ประสบการณ์ ขณะบรรลุธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bamrung, 24 ตุลาคม 2006.

  1. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ประสบการณ์ของท่านผู้หนึ่ง "เวลานั้น ประมาณตี2 ขณะข้าพเจ้ากำลังจะนั่งลงบนเตียง ในตอนนั้นรู้สึกถึงความว่าง และในฉับพลัน ความรู้สึกถึงกายเนื้อดับลง ได้บังเกิดแสงสว่างขึ้น แสงสว่างนั้นได้ทวีความสว่าง ขึ้นเป็นลำดับ เทียบกับความสว่างของดวงอาทิตย์ในตอนเริ่มต้น ประมาณร้อยดวง เป็นพันดวง เพิ่มปรี๊ดอย่างรวดเร็ว เทียบเท่ากับดวงอาทิตย์เป็นล้านดวง แล้ว สู่สภาวะที่สว่างทวีขึ้น อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากนั้นมารู้สึกถึงกายเนื้ออีกทีมองไปที่นาฬิกาเป็นตี4 เท่ากับว่าอยู่ในสภาวะนั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง."
    ผลจากประสบการณ์ในครั้งนั้น
    1.เห็นปฐมเหตุ ว่าสรรพสิ่ง ที่เราเห็นนั้น ล้วนถูกรังสรรค์ขึ้นจากแสงนี้
    2.เห็น การเวียนว่ายตายเกิดของชีวิตตนเอง ตั้งแต่ชาติแรก จนถึงชาติปัจจุบัน
    3.ปัญญาญาณทุกอย่างอยู่ในแสงสว่างนั้น แต่สมองจำมาได้เป็นบางอย่าง
    ฯลฯ "


    ท่านผู้อ่านคิดว่า ประสบการณ์นี้เป็นการบรรลุธรรมระดับใด มีใครมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง
     
  2. คนโกหก

    คนโกหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    480
    ค่าพลัง:
    +1,414
    เรียนท่านบำรุง


    พระอานาคามี ไม่ใช่แค่ยึดว่าเป็นนั่นเป็นนี่ แม้แต่ความว่างก็ยึดได้
    ท่านถึงจุดนี้ ท่านย่อมได้ความสุขจากการปล่อยวางทั้งมวล แต่ยัง
    ไม่ใช่ "วิมุติสุข" มารตนนี้แปลงร่างเก่ง แนบเนียบ แทบไม่รู้เลย
    หากท่านยังสงสัยเล็กๆ ว่าบรรลุสูงสุดหรือยัง ท่านก็ยังไม่ได้อรหันต์
    เมื่อท่านอรหันต์ท่านจะไม่เหลืออะไร นอกจาก "กิจที่ดำเนิน"


    หากท่านว่างคือขาว แต่ "วิมุติสุข" ไม่ใช่ขาวทึบ แต่เป็นปัญญา
    สว่างไสว ที่โปร่งบาง

    ขอท่านจงรอเราก่อน เรามีกิจบางประการต้องทำ
    เราคงได้เจอกันและได้สนทนาธรรมกันอีก
     
  3. น้องอ้น

    น้องอ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ฝันแล้วสดุ้งตื่นหรือเปล่าท่าน....

    เมื่อสมองของคนเราคิดและคิด เรื่องเดิมซ้ำๆ

    มุ่งแต่จะได้สิ่งนั้นมา และเมื่อถึงเวลาพักผ่อน(นอน)

    ตอนก่อนนอนจะเป็นตอนที่สมอง reload ความคิดของทั้งวัน

    จะเป็นเวลาแค่เล็กน้อยก่อนที่จะหลับ

    สังเกตุได้จากตอนก่อนนอน(กำลังจะหลับสนิท)

    สมองจะทำการคิดได้ดีกว่าช่วงอื่นๆของวัน

    ดังนั้นเมื่อคุณคิดเรื่องแบบนี้อยู่ทั้งวัน สมองก็จะ reload

    ขอมูล และเก็บไปฝัน

    อย่าลืมว่าสมองเป็นส่วนสั่งการให้ระบบอื่นๆของร่างกายทำงาน...

