มหัตภัยนางแก้วภาระใจของผม

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Toniz, 24 กันยายน 2006.

  1. BOONCHAUY

    BOONCHAUY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +344
    ก็ขอให้ผ่านบททดสอบนี้ให้ได้น๊ะครับ

    กรรมของแต่ละคนต่างกันครับ กรรมเป็นตัวนำพา ช่วยได้ก็ช่วยครับ
    แต่เมื่อมันสุดความสามารถแล้วก็ให้วางอุเบกขา ครับ ขอให้ผ่านไวๆ คับ
     
  2. aree supanan

    aree supanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +182
    สำรวจใจคุณว่าต้องการแค่ไหน....เพราะบอกรึไม่สักวันเธอคงรู้ได้จากกำลังสมาธิ หรือจิตใต้สำนึกของเธออาจจะรู้สึกผูกพันหรือเคยคุ้นเคยกับคุณมาก่อน แต่การที่ได้มาพบกันไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ถ้าเรารักแบบใช้พรหมวิหาร4 นั้นเราจะยินดีกับเธอ และช่วยเธอตลอด แต่เราว่าตอนนี้คุณกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรดีมากกว่าน่ะ ว่าจะรักแบบไหน จะรักแบบพรหมวิหาร4 หรือรักแบบครอบครองเขา ถ้าได้ครอบครองก็จะทำให้เราไปทำบุญที่ไหนก็สบายใจ และดีมั๊กๆ เราว่ามันทำใจลำบาก ยากมั๊กๆ สู้เขา...เพราะเราก็แทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกั๊น...แต่ก็ถือว่าเป็นการทดสอบใจของเราไปในตัวน๊า...ว่าเข้มแข็งแค่ไหน....
     
  3. t_kanhachalee

    t_kanhachalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +124
    เดินเดี่ยวแรมทางกลางเถื่อน ห่างเพื่อนห่างผู้ห่วงหา
    ดั้นด้นตามหนมรรคา สายตาสบลูกพระยามาร
    พระองค์ทรงสอนให้เลี่ยง อย่าเสี่ยงกับหน่วยล่าสังหาร
    ถ้าพราดเธอฟาดแหลกราญ ล้างผลาญปี้ป่นวอดวาย
    ชีวิตอุทิศเพื่อศาสน์ นับชาติต่อสู้ไม่ไหว
    ถ้าพลาดชาตินี้คงอีกไกล หากเธอมาใกล้ทำไงดี
    เห็นเธอมาใกล้ใจสั่น ประหวั่นในจิตคิดหนี
    แต่หยิ่งว่าวิชาเราก็มี ศึกนี้ขอสู้ขาดใจ
    มองหน้าเพ่งเห็นเป็นกระดูก เพ่งถูกแต่จิตคิดสงสัย
    ส่วนอื่นจะเห็นเป็นอย่างไร คิดมาคิดไปใจทรมาน ฯ

