แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    กลับมารอบนี้พี่หนุ่มมาพร้อมนิยายเรื่อง 'ล่องไพร'

    อ่านแล้วนึกภาพตาม ขนลุกเลยครับ

    รอติดตามอ่านต่อครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2010
  2. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    สมกับการรอคอยจริงๆ ครับ
    อ่านแล้วนึกภาพตามไปด้วย เหมือนดูหนังเลย
    พี่หนุ่มเล่าเรื่องได้ต่อเนื่องดีครับ ตัวผมเองบางที คิดไปไวกว่ามือ
    ตกๆ หล่นๆ เป็นประจำ เล่าเก่งๆอย่างนี้
    จะชวนไปเล่าเรื่องพิศวงที่คลื่น 101 RR one ของพี่ป๋อง กระพล
    รับรองแฟนคอยติดตามกันคับคั่ง

    พิมพ์งานกว่าจะเสร็จ....เฮ้ออออ..ถอนหายใจไปยาวๆๆๆ
     
  3. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ดึกแล้ว ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรม ชมรมคนรักพี่หนุ่มเมืองแกลง ทุกๆท่าน ราตรีสวัสดิ์ ครับ
     
  4. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    มาอ่านตรงนี้สุดยอดเลยครับ :cool:

    ขนลุกครับ และทึ่งในใจสุดๆ
     
  5. spartanmaya

    spartanmaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    598
    ค่าพลัง:
    +2,809
    สวัสดีครับพี่หนุ่ม
    เรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆยังเข้มข้นเหมือนเดิมเลยครับ:cool:
     
  6. farin001

    farin001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +948
    ขอบคุณมากๆครับ เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
     
  7. jumpasak

    jumpasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +460
    เหมือนกำลังอ่านเพชรพระอุมา ตอนผจญป่าโลกล้านปีเลย
    บุญคุ้มครองครับ
     
  8. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,581
    ค่าพลัง:
    +30,871
    [​IMG]
    ประสบการณ์ที่คุณหนุ่มเล่ายิ่งอ่านก็ยิ่งต้องติดตาม คุณหนุ่มคงไม่ทราบว่า คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ได้เข้ามาอ่านกระทู้คุณหนุ่ม แล้วได้สมัครเป็นสมาชิกหลายท่านเลยครับ ทุกเพศทุกวัยซะแล้วที่เป็นขาประจำกระทู้นี้ "อยู่นานๆได้มั้ย "หลายท่านคงอยากเอ่ยคำพูดนี้อ่ะครับ จากวันที่ 15-05-2010,08:54Am แนะนำพระดีที่แขวนแล้วรวย ชีวิตก้าวหน้า หนุ่มเมืองแกลง เขาคือใครไม่มีใครรู้จัก ณ วันนี้ 29-6-2010,06:10AM ในเวปพลังจิตแทบไม่มีใครที่จะไม่แวะเวียนเข้ามาดูกระทู้นี้ ทุกครั้งที่คุณหนุ่มไปทำภารกิจ ทุกๆท่านก็ส่งแรงใจให้ผ่านอุปสรรค์ทุกสิ่งที่เจอ สิ่งสำคัญขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยจงช่วยดลบันดาล ให้คุณหนุ่มและทีมงานเดินทางโดยปลอดภัย ทั้งขาไปและขากลับ เมื่อคุณหนุ่มกลับมา ถ้าล้าทั้งใจและกาย มาเถอะครับ เข้ามาในบ้านหลังนี้ มีทั้งพี่,เพื่อน,และน้องๆ คอยมอบไออุ่นให้แก่กันและกันส่งถึงกันโดยไม่ต้องเห็นหน้ากัน เหมือนเช่นที่คุณหนุ่มไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราก็จะมองเห็นพระจันทร์ดวงเดียวกัน
    ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ
    smiledog.gif
     
  9. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่านครับ
    เช้าวันนี้ขอนำคติธรรมมาฝากครับ


    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่



    ...การภาวนาเป็นเรื่องของการบำเพ็ญเพื่อความสุข...
    ...ไม่ใช่เพื่อความทุกข์...แม้จะมีความยากลำบากบ้างก็อย่าท้อถอย...
    ...ให้เห็นเป็นธรรมดาของการทำสิ่งมีค่าให้เกิดขึ้น...

    ...ยิ่งเจริญยิ่งภาวนาเท่าใด...จิตใจมันก็มีกำลัง...
    ...เมื่อใจมีกำลังมีความสามารถอาจหาญแล้ว...
    ...สิ่งที่เราว่ายากก็ไม่มีอะไรยาก...
    ...สิ่งที่เราคิดว่าเหลือวิสัยก็ไม่เหลือวิสัย...
    ...อยู่ในวิสัยทุกคนจะทำได้ทั้งนั้น...


    ...การภาวนานั้น ต้องรู้จักเลือกอุบายภาวนา...
    ...พิจารณาอุบายที่ถูกกับจริต...
    ...อาศัยความเพียรอย่างเดียวไม่ได้...
    ...กิเลสมันพลิกแพลงเก่ง...ต้องตามให้ทัน...
    ...คนรู้จักพิจารณาก็ได้บรรลุธรรมเร็ว

    1.อันความตายนั้น จงระลึกดูให้รู้แจ้งด้วยสติปัญญาของตนเอง ยกจิตใจตั้งให้มั่นอย่าได้หวั่นไหว เจ็บจะเจ็บไปถึงไหนก็แค่ตาย อยู่ดีสบายอยู่ไปถึงไหนก็แค่ตาย แก่ชราแล้วไม่ตายไม่ได้ เมื่อมาถึงบุคคลผู้ใดจะให้ผู้อื่นช่วยไม่ได้ ต้องภาวนาให้พ้นจากความตาย ความตายนั้นมีทางพ้นไปได้ อยู่ที่การละกิเลส ละกิเลสในใจให้หมดสิ้น



    2.สู้ด้วยการละทิ้ง อย่าไปยึดเอาถือเอา เขาว่าให้เรา เขาดูถูกเรา เสียงไม่ดีเข้าหูก็เพียรละให้ออกไปให้มันหมดสิ้น มนุษย์มีปาก ห้ามมันไม่ให้พูดไม่ได้ มนุษย์มีตาห้ามไม่ให้มันดูไม่ได้ มันเป็นเรื่องของโลก ท่านจึงตรัสว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันเป็นความร้อน ความร้อนคือกิเลส กิเลสเหมือนกับไฟ ไฟมันเป็นของร้อน


