-+ ตอนนี้ผมเจ็บ...ทำยังไงให้ใจสงบและพบกับความสำเร็จ +-

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย -Sacrifice-, 25 ตุลาคม 2006.

  1. -Sacrifice-

    -Sacrifice- สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    ขออนุญาติระบาย และถามหาทางออกในปัญหาทางโลกนี้นะครับ
    ผมไม่เห็นกำลังใจที่ไหนจะเท่ากับหลักธรรมคำสอนของพระองค์.....

    ผมรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และหมดที่พึ่ง
    งานที่ผมต้องการ และไปสัมภาษณ์มา ตกรอบแรกมา 3 ครั้ง
    เมื่อวานนี้ก็ล่าสุด ผมไปสมัครสจ๊วตมาที่นึง กลับมาก็รออีเมล์ตอบกลับประกาศผล รอตั้งแต่ 5 โมง - 6 โมง - 1 ทุ่ม - 2ทุ่ม - 3ทุ่ม เพื่อนก็โทรมาบอกให้เช็คผลให้หน่อย ก็เลยเช็คให้เพื่อน เขาได้ไปต่ออะคับ ผมก็ปลอบใจตัวเอง และไม่สิ้นหวัง ตั้งหน้าตั้งตารอต่อไป ทั้งๆที่รู้ผลลึกๆอยู่แล้ว แต่ก็คาดว่าปาฏิหาริย์จะเกิด........สุดท้าย 5 ทุ่มก็เลยไปนอนดีกว่า

    นอนก็ไม่หลับ ตื่นมาเช็คเกือบทุกชั่วโมง เพราะมันนอนไม่ได้ ร่างกายมันร้อนรุ่ม ทำถึง 6.30 เมื่อเช้า ก็ยังมีความหวัง แต่มันก็ว่างเปล่าตลอด

    ผมอยากเป็นสจ๊วตมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่นานมานี้ก็ตาม เลยทำให้ผมเตรียมตัวได้ไม่เท่าคนอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ภาษาอังกฤษก็อยู่ในเกณฑ์ดี บุคลิกภาพก็ฝึกมา ทัศนคตินี่ก็ไม่แพ้ใครแน่ๆครับ อาจตัวเตี้ยไปบ้างเพราะไม่เคยเชื่อฟังใครตอนเด็กๆเลย ไม่เล่นกีฬา หน้าแต่หน้าคอม เรียนแต่หนังสือ

    ผมอยากเป็นสจ๊วตเพราะผมเชื่อว่าผมจะได้มีเงินเยอะๆเร็วๆ เพื่อได้เอาไปช่วยใช้หนี้ให้พ่อแม่ พาพ่อแม่ไปตรวจร่างกาย ทำให้ชีวิตพ่อและแม่ผมที่เหลืออยู่นี้ มีความสุขที่สุด ผมเป็นลูกหลง พ่อและแม่ผมอายุมากแล้ว ผมรู้สึกว่าผมเกิดมาช้าเกินไป อาชีพนี้รายได้ดี ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยและทำให้สุขภาพผมแย่ แต่ผมก็ยินดีแลกมัน

    แต่ทำไมผมไม่สำเร็จซักที หลายคนบอกว่าผมอายุยังน้อย แค่ 22 เพิ่งเรียนจบ คนอื่นผิดหวังมากกว่าผมอีก แต่ผมก็ยงทำใจไม่ได้ ผมทิ้งวิชาที่ผมเรียนมาตอนป.ตรี แล้วทุ่มกับการสมัครสจ๊วตสุดตัว ผมไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว ทั้งเรื่องความรู้ และกลัวการดูถูก

    ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เชื่อในเทพเจ้า เชื่อในปาฏิหาริ์ย์หมดใจ เพราะเคยมีประสบการณ์มาบ้าง แต่ทำไมคำขอพรข้อนี้ไม่เป็นจริงซักที