    ขอสนทนาด้วยนะครับ
    ผมว่าสิ่งนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ข้อหนึ่ง เพื่อให้เรารู้ว่าเรายังมีกิเลสใดบ้างเพื่อจะได้ปฏิบัติต่อไป
    เพราะถ้าเราต้องการสู่พระนิพาน จิตอันแท้จริงของพระอรหันต์คือ บริสุทธิ์ ผ่องใส ปราศจากซึ่งกิเลสทั้งมวล(ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน)(เนกขัมมะบารมี) หรือถ้ายังไม่ถึงลงมาอีก เรียกนามสมมุติว่าพระอนาคาจะไม่มี กามราคะเลย ส่วนพระสกทาคามี กามราคะก็จะเบาบ้าง และพระโสดาบัน กามราคะยังมีปกติอยู่แต่ไม่ล่วงละเมิดศีล(ศีลบารมี,สัจจะบารมี) (พูดเฉพาะเรื่องกาม)นี้คือจิตที่ข้ามพ้นปุถุชน เป็นพระอริยะ(เป็นทางสายเดียวและทางสายเอกเท่านั้นเพื่อจะล่วงทุกข์)
    สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณFrozen n ก็อาจจะเป็นมารเพื่อมาหลอกล่อคุณก็ได้ เพื่อขัดขวางการปฏิบัติธรรมของคุณ ไม่ว่าสิ่งที่คุณเห็น จะสวยสดงดงามสักปานใด เสียงที่คุณได้ยินจะไพเราะขนาดไหน กลิ่นที่หอมหวนชวนหลงไหล มันก็เป็นกิเลส ที่ทำให้จิตคุณปรุงแต่ง ทำให้คุณยินดี พอใจ ติดใจ ยึดว่าเป็นของคุณ ทั้งที่ตัวมันเองก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แปรเปลี่ยนไป จิตที่คุณยินดี พอใจ มันก็ต้อง แปรเปลี่ยนไป สัญญาทึ่เกิดขึ้นกับคุณ ที่คุณจำได้ มั่นหมายได้ ในตัวมันเองก็ไม่เที่ยงครับ แล้วคุณจะเอาสิ่งใดเหล้า มายึดมั่นถือว่าเป็นของคุณ จิต อันที่จริงแล้วในตัวมันเองก็เกิดดับ แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา และก็เป็นประภัสสร แต่เผอิญเรามองด้วยตาเปล่าเห็นว่ามันต่อเนื่อง ถ้าคุณกำหนดดี ๆ คุณจะเห็นว่ามันแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด คุณลองกำหนดดู เพราะจากที่คุณเขียนไว้ แสดงว่าคุณก็มีวิชาธรรมมะเหมือนกัน
    จริง ๆ แล้วกามราคะเป็น สิ่งที่ยากครับ พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสว่า กามราคะเปรียบเสมือนเป็นยางเหนี่ยว ยากนักที่จะสลัดได้(แต่ก็มิได้หมายความว่าสลัดไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ)
    คุณควรพยายามกำหนดสติบ่อย ๆแล้วปลงอสุภะบ่อยๆ ระลึกมองดู ความไม่สวยงามต่างๆ ในร่างกาย ร่างกายเป็นสิ่งสกปรก มีแต่จะผุพังเน่าเปื่อยลงไปเรื่อยๆ ดูจิตไปเรื่อย ๆ ดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่าไปเพ่ง ไปจ้อง ไปบังคับ อารมณ์ที่เกิดขึ้น(ไม่รับและก็ไม่ปฏิเสธ)ทำใจให้เป็นกลาง (อุเบกขา)สร้างตัวรู้ขึ้นมา(เพียงแค่รู้)รับแล้วปล่อย รับแล้วปล่อย ตาที่เราเห็น เสียงที่เราได้ยิน จมูกที่เราได้กลิ่น ลิ้นรู้รส กายรู้สัมผัส จิตรู้อารมณ์ ๖ ทวารที่เกิดขึ้นตลอดนี้ น้อมเข้าสู่พระไตรลักษณ์ทันที มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แปรเปลี่ยน ด้วยตัวของมันเอง ตามธรรมชาติ บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ต้องไปเกลียด ไม่ต้องไปชัง ไม่ต้องไปไม่ชอบ อารมณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้นะครับ ว่าทำไม่เราต้องรู้สึกกับเข้าแบบนี้ บางทีดูเหมือนเราสงบไม่มีกิเลส วางเฉย แต่จริงๆแล้วก้นลึกมันยังมีอยู่(ถ้ายังไม่ข้ามพ้นอารมณ์ปุถุชน) เพราะจิตดวงนี้มันสะสมเจตสิกมาหลาย ๆๆๆๆๆชาติ แต่จิตที่เราไม่รู้(อวิชา)เอาเข้าไปปรุงแต่ง ไปเรื่อย ๆๆๆๆๆๆๆ เป็นสังสารวัฏ อยู่อย่างนี้ พยายามถอดถอนครับ ต้องพยายามระงับ (ขันติ)มีวิชาอะไรงัดมาใช้มาหมดครับ
    อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณมันก็ทำคุณนั่งสมาธิไม่สงบ เหมือนที่ผ่านมา (เพราะมันไม่เที่ยง) พยายามแผ่เมตตาไปด้วยนะครับ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปกับเข้า ถึงแม้จะพาเข้าไปทำบุญก็ตาม เพราะถ้าอินทรีย์เรายังไม่แก่กล้าพอ เราจะลำบาก ไม่ต้องกลัวว่าเข้าจะไปเจอคนไม่ดี เพราะกรรมใคร กรรมมัน ถ้าเข้าสร้างมาดี เข้าย้อมเจอสิ่งที่ดี แต่ถ้าเข้าสร้างกรรมมาไม่ดี อย่างไงซะเข้าก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น(ปัญญา) มีหลายวิธีที่จะช่วยเข้าได้ คุณก็สามารถนั่งแผ่ช่วยเข้าได้นีครับ พูดให้คำแนะนำได้(ทาน,เมตตา)
    เอาใจช่วยครับ กว่าเราจะเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก มีชีวิตอยู่ก็แสนยาก พบพระพุทธศาสนา และปฏิธรรมนั้นก็แสนยาก(วิริยะ,อธิฐาน)
    //นี้เป็นเพียงคำสนทนา-พูดคุยกันเท่านั้นนะครับ //อ่านแล้ว เห็นหนอ คิดหนอ ชอบหนอ หรือไม่ชอบหนอ ก็ไม่เที่ยงหนอ //ผิดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ

    ส่วนอื่นก็เป็นเช่นใบหน้า พระคุณท่านไม่ต้องสงสัย
    กำหนดเห็นหนอนั่นปะไร กำหนดได้แล้วไซร้ใจไม่ทรมาน
    ..บทกลอนจากหนังสือ วิถีแห่งพุทธะ พระนวลจันทร์ กิตตฺติปญฺโญ
     
  4. Raindrops

    Raindrops เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ...สิ่งใดเล่าในโลกนี้จะสามารถทำลายความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของชาย ได้เท่ากับกำลังแห่งสตรชายใดไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งสตรี ไม่ยินดีในลาภและยศ ชายนั้นชื่อว่าผู้เข้มแข็งอย่างแท้จริง เป็นผู้ชนะโลก...---จาก พระอานนท์พุทธอนุชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006
  5. Raindrops

    Raindrops เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ผู้ใดมีใจไม่หวั่นไหวด้วยเบ่งบานของดอกไม้งาม ดนตรีและอาการเยื้องกรายแห่งสตรีสาว ผู้นั้นถ้ามิใช่นักพรตก็เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ---การติดต่อเกี่ยวข้องและคลุกคลีด้วยสตรีเพศนั้น ใครเล่าจะหักห้ามใจมิให้หวั่นไหวไปตามความอ่อนช้อย นิ่มนวลและอ่อนหวานของเธอ มีคำกล่าวไว้มิใช่หรือว่า "ความงามนั้นเป็นอำนาจที่คุกคามจิตใจของปุถุชนให้แพ้ราบ และการยิ้มนั้นคือคมดาบของเธอ เมื่อใดพบความงาม ถ้าความงามนั้นยังไม่ยิ้มก็ยังมีทางจะรอดพ้นไปได้ แต่เมื่อความงามนั้นยิ้มออกมา ย่อมหมายถึงเธอส่งคมดาบออกมาแล้ว" และยังมีคำกล่าวอีกว่า "เมื่อสตรีงามยิ้ม ย่อมหมายถึงถุงเงินของผู้ชายร้องไห้" ทำไมนะสัตว์โลกจึงหลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส เสียจริงๆ สตรีที่พราวเสน่ห์แต่ไร้มโนธรรม จิตใจสกปรกจึงเป็นเพชฌฆาต มือนุ่มซึ่งมียิ้มและกิริยาที่ยียวนเป็นคมดาบ มีน้ำตาเป็นหลุมพรางสำหรับให้ชายตกลงไปในหลุมน้ำตานั้น
    บางทีเธอจะมีความสุขร่าเริงเหมือนนกน้อย ในขณะที่หัวใจของชายที่เธอเคยปอง ร้าวสลายลงด้วยความผิดหวัง บางทีเธอจะทำเป็นโกรธชายที่เธอแสนจะหลงรักเพียงเพื่อพรางสายตาของคนอื่น บางทีเธอจะยิ้มอย่างอ่อนหวานในขณะที่ในความรู้สึกของเธอแสนจะเคียดแค้นและชิงชังเขา และบางทีเธอจะร้องไห้น้ำตาอาบแก้มในขณะที่ใจของเธออิ่มเอิบไปด้วยปีติปราโมช อา! จะเอาอะไรเล่ามาวัดความลึกแห่งหัวใจของสตรี พระศาสดาตรัสไว้มิใช่หรือว่า อาการของสตรีนั้นรู้ยากเข้าใจยาก เหมือนการไปของปลาในน้ำ ------จากพระอานนท์พุทธอนุชา