    3.ความเที่ยงแท้แน่นอนในโลกนี้ จะเอาที่ไหนไม่มี ผู้ปฏิบัติจงรู้เท่าทัน รู้เท่านั้นแล้วก็ปล่อยวาง อย่าเข้าไปยึดไปถือ อย่าไปยึดว่าตัวกูของกู ตัวข้าของข้า ตัวเราของเรา เราเป็นนั่นเราเป็นนี่ ตัวเราของเราไม่มี มีแต่ธาตุดิน น้ำ ลม มีแต่หลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


    กิเลสกองไหนที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองขุ่นมัว ให้รีบตัด รีบละออกไป เลิกไม่ได้ ละไม่ได้ก็ให้นึกถึงความตาย ใครจะดุร้าย ป้ายสี ก็ให้นึกว่าเขาจะต้องตาย


    เรา คือ กายกับจิตที่ต้องตายจากกันไป จะมาโกรธ มาโลภ มาหลง มายึดหน้าถือตา ยึดอะไรต่อมิอะไรไปทำไม จงปล่อยวางให้หมดสิ้นไป
    <!-- google_ad_section_end -->


    คติธรรมหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง

    ***"ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ"

    พระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง จากพุทธศาสนิกชนทุกเทศทุกวัย ทั้งในและ ต่างประเทศ

    แม้ หลวงปู่จะได้ลาขันธ์ไป ตั้งแต่คืนวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๒๘ แต่ความทรงจำในกระแส เมตตา ปฎิปทาสัมมาปฎิบัติ จริยาวัตรที่งดงาม พร้อมกับธัมโมวาทอันล้ำค่า ของหลวงปู่ ก็ยังส่อง สว่างอยุ่กลางใจของพวกเราชาวพุทธทุกผู้ทุกนาม
    เมื่อ น้อมระลึกถึงหลวงปู่ที่ไร ความสุข สงบ ความโสมนัส ชื่นบาน ความสมหวัง โชคดี ความเป็นสิริมงคล จะดื่มด่ำอยู่ในจิตใจ อย่างไม่รู้อิ่มรู้คลาย
    ผู้ ที่โชคด มีโอกาสกราบไหว้ องค์หลวงปู่ ได้เคยฟังการปรารภธรรม แสดงธรรม จากหลวงปู่ ต่างก็ประจัษ์ความไพเราะ นุ่มนวลละมุนละไม ประดุจเสียงทิพย์ที่ไพบูลย์ด้วยธรรมะ อันเป็นสากลสัจจะ ยังความอิ่มเอิบ เบิกบาน และเป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิต

    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นผู้สืบเนื้อนาบุญอันไพศาล นับเป็นพระอริยสาวก ที่ควรแก่กราบ ไหว้บูชาอย่างแท้จริง
    ท่าน เจ้าคุณ พระวิบูลธรรมาภรณ์ แห่งวัดสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพๆ ศิษย์ใกล้ชิดท่านหนึ่ง ได้รจนาถึงปฎิทาของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ดังนี้ :-
    " หลวงปู่แหวนท่านมีศีลที่สมบูรณ์ คือเป็นพระสงฆ์ที่มีความปกติครบถ้วนไม่เกินหรือขาด สภาพของท่านเปรียบเสมือนป่าใหญ่ที่มีต้นไม้ใหญ่เล็กนานาชนิด ทังยืนต้น และล้มลุก มี ดอก ใบ ผล สมบูรณ์ ตามสภาพของพันธ์นั้นๆ จะมีต่างอยู่ก็คือกลิ่นของดอกไม้ ในป่า หอมตามลม แต่กลิ่นศีลของหลวงปู่หวลตามลมและทวนลม และ ไม่นิยมกาลเวลา หอมอยู่เสมอ
    หลวง ปู่มีจริยาวัตร คือความประพฤติที่เรียบร้อย งดงาม เต็มพร้อมด้วยสิกขา วินัย กฎระเบียบ การปฎิบัติของท่านเรียบง่าย ถูกต้องทั้งในสมาคมสาธารณะ และในที่รโหฐาน จะเป็นที่ชุมชนใหญ่ เล็ก ท่านทำตนเป็นกลางเสมอเหมือน ความประพฤติของท่าน เสมือนต้นไม้ใหญ่ ที่มีร่มเงามาก มีกิ่งก้านสาขาแผ่กว้างให้คนเดินทางได้อาศัยร่มเงาพัก นกกาอาศัยเกาะกิ่ง มีกาฝากก็ขึ้นแซม บ้างบางครั้งบางคราว

    หลวงปู่ท่านมีปฎิทา คือทางดำเนินสายกลางพอเหมาะพองาม ไม่ชอบระคนด้วยกลุ่มชนมาก ชอบหลีกเร้นอยู่ในที่สงบ ชอบชีวิตธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ชีวิตของท่านอยู่กับป่ามาโดยตลอด แม้ในวัยชรา หลวงปู่จะปรารภเสมอว่า ขณะนี้ป่าธรรมชาติจะหายไป แต่มีป่ามนุษย์เข้ามาเทนที่ โดยท่านให้คติว่า ต้นไม้ในป่าต่างต้นต่างเจริญเติบโต แสวงหาอาหารเลี้ยงต้น ใบ ดอก ผลของมัน เอง ไม่แก่งแย่งเบียดเบียนกัน แต่มนุษย์ก็มีทางดำเนินเลี้ยงชีวิตตรงกันข้ามกับต้นไม้ในป่า
    หลวง ปู่ท่านมีเมตตาธรรมเป็นเลิศ มีสมาธิดี มีพลังจิตสูงเปี่ยมด้วยเมตตา ถ้าได้สนทนาธรรม กับท่าน สิ่งที่เป็นคำสอนอันสำคัญสำหรับชาวเราทั่วไป ก็คือ ท่านจะสอนให้หัดแผ่เมตตา ความปราถนาดี แก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร จะสอนให้แผ่ให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มากจะทำให้จิตใจ สบาย รักชีวิต ทรัพทย์สินของคนอื่นเหมือนกับของตนเอง หลวงปู่ท่านสอนให้แผ่ความปราถนาดี ความสุขแก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะได้รับมากน้อยสุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น