    ____


    อาการที่คุณบอกมา มีหลายคนเคยพบเจอมา

    แต่คนที่พบเจอไม่ใช่คนที่บรรลุธรรมอะไร
     
  4. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +745
    ยังไม่ใช่การบรรลุธรรม เพียงแค่การรู้ธรรม จากสัญญาที่ได้เคยศึกษามา และเป็นการปรุงแต่งของจิตที่ต้องการบรรลุธรรม คนที่รู้ธรรม บรรลุธรรมจริงๆ นั้นจะไม่มีความสงสัยในสิ่งตนรู้ตนเห็น มีความตั้งมั่นในพระศาสนา มีความเห็นที่ถูกต้อง ไม่ต้องถามใคร หมดความสงสัย เห็นว่านี้คือทางแห่งความสว่างแน่นอน ท่านยังต้องปล่อยวางอีกมาก ปล่อยวางความต้องการบรรลุธรรม เห็นธรรม ปล่อยการยึดมั่นในสัญญาอารมณ์ต่างๆ
     
  5. t_kanhachalee

    t_kanhachalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +124
    ดูก่อนพาหิยะ (ทารุจิริยะ)
    ในกาลใด... เมื่อเธอเห็น จักเป็นสักเพียงว่าเห็น
    เมื่อเธอได้ยิน จักเป็นสักเพียงว่าได้ยิน
    เมื่อเธอได้กลิ่น จักเป็นสักเพียงว่าได้กลิ่น
    เมื่อเธอได้ลิ้มรส จักเป็นสักเพียงว่าได้ลิ้มรส
    เมื่อเธอถูกต้องสัมพัส จักเพียงว่าได้ถูกต้องสัมผัส
    และเมื่อเธอได้รับรู้-รับทราบ
    ก็จักเป็นสักเพียงว่าได้รับรู้ - รับทราบเท่านั้น
     
  6. changtai

    changtai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +298
    บรรลุธรรมตรงไหนครับไม่มีตรงไหนบอกเลยว่ามีการพิจารณาการเกิดดับของสพพสํขาร
     