    คืนก่อน ผมก็ฝันว่ามีพระมาบอกว่าผมเป็นอาชีพนี้ไม่ได้ ผมแทบไม่อยากจะตื่น ถ้าความจริงเป็นอย่างนั้น

    ว่างๆ ผมก็ศึกษาศาสตร์ทางจิต นั่งอ่านอภิญญาปาฏิหาริย์ แต่ก็ไม่เข้าใจ และเข้าใจว่าทำไมวัยรุ่นถึงไม่ชอบอ่านธรรมะ และคิดว่าเข้าใจยาก

    เพราะคนที่เอามาเขียนและอธิบายนั่นแหละ ทำให้เข้าใจยาก บอกได้ไม่ตรงจุด ใช้ศัพท์สูงทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนอ่านภาษาต่างประเทศ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไม่มีทางออกที่ค่อยเป็นค่อยไป ใช้แต่นามธรรมสอน แต่ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตน

    นี่คือสิ่งที่ทำให้คนขาดความศรัทธา และหันมาศึกษากันน้อยขึ้น
    เมื่อก่อนผมเคยเข้ามามาอ่านที่นี่ว่า จะหาคนสอนเรื่องจิตได้อย่างไร
    ก็มีคนตอบว่า เมื่อถึงเวลา อาจารย์ก็จะมาเอง ผมเข้าใจความรู้สึกคนถามมากๆเลย ถึงแม้เจตนาคนตอบจะพูดความจริงก็ตาม เป็นผมนะ ผมคงรอ แต่แค่พักหนึ่ง แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตทางโลกอีกเช่นเคย

    แต่บางเรื่องมันก็จริงสำหรับผม เคยมีคนบอกว่าใครภาวนา บูชาสมเด็จโต ก็ไม่ต้องไปตามหาท่านมาไว้บูชาหรอก วันหนึ่ง ท่านจะมาหาเอง ผมท่องชินบัญชรประจำ วันหนึ่งลุงผมก็ให้ท่านมาให้ผมบูชา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมอยู่ในบอร์ดนี้

    ตอนนี้ผมสับสนกับชีวิต การบินไทยกำลังจะเปิดรับสมัครวันที่ 30 นี้ ผมคงไปอีกเช่นกัน ด้วยความหวังอันริบหรี่........ทำไม ชีวิตผมไม่ราบเรียบ เหมือนคนอื่นๆเขาบ้างล่ะครับ ทำยังไงผมจะฝึกจิต ตรวจจิต หรือมีวิธีให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในเวลาสำคัญอย่างนี้บ้าง

    ผมเหนื่อยเต็มทีแล้ว.........
     
  2. amu

    amu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +149
    ขออนุญาติระบาย และถามหาทางออกในปัญหาทางโลกนี้นะครับ
    ผมไม่เห็นกำลังใจที่ไหนจะเท่ากับหลักธรรมคำสอนของพระองค์.....

    - ขออนุญาติตอบ นะฮะ

    ผมรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และหมดที่พึ่ง
    งานที่ผมต้องการ และไปสัมภาษณ์มา ตกรอบแรกมา 3 ครั้ง
    เมื่อวานนี้ก็ล่าสุด ผมไปสมัครสจ๊วตมาที่นึง กลับมาก็รออีเมล์ตอบกลับประกาศผล รอตั้งแต่ 5 โมง - 6 โมง - 1 ทุ่ม - 2ทุ่ม - 3ทุ่ม เพื่อนก็โทรมาบอกให้เช็คผลให้หน่อย ก็เลยเช็คให้เพื่อน เขาได้ไปต่ออะคับ ผมก็ปลอบใจตัวเอง และไม่สิ้นหวัง ตั้งหน้าตั้งตารอต่อไป ทั้งๆที่รู้ผลลึกๆอยู่แล้ว แต่ก็คาดว่าปาฏิหาริย์จะเกิด........สุดท้าย 5 ทุ่มก็เลยไปนอนดีกว่า