    สรุป ได้ว่า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย ศีล จริยวัตร ปฎิปทา คุณธรรม แผ่ขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งตามลมและทวนลม เกียรติคุณ บริสุทธิคุณ ปรากฎในชุมชน ทั่วไป
    คุณแห่งศีล และเมตตาของท่าน เป็นเสมือนมนต์ขลัง ก่อให้เกิดศรัทธาปสาทะ มีคนจำนวน มากเดินทางไปกราบขอศีลขอพร ขอบารมีธรรม และบางรายขอทุกอย่างที่ตนมีทุกข์ เพื่อจะให้ พ้นทุกข์
    ทำให้เกิดศรัทธาสองทาง คือ คุณธรรม และวัตถุธรรม ผู้ใดต้องการธรรมะ ก็สดับตรับฟัง ศึกษาเอา ผู้ใดต้องการของขลัง รูปเหรียญวัตถุมงคลที่ระลึก ก็แสวงหาเอา ใครผู้ใีดปราถนาหรือ ศรัทธาอย่างใดก็ปฎิบัติอย่างนั้น ซึ่งก็คงสำเร็จประโยชน์ไม่มากก็น้อย "
    ในสมัย ที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ ประชาชนจากใกล้ไกล ต่างแห่แหนไปกราบ หลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ ได้ปรารภถามว่า " พากันลำบากลำบนมากันทำไม"

    คำตอบจากประชาชนเหล่านั้นก็คือ " ต้องการมากราบบารมีของหลวงปู่ "
    หลวง ปู่ได้แนะนำว่า " บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง "
    (จาก หนังสือเรื่อง หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๓ เรียบเรียงโดย รศ.ดร.ปฐม -รศ.ภัทรา นิคมานนท์
    มีนาคม ๒๕๔๘

    ***ให้ตั้งสัจจะ...หลวงปู่ แหวน

    การ ปฏิบัติเราจะเดินก็ให้ตั้งสัจจะไว้ว่า จะเดินเท่านี้เท่านั้น หรือเราจะนั่งวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือถ้าเราสู้ไม่ไหวเราก็เอาแต่พอสมควร ให้ตั้งใจจริงๆ
    กำหนด ตั้งสัจจะไว้ในจิตในใจ ละความมัวเมาออกให้หมด คอยกำหนดจิตเข้ามาสู่ภายในให้ใจเบิกบาน ตั้งความสัจจะว่าจะภาวนาเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจะเดินก็ให้กำหนด ระวังรักษาจิตใจของเรา ให้แช่มชื่นเบิกบานไม่ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นธรรมเมา รักษาจิตใจให้ตั้งอยู่เฉพาะธรรมโม
    อย่า ละความเพียรความพยายาม ให้เพียรไปติดต่อกัน จะเป็นวันหนึ่งหรือคืนหนึ่งก็ได้ เช่น ตั้งสัจจะว่าจะนั่งตลอดคืนจะไม่นอน อย่างนี้ตั้งสัจจะไว้อย่างนี้เป็นการดี ตั้งสัจจะต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งใจให้ดี คอยระวังรักษาจิตใจของเรานั้นแหละ ให้ผ่องใสตลอดไป

    ให้ พยายามรักษาความดีความหมั่นความขยันของเราไว้ ให้สละความเกียจคร้านออกไปเสีย ปกติจิตของเรานี้มักจะไหลไปสู่ความเกียจคร้านความลุ่มหลง
    เรา ต้องพยายามหาอุบายมาเตือนตนอยู่เสมอ ด้วยความเพียรความหมั่น ให้รักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสิกขาวินัย นำความผิดความชั่ว ออกจากกาย จากวาจา จากใจ
    อาศัย ความเพียรเป็นไปติดต่อ จึงจะชนะความเกียจคร้านได้ ความมัวเมา ความประมาทอันใดมีก็ให้ละเสีย ให้วางเสีย ทำจิตใจของเราให้ตั้งอยู่ในธรรมโม พิจารณากลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ ต้องอาศัยความเพียรความหมั่นความขยัน ไม่เช่นนั้นจิตมันจะตกไปสู่ความเกียจคร้าน
    เรา ต้องตักเตือนข่มขู่ ชักจูงแนะนำจิตของเราด้วยอุบายแยบคาย ถ้าจิตใจมันเกียจคร้าน เราต้องหาอุบายมาตักเตือน ชักจูงแนะนำ ให้มีความอาจหาญ ร่าเริง ให้เกิดความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ไม่ปล่อยให้จิตนิ่งเฉยเกียจคร้าน

    เรา ต้องละความเกียจคร้าน ความไม่ดีของจิตด้วยการอบรมภาวนาอย่างนี้ ถ้าเราตักเตือนชี้นำด้วยอุบายอันชอบ ในที่สุดจิตก็จะฟังเหตุผล เกิดความมุมานะพยายามในความเพียร เราต้องข่มขู่ตักเตือนบ่อยๆ ในสมัยที่จิตนิ่งเฉยต่อความเพียร
    ถ้า เราคอยประคับประคองจิต ด้วยอุบายข่มขู่ตักเตือน ด้วยอุบายแยบคาย จิตย่อมจำนนต่อเหตุผล ระวังรักษาสติไว้อย่าให้หลงลืม ฝึกหัดให้เกิดความรู้ความฉลาดเกิดขึ้นในจิตในใจของตน

    จิต ของเรา ถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะให้เรานอนท่าเดียว ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้องหาอุบายมาข่มขู่ตักเตือน อุบายใดที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้วจิตยอมเชื่อฟังนั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตใน ลักษณะนั้น และในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดยอุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา บางครั้งจิตถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งหมด ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบายมาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์ หรือยกธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา
    ให้ ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียร ในคุณงามความดีของตน พยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหละ ถ้าไม่อาศัยความขยันหมั่นเพียร ไม่ได้ จิตเรานี้มันมักจะไหลไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นอดีตอนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจงให้ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรม

    ถ้า เราไม่หมั่นหาอุบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิตมักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย ดังนั้น อุบายจึงเป็นของสำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไรเราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน โดยอุบายให้มากขึ้นให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส
    ให้ ตั้งอกตั้งใจตั้งสัจจะ ตรงต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เกิดความอุตสาหะวิรยะ ความพากความเพียร ในภาวนาในคุณความดี
    ให้ตั้ง อยู่ในสิกขาวินัย ในความหมั่นความเพียร