  7. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    นิพพาน1

    ............................................................................ พระนิพพานนั้น มีเพียงหนึ่ง เหมือนกันทั้งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า
    แต่ สภาวะ อะไรที่ทำให้พระองค์ท่านเหล่านั้นต่างกัน สิ่งนั้นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะกล่าว ในอนาคต
    ที่คุณแพรแก้วกล่าวว่าทำไมไม่พิจารณาการเกิดดับของสังขารนั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่า การพิจารณาสังขารนั้นเป็นขั้นตอนต้นๆของการปฏิบัติแนวทางแห่งวิปัสสนา ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าการ บรรลุโลกุตตรธรรม เพราะยังมีการใช้สติ ยังมีการใช้ความคิด จิตยังอาศัยขันธ์5อยู่ โลกุตตรภูมิจึงมิอาจเปิด แต่เมื่อใดสิ้นสุดการเพ่ง การพิจารณา เมื่อสติ ความคิด ดับลงพร้อมขันธ์5 (ต้องอาศัยการฝึกตามแนวทางอรหันตภูมิ พุทธภูมิ นั่นแหละ เราจึงจะเข้าสู่ โลกุตตรภูมิอย่างแท้จริง ในสภาวะที่ สติ ความคิด ดับลงอย่างสิ้นเชิงนี้ จะเป็นสภาวะที่เป็นไปอัตโนมัติโดยแท้จริง มิอาจกำหนดเอาได้ ความคิด สติต่างๆ จะเข้าสู่สภาวะนี้ไม่ได้ ถ้าหากยังใช้สติ และการพิจารณาอยู่ แสดงว่าจิตยังอาศัยขันธ์5อยู่ จึงยังมิได้เข้าสู่ สภาวะโลกุตตรภูมิ เพราะการเข้าถึงสภาวะนั้น ขันธ์5ย่อมดับลง(จากจิต)โดยสิ้นเชิง จึงจะเห็นแจ้งการไม่เกิดดับ เพราะจุดนี้เท่านั้น จึงจะเรียกว่า บรรลุธรรม อย่างแท้จริง
    ถ้าเทียบกับวิปัสสนญาณ16 ก็คือตรง มรรคญาณ ผลญาณ เพราะมรรคญาณผลญาณ นี้เอง ที่มีพลังแรงกล้านี้ จักสลายกิเลสได้เด็ดขาด และไม่มีการกำเริบอีก
    บางท่านที่มีอินทรีย์แก่กล้า จะบรรลุสภาวะครั้งเดียวโดยใช้เวลาโดยทั่วๆไป ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะสามารถสลายกิเลสที่นอนเนื่องในสันดานทั้งได้หมด
    เมื่อคลายจากสภาวะนี้แล้ว จิตเข้ามาอาศัยรูปนามอีกครั้งก็จะเป็นจิตที่บริสุทธิล้วนๆ เป็นวิสุทธิจิต เพราะกิเลส(สังโยชน์10) ถูกตัดขาดไปแล้วในสภาวะมรรคญาณ ผลญาณ
    การบรรลุธรรมของพระพุทธโพธิสัตต์นั้น จะมีวิธีบำเพ็ญอีกแบบหนึ่ง(แบบปิด) ซึ่งเส้นทาง สภาวะก่อน...นิพพาน1... นั้นจะต่างกัน ซึ่งทำให้ท่านทั้งหลายออกความเห็นไปต่างๆนาๆ ตามภูมิรู้ ภูมิธรรม แต่ก็ดีครับ แต่อย่าลืมปฏิบัติธรรมตามภูมิของตนกันนะครับ นั่นเป็นสิ่งที่เราทำได้ในความเป็นจริง ส่วนที่รู้มากว่านั้นก็ไว้ประดับสมองก็แล้วกัน
    การบรรลุธรรมของพระอริยะทั้งหลายที่ข้าพเจ้าทราบ ต้องผ่านสภาวะการดับลงโดยสิ้นเชิงนี้เท่านั้น สภาวะแห่งโลกุตตรภูมิจึงจะเปิด เห็นแจ้งการไม่เกิด ไม่ดับ และอาศัยพลังแห่งสภาวะนี้เท่านั้น กิเลสจึงจะสลายตัวเป็นสมุทเฉทปหาน
    ผู้ที่บรรลุธรรมที่กล่าวนั้นท่านไม่ได้สงสัยในธรรมนะครับ แต่เป็นผมที่สงสัย(เพราะยังไม่บรรลุ และขี้โม้มากไปหน่อย)
    ...................................................................................
    ปล. ผมขอยกตัวอย่าง พระอริยเจ้าพระองค์หนึ่งที่เรารู้จักกันดี(องค์ที่ไม่ค่อยรู้จักผมยังไม่เปิดเผย) ผมขออนุญาติเอ่ยนามท่าน คือหลวงปู่บุดดา
    ขณะที่ท่าน กำลังสนทนาธรรมกับหลวงพ่อสงฆ์ หลวงปู่บุดดาท่านก็หยุดพูดไปเฉยๆ อากัปกริยาก็ค้างอยู่เช่นนั้น นานร่วม 2 ชั่วโมง หลังจากฟื้นขึ้นมาท่านก็เปิดเผยว่า ท่านได้บรรลุธรรมในช่วงนั้นนั่นเอง

    ...................................................................................
     