    - อามูเคยติดโควต้า อักษรศาสตร์จุฬา แต่ เพราะปัญหาครอบครัว อามูเลยไม่ได้เรียน เคยคิดเกลียดพ่อมากๆ แต่กลับต้องทำใจยอมรับมัน ปล.อามูเรียนจบมัธยมจาก เตรียมอุดม คับ

    นอนก็ไม่หลับ ตื่นมาเช็คเกือบทุกชั่วโมง เพราะมันนอนไม่ได้ ร่างกายมันร้อนรุ่ม ทำถึง 6.30 เมื่อเช้า ก็ยังมีความหวัง แต่มันก็ว่างเปล่าตลอด

    - เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ เดาะบาสเล่น(เผื่อความสูงเพิ่ม) + หลับ สบายดีฮะ

    ผมอยากเป็นสจ๊วตมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่นานมานี้ก็ตาม เลยทำให้ผมเตรียมตัวได้ไม่เท่าคนอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ภาษาอังกฤษก็อยู่ในเกณฑ์ดี บุคลิกภาพก็ฝึกมา ทัศนคตินี่ก็ไม่แพ้ใครแน่ๆครับ อาจตัวเตี้ยไปบ้างเพราะไม่เคยเชื่อฟังใครตอนเด็กๆเลย ไม่เล่นกีฬา หน้าแต่หน้าคอม เรียนแต่หนังสือ

    - อามูอยากเป็นนักบินอวกาศมาก แต่คิดว่ามันคงเป็น my fantasy และ คงเป้นไปไม่ได้ เลยคิดว่า ทำอะไรที่เราทำอยู่ให้ดีที่สุดในวันนี้จะดีกว่า

    ผมอยากเป็นสจ๊วตเพราะผมเชื่อว่าผมจะได้มีเงินเยอะๆเร็วๆ เพื่อได้เอาไปช่วยใช้หนี้ให้พ่อแม่ พาพ่อแม่ไปตรวจร่างกาย ทำให้ชีวิตพ่อและแม่ผมที่เหลืออยู่นี้ มีความสุขที่สุด ผมเป็นลูกหลง พ่อและแม่ผมอายุมากแล้ว ผมรู้สึกว่าผมเกิดมาช้าเกินไป อาชีพนี้รายได้ดี ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยและทำให้สุขภาพผมแย่ แต่ผมก็ยินดีแลกมัน

    - ยิ่งเราทำให้ พ่อแม่เห้นว่าเรา เกินกำลัง เขาก็ยิ่งจะแย่ลง ทุกวันนี้ อามู อายุ 23 - 24 เรียนจบช้ากว่านายปีนึง แต่ มีงานเข้าตัว แทบจะรับไม่ทัน ไม่พอ จำนวนเงินมันเยอะจน ปลูกบ้านให้แม่ที่ต่างจังหวัดได้แล้วฮะ โดยที่ไม่ต้องเป้นสจ๊วตเลย ปล.อามูรับงาน ghost write + web design + interior design + creative (ทุกแนว) นะฮะ ใครสนใจติดต่อได้ ราคากันเอง

    แต่ทำไมผมไม่สำเร็จซักที หลายคนบอกว่าผมอายุยังน้อย แค่ 22 เพิ่งเรียนจบ คนอื่นผิดหวังมากกว่าผมอีก แต่ผมก็ยงทำใจไม่ได้ ผมทิ้งวิชาที่ผมเรียนมาตอนป.ตรี แล้วทุ่มกับการสมัครสจ๊วตสุดตัว ผมไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว ทั้งเรื่องความรู้ และกลัวการดูถูก

    - ก่อนอามูจะเรียนจบสถาบันปัจจุบัน อามูไม่ได้เรียนใน จุฬาตามโควต้า และตามที่ต้องการ แต่อามูก็ซิ่ว 2 ที่แน่ะคุณ อย่าคิดมาก ผิดหวังกว่าคุณมีถมเถ

    เรื่องเคยโดนดูถูก ทั้งๆที่งานอามูออกสู่ท้องตลาดแล้ว (งานเขียน) อามูเลยสวนกลับไปว่า ทำหน้าที่ ที่มึงทำอยู่ให้ดีที่สุดเถอะ ไอ้ animal holyshit!

    ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เชื่อในเทพเจ้า เชื่อในปาฏิหาริ์ย์หมดใจ เพราะเคยมีประสบการณ์มาบ้าง แต่ทำไมคำขอพรข้อนี้ไม่เป็นจริงซักที

    - ขอพร และต้องทำตามที่ตัวเองขอด้วยไง ,พระเจ้าไม่ช่วยคนที่เอาแต่ร้องขอนะฮะ

    คืนก่อน ผมก็ฝันว่ามีพระมาบอกว่าผมเป็นอาชีพนี้ไม่ได้ ผมแทบไม่อยากจะตื่น ถ้าความจริงเป็นอย่างนั้น

    - ไม่มีใครกำหนดชีวิตตัวเองได้ นอกจากตัวเอง

    ว่างๆ ผมก็ศึกษาศาสตร์ทางจิต นั่งอ่านอภิญญาปาฏิหาริย์ แต่ก็ไม่เข้าใจ และเข้าใจว่าทำไมวัยรุ่นถึงไม่ชอบอ่านธรรมะ และคิดว่าเข้าใจยาก

    - เคยด่ากับวิศวกรคนนึง เรื่องนี้แหล่ะ เพราะเค้าคิดว่า หลักปรัชญาในการดำเนินชีวิตมันปัญญาอ่อน แต่ ให้ทายนะ ถ้าเขาหมดหนทางสักวัน เขาจะต้อง รู้สึก Fail สุดๆ ที่ไม่คิดศึกษาเรื่องพวกนี้ (ขอโทษที่อามูจะพูดว่า เขาอาจจะรู้สึกเหมือนนายตอนนี้ก็ได้)

    เพราะคนที่เอามาเขียนและอธิบายนั่นแหละ ทำให้เข้าใจยาก บอกได้ไม่ตรงจุด ใช้ศัพท์สูงทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนอ่านภาษาต่างประเทศ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไม่มีทางออกที่ค่อยเป็นค่อยไป ใช้แต่นามธรรมสอน แต่ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตน

    - ถ้าคุณเข้าใจมัน ได้ คุณก็ผ่านความยาก เกินกว่าที่ การเป้นสจ๊วตจะยากที่สุดสำหรับคุณได้เลยล่ะ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้คนขาดความศรัทธา และหันมาศึกษากันน้อยขึ้น
    เมื่อก่อนผมเคยเข้ามามาอ่านที่นี่ว่า จะหาคนสอนเรื่องจิตได้อย่างไร
    ก็มีคนตอบว่า เมื่อถึงเวลา อาจารย์ก็จะมาเอง ผมเข้าใจความรู้สึกคนถามมากๆเลย ถึงแม้เจตนาคนตอบจะพูดความจริงก็ตาม เป็นผมนะ ผมคงรอ แต่แค่พักหนึ่ง แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตทางโลกอีกเช่นเคย

    - >> When you Believe << กั๊บผม

    - >> When you let it come << ด้วยกั๊บ

    แต่บางเรื่องมันก็จริงสำหรับผม เคยมีคนบอกว่าใครภาวนา บูชาสมเด็จโต ก็ไม่ต้องไปตามหาท่านมาไว้บูชาหรอก วันหนึ่ง ท่านจะมาหาเอง ผมท่องชินบัญชรประจำ วันหนึ่งลุงผมก็ให้ท่านมาให้ผมบูชา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมอยู่ในบอร์ดนี้

    - อามูเชื่อมั่นใน พระสังกัจจายนะ เพราะอามูเคยเจอ เรื่องมหัศจรรย์กับตามาแล้ว กับพระองค์นี้ ปล.เราควรบูชา และเชื่อมั่นในพระองค์ใด ท่านจะมาเราเองจริงๆฮะ อามูเจอมาแล้ว บอกในฐานะ เพื่อนรุ่นเดียวกันนะนี่