    ไม่เกี่ยวไรกับนางแก้วของเจ้าของกระทู้
    แค่เอามาเตือนหนุ่มๆ ว่า อย่าหลงเชื่อผู้หญิง น่ะค่ะ อิอิ
    ขนาดเป็นผู้หญิงยังหลงเชื่อตัวเองเลย 55+

    ชายชอบหญิงเป็นเรื่องธรรมดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006
  6. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ขอถามคำถามคุณ"พระเอก"ในเรื่องอีกสักคำถามนะว่า.....ถ้าบังเอิญ"นางแก้ว"ของคุณที่เจอในnet หน้าตาเหมือนนาง"แก้วหน้าม้า" ฟันใหญ่ปากกว้าง ตาแหล่ หลังโก่ง ปากเหม็น อ้วน180kg ก้นใหญ่เท่ากาละมัง มีนึ้วมือนึ้วเท้าข้างละ7 หัวล้าน คุณจะยังสน"เธอ"ไหม? คุณจะมาแค"เธอ"อีกไหม? แล้วจิตใต้สำนึกของคุณจะยังบอกว่า"เธอ"เป็น "นางแก้ว"ของคุณอีกไหม? เอาจากใจคุณนะ man man ....??????
     
  7. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ยศถาบรรดาศักดิ์...ไม่อาจมอมเมาจิตใจได้
    ยากไร้ ต่ำต้อย...ไม่อาจแปรปณิธาน
    ใต้อิทธิพลอำนาจ...ไม่ยอมสยบ
    ไม่หวั่นไหว...ต่อความงามสตรี
    ไม่โอนอ่อน...ต่อถ้อยคำวิงวอน
    ไม่ผันแปร...เพราะการให้เกียรติ
    นี่คือ...ลูกผู้ชายที่แท้จริง
    ...................................
    (เม่งจื๊อ)
     
  8. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    <!-- currently active users --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 13 คน ( เป็นสมาชิก 8 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Carbonato, 4win, เอเอ, ren, toe, wit, yeen, ชะเอม </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    กระทู้นี้ มักหลายเนาะสู
     
  9. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646
    (verygood) มือเรานั้นแหละตัวดี ชอบไปกอดเขาเอง เหอๆ ชีวิตรันทด
     
  10. Siblings

    Siblings สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +14
    อืม.. กำลังคิดอย่างที่คุณ Toe เขียนไว้เลยค่ะ
     
  11. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    สุดยอดไปเลย

    ได้อารมณ์ มั่กมั่ก

    กักๆๆ
     
  12. yeen

    yeen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +3,656
    กรี้ดดดดดดด!!! ไครจะว่ายังไงผมไม่รู้ แต่ลองมาเป็นพวกผมสิจะรู้สึก ใช่มะ คมอ้นน
     
  13. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    น้องเย็นๆพวกน้องเป็นพวกไหนหลอ .....???? คนหลือว่า"โอปะปาติกะ" (ล้อเล่น)
     
  14. yeen

    yeen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +3,656
    โอปะปาติกะพี่ หื่นกามด้วย เหอๆ
     
  15. นพสร

    นพสร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +1,176
    ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจยากคะ
     
  16. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...................(ทุสะนะโส)
     
  17. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    พระอานนท์ตอบ"...บุคคลผู้กำหนัด อันความกำหนัดครอบงำรังรัดจิตใจไว้ ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน ตามความเป็นจริง ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น ตามความเป็นจริงย่อมไม่รู้ซึ่งประโยชน์ตนและผู้อื่น๒ฝ่ายตามความเป็นจริง...ความกำหดัดแล ทำให้เป็นมืด ทำให้เป็นคนไร้จักษุ ทำให้ไม่รู้อะไร ทำให้ปัญญาดับ เป็นไปในฝ่ายความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน.."







    อันนี้จากคนฝึกมโนฯไปถามองค์ปฐมมา
    พระองค์ทรงตรัสประมาณว่า การหลงอยู่กับสังขารขันธ์ คล้ายดั่งล่องลอยในความฝัน และหาโยชน์อันใดมิได้ มีเวทนาเป็นอารมณ์คล้อยตามความฝัน พลาดจากความจริงที่ควรกระทำ ในที่สุดอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย พลาดจากสิ่งนั้นไป ฉะนั้นไม่มีประโยชน์

    หง่ะ เอาฟังจากอีกคนดีก่า(อันนี้ไม่ได้ถามองค์ปฐมนะครับ)