    ให้ ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้ อย่าเป็นคนเกียจคร้าน พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเรา อาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้
    ให้รักษาตา รักษาหู รักษาจมูก รักษากาย รักษาใจ ของตน ในทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน
    จา โค ปฏินิสฺสคฺโค ให้ละเสีย ความถือตนถือตัว อันตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เขาก็เป็นปรกติอยู่ใจก็เป็นปรกติอยู่ รูป เสียง กลิ่น รส กามคุณทั้ง ๕ เขาก็เกิดมีอยู่อย่างนั้นละ เราเกิดมา นินทา สรรเสริญ โคตร ผีบ้า ผีบอ เขาก็ว่ากันอยู่อย่างนั้นละ ที่รับเข้ามามันหนักแน่นอยู่ในหัวใจ ปล่อยให้เขาป่นไปป่นมา ใจปรกติอยู่แล้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นปรกติอยู่แล้ว จะไปเดือดร้อนทําไมเล่า ไปหอบเอาของเขามาสิมันเดือดร้อน ของเราก็มีเต็มขี้ปุ๋ม (พุง) อยู่แล้ว บาปเราก็มี บุญเราก็มี นินทา สรรเสริญ โคตรพ่อโคตรแม่ ของเรามีเยอะ แต่เราไม่พูด โยนทิ้งหมด ก็สบายดีละก้า ไปหอบเอาของเขา ขี้โลภมากมันถึงเดือดร้อน ลูกก็ตาม หลานก็ตาม ลูกมันพ้นระหว่างขาของเราแล้วโล้ ไปหอบมันสังมันเป็นทุกข์ มันรู้ได้เสียก็พอละ รีบตั้งอกตั้งใจ ทําอาชีพอันใด ๆ ก็ดี ให้ตั้งใจ อย่าไปขี้เกียจขี้คร้านก็พอละ ว่ากล่าวด้วยวาจาของตน ช่วยสงเคราะห์อุปการะสังคโห ช่วยสงเคราะห์ก็พอแล้ว อันเขาใหญ่ขึ้นมาแล้ว รู้ผิด รู้ถูก รู้ได้ รู้ดี รู้มั่ง รู้มี ไปหวัน...มันก็เป็นทุกข์ละก้า ทําอันใดไม่พออกพอใจ แล้วก็ไปเดือดเขา บ่รู้พอหลงก็หลงมาพอแล้ว โลภก็โลภมาพอแล้ว รักก็รักมาพอแล้ว ชังก็ชังมาพอแล้ว เอ้า!! หยุด...พอแล้ว

    ตัว สัญญา ตัวกิเลส มันตั้งขึ้นเสียก่อน ตัวกิเลสนั้นนะ ไปทักมันสัก ๓ ครั้ง มันก็ไม่หยุด อย่างพวกนอนในใบบัวกา ไต่หลังน้ำ...กา หมู่นี้มันเป็นเครื่องเล่นนับเข้าบารมี ๑๐ นี่ละ ขันติตัวอดมันได้ปีติ ได้กสิณฌาน กํามือจนเล็บมือผด (ทะลุ) หลังมือไม่รู้ตัว อันนั้นก็ยังไม่มีใครแก้ได้นา ไม่ยอมใครทีเดียว แต่ไม่ใช่ถึง เป็นแค่ฌานโลกีย์ทั้ง ๕ ปีติอันนี้ แต่อาจเป็นอยู่ในกามโลกอันนี้ บางคนก็ขี้หินป่งหู้ม (งอกปิด) รอบ ๆ ตัว บางคนก็ไปนั่งริมเก๊าไม้ (ต้นไม้) ป่งหุ้ม ได้สองหมื่นปีก็มี สามหมื่นปีก็มี เวลาจะอกก็กสิณนั้นละ เพิ่งกสิณให้แตกกระจาย พวกนี้ครั้งตายจากกามโลก ก็ไปพรหมโลก ไปดูเขาแล้วพวกนี้ เขาเป็นนักผนึกบารมีหนา ทานบารมี ทานภายนอก ทานภายใจ เขาก็ละได้ภายใจตัวอกุศล ตัวอกุศลาธัมมา นี้ละ เมาหลง เมาโกรธ เมาราคะ กิเลสตัณหานี่ละ มันเป็นกก เป็นเค้าเป็นเหง้า เป็นงูน กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ไปจากนี้ละ เขาละได้จริง ๆ หนาเขาอดได้แต่ไปแก้ไม่ไหวหรอก อันที่ปีติตัวนี้ แต่ถอนได้เหมือนกันนั้นละ เวลาตายจากกามโลกนี้ ก็ไปพรหมโลก พวกนี้ไม่ตกต่ำ แต่ได้กลับมาเกิดอยู่ แต่พวกเพ่งพวกนั้น ยังสําคัญว่าตนได้สําเร็จพนะนิพพานหนา... แต่มันไม่เป็นปัญญาวิมุตติ โลกุตรวิมุตติ ต้องแก้ไขอยู่เรื่อง จนกิเลสอาสวักขยญาณไปรู้กิเลสของตน กิเลสของกาย สิ้นไปหมด กิเลสของใจ เรามีกามฉันท์งอกขึ้น ดับไปแล้ว ก๋าลังศรัทธา ก๋าลังความเพียร ก๋าลังสติ ก๋าลังสมาธิ ก๋าลังโลกุตรปัญญา วิมุตติผู้แจ้งชัชวาล ตลอดจนถึงขันธปรินิพพาน ไตรวัฏมีเท่านี้แล้ว