    ตอนนี้ผมสับสนกับชีวิต การบินไทยกำลังจะเปิดรับสมัครวันที่ 30 นี้ ผมคงไปอีกเช่นกัน ด้วยความหวังอันริบหรี่........ทำไม ชีวิตผมไม่ราบเรียบ เหมือนคนอื่นๆเขาบ้างล่ะครับ ทำยังไงผมจะฝึกจิต ตรวจจิต หรือมีวิธีให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในเวลาสำคัญอย่างนี้บ้าง

    - You in Yours ครับ พาวเวอร์อยู่ในตัวนายตลอด เพียงแต่นายจะ Accept มัน หรือ Deny มัน

    ผมเหนื่อยเต็มทีแล้ว.........

    - อามูให้กำลังใจคุณเต็มที่กั๊บ.............
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2006
  3. amu

    amu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +149
    ที่สำคัญ ถ้าอยากราบเรียบ ก็จง เรียบราบครับ

    อย่า Fly high ,but flying by your limit แล้ว you จะ Feel so high and it will be high definitely ,soon กั๊บ
     
  4. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2006
  5. -Sacrifice-

    -Sacrifice- สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุณมากๆครับคุณอามู
    จริงๆก็มีงานมาหาผมมากมายเหมือนกันคับ แต่ผมอาจไม่ได้โชคดีเหมือนอามู งานผมเงินไม่ดี และทำงานหนัก ผมจึงปฏิเสธไปหมด

    อย่างที่บอก ที่ผมมองอาชีพนี้ ด้วยความสัตย์จริงอย่างแรกก็เพราะรายได้นั่นแหละ ตัวผมเองไม่มีจะกินไม่เป็นไรหรอก แต่ผมอยากให้พ่อแม่สบายจริงๆ อยากให้ท่านมีความสุขทางโลก เพราะท่านเหนื่อยกับการส่งเสียผมเรียนดีๆมาตลอดชีวิตแล้ว

    ผมต้องการความสำเร็จในสายอาชีพนี้จริงๆ แต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรอก

    พ่อแม่ไม่ได้คาดหวังมากมายหรอก (อาจจะมาก แต่ท่านไม่กดดันผมแน่นอน) แต่ผมต้องการสิ่งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ท่านครับ

    ผมขอพร และกระทำด้วยอยู่แล้ว.......ผมอยู่นิ่งๆไม่เป็น

    เพราะอามูมีความสำเร็จแล้วอะมั๊งครับ แต่ผมกำลังไล่ตามอยู่ มันเลยนอยด์ จิตตกอย่างนี้ เป็นไปได้ ผมก็อยากมีชีวิตแบบคุณเหมือนกัน สร้างบ้าน ให้พ่อแม่อยู่ ให้พ่อแม่มีความสุขสบายทุกอย่าง ไม่ใช่ผมทำให้ท่านแต่เรื่องวัตถุนะ ที่ผมปรารถนาอย่างนี้ เพราะผมมั่นใจในตัวเองแล้วว่า สำหรับหน้าที่ลูกที่ดี และเรื่องอื่นๆ ผมทำให้ท่านอย่างไม่บกพร่องแน่นอน........เฮ้อ

    ขอบคุณที่ให้กำลังใจผมนะครับ .... ผมคาดว่าปาฏิหาริย์ มันจะเกิดกับผมในช่วงเวลานี้ ต่อไปจะร้าย จะแรงยังไง ผมยินดีรับทุกอย่าง