  8. ทรงกลด มั่นสิงห์

    ทรงกลด มั่นสิงห์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
     
  9. ทรงกลด มั่นสิงห์

    ทรงกลด มั่นสิงห์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ยังไม่ใช่การบรรลุธรรมแต่อย่างใด เป็นเพียงการปรุงแต่งของจิตอย่างหนึ่งเท่านั้น
    ขณะบรรลุ จิตจะต้องตั้งมั่นด้วยสติ หรือที่เรียกว่าสัมมาสมาธิ (ไม่ใช่มิจฉาสมาธิ) เห็นรูปนามเกิดดับ หาสัตว์บุคคลตัวตนอะไรไม่ได้
    สิ่งใดเกิดเป็นธรรมดา และดับเป็นธรรมดา
    ละสังโยชน์ได้
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เมื่อ นักภาวนา เกิด มิจฉาวิมุตติ เข้าใจว่า ตัวเอง บรรลุธรรม

    หน้าที่อย่างหนึ่งของ มิจฉาวิมุตติ จะลาก พา คนที่สำคัญตนว่าบรรลุธรรม
    จะวนเวียน โคจรไป สังเกตได้ง่ายๆ คือ ไม่อยู่กับปัจจุบัน

    กระทู้ ปีมะโว้ ก็ไปลากมา ยก

    คนช่วยพิมพ์หนังสือ ก็ ให้พรเขาว่าจะเกิด วิมุตติ ในอนาคต
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    วิญญาณ :

    วิญญาณ มี 6 ไม่ใช่หนึ่งเดียว

    วิญญาณทางหู เกิดทางหู ดับทางหู

    วิญญาณทางตา เกิดทางตา ดับทางตา

    ถ้าไม่เห็น วิญญาณเกิด ดับ แล้วไปเหมาเข่ง วิญญาณมีหนึ่งเดียว
    ชา แช่แป้ง ไม่ได้รับการ ยัตติ

    ลมหายใจ :

    ลมหายใจ ไม่ได้เกิดเอง เข้าเอง ออกเอง อัตโนมัติขาดเหตุผล
    ลมหายใจ เป็นสิ่งอันเกิดจากเหตุ เป็นวิบากที่กุศล อกุศล อัพยากฤติยังให้ผลต่อขันธ์

    ถ้า ยังสาวไปไม่ถึง เหตุของการมี ลมหายใจเข้าออก อย่าพึงสรุปว่า รู้ธรรม
    ชา แช่แป้ง ไม่ได้รับการ ยัตติ
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    แปะให้ผู้ปฏิบัติทางจิตสังเกตตนเอง


    ธรรมุทธัจจ์ - วิปัสสนูปกิเลส อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา, สภาวะที่ทำให้วิปัสสนามัวหมองข้องขัด, สภาพน่าชื่นชม ซึ่งเกิดแก่ผู้เจริญวิปัสสนาในขั้นที่เป็นวิปัสสนาอย่างอ่อน (ตรุณวิปัสสนา) แต่กลายเป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา โดยทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงชะงักหยุดเสีย ไม่ดำเนินก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ คือ

    ๑. โอภาส แสงสว่าง ซึ่งรู้สึกงามเจิดจ้าแผ่ซ่านไปสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ๒. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ รู้สึกเต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งตัว

    ๓. ญาณ ญาณหยั่งรู้ที่เฉียบแหลมคมกล้า รู้สึกเหมือนว่าจะพิจารณาอะไรเป็นไม่มีติดขัด

    ๔. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น เกิดความรู้สึกว่าทั้งกายและใจสงบสนิท เบา นุ่มนวล คล่องแคล่ว แจ่มใสเหลือเกิน ไม่มีความกระวนกระวาย ความกระด้าง หนัก ความไม่สบาย หรือความรำคาญขัดขืนใดๆเลย

    ๕. สุข มีความสุขที่ประณีตละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่งแผ่ไปทั่วทั้งตัว

    ๖. อธิโมกข์ เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าประกอบเข้ากับวิปัสสนา ทำให้จิตใจมีความผ่องใสอย่างเหลือเกิน

    ๗. ปัคคาหะ ความเพียรที่ประกอบกับวิปัสสนา ซึ่งพอเหมาะพอดี เดินเรียบ ไม่หย่อนไม่ตึง