    นวํ นตฺถิ เราไมjยินดี จะก่อภพใหม่ต่อไปอีกแล้ว มันก็หมดเรื่องกันเท่านั้นละก้า... มิเข้าไปนอนในท้องแม่นอนกินน้ำกาม เกิดแก่เจ็บตายไม่มีแก่เราต่อไป มันหมดสิ้นละทีนี้ ถ้าไม่หมดมันก็หมุนอยู่นั้นละ ค้นอยู่ในนี้ละ อย่าไปละ ท่านไม่ให้ประมาทก้อนธัมเมา อริยสัจธรรมทั้ง ๔ ก็อันนี้แล้ว ทุกข์มันก็เกิดนี่ละสมมติอันใดทุกข์ก็อันนั้นละ มรรคสัจอันในนิโรธธรรม เป็นธรรมอันดับทุกข์ก็อันนั้นละ... ค้นอยู่ในนี้แหละครั้งไปค้นที่อื่น เดี๋ยวก็ไปติดแผนที่ จําแผนที่ได้อันนั้นเป็นอย่างนั้น ๆ สติปัฏฐาน ๔ ไปรู้แต่แผนที่... ตัวธรรมแท้ๆ ไม่รู้ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานไปรู้แต่แผนที่เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานก็รู้แต่แผนที่ แล้วก็ไปติดแผนที่นั่นละ มันใช้ไม่ได้ละ... มันต้องวางแผนที่
    อุ โปปทานํ อุปโก สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข เผาลงที่เดียวนั้น ให้มันแจ้งในที่เดียว แล้วมันจึงเป็นสุข ไปคุม (จับ) แต่แผนที่นั้นแล้วมันก็ไม่ทันการณ์ แผนที่อันหนึ่ง ภูมิประเทศอันหนึ่ง อย่างเจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านว่าแต่ก่อนแปลเต็มที่นา แผนที่นี่ใช้วิภัตติปัจจัยได้ดี... ครั้งไปปฏิบัติได้รู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมาแล้ว โอ๊ย!!! มันน่ารักงไกลกันตั้งหลายโยชน์ อันนั้นมันแผนที่ต่างหาก แผนที่ปริยัติธรรม... ให้น้อมเข้ามาที่ก้อนธัมเมานี่ละ ก้อนพระธรรมแต่เมานี่ ตัวนี่ละค้นเข้า ๆ จนแจ้ง ครั้งแจ้งแล้วก็รู้หมดละหมู่นั้น ครั้งมันแล่นอยู่ก็ของเก่า มันเป็นธัมเมาอยู่นั้นละ พุทโธธัมเมา สังโฆธัมเมา อกุศลาธัมเมา เมาหลง เมาโกรธ เมาราคะ กิเลสตัณหา มันต้องละ พวกที้ละก้า... จะไปละที่ไหน ? ค้นอยู่นั้นละ ตัวทุกข์ มันก็เกิดนั้น ถือตัวถือตนมันก็ถืออยู่นั่น ก้อนธัมเมานี่ละ เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ สอนถึงแต่หนัง เนื้อหนังหุ้มห่ออยู่เป็นที่สุดรอบ ไม่รู้ดี รู้ชั่ว มันปิดบังหมด เป็นอวิชชาใหญ่โต อวิชามันตัวมืด... เอามันจนรู้แจ้งโล่ อรหํ มันก็หยุดละ... ไม่หยุดก็เป็นธัมเมาอยู่นั้นละ อวิชชาธัมเมา อตีตาธัมเมา อดีตก็เป็นธัมเมามาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์

    นับ อสงไขยไม่ได้ นับล้านอสงไขยไม่ถ้วน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ มาตั้งแต่อดีต อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา มันเรื่องของสังขาร รู้เท่าสังขาร รู้เท่าสมมติ วางสังขารหมด วางสมมติหมด ก็โลกวิทูรู้แจ้งโลก รู้แจ้งโลกแล้ว ก็รู้แจ้งธรรม ฉะนั้น ไม่ให้ประมาท ให้ค้นอยู่ในก้อนธัมเมาอันนี้ละ พระธัมเมาก็ว่ามันเมาอยู่กับรูปนี้ ไม่เมารูปนี้ก็รูปอื่นมีทั่วไป ครั้งค้นนี้ให้แจ้ง แล้วก็หลุดออก แล้วมันก็สบาย วางขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม เอาละอย่าไปเอามาก มันเป็นธัมเม<!-- google_ad_section_end -->


    หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
    วัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี



    การให้ทานพระพุทธเจ้าบอกว่า อย่าให้เบียดเบียนตัวเอง ถ้าเบียดเบียนตัวเองเป็นอัตตกิลมถานุโยค เป็นการทรมานตัวเอง และการให้ทานพระพุทธเจ้าให้ดูอีกว่า ควรให้หรือไม่ควรให้ ให้แล้วไปกินเหล้าเมายา ไปสร้างอันตรายให้กับคนอื่น เราไม่ให้ดีกว่า เป็นการต่อเท้าให้โจร ให้พลังแก่โจร


    พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ)


    วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร




    เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า เมื่อกาย วาจา ใจ บริสุทธิ์แล้ว ย่อมมีสิทธิ์ใช้มรดกของพระพุทธเจ้าได้ และใช้ได้จนตลอดชาติ ถ้าไม่บริสุทธิ์แล้ว แม้จะเอาไปใช้ก็ไม่ถาวรเท่าไร<!-- google_ad_section_end --> ​


    พระมหาสมุทร วราสโภ (สมุทร ศรีสงคราม )


    วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร



    คนที่เข้าใจเราได้ดีที่สุด



    ช่วยเราได้ดีที่สุด



    คือตัวเราเอง

    <!-- google_ad_section_end -->​


    หลวงปูเสาร์ กนฺตสีโล
    วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี



    1.วิปัสสนานี้ มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อกาลกิริยา มีสุคติภพ คือ มนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า หากยังไม่บรรลุผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว

    2.ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล ๕ และ กุศลกรรมบท ๑๐ จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายใน ภายนอกมีมากต่าง ๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ยากยิ่งนัก เพราะกาลที่ว่างเปล่าอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบ บางสมัย จึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

    ถ้าหากภูมิจิตของผู้ปฏิบัติจะมองเห็นแต่เพียงกายทั้งหมดนี้ เป็นแต่เพียงธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ รู้แต่เพียงว่าธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และภูมิจิตของท่านอยู่แค่นั้น ก็มีความรู้เพียงแค่ชั้นสมภกรรมฐาน ถ้าภูมิจิตของผู้ปฏิบัติ ปฏิบัติความรู้ไปสู่พระไตรลักษณ์ ถ้าหากมีอนิจจสัญญา ความสำคัญมั่นหมายว่าไม่เที่ยง ทุกขวัญญา ความสำคัญมั่นรหมายว่าเป็นทุกข์ (เพราะตั้งอยู่ไม่ได้) อนัตตสัญญา ความสำคัญมั่นหมายว่าไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ภุมิจิตของผู้ปฏิบัตินั้นก้ก้าวเข้าไปสู่ภูมิแห่งวิปัสสนา