    โมชิ says:



    <DIR>
    ใครไม่รู้เรารู้เองว่าตอนหลงนั้นเป้นยังงัย ช่างน่าเศร้าใจ เราไม่อยากให้ใครหลงอย่างเรา นี่คือส่วนหนึ่งของการเป็นมาของพุทธภูมิ



    </DIR>
    โมชิ says:



    <DIR>
    บางคน เรายิ่งพาเค้าออก กลายเป็นดันให้เค้าเข้าลึก บางคนเห็นทาง แต่ก็ยังจับมือกับสิ่งที่ตนยึดติดอยู่ อย่างนั้นก้ต้องถูกดึงสิ



    </DIR>
    โมชิ says:



    <DIR>
    จะออกได้งัย



    </DIR>
    โมชิ says:



    <DIR>
    ก็เหมือนกับยามเราสุขก็สุขจนลืมทุกข์ กิเลสมันปรนเปรอเราได้ดีนัก ยิ่งกว่าคนรู้ใจเราซะอีก ใครจะอยากออก เมื่อรู้ตัวอยากจะออกก็รับรู้ถึงทุกข์ พอทุกข์ก็ท้อหมดทางออก พอสู้ต่อทางออกก็เปิด



    </DIR>
    โมชิ says:
    ความจริงไม่ใช่แค่ความรัก ความกำหนัดยินดี ที่ทำให้เรามืดมน แต่ทุกการยึดติดทุกอย่างทำให้เรามองไม่เห็นทาง

    โมชิ says:


    <DIR>
    ยึดบ้างมัวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไรหรอก เด๋วก็ผ่านพ้น


    </DIR>
    โมชิ says:
    น่ะจ๊ะ ปล่อยไปเรื่อยเหอะ ตามกำลังตน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กันยายน 2006
  18. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Carbonato, BOONCHAUY, den_siam2523, frozen_nuclear, toe, yeen, ลูกหลานหลวงปู่ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    เยี๊ยกกกกกก

    คนเยอะจริงๆ
     
  19. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    ธรรม แบ่งออกเป็น 3 กาล คือ ปัจจุบันกาล อดีตกาล อนาคตกาล ซึ่ง เกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง ดับเป็นสุดท้าย เป็นนิจวัตรหาระหว่างมิได้ เมื่อปัญญาญาณไม่เห็นแจ้งในฝ่ายนิโรธสัจจะ เป็นเนืองนิตย์ติดต่ออยู่แล้ว ความเบื่อหน่ายจากความหลง ความคลายเมาจากความหลง ความหลุดพ้นจากความหลงก็จะไม่มีทางปรากฎ ญาณวิมุตติอันถ่องแท้ก็ยิ่งมองไม่เห็นพอริบหรี่เลย
    กิเลส มีทั้งปัจจุบันกิเลส อดีตกิเลส(สัญญา) อนาคตกิเลส ถ้าปัจจุบันจิตปัจจุบันธรรมไม่มีกำลังพร้อมด้วยสติปัญญาแก่กล้าเหนืออ้ายหลงๆไปแล้วย่อมตีเมืองกิเลสไม่แตก ฉะนั้นแล้วกิเลสมันจึงมักจับเอาเป็นเชลยศึก
    จะบรรเทาระงับได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา อันถูกต้องทางพุทธศาสนาเท่านั้น
    การสู้รบกับกิเลสของตนด้วยความเมตตาสามัคคีจะประสบแต่ความร่มเย็นปราศจากเวรภัย เหมือนลูกพ่อแม่เดียวกัน(ลูกพระพุทธเจ้า) รักชีวิตตนก็รักชีวิตผู้อื่นด้วย รักความสุขตนก็รักความสุขผู้อื่นด้วย รักเคารพของตนก็ต้องรักเคารพของผู้อื่นด้วย เหล่านี้เป็นต้น ทะเลเลือด ทะเลน้ำตา ทะเลเวร ทะเลภัยก็สงบไป เพียงรักษาศีล5เท่านั้น(คิด พูด ทำ) กฎหมายโลกกฎหมายธรรมก็บริบูรณ์แล้ว พระพุทธศาสนาเป็นกฎของธรรม ตายตัวทั่วไตรโลกา ทั้งโลกอดีต โลกอนาคต โลกปัจจุบัน ด้วยเป็นกฎของธรรมแท้อยู่ทุกกาล ทันสมัยอยู่ทุกกาล
    ธรรมที่ช่วยคุ้มครองโลกได้มีอยู่ 2 ข้อ ที่พระบรมศาสดาได้ยืนยันแล้ว
    1.หิริ ความละอายต่อบาปทุจริต
    2.โอตตัปปะ ความสะดุ้งกลัวต่อบาปทุจริต
    หากมีประจำใจของมนุษย์อยู่ทกๆท่านทุกๆหัวใจ

