อะไรนักหนาไม่ มีวิชา แล้ว มาปากเก่ง ด่าคนเรียนวิชาทำไม ทำแบบนี้ คุณเอาสมองส่วนไหนมาคิด เรียนก็ไม่เรียนได้แต่ฟังเขาเล่าให้ฟัง ต่อให้ พ่อแม่พี่น้องคุณจะแค่ไหน คุณไม่ได้ทำได้ด้วยตัวเอง แล้วยังมีหน้ามาว่าคนฝึก คนเรียนจริงได้อย่างไร แถม ยังมาเสนอความคิด ซำร้ายยังมา เหยียดหยาม คนเรียนวิชาฝึกวิชาจริงแบบนี้ได้อย่างไร คุณทำแบบนี้ มันสมควรแล้วหรือ แต่ละคนก็ฝึกไม่น้อยกว่า3ปี5ปี ซำร้าย แบบบางคนฝึกถึง10-20-30ปีด้วยซำ(หลายคนด้วยซำ) คุณไม่เคยฝึกไม่เคยมีวิชาเลย แล้วคุณมาคุยใหญ่คุยโต ทำให้เขาหลงทางแบบนี้มันเข้าท่านักหรือ ต่อให้คุณคุยว่าคุณรู้ตำราตั้งเครื่องพิธีมาดีขนาดไหน ก็ไม่มีทาง จะได้เรื่อง แค่คนเรียนวิชาฝึกมาระยะหนึ่ง ต่างก็เข้าใจดี การตั้งเครื่องพิธีดีไม่ได้ ช่วยอะไรให้คุณเก่งยิ่งใหญ่อะไรแบบ คุณว่าเลยแม้แต่น้อย ถ้าคิดจะหวังแรงครูมาช่วยได้ดีนะหรือ ฝันไปเหอะ ถ้าคุณฝึกเองก็จะรู้ว่าแรงครูไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย แรงที่แท้จริงก็มาจากตัวผู้เรียนเองทั้งนั้น แรงครูก็แค่ความเชื่อ เป็นเพียงแค่มาเสริมกำลังใจเท่านั้น เรียนให้ฉลาดคิดเองเป็นคิดให้เข้าใจแท้จริงอย่าเอา แต่ฟังขี้ปากเขาเล่าผิดๆมาก็ทำตามแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำตัวแบบนี้ ถึงมิน่าวงการคาถาถึงได้ตกตำเอาทุกวันๆ

ไม่ได้เรียน ไม่ได้ ฝึกเอง ขอร้องหละ อย่าอวดเก่ง ใครรู้เข้า มันสุดแห่งความทุเรศขนาดๆไหน
(นักเวทย์รุนใหม่ มีสมองคิดเองเป็นได้แล้ว)
ถ้าไม่ได้เรียนไม่ได้ฝึกอะไรมา มันจะคุย เต็มปากเต็มคำแบบนี้ได้ไง คุณจะรู้ได้ไงว่าเขาฝึกหนักขนาดไหน หลายคนเขาฝึกทั้งเดือนจนปากปากแห้ง จน หยอดน้ำข้าว ต้มก็ยังมี

คุณมันเป็นเด็ก ที่อวดเก่งอวดรู้เกินตัวเกินไปแล้ว........นิสัยแย่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.

 

เสียแรงที่คุณมาตั้งนาน ชอบ อวด รู้อวดเบ่งไปทั่ว ที่ไหนได้ก็แค่เด็กอวดเก่ง

ไม่ได้เรียนไม่ได้ฝึกวิชา มาเลย ไม่น่าจะมาเสนอหน้า มาอวดเก่งให้เขาหลงทางเลย

 

ดิฉันยังไม่เคยคุยโว มาฝึกวิชามาเป็น 10ปี เป่าหมื่นครั้งแล้วจนขลัง

ไม่เคยอวดอ้างว่า เก่งอย่างโน้น อย่างนี้

ดิฉันเพียงเสนอความคิดเห็นว่า เครื่องพิธีกรรมนั้นสำคัญ

เพียงเท่านี้ คุณไม่เห็นด้วยมันก็เรื่องของคุณ มาพร่ำอะไร

คำว่า ไม่รู้แจ้ง อย่าแสดงความรู้ มันแทงใจคุณมากรึไงค้ะ

ดิฉันไม่ได้ด่าว่าอะไรสักคำ ฝึกวิชาจนวิปลาส รึเปล่าค้ะ

ถ้าคุณคิดว่ามันไม่สำคัญ มันก็เรื่องของคุณ ดิฉันก็ยังไม่ได้ไปขอร้องให้เชื่อ

เพราะคนที่ มีวิชามีครูบาอาจารย์ เขารู้กันอยู่แล้ว เรียนขนบธรรมเนียมพิธีกรรม

เพราะเขากลัว ผิดครูกันทั้งนั้น ครูบาอาจารย์กำหนดมาอย่างไร ต้องทำอย่างนั้น

คุณสมเพียร เป่าหมื่นครั้ง แล้วขลัง คุณก็ทำตามแบบของคุณ แต่บางคนเขาเป่าสามทีก็ขลัง

ดิฉันไม่เคยพูดว่า เคล็ดวิชาอะไรของคุณสมมันไม่สำคัญ

ดิฉันไม่เคยแย้ง

(คาถา สมาธิ ครูบาอาจารย์) เป็นองค์ประกอบสำคัญ

ครูบาอาจารย์บอก ต้องตั้งเครื่องบูชาครู แบบนี้ก็ต้องทำตามแบบครูบาอาจารย์
เพราะวิชาเขามีครู ไม่ทำตามแบบครูบอก มันก็ผิดครู ซิค่ะ

ก็จะมีอาการ เหมือนคุณสมเพียรนี่แหละ วิปลาสบ้าๆบอๆ ถ้าพวกวิชาอาถรรพ์

ก็อาจจะเป็นบ้า เป็นปอบ ได้ค่ะ ปอปก็เกิดจากพวกกรณีแบบคุณสมนี้แหละค่ะ

พวกคิดว่า ข้านี้แน่แล้ว วิชาให้ทำอย่าง แต่ไปทำอีกอย่าง ก็จะปอบรับประทาน

 

อ่านไป อ่านมามา

อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะครับ

ผมว่า พวกคุณ(คุงรู้นะครับ พวกไหน) ผิดนะครับ

น้องนุ่มนิ่ม ที่เค้ามาเขียนมา คือ
การตั้งเครื่องไม่ใช่การบูชาผี


แต่ที่พวกคุณตอบ ไม่เห็นเกี่ยวกับที่เค้าถามเลย

แล้วคุณ som 1719
วิชา เป่าตาต้อ ตาแดง ต่อกระดูก ไม่ใช่วิชาเล่นกล
วิชานี้มีครูบาอาจารย์ ท่านประสิทธิ์มาให้
ถ้าคุณไม่เคยทำ อย่ามาหาว่าวิชาแค่เล่นกล

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ผู้เลื่อมใสศรัทธา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4155088", true); </SCRIPT>

พูดถึงอะไรไปดูดีๆ

อย่า มั่ว

 

ไม่รู้เรื่อง ก็เพอเจอไปทั่ว