    ธรรมะก็มีอยู่ในกาย เพราะกายมีความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พระพุทธเจ้าและพระสาวกเจ้าทั้งหลาย ท่านได้เสียสละเช่น ความสุขอันเป็นไปด้วยราชสมบัตินั้น พระองค์ท่านผู้มีคนยอย่องสรรเสริญ คอบปฏิบัติวัฏฐานแล้ว ได้เสียสละมานอนกับดินกับหญ้า ใต้โคนต้นไม้ถึงกับอดอาหารเป็นต้น

    การเสียสละเหล่านี้เพื่อประโยชน์อะไร ก้เพื่อให้ได้ถึงวิดมกขธรรม คือ ธรรมะ เป็นเครื่องพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ก็ทรงนั่งสมาธิใต้ร่มไม้ อันเป็นสถานที่สงบสงัด และได้ทรงพิจารณาซึ่งความจริง คือ อริยสัจ 4 นี้ เป้นมูลเหตุอันเป้นเบื้องต้นของพระพุทธเจ้า<!-- google_ad_section_end -->

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


    1.ตามกระแสพระธรรมเทศนาของสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทุกข์เป็นของไม่ควรละ แต่เป็นของควรต่อสู้ ความทะยานอยากได้สุขหรือไม่อยากให้มีทุกข์ต่างหาก เป็นของควรละ ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น

    2.ทุกข์กับความเพียรเท่านั้นที่มีค่ามากในโลกนี้ หากไม่มีทุกข์กับความเพียรเสียแล้ว ใคร ๆ ในโลกนี้ จะไม่ทำความดีเพื่อพ้นทุกข์ในโลกนี้และโลกหน้า ตลอดจนถึงพระนิพพาน

    3.สุขที่แท้จริง ได้แก่ จิตที่นิ่งไม่ดิ้นรน ผู้มาจับจุดความสุขที่แท้จริงได้อย่างนี้แล้ว แม้ผู้นั้นจะอยู่ในอิริยาบถใด ประกอบภารกิจการงานใด ๆ เขาจะมีใจเป็นสุขอยู่ตลอดกาลทุกเมื่อ


    <!-- google_ad_section_end -->
    พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัญโท)
    วัดหนองป่าพลู อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี


    1.พูดดีเข้าใจง่าย พูดร้ายเข้าใจยาก

    คนที่ฉลาดแล้วสอนไม่มากหรอก ถ้าคนไม่ฉลาดสอนมากแค่ไหนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มันเกี่ยวกับคนสอนด้วยนะ โดยมากคนเราไม่สบายใจจึงสอน อย่างเราจะสอนลูกเรา เราโกรธแล้วจึงสอน มันก็ด่ากันเท่านั้นล่ะ ไม่ยอมสอนกันดี ๆ หรอก ก็คนให้ใจมันสบายก่อน มันจะผิดอย่างไรก็เอาไว้ก่อน ให้มันใจดี ๆ ซะก่อน

    นี่โยมจำไว้นะ อาตมาสังเกตโยมสอนลูกแค่เวลาโมโหเท่านั้นล่ะ มันก็เจ็บใจล่ะสิ เอาของไม่ดีให้เขา เขาจะเอาทำไม ตัวเราก็เป็นทุกข์ ลูกเราก็เป็นทุกข์ นี่มันเป็นอย่างนี้ คนเรามันชอบดี ๆ ทั้งนั้นล่ะ แต่ความดีเราไม่พอ ให้ความดีมันไม่เป็นเวลา ไม่รู้จักบทบาท ไม่รู้จักกาลเวลา มันก็เป็นไปไม่ได้ อันนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น อาหารที่มันอร่อย เราต้องทานทางปากมันจึงจะเกิดประโยชน์ ลองเอาเข้าทางหูสิมันจะเกิดประโยชน์ไหม อาหารอร่อย ๆ จะมีประโยชน์ไหม คนเรามันมีประตูเหมือนกันล่ะ ต้องเข้าหาประตู ทุกคนก็เป็นอย่างนั้น<!-- google_ad_section_end -->

    2.พอ-ดี

    ดูพระพุทธรูปท่านนั่งยังไงไหม ท่านแหงนหน้าขึ้นหรือเปล่า ท่านก้มลงหรือเปล่า ลักษณะพอดี กายให้มันพอ เพราะเวลานี้เดี๋ยวนี้เราจะทำให้มันพอดี ทำกายให้มันพอดี ทำใจให้พอดี กายใจไม่พอดีแล้วมันก็ไม่สงบ

    เคยรู้จักไหม สิ่งที่มันไม่พอดีนั่นน่ะ มันไม่ดี สิ่งที่มันดีนั่นคือมันพอดีทุกอย่าง ไม่ต้องดูอื่นไกลหรอก ดูแกงที่เราทานกันนั่นน่ะ ถ้ามันเค็มไปอร่อยไหม ถ้ามันจืดไปอร่อยไหม เท่านั้นแหละ แม่ครัวทำแกงก็หาสิ่งที่มันพอดี

    ทุกอย่างหาสิ่งพอดีเท่านั้นแหละ วันนี้จงทำกายให้มันพอดี ทำใจให้มันพอดี
    3.ประจักษ์ใจในไตรลักษณ์

    เหมือนเด็กหรือผู้ใหญ่เล่นลูกโป่ง เห็นลูกโป่งมันลอยอยู่ ต่อไปลูกโป่งมันจะเป็นยังไง โอ้ มันเป็นของไม่แน่นอนนะ มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นของไม่เที่ยงไม่แน่นอน ต่อไปมันจะต้องแตก อันนี้เป็นความเห็นของผู้ใหญ่ เป็นความเห็นของผู้ที่มีปัญญา ไม่ไว้ใจในลูกโป่งแล้ว เห็นว่าลูกโป่งจะแตกแน่นอนอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา เห็นชัดเจนเข้าไป จนกว่าลูกโป่งจะแตกลงไปแล้ว แตกตูม ใจก็สบาย