    เธอเห็นไหม เธอรู้ไหม เธอเข็ดหลาบๆไหม (ทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย ทุกข์ปรารถนาไปมิสมหวัง ทุกข์พลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ประสบสิ่งที่ไม่น่าชอบเหล่านี้) เธอจะปฏิบัติอย่างไงเล่า
    เรียนตอบว่า ทุกข์เหล่านี้เป็นทุกข์ฝ่ายกิเลสโต้งๆ อยู่แล้วต้องทำใจพร้อมทั้งสติปัญญาให้เหนือและสูงไปกว่าทุกข์เหล่านี้ด้วยวิธีเห็นว่า ต้องไม่ยืนยันเอาทุกข์มาเป็นตัวตน เรา เขา สัตว์ บุคคล
    ต้องไม่ยืนยันเอาเรา เขา สัตว์ บุคคล ว่าเป็นทุกข์
    ไม่ยอมทำใจให้โศกเศร้าด้วยเพราะอำนาจที่ได้เคยรู้แจ้งในกอง นาม-รูป ว่าเป็นของไม่ได้อยู่ในวงแขนของผู้ใด มีหน้าที่เกิดขึ้นแล้วแปรไปแตกสลายไปอยู่ไม่ว่าจะเป็นทาสของผู้ปรารถนาและไม่ปรารถนา ถ้าไม่ยอมละยอมถอนความเข้าใจผิดตอนนี้แล้วก็จะทุกข์ใจเป็นทวีคูณ ไม่มีประตูจะดับทุกข์ได้ เพราะส่วนนี้เป็นทุกข์ที่ควรละด้วยปัญญาอันรอบคอบ เพราะทุกข์เหล่านี้มันเนื่องมาจากวัตถุนิยมหวังอยากจะให้อยู่ในวงแขนและกำมือของตนคล้ายกับว่าจะกอบเอาดินทราย กำเอาดินทรายมิให้เล็ดลอดมือของตัวเลย คล้ายกับจะปั้นน้ำให้เป็นรูปสัตว์ รูปคนไปต่างๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องทวนกระแส ดูความเข้าใจผิดของตนแล้วปล่อยวางความหวังอันโง่ๆเสีย ปัญญาก็เหนือสูงขึ้นจากความหลงแล้วไม่สามารถจะกลับกลืนความหลงคืนได้ง่ายๆได้เลย เว้นไว้แต่สติปัญญาอ่อนกว่าความหลงในตอนนี้ ถ้าสติปัญญาเหนือจากความหลงในตอนนี้แล้วก็เหนือจากความโง่ไปหมดทุกประเภท ความโง่จะขบถคืนไม่ได้ ชนะความหลงตอนนี้แล้วไม่มีประตูกลับคืนแพ้อีกเลย
    ----------------------------------
    หนังสือชีวประวัติ พระหล้า เขมปัตโต หน้าที่ 282-287
    ผู้จัดพิมพ์เพื่อเป็นธรรมทาน
    คุณวิโรจน์ ภรรยาและบุตร (เลิศเลอพันธ์)
    ----------------------------------
     
  20. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ขออนุโมทนาขอบคุณ ในธรรมที่ท่านทั้งหลายเมตตาเผื่อแผ่เตือนสติผม
    (แต่แรกมิได้ตั้งใจให้ใครเข้ามาอ่านเยอะๆอย่างนี้ตั้งใจเขียนระบาย และเป็นอุทาหร สำหรับคนมีเวลาว่างเข้ามาอ่านเล่น และอยากทราบความคิดเห็นบ้างครับ)
    ขอบคุณมากครับ[​IMG][​IMG]