    ๘. อุปัฏฐาน สติที่กำกับชัด มั่นคง ไม่สั่นไหว จะนึกถึงอะไร ก็รู้สึกว่าระลึกได้คล่องแคล่วชัดเจน เหมือนดังแล่นไหลไปถึงหมด

    ๙. อุเบกขา ภาวะจิตที่ราบเรียบ เที่ยง เป็นกลางในสังขารทั้งปวง

    ๑๐. นิกันติ ความพอใจติดใจที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการ สุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่าเป็นกิเลส ธรรมทั้งหมดนี้ (เว้นแต่นิกันติ ซึ่งเป็นตัณหาอย่างสุขุม) โดยตัวมันเอง มิใช่เป็นสิ่งเสียหาย มิใช่เป็นอกุศล แต่เพราะเป็นประสบการณ์ประณีตล้ำเลิศที่ไม่เคยเกิดมีแก่ตนมาก่อน จึงเกิดโทษ เนื่องจากผู้ปฏิบัติไปหลงสำคัญผิดเสียเองว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นฌานขั้นนั้นขั้นนี้
    ..........

    ในพระไตรปิฎก เรียกอาการฟุ้งซ่านที่เกิดจากความสำคัญผิด เอาโอภาส เป็นต้น นั้นเป็นมรรคผลนิพพาน ว่า "ธัมมุทธัจจะ" (ธรรมุธัจจ์ ก็เขียน)
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +1,481
    ความตื่นเต้นดีใจอยากบอกโลกว่าเราเข้าถึงแล้วเรารู้แล้วโดยตัวเรามันไม่ใช่ทางพระอริยะเจ้าพึงระลึกไตร่ตรองหาความจริงไม่พึงตะโกนบอกโลกเพราะโลกไม่มีทางเข้าใจเหตุใดต้องบอก...แต่โลกจะรับรู้ได้เมื่อเรารับรู้ได้ด้วยตัวเราเมื่อเรารู้ว่าบัดนี้ความอยากและความหลงมันเห็นเราแล้วและเราก็เห็นมันแล้วความโกรธหรือความอะไรๆก็ตามทีถ้าเราเห็นมัน...มันจะยิ่งซ่อนตัวถ้าเราไปทำให้มันรู้ตัวการที่เราจะละหรือขจัดจะทำได้ยากยิ่งเพราะมันจะทำเสมือนว่ามันเหนือเราเสมอ...จึงไม่ควรกะโตกกะตาก
     