    ทำไมมันถึงสบาย เพราะวิปัสสนามันเกิดแล้ว เพราะมันเห็นลูกโป่งแตกก่อนจะแตกใช่ไหม มันแตกเดี๋ยวนี้ มันแตกทีหลังแตกที่เราเห็น ปัญหานี้ก็ไม่เกิดขึ้นมาเลยฉันนั้น เฉพาะว่าร่างกายของเรานี้ ก็เหมือนกันหรือหากว่าเราได้อะไรมา วัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาแล้ว มีความรักมาก เราต้องเข้าใจว่าอันนี้ต่อไปต้องแตก

    ยกตัวอย่างถ้วยใบหนึ่งหรือจานใบหนึ่งสวย ๆ นี่เราได้มาแล้วดี ๆ บางคนมันก็ชอบใจนะ ชอบใจมากดีอกดีใจนี่เด็กมันเป็นอย่างนี้ คนไม่มีปัญญาก็นึกว่ามันดีนึกว่ามันไม่แตก ผู้มีปัญญาแล้วก็เห็นแก้วใบนี้หรือจานใบนี้ขึ้นมา ได้มาแล้ว ความดีใจเกิดขึ้นมาแล้วรู้ก็ต้องจากเราไป มันจะต้องแตกจากเราไป มันไม่แตกเราก็ต้องแตกจากมันไป คิดได้อย่างนี้เรียกว่าจิตมันสูงแล้ว มันจะพยายามให้พ้นทุกข์แล้ว ต่อไปนาน ๆเราใช้จานใบนั้นแล้วมันแตกๆแล้ว อาการเช่นนี้เป็นวิปัสสนา แก้วใบนี้แตกก็ไม่มีอะไรเป็นธรรมดาอยู่อย่างนั้น<!-- google_ad_section_end -->


    หลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน มลิพันธ์)
    สวนอาศรมบางมด บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร



    "ฉันน้อยทำความเพียรมาก ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจ ไม่คำนึงถึงลาภสักการะ ยศถาบรรดาศักดิ์ ขอกำจัดพญามาร และเสนามารน้อยใหญ่ ที่คอยมารบเร้าจิตใจ ให้ราบคาบสิ้นไปเท่านั้น..."
    <!-- google_ad_section_end -->

    พุทธทาสภิกขุ
    วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม )
    อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

    1.ขอคัดค้านคำกล่าวที่ว่า "งานคือเงิน เงินคืองาน" ว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งสอนให้ทำงานในฐานะเป็นหน้าที่ที่ถูกต้องสำหรับสิ่งที่มีชีวิตทุกชนิด มิใช่ทำเพียงเพื่อหาเงินมาปรนเปรอชีวิตให้หลงระเริงในอบายมุขหรือความเริงรมย์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่อง "บ้าวูบเดียว" ขอฝากมรดกการคัดค้านนี้ไว้ได้วย

    2.หลักการที่ว่า "เอาเชื้อโรคมาแก้ไขโรค" นั้น นำมาใช้ได้ในการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา โดยการเอากำลังของความโลภมาละโมบในการทำความดีหรือบุญกุศล เอากำลังของความโรกธมาอาฆาตโกรธแค้นต่อกิเลสและความทุกข์ เพื่อทำลายเสียในฐานะศัตรู เอากำลังของโมหะมาหลงในการทำความดีขั้นต้น ๆ แทนการหลงชั่ว ทั้งนี้เพราะเรามีสิ่งทั้งสามนี้เป็นเดิมพันอย่างรุนแรงอยู่ในจิตใจกันอยู่แล้ว อย่างเต็มที่

    3.ความทุกข์สอนอะไร ๆ ให้เราได้ดีกว่าความสุข คือ สอนตรงกว่า มากกว่า รุนแรงกว่า ความสุขมีแต่ทำให้ลืมตัว เหลิงเจิ้ง ไม่ทันรู้ และ ไม่ค่อยสอนอะไร ขอขอบใจความทุกข์ ซึ่งเป็นเสมือ"เพชร"ในหัวคางคก.<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2010
  10. โอ ท่าซุง

    โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,436
    สวัสดียามเช้าพี่หนุ่มฯและทุกท่านครับ....:cool:
     
  11. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดีครับ ทุกท่าน ดีใจครับที่พี่หนุ่มกลับมาแล้ว ขอให้ทุกท่านรวมทั้งพี่หนุ่มมีความสุขนะครับ
     
  12. chopper1972

    chopper1972 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +13,153
    ช่วงที่พี่หนุ่มไม่อยู่ พี่ๆน้องๆ ต่างก็ช่วยกันมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ แม้จะต่างกันที่ลีลา สำนวน และรสชาติ....แต่ก็แอบๆย่องเข้ามาอ่านอยู่เรื่อยๆ

    ....ยินดีต้อนรับพี่หนุ่มกลับสู่มาตุภูมิครับ:cool:
     
  13. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    รบกวนถามพี่หนุ่ม คุณศิษย์หลวงปู่กวย 009 ว่าพระสิวลี เนื้อดินองค์ในภาพนี้เป็นของหลวงปู่กวย หรือเปล่าครับ แล้วประวัติการสร้างพระรุ่นนี้เป็นอย่างไรครับ ดีทางด้านใดเป็นพิเศษครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02046.JPG
      DSC02046.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      113
    • DSC02047.JPG
      DSC02047.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111 KB
      เปิดดู:
      93
    • DSC02049.JPG
      DSC02049.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137.2 KB
      เปิดดู:
      100
  14. kanpatsavee

    kanpatsavee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,327
    ค่าพลัง:
    +7,003
    สวัสดียามเช้าค่ะ ฝนตกแถวรามอินทราทั้งคืนเพิ่งจะหยุดช่วงเช้าๆนี่เองค่ะ คนแถวรามอินทราคงหลับกันสบายนะคะ รวมถึงคนที่อื่นๆด้วยนะคะ
     
  15. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
  16. The29

    The29 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +2,279
    สวัสดีครับพี่หนุ่ม ดีใจครับที่พี่กลับมาอย่างปลอดภัย