    ที่พี่โตบอกว่า

    อ่านไปอ่านมาหลายๆลอบ ....."พระเอก"ในเรื่องหน้า"ตบ"จริงๆแหมมมม....ชอบใจใครก็อ้างว่า...เป็นคู่บุญคู่บรามีเก่าแล้วเนื้อเรื่องที่เล่าก็เป็น"story" ที่คน"เจ้าชู้"เค้าอ้างกัน...พี่จะไปรอน้องที่พระนิพานก่อน...น้องจะไปรอพี่ที่พระนิพานก่อน แหมมมมม...."นางแก้ว" "นางแก้วหน้าม้าอะสิ"หลือไม่ก็"นางเจ้ากรรมนายเวรของแฟนคุณ" นี่ดีจริงๆเก่งจริงๆ ยังอุส่ากำหนดจิตรู้สภาวะการต่างๆได้อีก"ขอยกนึ้วให้จริงๆ" อ่านทีแรกก็"ซึ้ง"ดี แต่อ่านหลายๆรอบชัก"หมั่นใส้"หวะ.......ไอ้อย่างงี้มันต้องแจก"ลูกตะกั่ว" นี่ยังดีนะคุณที่คุณแค่เจอ"ลูกศิษ หลวงพ่อท่านเจ้าคุณราชพรหมฯ(ท่านเล็ก)" ถ้าคุณได้เจอท่านพ่อของฉันตัวจริงเสียงจริง สงใสคุณโดน"กระโถนบิน" แน่ๆ100%[​IMG]

    ผมว่าผมสมควรโดนทุกกรณีแล้วแต่จะกรุณาครับพี่ Toe
    วันนี้ฟังหลวงตาบัวเทศแล้วก็ ละอายใจเหลือเกิน

    แต่เรื่องหนึ่ง
    ถูกที่ผมเจ้าชู้ในวันนี้กับคนๆนี้ แต่บางทีคำว่า"สวย"ที่ผมยกให้เค้านั้นนี่เป็นความรู้สึกเฉพาะ เขาอาจเป็นแก้วหน้าม้าของใครก็ได้จริงๆ
    แล้วถ้าเป็นแก้วหน้าม้าอย่างนั้นจริง ก็คงสวยสำหรับผมคนเดียวเท่านั้น



    ที่จริงความรู้สึกที่มีให้กับเรื่องคู่บารมี เวลานี้คือมันหนักที่ห่วงเขามาก เป็นคนที่เหมือนกับเราทางกุศล อย่างหนึ่งก็ทานมังสวิรัต ชอบทานผัก เหมือนกันชอบทำบุญเหมือนกัน ถ้ารับอะไรจากเรามากได้ท่องทางธรรมด้วยกันได้เยอะมีสิทธิที่เราโบกมืออำลาเขาไปนิพพานได้ในโลกนี้คือเรื่องของเรื่อง แต่ถ้าไม่ได้ตรงนี้ก็เสียดายเสียใจที่ส่งไม่ได้มากเหลือเกินต่อไปไม่รู้จะเป็นอย่างไร
    "ผมไม่มีความต้องการโหยหาให้ใครตามผมไปส่งจนสุดปลายทาง" เพราะอาจพลัดหลง ตกนรกกันไป ระหว่างทางผมไม่ชอบให้ใครเสี่ยงซวยไปกับผม ที่จะตามไปส่งก็ขอให้เขาแน่จริงๆถึงตามไปอันนี้ปล่อยเลย

    ถึงแม้ว่าถ้าผมเจอคนที่เคยเกิดเป็นสุนัขเก่าที่ผมเลี้ยงไว้ผมก็ห่วงเขา อาจจะหนักกว่านี้ด้วยเพราะบางทีผมจะรู้สึกว่ารักหมาสุนัขมากกว่าคน พวกสุนัขจรจัด นี่ก็เป็นแรงกระตุ้นหลักนึงที่เก็บสะสมบารมี


    เรื่องนี้แล้วแต่จะคิดครับทุกคนมีอิสสระที่จะเดินบนโลกใบนี้ผมไม่ขวางใครถ้าขวางเท่ากับผมหยุดเดิน
    มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงหน้าตัวเองเวลานี้แล้วต้องเดินต่อไปเอง

    แต่ยังไงก็แล้วแต่ผมสมควรต้องปรับปรุงตัวอย่างหนักนับต่อไปนี้ ท่านใดเมตตาเชิญครับบอกเรื่องนี้หลวงพ่อท่านได้ ผมก็อยากโดนกระโถนท่านเหมือนกัน
    พบชอบแรงๆอย่างนี้มันจะได้เข็ดหลาบจำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ตุลาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...