  14. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +1,481
    ในทางปฏิบัติพระอริยะเจ้ากับพุทธภูมินั้นไม่แตกต่างกันแต่ผลลัพธ์นั้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้นต่างกึนฟ้ากับเหวพระอริยะเจ้าพิจารณาเพื่อความหลุดพ้นพุทธภูมิพิจารณาเพื่อความหยั่งรู้ไม่ใช่เพื่อความหลุดพ้นเพื่อรู้และรู้ยิ่งๆขึ้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้นไปสะสมอุปนิสัยปัจจัยต่างอย่างสิ้นเชิงพระอริยะเจ้าเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้เพราะพิจารณาเพียงเพื่อความหลุดพ้นทั้งให้ผลอันเป็นสุขแก่ผู้สักการะบูชาพุทธภูมิมีหลายแบบหลายทางตามกำลังวาสนาบารมีบางก็อาจหลงทางบางทีก็หลงทางไม่ได้ดััััััััััััััััััััััััััััััััััััััััังนั้นความตั้งใจหรือการเลือกจึงอยู่ที่เรา...เพราะสิ่งใดก็ตามเลือกแล้วต้องยอมรับผลเพราะไม่มีสิางใดเกิดขึ้นลอยๆล้วนมีเหตีที่มาที่ไปเสมอพิจารณาดีดี...เท่านี้ก็พอตั้งใจทำในสิ่งที่ตั้งใจแล้วจะเห็นผลและตอบตนเองได้ว่าทำไปเพื่ออะไรและทำไมถึงทำ
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +1,481
    1.สรรพสิ่งมิได้เกิดจากแสงเพราะแสงเป็นเพียงสัญญาที่รับรู้ด้วยอายตนะปรุงแต่งไปตาม....
    2.การเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของจิตไม่สามารถหาเหตุเริ่มต้นได้โดยแท้จริงเป็นแต่เพียงสับขารปรุงแต่งตามสัญญาที่สั่งสมไว้
    3.ปัญาไม่ได้มีการสะสมแต่จิตที่มีปัญญาจะรู้และมองเห็นว่าเหตุแห่งทุกข์เกิดเมื่อใดและเหตุใดต้องทุกข์ทุกสิ่งล้วนมีความแปรปรวนจิตก็เช่นกันถ้าจิตไม่มีปัญญาไม่มีสติไม่มีธรรมจะพึงมองเห็นเหมือนเคยรู้มาก่อนแต่ที่จริงมันไม่ใช่เลยและเราจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเราเท่านั้นว่าสิ่งที่เราเข้าใจว่าถูกก็ผิดมาตลอดถ้าเราพึงตั้งสติพิจารณาดีดี...เช่นเดียวกับเรื่องลมหายใจถ้าเป็นมนุษย์หรือสัตว์ที่มีธาตุขันธ์จะต้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้องหายใจแต่การหายใจจะมีใครที่ทราบว่าหายใจจากอะไรและใครควบคุมทำไมไม่หยุดหายใจหรือทำไมหยุดหายใจไม่ได้แม้อยู่ในฌาณก็ไม่ได้หยุดหายใจแต่ใจอาจอยู่กับลมหายใจหรือไม่ก็ได้แต่ไม่ได้หยุดลมหายใจ...เป็นต้น
     
  16. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    นิมิตดวงกสิณ
    กิเลสปรุง
    ไม่รู้จึงยึด
    สุดท้ายก็หลง
    มรรคผลลำดับชั้นใดๆก็ตาม
    หากเข้าใจว่าตนเสวย ย่อมผิดทางอย่างแน่นอน
    กระทู้นี้หลายปีแล้ว
    หวังว่าเจ้าของกระทู้จะผ่านมันมาได้โดยสวัสดี
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เจ้าของกระทู้ น่าจะไม่มา

    ปัญหาที่เจ้าของกระทู้ถาม ก้ไม่ใช่ สภาวะธรรม
    การปฏิบัติของเขา

    อาสัยอำนาจเคยแทงด้วยหอกคือปาก จัดว่า
    เคยมีวาสนาเปนญาติทางธรรม

    สภาวะที่เขาถาม น่าจะเปนเรืองของ สมาชิก
    ท่านนึง ที่เข้าสมาธิใช้นิ้วสำรวจผีสาวว่ามีตัณหา
    กับเขาไหม ซึ่งสมาชิกท่านนั้นตอนนี้ก้เสียชีวิต
    ไปแล้ว

    หรือไม่ก้เปน สภาวะบรรลุ อนุตรสัมมา
    สัมโพธิญานของฆราวาสหญิงชาวจีนท่าน
    หนึ่งที่ขายเพชรพลอยส่งธรรมทั่วโลก
     
  18. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ถ้าเป็นอย่างที่คุณนิวรณ์ว่า
    ก็น่าจะเป็น ปภัสสรจิต
    อืมๆ
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หั่นแน่

    ไม่ได้ ปะทะกันนาน มาวันนี้ จำแนกธรรม(แยกออก ไว้ห่างๆ เพื่อกำหนดฮู้) เว้ยเฮ้ย

    ยาว ยาว ยาว เยา เย่า ยาว ยาว ยาวววววววววววว

    ตึม ตึม
     
  20. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ๕๕๕๕๕๕๕
    ผมก็ไม่ได้เก่งขนาดสามารถกำหนดรู้ได้ทุกเรื่องนะครับ
    แหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...