    อ่านเรื่องของพี่หนุ่มแล้วตื่นเต้นดีครับ

    จะคอยติดตามอ่านตลอดครับผม
     
  17. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,521
    ใช่ครับพิมพ์นี้ก็มีพระของหลวงปู่กวย แต่ไม่ใช่เนื้อนี้ ที่เคยเห็นพระของหลวงปู่กวย จะเป็นเนื้อผงน้ำมันถอดพิมพ์ครับ(kiss) ส่วนพระที่คุณเอามาลงนี้เป็นพระสนามครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2010
  18. farin001

    farin001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +948
    อนุญาตนะครับ
    "ในพระพุทธศาสนาของเรากล่าวว่าพระที่อุดมด้วยโชคลาภนั้นมี ๒ องค์ คือ พระสิวลี และพระสังกัจจายน์ เล่ากันว่าในอดีตชาติของทั้ง ๒ ท่านนั้นชอบทำทานเป็นที่สุด ซึ่งอุปนิสัยนี้ตรงกับหลวงพ่อ คือ หลวงพ่อชอบเทศน์กัณฑ์ทานกัณฑ์ของพระเวศสันดร แม้แต่ในตำราพระมาลัยคำหลวงยังได้กล่าวว่าพระมาลัยได้ขึ้นไปบนสวรรค์ได้ไปเฝ้าพระศรีอาริยเมตไตย พระศรีอารย์ยังได้สั่งพระมาลัยให้มาบอกโลกมนุษย์ว่า ถ้าใครปารถนาจะเกิดในศาสนาของพระองค์ ให้บริจาคทานทำทานมีจิตเป็นกุศลแบบพระเวศสันดร ภายหลังเมื่อหลวงพ่อได้เรียนวิปัสนากรรมฐานสำเร็จ หลวงพ่อยังสามารถติดต่อกับพระสิวลี และพระสังกัจจายน์ได้ และหลวงพ่อยังได้วาดรูปลายเส้นเป็นรูปดวงแก้วพระสิสลีเอาไว้ด้วยซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน หลวงพ่อยังทำธงพระสิวลี ปักไว้ที่กระถางสำหรับบูชา หลวงพ่อยังได้เขียนไว้ว่า ฉันเองสวดทุกวัน มิได้ขาดเลย ในใบฝอยของหลวงพ่อจะเขียนว่า ถ้าท่องบ่นเป็นประจำจะมีสง่าราศรีดีขึ้น ซื้อง่ายขายคล่องจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ฉังเองสวดประจำมิได้ขาดเลย ภายหลังหลวงพ่อได้สร้างพระสิวลีขนาดห้อนคอขึ้นมาขนาดใหญ่ก็มี แต่องค์ในภาพนี้เป็นขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย เป็นพิมพ์มีย่าม(พิมพ์มีย่ามเนื้อผงน้ำมัน หายากมากหายากกว่าเนื้อดินมากนัก เป็นพระที่หลวงพ่อสร้างโดยการถอดจากพระสิวลีเนื้อดินพิมพ์มีย่าม ซึ่งเป็นพระตลาดครับ ) เกี่ยวกับการพกผงพระสิวลีหรือพระสังกัจจายน์ ติดตัวนี้ก็เหมือนกับเราไปไหนก็ไปกับผู้มีบุญบารมี เช่น ไปไหนไปกับผู้หลักผู้ใหญ่ คนอื่นไปเขาเข้าไม่ได้ แต่พอเราไปเรากลับเข้าได้ คนอื่นไปเขาไม่ให้ แต่เราไปเขาให้ คือเขาเกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่นั่นเอง แม้แต่ในครั้งพุทธกาลก็มีเรื่องเล่าเอาไว้ คือมีพระสงฆ์ ๒ องค์มาจากวรรณะต่ำเมื่อไปบิณบาตรก็ไม่มีคนใส่บาตร อดอยาก ภายหลังได้มีพระผู้ใหญ่แนะนำว่า ให้ไปหาพระธาตุพระสิวลี หรือกระดูกของพระสิวลีมาติดตัว จะทำให้ไปไหนมาไหนไม่อดอยาก พระ ๒ องค์ก็ปฏิบัตตาม เมื่อไปบิณบาตร ก็ไม่อดไม่อยากอีกเลย ด้วยเป็นเพราะบุญบารมีของพระสิวลีนั้นเอง เท่าที่เล่ามาถึงคุณวิเศษของพระสิวลี และคำกล่าวขานที่ว่าหลวงพ่อสามารถติดต่อกับพระสิวลีได้ ก็นับว่าพระสิวลีที่หลวงพ่อท่านทำนั้นน่าใช้และน่าหามาติดตัวไว้เป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าใครไม่มีก็ให้คาถาบูชาพระสิวลีก็ได้ครับ ดีเหมือนกัน"
    ดีทางไหนผมไม่ขอตอบดีกว่ารอให้ศิษย์พี่มาตอบดีกว่าครับ ตอบทีเดียวจบเลยครับ
     
  19. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    [
    ข้อมูลดีสุดยอดครับ อยากทราบเพิ่มเติมครับ พระองค์นี้เป็นเนื้อดินครับ ภาพถ่ายผมอาจไม่ชัดรายละเอียดอาจไม่มากครับ
     
  20. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ขอบคุณมากครับ ที่กรุณาตอบให้ ผมเห็น มีพระอยู่บนหิ้งที่บ้านซึ่งมีคนเคยบอกเป็นของหลวงพ่อกวย และบอกว่าเป็นของดี ตัวผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจมาก เพราะไม่ค่อยทราบรายละเอียดเกี่ยวกับหลวงพ่อมากนัก เพิ่งมาเริ่มสนใจท่านก็กระทู้ของพี่หนุ่มนี่แหละครับ แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปเช่าหาจากที่ใด ก็คิดแต่เพียงว่า ถ้ามีวาสนาท่านคงมาโปรดเอง เพราะกลัวของเก๊ที่มีอยู่เกลื่อนเมืองและไม่รู้ว่ามีพิมพ์อะไรบ้าง เมื่อคืนนอนดูบอลอยู่ เลยนึกขึ้นได้ว่าเราก็มีนี่หว่า ... แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะแท้หรือเก๊ อย่างไร เลยนำมาขอความกรุณาท่านที่เป็นศิษย์ หรือผู้รู้ ประมาณว่าเผื่อดี จะได้นำท่านไปห่มจีวร ให้เรียบร้อย เพื่อนำไปบูชาให้เป็นทางการ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็รอท่านมาโปรดต่อไปครับ ขอบคุณอีกครั้งที่กรุณาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...