    ขอบคุณ wisarn_it ด้วยนะครับ บทความเหล่านั้น มีประโยชน์ครับ
     
  6. bon7

    bon7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +238
  7. monozone

    monozone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +111
    เพราะคุณมัวแต่ใส่ใจที่จะเป็นสจ๊วด ตัวคุณนั่นแหละที่ผิดเองผมไม่ได้อยากมาตอกย้ำอะไรหรอกนะ คุณดูถูกงานอาชีพอื่นๆว่าทำไม่ได้มันไม่ดี แต่หากคุณลองมองดูคนอื่นเขาบ้างเขายังมีลำบากกว่าคุณอีกหลายท่าน ถ้าคุณมัวแต่สนใจด้านสจ๊วดและมัวแต่มองว่ามันสบายเงินดี แต่ตัวคุณเองไม่ทำอะไรเลยมัวแต่หลงตัวเองหลงภาพของตัวเอง แล้วคุณคิดหรอว่าไอการจะได้งานดีๆเงินเยอะๆกับอายุของคุณแค่22 แล้วคุณมาบอกว่าสิ้นหวังแถมยังบอกปัดงานอื่นๆไปอีก คนอีกมากมายเขาไม่ได้งานทำแต่คุณได้และไม่รีบไขว่คว่าโอกาศนั้นไว้ แล้วคุณจะเสียใจภายหลังว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย บางทีงานที่คุณบอกปัเปนั้นอาจจะเป็นโอกาศให้คุณเองขึ้นไปสู่ยอดสูงสุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ราบเรียบแต่กาหคุณมัวติดอยู่ในภวังค์ของความหลงตัวเอง เห็นตัวเองดีเห็นตัวเองชอบ คุฯจะไม่ได้อะไรเลย นี่ผมมาเพราะอายกจะเตือนคุณว่า โอกาศไม่ได้มาเสมอไป จำไว้ครับ
     
  8. Robert

    Robert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +3,118
    ผมคิดเอาเองแบบเข้าข้างตัวเองนะครับว่า คุณต้องการคำตอบแบบโลกียะ ไม่ใช่โลกุตตระ เพราะฉะนั้น อันไหนที่ชักนำคุณไปในทางหนีโลกก็ลืม-มาน-ไปเถอะ

    เห็นคุณว่าภาษาต่างด้าวของคุณอยู่ในระดับ "ดี" (ในภาษาไทย) ซึ่งต่างกับของผมที่อยู่ในระดับได้ใช้ ผมแนะนำให้คุณลองศึกษา Law of Attraction ดูนะครับ ลองอ่านดูก่อนว่าถูกกับจริตหรือไม่ ถ้าใช่ ก็ search ในเนตหารายละเอียดต่อไป

    <O:p

    "ผมไม่ใช่พุทธภูมิ ผมไม่ใช่โพธิสัตว์ ผมไม่มีหน้าที่สงเคราะห์ใครทั้งสิ้น"

    The Law of Attraction simply says that you attract into your life whatever you think about. Your dominant thoughts will find a way to manifest. But the Law of Attraction gives rise to some tough questions that don
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2006
  9. Robert

    Robert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +3,118
    Cont II,

    Subjective reality is a belief system in which (1) there is only one consciousness, (2) you are that singular consciousness, and (3) everything and everyone in your reality is a projection of your thoughts.

    You may not see it yet, but subjective reality neatly answers all these tricky Law of Attraction questions. Let me ’splain….

    In subjective reality there’s only one consciousness, and it’s yours. Consequently, there’s only one source of intentions in your universe — YOU. While you may observe lots of walking, talking bodies in your reality, they all exist inside your consciousness. You know this is how your dreams work, but you haven’t yet realized your waking reality is just another type of dream. It only seems solid because you believe (intend) it is.

    Since none of the other characters you encounter are conscious in a way that’s separate from you, nobody else can have intentions. The only intentions are yours. You’re the only thinker in this universe.

    It’s important to correctly define the YOU in subjective reality. YOU are not your physical body. This is not the egoic you at all. I’m not suggesting you’re a conscious body walking around in a world full of unconscious automatons. That would be a total misunderstanding of subjective reality. The correct viewpoint is that you’re the single consciousness in which this entire reality takes place
     
  10. Robert

    Robert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +3,118
    Cont III,

    Imagine you’re having a dream. In that dream what exactly are YOU? Are YOU the physical dream character you identify with? No, of course not — that’s just your dream avatar. YOU are the dreamer. The entire dream occurs within your consciousness. All dream characters are projections of your dream thoughts, including your avatar. In fact, if you learn lucid dreaming, you can even switch avatars in your dream by possessing another character. In a lucid dream, you can do anything you believe you can.

    Physical reality works the same way. This is a denser universe than what you experience in your sleeping dreams, so changes occur a bit more gradually here. But this reality still conforms to your thoughts just like a sleeping dream. YOU are the dreamer in which all of this is taking place.

    The idea that other people have intentions is an illusion because other people are just projections. Of course, if you strongly believe other people have intentions, then that’s the dream you’ll create for yourself. But ultimately it’s still an illusion.

    Here’s how subjective reality answers these challenging Law of Attraction questions:

    What happens when people put out conflicting intentions, like two people intending to get the same promotion when only one position is available?

    Since you’re the only intender, this is entirely an internal conflict — within YOU. You’re holding the thought (the intention) for both people to want the same position. But you’re also thinking (intending) that only one can get it. So you’re intending competition. This whole situation is your creation. You believe in competition, so that’s what you manifest. Maybe you have some beliefs (thoughts and intentions) about who will get the promotion, in which case your expectations will manifest. But you may have a higher order belief that life is random, unfair, uncertain, etc., so in that case you may manifest a surprise because that’s what you’re intending.

    Being the only intender in your reality places a huge responsibility on your shoulders. You can give up control of your reality by thinking (intending) randomness and uncertainty, but you can never give up responsibility. You’re the sole creator in this universe. If you think about war, poverty, disease, etc., that’s exactly what you’ll manifest. If you think about peace, love, and joy, you’ll manifest that too. Your reality is exactly what you think it is. Whenever you think about anything, you summon its manifestation.
     
  11. Robert

    Robert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +3,118
    Cont IV,

    Do children, babies, and/or animals put out intentions?

    No. Your own body doesn’t even put out intentions — only your consciousness does. You’re the only one who has intentions, so what takes precedence is what YOU intend for the children, babies, and animals in your reality. Every thought is an intention, so however you think about the other beings in your reality is what you’ll eventually manifest for them. Keep in mind that beliefs are hierarchical, so if you have a high order belief that reality is random and unpredictable and out of your control, then that intention will trump other intentions of which you’re less certain. It’s your entire collection of thoughts that dictates how your reality manifests.

    If a child is abused, does that mean the child intended it in some way?

    No. It means YOU intended it. You intend child abuse to manifest simply by thinking about it. The more you think about child abuse (or any other subject), the more you’ll see it expand in your reality. Whatever you think about expands, and not just in the narrow space of your avatar but in all of physical reality.

    If I intend for my relationship to improve, but my spouse doesn’t seem to care, what will happen?

    This is another example of intending conflict. You’re projecting one intention for your avatar and one for your spouse, so the actual unified intention is that of conflict. Hence the result you experience, subject to the influence of your higher order beliefs, will be to experience conflict with your spouse. If your thoughts are conflicted, your reality is conflicted.

    This is why assuming responsibility for your thoughts is so important. If you want to see peace in the world, then intend peace for EVERYTHING in your reality. If you want to see abundance in the world, then intend it for EVERYONE. If you want to enjoy loving relationships, then intend loving relationships for ALL. If you intend these only for your own avatar but not for others, then you’re intending conflict, division, and separation; consequently, that’s what you’ll experience.

    If you stop thinking about something entirely, does that mean it disappears? Yes, technically it does. But in practice it’s next to impossible to uncreate what you’ve already manifested. You’ll continue creating the same problems just by noticing them. But when you assume 100% responsibility for everything you’re experiencing in your reality right now — absolutely everything — then you assume the power to alter your reality by rechanneling your thoughts.

    This entire reality is your creation. Feel good about that. Feel grateful for the richness of your world. And then begin creating the reality you truly want by making decisions and holding intentions. Think about what you desire, and withdraw your thoughts from what you don’t want. The most natural, easiest way to do this is to pay attention to your emotions. Thinking about your desires feels good, and thinking about what you don’t want makes you feel bad. When you notice yourself feeling bad, you’ve caught yourself thinking about something you don’t want. Turn your focus back towards what you do want, and your emotional state will improve rapidly. As you do this repeatedly, you’ll begin to see your physical reality shift too, first in subtle ways and then in bigger leaps.

    I too am just a manifestation of your consciousness. I play the role you expect me to play. If you expect me to be a helpful guide, I will be. If you expect me to be profound and insightful, I will be. If you expect me to be confused or deluded, I will be. But of course there’s no distinct ME that is separate from YOU. I’m just one of your many creations. I am what you intend me to be. But deep down you already knew that, didn’t you?
     
  12. -Sacrifice-

    -Sacrifice- สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุณ คุณ monozone ครับ .... ผมไม่ได้ดูถูกอาชีพอื่น แต่ถ้าคุณตกอยู่ที่นั่งเดียวกับผม คุณอาจเห็นเหตุผลที่ผมต้องเลือกงานนี้ (แต่ไม่เฉพาะงานนี้เท่านั้นหรอกตามจริง) หากมีงานอื่นที่รายได้เท่าเทียมกันในขณะนี้ ผมก็ทำเช่นกัน แต่อาชีพอะไรล่ะครับ

    ผมเลือกเพราะความสามารถของผมถึง ผมเลือกเพราะผมสามารถสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้เช่นกัน แต่ผมไม่ถูกเลือก อาจจะเป็นเพราะดวง หรืออะไรก็ตาม

    หากผมไม่มีภาระใดๆ ผมทำงานอะไรก็ได้ ผมไม่สนใจแน่นอน เงินทองไม่ได้สำคัญมากสำหรับผม แต่ตอนนี้ที่มันสำคัญ เพราะผมต้องการนำมันไปเลี้ยงคนอื่น

    หากจะเรียกสิ่งนี้ว่ากิเลส ผมก็น้อมรับว่าผมยังกิเลสหนาอยู่

    ส่วนเรื่องการที่ผมปีดงานอื่น ผมก็รู้สึกผิดทุกครั้งที่ปัด และผมก็คิดดีแล้วทุกครั้ง แต่ผมไม่มีโอกาสเลือกเลยหรอครับ มันอาจส่งผลให้ไต่เด้าไปสู่ตำแหน่งที่ดีได้ก็จริง แต่กี่ปี หรือกี่สิบปี ผมว่าผมพอจะประมาณเวลาออก ผมจึงต้องปัดออกไป

    บางทีผมก็ไม่นับงานที่ไม่ดีเท่าไร ว่าเป็นโอกาส ....

    คุณมีความสามารถ 20 งานที่ใช้ความสามารถคุณเพียง 8 ให้เงินเดือนเพียง 7 อนาคตยังม้วๆอยู่ คุณจะทำยังไงอะครับ

    แต่ก็ขอบคุณที่คำพูดคุณบอกให้ผมมีสติกับเรื่องราวมากขึ้น

    ปล. ผมไม่ได้มาเถียงนะครับ ผมอ่านข้อความคุณจนจบจริงๆ และรู้สึกขอบคุณจริงๆ ผมแค่มาอธิบายเหตุผลของผมนะ อย่าเข้าใจเจตนาผมผิด มันอาจดูแรงๆ ขัดแย้งไปหน่อยเท่านั้นครับ

    ปล2. คุณ bon7 ผมว่าเราต้องเคยทำบุญร่วมกันไว้แน่ๆ ผมเชื่ออย่างนั้น ทุกสิ่งเป็นผลจากการกระทำจริงๆ ผมรู้สึกดีขึ้นมากๆครับ

    ปล3. คุณ Robert ขอบคุณด้วยครับ แต่ผมเข้าไม่ถึงจริงๆอะครับ ขอประธานอภัย มันอาจสูงไปสำหรับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...